📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

องฺคุตฺตรนิกาโย

ทุกนิปาตปาฬิ

๑. ปมปณฺณาสกํ

๑. กมฺมกรณวคฺโค

๑. วชฺชสุตฺตํ

. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘ทฺเวมานิ, ภิกฺขเว, วชฺชานิ. กตมานิ ทฺเว? ทิฏฺธมฺมิกฺจ วชฺชํ สมฺปรายิกฺจ วชฺชํ . กตมฺจ, ภิกฺขเว, ทิฏฺธมฺมิกํ วชฺชํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปสฺสติ โจรํ อาคุจารึ ราชาโน คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา [วิวิธานิ กมฺมกรณานิ (ก.)] กาเรนฺเต; กสาหิปิ ตาเฬนฺเต, เวตฺเตหิปิ ตาเฬนฺเต, อทฺธทณฺฑเกหิปิ ตาเฬนฺเต, หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺเต, ปาทมฺปิ ฉินฺทนฺเต, หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทนฺเต, กณฺณมฺปิ ฉินฺทนฺเต, นาสมฺปิ ฉินฺทนฺเต, กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทนฺเต, พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรนฺเต, สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรนฺเต, ราหุมุขมฺปิ กโรนฺเต, โชติมาลิกมฺปิ กโรนฺเต, หตฺถปชฺโชติกมฺปิ กโรนฺเต, เอรกวตฺติกมฺปิ กโรนฺเต, จีรกวาสิกมฺปิ กโรนฺเต, เอเณยฺยกมฺปิ กโรนฺเต, พฬิสมํสิกมฺปิ กโรนฺเต, กหาปณิกมฺปิ กโรนฺเต, ขาราปตจฺฉิกมฺปิ [ขาราปฏิจฺฉกมฺปิ (สฺยา. กํ. ก.)] กโรนฺเต, ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรนฺเต, ปลาลปีกมฺปิ [ปลาลปิฏฺิกมฺปิ (สี.)] กโรนฺเต, ตตฺเตนปิ เตเลน โอสิฺจนฺเต, สุนเขหิปิ ขาทาเปนฺเต, ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสนฺเต, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺเต.

‘‘ตสฺส เอวํ โหติ – ‘ยถารูปานํ โข ปาปกานํ กมฺมานํ เหตุ โจรํ อาคุจารึ ราชาโน คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรนฺติ; กสาหิปิ ตาเฬนฺติ, เวตฺเตหิปิ ตาเฬนฺติ, อทฺธทณฺฑเกหิปิ ตาเฬนฺติ, หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺติ, ปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ, พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรนฺติ, สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรนฺติ, ราหุมุขมฺปิ กโรนฺติ, โชติมาลิกมฺปิ กโรนฺติ, หตฺถปชฺโชติกมฺปิ กโรนฺติ, เอรกวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, จีรกวาสิกมฺปิ กโรนฺติ, เอเณยฺยกมฺปิ กโรนฺติ, พฬิสมํสิกมฺปิ กโรนฺติ, กหาปณิกมฺปิ กโรนฺติ, ขาราปตจฺฉิกมฺปิ กโรนฺติ, ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, ปลาลปีกมฺปิ กโรนฺติ, ตตฺเตนปิ เตเลน โอสิฺจนฺติ, สุนเขหิปิ ขาทาเปนฺติ, ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติ. อหฺเจว [อหฺเจ (?)] โข ปน เอวรูปํ ปาปกมฺมํ กเรยฺยํ, มมฺปิ ราชาโน คเหตฺวา เอวรูปา วิวิธา กมฺมการณา กาเรยฺยุํ; กสาหิปิ ตาเฬยฺยุํ…เป… อสินาปิ สีสํ ฉินฺเทยฺยุ’นฺติ. โส ทิฏฺธมฺมิกสฺส วชฺชสฺส ภีโต น ปเรสํ ปาภตํ วิลุมฺปนฺโต จรติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทิฏฺธมฺมิกํ วชฺชํ.

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, สมฺปรายิกํ วชฺชํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘กายทุจฺจริตสฺส โข ปน ปาปโก ทุกฺโข วิปาโก อภิสมฺปรายํ, วจีทุจฺจริตสฺส ปาปโก ทุกฺโข วิปาโก อภิสมฺปรายํ, มโนทุจฺจริตสฺส ปาปโก ทุกฺโข วิปาโก อภิสมฺปรายํ. อหฺเจว โข ปน กาเยน ทุจฺจริตํ จเรยฺยํ, วาจาย ทุจฺจริตํ จเรยฺยํ , มนสา ทุจฺจริตํ จเรยฺยํ. กิฺจ ตํ ยาหํ น กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย’นฺติ. โส สมฺปรายิกสฺส วชฺชสฺส ภีโต กายทุจฺจริตํ ปหาย กายสุจริตํ ภาเวติ, วจีทุจฺจริตํ ปหาย วจีสุจริตํ ภาเวติ, มโนทุจฺจริตํ ปหาย มโนสุจริตํ ภาเวติ, สุทฺธํ อตฺตานํ ปริหรติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมฺปรายิกํ วชฺชํ. ‘‘อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ทฺเว วชฺชานิ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ทิฏฺธมฺมิกสฺส วชฺชสฺส ภายิสฺสาม, สมฺปรายิกสฺส วชฺชสฺส ภายิสฺสาม, วชฺชภีรุโน ภวิสฺสาม วชฺชภยทสฺสาวิโน’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ. วชฺชภีรุโน, ภิกฺขเว, วชฺชภยทสฺสาวิโน เอตํ ปาฏิกงฺขํ ยํ ปริมุจฺจิสฺสติ สพฺพวชฺเชหี’’ติ. ปมํ.

๒. ปธานสุตฺตํ

. ‘‘ทฺเวมานิ, ภิกฺขเว, ปธานานิ ทุรภิสมฺภวานิ โลกสฺมึ. กตมานิ ทฺเว? ยฺจ คิหีนํ อคารํ อชฺฌาวสตํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานุปฺปทานตฺถํ ปธานํ, ยฺจ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตานํ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคตฺถํ ปธานํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ทฺเว ปธานานิ ทุรภิสมฺภวานิ โลกสฺมึ.

‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปธานานํ ยทิทํ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคตฺถํ ปธานํ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคตฺถํ ปธานํ ปทหิสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ทุติยํ.

๓. ตปนียสุตฺตํ

. ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา ตปนียา. กตเม ทฺเว? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส กายทุจฺจริตํ กตํ โหติ, อกตํ โหติ กายสุจริตํ; วจีทุจฺจริตํ กตํ โหติ; อกตํ โหติ วจีสุจริตํ; มโนทุจฺจริตํ กตํ โหติ, อกตํ โหติ มโนสุจริตํ. โส ‘กายทุจฺจริตํ เม กต’นฺติ ตปฺปติ, ‘อกตํ เม กายสุจริต’นฺติ ตปฺปติ; ‘วจีทุจฺจริตํ เม กต’นฺติ ตปฺปติ, ‘อกตํ เม วจีสุจริต’นฺติ ตปฺปติ; ‘มโนทุจฺจริตํ เม กต’นฺติ ตปฺปติ , ‘อกตํ เม มโนสุจริต’นฺติ ตปฺปติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว ธมฺมา ตปนียา’’ติ. ตติยํ.

๔. อตปนียสุตฺตํ

. ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา อตปนียา. กตเม ทฺเว? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส กายสุจริตํ กตํ โหติ, อกตํ โหติ กายทุจฺจริตํ; วจีสุจริตํ กตํ โหติ, อกตํ โหติ วจีทุจฺจริตํ; มโนสุจริตํ กตํ โหติ, อกตํ โหติ มโนทุจฺจริตํ. โส ‘กายสุจริตํ เม กต’นฺติ น ตปฺปติ, ‘อกตํ เม กายทุจฺจริต’นฺติ น ตปฺปติ; ‘วจีสุจริตํ เม กต’นฺติ น ตปฺปติ, ‘อกตํ เม วจีทุจฺจริต’นฺติ น ตปฺปติ; ‘มโนสุจริตํ เม กต’นฺติ น ตปฺปติ, ‘อกตํ เม มโนทุจฺจริต’นฺติ น ตปฺปติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว ธมฺมา อตปนียา’’ติ. จตุตฺถํ.

๕. อุปฺาตสุตฺตํ

. ‘‘ทฺวินฺนาหํ , ภิกฺขเว, ธมฺมานํ อุปฺาสึ – ยา จ อสนฺตุฏฺิตา กุสเลสุ ธมฺเมสุ, ยา จ อปฺปฏิวานิตา ปธานสฺมึ. อปฺปฏิวานี สุทาหํ, ภิกฺขเว, ปทหามิ – ‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ [นหารุ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] จ อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ, สรีเร อุปสุสฺสตุ มํสโลหิตํ, ยํ ตํ ปุริสถาเมน ปุริสวีริเยน ปุริสปรกฺกเมน ปตฺตพฺพํ น ตํ อปาปุณิตฺวา วีริยสฺส สณฺานํ ภวิสฺสตี’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, อปฺปมาทาธิคตา สมฺโพธิ, อปฺปมาทาธิคโต อนุตฺตโร โยคกฺเขโม. ตุมฺเห เจปิ, ภิกฺขเว, อปฺปฏิวานํ ปทเหยฺยาถ – ‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ, สรีเร อุปสุสฺสตุ มํสโลหิตํ, ยํ ตํ ปุริสถาเมน ปุริสวีริเยน ปุริสปรกฺกเมน ปตฺตพฺพํ น ตํ อปาปุณิตฺวา วีริยสฺส สณฺานํ ภวิสฺสตี’ติ, ตุมฺเหปิ, ภิกฺขเว, นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อปฺปฏิวานํ ปทหิสฺสาม. กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ, สรีเร อุปสุสฺสตุ มํสโลหิตํ, ยํ ตํ ปุริสถาเมน ปุริสวีริเยน ปุริสปรกฺกเมน ปตฺตพฺพํ น ตํ อปาปุณิตฺวา วีริยสฺส สณฺานํ ภวิสฺสตี’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ปฺจมํ.

๖. สํโยชนสุตฺตํ

. ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา. กตเม ทฺเว? ยา จ สํโยชนิเยสุ ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิตา, ยา จ สํโยชนิเยสุ ธมฺเมสุ นิพฺพิทานุปสฺสิตา. สํโยชนิเยสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสี วิหรนฺโต ราคํ น ปชหติ, โทสํ น ปชหติ, โมหํ น ปชหติ. ราคํ อปฺปหาย, โทสํ อปฺปหาย, โมหํ อปฺปหาย น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ. น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.

‘‘สํโยชนิเยสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ นิพฺพิทานุปสฺสี วิหรนฺโต ราคํ ปชหติ, โทสํ ปชหติ, โมหํ ปชหติ. ราคํ ปหาย, โทสํ ปหาย, โมหํ ปหาย, ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ. ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว ธมฺมา’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. กณฺหสุตฺตํ

. ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา กณฺหา. กตเม ทฺเว? อหิริกฺจ อโนตฺตปฺปฺจ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว ธมฺมา กณฺหา’’ติ. สตฺตมํ.

๘. สุกฺกสุตฺตํ

. ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สุกฺกา. กตเม ทฺเว? หิรี [หิริ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] จ โอตฺตปฺปฺจ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว ธมฺมา สุกฺกา’’ติ. อฏฺมํ.

๙. จริยสุตฺตํ

. ‘‘ทฺเวเม , ภิกฺขเว, ธมฺมา สุกฺกา โลกํ ปาเลนฺติ. กตเม ทฺเว? หิรี จ โอตฺตปฺปฺจ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว สุกฺกา ธมฺมา โลกํ น ปาเลยฺยุํ, นยิธ ปฺาเยถ มาตาติ วา มาตุจฺฉาติ วา มาตุลานีติ วา อาจริยภริยาติ วา ครูนํ ทาราติ วา. สมฺเภทํ โลโก อคมิสฺส, ยถา อเชฬกา กุกฺกุฏสูกรา โสณสิงฺคาลา [โสณสิคาลา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, อิเม ทฺเว สุกฺกา ธมฺมา โลกํ ปาเลนฺติ ตสฺมา ปฺายติ [ปฺายนฺติ (สี.)] มาตาติ วา มาตุจฺฉาติ วา มาตุลานีติ วา อาจริยภริยาติ วา ครูนํ ทาราติ วา’’ติ. นวมํ.

๑๐. วสฺสูปนายิกสุตฺตํ

๑๐. ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, วสฺสูปนายิกา. กตมา ทฺเว? ปุริมิกา จ ปจฺฉิมิกา จ. อิมา โข, ภิกฺขเว, ทฺเว วสฺสูปนายิกา’’ติ. ทสมํ.

กมฺมกรณวคฺโค ปโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

วชฺชา ปธานา ทฺเว ตปนียา, อุปฺาเตน ปฺจมํ;

สํโยชนฺจ กณฺหฺจ, สุกฺกํ จริยา วสฺสูปนายิเกน วคฺโค.