📜
๒. รถการวคฺโค
๑. าตสุตฺตํ
๑๑. ‘‘ตีหิ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต าโต ภิกฺขุ พหุชนอหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ พหุชนทุกฺขาย, พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํ. กตเมหิ ตีหิ? อนนุโลมิเก กายกมฺเม สมาทเปติ, อนนุโลมิเก วจีกมฺเม สมาทเปติ, อนนุโลมิเกสุ ธมฺเมสุ สมาทเปติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต าโต ภิกฺขุ พหุชนอหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ พหุชนทุกฺขาย, พหุโน ชนสฺส ¶ อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํ.
‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต าโต ภิกฺขุ พหุชนหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ พหุชนสุขาย, พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ. กตเมหิ ตีหิ? อนุโลมิเก กายกมฺเม สมาทเปติ, อนุโลมิเก วจีกมฺเม สมาทเปติ, อนุโลมิเกสุ ธมฺเมสุ สมาทเปติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต าโต ภิกฺขุ พหุชนหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ พหุชนสุขาย, พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’’นฺติ. ปมํ.
๒. สารณียสุตฺตํ
๑๒. ‘‘ตีณิมานิ ¶ , ภิกฺขเว, รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ยาวชีวํ สารณียานิ [สรณียานิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ภวนฺติ. กตมานิ ตีณิ? ยสฺมึ, ภิกฺขเว, ปเทเส ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต ชาโต โหติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ปมํ รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ยาวชีวํ สารณียํ โหติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ยสฺมึ ปเทเส ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต โหติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ยาวชีวํ สารณียํ โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ยสฺมึ ปเทเส ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต สงฺคามํ อภิวิชินิตฺวา วิชิตสงฺคาโม ตเมว สงฺคามสีสํ อชฺฌาวสติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ยาวชีวํ สารณียํ โหติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ยาวชีวํ สารณียานิ ภวนฺติ.
‘‘เอวเมวํ ¶ โข, ภิกฺขเว, ตีณิมานิ ภิกฺขุสฺส ยาวชีวํ สารณียานิ ภวนฺติ. กตมานิ ตีณิ? ยสฺมึ, ภิกฺขเว, ปเทเส ภิกฺขุ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ¶ ปพฺพชิโต โหติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ปมํ ภิกฺขุสฺส ยาวชีวํ สารณียํ โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ยสฺมึ ปเทเส ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ ภิกฺขุสฺส ยาวชีวํ สารณียํ โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ยสฺมึ ปเทเส ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ ภิกฺขุสฺส ยาวชีวํ สารณียํ โหติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ภิกฺขุสฺส ยาวชีวํ สารณียานิ ภวนฺตี’’ติ. ทุติยํ.
๓. อาสํสสุตฺตํ
๑๓. ‘‘ตโยเม ¶ , ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? นิราโส, อาสํโส, วิคตาโส. กตโม จ, ภิกฺขเว ปุคฺคโล นิราโส? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล นีเจ กุเล ปจฺจาชาโต โหติ, จณฺฑาลกุเล วา เวนกุเล [เวณกุเล (สฺยา. กํ. ปี.)] วา เนสาทกุเล วา ¶ รถการกุเล วา ปุกฺกุสกุเล วา ทลิทฺเท อปฺปนฺนปานโภชเน กสิรวุตฺติเก, ยตฺถ กสิเรน ฆาสจฺฉาโท ลพฺภติ. โส จ โหติ ทุพฺพณฺโณ ทุทฺทสิโก โอโกฏิมโก พวฺหาพาโธ [พหฺวาพาโธ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] กาโณ วา กุณี วา ขฺโช วา ปกฺขหโต วา, น ลาภี อนฺนสฺส ปานสฺส วตฺถสฺส ยานสฺส มาลาคนฺธวิเลปนสฺส เสยฺยาวสถปทีเปยฺยสฺส. โส สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม กิร ขตฺติโย ขตฺติเยหิ ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิตฺโต’ติ. ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘กุทาสฺสุ นาม มมฺปิ ¶ ขตฺติยา ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิฺจิสฺสนฺตี’ติ! อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล นิราโส.
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อาสํโส? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต โหติ อาภิเสโก อนภิสิตฺโต อจลปฺปตฺโต [มจลปฺปตฺโต (สี. ปี.)]. โส สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม กิร ขตฺติโย ขตฺติเยหิ ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิตฺโต’ติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘กุทาสฺสุ นาม มมฺปิ ขตฺติยา ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิฺจิสฺสนฺตี’ติ! อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อาสํโส.
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล วิคตาโส? อิธ, ภิกฺขเว, ราชา โหติ ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต. โส สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม กิร ขตฺติโย ขตฺติเยหิ ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิตฺโต’ติ. ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘กุทาสฺสุ นาม มมฺปิ ขตฺติยา ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิฺจิสฺสนฺตี’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? ยา หิสฺส, ภิกฺขเว, ปุพฺเพ อนภิสิตฺตสฺส อภิเสกาสา สา [สาสฺส (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปฏิปฺปสฺสทฺธา. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล วิคตาโส. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ.
‘‘เอวเมวํ ¶ โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา ภิกฺขูสุ. กตเม ตโย? นิราโส, อาสํโส, วิคตาโส. กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล นิราโส? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ทุสฺสีโล โหติ ปาปธมฺโม อสุจิ สงฺกสฺสรสมาจาโร ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺโต อสฺสมโณ สมณปฏิฺโ อพฺรหฺมจารี พฺรหฺมจาริปฏิฺโ อนฺโตปูติ อวสฺสุโต กสมฺพุชาโต. โส สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม กิร ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ¶ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติ. ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘กุทาสฺสุ นาม อหมฺปิ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ¶ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามี’ติ! อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล นิราโส.
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อาสํโส? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ กลฺยาณธมฺโม. โส สุณาติ ¶ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘กุทาสฺสุ นาม อหมฺปิ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามี’ติ! อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อาสํโส.
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล วิคตาโส? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ โหติ ขีณาสโว. โส สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม กิร ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติ. ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘กุทาสฺสุ นาม อหมฺปิ อาสวานํ ขยา…เป… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามี’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? ยา หิสฺส, ภิกฺขเว, ปุพฺเพ อวิมุตฺตสฺส วิมุตฺตาสา สา ปฏิปฺปสฺสทฺธา. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล วิคตาโส. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา ภิกฺขูสู’’ติ. ตติยํ.
๔. จกฺกวตฺติสุตฺตํ
๑๔. ‘‘โยปิ ¶ โส, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา โสปิ น อราชกํ จกฺกํ วตฺเตตี’’ติ. เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ ¶ – ‘‘โก ปน, ภนฺเต, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส ธมฺมิกสฺส ธมฺมรฺโ ราชา’’ติ [จกฺกนฺติ (ก.)]? ‘‘ธมฺโม, ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘อิธ, ภิกฺขุ, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย [ครุกโรนฺโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ อนฺโตชนสฺมึ’’.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขุ, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ ¶ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ ขตฺติเยสุ, อนุยนฺเตสุ [อนุยุตฺเตสุ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], พลกายสฺมึ, พฺราหฺมณคหปติเกสุ ¶ , เนคมชานปเทสุ, สมณพฺราหฺมเณสุ, มิคปกฺขีสุ. ส โข โส ภิกฺขุ ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา อนฺโตชนสฺมึ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา ขตฺติเยสุ, อนุยนฺเตสุ, พลกายสฺมึ, พฺราหฺมณคหปติเกสุ, เนคมชานปเทสุ, สมณพฺราหฺมเณสุ, มิคปกฺขีสุ, ธมฺเมเนว จกฺกํ วตฺเตติ. ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ เกนจิ มนุสฺสภูเตน ปจฺจตฺถิเกน ปาณินา.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขุ [ภิกฺขเว (ก.)], ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ¶ ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ กายกมฺมสฺมึ – ‘เอวรูปํ กายกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ กายกมฺมํ น เสวิตพฺพ’’’นฺติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขุ, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ วจีกมฺมสฺมึ – ‘เอวรูปํ วจีกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ วจีกมฺมํ น เสวิตพฺพ’นฺติ…เป… มโนกมฺมสฺมึ – ‘เอวรูปํ มโนกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ มโนกมฺมํ น เสวิตพฺพ’’’นฺติ.
‘‘ส ¶ โข โส, ภิกฺขุ, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา กายกมฺมสฺมึ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา วจีกมฺมสฺมึ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา มโนกมฺมสฺมึ, ธมฺเมเนว อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ. ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิ’’นฺติ. จตุตฺถํ.
๕. สเจตนสุตฺตํ
๑๕. เอกํ ¶ สมยํ ภควา พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเย. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ ¶ เต ¶ ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา อโหสิ สเจตโน [ปเจตโน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นาม. อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา สเจตโน รถการํ อามนฺเตสิ – ‘อิโต เม, สมฺม รถการ, ฉนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน สงฺคาโม ภวิสฺสติ. สกฺขิสฺสสิ [สกฺขสิ (สฺยา. กํ. ปี.)] เม, สมฺม รถการ, นวํ จกฺกยุคํ กาตุ’นฺติ? ‘สกฺโกมิ เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, รถกาโร รฺโ สเจตนสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, รถกาโร ฉหิ มาเสหิ ฉารตฺตูเนหิ เอกํ จกฺกํ นิฏฺาเปสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา สเจตโน รถการํ อามนฺเตสิ – ‘อิโต เม, สมฺม รถการ, ฉนฺนํ ทิวสานํ อจฺจเยน สงฺคาโม ภวิสฺสติ, นิฏฺิตํ นวํ จกฺกยุค’นฺติ? ‘อิเมหิ โข, เทว, ฉหิ มาเสหิ ฉารตฺตูเนหิ เอกํ จกฺกํ นิฏฺิต’นฺติ. ‘สกฺขิสฺสสิ ปน เม, สมฺม รถการ, อิเมหิ ฉหิ ทิวเสหิ ทุติยํ จกฺกํ นิฏฺาเปตุ’นฺติ? ‘สกฺโกมิ เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, รถกาโร ฉหิ ทิวเสหิ ทุติยํ จกฺกํ นิฏฺาเปตฺวา นวํ จกฺกยุคํ อาทาย เยน ราชา สเจตโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ สเจตนํ เอตทโวจ – ‘อิทํ เต, เทว, นวํ จกฺกยุคํ นิฏฺิต’นฺติ. ‘ยฺจ เต อิทํ, สมฺม รถการ, จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺิตํ ฉารตฺตูเนหิ ยฺจ เต อิทํ จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฏฺิตํ, อิเมสํ กึ นานากรณํ? เนสาหํ กิฺจิ นานากรณํ ปสฺสามี’ติ. ‘อตฺเถสํ, เทว, นานากรณํ. ปสฺสตุ เทโว นานากรณ’’’นฺติ.
‘‘อถ ¶ โข, ภิกฺขเว, รถกาโร ยํ ตํ จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฏฺิตํ ตํ ปวตฺเตสิ. ตํ ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา จิงฺคุลายิตฺวา ¶ ภูมิยํ ปปติ. ยํ ปน ตํ จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺิตํ ¶ ฉารตฺตูเนหิ ตํ ปวตฺเตสิ. ตํ ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา อกฺขาหตํ มฺเ อฏฺาสิ.
‘‘‘โก นุ โข, สมฺม รถการ, เหตุ โก ปจฺจโย ยมิทํ [ยทิทํ (ก.)] จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฏฺิตํ ตํ ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา จิงฺคุลายิตฺวา ภูมิยํ ¶ ปปติ? โก ปน, สมฺม รถการ, เหตุ โก ปจฺจโย ยมิทํ จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺิตํ ฉารตฺตูเนหิ ตํ ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา อกฺขาหตํ มฺเ อฏฺาสี’ติ? ‘ยมิทํ, เทว, จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฏฺิตํ ตสฺส เนมิปิ สวงฺกา สโทสา สกสาวา, อราปิ สวงฺกา สโทสา สกสาวา, นาภิปิ สวงฺกา สโทสา สกสาวา. ตํ เนมิยาปิ สวงฺกตฺตา สโทสตฺตา สกสาวตฺตา, อรานมฺปิ สวงฺกตฺตา สโทสตฺตา สกสาวตฺตา, นาภิยาปิ สวงฺกตฺตา สโทสตฺตา สกสาวตฺตา ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา จิงฺคุลายิตฺวา ภูมิยํ ปปติ. ยํ ปน ตํ, เทว, จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺิตํ ฉารตฺตูเนหิ ตสฺส เนมิปิ อวงฺกา อโทสา อกสาวา, อราปิ อวงฺกา อโทสา อกสาวา, นาภิปิ อวงฺกา อโทสา อกสาวา. ตํ เนมิยาปิ อวงฺกตฺตา อโทสตฺตา อกสาวตฺตา, อรานมฺปิ อวงฺกตฺตา อโทสตฺตา อกสาวตฺตา, นาภิยาปิ อวงฺกตฺตา อโทสตฺตา อกสาวตฺตา ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา อกฺขาหตํ มฺเ อฏฺาสี’’’ติ.
‘‘สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘อฺโ นูน เตน สมเยน โส ¶ รถกาโร อโหสี’ติ! น โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, เอวํ ทฏฺพฺพํ. อหํ เตน สมเยน โส รถกาโร อโหสึ. ตทาหํ, ภิกฺขเว, กุสโล ทารุวงฺกานํ ทารุโทสานํ ทารุกสาวานํ. เอตรหิ โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ กุสโล กายวงฺกานํ กายโทสานํ ¶ กายกสาวานํ, กุสโล วจีวงฺกานํ วจีโทสานํ วจีกสาวานํ, กุสโล มโนวงฺกานํ มโนโทสานํ มโนกสาวานํ. ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา กายวงฺโก อปฺปหีโน กายโทโส กายกสาโว, วจีวงฺโก อปฺปหีโน วจีโทโส วจีกสาโว, มโนวงฺโก อปฺปหีโน มโนโทโส มโนกสาโว, เอวํ ปปติตา เต, ภิกฺขเว, อิมสฺมา ธมฺมวินยา, เสยฺยถาปิ ตํ จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฏฺิตํ.
‘‘ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา กายวงฺโก ปหีโน กายโทโส กายกสาโว, วจีวงฺโก ปหีโน วจีโทโส วจีกสาโว, มโนวงฺโก ปหีโน มโนโทโส มโนกสาโว ¶ , เอวํ ปติฏฺิตา เต, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย, เสยฺยถาปิ ตํ จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺิตํ ฉารตฺตูเนหิ.
‘‘ตสฺมาติห ¶ , ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘กายวงฺกํ ปชหิสฺสาม กายโทสํ กายกสาวํ, วจีวงฺกํ ปชหิสฺสาม วจีโทสํ วจีกสาวํ, มโนวงฺกํ ปชหิสฺสาม มโนโทสํ มโนกสาว’นฺติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ปฺจมํ.
๖. อปณฺณกสุตฺตํ
๑๖. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อปณฺณกปฏิปทํ [อปณฺณกตํ ปฏิปทํ (สี. ปี.) ฏีกาย ปน สเมติ] ปฏิปนฺโน โหติ, โยนิ จสฺส อารทฺธา โหติ อาสวานํ ขยาย. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, โภชเน มตฺตฺู โหติ, ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ¶ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ [ยตฺวาธิกรณเมตํ (สี.)] จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ ¶ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โภชเน มตฺตฺู โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฏิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรติ – ‘เนว ทวาย น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย, ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา ยาปนาย วิหึสูปรติยา พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย, อิติ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ, นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามิ, ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสติ อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จา’ติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โภชเน มตฺตฺู โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา ปมํ ยามํ จงฺกเมน ¶ นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา ¶ มชฺฌิมํ ยามํ ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวา, รตฺติยา ปจฺฉิมํ ยามํ ปจฺจุฏฺาย จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อปณฺณกปฏิปทํ ปฏิปนฺโน โหติ, โยนิ จสฺส อารทฺธา โหติ อาสวานํ ขยายา’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. อตฺตพฺยาพาธสุตฺตํ
๑๗. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ. กตเม ตโย? กายทุจฺจริตํ, วจีทุจฺจริตํ, มโนทุจฺจริตํ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ธมฺมา อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ.
‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ. กตเม ตโย? กายสุจริตํ, วจีสุจริตํ, มโนสุจริตํ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ¶ ธมฺมา เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺตี’’ติ. สตฺตมํ.
๘. เทวโลกสุตฺตํ
๑๘. ‘‘สเจ ¶ โว, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ – ‘เทวโลกูปปตฺติยา, อาวุโส, สมเณ โคตเม พฺรหฺมจริยํ วุสฺสถา’ติ? นนุ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอวํ ปุฏฺา อฏฺฏีเยยฺยาถ หราเยยฺยาถ ชิคุจฺเฉยฺยาถา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘อิติ กิร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ทิพฺเพน อายุนา อฏฺฏียถ หรายถ ชิคุจฺฉถ, ทิพฺเพน วณฺเณน ทิพฺเพน สุเขน ¶ ทิพฺเพน ยเสน ทิพฺเพนาธิปเตยฺเยน อฏฺฏียถ หรายถ ชิคุจฺฉถ; ปเคว โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺเหหิ กายทุจฺจริเตน อฏฺฏียิตพฺพํ หรายิตพฺพํ ชิคุจฺฉิตพฺพํ, วจีทุจฺจริเตน… มโนทุจฺจริเตน อฏฺฏียิตพฺพํ หรายิตพฺพํ ชิคุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ. อฏฺมํ.
๙. ปมปาปณิกสุตฺตํ
๑๙. ‘‘ตีหิ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปาปณิโก อภพฺโพ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ, อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปณิโก ปุพฺพณฺหสมยํ [มชฺฌนฺติกสมยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] น สกฺกจฺจํ กมฺมนฺตํ อธิฏฺาติ, มชฺฌนฺหิกสมยํ น สกฺกจฺจํ กมฺมนฺตํ อธิฏฺาติ, สายนฺหสมยํ น สกฺกจฺจํ กมฺมนฺตํ อธิฏฺาติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปาปณิโก อภพฺโพ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ, อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํ [ผาติกตฺตุํ (สี.), ผาติกาตุํ (สฺยา. กํ. ปี.)].
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อภพฺโพ อนธิคตํ วา กุสลํ ธมฺมํ อธิคนฺตุํ, อธิคตํ วา กุสลํ ธมฺมํ ผาตึ กาตุํ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปุพฺพณฺหสมยํ น สกฺกจฺจํ สมาธินิมิตฺตํ อธิฏฺาติ, มชฺฌนฺหิกสมยํ น สกฺกจฺจํ สมาธินิมิตฺตํ อธิฏฺาติ, สายนฺหสมยํ น สกฺกจฺจํ สมาธินิมิตฺตํ อธิฏฺาติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อภพฺโพ อนธิคตํ วา กุสลํ ธมฺมํ อธิคนฺตุํ, อธิคตํ วา กุสลํ ธมฺมํ ผาตึ กาตุํ.
‘‘ตีหิ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปาปณิโก ภพฺโพ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ, อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ปาปณิโก ปุพฺพณฺหสมยํ สกฺกจฺจํ กมฺมนฺตํ อธิฏฺาติ, มชฺฌนฺหิกสมยํ…เป… สายนฺหสมยํ สกฺกจฺจํ กมฺมนฺตํ อธิฏฺาติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปาปณิโก ภพฺโพ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ, อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภพฺโพ อนธิคตํ วา กุสลํ ธมฺมํ อธิคนฺตุํ, อธิคตํ วา กุสลํ ธมฺมํ ผาตึ กาตุํ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปุพฺพณฺหสมยํ สกฺกจฺจํ สมาธินิมิตฺตํ อธิฏฺาติ, มชฺฌนฺหิกสมยํ…เป… สายนฺหสมยํ สกฺกจฺจํ สมาธินิมิตฺตํ อธิฏฺาติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภพฺโพ อนธิคตํ วา กุสลํ ธมฺมํ อธิคนฺตุํ, อธิคตํ วา กุสลํ ธมฺมํ ผาตึ กาตุ’’นฺติ. นวมํ.
๑๐. ทุติยปาปณิกสุตฺตํ
๒๐. ‘‘ตีหิ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปาปณิโก นจิรสฺเสว มหตฺตํ เวปุลฺลตฺตํ [มหนฺตตฺตํ วา เวปุลฺลตฺตํ วา (ปี. ก.)] ปาปุณาติ โภเคสุ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปณิโก จกฺขุมา จ โหติ วิธุโร จ นิสฺสยสมฺปนฺโน จ. กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปณิโก จกฺขุมา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปณิโก ปณิยํ ชานาติ – ‘อิทํ ปณิยํ เอวํ กีตํ, เอวํ วิกฺกยมานํ [วิกฺกียมานํ (?)], เอตฺตกํ มูลํ ภวิสฺสติ, เอตฺตโก อุทโย’ติ [อุทฺทโยติ (สี.)]. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปณิโก จกฺขุมา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปณิโก วิธุโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปณิโก กุสโล โหติ ปณิยํ เกตฺุจ วิกฺเกตฺุจ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปณิโก วิธุโร โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปณิโก นิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ? อิธ ¶ ภิกฺขเว ¶ , ปาปณิกํ เย เต คหปตี วา คหปติปุตฺตา วา อฑฺฒา มหทฺธนา มหาโภคา เต เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ ปาปณิโก จกฺขุมา วิธุโร ¶ จ ปฏิพโล ปุตฺตทารฺจ โปเสตุํ, อมฺหากฺจ กาเลน กาลํ อนุปฺปทาตุ’นฺติ. เต นํ โภเคหิ นิปตนฺติ – ‘อิโต, สมฺม ปาปณิก, โภเค กริตฺวา [หริตฺวา (สี. สฺยา. กํ.)] ปุตฺตทารฺจ โปเสหิ, อมฺหากฺจ กาเลน กาลํ อนุปฺปเทหี’ติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปณิโก นิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปาปณิโก นจิรสฺเสว มหตฺตํ เวปุลฺลตฺตํ ปาปุณาติ โภเคสุ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นจิรสฺเสว มหตฺตํ เวปุลฺลตฺตํ ปาปุณาติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุมา จ โหติ วิธุโร จ นิสฺสยสมฺปนฺโน จ. กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุมา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุมา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิธุโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ ¶ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิธุโร โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เย เต ภิกฺขู พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปฺหติ ¶ – ‘อิทํ, ภนฺเต, กถํ, อิมสฺส โก อตฺโถ’ติ? ตสฺส เต อายสฺมนฺโต อวิวฏฺเจว วิวรนฺติ, อนุตฺตานีกตฺจ อุตฺตานีกโรนฺติ, อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาานิเยสุ ธมฺเมสุ กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ. อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นจิรสฺเสว มหตฺตํ เวปุลฺลตฺตํ ปาปุณาติ กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ. ทสมํ.
รถการวคฺโค ทุติโย.
ปมภาณวาโร นิฏฺิโต.
ตสฺสุทฺทานํ –
าโต ¶ [าตโก (สฺยา. กํ.)] สารณีโย ภิกฺขุ, จกฺกวตฺตี สเจตโน;
อปณฺณกตฺตา เทโว จ, ทุเว ปาปณิเกน จาติ.