📜
(๙) ๔. สมณวคฺโค
๑. สมณสุตฺตํ
๘๒. ‘‘ตีณิมานิ ¶ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, สมณสฺส สมณิยานิ สมณกรณียานิ. กตมานิ ตีณิ? อธิสีลสิกฺขาสมาทานํ, อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทานํ, อธิปฺาสิกฺขาสมาทานํ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ สมณสฺส สมณิยานิ สมณกรณียานิ.
‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิสีลสิกฺขาสมาทาเน, ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทาเน, ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิปฺาสิกฺขาสมาทาเน’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ปมํ.
๒. คทฺรภสุตฺตํ
๘๓. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, คทฺรโภ โคคณํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺโธ โหติ – ‘อหมฺปิ ทมฺโม, อหมฺปิ ทมฺโม’ติ [อหมฺปิ โค อมฺหา อหมฺปิ โค อมฺหาติ (สี.), อหมฺปิ อมฺหา อหมฺปิ อมฺหาติ (สฺยา. กํ. ปี.), อหมฺปิ โค อหมฺปิ โคติ (?)]. ตสฺส น ตาทิโส วณฺโณ โหติ เสยฺยถาปิ คุนฺนํ, น ตาทิโส สโร โหติ เสยฺยถาปิ คุนฺนํ, น ตาทิสํ ปทํ โหติ เสยฺยถาปิ คุนฺนํ. โส โคคณํเยว ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺโธ โหติ – ‘อหมฺปิ ทมฺโม, อหมฺปิ ทมฺโม’’’ติ.
‘‘เอวเมวํ ¶ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ ภิกฺขุสงฺฆํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺโธ โหติ – ‘อหมฺปิ ภิกฺขุ, อหมฺปิ ภิกฺขู’ติ. ตสฺส น ตาทิโส ฉนฺโท โหติ อธิสีลสิกฺขาสมาทาเน เสยฺยถาปิ อฺเสํ ภิกฺขูนํ, น ตาทิโส ฉนฺโท โหติ อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทาเน เสยฺยถาปิ อฺเสํ ภิกฺขูนํ, น ตาทิโส ฉนฺโท โหติ อธิปฺาสิกฺขาสมาทาเน เสยฺยถาปิ อฺเสํ ภิกฺขูนํ. โส ภิกฺขุสงฺฆํเยว ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺโธ โหติ – ‘อหมฺปิ ภิกฺขุ, อหมฺปิ ภิกฺขู’’’ติ.
‘‘ตสฺมาติห ¶ ¶ , ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิสีลสิกฺขาสมาทาเน, ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทาเน, ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิปฺาสิกฺขาสมาทาเน’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ทุติยํ.
๓. เขตฺตสุตฺตํ
๘๔. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, กสฺสกสฺส คหปติสฺส ปุพฺเพ กรณียานิ. กตมานิ ตีณิ? อิธ, ภิกฺขเว, กสฺสโก คหปติ ปฏิกจฺเจว [ปฏิคจฺเจว (สี. ปี.)] เขตฺตํ สุกฏฺํ กโรติ สุมติกตํ [สุมตฺติกตํ (ก.), เอตฺถ มติสทฺโท กฏฺเขตฺตสฺส สมีกรณสาธเน ทารุภณฺเฑ วตฺตตีติ สกฺกตอภิธาเนสุ อาคตํ. ตํ ‘‘มติยา สุฏฺุ สมีกต’’นฺติ อฏฺกถาย สเมติ]. ปฏิกจฺเจว เขตฺตํ สุกฏฺํ กริตฺวา สุมติกตํ กาเลน พีชานิ ปติฏฺาเปติ. กาเลน พีชานิ ปติฏฺาเปตฺวา สมเยน อุทกํ อภิเนติปิ อปเนติปิ. อิมานิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ กสฺสกสฺส คหปติสฺส ปุพฺเพ กรณียานิ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีณิมานิ ภิกฺขุสฺส ปุพฺเพ กรณียานิ. กตมานิ ตีณิ? อธิสีลสิกฺขาสมาทานํ, อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทานํ, อธิปฺาสิกฺขาสมาทานํ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ภิกฺขุสฺส ปุพฺเพ กรณียานิ.
‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิสีลสิกฺขาสมาทาเน, ติพฺโพ ¶ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทาเน, ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิปฺาสิกฺขาสมาทาเน’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ตติยํ.
๔. วชฺชิปุตฺตสุตฺตํ
๘๕. เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข อฺตโร วชฺชิปุตฺตโก ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส วชฺชิปุตฺตโก ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธิกมิทํ, ภนฺเต, ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตํ [ทิยฑฺฒํ สิกฺขาปทสตํ (สี.)] อนฺวทฺธมาสํ อุทฺเทสํ อาคจฺฉติ. นาหํ ¶ ¶ , ภนฺเต, เอตฺถ สกฺโกมิ สิกฺขิตุ’’นฺติ. ‘‘สกฺขิสฺสสิ ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขิตุํ – อธิสีลสิกฺขาย, อธิจิตฺตสิกฺขาย อธิปฺาสิกฺขายา’’ติ? ‘‘สกฺโกมหํ, ภนฺเต, ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขิตุํ – อธิสีลสิกฺขาย, อธิจิตฺตสิกฺขาย, อธิปฺาสิกฺขายา’’ติ. ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, ภิกฺขุ, ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขสฺสุ – อธิสีลสิกฺขาย, อธิจิตฺตสิกฺขาย, อธิปฺาสิกฺขาย’’.
‘‘ยโต โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, อธิสีลมฺปิ สิกฺขิสฺสสิ, อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขิสฺสสิ, อธิปฺมฺปิ สิกฺขิสฺสสิ, ตสฺส ตุยฺหํ ภิกฺขุ อธิสีลมฺปิ สิกฺขโต อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขโต อธิปฺมฺปิ สิกฺขโต ราโค ปหียิสฺสติ, โทโส ปหียิสฺสติ, โมโห ปหียิสฺสติ. โส ตฺวํ ราคสฺส ปหานา โทสสฺส ปหานา โมหสฺส ปหานา ยํ อกุสลํ น ตํ กริสฺสสิ, ยํ ปาปํ น ตํ เสวิสฺสสี’’ติ.
อถ โข โส ภิกฺขุ อปเรน สมเยน อธิสีลมฺปิ สิกฺขิ, อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขิ, อธิปฺมฺปิ สิกฺขิ. ตสฺส อธิสีลมฺปิ ¶ สิกฺขโต อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขโต อธิปฺมฺปิ ¶ สิกฺขโต ราโค ปหียิ, โทโส ปหียิ, โมโห ปหียิ. โส ราคสฺส ปหานา โทสสฺส ปหานา โมหสฺส ปหานา ยํ อกุสลํ ตํ นากาสิ, ยํ ปาปํ ตํ น เสวีติ. จตุตฺถํ.
๕. เสกฺขสุตฺตํ
๘๖. อถ โข อฺตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘‘เสโข, เสโข’ติ, ภนฺเต, วุจฺจติ. กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, เสโข โหตี’’ติ? ‘‘สิกฺขตีติ โข, ภิกฺขุ, ตสฺมา เสโขติ วุจฺจติ. กิฺจ สิกฺขติ? อธิสีลมฺปิ สิกฺขติ, อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขติ, อธิปฺมฺปิ สิกฺขติ. สิกฺขตีติ โข, ภิกฺขุ, ตสฺมา เสโขติ วุจฺจตี’’ติ.
‘‘เสขสฺส ¶ สิกฺขมานสฺส, อุชุมคฺคานุสาริโน;
ขยสฺมึ ปมํ าณํ, ตโต อฺา อนนฺตรา.
‘‘ตโต อฺาวิมุตฺตสฺส [อฺาวิมุตฺติยา (ก.)], าณํ เว [าณฺจ (ก.)] โหติ ตาทิโน;
อกุปฺปา เม วิมุตฺตีติ, ภวสํโยชนกฺขเย’’ติ. ปฺจมํ; ( ) [(อฏฺมํ ภาณวารํ นิฏฺิตํ) (ก.)]
๖. ปมสิกฺขาสุตฺตํ
๘๗. ‘‘สาธิกมิทํ ¶ , ภิกฺขเว, ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตํ อนฺวทฺธมาสํ อุทฺเทสํ อาคจฺฉติ, ยตฺถ อตฺตกามา กุลปุตฺตา สิกฺขนฺติ. ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, สิกฺขา ยตฺเถตํ สพฺพํ สโมธานํ คจฺฉติ. กตมา ติสฺโส? อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา อธิปฺาสิกฺขา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส สิกฺขา, ยตฺเถตํ สพฺพํ สโมธานํ คจฺฉติ.
‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมึ มตฺตโส การี ปฺาย ¶ มตฺตโส การี. โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ วุฏฺาติปิ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตา. ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ, ตตฺถ ธุวสีโล [ธุวสีลี (สี.) ปุ. ป. ๑๒๗-๑๒๙ (โถกํ วิสทิสํ)] จ โหติ ิตสีโล [ิตสีลี (สี.)] จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ¶ โสตาปนฺโน โหติ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมึ มตฺตโส การี ปฺาย มตฺตโส การี. โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ วุฏฺาติปิ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตา. ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ ตตฺถ ธุวสีโล จ โหติ ิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหติ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมึ ปริปูรการี ปฺาย ¶ มตฺตโส การี. โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ วุฏฺาติปิ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตา. ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ ตตฺถ ธุวสีโล จ โหติ ิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ ¶ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี ¶ อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมึ ปริปูรการี ปฺาย ปริปูรการี. โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ วุฏฺาติปิ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตา. ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ ตตฺถ ธุวสีโล จ โหติ ิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, ปเทสํ ปเทสการี อาราเธติ ปริปูรํ ปริปูรการี. อวฺฌานิ ตฺเววาหํ [อวฺจุวเนวาหํ (ก.)], ภิกฺขเว, สิกฺขาปทานิ วทามี’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. ทุติยสิกฺขาสุตฺตํ
๘๘. ‘‘สาธิกมิทํ, ภิกฺขเว, ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตํ อนฺวทฺธมาสํ อุทฺเทสํ อาคจฺฉติ ยตฺถ อตฺตกามา กุลปุตฺตา ¶ สิกฺขนฺติ. ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, สิกฺขา ยตฺเถตํ สพฺพํ สโมธานํ คจฺฉติ. กตมา ติสฺโส? อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปฺาสิกฺขา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส สิกฺขา ยตฺเถตํ สพฺพํ สโมธานํ คจฺฉติ.
‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมึ มตฺตโส การี ปฺาย มตฺตโส การี. โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ วุฏฺาติปิ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตา. ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ ตตฺถ ธุวสีโล จ โหติ ิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ ¶ สิกฺขาปเทสุ. โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา สตฺตกฺขตฺตุปรโม โหติ ¶ . สตฺตกฺขตฺตุปรมํ เทเว จ มนุสฺเส จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โกลํโกโล โหติ, ทฺเว วา ตีณิ วา กุลานิ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. โส ติณฺณํ ¶ สํโยชนานํ ปริกฺขยา เอกพีชี โหติ, เอกํเยว มานุสกํ ภวํ นิพฺพตฺเตตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหติ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมึ ปริปูรการี ปฺาย มตฺตโส การี. โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ วุฏฺาติปิ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตา. ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ ตตฺถ ธุวสีโล จ โหติ ิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา สสงฺขารปรินิพฺพายี โหติ. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อสงฺขารปรินิพฺพายี โหติ. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุปหจฺจปรินิพฺพายี โหติ. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมึ ปริปูรการี ¶ ปฺาย ปริปูรการี. โส ยานิ ตานิ ¶ ธุวสีโล จ โหติ ิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, ปเทสํ ปเทสการี อาราเธติ, ปริปูรํ ปริปูรการี, อวฺฌานิ ตฺเววาหํ, ภิกฺขเว, สิกฺขาปทานิ วทามี’’ติ. สตฺตมํ.
๘. ตติยสิกฺขาสุตฺตํ
๘๙. ‘‘สาธิกมิทํ ¶ , ภิกฺขเว, ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตํ อนฺวทฺธมาสํ อุทฺเทสํ อาคจฺฉติ ยตฺถ อตฺตกามา กุลปุตฺตา สิกฺขนฺติ. ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, สิกฺขา ¶ ยตฺเถตํ สพฺพํ สโมธานํ คจฺฉติ. กตมา ติสฺโส? อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปฺาสิกฺขา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส สิกฺขา ยตฺเถตํ สพฺพํ สโมธานํ คจฺฉติ.
‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมึ ปริปูรการี ปฺาย ปริปูรการี. โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ วุฏฺาติปิ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตา. ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ ตตฺถ ธุวสีโล จ โหติ ิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ¶ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติ. ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุปหจฺจปรินิพฺพายี โหติ. ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อสงฺขารปรินิพฺพายี โหติ. ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา สสงฺขารปรินิพฺพายี โหติ. ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุทฺธํโสโต โหติ อกนิฏฺคามี ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา, ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหติ, สกิเทว อิมํ โลกํ ¶ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา เอกพีชี โหติ, เอกํเยว มานุสกํ ภวํ นิพฺพตฺเตตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โกลํโกโล โหติ, ทฺเว วา ตีณิ วา กุลานิ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา สตฺตกฺขตฺตุปรโม โหติ, สตฺตกฺขตฺตุปรมํ เทเว จ มนุสฺเส จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ.
‘‘อิติ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปริปูรํ ปริปูรการี อาราเธติ ปเทสํ ปเทสการี. อวฺฌานิตฺเววาหํ ¶ , ภิกฺขเว, สิกฺขาปทานิ วทามี’’ติ. อฏฺมํ.
๙. ปมสิกฺขตฺตยสุตฺตํ
๙๐. ‘‘ติสฺโส ¶ อิมา, ภิกฺขเว, สิกฺขา. กตมา ติสฺโส? อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปฺาสิกฺขา.
‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อธิสีลสิกฺขา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ…เป… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิสีลสิกฺขา.
‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตสิกฺขา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตสิกฺขา.
‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อธิปฺาสิกฺขา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิปฺาสิกฺขา. อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส สิกฺขา’’ติ. นวมํ.
๑๐. ทุติยสิกฺขตฺตยสุตฺตํ
๙๑. ‘‘ติสฺโส ¶ อิมา, ภิกฺขเว, สิกฺขา. กตมา ติสฺโส? อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปฺาสิกฺขา.
‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อธิสีลสิกฺขา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ…เป… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิสีลสิกฺขา.
‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตสิกฺขา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… จตุตฺถํ ฌานํ ¶ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตสิกฺขา.
‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อธิปฺาสิกฺขา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิปฺา สิกฺขา. อิมา ¶ โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส สิกฺขา’’ติ.
‘‘อธิสีลํ ¶ อธิจิตฺตํ, อธิปฺฺจ วีริยวา;
ถามวา ธิติมา ฌายี, สโต คุตฺตินฺทฺริโย [อุปฺปตฺตินฺทฺริโย (ก.)] จเร.
‘‘ยถา ปุเร ตถา ปจฺฉา, ยถา ปจฺฉา ตถา ปุเร;
ยถา อโธ ตถา อุทฺธํ, ยถา อุทฺธํ ตถา อโธ.
‘‘ยถา ¶ ทิวา ตถา รตฺตึ, ยถา รตฺตึ ตถา ทิวา;
อภิภุยฺย ทิสา สพฺพา, อปฺปมาณสมาธินา.
‘‘ตมาหุ เสขํ ปฏิปทํ [ปาฏิปทํ (?) ม. นิ. ๒.๒๗ ปสฺสิตพฺพํ], อโถ สํสุทฺธจาริยํ [สํสุทฺธจารณํ (สี. ปี.), สํสุทฺธจารินํ (สฺยา. กํ.)];
ตมาหุ โลเก สมฺพุทฺธํ, ธีรํ ปฏิปทนฺตคุํ.
‘‘วิฺาณสฺส นิโรเธน, ตณฺหากฺขยวิมุตฺติโน;
ปชฺโชตสฺเสว นิพฺพานํ, วิโมกฺโข โหติ เจตโส’’ติ. ทสมํ;
๑๑. สงฺกวาสุตฺตํ
๙๒. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน สงฺกวา [ปงฺกธา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นาม โกสลานํ นิคโม ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา สงฺกวายํ วิหรติ. เตน โข ปน สมเยน กสฺสปโคตฺโต นาม ภิกฺขุ สงฺกวายํ อาวาสิโก โหติ. ตตฺร สุทํ ภควา สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขู สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. อถ โข กสฺสปโคตฺตสฺส ภิกฺขุโน ภควติ สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขู สนฺทสฺเสนฺเต สมาทเปนฺเต สมุตฺเตเชนฺเต สมฺปหํเสนฺเต อหุเทว อกฺขนฺติ อหุ อปฺปจฺจโย – ‘‘อธิสลฺลิขเตวายํ [อธิสลฺเลขเตวายํ (สฺยา. กํ. ก.)] สมโณ’’ติ. อถ โข ภควา สงฺกวายํ ยถาภิรนฺตํ ¶ วิหริตฺวา เยน ราชคหํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ราชคหํ ตทวสริ. ตตฺร ¶ สุทํ ภควา ราชคเห วิหรติ.
อถ โข กสฺสปโคตฺตสฺส ภิกฺขุโน อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต อหุเทว กุกฺกุจฺจํ อหุ วิปฺปฏิสาโร – ‘‘อลาภา วต เม, น วต เม ลาภา ¶ ; ทุลฺลทฺธํ วต เม, น วต เม สุลทฺธํ; ยสฺส เม ภควติ สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขู สนฺทสฺเสนฺเต สมาทเปนฺเต สมุตฺเตเชนฺเต สมฺปหํเสนฺเต อหุเทว อกฺขนฺติ อหุ อปฺปจฺจโย – ‘อธิสลฺลิขเตวายํ สมโณ’ติ. ยํนูนาหํ เยน ภควา เตนุปสงฺกเมยฺยํ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต สนฺติเก อจฺจยํ อจฺจยโต เทเสยฺย’’นฺติ. อถ โข กสฺสปโคตฺโต ภิกฺขุ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ราชคหํ เตน ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน เยน ราชคหํ เยน คิชฺฌกูโฏ ปพฺพโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข กสฺสปโคตฺโต ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘เอกมิทํ, ภนฺเต, สมยํ ภควา สงฺกวายํ วิหรติ, สงฺกวา นาม โกสลานํ นิคโม. ตตฺร, ภนฺเต, ภควา สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขู สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ. ตสฺส มยฺหํ ภควติ สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขู สนฺทสฺเสนฺเต สมาทเปนฺเต สมุตฺเตเชนฺเต สมฺปหํเสนฺเต อหุเทว อกฺขนฺติ อหุ อปฺปจฺจโย ¶ – ‘อธิสลฺลิขเตวายํ สมโณ’ติ. อถ โข ภควา สงฺกวายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน ราชคหํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. ( ) [(อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ราชคหํ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา ราชคเห วิหรติ. อถ โข (ก.)] ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต อหุเทว กุกฺกุจฺจํ อหุ วิปฺปฏิสาโร – อลาภา วต เม, น วต เม ลาภา; ทุลฺลทฺธํ วต เม, น วต เม สุลทฺธํ; ยสฺส เม ภควติ สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขู สนฺทสฺเสนฺเต สมาทเปนฺเต สมุตฺเตเชนฺเต สมฺปหํเสนฺเต อหุเทว อกฺขนฺติ อหุ อปฺปจฺจโย – ‘อธิสลฺลิขเตวายํ สมโณ’ติ. ยํนูนาหํ เยน ภควา เตนุปสงฺกเมยฺยํ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต สนฺติเก อจฺจยํ อจฺจยโต เทเสยฺยนฺติ. อจฺจโย มํ, ภนฺเต ¶ , อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ ยสฺส เม ภควติ สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขู สนฺทสฺเสนฺเต สมาทเปนฺเต สมุตฺเตเชนฺเต สมฺปหํเสนฺเต อหุเทว อกฺขนฺติ อหุ อปฺปจฺจโย – ‘อธิสลฺลิขเตวายํ สมโณ’ติ. ตสฺส ¶ เม, ภนฺเต, ภควา อจฺจยํ อจฺจยโต ปฏิคฺคณฺหาตุ, อายตึ สํวรายา’’ติ.
‘‘ตคฺฆ ตํ [ตคฺฆ ตฺวํ (สี. ปี.)], กสฺสป, อจฺจโย อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ, ยสฺส เต มยิ สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขู สนฺทสฺเสนฺเต สมาทเปนฺเต สมุตฺเตเชนฺเต สมฺปหํเสนฺเต อหุเทว อกฺขนฺติ อหุ อปฺปจฺจโย – ‘อธิสลฺลิขเตวายํ สมโณ’ติ. ยโต จ โข ตฺวํ, กสฺสป, อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรสิ, ตํ เต มยํ ปฏิคฺคณฺหาม. วุทฺธิเหสา, กสฺสป, อริยสฺส วินเย โย อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรติ, อายตึ สํวรํ อาปชฺชติ.
‘‘เถโร เจปิ ¶ , กสฺสป, ภิกฺขุ โหติ น สิกฺขากาโม น สิกฺขาสมาทานสฺส วณฺณวาที, เย จฺเ ภิกฺขู น สิกฺขากามา เต จ น สิกฺขาย สมาทเปติ, เย จฺเ ภิกฺขู ¶ สิกฺขากามา เตสฺจ น วณฺณํ ภณติ ภูตํ ตจฺฉํ กาเลน, เอวรูปสฺสาหํ, กสฺสป, เถรสฺส ภิกฺขุโน น วณฺณํ ภณามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? สตฺถา หิสฺส วณฺณํ ภณตีติ อฺเ นํ [ตํ (สี. ปี.)] ภิกฺขู ภเชยฺยุํ, เย นํ ภเชยฺยุํ ตฺยาสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุํ, ยฺยาสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุํ เตสํ ตํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ. ตสฺมาหํ, กสฺสป, เอวรูปสฺส เถรสฺส ภิกฺขุโน น วณฺณํ ภณามิ.
‘‘มชฺฌิโม เจปิ, กสฺสป, ภิกฺขุ โหติ…เป… นโว เจปิ, กสฺสป, ภิกฺขุ โหติ น สิกฺขากาโม น สิกฺขาสมาทานสฺส วณฺณวาที, เย จฺเ ภิกฺขู น สิกฺขากามา เต จ น สิกฺขาย สมาทเปติ, เย จฺเ ภิกฺขู สิกฺขากามา เตสฺจ น วณฺณํ ภณติ ภูตํ ตจฺฉํ กาเลน, เอวรูปสฺสาหํ, กสฺสป, นวสฺส ภิกฺขุโน น วณฺณํ ภณามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? สตฺถา หิสฺส วณฺณํ ภณตีติ อฺเ นํ ภิกฺขู ภเชยฺยุํ, เย นํ ภเชยฺยุํ ¶ ตฺยาสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุํ, ยฺยาสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุํ เตสํ ตํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ. ตสฺมาหํ, กสฺสป, เอวรูปสฺส นวสฺส ภิกฺขุโน น วณฺณํ ภณามิ.
‘‘เถโร ¶ เจปิ, กสฺสป, ภิกฺขุ โหติ สิกฺขากาโม สิกฺขาสมาทานสฺส วณฺณวาที, เย จฺเ ภิกฺขู น สิกฺขากามา เต จ สิกฺขาย สมาทเปติ, เย จฺเ ภิกฺขู สิกฺขากามา เตสฺจ วณฺณํ ภณติ ¶ ภูตํ ตจฺฉํ กาเลน, เอวรูปสฺสาหํ, กสฺสป, เถรสฺส ภิกฺขุโน วณฺณํ ภณามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? สตฺถา หิสฺส วณฺณํ ภณตีติ อฺเ นํ ภิกฺขู ภเชยฺยุํ, เย นํ ภเชยฺยุํ ตฺยาสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุํ, ยฺยาสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุํ เตสํ ตํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติ. ตสฺมาหํ, กสฺสป, เอวรูปสฺส เถรสฺส ภิกฺขุโน วณฺณํ ภณามิ.
‘‘มชฺฌิโม เจปิ, กสฺสป, ภิกฺขุ โหติ สิกฺขากาโม…เป… นโว เจปิ, กสฺสป, ภิกฺขุ โหติ สิกฺขากาโม สิกฺขาสมาทานสฺส วณฺณวาที, เย จฺเ ภิกฺขู น สิกฺขากามา เต จ สิกฺขาย สมาทเปติ, เย จฺเ ภิกฺขู สิกฺขากามา เตสฺจ วณฺณํ ภณติ ภูตํ ตจฺฉํ กาเลน, เอวรูปสฺสาหํ, กสฺสป, นวสฺส ภิกฺขุโน วณฺณํ ภณามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? สตฺถา หิสฺส วณฺณํ ภณตีติ อฺเ นํ ภิกฺขู ภเชยฺยุํ, เย นํ ภเชยฺยุํ ตฺยาสฺส ¶ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุํ, ยฺยาสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุํ เตสํ ตํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติ. ตสฺมาหํ, กสฺสป, เอวรูปสฺส นวสฺส ภิกฺขุโน วณฺณํ ภณามี’’ติ. เอกาทสมํ.
สมณวคฺโค นวโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
สมโณ คทฺรโภ เขตฺตํ, วชฺชิปุตฺโต จ เสกฺขกํ;
ตโย จ สิกฺขนา วุตฺตา, ทฺเว สิกฺขา สงฺกวาย จาติ.