📜
๕. จูฬวคฺโค
๑. สมฺมุขีภาวสุตฺตํ
๔๑. ‘‘ติณฺณํ ¶ , ภิกฺขเว, สมฺมุขีภาวา สทฺโธ กุลปุตฺโต พหุํ ปฺุํ ปสวติ. กตเมสํ ติณฺณํ? สทฺธาย, ภิกฺขเว, สมฺมุขีภาวา สทฺโธ กุลปุตฺโต พหุํ ปฺุํ ปสวติ. เทยฺยธมฺมสฺส, ภิกฺขเว, สมฺมุขีภาวา สทฺโธ กุลปุตฺโต พหุํ ปฺุํ ปสวติ. ทกฺขิเณยฺยานํ, ภิกฺขเว, สมฺมุขีภาวา สทฺโธ กุลปุตฺโต พหุํ ปฺุํ ปสวติ. อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ติณฺณํ สมฺมุขีภาวา สทฺโธ กุลปุตฺโต พหุํ ปฺุํ ปสวตี’’ติ. ปมํ.
๒. ติานสุตฺตํ
๔๒. ‘‘ตีหิ ¶ , ภิกฺขเว, าเนหิ สทฺโธ ปสนฺโน เวทิตพฺโพ. กตเมหิ ตีหิ? สีลวนฺตานํ ทสฺสนกาโม โหติ, สทฺธมฺมํ โสตุกาโม โหติ ¶ , วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ าเนหิ สทฺโธ ปสนฺโน เวทิตพฺโพ’’.
‘‘ทสฺสนกาโม สีลวตํ, สทฺธมฺมํ โสตุมิจฺฉติ;
วินเย มจฺเฉรมลํ, ส เว สทฺโธติ วุจฺจตี’’ติ. ทุติยํ;
๓. อตฺถวสสุตฺตํ
๔๓. ‘‘ตโย ¶ , ภิกฺขเว, อตฺถวเส สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ปเรสํ ธมฺมํ เทเสตุํ. กตเม ตโย? โย ธมฺมํ เทเสติ โส อตฺถปฺปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฺปฏิสํเวที จ. โย ธมฺมํ สุณาติ โส อตฺถปฺปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฺปฏิสํเวที จ. โย เจว ธมฺมํ เทเสติ โย จ ธมฺมํ ¶ สุณาติ อุโภ อตฺถปฺปฏิสํเวทิโน จ โหนฺติ ธมฺมปฺปฏิสํเวทิโน จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย อตฺถวเส สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ปเรสํ ธมฺมํ เทเสตุ’’นฺติ. ตติยํ.
๔. กถาปวตฺติสุตฺตํ
๔๔. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ กถา ปวตฺตินี โหติ. กตเมหิ ตีหิ? โย ธมฺมํ เทเสติ โส อตฺถปฺปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฺปฏิสํเวที จ. โย ธมฺมํ สุณาติ โส อตฺถปฺปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฺปฏิสํเวที จ. โย เจว ธมฺมํ เทเสติ โย จ ธมฺมํ สุณาติ อุโภ อตฺถปฺปฏิสํเวทิโน จ โหนฺติ ธมฺมปฺปฏิสํเวทิโน จ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ าเนหิ กถา ปวตฺตินี โหตี’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. ปณฺฑิตสุตฺตํ
๔๕. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตปฺตฺตานิ สปฺปุริสปฺตฺตานิ. กตมานิ ตีณิ? ทานํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตปฺตฺตํ สปฺปุริสปฺตฺตํ ¶ . ปพฺพชฺชา, ภิกฺขเว ¶ , ปณฺฑิตปฺตฺตา สปฺปุริสปฺตฺตา. มาตาปิตูนํ, ภิกฺขเว, อุปฏฺานํ ปณฺฑิตปฺตฺตํ สปฺปุริสปฺตฺตํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ปณฺฑิตปฺตฺตานิ สปฺปุริสปฺตฺตานี’’ติ.
‘‘สพฺภิ ทานํ อุปฺตฺตํ, อหึสา สํยโม ทโม;
มาตาปิตุ อุปฏฺานํ, สนฺตานํ พฺรหฺมจารินํ.
‘‘สตํ เอตานิ านานิ, ยานิ เสเวถ ปณฺฑิโต;
อริโย ทสฺสนสมฺปนฺโน, ส โลกํ ภชเต สิว’’นฺติ. ปฺจมํ;
๖. สีลวนฺตสุตฺตํ
๔๖. ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, สีลวนฺโต ปพฺพชิตา คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ. ตตฺถ มนุสฺสา ตีหิ าเนหิ พหุํ ปฺุํ ปสวนฺติ. กตเมหิ ตีหิ? กาเยน ¶ , วาจาย ¶ , มนสา. ยํ, ภิกฺขเว, สีลวนฺโต ปพฺพชิตา คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ. ตตฺถ มนุสฺสา อิเมหิ ตีหิ าเนหิ พหุํ ปฺุํ ปสวนฺตี’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. สงฺขตลกฺขณสุตฺตํ
๔๗. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, สงฺขตสฺส สงฺขตลกฺขณานิ. กตมานิ ตีณิ? อุปฺปาโท ปฺายติ, วโย ปฺายติ, ิตสฺส อฺถตฺตํ ปฺายติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ สงฺขตสฺส สงฺขตลกฺขณานี’’ติ. สตฺตมํ.
๘. อสงฺขตลกฺขณสุตฺตํ
๔๘. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อสงฺขตสฺส อสงฺขตลกฺขณานิ. กตมานิ ตีณิ? น อุปฺปาโท ปฺายติ, น วโย ปฺายติ, น ิตสฺส อฺถตฺตํ ปฺายติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ อสงฺขตสฺส อสงฺขตลกฺขณานี’’ติ. อฏฺมํ.
๙. ปพฺพตราชสุตฺตํ
๔๙. ‘‘หิมวนฺตํ, ภิกฺขเว, ปพฺพตราชํ นิสฺสาย มหาสาลา ตีหิ ¶ วฑฺฒีหิ วฑฺฒนฺติ. กตมาหิ ตีหิ? สาขาปตฺตปลาเสน วฑฺฒนฺติ, ตจปปฏิกาย วฑฺฒนฺติ ¶ , เผคฺคุสาเรน วฑฺฒนฺติ. หิมวนฺตํ, ภิกฺขเว, ปพฺพตราชํ นิสฺสาย มหาสาลา อิมาหิ ตีหิ วฑฺฒีหิ วฑฺฒนฺติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, สทฺธํ กุลปตึ นิสฺสาย อนฺโต ชโน ตีหิ วฑฺฒีหิ วฑฺฒติ. กตมาหิ ตีหิ? สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน วฑฺฒติ, ปฺาย วฑฺฒติ. สทฺธํ, ภิกฺขเว, กุลปตึ นิสฺสาย อนฺโต ชโน อิมาหิ ตีหิ วฑฺฒีหิ วฑฺฒตี’’ติ.
‘‘ยถาปิ ปพฺพโต เสโล, อรฺสฺมึ พฺรหาวเน;
ตํ รุกฺขา อุปนิสฺสาย, วฑฺฒนฺเต เต วนปฺปตี.
‘‘ตเถว ¶ สีลสมฺปนฺนํ, สทฺธํ กุลปตึ อิธ;
อุปนิสฺสาย วฑฺฒนฺติ, ปุตฺตทารา จ พนฺธวา;
อมจฺจา าติสงฺฆา จ, เย จสฺส อนุชีวิโน.
‘‘ตฺยาสฺส ¶ สีลวโต สีลํ, จาคํ สุจริตานิ จ;
ปสฺสมานานุกุพฺพนฺติ, อตฺตมตฺถํ [เย ภวนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วิจกฺขณา.
‘‘อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, มคฺคํ สุคติคามินํ;
นนฺทิโน เทวโลกสฺมึ, โมทนฺติ กามกามิโน’’ติ. นวมํ;
๑๐. อาตปฺปกรณียสุตฺตํ
๕๐. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ อาตปฺปํ กรณียํ. กตเมหิ ตีหิ? อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย อาตปฺปํ กรณียํ ¶ , อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย อาตปฺปํ กรณียํ, อุปฺปนฺนานํ สารีริกานํ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ ขรานํ กฏุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ อธิวาสนาย อาตปฺปํ กรณียํ. อิเมหิ ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ อาตปฺปํ กรณียํ.
‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย อาตปฺปํ กโรติ, อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย อาตปฺปํ กโรติ, อุปฺปนฺนานํ สารีริกานํ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ ขรานํ กฏุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ อธิวาสนาย อาตปฺปํ ¶ กโรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาตาปี นิปโก สโต สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ. ทสมํ.
๑๑. มหาโจรสุตฺตํ
๕๑. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต มหาโจโร สนฺธิมฺปิ ฉินฺทติ, นิลฺโลปมฺปิ หรติ, เอกาคาริกมฺปิ กโรติ, ปริปนฺเถปิ ติฏฺติ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร ¶ วิสมนิสฺสิโต จ โหติ, คหนนิสฺสิโต จ โหติ, พลวนิสฺสิโต จ โหติ. กถฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร นทีวิทุคฺคํ วา นิสฺสิโต โหติ ปพฺพตวิสมํ วา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร คหนนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร ติณคหนํ วา นิสฺสิโต โหติ, รุกฺขคหนํ ¶ วา โรธํ [เคธํ (สี. ปี.)] วา มหาวนสณฺฑํ วา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร คหนนิสฺสิโต โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร พลวนิสฺสิโต โหติ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, มหาโจโร ราชานํ วา ราชมหามตฺตานํ วา นิสฺสิโต โหติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิฺจิ วกฺขติ, อิเม เม ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณิสฺสนฺตี’ติ. สเจ นํ โกจิ กิฺจิ อาห, ตฺยาสฺส ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร พลวนิสฺสิโต โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต มหาโจโร สนฺธิมฺปิ ฉินฺทติ, นิลฺโลปมฺปิ หรติ, เอกาคาริกมฺปิ กโรติ, ปริปนฺเถปิ ติฏฺติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปาปภิกฺขุ ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวชฺโช จ โหติ สานุวชฺโช จ วิฺูนํ, พหฺุจ อปฺุํ ปสวติ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต จ โหติ คหนนิสฺสิโต จ พลวนิสฺสิโต จ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสเมน กายกมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ, วิสเมน วจีกมฺเมน ¶ สมนฺนาคโต โหติ, วิสเมน มโนกมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ คหนนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ มิจฺฉาทิฏฺิโก ¶ โหติ, อนฺตคฺคาหิกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ คหนนิสฺสิโต โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ พลวนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ ราชานํ วา ราชมหามตฺตานํ วา นิสฺสิโต โหติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิฺจิ วกฺขติ, อิเม เม ราชาโน ¶ วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณิสฺสนฺตี’ติ. สเจ นํ โกจิ กิฺจิ อาห, ตฺยาสฺส ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ พลวนิสฺสิโต โหติ. อิเมหิ โข ¶ , ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปาปภิกฺขุ ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวชฺโช จ โหติ สานุวชฺโช จ วิฺูนํ, พหฺุจ อปฺุํ ปสวตี’’ติ. เอกาทสมํ.
จูฬวคฺโค ปฺจโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
สมฺมุขี านตฺถวสํ, ปวตฺติ ปณฺฑิต สีลวํ;
สงฺขตํ ปพฺพตาตปฺปํ, มหาโจเรเนกาทสาติ [มหาโจเรน เต ทสาติ (ก.)].
ปโม ปณฺณาสโก สมตฺโต.
๒. ทุติยปณฺณาสกํ