📜

(๑๐) ๕. โลณกปลฺลวคฺโค

๑. อจฺจายิกสุตฺตํ

๙๓. ‘‘ตีณิมานิ , ภิกฺขเว, กสฺสกสฺส คหปติสฺส อจฺจายิกานิ กรณียานิ. กตมานิ ตีณิ? อิธ, ภิกฺขเว, กสฺสโก คหปติ สีฆํ สีฆํ เขตฺตํ สุกฏฺํ กโรติ สุมติกตํ. สีฆํ สีฆํ เขตฺตํ สุกฏฺํ กริตฺวา สุมติกตํ สีฆํ สีฆํ พีชานิ ปติฏฺาเปติ. สีฆํ สีฆํ พีชานิ ปติฏฺาเปตฺวา สีฆํ สีฆํ อุทกํ อภิเนติปิ อปเนติปิ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ กสฺสกสฺส คหปติสฺส อจฺจายิกานิ กรณียานิ. ตสฺส โข ตํ, ภิกฺขเว, กสฺสกสฺส คหปติสฺส นตฺถิ สา อิทฺธิ วา อานุภาโว วา – ‘อชฺเชว เม ธฺานิ ชายนฺตุ, สฺเวว คพฺภีนิ โหนฺตุ, อุตฺตรสฺเวว ปจฺจนฺตู’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, โหติ โส สมโย ยํ ตสฺส กสฺสกสฺส คหปติสฺส ตานิ ธฺานิ อุตุปริณามีนิ ชายนฺติปิ คพฺภีนิปิ โหนฺติ ปจฺจนฺติปิ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีณิมานิ ภิกฺขุสฺส อจฺจายิกานิ กรณียานิ. กตมานิ ตีณิ? อธิสีลสิกฺขาสมาทานํ, อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทานํ, อธิปฺาสิกฺขาสมาทานํ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ภิกฺขุสฺส อจฺจายิกานิ กรณียานิ. ตสฺส โข ตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน นตฺถิ สา อิทฺธิ วา อนุภาโว วา – ‘อชฺเชว เม อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตุ สฺเว วา อุตฺตรสฺเว วา’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, โหติ โส สมโย ยํ ตสฺส ภิกฺขุโน อธิสีลมฺปิ สิกฺขโต อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขโต อธิปฺมฺปิ สิกฺขโต อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ.

‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิสีลสิกฺขาสมาทาเน, ติพฺโพ ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทาเน , ติพฺโพ ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิปฺาสิกฺขาสมาทาเน’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ปมํ.

๒. ปวิเวกสุตฺตํ

๙๔. ‘‘ตีณิมานิ , ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ปวิเวกานิ ปฺาเปนฺติ. กตมานิ ตีณิ? จีวรปวิเวกํ, ปิณฺฑปาตปวิเวกํ, เสนาสนปวิเวกํ.

‘‘ตตฺริทํ, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา จีวรปวิเวกสฺมึ ปฺาเปนฺติ, สาณานิปิ ธาเรนฺติ, มสาณานิปิ ธาเรนฺติ, ฉวทุสฺสานิปิ ธาเรนฺติ, ปํสุกูลานิปิ ธาเรนฺติ, ติรีฏานิปิ ธาเรนฺติ, อชินมฺปิ ธาเรนฺติ, อชินกฺขิปมฺปิ ธาเรนฺติ, กุสจีรมฺปิ ธาเรนฺติ, วากจีรมฺปิ ธาเรนฺติ, ผลกจีรมฺปิ ธาเรนฺติ, เกสกมฺพลมฺปิ ธาเรนฺติ, วาลกมฺพลมฺปิ ธาเรนฺติ , อุลูกปกฺขิกมฺปิ ธาเรนฺติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา จีวรปวิเวกสฺมึ ปฺาเปนฺติ.

‘‘ตตฺริทํ, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ปิณฺฑปาตปวิเวกสฺมึ ปฺาเปนฺติ. สากภกฺขาปิ โหนฺติ, สามากภกฺขาปิ โหนฺติ, นีวารภกฺขาปิ โหนฺติ, ททฺทุลภกฺขาปิ โหนฺติ, หฏภกฺขาปิ โหนฺติ, กณภกฺขาปิ โหนฺติ, อาจามภกฺขาปิ โหนฺติ, ปิฺากภกฺขาปิ โหนฺติ, ติณภกฺขาปิ โหนฺติ, โคมยภกฺขาปิ โหนฺติ, วนมูลผลาหารา ยาเปนฺติ ปวตฺตผลโภชี. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ปิณฺฑปาตปวิเวกสฺมึ ปฺาเปนฺติ.

‘‘ตตฺริทํ, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เสนาสนปวิเวกสฺมึ ปฺาเปนฺติ อรฺํ รุกฺขมูลํ สุสานํ [รุกฺขมูลํ ภุสาคารํ สุสานํ (ก.)] วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปุฺชํ ภุสาคารํ [สุฺาคารํ (ก.)]. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เสนาสนปวิเวกสฺมึ ปฺาเปนฺติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ปวิเวกานิ ปฺาเปนฺติ.

‘‘ตีณิ โข ปนิมานิ, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย ภิกฺขุโน ปวิเวกานิ. กตมานิ ตีณิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา จ โหติ, ทุสฺสีลฺยฺจสฺส ปหีนํ โหติ, เตน จ วิวิตฺโต โหติ; สมฺมาทิฏฺิโก จ โหติ, มิจฺฉาทิฏฺิ จสฺส ปหีนา โหติ, ตาย จ วิวิตฺโต โหติ; ขีณาสโว จ โหติ, อาสวา จสฺส ปหีนา โหนฺติ, เตหิ จ วิวิตฺโต โหติ . ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ทุสฺสีลฺยฺจสฺส ปหีนํ โหติ, เตน จ วิวิตฺโต โหติ; สมฺมาทิฏฺิโก จ โหติ, มิจฺฉาทิฏฺิ จสฺส ปหีนา โหติ, ตาย จ วิวิตฺโต โหติ; ขีณาสโว จ โหติ, อาสวา จสฺส ปหีนา โหนฺติ, เตหิ จ วิวิตฺโต โหติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ‘ภิกฺขุ อคฺคปฺปตฺโต สารปฺปตฺโต สุทฺโธ สาเร ปติฏฺิโต’’’.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กสฺสกสฺส คหปติสฺส สมฺปนฺนํ สาลิกฺเขตฺตํ. ตเมนํ กสฺสโก คหปติ สีฆํ สีฆํ [สีฆสีฆํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ลวาเปยฺย. สีฆํ สีฆํ ลวาเปตฺวา สีฆํ สีฆํ สงฺฆราเปยฺย. สีฆํ สีฆํ สงฺฆราเปตฺวา สีฆํ สีฆํ อุพฺพหาเปยฺย [อุพฺพาหาเปยฺย (สฺยา. กํ.)]. สีฆํ สีฆํ อุพฺพหาเปตฺวา สีฆํ สีฆํ ปุฺชํ การาเปยฺย. สีฆํ สีฆํ ปุฺชํ การาเปตฺวา สีฆํ สีฆํ มทฺทาเปยฺย. สีฆํ สีฆํ มทฺทาเปตฺวา สีฆํ สีฆํ ปลาลานิ อุทฺธราเปยฺย. สีฆํ สีฆํ ปลาลานิ อุทฺธราเปตฺวา สีฆํ สีฆํ ภุสิกํ อุทฺธราเปยฺย. สีฆํ สีฆํ ภุสิกํ อุทฺธราเปตฺวา สีฆํ สีฆํ โอปุนาเปยฺย. สีฆํ สีฆํ โอปุนาเปตฺวา สีฆํ สีฆํ อติหราเปยฺย. สีฆํ สีฆํ อติหราเปตฺวา สีฆํ สีฆํ โกฏฺฏาเปยฺย. สีฆํ สีฆํ โกฏฺฏาเปตฺวา สีฆํ สีฆํ ถุสานิ อุทฺธราเปยฺย. เอวมสฺสุ [เอวสฺสุ (ก.)] ตานิ, ภิกฺขเว, กสฺสกสฺส คหปติสฺส ธฺานิ อคฺคปฺปตฺตานิ สารปฺปตฺตานิ สุทฺธานิ สาเร ปติฏฺิตานิ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยโต ภิกฺขุ สีลวา จ โหติ, ทุสฺสีลฺยฺจสฺส ปหีนํ โหติ, เตน จ วิวิตฺโต โหติ; สมฺมาทิฏฺิโก จ โหติ, มิจฺฉาทิฏฺิ จสฺส ปหีนา โหติ, ตาย จ วิวิตฺโต โหติ; ขีณาสโว จ โหติ, อาสวา จสฺส ปหีนา โหนฺติ, เตหิ จ วิวิตฺโต โหติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ‘ภิกฺขุ อคฺคปฺปตฺโต สารปฺปตฺโต สุทฺโธ สาเร ปติฏฺิโต’’’ติ. ทุติยํ.

๓. สรทสุตฺตํ

๙๕. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สรทสมเย วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว อาทิจฺโจ นภํ อพฺภุสฺสกฺกมาโน [อพฺภุสฺสุกฺกมาโน (สี. ปี.)] สพฺพํ อากาสคตํ ตมคตํ อภิวิหจฺจ ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยโต อริยสาวกสฺส วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุปฺปชฺชติ [อุทปาทิ (สพฺพตฺถ)], สห ทสฺสนุปฺปาทา, ภิกฺขเว, อริยสาวกสฺส ตีณิ สํโยชนานิ ปหียนฺติ – สกฺกายทิฏฺิ, วิจิกิจฺฉา, สีลพฺพตปรามาโส.

‘‘อถาปรํ ทฺวีหิ ธมฺเมหิ นิยฺยาติ อภิชฺฌาย จ พฺยาปาเทน จ. โส วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ตสฺมึ เจ, ภิกฺขเว, สมเย อริยสาวโก กาลํ กเรยฺย, นตฺถิ ตํ [ตสฺส (ก.)] สํโยชนํ เยน สํโยชเนน สํยุตฺโต อริยสาวโก ปุน อิมํ [ปุนยิมํ (สฺยา. กํ. ก.)] โลกํ อาคจฺเฉยฺยา’’ติ. ตติยํ.

๔. ปริสาสุตฺตํ

๙๖. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, ปริสา. กตมา ติสฺโส? อคฺควตี ปริสา, วคฺคา ปริสา, สมคฺคา ปริสา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อคฺควตี ปริสา? อิธ, ภิกฺขเว, ยสฺสํ ปริสายํ เถรา ภิกฺขู น พาหุลิกา โหนฺติ น สาถลิกา, โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมา, วีริยํ อารภนฺติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย, เตสํ ปจฺฉิมา ชนตา ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชติ. สาปิ โหติ น พาหุลิกา น สาถลิกา โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมา, วีริยํ อารภติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อคฺควตี ปริสา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, วคฺคา ปริสา? อิธ, ภิกฺขเว, ยสฺสํ ปริสายํ ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อฺมฺํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, วคฺคา ปริสา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สมคฺคา ปริสา? อิธ, ภิกฺขเว, ยสฺสํ ปริสายํ ภิกฺขู สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรนฺติ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมคฺคา ปริสา.

‘‘ยสฺมึ , ภิกฺขเว, สมเย ภิกฺขู สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรนฺติ, พหุํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ตสฺมึ สมเย ปุฺํ ปสวนฺติ. พฺรหฺมํ, ภิกฺขเว, วิหารํ ตสฺมึ สมเย ภิกฺขู วิหรนฺติ, ยทิทํ มุทิตาย เจโตวิมุตฺติยา. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อุปริปพฺพเต ถุลฺลผุสิตเก เทเว วสฺสนฺเต ตํ อุทกํ ยถานินฺนํ ปวตฺตมานํ ปพฺพตกนฺทรปทรสาขา ปริปูเรติ, ปพฺพตกนฺทรปทรสาขา ปริปูรา กุโสพฺเภ [กุสฺสุมฺเภ (สี. ปี.), กุสุมฺเภ (สฺยา. กํ. ก.)] ปริปูเรนฺติ, กุโสพฺภา ปริปูรา มหาโสพฺเภ ปริปูเรนฺติ, มหาโสพฺภา ปริปูรา กุนฺนทิโย ปริปูเรนฺติ, กุนฺนทิโย ปริปูรา มหานทิโย ปริปูเรนฺติ, มหานทิโย ปริปูรา สมุทฺทํ [สมุทฺทสาคเร (ก.)] ปริปูเรนฺติ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยสฺมึ สมเย ภิกฺขู สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรนฺติ, พหุํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ตสฺมึ สมเย ปุฺํ ปสวนฺติ. พฺรหฺมํ, ภิกฺขเว, วิหารํ ตสฺมึ สมเย ภิกฺขู วิหรนฺติ, ยทิทํ มุทิตาย เจโตวิมุตฺติยา. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ. อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส ปริสา’’ติ. จตุตฺถํ.

๕. ปมอาชานียสุตฺตํ

๙๗. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ภทฺโร [ภทฺโท (ก.)] อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขฺยํ [สงฺขํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] คจฺฉติ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย วณฺณสมฺปนฺโน จ โหติ พลสมฺปนฺโน จ ชวสมฺปนฺโน จ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺส. กตเมหิ ตีหิ ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน จ โหติ พลสมฺปนฺโน จ ชวสมฺปนฺโน จ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พลสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พลสมฺปนฺโน โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชวสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชวสมฺปนฺโน โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. ปฺจมํ.

๖. ทุติยอาชานียสุตฺตํ

๙๘. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขยํ คจฺฉติ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย วณฺณสมฺปนฺโน จ โหติ พลสมฺปนฺโน จ ชวสมฺปนฺโน จ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ…เป… อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺส. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน จ โหติ พลสมฺปนฺโน จ ชวสมฺปนฺโน จ.

‘‘กถฺจ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ…เป… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พลสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พลสมฺปนฺโน โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชวสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชวสมฺปนฺโน โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ…เป… อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. ตติยอาชานียสุตฺตํ

๙๙. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขยํ คจฺฉติ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ , ภิกฺขเว, รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย วณฺณสมฺปนฺโน จ โหติ พลสมฺปนฺโน จ ชวสมฺปนฺโน จ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺส. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน จ โหติ พลสมฺปนฺโน จ ชวสมฺปนฺโน จ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ , ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พลสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พลสมฺปนฺโน โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชวสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชวสมฺปนฺโน โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ…เป… อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. สตฺตมํ.

๘. โปตฺถกสุตฺตํ

๑๐๐. ‘‘นโวปิ , ภิกฺขเว, โปตฺถโก ทุพฺพณฺโณ จ โหติ ทุกฺขสมฺผสฺโส จ อปฺปคฺโฆ จ; มชฺฌิโมปิ, ภิกฺขเว, โปตฺถโก ทุพฺพณฺโณ จ โหติ ทุกฺขสมฺผสฺโส จ อปฺปคฺโฆ จ; ชิณฺโณปิ, ภิกฺขเว, โปตฺถโก ทุพฺพณฺโณ จ โหติ ทุกฺขสมฺผสฺโส จ อปฺปคฺโฆ จ. ชิณฺณมฺปิ, ภิกฺขเว, โปตฺถกํ อุกฺขลิปริมชฺชนํ วา กโรนฺติ สงฺการกูเฏ วา นํ [ตํ (สี.), าเน (ก.)] ฉฑฺเฑนฺติ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, นโว เจปิ ภิกฺขุ โหติ ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม. อิทมสฺส ทุพฺพณฺณตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โปตฺถโก ทุพฺพณฺโณ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เย โข ปนสฺส เสวนฺติ ภชนฺติ ปยิรุปาสนฺติ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺติ, เตสํ ตํ โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย. อิทมสฺส ทุกฺขสมฺผสฺสตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โปตฺถโก ทุกฺขสมฺผสฺโส ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เยสํ โข ปน โส [เยสํ โข ปน (สี. สฺยา. กํ. ปี.), เยสํ โส (ก.) ปุ. ป. ๑๑๖ ปสฺสิตพฺพํ] ปฏิคฺคณฺหาติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ, เตสํ ตํ น มหปฺผลํ โหติ น มหานิสํสํ. อิทมสฺส อปฺปคฺฆตาย วทามิ . เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โปตฺถโก อปฺปคฺโฆ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. มชฺฌิโม เจปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โหติ…เป… เถโร เจปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โหติ ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม, อิทมสฺส ทุพฺพณฺณตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โปตฺถโก ทุพฺพณฺโณ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เย โข ปนสฺส เสวนฺติ ภชนฺติ ปยิรุปาสนฺติ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺติ, เตสํ ตํ โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย. อิทมสฺส ทุกฺขสมฺผสฺสตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โปตฺถโก ทุกฺขสมฺผสฺโส ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เยสํ โข ปน โส ปฏิคฺคณฺหาติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ, เตสํ ตํ น มหปฺผลํ โหติ น มหานิสํสํ. อิทมสฺส อปฺปคฺฆตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โปตฺถโก อปฺปคฺโฆ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ.

‘‘เอวรูโป จายํ, ภิกฺขเว, เถโร ภิกฺขุ สงฺฆมชฺเฌ ภณติ. ตเมนํ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘กึ นุ โข ตุยฺหํ พาลสฺส อพฺยตฺตสฺส ภณิเตน, ตฺวมฺปิ นาม ภณิตพฺพํ มฺสี’ติ! โส กุปิโต อนตฺตมโน ตถารูปึ วาจํ นิจฺฉาเรติ ยถารูปาย วาจาย สงฺโฆ ตํ อุกฺขิปติ, สงฺการกูเฏว นํ โปตฺถกํ.

‘‘นวมฺปิ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ วณฺณวนฺตฺเจว โหติ สุขสมฺผสฺสฺจ มหคฺฆฺจ; มชฺฌิมมฺปิ, ภิกฺขเว , กาสิกํ วตฺถํ วณฺณวนฺตฺเจว โหติ สุขสมฺผสฺสฺจ มหคฺฆฺจ; ชิณฺณมฺปิ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ วณฺณวนฺตฺเจว โหติ สุขสมฺผสฺสฺจ มหคฺฆฺจ. ชิณฺณมฺปิ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ รตนปลิเวนํ วา กโรติ คนฺธกรณฺฑเก วา นํ ปกฺขิปนฺติ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, นโว เจปิ ภิกฺขุ โหติ สีลวา กลฺยาณธมฺโม, อิทมสฺส สุวณฺณตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ ตํ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ วณฺณวนฺตํ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เย โข ปนสฺส เสวนฺติ ภชนฺติ ปยิรุปาสนฺติ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺติ, เตสํ ตํ โหติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย. อิทมสฺส สุขสมฺผสฺสตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ ตํ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ สุขสมฺผสฺสํ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เยสํ โข ปน โส ปฏิคฺคณฺหาติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ , เตสํ ตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ. อิทมสฺส มหคฺฆตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ ตํ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ มหคฺฆํ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. มชฺฌิโม เจปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โหติ…เป… เถโร เจปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โหติ…เป… ปุคฺคลํ วทามิ.

‘‘เอวรูโป จายํ, ภิกฺขเว, เถโร ภิกฺขุ สงฺฆมชฺเฌ ภณติ . ตเมนํ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘อปฺปสทฺทา อายสฺมนฺโต โหถ, เถโร ภิกฺขุ ธมฺมฺจ วินยฺจ ภณตี’ติ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘กาสิกวตฺถูปมา ภวิสฺสาม, น โปตฺถกูปมา’ติ [กาสิกํ วตฺถํ ตถูปมาหํ ภวิสฺสามิ, น โปตฺถกูปมาหนฺติ (ก.)]. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. อฏฺมํ.

๙. โลณกปลฺลสุตฺตํ

๑๐๑. ‘‘โย [โย โข (สฺยา. กํ.), โย จ โข (ก.)], ภิกฺขเว, เอวํ วเทยฺย – ‘ยถา ยถายํ ปุริโส กมฺมํ กโรติ ตถา ตถา ตํ ปฏิสํเวทิยตี’ติ, เอวํ สนฺตํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยวาโส น โหติ, โอกาโส น ปฺายติ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย . โย จ โข, ภิกฺขเว, เอวํ วเทยฺย – ‘ยถา ยถา เวทนียํ อยํ ปุริโส กมฺมํ กโรติ ตถา ตถาสฺส วิปากํ ปฏิสํเวทิยตี’ติ, เอวํ สนฺตํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยวาโส โหติ, โอกาโส ปฺายติ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย. อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ [ปาปํ กมฺมํ (สี. ปี.)] กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นา’ณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว.

‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ? อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อภาวิตกาโย โหติ อภาวิตสีโล อภาวิตจิตฺโต อภาวิตปฺโ ปริตฺโต อปฺปาตุโม อปฺปทุกฺขวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ.

‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นา’ณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ภาวิตกาโย โหติ ภาวิตสีโล ภาวิตจิตฺโต ภาวิตปฺโ อปริตฺโต มหตฺโต [มหตฺตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อปฺปมาณวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว.

‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, ปุริโส โลณกปลฺลํ [โลณผลํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปริตฺเต อุทกมลฺลเก [อุทกกปลฺลเก (ก.)] ปกฺขิเปยฺย. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตํ ปริตฺตํ อุทกํ [อุทกมลฺลเก อุทกํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อมุนา โลณกปลฺเลน โลณํ อสฺส อเปยฺย’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อทุฺหิ, ภนฺเต, ปริตฺตํ อุทกกปลฺลเก อุทกํ, ตํ อมุนา โลณกปลฺเลน โลณํ อสฺส อเปยฺย’’นฺติ. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส โลณกปลฺลกํ คงฺคาย นทิยา ปกฺขิเปยฺย. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ สา คงฺคา นที อมุนา โลณกปลฺเลน โลณํ อสฺส อเปยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อสุ หิ, ภนฺเต, คงฺคาย นทิยา มหา อุทกกฺขนฺโธ โส อมุนา โลณกปลฺเลน โลโณ น อสฺส อเปยฺโย’’ติ [โลณํ เนวสฺส อเปยฺยนฺติ (สี.), น โลโณ อสฺส อเปยฺโยติ (ปี.)].

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ. อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว.

‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อภาวิตกาโย โหติ อภาวิตสีโล อภาวิตจิตฺโต อภาวิตปฺโ ปริตฺโต อปฺปาตุโม อปฺปทุกฺขวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ.

‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ภาวิตกาโย โหติ ภาวิตสีโล ภาวิตจิตฺโต ภาวิตปฺโ อปริตฺโต มหตฺโต อปฺปมาณวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว.

‘‘อิธ , ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อฑฺฒกหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ. อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อฑฺฒกหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ.

‘‘กถํรูโป, ภิกฺขเว, อฑฺฒกหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ทลิทฺโท โหติ อปฺปสฺสโก อปฺปโภโค. เอวรูโป, ภิกฺขเว, อฑฺฒกหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ.

‘‘กถํรูโป, ภิกฺขเว, อฑฺฒกหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อฑฺโฒ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค. เอวรูโป, ภิกฺขเว, อฑฺฒกหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ. ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ. อิธ , ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว.

‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ, ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อภาวิตกาโย โหติ อภาวิตสีโล อภาวิตจิตฺโต อภาวิตปฺโ ปริตฺโต อปฺปาตุโม อปฺปทุกฺขวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ.

‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ภาวิตกาโย โหติ ภาวิตสีโล ภาวิตจิตฺโต ภาวิตปฺโ อปริตฺโต มหตฺโต อปฺปมาณวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว.

‘‘อิธ , ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ภาวิตกาโย โหติ ภาวิตสีโล ภาวิตจิตฺโต ภาวิตปฺโ อปริตฺโต มหตฺโต อปฺปมาณวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, โอรพฺภิโก วา อุรพฺภฆาตโก วา อปฺเปกจฺจํ อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ ปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํ, อปฺเปกจฺจํ อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ นปฺปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํ.

‘‘กถํรูปํ, ภิกฺขเว, โอรพฺภิโก วา อุรพฺภฆาตโก วา อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ ปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ทลิทฺโท โหติ อปฺปสฺสโก อปฺปโภโค. เอวรูปํ , ภิกฺขเว, โอรพฺภิโก วา อุรพฺภฆาตโก วา อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ ปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํ.

‘‘กถํรูปํ, ภิกฺขเว, โอรพฺภิโก วา อุรพฺภฆาตโก วา อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ นปฺปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํ . อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อฑฺโฒ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค ราชา วา ราชมหามตฺโต วา. เอวรูปํ, ภิกฺขเว, โอรพฺภิโก วา อุรพฺภฆาตโก วา อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ นปฺปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํ. อฺทตฺถุ ปฺชลิโกว [ปฺชลิโก (ก.)] นํ [ปรํ (ก.)] ยาจติ – ‘เทหิ เม, มาริส, อุรพฺภํ วา อุรพฺภธนํ วา’ติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว.

‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อภาวิตกาโย โหติ อภาวิตสีโล อภาวิตจิตฺโต อภาวิตปฺโ ปริตฺโต อปฺปาตุโม อปฺปทุกฺขวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ.

‘‘กถํรูปสฺส , ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ภาวิตกาโย โหติ ภาวิตสีโล ภาวิตจิตฺโต ภาวิตปฺโ อปริตฺโต มหตฺโต อปฺปมาณวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว.

‘‘โย, ภิกฺขเว, เอวํ วเทยฺย – ‘ยถา ยถายํ ปุริโส กมฺมํ กโรติ ตถา ตถา ตํ ปฏิสํเวเทตี’ติ, เอวํ สนฺตํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยวาโส น โหติ, โอกาโส น ปฺายติ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย. โย จ โข, ภิกฺขเว, เอวํ วเทยฺย – ‘ยถา ยถา เวทนียํ อยํ ปุริโส กมฺมํ กโรติ ตถา ตถา ตสฺส วิปากํ ปฏิสํเวเทตี’ติ, เอวํ สนฺตํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยวาโส โหติ, โอกาโส ปฺายติ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ. นวมํ.

๑๐. ปํสุโธวกสุตฺตํ

๑๐๒. ‘‘สนฺติ , ภิกฺขเว, ชาตรูปสฺส โอฬาริกา อุปกฺกิเลสา ปํสุวาลุกา [ปํสุวาลิกา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สกฺขรกลา. ตเมนํ ปํสุโธวโก วา ปํสุโธวกนฺเตวาสี วา โทณิยํ อากิริตฺวา โธวติ สนฺโธวติ นิทฺโธวติ. ตสฺมึ ปหีเน ตสฺมึ พฺยนฺตีกเต สนฺติ ชาตรูปสฺส มชฺฌิมสหคตา อุปกฺกิเลสา สุขุมสกฺขรา ถูลวาลุกา [ถูลวาลิกา (สี. ปี.), ถุลฺลวาลิกา (สฺยา. กํ.)]. ตเมนํ ปํสุโธวโก วา ปํสุโธวกนฺเตวาสี วา โธวติ สนฺโธวติ นิทฺโธวติ. ตสฺมึ ปหีเน ตสฺมึ พฺยนฺตีกเต สนฺติ ชาตรูปสฺส สุขุมสหคตา อุปกฺกิเลสา สุขุมวาลุกา กาฬชลฺลิกา. ตเมนํ ปํสุโธวโก วา ปํสุโธวกนฺเตวาสี วา โธวติ สนฺโธวติ นิทฺโธวติ. ตสฺมึ ปหีเน ตสฺมึ พฺยนฺตีกเต อถาปรํ สุวณฺณสิกตาวสิสฺสนฺติ [สุวณฺณชาตรูปกาวสิสฺสนฺติ (ก.)]. ตเมนํ สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ชาตรูปํ มูสายํ ปกฺขิปิตฺวา ธมติ สนฺธมติ นิทฺธมติ . ตํ โหติ ชาตรูปํ ธนฺตํ สนฺธนฺตํ [อธนฺตํ อสนฺธนฺตํ (สฺยา. กํ.)] นิทฺธนฺตํ อนิทฺธนฺตกสาวํ [อนิทฺธนฺตํ อนิหิตํ อนินฺนีตกสาวํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], น เจว มุทุ โหติ น จ กมฺมนิยํ, น จ ปภสฺสรํ ปภงฺคุ จ, น จ สมฺมา อุเปติ กมฺมาย. โหติ โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ ธมติ สนฺธมติ นิทฺธมติ. ตํ โหติ ชาตรูปํ ธนฺตํ สนฺธนฺตํ นิทฺธนฺตํ นิทฺธนฺตกสาวํ [นิหิตํ นินฺนีตกสาวํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], มุทุ จ โหติ กมฺมนิยฺจ ปภสฺสรฺจ, น จ ปภงฺคุ, สมฺมา อุเปติ กมฺมาย. ยสฺสา ยสฺสา จ ปิลนฺธนวิกติยา อากงฺขติ – ยทิ ปฏฺฏิกาย [มุทฺทิกาย (อ. นิ. ๕.๒๓], ยทิ กุณฺฑลาย, ยทิ คีเวยฺยเก [คีเวยฺยเกน (ก.), คีเวยฺยกาย (?)], ยทิ สุวณฺณมาลาย – ตฺจสฺส อตฺถํ อนุโภติ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, สนฺติ อธิจิตฺตมนุยุตฺตสฺส ภิกฺขุโน โอฬาริกา อุปกฺกิเลสา กายทุจฺจริตํ วจีทุจฺจริตํ มโนทุจฺจริตํ, ตเมนํ สเจตโส ภิกฺขุ ทพฺพชาติโก ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติ. ตสฺมึ ปหีเน ตสฺมึ พฺยนฺตีกเต สนฺติ อธิจิตฺตมนุยุตฺตสฺส ภิกฺขุโน มชฺฌิมสหคตา อุปกฺกิเลสา กามวิตกฺโก พฺยาปาทวิตกฺโก วิหึสาวิตกฺโก, ตเมนํ สเจตโส ภิกฺขุ ทพฺพชาติโก ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติ. ตสฺมึ ปหีเน ตสฺมึ พฺยนฺตีกเต สนฺติ อธิจิตฺตมนุยุตฺตสฺส ภิกฺขุโน สุขุมสหคตา อุปกฺกิเลสา าติวิตกฺโก ชนปทวิตกฺโก อนวฺตฺติปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก, ตเมนํ สเจตโส ภิกฺขุ ทพฺพชาติโก ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติ. ตสฺมึ ปหีเน ตสฺมึ พฺยนฺตีกเต อถาปรํ ธมฺมวิตกฺกาวสิสฺสติ [ธมฺมวิตกฺโกวสิสฺสติ (ก.)]. โส โหติ สมาธิ น เจว สนฺโต น จ ปณีโต นปฺปฏิปฺปสฺสทฺธลทฺโธ น เอโกทิภาวาธิคโต สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคโต [สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตวโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.), สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริวาวโต (ก.), สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริยาธิคโต (?) อ. นิ. ๙.๓๗; ที. นิ. ๓.๓๕๕] โหติ. โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ ตํ จิตฺตํ อชฺฌตฺตํเยว สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ [เอโกทิภาวํ คจฺฉติ (สี.), เอโกทิภาโว โหติ (สฺยา. กํ. ก.), เอโกทิโหติ (ปี.)] สมาธิยติ. โส โหติ สมาธิ สนฺโต ปณีโต ปฏิปฺปสฺสทฺธิลทฺโธ เอโกทิภาวาธิคโต น สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคโต. ยสฺส ยสฺส จ อภิฺา สจฺฉิกรณียสฺส ธมฺมสฺส จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ อภิฺา สจฺฉิกิริยาย ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน.

‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุภเวยฺยํ – เอโกปิ หุตฺวา พหุธา อสฺสํ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก อสฺสํ; อาวิภาวํ, ติโรภาวํ; ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺเฉยฺยํ, เสยฺยถาปิ อากาเส; ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กเรยฺยํ, เสยฺยถาปิ อุทเก; อุทเกปิ อภิชฺชมาเน [อภิชฺชมาโน (สี. ปี. ก.)] คจฺเฉยฺยํ, เสยฺยถาปิ ปถวิยํ; อากาเสปิ ปลฺลงฺเกน กเมยฺยํ , เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ; อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปริมเสยฺยํ ปริมชฺเชยฺยํ; ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน.

‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สทฺเท สุเณยฺยํ ทิพฺเพ จ มานุเส จ เย ทูเร สนฺติเก จา’ติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน.

‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชาเนยฺยํ – สราคํ วา จิตฺตํ สราคํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตราคํ วา จิตฺตํ วีตราคํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สโทสํ วา จิตฺตํ สโทสํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตโทสํ วา จิตฺตํ วีตโทสํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สโมหํ วา จิตฺตํ สโมหํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตโมหํ วา จิตฺตํ วีตโมหํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สํขิตฺตํ วา จิตฺตํ สํขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ วิกฺขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; มหคฺคตํ วา จิตฺตํ มหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ อมหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สอุตฺตรํ วา จิตฺตํ สอุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ อนุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สมาหิตํ วา จิตฺตํ สมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อสมาหิตํ วา จิตฺตํ อสมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ อวิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน.

‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺยํ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป – อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโนติ, อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน.

‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺเสยฺยํ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ, สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชาเนยฺยํ – อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา , เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา; อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนาติ, อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺเสยฺยํ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ, สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชาเนยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน.

‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน’’ติ. ทสมํ.

๑๑. นิมิตฺตสุตฺตํ

๑๐๓. ‘‘อธิจิตฺตมนุยุตฺเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ตีณิ นิมิตฺตานิ กาเลน กาลํ มนสิ กาตพฺพานิ – กาเลน กาลํ สมาธินิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ, กาเลน กาลํ ปคฺคหนิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ, กาเลน กาลํ อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ สมาธินิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ โกสชฺชาย สํวตฺเตยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ ปคฺคหนิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺเตยฺย. สเจ, ภิกฺขเว , อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ อุเปกฺขานิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ น สมฺมา สมาธิเยยฺย อาสวานํ ขยาย. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ กาเลน กาลํ สมาธินิมิตฺตํ มนสิ กโรติ, กาเลน กาลํ ปคฺคหนิมิตฺตํ มนสิ กโรติ, กาเลน กาลํ อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิ กโรติ, ตํ โหติ จิตฺตํ มุทุฺจ กมฺมนิยฺจ ปภสฺสรฺจ, น จ ปภงฺคุ, สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยาย.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา อุกฺกํ พนฺเธยฺย [พนฺธติ… อาลิมฺปติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๘๑ ตํฏีกายํ จ) ม. นิ. อฏฺ. ๑.๗๖; ม. นิ. ๓.๓๖๐ ตํอฏฺกถาฏีกาสุ จ ปสฺสิตพฺพํ], อุกฺกํ พนฺธิตฺวา อุกฺกามุขํ อาลิมฺเปยฺย, อุกฺกามุขํ อาลิมฺเปตฺวา สณฺฑาเสน ชาตรูปํ คเหตฺวา อุกฺกามุเข ปกฺขิเปยฺย [ปกฺขิปติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๘๑)], อุกฺกามุเข ปกฺขิปิตฺวา กาเลน กาลํ อภิธมติ, กาเลน กาลํ อุทเกน ปริปฺโผเสติ, กาเลน กาลํ อชฺฌุเปกฺขติ. สเจ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ เอกนฺตํ อภิธเมยฺย, านํ ตํ ชาตรูปํ ฑเหยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ เอกนฺตํ อุทเกน ปริปฺโผเสยฺย, านํ ตํ ชาตรูปํ นิพฺพาเปยฺย [นิพฺพาเยยฺย (สี.)]. สเจ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ เอกนฺตํ อชฺฌุเปกฺเขยฺย, านํ ตํ ชาตรูปํ น สมฺมา ปริปากํ คจฺเฉยฺย. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ กาเลน กาลํ อภิธมติ, กาเลน กาลํ อุทเกน ปริปฺโผเสติ, กาเลน กาลํ อชฺฌุเปกฺขติ, ตํ โหติ ชาตรูปํ มุทุฺจ กมฺมนิยฺจ ปภสฺสรฺจ, น จ ปภงฺคุ, สมฺมา อุเปติ กมฺมาย. ยสฺสา ยสฺสา จ ปิลนฺธนวิกติยา อากงฺขติ – ยทิ ปฏฺฏิกาย, ยทิ กุณฺฑลาย, ยทิ คีเวยฺยเก, ยทิ สุวณฺณมาลาย – ตฺจสฺส อตฺถํ อนุโภติ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺเตน ภิกฺขุนา ตีณิ นิมิตฺตานิ กาเลน กาลํ มนสิ กาตพฺพานิ – กาเลน กาลํ สมาธินิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ, กาเลน กาลํ ปคฺคหนิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ, กาเลน กาลํ อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ สมาธินิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย , านํ ตํ จิตฺตํ โกสชฺชาย สํวตฺเตยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ ปคฺคหนิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺเตยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ อุเปกฺขานิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ น สมฺมา สมาธิเยยฺย อาสวานํ ขยาย. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ กาเลน กาลํ สมาธินิมิตฺตํ มนสิ กโรติ, กาเลน กาลํ ปคฺคหนิมิตฺตํ มนสิ กโรติ, กาเลน กาลํ อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิ กโรติ, ตํ โหติ จิตฺตํ มุทุฺจ กมฺมนิยฺจ ปภสฺสรฺจ, น จ ปภงฺคุ, สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยาย. ยสฺส ยสฺส จ อภิฺาสจฺฉิกรณียสฺส ธมฺมสฺส จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน.

‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุภเวยฺยํ…เป… (ฉ อภิฺา วิตฺถาเรตพฺพา) อาสวานํ ขยา…เป… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน’’ติ. เอกาทสมํ.

โลณกปลฺลวคฺโค [โลณผลวคฺโค (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปฺจโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

อจฺจายิกํ ปวิเวกํ, สรโท ปริสา ตโย;

อาชานียา โปตฺถโก จ, โลณํ โธวติ นิมิตฺตานีติ.

ทุติโย ปณฺณาสโก สมตฺโต.

๓. ตติยปณฺณาสกํ