📜

๔. เทวทูตวคฺโค

๑.สพฺรหฺมกสุตฺตํ

๓๑. ‘‘สพฺรหฺมกานิ , ภิกฺขเว, ตานิ กุลานิ เยสํ ปุตฺตานํ มาตาปิตโร อชฺฌาคาเร ปูชิตา โหนฺติ. สปุพฺพาจริยกานิ, ภิกฺขเว, ตานิ กุลานิ เยสํ ปุตฺตานํ มาตาปิตโร อชฺฌาคาเร ปูชิตา โหนฺติ. สาหุเนยฺยานิ , ภิกฺขเว, ตานิ กุลานิ เยสํ ปุตฺตานํ มาตาปิตโร อชฺฌาคาเร ปูชิตา โหนฺติ. ‘พฺรหฺมา’ติ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจนํ. ‘ปุพฺพาจริยา’ติ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจนํ. ‘อาหุเนยฺยา’ติ , ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจนํ. ตํ กิสฺส เหตุ? พหุการา, ภิกฺขเว, มาตาปิตโร ปุตฺตานํ, อาปาทกา โปสกา, อิมสฺส โลกสฺส ทสฺเสตาโรติ.

‘‘พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร, ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร;

อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ, ปชาย อนุกมฺปกา.

‘‘ตสฺมา หิ เน นมสฺเสยฺย, สกฺกเรยฺย จ ปณฺฑิโต;

อนฺเนน อถ ปาเนน, วตฺเถน สยเนน จ;

อุจฺฉาทเนน นฺหาปเนน [นหาปเนน (สี.)], ปาทานํ โธวเนน จ.

‘‘ตาย นํ ปาริจริยาย, มาตาปิตูสุ ปณฺฑิตา;

อิเธว [อิธ เจว (สี.)] นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ [สคฺเค จ โมทตีติ (สี.) อิติวุ. ๑๐๖ อิติวุตฺตเก]. ปมํ;

๒. อานนฺทสุตฺตํ

๓๒. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ –

‘‘สิยา นุ โข, ภนฺเต, ภิกฺขุโน ตถารูโป สมาธิปฏิลาโภ ยถา อิมสฺมิฺจ สวิฺาณเก กาเย อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ; ยฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหรโต อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘สิยา, อานนฺท, ภิกฺขุโน ตถารูโป สมาธิปฏิลาโภ ยถา อิมสฺมิฺจ สวิฺาณเก กาเย อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ; ยฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหรโต อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ.

‘‘ยถา กถํ ปน, ภนฺเต, สิยา ภิกฺขุโน ตถารูโป สมาธิปฏิลาโภ ยถา อิมสฺมิฺจ สวิฺาณเก กาเย อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ; ยฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหรโต อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ?

‘‘อิธานนฺท , ภิกฺขุโน เอวํ โหติ – ‘เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพาน’นฺติ. เอวํ โข, อานนฺท, สิยา ภิกฺขุโน ตถารูโป สมาธิปฏิลาโภ ยถา อิมสฺมิฺจ สวิฺาณเก กาเย อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ; ยฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหรโต อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ.

‘‘อิทฺจ ปน เมตํ, อานนฺท, สนฺธาย ภาสิตํ ปารายเน ปุณฺณกปฺเห –

‘‘สงฺขาย โลกสฺมึ ปโรปรานิ [ปโรวรานิ (สี. ปี.) สุ. นิ. ๑๐๕๔; จูฬนิ. ปุณฺณกมาณวปุจฺฉา ๗๓],

ยสฺสิฺชิตํ นตฺถิ กุหิฺจิ โลเก;

สนฺโต วิธูโม อนีโฆ [อนิโฆ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), อนโฆ (?)] นิราโส,

อตาริ โส ชาติชรนฺติ พฺรูมี’’ติ. ทุติยํ;

๓. สาริปุตฺตสุตฺตํ

๓๓. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สํขิตฺเตนปิ โข อหํ, สาริปุตฺต, ธมฺมํ เทเสยฺยํ; วิตฺถาเรนปิ โข อหํ, สาริปุตฺต, ธมฺมํ เทเสยฺยํ; สํขิตฺตวิตฺถาเรนปิ โข อหํ, สาริปุตฺต, ธมฺมํ เทเสยฺยํ; อฺาตาโร จ ทุลฺลภา’’ติ. ‘‘เอตสฺส, ภควา, กาโล, เอตสฺส, สุคต, กาโล ยํ ภควา สํขิตฺเตนปิ ธมฺมํ เทเสยฺย, วิตฺถาเรนปิ ธมฺมํ เทเสยฺย, สํขิตฺตวิตฺถาเรนปิ ธมฺมํ เทเสยฺย. ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อฺาตาโร’’ติ.

‘‘ตสฺมาติห, สาริปุตฺต, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อิมสฺมิฺจ สวิฺาณเก กาเย อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น ภวิสฺสนฺติ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น ภวิสฺสนฺติ, ยฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหรโต อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โข, สาริปุตฺต, สิกฺขิตพฺพํ.

‘‘ยโต จ โข, สาริปุตฺต, ภิกฺขุโน อิมสฺมิฺจ สวิฺาณเก กาเย อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ, ยฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหรโต อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; อยํ วุจฺจติ, สาริปุตฺต – ‘ภิกฺขุ อจฺเฉจฺฉิ [อจฺเฉชฺชิ (สฺยา. กํ. ก.)] ตณฺหํ, วิวตฺตยิ [วาวตฺตยิ (สี. ปี.)] สํโยชนํ, สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺส’. อิทฺจ ปน เมตํ, สาริปุตฺต, สนฺธาย ภาสิตํ ปารายเน [ปารายเณ (สี.)] อุทยปฺเห –

‘‘ปหานํ กามสฺานํ, โทมนสฺสาน จูภยํ;

ถินสฺส จ ปนูทนํ, กุกฺกุจฺจานํ นิวารณํ.

‘‘อุเปกฺขาสติสํสุทฺธํ , ธมฺมตกฺกปุเรชวํ;

อฺาวิโมกฺขํ ปพฺรูมิ, อวิชฺชาย ปเภทน’’นฺติ [สุ. นิ. ๑๑๑๒; จูฬนิ. อุทยมาณวปุจฺฉา ๑๓๑]. ตติยํ;

๔. นิทานสุตฺตํ

๓๔. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยาย. กตมานิ ตีณิ? โลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย, โทโส นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย, โมโห นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, โลภปกตํ กมฺมํ โลภชํ โลภนิทานํ โลภสมุทยํ, ยตฺถสฺส อตฺตภาโว นิพฺพตฺตติ ตตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ. ยตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ ตตฺถ ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ ปฏิสํเวเทติ, ทิฏฺเ วา ธมฺเม อุปปชฺช วา [อุปปชฺเช วา (สี. สฺยา. กํ.) อุปปชฺชิตฺวาติ ม. นิ. ๓.๓๐๓ ปาฬิยา สํวณฺณนา] อปเร วา [อปราปเร วา (ก.)] ปริยาเย.

‘‘ยํ , ภิกฺขเว, โทสปกตํ กมฺมํ โทสชํ โทสนิทานํ โทสสมุทยํ, ยตฺถสฺส อตฺตภาโว นิพฺพตฺตติ ตตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ. ยตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ ตตฺถ ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ ปฏิสํเวเทติ, ทิฏฺเ วา ธมฺเม อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเย.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, โมหปกตํ กมฺมํ โมหชํ โมหนิทานํ โมหสมุทยํ, ยตฺถสฺส อตฺตภาโว นิพฺพตฺตติ ตตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ. ยตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ ตตฺถ ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ ปฏิสํเวเทติ, ทิฏฺเ วา ธมฺเม อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเย.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, พีชานิ อขณฺฑานิ อปูตีนิ อวาตาตปหตานิ สาราทานิ สุขสยิตานิ สุเขตฺเต สุปริกมฺมกตาย ภูมิยา นิกฺขิตฺตานิ. เทโว จ สมฺมาธารํ อนุปฺปเวจฺเฉยฺย. เอวสฺสุ ตานิ, ภิกฺขเว, พีชานิ วุทฺธึ วิรุฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺเชยฺยุํ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยํ โลภปกตํ กมฺมํ โลภชํ โลภนิทานํ โลภสมุทยํ, ยตฺถสฺส อตฺตภาโว นิพฺพตฺตติ ตตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ. ยตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ ตตฺถ ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ ปฏิสํเวเทติ, ทิฏฺเ วา ธมฺเม อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเย.

‘‘ยํ โทสปกตํ กมฺมํ…เป… ยํ โมหปกตํ กมฺมํ โมหชํ โมหนิทานํ โมหสมุทยํ, ยตฺถสฺส อตฺตภาโว นิพฺพตฺตติ ตตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ. ยตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ ตตฺถ ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ ปฏิสํเวเทติ, ทิฏฺเ วา ธมฺเม อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเย. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยาย.

‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยาย. กตมานิ ตีณิ? อโลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย, อโทโส นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย, อโมโห นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, อโลภปกตํ กมฺมํ อโลภชํ อโลภนิทานํ อโลภสมุทยํ, โลเภ วิคเต เอวํ ตํ กมฺมํ ปหีนํ โหติ อุจฺฉินฺนมูลํ ตาลาวตฺถุกตํ อนภาวงฺกตํ อายตึ อนุปฺปาทธมฺมํ.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, อโทสปกตํ กมฺมํ อโทสชํ อโทสนิทานํ อโทสสมุทยํ, โทเส วิคเต เอวํ ตํ กมฺมํ ปหีนํ โหติ อุจฺฉินฺนมูลํ ตาลาวตฺถุกตํ อนภาวงฺกตํ อายตึ อนุปฺปาทธมฺมํ.

‘‘ยํ , ภิกฺขเว, อโมหปกตํ กมฺมํ อโมหชํ อโมหนิทานํ อโมหสมุทยํ, โมเห วิคเต เอวํ ตํ กมฺมํ ปหีนํ โหติ อุจฺฉินฺนมูลํ ตาลาวตฺถุกตํ อนภาวงฺกตํ อายตึ อนุปฺปาทธมฺมํ.

‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, พีชานิ อขณฺฑานิ อปูตีนิ อวาตาตปหตานิ สาราทานิ สุขสยิตานิ. ตานิ ปุริโส อคฺคินา ฑเหยฺย. อคฺคินา ฑหิตฺวา มสึ กเรยฺย. มสึ กริตฺวา มหาวาเต วา โอผุเณยฺย [โอปุเนยฺย (สี. ปี.)] นทิยา วา สีฆโสตาย ปวาเหยฺย. เอวสฺสุ ตานิ, ภิกฺขเว, พีชานิ อุจฺฉินฺนมูลานิ ตาลาวตฺถุกตานิ อนภาวงฺกตานิ [อนภาวกตานิ (สี. ปี.)] อายตึ อนุปฺปาทธมฺมานิ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยํ อโลภปกตํ กมฺมํ อโลภชํ อโลภนิทานํ อโลภสมุทยํ, โลเภ วิคเต เอวํ ตํ กมฺมํ ปหีนํ โหติ อุจฺฉินฺนมูลํ ตาลาวตฺถุกตํ อนภาวงฺกตํ อายตึ อนุปฺปาทธมฺมํ.

‘‘ยํ อโทสปกตํ กมฺมํ…เป… ยํ อโมหปกตํ กมฺมํ อโมหชํ อโมหนิทานํ อโมหสมุทยํ, โมเห วิคเต เอวํ ตํ กมฺมํ ปหีนํ โหติ…เป… อายตึ อนุปฺปาทธมฺมํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยายา’’ติ.

‘‘โลภชํ โทสชฺเจว [โทสชํ กมฺมํ (ก.)], โมหชฺจาปวิทฺทสุ;

ยํ เตน ปกตํ กมฺมํ, อปฺปํ วา ยทิ วา พหุํ;

อิเธว ตํ เวทนิยํ, วตฺถุ อฺํ น วิชฺชติ.

‘‘ตสฺมา โลภฺจ โทสฺจ, โมหชฺจาปิ วิทฺทสุ;

วิชฺชํ อุปฺปาทยํ ภิกฺขุ, สพฺพา ทุคฺคติโย ชเห’’ติ. จตุตฺถํ;

๕. หตฺถกสุตฺตํ

๓๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อาฬวิยํ วิหรติ โคมคฺเค สึสปาวเน ปณฺณสนฺถเร. อถ โข หตฺถโก อาฬวโก ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน อทฺทส ภควนฺตํ โคมคฺเค สึสปาวเน ปณฺณสนฺถเร นิสินฺนํ. ทิสฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข หตฺถโก อาฬวโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ, ภนฺเต, ภควา สุขมสยิตฺถา’’ติ? ‘‘เอวํ , กุมาร, สุขมสยิตฺถํ. เย จ ปน โลเก สุขํ เสนฺติ, อหํ เตสํ อฺตโร’’ติ.

‘‘สีตา, ภนฺเต, เหมนฺติกา รตฺติ, อนฺตรฏฺโก หิมปาตสมโย, ขรา โคกณฺฏกหตา ภูมิ, ตนุโก ปณฺณสนฺถโร, วิรฬานิ รุกฺขสฺส ปตฺตานิ, สีตานิ กาสายานิ วตฺถานิ, สีโต จ เวรมฺโภ วาโต วายติ. อถ จ ปน ภควา เอวมาห – ‘เอวํ, กุมาร, สุขมสยิตฺถํ. เย จ ปน โลเก สุขํ เสนฺติ, อหํ เตสํ อฺตโร’’’ติ.

‘‘เตน หิ, กุมาร, ตฺเเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ. ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, กุมาร, อิธสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา กูฏาคารํ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตํ นิวาตํ ผุสิตคฺคฬํ ปิหิตวาตปานํ. ตตฺรสฺส ปลฺลงฺโก โคนกตฺถโต ปฏิกตฺถโต ปฏลิกตฺถโต กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรโณ [กาทลิมิคปวรปจฺจตฺถรโณ (สี.)] สอุตฺตรจฺฉโท อุภโต โลหิตกูปธาโน; เตลปฺปทีโป เจตฺถ ฌาเยยฺย [ชาเลยฺย (ก.)]; จตสฺโส จ [ตสฺเสว (ก.)] ปชาปติโย มนาปามนาเปน ปจฺจุปฏฺิตา อสฺสุ. ตํ กึ มฺสิ, กุมาร, สุขํ วา โส สเยยฺย โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘สุขํ โส, ภนฺเต, สเยยฺย. เย จ ปน โลเก สุขํ เสนฺติ, โส เตสํ อฺตโร’’ติ.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, กุมาร, อปิ นุ ตสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา อุปฺปชฺเชยฺยุํ ราคชา ปริฬาหา กายิกา วา เจตสิกา วา เยหิ โส ราคเชหิ ปริฬาเหหิ ปริฑยฺหมาโน ทุกฺขํ สเยยฺยา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ.

‘‘เยหิ โข โส, กุมาร, คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ราคเชหิ ปริฬาเหหิ ปริฑยฺหมาโน ทุกฺขํ สเยยฺย, โส ราโค ตถาคตสฺส ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. ตสฺมาหํ สุขมสยิตฺถํ.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, กุมาร, อปิ นุ ตสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา อุปฺปชฺเชยฺยุํ โทสชา ปริฬาหา…เป… โมหชา ปริฬาหา กายิกา วา เจตสิกา วา เยหิ โส โมหเชหิ ปริฬาเหหิ ปริฑยฺหมาโน ทุกฺขํ สเยยฺยา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ.

‘‘เย หิ โข โส, กุมาร, คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา โมหเชหิ ปริฬาเหหิ ปริฑยฺหมาโน ทุกฺขํ สเยยฺย, โส โมโห ตถาคตสฺส ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. ตสฺมาหํ สุขมสยิตฺถ’’นฺติ.

[จูฬว. ๓๐๕; สํ. นิ. ๑.๒๔๒] ‘‘สพฺพทา เว สุขํ เสติ, พฺราหฺมโณ ปรินิพฺพุโต;

โย น ลิมฺปติ [ลิปฺปติ (สี. สฺยา. กํ. ก.)] กาเมสุ, สีติภูโต นิรูปธิ.

‘‘สพฺพา อาสตฺติโย เฉตฺวา, วิเนยฺย หทเย ทรํ;

อุปสนฺโต สุขํ เสติ, สนฺตึ ปปฺปุยฺย เจตโส’’ติ. ปฺจมํ;

๖. เทวทูตสุตฺตํ

๓๖. ‘‘ตีณิมานิ , ภิกฺขเว, เทวทูตานิ. กตมานิ ตีณิ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา, วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา นานาพาหาสุ คเหตฺวา ยมสฺส รฺโ ทสฺเสนฺติ – ‘อยํ, เทว, ปุริโส อมตฺเตยฺโย อเปตฺเตยฺโย อสามฺโ อพฺรหฺมฺโ, น กุเล เชฏฺาปจายี. อิมสฺส เทโว ทณฺฑํ ปเณตู’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา ปมํ เทวทูตํ สมนุยุฺชติ สมนุคาหติ สมนุภาสติ – ‘อมฺโภ, ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ ปมํ เทวทูตํ ปาตุภูต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘นาทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา อาสีติกํ วา นาวุติกํ วา วสฺสสติกํ วา [ปสฺส ม. นิ. ๓.๒๖๓] ชาติยา ชิณฺณํ โคปานสิวงฺกํ โภคฺคํ ทณฺฑปรายณํ [ทณฺฑปรายนํ (สฺยา. กํ. ปี.)] ปเวธมานํ คจฺฉนฺตํ อาตุรํ คตโยพฺพนํ ขณฺฑทนฺตํ ปลิตเกสํ วิลูนํ ขลฺลิตสิรํ [ขลิตํ สิโร (สี. ปี.), ขลิตสิรํ (สฺยา. กํ.) ม. นิ. ๓.๒๖๓] วลิตํ ติลกาหตคตฺต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘อทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.

‘‘ตเมนํ , ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ, ปุริส, ตสฺส เต วิฺุสฺส สโต มหลฺลกสฺส น เอตทโหสิ – อหมฺปิ โขมฺหิ ชราธมฺโม ชรํ อนตีโต, หนฺทาหํ กลฺยาณํ กโรมิ, กาเยน วาจาย มนสา’ติ? โส เอวมาห – ‘นาสกฺขิสฺสํ, ภนฺเต. ปมาทสฺสํ, ภนฺเต’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ, ปุริส, ปมาทตาย [ปมาทวตาย (สี. สฺยา. กํ. ปี.) ม. นิ. ๓.๒๖๒] น กลฺยาณมกาสิ กาเยน วาจาย มนสา. ตคฺฆ ตฺวํ [ตํ (ก.)], อมฺโภ ปุริส, ตถา กริสฺสนฺติ ยถา ตํ [เต (ก.)] ปมตฺตํ. ตํ โข ปน เต เอตํ [ตํ โข ปเนตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปาปกมฺมํ [ปาปํ กมฺมํ (สี.)] เนว มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภาตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น มิตฺตามจฺเจหิ กตํ, น าติสาโลหิเตหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ , น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ; อถ โข ตยาเวตํ ปาปกมฺมํ กตํ, ตฺวฺเเวตสฺส วิปากํ ปฏิสํเวทิสฺสสี’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา ปมํ เทวทูตํ สมนุยุฺชิตฺวา สมนุคาหิตฺวา สมนุภาสิตฺวา, ทุติยํ เทวทูตํ สมนุยุฺชติ สมนุคาหติ สมนุภาสติ – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ ทุติยํ เทวทูตํ ปาตุภูต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘นาทฺทสํ, ภนฺเต’ติ. ‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา อาพาธิกํ ทุกฺขิตํ พาฬฺหคิลานํ, สเก มุตฺตกรีเส ปลิปนฺนํ เสมานํ, อฺเหิ วุฏฺาปิยมานํ, อฺเหิ สํเวสิยมาน’นฺติ? โส เอวมาห – ‘อทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ตสฺส เต วิฺุสฺส สโต มหลฺลกสฺส น เอตทโหสิ – อหมฺปิ โขมฺหิ พฺยาธิธมฺโม พฺยาธึ อนตีโต, หนฺทาหํ กลฺยาณํ กโรมิ กาเยน วาจาย มนสา’ติ? โส เอวมาห – ‘นาสกฺขิสฺสํ, ภนฺเต. ปมาทสฺสํ, ภนฺเต’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส , ปมาทตาย น กลฺยาณมกาสิ กาเยน วาจาย มนสา. ตคฺฆ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, ตถา กริสฺสนฺติ ยถา ตํ ปมตฺตํ. ตํ โข ปน เต เอตํ ปาปกมฺมํ เนว มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภาตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น มิตฺตามจฺเจหิ กตํ, น าติสาโลหิเตหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ, น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ; อถ โข ตยาเวตํ ปาปกมฺมํ กตํ. ตฺวฺเเวตสฺส วิปากํ ปฏิสํเวทิสฺสสี’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา ทุติยํ เทวทูตํ สมนุยุฺชิตฺวา สมนุคาหิตฺวา สมนุภาสิตฺวา, ตติยํ เทวทูตํ สมนุยุฺชติ สมนุคาหติ สมนุภาสติ – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ ตติยํ เทวทูตํ ปาตุภูต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘นาทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา เอกาหมตํ วา ทฺวีหมตํ วา ตีหมตํ วา อุทฺธุมาตกํ วินีลกํ วิปุพฺพกชาต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘อทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ตสฺส เต วิฺุสฺส สโต มหลฺลกสฺส น เอตทโหสิ – อหมฺปิ โขมฺหิ มรณธมฺโม มรณํ อนตีโต, หนฺทาหํ กลฺยาณํ กโรมิ กาเยน วาจาย มนสา’ติ? โส เอวมาห – ‘นาสกฺขิสฺสํ, ภนฺเต. ปมาทสฺสํ, ภนฺเต’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ปมาทตาย น กลฺยาณมกาสิ กาเยน วาจาย มนสา. ตคฺฆ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, ตถา กริสฺสนฺติ ยถา ตํ ปมตฺตํ. ตํ โข ปน เต เอตํ ปาปกมฺมํ เนว มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภาตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น มิตฺตามจฺเจหิ กตํ, น าติสาโลหิเตหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ, น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ; อถ โข ตยาเวตํ ปาปกมฺมํ กตํ. ตฺวฺเเวตสฺส วิปากํ ปฏิสํเวทิสฺสสี’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา ตติยํ เทวทูตํ สมนุยุฺชิตฺวา สมนุคาหิตฺวา สมนุภาสิตฺวา ตุณฺหี โหติ. ตเมนํ , ภิกฺขเว, นิรยปาลา ปฺจวิธพนฺธนํ นาม การณํ กโรนฺติ. ตตฺตํ อโยขิลํ หตฺเถ คเมนฺติ. ตตฺตํ อโยขิลํ ทุติยสฺมึ หตฺเถ คเมนฺติ. ตตฺตํ อโยขิลํ ปาเท คเมนฺติ. ตตฺตํ อโยขิลํ ทุติยสฺมึ ปาเท คเมนฺติ. ตตฺตํ อโยขิลํ มชฺเฌ อุรสฺมึ คเมนฺติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา [ติปฺปา (สี.)] ขรา กฏุกา เวทนา เวทิยติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ.

‘‘ตเมนํ , ภิกฺขเว, นิรยปาลา สํเวเสตฺวา [สํกฑฺฒิตฺวา (ก.)] กุธารีหิ ตจฺฉนฺติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทิยติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ คเหตฺวา วาสีหิ ตจฺฉนฺติ…เป… ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา รเถ โยเชตฺวา อาทิตฺตาย ภูมิยา สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย [สฺโชติภูตาย (สฺยา. กํ.)] สาเรนฺติปิ ปจฺจาสาเรนฺติปิ…เป… ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา มหนฺตํ องฺคารปพฺพตํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ อาโรเปนฺติปิ โอโรเปนฺติปิ…เป… ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ คเหตฺวา ตตฺตาย โลหกุมฺภิยา ปกฺขิปนฺติ, อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย. โส ตตฺถ เผณุทฺเทหกํ ปจฺจมาโน สกิมฺปิ อุทฺธํ คจฺฉติ, สกิมฺปิ อโธ คจฺฉติ, สกิมฺปิ ติริยํ คจฺฉติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทิยติ, น จ ตาว กาลํ กโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา มหานิรเย ปกฺขิปนฺติ. โส โข ปน, ภิกฺขเว, มหานิรโย –

‘‘จตุกฺกณฺโณ จตุทฺวาโร, วิภตฺโต ภาคโส มิโต;

อโยปาการปริยนฺโต, อยสา ปฏิกุชฺชิโต.

‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;

สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฏฺติ สพฺพทา’’ติ [เป. ว. ๗๐-๗๑, ๒๔๐-๒๔๑].

‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ยมสฺส รฺโ เอตทโหสิ – ‘เย กิร, โภ, โลเก ปาปกานิ กมฺมานิ กโรนฺติ เต เอวรูปา วิวิธา กมฺมการณา กรียนฺติ. อโห วตาหํ มนุสฺสตฺตํ ลเภยฺยํ, ตถาคโต จ โลเก อุปฺปชฺเชยฺย อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ตฺจาหํ ภควนฺตํ ปยิรุปาเสยฺยํ. โส จ เม ภควา ธมฺมํ เทเสยฺย, ตสฺส จาหํ ภควโต ธมฺมํ อาชาเนยฺย’นฺติ. ตํ โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, น อฺสฺส สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา สุตฺวา เอวํ วทามิ, อปิ จ โข, ภิกฺขเว, ยเทว เม สามํ าตํ สามํ ทิฏฺํ สามํ วิทิตํ ตเทวาหํ วทามี’’ติ.

‘‘โจทิตา เทวทูเตหิ, เย ปมชฺชนฺติ มาณวา;

เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ, หีนกายูปคา นรา.

‘‘เย จ โข เทวทูเตหิ, สนฺโต สปฺปุริสา อิธ;

โจทิตา นปฺปมชฺชนฺติ, อริยธมฺเม กุทาจนํ.

‘‘อุปาทาเน ภยํ ทิสฺวา, ชาติมรณสมฺภเว;

อนุปาทา วิมุจฺจนฺติ, ชาติมรณสงฺขเย.

‘‘เต อปฺปมตฺตา [เต โขปฺปมตฺตา (สี.), เต เขมปฺปตฺตา (สฺยา. กํ. ปี.) ม. นิ. ๓.๒๗๑] สุขิโน [สุขิตา (สี. สฺยา.)], ทิฏฺธมฺมาภินิพฺพุตา;

สพฺพเวรภยาตีตา, สพฺพทุกฺขํ อุปจฺจคุ’’นฺติ. ฉฏฺํ;

๗. จตุมหาราชสุตฺตํ

๓๗. ‘‘อฏฺมิยํ, ภิกฺขเว, ปกฺขสฺส จตุนฺนํ มหาราชานํ อมจฺจา ปาริสชฺชา อิมํ โลกํ อนุวิจรนฺติ – ‘กจฺจิ พหู มนุสฺสา มนุสฺเสสุ มตฺเตยฺยา เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฏิชาคโรนฺติ ปุฺานิ กโรนฺตี’ติ. จาตุทฺทสึ, ภิกฺขเว, ปกฺขสฺส จตุนฺนํ มหาราชานํ ปุตฺตา อิมํ โลกํ อนุวิจรนฺติ – ‘กจฺจิ พหู มนุสฺสา มนุสฺเสสุ มตฺเตยฺยา เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฏิชาคโรนฺติ ปุฺานิ กโรนฺตี’ติ. ตทหุ, ภิกฺขเว, อุโปสเถ ปนฺนรเส จตฺตาโร มหาราชาโน สามฺเว อิมํ โลกํ อนุวิจรนฺติ – ‘กจฺจิ พหู มนุสฺสา มนุสฺเสสุ มตฺเตยฺยา เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฏิชาคโรนฺติ ปุฺานิ กโรนฺตี’’’ติ.

‘‘สเจ, ภิกฺขเว, อปฺปกา โหนฺติ มนุสฺสา มนุสฺเสสุ มตฺเตยฺยา เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฏิชาคโรนฺติ ปุฺานิ กโรนฺติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร มหาราชาโน เทวานํ ตาวตึสานํ สุธมฺมาย สภาย สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อาโรเจนฺติ – ‘อปฺปกา โข, มาริสา, มนุสฺสา มนุสฺเสสุ มตฺเตยฺยา เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฏิชาคโรนฺติ ปุฺานิ กโรนฺตี’ติ. เตน โข, ภิกฺขเว , เทวา ตาวตึสา อนตฺตมนา โหนฺติ – ‘ทิพฺพา วต, โภ, กายา ปริหายิสฺสนฺติ, ปริปูริสฺสนฺติ อสุรกายา’’’ติ.

‘‘สเจ ปน, ภิกฺขเว, พหู โหนฺติ มนุสฺสา มนุสฺเสสุ มตฺเตยฺยา เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฏิชาคโรนฺติ ปุฺานิ กโรนฺติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว , จตฺตาโร มหาราชาโน เทวานํ ตาวตึสานํ สุธมฺมาย สภาย สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อาโรเจนฺติ – ‘พหู โข , มาริสา, มนุสฺสา มนุสฺเสสุ มตฺเตยฺยา เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฏิชาคโรนฺติ ปุฺานิ กโรนฺตี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, เทวา ตาวตึสา อตฺตมนา โหนฺติ – ‘ทิพฺพา วต, โภ, กายา ปริปูริสฺสนฺติ, ปริหายิสฺสนฺติ อสุรกายา’’’ติ.

‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท เทเว ตาวตึเส อนุนยมาโน ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;

ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ;

อุโปสถํ อุปวเสยฺย, โยปิสฺส [โยปสฺส (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มาทิโส นโร’’ติ.

‘‘สา โข ปเนสา, ภิกฺขเว, สกฺเกน เทวานมินฺเทน คาถา ทุคฺคีตา น สุคีตา ทุพฺภาสิตา น สุภาสิตา. ตํ กิสฺส เหตุ? สกฺโก หิ, ภิกฺขเว, เทวานมินฺโท อวีตราโค อวีตโทโส อวีตโมโห.

‘‘โย จ โข โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา พฺรหฺมจริโย กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทฺา วิมุตฺโต, ตสฺส โข เอตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน [ตสฺส โข เอตํ ภิกฺขุโน (สี. สฺยา.), ตสฺส โข เอวํ ภิกฺขเว ภิกฺขุโน (ก.)] กลฺลํ วจนาย –

‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;

ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ;

อุโปสถํ อุปวเสยฺย, โยปิสฺส มาทิโส นโร’’ติ.

‘‘ตํ กิสฺส เหตุ? โส หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วีตราโค วีตโทโส วีตโมโห’’ติ. สตฺตมํ.

๘. ทุติยจตุมหาราชสุตฺตํ

๓๘. ‘‘ภูตปุพฺพํ , ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท เทเว ตาวตึเส อนุนยมาโน ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;

ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ;

อุโปสถํ อุปวเสยฺย, โยปิสฺส มาทิโส นโร’’ติ.

‘‘สา โข ปเนสา, ภิกฺขเว, สกฺเกน เทวานมินฺเทน คาถา ทุคฺคีตา น สุคีตา ทุพฺภาสิตา น สุภาสิตา. ตํ กิสฺส เหตุ? สกฺโก หิ, ภิกฺขเว, เทวานมินฺโท อปริมุตฺโต ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, อปริมุตฺโต ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.

‘‘โย จ โข โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทฺา วิมุตฺโต, ตสฺส โข เอตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน กลฺลํ วจนาย –

‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;

ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ;

อุโปสถํ อุปวเสยฺย, โยปิสฺส มาทิโส นโร’’ติ.

‘‘ตํ กิสฺส เหตุ? โส หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปริมุตฺโต ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ปริมุตฺโต ทุกฺขสฺมาติ วทามี’’ติ. อฏฺมํ.

๙. สุขุมาลสุตฺตํ

๓๙. ‘‘สุขุมาโล อหํ, ภิกฺขเว, ปรมสุขุมาโล อจฺจนฺตสุขุมาโล. มม สุทํ, ภิกฺขเว, ปิตุ นิเวสเน โปกฺขรณิโย การิตา โหนฺติ. เอกตฺถ สุทํ, ภิกฺขเว, อุปฺปลํ วปฺปติ [ปุปฺผติ (สี. ปี.)], เอกตฺถ ปทุมํ, เอกตฺถ ปุณฺฑรีกํ, ยาวเทว มมตฺถาย . น โข ปนสฺสาหํ, ภิกฺขเว, อกาสิกํ จนฺทนํ ธาเรมิ [กาสิกํ จนฺทนํ ธาเรมิ (สฺยา. กํ. ก.), อกาสิกํ ธาเรมิ (?)]. กาสิกํ , ภิกฺขเว, สุ เม ตํ เวนํ โหติ, กาสิกา กฺจุกา, กาสิกํ นิวาสนํ, กาสิโก อุตฺตราสงฺโค. รตฺตินฺทิวํ [รตฺติทิวํ (ก.)] โข ปน เม สุ ตํ, ภิกฺขเว, เสตจฺฉตฺตํ ธารียติ – ‘มา นํ ผุสิ สีตํ วา อุณฺหํ วา ติณํ วา รโช วา อุสฺสาโว วา’’’ติ.

‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, ตโย ปาสาทา อเหสุํ – เอโก เหมนฺติโก, เอโก คิมฺหิโก, เอโก วสฺสิโก. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, วสฺสิเก ปาสาเท วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส นิปฺปุริเสหิ ตูริเยหิ ปริจารยมาโน [ปริจาริยมาโน (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] น เหฏฺาปาสาทํ โอโรหามิ. ยถา โข ปน, ภิกฺขเว, อฺเสํ นิเวสเน ทาสกมฺมกรโปริสสฺส กณาชกํ โภชนํ ทียติ พิลงฺคทุติยํ, เอวเมวสฺสุ เม, ภิกฺขเว, ปิตุ นิเวสเน ทาสกมฺมกรโปริสสฺส สาลิมํโสทโน ทียติ.

‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอวรูปาย อิทฺธิยา สมนฺนาคตสฺส เอวรูเปน จ สุขุมาเลน เอตทโหสิ – ‘อสฺสุตวา โข ปุถุชฺชโน อตฺตนา ชราธมฺโม สมาโน ชรํ อนตีโต ปรํ ชิณฺณํ ทิสฺวา อฏฺฏียติ หรายติ ชิคุจฺฉติ อตฺตานํเยว อติสิตฺวา, อหมฺปิ โขมฺหิ ชราธมฺโม ชรํ อนตีโต. อหฺเจว [อหฺเจ (?)] โข ปน ชราธมฺโม สมาโน ชรํ อนตีโต ปรํ ชิณฺณํ ทิสฺวา อฏฺฏีเยยฺยํ หราเยยฺยํ ชิคุจฺเฉยฺยํ น เมตํ อสฺส ปติรูป’นฺติ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, อิติ ปฏิสฺจิกฺขโต โย โยพฺพเน โยพฺพนมโท โส สพฺพโส ปหียิ.

‘‘อสฺสุตวา โข ปุถุชฺชโน อตฺตนา พฺยาธิธมฺโม สมาโน พฺยาธึ อนตีโต ปรํ พฺยาธิตํ ทิสฺวา อฏฺฏียติ หรายติ ชิคุจฺฉติ อตฺตานํเยว อติสิตฺวา – ‘อหมฺปิ โขมฺหิ พฺยาธิธมฺโม พฺยาธึ อนตีโต, อหฺเจว โข ปน พฺยาธิธมฺโม สมาโน พฺยาธึ อนตีโต ปรํ พฺยาธิกํ ทิสฺวา อฏฺฏีเยยฺยํ หราเยยฺยํ ชิคุจฺเฉยฺยํ, น เมตํ อสฺส ปติรูป’นฺติ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, อิติ ปฏิสฺจิกฺขโต โย อาโรคฺเย อาโรคฺยมโท โส สพฺพโส ปหียิ.

‘‘อสฺสุตวา โข ปุถุชฺชโน อตฺตนา มรณธมฺโม สมาโน มรณํ อนตีโต ปรํ มตํ ทิสฺวา อฏฺฏียติ หรายติ ชิคุจฺฉติ อตฺตานํเยว อติสิตฺวา – ‘อหมฺปิ โขมฺหิ มรณธมฺโม, มรณํ อนตีโต, อหํ เจว โข ปน มรณธมฺโม สมาโน มรณํ อนตีโต ปรํ มตํ ทิสฺวา อฏฺฏีเยยฺยํ หราเยยฺยํ ชิคุจฺเฉยฺยํ, น เมตํ อสฺส ปติรูป’นฺติ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, อิติ ปฏิสฺจิกฺขโต โย ชีวิเต ชีวิตมโท โส สพฺพโส ปหียี’’ติ.

‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, มทา. กตเม ตโย? โยพฺพนมโท, อาโรคฺยมโท, ชีวิตมโท. โยพฺพนมทมตฺโต วา, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา, วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. อาโรคฺยมทมตฺโต วา, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… ชีวิตมทมตฺโต วา, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา , วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ.

‘‘โยพฺพนมทมตฺโต วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ. อาโรคฺยมทมตฺโต วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ…เป… ชีวิตมทมตฺโต วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตตี’’ติ.

‘‘พฺยาธิธมฺมา ชราธมฺมา, อโถ มรณธมฺมิโน;

ยถาธมฺมา [พฺยาธิธมฺโม ชราธมฺโม, อโถ มรณธมฺมิโก; ยถา ธมฺโม (ก.)] ตถาสนฺตา, ชิคุจฺฉนฺติ ปุถุชฺชนา.

‘‘อหฺเจ ตํ ชิคุจฺเฉยฺยํ, เอวํธมฺเมสุ ปาณิสุ;

น เมตํ ปติรูปสฺส, มม เอวํ วิหาริโน.

‘‘โสหํ เอวํ วิหรนฺโต, ตฺวา ธมฺมํ นิรูปธึ;

อาโรคฺเย โยพฺพนสฺมิฺจ, ชีวิตสฺมิฺจ เย มทา.

‘‘สพฺเพ มเท อภิโภสฺมิ [อตีโตสฺมิ (ก.)], เนกฺขมฺเม ทฏฺุ เขมตํ;

ตสฺส เม อหุ อุสฺสาโห, นิพฺพานํ อภิปสฺสโต.

‘‘นาหํ ภพฺโพ เอตรหิ, กามานิ ปฏิเสวิตุํ;

อนิวตฺติ ภวิสฺสามิ, พฺรหฺมจริยปรายโณ’’ติ. นวมํ;

๑๐. อาธิปเตยฺยสุตฺตํ

๔๐. ‘‘ตีณิมานิ , ภิกฺขเว, อาธิปเตยฺยานิ. กตมานิ ตีณิ? อตฺตาธิปเตยฺยํ, โลกาธิปเตยฺยํ, ธมฺมาธิปเตยฺยํ. กตมฺจ, ภิกฺขเว, อตฺตาธิปเตยฺยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุฺาคารคโต วา อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. น ปิณฺฑปาตเหตุ, น เสนาสนเหตุ, น อิติภวาภวเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. อปิ จ โขมฺหิ โอติณฺโณ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต. อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถาติ. อหฺเจว โข ปน ยาทิสเก [ยาทิสเก วา (สี. ปี. ก.)] กาเม โอหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต ตาทิสเก วา [จ (ก.)] กาเม ปริเยเสยฺยํ ตโต วา [จ (ก.)] ปาปิฏฺตเร, น เมตํ ปติรูป’นฺติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ ภวิสฺสติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺค’นฺติ. โส อตฺตานํเยว อธิปตึ กริตฺวา อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธํ อตฺตานํ ปริหรติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อตฺตาธิปเตยฺยํ.

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, โลกาธิปเตยฺยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุฺาคารคโต วา อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. น ปิณฺฑปาตเหตุ, น เสนาสนเหตุ, น อิติภวาภวเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. อปิ จ โขมฺหิ โอติณฺโณ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต. อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. อหฺเจว โข ปน เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน กามวิตกฺกํ วา วิตกฺเกยฺยํ, พฺยาปาทวิตกฺกํ วา วิตกฺเกยฺยํ, วิหึสาวิตกฺกํ วา วิตกฺเกยฺยํ, มหา โข ปนายํ โลกสนฺนิวาโส. มหนฺตสฺมึ โข ปน โลกสนฺนิวาเส สนฺติ สมณพฺราหฺมณา อิทฺธิมนฺโต ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุโน. เต ทูรโตปิ ปสฺสนฺติ, อาสนฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ, เจตสาปิ จิตฺตํ ปชานนฺติ [ชานนฺติ (ก.)]. เตปิ มํ เอวํ ชาเนยฺยุํ – ‘ปสฺสถ, โภ, อิมํ กุลปุตฺตํ สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน โวกิณฺโณ วิหรติ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ. เทวตาปิ โข สนฺติ อิทฺธิมนฺตินิโย ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุนิโย. ตา ทูรโตปิ ปสฺสนฺติ, อาสนฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ, เจตสาปิ จิตฺตํ ชานนฺติ. ตาปิ มํ เอวํ ชาเนยฺยุํ – ‘ปสฺสถ, โภ, อิมํ กุลปุตฺตํ สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน โวกิณฺโณ วิหรติ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ ภวิสฺสติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺค’นฺติ. โส โลกํเยว อธิปตึ กริตฺวา อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธํ อตฺตานํ ปริหรติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, โลกาธิปเตยฺยํ.

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ธมฺมาธิปเตยฺยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุฺาคารคโต วา อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. น ปิณฺฑปาตเหตุ, น เสนาสนเหตุ, น อิติภวาภวเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. อปิ จ โขมฺหิ โอติณฺโณ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต. อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถาติ. สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหีติ. สนฺติ โข ปน เม สพฺรหฺมจารี ชานํ ปสฺสํ วิหรนฺติ. อหฺเจว โข ปน เอวํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิโต สมาโน กุสีโต วิหเรยฺยํ ปมตฺโต, น เมตํ อสฺส ปติรูป’นฺติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ ภวิสฺสติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺค’นฺติ. โส ธมฺมํเยว อธิปตึ กริตฺวา อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธํ อตฺตานํ ปริหรติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ธมฺมาธิปเตยฺยํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ อาธิปเตยฺยานี’’ติ.

‘‘นตฺถิ โลเก รโห นาม, ปาปกมฺมํ ปกุพฺพโต;

อตฺตา เต ปุริส ชานาติ, สจฺจํ วา ยทิ วา มุสา.

‘‘กลฺยาณํ วต โภ สกฺขิ, อตฺตานํ อติมฺสิ;

โย สนฺตํ อตฺตนิ ปาปํ, อตฺตานํ ปริคูหสิ.

‘‘ปสฺสนฺติ เทวา จ ตถาคตา จ,

โลกสฺมึ พาลํ วิสมํ จรนฺตํ;

ตสฺมา หิ อตฺตาธิปเตยฺยโก จ [อตฺตาธิปโก สโก จเร (สี. สฺยา. กํ. ปี.)],

โลกาธิโป จ นิปโก จ ฌายี.

‘‘ธมฺมาธิโป จ อนุธมฺมจารี,

หียติ สจฺจปรกฺกโม มุนิ;

ปสยฺห มารํ อภิภุยฺย อนฺตกํ,

โย จ ผุสี ชาติกฺขยํ ปธานวา;

โส ตาทิโส โลกวิทู สุเมโธ,

สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อตมฺมโย มุนี’’ติ. ทสมํ;

เทวทูตวคฺโค จตุตฺโถ.

ตสฺสุทฺทานํ –

พฺรหฺม อานนฺท สาริปุตฺโต, นิทานํ หตฺถเกน จ;

ทูตา ทุเว จ ราชาโน, สุขุมาลาธิปเตยฺเยน จาติ.