📜

(๑๓) ๓. กุสินารวคฺโค

๑. กุสินารสุตฺตํ

๑๒๔. เอกํ สมยํ ภควา กุสินารายํ วิหรติ พลิหรเณ วนสณฺเฑ. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตเมนํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อุปสงฺกมิตฺวา สฺวาตนาย ภตฺเตน นิมนฺเตติ . อากงฺขมาโน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อธิวาเสติ. โส ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ตสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา นิเวสนํ เตนุปสงฺกมติ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทติ. ตเมนํ โส คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปติ สมฺปวาเรติ.

‘‘ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สาธุ วต มฺยายํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปติ สมฺปวาเรตี’ติ. เอวมฺปิสฺส โหติ – ‘อโห วต มายํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อายติมฺปิ เอวรูเปน ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปยฺย สมฺปวาเรยฺยา’ติ! โส ตํ ปิณฺฑปาตํ คถิโต [คธิโต (สฺยา. กํ. ก.)] มุจฺฉิโต อชฺโฌสนฺโน [อชฺฌาปนฺโน (สี. ก.) อชฺโฌปนฺโน (ฏีกา)] อนาทีนวทสฺสาวี อนิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชติ. โส ตตฺถ กามวิตกฺกมฺปิ วิตกฺเกติ, พฺยาปาทวิตกฺกมฺปิ วิตกฺเกติ, วิหึสาวิตกฺกมฺปิ วิตกฺเกติ. เอวรูปสฺสาหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ทินฺนํ น มหปฺผลนฺติ วทามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? ปมตฺโต หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิหรติ.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตเมนํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อุปสงฺกมิตฺวา สฺวาตนาย ภตฺเตน นิมนฺเตติ. อากงฺขมาโน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อธิวาเสติ. โส ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ตสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา นิเวสนํ เตนุปสงฺกมติ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทติ. ตเมนํ โส คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปติ สมฺปวาเรติ.

‘‘ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘สาธุ วต มฺยายํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปติ สมฺปวาเรตี’ติ. เอวมฺปิสฺส น โหติ – ‘อโห วต มายํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อายติมฺปิ เอวรูเปน ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปยฺย สมฺปวาเรยฺยา’ติ! โส ตํ ปิณฺฑปาตํ อคถิโต อมุจฺฉิโต อนชฺโฌสนฺโน อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชติ. โส ตตฺถ เนกฺขมฺมวิตกฺกมฺปิ วิตกฺเกติ, อพฺยาปาทวิตกฺกมฺปิ วิตกฺเกติ, อวิหึสาวิตกฺกมฺปิ วิตกฺเกติ. เอวรูปสฺสาหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ทินฺนํ มหปฺผลนฺติ วทามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? อปฺปมตฺโต หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิหรตี’’ติ. ปมํ.

๒. ภณฺฑนสุตฺตํ

๑๒๕. ‘‘ยสฺสํ, ภิกฺขเว, ทิสายํ ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อฺมฺํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ, มนสิ กาตุมฺปิ เม เอสา, ภิกฺขเว, ทิสา น ผาสุ โหติ, ปเคว คนฺตุํ! นิฏฺเมตฺถ คจฺฉามิ – ‘อทฺธา เต อายสฺมนฺโต ตโย ธมฺเม ปชหึสุ, ตโย ธมฺเม พหุลมกํสุ [พหุลีมกํสุ (สฺยา. กํ. ปี.)]. กตเม ตโย ธมฺเม ปชหึสุ? เนกฺขมฺมวิตกฺกํ, อพฺยาปาทวิตกฺกํ, อวิหึสาวิตกฺกํ – อิเม ตโย ธมฺเม ปชหึสุ. กตเม ตโย ธมฺเม พหุลมกํสุ? กามวิตกฺกํ, พฺยาปาทวิตกฺกํ, วิหึสาวิตกฺกํ – อิเม ตโย ธมฺเม พหุลมกํสุ’. ยสฺสํ, ภิกฺขเว, ทิสายํ ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อฺมฺํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ, มนสิ กาตุมฺปิ เม เอสา, ภิกฺขเว, ทิสา น ผาสุ โหติ, ปเคว คนฺตุํ! นิฏฺเมตฺถ คจฺฉามิ – ‘อทฺธา เต อายสฺมนฺโต อิเม ตโย ธมฺเม ปชหึสุ, อิเม ตโย ธมฺเม พหุลมกํสุ’’’.

‘‘ยสฺสํ ปน, ภิกฺขเว, ทิสายํ ภิกฺขู สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรนฺติ, คนฺตุมฺปิ เม เอสา, ภิกฺขเว, ทิสา ผาสุ โหติ, ปเคว มนสิ กาตุํ! นิฏฺเมตฺถ คจฺฉามิ – ‘อทฺธา เต อายสฺมนฺโต ตโย ธมฺเม ปชหึสุ, ตโย ธมฺเม พหุลมกํสุ. กตเม ตโย ธมฺเม ปชหึสุ? กามวิตกฺกํ , พฺยาปาทวิตกฺกํ, วิหึสาวิตกฺกํ – อิเม ตโย ธมฺเม ปชหึสุ. กตเม ตโย ธมฺเม พหุลมกํสุ? เนกฺขมฺมวิตกฺกํ, อพฺยาปาทวิตกฺกํ, อวิหึสาวิตกฺกํ – อิเม ตโย ธมฺเม พหุลมกํสุ’. ยสฺสํ , ภิกฺขเว, ทิสายํ ภิกฺขู สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรนฺติ, คนฺตุมฺปิ เม เอสา, ภิกฺขเว, ทิสา ผาสุ โหติ, ปเคว มนสิ กาตุํ! นิฏฺเมตฺถ คจฺฉามิ – ‘อทฺธา เต อายสฺมนฺโต อิเม ตโย ธมฺเม ปชหึสุ, อิเม ตโย ธมฺเม พหุลมกํสู’’’ติ. ทุติยํ.

๓. โคตมกเจติยสุตฺตํ

๑๒๖. เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ โคตมเก เจติเย. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘อภิฺายาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมิ, โน อนภิฺาย. สนิทานาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมิ, โน อนิทานํ. สปฺปาฏิหาริยาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมิ, โน อปฺปาฏิหาริยํ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, อภิฺาย ธมฺมํ เทสยโต โน อนภิฺาย, สนิทานํ ธมฺมํ เทสยโต โน อนิทานํ, สปฺปาฏิหาริยํ ธมฺมํ เทสยโต โน อปฺปาฏิหาริยํ, กรณีโย โอวาโท, กรณียา อนุสาสนี. อลฺจ ปน โว, ภิกฺขเว, ตุฏฺิยา, อลํ อตฺตมนตาย, อลํ โสมนสฺสาย – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ. อิมสฺมิฺจ ปน เวยฺยากรณสฺมึ ภฺมาเน สหสฺสี โลกธาตุ อกมฺปิตฺถาติ. ตติยํ.

๔. ภรณฺฑุกาลามสุตฺตํ

๑๒๗. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน เยน กปิลวตฺถุ ตทวสริ. อสฺโสสิ โข มหานาโม สกฺโก – ‘‘ภควา กิร กปิลวตฺถุํ อนุปฺปตฺโต’’ติ. อถ โข มหานาโม สกฺโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข มหานามํ สกฺกํ ภควา เอตทโวจ –

‘‘คจฺฉ, มหานาม, กปิลวตฺถุสฺมึ, ตถารูปํ อาวสถํ ชาน ยตฺถชฺช มยํ เอกรตฺตึ วิหเรยฺยามา’’ติ. ‘‘เอวํ , ภนฺเต’’ติ โข มหานาโม สกฺโก ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา กปิลวตฺถุํ ปวิสิตฺวา เกวลกปฺปํ กปิลวตฺถุํ อนฺวาหิณฺฑนฺโต [อาหิณฺฑนฺโต (สฺยา. กํ.)] นาทฺทส กปิลวตฺถุสฺมึ ตถารูปํ อาวสถํ ยตฺถชฺช ภควา เอกรตฺตึ วิหเรยฺย.

อถ โข มหานาโม สกฺโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, กปิลวตฺถุสฺมึ ตถารูโป อาวสโถ ยตฺถชฺช ภควา เอกรตฺตึ วิหเรยฺย. อยํ, ภนฺเต, ภรณฺฑุ กาลาโม ภควโต ปุราณสพฺรหฺมจารี. ตสฺสชฺช ภควา อสฺสเม เอกรตฺตึ วิหรตู’’ติ. ‘‘คจฺฉ, มหานาม, สนฺถรํ ปฺเปหี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข มหานาโม สกฺโก ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภรณฺฑุสฺส กาลามสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สนฺถรํ ปฺาเปตฺวา อุทกํ เปตฺวา ปาทานํ โธวนาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สนฺถโต, ภนฺเต, สนฺถาโร, อุทกํ ปิตํ ปาทานํ โธวนาย. ยสฺสทานิ, ภนฺเต, ภควา กาลํ มฺตี’’ติ.

อถ โข ภควา เยน ภรณฺฑุสฺส กาลามสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา ปาเท ปกฺขาเลสิ. อถ โข มหานามสฺส สกฺกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อกาโล โข อชฺช ภควนฺตํ ปยิรุปาสิตุํ. กิลนฺโต ภควา. สฺเว ทานาหํ ภควนฺตํ ปยิรุปาสิสฺสามี’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.

อถ โข มหานาโม สกฺโก ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข มหานามํ สกฺกํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘ตโย โขเม, มหานาม, สตฺถาโร สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? อิธ, มหานาม, เอกจฺโจ สตฺถา กามานํ ปริฺํ ปฺาเปติ; น รูปานํ ปริฺํ ปฺาเปติ, น เวทนานํ ปริฺํ ปฺาเปติ. อิธ ปน, มหานาม, เอกจฺโจ สตฺถา กามานํ ปริฺํ ปฺาเปติ , รูปานํ ปริฺํ ปฺาเปติ; น เวทนานํ ปริฺํ ปฺาเปติ. อิธ ปน, มหานาม, เอกจฺโจ สตฺถา กามานํ ปริฺํ ปฺาเปติ, รูปานํ ปริฺํ ปฺาเปติ, เวทนานํ ปริฺํ ปฺาเปติ. อิเม โข, มหานาม, ตโย สตฺถาโร สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. ‘อิเมสํ, มหานาม, ติณฺณํ สตฺถารานํ เอกา นิฏฺา อุทาหุ ปุถุ นิฏฺา’’’ติ?

เอวํ วุตฺเต ภรณฺฑุ กาลาโม มหานามํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘เอกาติ, มหานาม, วเทหี’’ติ. เอวํ วุตฺเต ภควา มหานามํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘นานาติ, มหานาม, วเทหี’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ภรณฺฑุ กาลาโม มหานามํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘เอกาติ, มหานาม, วเทหี’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ภควา มหานามํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘นานาติ, มหานาม, วเทหี’’ติ. ตติยมฺปิ โข ภรณฺฑุ กาลาโม มหานามํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘เอกาติ, มหานาม , วเทหี’’ติ. ตติยมฺปิ โข ภควา มหานามํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘นานาติ, มหานาม, วเทหี’’ติ.

อถ โข ภรณฺฑุ กาลามสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มเหสกฺขสฺส วตมฺหิ มหานามสฺส สกฺกสฺส สมฺมุขา สมเณน โคตเมน ยาวตติยํ อปสาทิโต. ยํนูนาหํ กปิลวตฺถุมฺหา ปกฺกเมยฺย’’นฺติ. อถ โข ภรณฺฑุ กาลาโม กปิลวตฺถุมฺหา ปกฺกามิ. ยํ กปิลวตฺถุมฺหา ปกฺกามิ ตถา ปกฺกนฺโตว อโหสิ น ปุน ปจฺจาคจฺฉีติ. จตุตฺถํ.

๕. หตฺถกสุตฺตํ

๑๒๘. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข หตฺถโก เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘ภควโต ปุรโต สฺสามี’’ติ โอสีทติเมว สํสีทติเมว [โอสีทติ เจว สํสีทติ จ (สี. ปี.), โอสีทติ สํสีทติ (สฺยา. กํ.)], น สกฺโกติ สณฺาตุํ. เสยฺยถาปิ นาม สปฺปิ วา เตลํ วา วาลุกาย อาสิตฺตํ โอสีทติเมว สํสีทติเมว, น สณฺาติ; เอวเมวํ หตฺถโก เทวปุตฺโต – ‘‘ภควโต ปุรโต สฺสามี’’ติ โอสีทติเมว สํสีทติเมว, น สกฺโกติ สณฺาตุํ.

อถ โข ภควา หตฺถกํ เทวปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โอฬาริกํ, หตฺถก, อตฺตภาวํ อภินิมฺมินาหี’’ติ . ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ, โข หตฺถโก เทวปุตฺโต ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา โอฬาริกํ อตฺตภาวํ อภินิมฺมินิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข หตฺถกํ เทวปุตฺตํ ภควา เอตทโวจ –

‘‘เย เต, หตฺถก, ธมฺมา ปุพฺเพ มนุสฺสภูตสฺส ปวตฺติโน อเหสุํ, อปิ นุ เต เต ธมฺมา เอตรหิ ปวตฺติโน’’ติ? ‘‘เย จ เม, ภนฺเต, ธมฺมา ปุพฺเพ มนุสฺสภูตสฺส ปวตฺติโน อเหสุํ, เต จ เม ธมฺมา เอตรหิ ปวตฺติโน; เย จ เม, ภนฺเต, ธมฺมา ปุพฺเพ มนุสฺสภูตสฺส นปฺปวตฺติโน อเหสุํ, เต จ เม ธมฺมา เอตรหิ ปวตฺติโน. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ภควา เอตรหิ อากิณฺโณ วิหรติ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีหิ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ ราชูหิ ราชมหามตฺเตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ; เอวเมวํ โข อหํ, ภนฺเต, อากิณฺโณ วิหรามิ เทวปุตฺเตหิ. ทูรโตปิ, ภนฺเต, เทวปุตฺตา อาคจฺฉนฺติ หตฺถกสฺส เทวปุตฺตสฺส สนฺติเก ‘ธมฺมํ โสสฺสามา’ติ. ติณฺณาหํ, ภนฺเต, ธมฺมานํ อติตฺโต อปฺปฏิวาโน กาลงฺกโต. กตเมสํ ติณฺณํ? ภควโต อหํ, ภนฺเต, ทสฺสนสฺส อติตฺโต อปฺปฏิวาโน กาลงฺกโต; สทฺธมฺมสวนสฺสาหํ, ภนฺเต, อติตฺโต อปฺปฏิวาโน กาลงฺกโต; สงฺฆสฺสาหํ, ภนฺเต, อุปฏฺานสฺส อติตฺโต อปฺปฏิวาโน กาลงฺกโต. อิเมสํ โข อหํ, ภนฺเต, ติณฺณํ ธมฺมานํ อติตฺโต อปฺปฏิวาโน กาลงฺกโต’’ติ.

‘‘นาหํ ภควโต ทสฺสนสฺส, ติตฺติมชฺฌคา [ติตฺติ ติตฺติสมฺภวํ (ก.)] กุทาจนํ;

สงฺฆสฺส อุปฏฺานสฺส, สทฺธมฺมสวนสฺส จ.

‘‘อธิสีลํ สิกฺขมาโน, สทฺธมฺมสวเน รโต;

ติณฺณํ ธมฺมานํ อติตฺโต, หตฺถโก อวิหํ คโต’’ติ. ปฺจมํ;

๖. กฏุวิยสุตฺตํ

๑๒๙. เอกํ สมยํ ภควา พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเย. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย พาราณสึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อทฺทสา โข ภควา โคโยคปิลกฺขสฺมึ [โคโยคมิลกฺขสฺมึ (สฺยา. กํ. ก.)] ปิณฺฑาย จรมาโน [จรมานํ (ก.)] อฺตรํ ภิกฺขุํ ริตฺตสฺสาทํ พาหิรสฺสาทํ มุฏฺสฺสตึ อสมฺปชานํ อสมาหิตํ วิพฺภนฺตจิตฺตํ ปากตินฺทฺริยํ. ทิสฺวา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ

‘‘มา โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, อตฺตานํ กฏุวิยมกาสิ. ตํ วต ภิกฺขุ กฏุวิยกตํ อตฺตานํ อามคนฺเธน [อามคนฺเธ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อวสฺสุตํ มกฺขิกา นานุปติสฺสนฺติ นานฺวาสฺสวิสฺสนฺตีติ [นานุพนฺธิสฺสนฺติ (ก.)], เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ. อถ โข โส ภิกฺขุ ภควตา อิมินา โอวาเทน โอวทิโต สํเวคมาปาทิ. อถ โข ภควา พาราณสิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ –

‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย พาราณสึ ปิณฺฑาย ปาวิสึ. อทฺทสํ โข อหํ, ภิกฺขเว, โคโยคปิลกฺขสฺมึ ปิณฺฑาย จรมาโน อฺตรํ ภิกฺขุํ ริตฺตสฺสาทํ พาหิรสฺสาทํ มุฏฺสฺสตึ อสมฺปชานํ อสมาหิตํ วิพฺภนฺตจิตฺตํ ปากตินฺทฺริยํ. ทิสฺวา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจํ –

‘‘‘มา โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, อตฺตานํ กฏุวิยมกาสิ. ตํ วต ภิกฺขุ กฏุวิยกตํ อตฺตานํ อามคนฺเธน อวสฺสุตํ มกฺขิกา นานุปติสฺสนฺติ นานฺวาสฺสวิสฺสนฺตีติ, เนตํ านํ วิชฺชตี’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, โส ภิกฺขุ มยา อิมินา โอวาเทน โอวทิโต สํเวคมาปาที’’ติ. เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, กฏุวิยํ? โก อามคนฺโธ? กา มกฺขิกา’’ติ?

‘‘อภิชฺฌา โข, ภิกฺขุ, กฏุวิยํ; พฺยาปาโท อามคนฺโธ; ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา มกฺขิกา. ตํ วต, ภิกฺขุ, กฏุวิยกตํ อตฺตานํ อามคนฺเธน อวสฺสุตํ มกฺขิกา นานุปติสฺสนฺติ นานฺวาสฺสวิสฺสนฺตีติ, เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ.

‘‘อคุตฺตํ จกฺขุโสตสฺมึ, อินฺทฺริเยสุ อสํวุตํ;

มกฺขิกานุปติสฺสนฺติ , สงฺกปฺปา ราคนิสฺสิตา.

‘‘กฏุวิยกโต ภิกฺขุ, อามคนฺเธ อวสฺสุโต;

อารกา โหติ นิพฺพานา, วิฆาตสฺเสว ภาควา.

‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, อลทฺธา สมถมตฺตโน [สมมตฺตโน (สี. สฺยา. กํ.), สมฺมมตฺตโน (ปี.)];

ปเรติ [จเรติ (สฺยา. ก.)] พาโล ทุมฺเมโธ, มกฺขิกาหิ ปุรกฺขโต.

‘‘เย จ สีเลน สมฺปนฺนา, ปฺายูปสเมรตา;

อุปสนฺตา สุขํ เสนฺติ, นาสยิตฺวาน มกฺขิกา’’ติ. ฉฏฺํ;

๗. ปมอนุรุทฺธสุตฺตํ

๑๓๐. อถ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, ภนฺเต, ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน เยภุยฺเยน ปสฺสามิ มาตุคามํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชมานํ. กติหิ นุ โข, ภนฺเต, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชตี’’ติ?

‘‘ตีหิ โข, อนุรุทฺธ, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, อนุรุทฺธ, มาตุคาโม ปุพฺพณฺหสมยํ มจฺเฉรมลปริยุฏฺิเตน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ, มชฺฌนฺหิกสมยํ อิสฺสาปริยุฏฺิเตน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ, สายนฺหสมยํ กามราคปริยุฏฺิเตน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ . อิเมหิ โข, อนุรุทฺธ, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชตี’’ติ. สตฺตมํ.

๘. ทุติยอนุรุทฺธสุตฺตํ

๑๓๑. อถ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา สาริปุตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, อาวุโส สาริปุตฺต, ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สหสฺสํ โลกํ โอโลเกมิ. อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา [อปมฺมุฏฺา (สี.), อปมุฏฺา (สฺยา. กํ.)], ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคํ. อถ จ ปน เม นานุปาทาย [น อนุปาทาย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติ.

‘‘ยํ โข เต, อาวุโส อนุรุทฺธ, เอวํ โหติ – ‘อหํ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สหสฺสํ โลกํ โวโลเกมี’ติ, อิทํ เต มานสฺมึ. ยมฺปิ เต, อาวุโส อนุรุทฺธ, เอวํ โหติ – ‘อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺค’นฺติ, อิทํ เต อุทฺธจฺจสฺมึ. ยมฺปิ เต, อาวุโส อนุรุทฺธ, เอวํ โหติ – ‘อถ จ ปน เม นานุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’ติ, อิทํ เต กุกฺกุจฺจสฺมึ. สาธุ วตายสฺมา อนุรุทฺโธ อิเม ตโย ธมฺเม ปหาย, อิเม ตโย ธมฺเม อมนสิกริตฺวา อมตาย ธาตุยา จิตฺตํ อุปสํหรตู’’ติ.

อถ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ อปเรน สมเยน อิเม ตโย ธมฺเม ปหาย, อิเม ตโย ธมฺเม อมนสิกริตฺวา อมตาย ธาตุยา จิตฺตํ อุปสํหริ [อุปสํหาสิ (สฺยา. กํ. ปี.), อุปสํหรติ (ก.)]. อถ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนายสฺมา อนุรุทฺโธ อรหตํ อโหสีติ. อฏฺมํ.

๙. ปฏิจฺฉนฺนสุตฺตํ

๑๓๒. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺฉนฺนานิ อาวหนฺติ [วหนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], โน วิวฏานิ. กตมานิ ตีณิ? มาตุคาโม, ภิกฺขเว, ปฏิจฺฉนฺโน อาวหติ, โน วิวโฏ; พฺราหฺมณานํ, ภิกฺขเว, มนฺตา ปฏิจฺฉนฺนา อาวหนฺติ, โน วิวฏา ; มิจฺฉาทิฏฺิ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺฉนฺนา อาวหติ, โน วิวฏา. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ปฏิจฺฉนฺนานิ อาวหนฺติ, โน วิวฏานิ.

‘‘ตีณิมานิ , ภิกฺขเว, วิวฏานิ วิโรจนฺติ, โน ปฏิจฺฉนฺนานิ. กตมานิ ตีณิ? จนฺทมณฺฑลํ, ภิกฺขเว, วิวฏํ วิโรจติ, โน ปฏิจฺฉนฺนํ; สูริยมณฺฑลํ, ภิกฺขเว, วิวฏํ วิโรจติ, โน ปฏิจฺฉนฺนํ; ตถาคตปฺปเวทิโต ธมฺมวินโย, ภิกฺขเว, วิวโฏ วิโรจติ, โน ปฏิจฺฉนฺโน. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ วิวฏานิ วิโรจนฺติ, โน ปฏิจฺฉนฺนานี’’ติ. นวมํ.

๑๐. เลขสุตฺตํ

๑๓๓. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? ปาสาณเลขูปโม ปุคฺคโล, ปถวิเลขูปโม ปุคฺคโล, อุทกเลขูปโม ปุคฺคโล. กตโม จ, ภิกฺขเว, ปาสาณเลขูปโม ปุคฺคโล? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อภิณฺหํ กุชฺฌติ. โส จ ขฺวสฺส โกโธ ทีฆรตฺตํ อนุเสติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปาสาเณ เลขา น ขิปฺปํ ลุชฺชติ วาเตน วา อุทเกน วา, จิรฏฺิติกา โหติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อภิณฺหํ กุชฺฌติ. โส จ ขฺวสฺส โกโธ ทีฆรตฺตํ อนุเสติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปาสาณเลขูปโม ปุคฺคโล.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปถวิเลขูปโม ปุคฺคโล? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อภิณฺหํ กุชฺฌติ. โส จ ขฺวสฺส โกโธ น ทีฆรตฺตํ อนุเสติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปถวิยา เลขา ขิปฺปํ ลุชฺชติ วาเตน วา อุทเกน วา, น จิรฏฺิติกา โหติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อภิณฺหํ กุชฺฌติ. โส จ ขฺวสฺส โกโธ น ทีฆรตฺตํ อนุเสติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปถวิเลขูปโม ปุคฺคโล.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, อุทกเลขูปโม ปุคฺคโล? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อาคาฬฺเหนปิ วุจฺจมาโน ผรุเสนปิ วุจฺจมาโน อมนาเปนปิ วุจฺจมาโน สนฺธิยติเมว [… เยว (สฺยา. กํ.) … เจว (ปี.)] สํสนฺทติเมว [… เยว (สฺยา. กํ.) … เจว (ปี.)] สมฺโมทติเมว [… เยว (สฺยา. กํ.) … เจว (ปี.)]. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อุทเก เลขา ขิปฺปํเยว ปฏิวิคจฺฉติ, น จิรฏฺิติกา โหติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อาคาฬฺเหนปิ วุจฺจมาโน ผรุเสนปิ วุจฺจมาโน อมนาเปนปิ วุจฺจมาโน สนฺธิยติเมว สํสนฺทติเมว สมฺโมทติเมว. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อุทกเลขูปโม ปุคฺคโล. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’นฺติ [ปุ. ป. ๑๑๕]. ทสมํ.

กุสินารวคฺโค เตรสโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

กุสินารภณฺฑนา เจว, โคตมภรณฺฑุหตฺถโก;

กฏุวิยํ ทฺเว อนุรุทฺธา, ปฏิจฺฉนฺนํ เลเขน เต ทสาติ.