📜
(๑๒) ๒. เกสิวคฺโค
๑. เกสิสุตฺตํ
๑๑๑. อถ ¶ ¶ ¶ โข เกสิ อสฺสทมฺมสารถิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข เกสึ อสฺสทมฺมสารถึ ภควา เอตทโวจ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, เกสิ, ปฺาโต อสฺสทมฺมสารถีติ [สฺาโต อสฺสทมฺมสารถิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. กถํ ปน ตฺวํ, เกสิ, อสฺสทมฺมํ วิเนสี’’ติ? ‘‘อหํ โข, ภนฺเต, อสฺสทมฺมํ สณฺเหนปิ วิเนมิ, ผรุเสนปิ วิเนมิ ¶ , สณฺหผรุเสนปิ วิเนมี’’ติ. ‘‘สเจ เต, เกสิ, อสฺสทมฺโม สณฺเหน วินยํ น อุเปติ, ผรุเสน วินยํ น อุเปติ, สณฺหผรุเสน วินยํ น อุเปติ, กินฺติ นํ กโรสี’’ติ? ‘‘สเจ เม, ภนฺเต, อสฺสทมฺโม สณฺเหน วินยํ น อุเปติ, ผรุเสน วินยํ น อุเปติ, สณฺหผรุเสน วินยํ น อุเปติ; หนามิ นํ, ภนฺเต. ตํ กิสฺส เหตุ? มา เม อาจริยกุลสฺส อวณฺโณ อโหสี’’ติ.
‘‘ภควา ปน, ภนฺเต, อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ. กถํ ปน, ภนฺเต, ภควา ปุริสทมฺมํ วิเนตี’’ติ? ‘‘อหํ โข, เกสิ, ปุริสทมฺมํ สณฺเหนปิ วิเนมิ, ผรุเสนปิ วิเนมิ, สณฺหผรุเสนปิ วิเนมิ. ตตฺริทํ, เกสิ, สณฺหสฺมึ – อิติ กายสุจริตํ อิติ กายสุจริตสฺส วิปาโก, อิติ วจีสุจริตํ อิติ วจีสุจริตสฺส วิปาโก, อิติ มโนสุจริตํ อิติ มโนสุจริตสฺส วิปาโก, อิติ เทวา, อิติ มนุสฺสาติ. ตตฺริทํ, เกสิ, ผรุสสฺมึ – อิติ กายทุจฺจริตํ อิติ กายทุจฺจริตสฺส วิปาโก, อิติ วจีทุจฺจริตํ อิติ วจีทุจฺจริตสฺส วิปาโก, อิติ มโนทุจฺจริตํ อิติ มโนทุจฺจริตสฺส วิปาโก, อิติ นิรโย, อิติ ติรจฺฉานโยนิ, อิติ เปตฺติวิสโย’’ติ.
‘‘ตตฺริทํ, เกสิ, สณฺหผรุสสฺมึ – อิติ กายสุจริตํ อิติ กายสุจริตสฺส วิปาโก, อิติ กายทุจฺจริตํ อิติ กายทุจฺจริตสฺส วิปาโก, อิติ วจีสุจริตํ อิติ วจีสุจริตสฺส วิปาโก, อิติ วจีทุจฺจริตํ อิติ วจีทุจฺจริตสฺส วิปาโก, อิติ มโนสุจริตํ อิติ มโนสุจริตสฺส ¶ วิปาโก, อิติ มโนทุจฺจริตํ อิติ มโนทุจฺจริตสฺส วิปาโก, อิติ เทวา, อิติ มนุสฺสา, อิติ นิรโย, อิติ ติรจฺฉานโยนิ, อิติ เปตฺติวิสโย’’ติ.
‘‘สเจ ¶ ¶ เต, ภนฺเต, ปุริสทมฺโม สณฺเหน วินยํ น อุเปติ, ผรุเสน ¶ วินยํ น อุเปติ, สณฺหผรุเสน วินยํ น อุเปติ, กินฺติ นํ ภควา กโรตี’’ติ? ‘‘สเจ เม, เกสิ, ปุริสทมฺโม สณฺเหน วินยํ น อุเปติ, ผรุเสน วินยํ น อุเปติ, สณฺหผรุเสน วินยํ น อุเปติ, หนามิ นํ, เกสี’’ติ. ‘‘น โข, ภนฺเต, ภควโต ปาณาติปาโต กปฺปติ. อถ จ ปน ภควา เอวมาห – ‘หนามิ, นํ เกสี’’’ติ! ‘‘สจฺจํ, เกสิ! น ตถาคตสฺส ปาณาติปาโต กปฺปติ. อปิ จ โย ปุริสทมฺโม สณฺเหน วินยํ น อุเปติ, ผรุเสน วินยํ น อุเปติ, สณฺหผรุเสน วินยํ น อุเปติ, น ตํ ตถาคโต วตฺตพฺพํ อนุสาสิตพฺพํ มฺติ, นาปิ วิฺู สพฺรหฺมจารี วตฺตพฺพํ อนุสาสิตพฺพํ มฺนฺติ. วโธ เหโส, เกสิ, อริยสฺส วินเย – ยํ น ตถาคโต วตฺตพฺพํ อนุสาสิตพฺพํ มฺติ, นาปิ วิฺู สพฺรหฺมจารี วตฺตพฺพํ อนุสาสิตพฺพํ มฺนฺตี’’ติ.
‘‘โส หิ นูน, ภนฺเต, สุหโต โหติ – ยํ น ตถาคโต วตฺตพฺพํ อนุสาสิตพฺพํ มฺติ, นาปิ วิฺู สพฺรหฺมจารี วตฺตพฺพํ อนุสาสิตพฺพํ มฺนฺตีติ. อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต…เป… อุปาสกํ มํ, ภนฺเต, ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ปมํ.
๒. ชวสุตฺตํ
๑๑๒. ‘‘จตูหิ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขํ คจฺฉติ. กตเมหิ จตูหิ? อชฺชเวน, ชเวน, ขนฺติยา, โสรจฺเจน – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ, ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขํ คจฺฉติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ…เป… อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส. กตเมหิ จตูหิ? อชฺชเวน, ชเวน, ขนฺติยา, โสรจฺเจน – อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ¶ อาหุเนยฺโย โหติ…เป… อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. ทุติยํ.
๓. ปโตทสุตฺตํ
๑๑๓. ‘‘จตฺตาโรเม ¶ , ภิกฺขเว, ภทฺรา อสฺสาชานียา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม จตฺตาโร? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ภทฺโร อสฺสาชานีโย ปโตทจฺฉายํ ทิสฺวา สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ – ‘กึ นุ โข มํ อชฺช อสฺสทมฺมสารถิ การณํ กาเรสฺสติ, กิมสฺสาหํ [กถมสฺสาหํ (ก.)] ปฏิกโรมี’ติ! เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภทฺโร อสฺสาชานีโย โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม ภทฺโร อสฺสาชานีโย สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภทฺโร อสฺสาชานีโย น เหว โข ปโตทจฺฉายํ ทิสฺวา สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ, อปิ จ โข โลมเวธวิทฺโธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ – ‘กึ นุ โข มํ อชฺช อสฺสทมฺมสารถิ การณํ กาเรสฺสติ, กิมสฺสาหํ ปฏิกโรมี’ติ! เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภทฺโร ¶ อสฺสาชานีโย โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย ภทฺโร อสฺสาชานีโย สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภทฺโร อสฺสาชานีโย น เหว โข ปโตทจฺฉายํ ทิสฺวา สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ นาปิ โลมเวธวิทฺโธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ, อปิ จ โข จมฺมเวธวิทฺโธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ – ‘กึ นุ โข มํ อชฺช อสฺสทมฺมสารถิ การณํ กาเรสฺสติ, กิมสฺสาหํ ปฏิกโรมี’ติ! เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภทฺโร อสฺสาชานีโย โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย ภทฺโร อสฺสาชานีโย สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภทฺโร อสฺสาชานีโย น เหว โข ปโตทจฺฉายํ ทิสฺวา สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ นาปิ โลมเวธวิทฺโธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ นาปิ จมฺมเวธวิทฺโธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ, อปิ จ โข อฏฺิเวธวิทฺโธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ – ‘กึ ¶ นุ โข มํ อชฺช อสฺสทมฺมสารถิ การณํ กาเรสฺสติ, กิมสฺสาหํ ปฏิกโรมี’ติ ¶ ! เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภทฺโร อสฺสาชานีโย โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ ภทฺโร อสฺสาชานีโย สนฺโต สํวิชฺชมาโน ¶ โลกสฺมึ. อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร ภทฺรา อสฺสาชานียา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโรเม ภทฺรา ปุริสาชานียา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม จตฺตาโร? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ภทฺโร ปุริสาชานีโย สุณาติ – ‘อมุกสฺมึ นาม คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา ทุกฺขิโต วา กาลงฺกโต [กาลกโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วา’ติ. โส เตน สํวิชฺชติ, สํเวคํ อาปชฺชติ. สํวิคฺโค โยนิโส ปทหติ. ปหิตตฺโต กาเยน ¶ เจว ปรมสจฺจํ [ปรมตฺถสจฺจํ (ก.) ม. นิ. ๒.๑๘๓ ปสฺสิตพฺพํ] สจฺฉิกโรติ, ปฺาย จ อติวิชฺฌ ปสฺสติ. เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, ภทฺโร อสฺสาชานีโย ปโตทจฺฉายํ ทิสฺวา สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ภทฺรํ ปุริสาชานียํ วทามิ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภทฺโร ปุริสาชานีโย โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม ภทฺโร ปุริสาชานีโย สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภทฺโร ปุริสาชานีโย น เหว โข สุณาติ – ‘อมุกสฺมึ นาม คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา ทุกฺขิโต วา กาลงฺกโต วา’ติ, อปิ จ โข สามํ ปสฺสติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา ทุกฺขิตํ วา กาลงฺกตํ วา. โส เตน สํวิชฺชติ, สํเวคํ อาปชฺชติ. สํวิคฺโค โยนิโส ปทหติ. ปหิตตฺโต กาเยน เจว ปรมสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปฺาย จ อติวิชฺฌ ปสฺสติ. เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, ภทฺโร อสฺสาชานีโย โลมเวธวิทฺโธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ภทฺรํ ปุริสาชานียํ วทามิ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภทฺโร ปุริสาชานีโย โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย ภทฺโร ปุริสาชานีโย สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภทฺโร ปุริสาชานีโย น เหว โข สุณาติ – ‘อมุกสฺมึ นาม คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา ทุกฺขิโต วา กาลงฺกโต วา’ติ, นาปิ สามํ ปสฺสติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา ทุกฺขิตํ วา กาลงฺกตํ วา, อปิ จ ขฺวสฺส าติ วา สาโลหิโต วา ทุกฺขิโต วา โหติ กาลงฺกโต วา. โส เตน สํวิชฺชติ, สํเวคํ อาปชฺชติ. สํวิคฺโค ¶ โยนิโส ปทหติ. ปหิตตฺโต กาเยน ¶ เจว ปรมสจฺจํ ¶ สจฺฉิกโรติ, ปฺาย จ อติวิชฺฌ ปสฺสติ. เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, ภทฺโร อสฺสาชานีโย จมฺมเวธวิทฺโธ สํวิชฺชติ ¶ สํเวคํ อาปชฺชติ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ภทฺรํ ปุริสาชานียํ วทามิ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภทฺโร ปุริสาชานีโย โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย ภทฺโร ปุริสาชานีโย สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภทฺโร ปุริสาชานีโย น เหว โข สุณาติ – ‘อมุกสฺมึ นาม คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา ทุกฺขิโต วา กาลงฺกโต วา’ติ, นาปิ สามํ ปสฺสติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา ทุกฺขิตํ วา กาลงฺกตํ วา, นาปิสฺส าติ วา สาโลหิโต วา ทุกฺขิโต วา โหติ กาลงฺกโต วา, อปิ จ โข สามฺเว ผุฏฺโ โหติ สารีริกาหิ เวทนาหิ ทุกฺขาหิ ติพฺพาหิ [ติปฺปาหิ (สี. ปี.)] ขราหิ กฏุกาหิ อสาตาหิ อมนาปาหิ ปาณหราหิ. โส เตน สํวิชฺชติ, สํเวคํ อาปชฺชติ. สํวิคฺโค โยนิโส ปทหติ. ปหิตตฺโต กาเยน เจว ปรมสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปฺาย จ อติวิชฺฌ ปสฺสติ. เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, ภทฺโร อสฺสาชานีโย อฏฺิเวธวิทฺโธ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ภทฺรํ ปุริสาชานียํ วทามิ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภทฺโร ปุริสาชานีโย โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ ภทฺโร ปุริสาชานีโย สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ. อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร ภทฺรา ปุริสาชานียา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’นฺติ. ตติยํ.
๔. นาคสุตฺตํ
๑๑๔. ‘‘จตูหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค ราชารโห ¶ โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขํ คจฺฉติ. กตเมหิ จตูหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค โสตา จ โหติ, หนฺตา จ, ขนฺตา จ, คนฺตา จ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค โสตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ยเมนํ หตฺถิทมฺมสารถิ การณํ กาเรติ – ยทิ วา กตปุพฺพํ ยทิ วา อกตปุพฺพํ – ตํ อฏฺึ กตฺวา [อฏฺิกตฺวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.) อ. นิ. ๕.๑๔๐] มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา [สพฺพํ เจตโส (สพฺพตฺถ)] สมนฺนาหริตฺวา ¶ โอหิตโสโต สุณาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค โสตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค หนฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต ¶ หตฺถิมฺปิ หนติ, หตฺถารุหมฺปิ หนติ, อสฺสมฺปิ หนติ, อสฺสารุหมฺปิ หนติ ¶ , รถมฺปิ หนติ, รถิกมฺปิ หนติ, ปตฺติกมฺปิ หนติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค หนฺตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขนฺตา โหติ? อิธ ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต ขโม โหติ สตฺติปฺปหารานํ อสิปฺปหารานํ อุสุปฺปหารานํ ผรสุปฺปหารานํ [‘‘ผรสุปฺปหาราน’’นฺติ อิทํ ปทํ สฺยามโปตฺถเก นตฺถิ. ม. นิ. ๓.๒๑๗ ปสฺสิตพฺพํ] เภริปณวสงฺขติณวนินฺนาทสทฺทานํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขนฺตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค คนฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ยเมนํ หตฺถิทมฺมสารถิ ทิสํ เปเสติ – ยทิ วา คตปุพฺพํ ยทิ วา อคตปุพฺพํ – ตํ ขิปฺปเมว คนฺตา โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค คนฺตา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขํ คจฺฉติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ¶ …เป… อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส. กตเมหิ จตูหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสตา จ โหติ, หนฺตา จ, ขนฺตา จ, คนฺตา จ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย เทสิยมาเน อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ หนฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ (หนติ) [( ) นตฺถิ สี. สฺยา. ปี. โปตฺถเกสุ. อ. นิ. ๔.๑๖๔ ปฏิปทาวคฺเค จตุตฺถสุตฺเต ปน ‘‘สเมตี’’ติ ปทํ สพฺพตฺถปิ ทิสฺสติ] พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติ, อุปฺปนฺนํ พฺยาปาทวิตกฺกํ…เป… อุปฺปนฺนํ วิหึสาวิตกฺกํ…เป… อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ หนติ ¶ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ หนฺตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขนฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ สีตสฺส ¶ อุณฺหสฺส ชิฆจฺฉาย ปิปาสาย, ฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสานํ ทุรุตฺตานํ ทุราคตานํ วจนปถานํ อุปฺปนฺนานํ ¶ สารีริกานํ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ ขรานํ กฏุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ อธิวาสกชาติโก โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขนฺตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คนฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยายํ ทิสา อคตปุพฺพา อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํ, ตํ ขิปฺปฺเว คนฺตา ¶ โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คนฺตา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ…เป… อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. านสุตฺตํ
๑๑๕. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, านานิ. กตมานิ จตฺตาริ? อตฺถิ, ภิกฺขเว, านํ อมนาปํ กาตุํ; ตฺจ กยิรมานํ อนตฺถาย สํวตฺตติ. อตฺถิ, ภิกฺขเว, านํ อมนาปํ กาตุํ; ตฺจ กยิรมานํ อตฺถาย สํวตฺตติ. อตฺถิ, ภิกฺขเว, านํ มนาปํ กาตุํ; ตฺจ กยิรมานํ อนตฺถาย สํวตฺตติ. อตฺถิ, ภิกฺขเว, านํ มนาปํ กาตุํ; ตฺจ กยิรมานํ อตฺถาย สํวตฺตติ.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยมิทํ [ยทิทํ (สฺยา. กํ. ก.)] านํ อมนาปํ กาตุํ; ตฺจ กยิรมานํ อนตฺถาย สํวตฺตติ – อิทํ, ภิกฺขเว, านํ อุภเยเนว น กตฺตพฺพํ มฺติ [ปฺายติ (?)]. ยมฺปิทํ [ยทิทํ (ก.)] านํ อมนาปํ กาตุํ; อิมินาปิ นํ [ตํ (สี. ปี.) สฺยามโปตฺถเก นตฺถิ] น กตฺตพฺพํ มฺติ. ยมฺปิทํ านํ กยิรมานํ อนตฺถาย สํวตฺตติ; อิมินาปิ นํ [ตํ (ปี.) สี. สฺยา. โปตฺถเกสุ นตฺถิ] น กตฺตพฺพํ มฺติ. อิทํ, ภิกฺขเว, านํ อุภเยเนว น กตฺตพฺพํ มฺติ.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยมิทํ านํ อมนาปํ กาตุํ; ตฺจ กยิรมานํ อตฺถาย สํวตฺตติ – อิมสฺมึ, ภิกฺขเว, าเน พาโล จ ปณฺฑิโต จ เวทิตพฺโพ ปุริสถาเม ¶ ปุริสวีริเย ปุริสปรกฺกเม. น, ภิกฺขเว, พาโล อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘กิฺจาปิ โข อิทํ านํ อมนาปํ กาตุํ; อถ จรหิทํ ¶ านํ กยิรมานํ อตฺถาย สํวตฺตตี’ติ. โส ตํ านํ น กโรติ. ตสฺส ตํ านํ อกยิรมานํ อนตฺถาย สํวตฺตติ. ปณฺฑิโต จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ¶ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘กิฺจาปิ โข อิทํ านํ อมนาปํ กาตุํ; อถ ¶ จรหิทํ านํ กยิรมานํ อตฺถาย สํวตฺตตี’ติ. โส ตํ านํ กโรติ. ตสฺส ตํ านํ กยิรมานํ อตฺถาย สํวตฺตติ.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยมิทํ [ยทิทํ (สฺยา. กํ.)] านํ มนาปํ กาตุํ; ตฺจ กยิรมานํ อนตฺถาย สํวตฺตติ – อิมสฺมิมฺปิ, ภิกฺขเว, าเน พาโล จ ปณฺฑิโต จ เวทิตพฺโพ ปุริสถาเม ปุริสวีริเย ปุริสปรกฺกเม. น, ภิกฺขเว, พาโล อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘กิฺจาปิ โข อิทํ านํ มนาปํ กาตุํ; อถ จรหิทํ านํ กยิรมานํ อนตฺถาย สํวตฺตตี’ติ. โส ตํ านํ กโรติ. ตสฺส ตํ านํ กยิรมานํ อนตฺถาย สํวตฺตติ. ปณฺฑิโต จ โข, ภิกฺขเว, อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘กิฺจาปิ โข อิทํ านํ มนาปํ กาตุํ; อถ จรหิทํ านํ กยิรมานํ อนตฺถาย สํวตฺตตี’ติ. โส ตํ านํ น กโรติ. ตสฺส ตํ านํ อกยิรมานํ อตฺถาย สํวตฺตติ.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยมิทํ านํ มนาปํ กาตุํ, ตฺจ กยิรมานํ อตฺถาย สํวตฺตติ – อิทํ, ภิกฺขเว, านํ อุภเยเนว กตฺตพฺพํ มฺติ. ยมฺปิทํ านํ มนาปํ กาตุํ, อิมินาปิ นํ กตฺตพฺพํ มฺติ; ยมฺปิทํ านํ กยิรมานํ อตฺถาย สํวตฺตติ, อิมินาปิ นํ กตฺตพฺพํ มฺติ. อิทํ, ภิกฺขเว, านํ อุภเยเนว กตฺตพฺพํ มฺติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ านานี’’ติ. ปฺจมํ.
๖. อปฺปมาทสุตฺตํ
๑๑๖. ‘‘จตูหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ อปฺปมาโท กรณีโย. กตเมหิ จตูหิ? กายทุจฺจริตํ, ภิกฺขเว, ปชหถ, กายสุจริตํ ภาเวถ; ตตฺถ จ มา ปมาทตฺถ. วจีทุจฺจริตํ, ภิกฺขเว, ปชหถ, วจีสุจริตํ ภาเวถ; ตตฺถ จ มา ปมาทตฺถ. มโนทุจฺจริตํ, ภิกฺขเว, ปชหถ, มโนสุจริตํ ภาเวถ; ตตฺถ จ มา ปมาทตฺถ. มิจฺฉาทิฏฺึ, ภิกฺขเว, ปชหถ, สมฺมาทิฏฺึ ภาเวถ ¶ ; ตตฺถ จ มา ปมาทตฺถ.
‘‘ยโต ¶ ¶ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน กายทุจฺจริตํ ปหีนํ โหติ กายสุจริตํ ภาวิตํ, วจีทุจฺจริตํ ¶ ปหีนํ โหติ วจีสุจริตํ ภาวิตํ, มโนทุจฺจริตํ ปหีนํ โหติ มโนสุจริตํ ภาวิตํ, มิจฺฉาทิฏฺิ ปหีนา โหติ สมฺมาทิฏฺิ ภาวิตา, โส น ภายติ สมฺปรายิกสฺส มรณสฺสา’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. อารกฺขสุตฺตํ
๑๑๗. ‘‘จตูสุ, ภิกฺขเว, าเนสุ อตฺตรูเปน อปฺปมาโท สติ เจตโส อารกฺโข กรณีโย. กตเมสุ จตูสุ? ‘มา เม รชนีเยสุ ธมฺเมสุ จิตฺตํ รชฺชี’ติ อตฺตรูเปน อปฺปมาโท สติ เจตโส อารกฺโข กรณีโย; ‘มา เม โทสนีเยสุ ธมฺเมสุ จิตฺตํ ทุสฺสี’ติ อตฺตรูเปน อปฺปมาโท สติ เจตโส อารกฺโข กรณีโย; ‘มา เม โมหนีเยสุ ธมฺเมสุ จิตฺตํ มุยฺหี’ติ อตฺตรูเปน อปฺปมาโท สติ เจตโส อารกฺโข กรณีโย; ‘มา เม มทนีเยสุ ธมฺเมสุ จิตฺตํ มชฺชี’ติ อตฺตรูเปน อปฺปมาโท สติ เจตโส อารกฺโข กรณีโย.
‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน รชนีเยสุ ธมฺเมสุ จิตฺตํ น รชฺชติ วีตราคตฺตา, โทสนีเยสุ ธมฺเมสุ จิตฺตํ น ทุสฺสติ วีตโทสตฺตา, โมหนีเยสุ ธมฺเมสุ จิตฺตํ น มุยฺหติ วีตโมหตฺตา, มทนีเยสุ ธมฺเมสุ จิตฺตํ น มชฺชติ วีตมทตฺตา, โส น ฉมฺภติ น กมฺปติ น เวธติ น สนฺตาสํ อาปชฺชติ, น จ ปน สมณวจนเหตุปิ คจฺฉตี’’ติ. สตฺตมํ.
๘. สํเวชนียสุตฺตํ
๑๑๘. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, สทฺธสฺส กุลปุตฺตสฺส ทสฺสนียานิ สํเวชนียานิ านานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ‘อิธ ตถาคโต ชาโต’ติ, ภิกฺขเว, สทฺธสฺส กุลปุตฺตสฺส ทสฺสนียํ สํเวชนียํ านํ. ‘อิธ ตถาคโต อนุตฺตรํ ¶ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ’ติ, ภิกฺขเว, สทฺธสฺส กุลปุตฺตสฺส ทสฺสนียํ สํเวชนียํ านํ. ‘อิธ ตถาคโต อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสี’ติ, ภิกฺขเว, สทฺธสฺส กุลปุตฺตสฺส ทสฺสนียํ สํเวชนียํ านํ. ‘อิธ ตถาคโต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต’ติ ¶ , ภิกฺขเว, สทฺธสฺส กุลปุตฺตสฺส ทสฺสนียํ สํเวชนียํ านํ. อิมานิ ¶ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ สทฺธสฺส กุลปุตฺตสฺส ทสฺสนียานิ สํเวชนียานิ านานี’’ติ. อฏฺมํ.
๙. ปมภยสุตฺตํ
๑๑๙. ‘‘จตฺตาริมานิ ¶ , ภิกฺขเว, ภยานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ชาติภยํ, ชราภยํ, พฺยาธิภยํ, มรณภยํ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ ภยานี’’ติ. นวมํ.
๑๐. ทุติยภยสุตฺตํ
๑๒๐. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ภยานิ. กตมานิ จตฺตาริ? อคฺคิภยํ, อุทกภยํ, ราชภยํ, โจรภยํ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ ภยานี’’ติ. ทสมํ.
เกสิวคฺโค ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
เกสิ ชโว ปโตโท จ, นาโค าเนน ปฺจมํ;
อปฺปมาโท จ อารกฺโข, สํเวชนียฺจ ทฺเว ภยาติ.