📜
๓. พาลวคฺโค
๒๒. ‘‘‘ทฺเวเม ¶ , ภิกฺขเว, พาลา. กตเม ทฺเว? โย จ อจฺจยํ อจฺจยโต น ปสฺสติ, โย จ อจฺจยํ เทเสนฺตสฺส ยถาธมฺมํ นปฺปฏิคฺคณฺหาติ ¶ . อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว พาลา’ติ. ‘ทฺเวเม ¶ , ภิกฺขเว, ปณฺฑิตา. กตเม ทฺเว? โย จ อจฺจยํ อจฺจยโต ปสฺสติ, โย จ อจฺจยํ เทเสนฺตสฺส ยถาธมฺมํ ปฏิคฺคณฺหาติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว ปณฺฑิตา’’’ติ.
๒๓. ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ตถาคตํ อพฺภาจิกฺขนฺติ. กตเม ทฺเว? ทุฏฺโ วา โทสนฺตโร, สทฺโธ วา ทุคฺคหิเตน [ทุคฺคหีเตน (สี.)]. อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว ตถาคตํ อพฺภาจิกฺขนฺตี’’ติ.
๒๔. ‘‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ตถาคตํ อพฺภาจิกฺขนฺติ. กตเม ทฺเว? โย ¶ จ อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ, โย จ ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว ตถาคตํ อพฺภาจิกฺขนฺตี’ติ. ‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ตถาคตํ นาพฺภาจิกฺขนฺติ. กตเม ทฺเว? โย จ อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ, โย จ ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว ตถาคตํ นาพฺภาจิกฺขนฺตี’’’ติ.
๒๕. ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ตถาคตํ อพฺภาจิกฺขนฺติ. กตเม ทฺเว? โย จ เนยฺยตฺถํ สุตฺตนฺตํ นีตตฺโถ สุตฺตนฺโตติ ทีเปติ, โย จ นีตตฺถํ สุตฺตนฺตํ เนยฺยตฺโถ สุตฺตนฺโตติ ทีเปติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว ตถาคตํ อพฺภาจิกฺขนฺตี’’ติ.
๒๖. ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ตถาคตํ นาพฺภาจิกฺขนฺติ. กตเม ทฺเว? โย จ เนยฺยตฺถํ สุตฺตนฺตํ เนยฺยตฺโถ สุตฺตนฺโตติ ทีเปติ ¶ , โย จ นีตตฺถํ สุตฺตนฺตํ นีตตฺโถ สุตฺตนฺโตติ ทีเปติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว ตถาคตํ นาพฺภาจิกฺขนฺตี’’ติ.
๒๗. ‘‘ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺตสฺส ¶ , ภิกฺขเว, ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรา คติ ปาฏิกงฺขา – นิรโย วา ติรจฺฉานโยนิ วาติ. อปฺปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺตสฺส, ภิกฺขเว, ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรา คติ ปาฏิกงฺขา – เทวา วา มนุสฺสา วา’’ติ.
๒๘. ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส ¶ , ภิกฺขเว, ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรา คติ ปาฏิกงฺขา – นิรโย วา ติรจฺฉานโยนิ วา’’ติ.
๒๙. ‘‘สมฺมาทิฏฺิกสฺส, ภิกฺขเว, ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรา คติ ปาฏิกงฺขา – เทวา วา มนุสฺสา วา’’ติ.
๓๐. ‘‘ทุสฺสีลสฺส, ภิกฺขเว, ทฺเว ปฏิคฺคาหา – นิรโย วา ติรจฺฉานโยนิ วา. สีลวโต, ภิกฺขเว, ทฺเว ปฏิคฺคาหา – เทวา วา มนุสฺสา วา’’ติ [เทโว วา มนุสฺโส วาติ (ก.)].
๓๑. ‘‘ทฺวาหํ, ภิกฺขเว, อตฺถวเส สมฺปสฺสมาโน อรฺวนปตฺถานิ [อรฺเ ปวนปตฺถานิ (สี. ปี.)] ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามิ. กตเม ทฺเว? อตฺตโน จ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ สมฺปสฺสมาโน, ปจฺฉิมฺจ ¶ ชนตํ อนุกมฺปมาโน. อิเม โข อหํ, ภิกฺขเว, ทฺเว อตฺถวเส สมฺปสฺสมาโน อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามี’’ติ.
๓๒. ‘‘ทฺเว เม, ภิกฺขเว, ธมฺมา วิชฺชาภาคิยา. กตเม ทฺเว? สมโถ จ วิปสฺสนา จ. สมโถ, ภิกฺขเว, ภาวิโต กมตฺถ [กิมตฺถ (สฺยา. กํ.), กตมตฺถ (ก.)] มนุโภติ? จิตฺตํ ¶ ภาวียติ. จิตฺตํ ภาวิตํ กมตฺถมนุโภติ? โย ราโค โส ปหียติ. วิปสฺสนา, ภิกฺขเว, ภาวิตา กมตฺถมนุโภติ? ปฺา ภาวียติ. ปฺา ภาวิตา กมตฺถมนุโภติ? ยา อวิชฺชา สา ปหียติ. ราคุปกฺกิลิฏฺํ วา, ภิกฺขเว, จิตฺตํ น วิมุจฺจติ, อวิชฺชุปกฺกิลิฏฺา วา ปฺา น ภาวียติ. อิติ โข, ภิกฺขเว, ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ, อวิชฺชาวิราคา ปฺาวิมุตฺตี’’ติ.
พาลวคฺโค ตติโย.