📜

๓. อุรุเวลวคฺโค

๑. ปมอุรุเวลสุตฺตํ

๒๑. เอวํ เม สุตํ [สํ. นิ. ๑.๑๗๓ อาคตํ] – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘เอกมิทาหํ , ภิกฺขเว, สมยํ อุรุเวลายํ วิหรามิ นชฺชา เนรฺชราย ตีเร อชปาลนิคฺโรเธ ปมาภิสมฺพุทฺโธ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘ทุกฺขํ โข อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส. กึ นุ โข อหํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา [ครุกตฺวา (สี. ปี.)] อุปนิสฺสาย วิหเรยฺย’’’นฺติ?

‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – อปริปูรสฺส โข อหํ สีลกฺขนฺธสฺส ปาริปูริยา อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ. น โข ปนาหํ ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา อตฺตนา สีลสมฺปนฺนตรํ, ยมหํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ.

‘‘อปริปูรสฺส โข อหํ สมาธิกฺขนฺธสฺส ปาริปูริยา อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ. น โข ปนาหํ ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา อตฺตนา สมาธิสมฺปนฺนตรํ, ยมหํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ.

‘‘อปริปูรสฺส โข อหํ ปฺากฺขนฺธสฺส ปาริปูริยา อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ. น โข ปนาหํ ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา อตฺตนา ปฺาสมฺปนฺนตรํ, ยมหํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ.

‘‘อปริปูรสฺส โข อหํ วิมุตฺติกฺขนฺธสฺส ปาริปูริยา อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ. น โข ปนาหํ ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา อตฺตนา วิมุตฺติสมฺปนฺนตรํ, ยมหํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺย’’นฺติ.

‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ ยฺวายํ [โยปายํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ธมฺโม มยา อภิสมฺพุทฺโธ ตเมว ธมฺมํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺย’’’นฺติ.

‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา สหมฺปติ มม เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ [สมฺมิฺชิตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมวํ – พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต มม ปุรโต ปาตุรโหสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา สหมฺปติ เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ทกฺขิณํ ชาณุมณฺฑลํ ปถวิยํ นิหนฺตฺวา เยนาหํ เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคต! เยปิ เต, ภนฺเต, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา เตปิ ภควนฺโต ธมฺมํเยว สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรึสุ; เยปิ เต, ภนฺเต, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา เตปิ ภควนฺโต ธมฺมํเยว สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหริสฺสนฺติ; ภควาปิ, ภนฺเต, เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมํเยว สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรตู’’’ติ. อิทมโวจ พฺรหฺมา สหมฺปติ. อิทํ วตฺวา อถาปรํ เอตทโวจ –

‘‘เย จ อตีตา [เย จพฺภตีตา (สี. ปี. ก.)] สมฺพุทฺธา, เย จ พุทฺธา อนาคตา;

โย เจตรหิ สมฺพุทฺโธ, พหูนํ [พหุนฺนํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.) สํ. นิ. ๑.๑๗๓] โสกนาสโน.

‘‘สพฺเพ สทฺธมฺมครุโน, วิหํสุ [วิหรึสุ (สฺยา. กํ.)] วิหรนฺติ จ;

อโถปิ วิหริสฺสนฺติ, เอสา พุทฺธาน ธมฺมตา.

‘‘ตสฺมา หิ อตฺตกาเมน [อตฺถกาเมน (สี. ก.)], มหตฺตมภิกงฺขตา;

สทฺธมฺโม ครุกาตพฺโพ, สรํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ.

‘‘อิทมโวจ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา สหมฺปติ. อิทํ วตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายิ. อถ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมุโน จ อชฺเฌสนํ วิทิตฺวา อตฺตโน จ ปติรูปํ ยฺวายํ [โยปายํ (สพฺพตฺถ)] ธมฺโม มยา อภิสมฺพุทฺโธ ตเมว ธมฺมํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหาสึ. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, สงฺโฆปิ มหตฺเตน สมนฺนาคโต, อถ เม สงฺเฆปิ คารโว’’ติ. ปมํ.

๒. ทุติยอุรุเวลสุตฺตํ

๒๒. ‘‘เอกมิทาหํ , ภิกฺขเว, สมยํ อุรุเวลายํ วิหรามิ นชฺชา เนรฺชราย ตีเร อชปาลนิคฺโรเธ ปมาภิสมฺพุทฺโธ. อถ โข, ภิกฺขเว, สมฺพหุลา พฺราหฺมณา ชิณฺณา วุทฺธา มหลฺลกา อทฺธคตา วโยอนุปฺปตฺตา เยนาหํ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา มยา สทฺธึ สมฺโมทึสุ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข, ภิกฺขเว, เต พฺราหฺมณา มํ เอตทโวจุํ – ‘สุตํ เนตํ [เมตํ (สี. สฺยา. กํ. ก.)], โภ โคตม – น สมโณ โคตโม พฺราหฺมเณ ชิณฺเณ วุทฺเธ มหลฺลเก อทฺธคเต วโยอนุปฺปตฺเต อภิวาเทติ วา ปจฺจุฏฺเติ วา อาสเนน วา นิมนฺเตตีติ. ตยิทํ, โภ โคตม, ตเถว. น หิ ภวํ โคตโม พฺราหฺมเณ ชิณฺเณ วุทฺเธ มหลฺลเก อทฺธคเต วโยอนุปฺปตฺเต อภิวาเทติ วา ปจฺจุฏฺเติ วา อาสเนน วา นิมนฺเตติ. ตยิทํ, โภ โคตม, น สมฺปนฺนเมวา’’’ติ.

‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘นยิเม [น วต เม (สี. ปี.), น จยิเม (สฺยา. กํ.), น วติเม (?)] อายสฺมนฺโต ชานนฺติ เถรํ วา เถรกรเณ วา ธมฺเม’ติ. วุทฺโธ เจปิ, ภิกฺขเว, โหติ อาสีติโก วา นาวุติโก วา วสฺสสติโก วา ชาติยา. โส จ โหติ อกาลวาที อภูตวาที อนตฺถวาที อธมฺมวาที อวินยวาที, อนิธานวตึ วาจํ ภาสิตา อกาเลน อนปเทสํ อปริยนฺตวตึ อนตฺถสํหิตํ. อถ โข โส ‘พาโล เถโร’ตฺเวว [เตว (สี. ปี.)] สงฺขํ คจฺฉติ.

‘‘ทหโร เจปิ, ภิกฺขเว, โหติ ยุวา สุสุกาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปเมน วยสา . โส จ โหติ กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที นิธานวตึ วาจํ ภาสิตา กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวตึ อตฺถสํหิตํ. อถ โข โส ‘ปณฺฑิโต เถโร’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.

‘‘จตฺตาโรเม , ภิกฺขเว, เถรกรณา ธมฺมา. กตเม จตฺตาโร? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ, พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ [สาตฺถา สพฺยฺชนา (สี. ปี.)] เกวลปริปุณฺณํ [เกวลปริปุณฺณา (สี.)] ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา [ธตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา, ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา, จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร เถรกรณา ธมฺมา’’ติ.

‘‘โย อุทฺธเตน จิตฺเตน, สมฺผฺจ พหุ ภาสติ;

อสมาหิตสงฺกปฺโป, อสทฺธมฺมรโต มโค;

อารา โส ถาวเรยฺยมฺหา, ปาปทิฏฺิ อนาทโร.

‘‘โย จ สีเลน สมฺปนฺโน, สุตวา ปฏิภานวา;

สฺโต ธีโร ธมฺเมสุ [สฺโต ธีรธมฺเมสุ (สี.), สํยุตฺโต ถิรธมฺเมสุ (สฺยา. กํ.)], ปฺายตฺถํ วิปสฺสติ.

‘‘ปารคู สพฺพธมฺมานํ, อขิโล ปฏิภานวา;

ปหีนชาติมรโณ, พฺรหฺมจริยสฺส เกวลี.

‘‘ตมหํ วทามิ เถโรติ, ยสฺส โน สนฺติ อาสวา;

อาสวานํ ขยา ภิกฺขุ, โส เถโรติ ปวุจฺจตี’’ติ. ทุติยํ;

๓. โลกสุตฺตํ

๒๓. ‘‘โลโก , ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ. โลกสฺมา ตถาคโต วิสํยุตฺโต. โลกสมุทโย, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ. โลกสมุทโย ตถาคตสฺส ปหีโน. โลกนิโรโธ, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ. โลกนิโรโธ ตถาคตสฺส สจฺฉิกโต. โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา. โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา ตถาคตสฺส ภาวิตา.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส สมารกสฺส สพฺรหฺมกสฺส สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, สพฺพํ ตํ ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธํ. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจติ.

‘‘ยฺจ, ภิกฺขเว, รตฺตึ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌติ ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, ยํ เอตสฺมึ อนฺตเร ภาสติ ลปติ นิทฺทิสติ สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ, โน อฺถา. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจติ.

‘‘ยถาวาที, ภิกฺขเว, ตถาคโต ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที. อิติ ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจติ.

‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุ ทโส วสวตฺตี. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจติ’’.

‘‘สพฺพํ โลกํ อภิฺาย, สพฺพํ โลเก ยถาตถํ;

สพฺพํ โลกํ [สพฺพโลก (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วิสํยุตฺโต, สพฺพโลเก อนูปโย.

‘‘ส เว สพฺพาภิภู ธีโร, สพฺพคนฺถปฺปโมจโน;

ผุฏฺ’สฺส ปรมา สนฺติ, นิพฺพานํ อกุโตภยํ.

‘‘เอส ขีณาสโว พุทฺโธ, อนีโฆ ฉินฺนสํสโย;

สพฺพกมฺมกฺขยํ ปตฺโต, วิมุตฺโต อุปธิสงฺขเย.

‘‘เอส โส ภควา พุทฺโธ, เอส สีโห อนุตฺตโร;

สเทวกสฺส โลกสฺส, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺตยี.

‘‘อิติ เทวา มนุสฺสา จ, เย พุทฺธํ สรณํ คตา;

สงฺคมฺม ตํ นมสฺสนฺติ, มหนฺตํ วีตสารทํ.

‘‘ทนฺโต ทมยตํ เสฏฺโ, สนฺโต สมยตํ อิสิ;

มุตฺโต โมจยตํ อคฺโค, ติณฺโณ ตารยตํ วโร.

‘‘อิติ เหตํ นมสฺสนฺติ, มหนฺตํ วีตสารทํ;

สเทวกสฺมึ โลกสฺมึ, นตฺถิ เต [นตฺถิ เต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปฏิปุคฺคโล’’ติ. ตติยํ;

๔. กาฬการามสุตฺตํ

๒๔. เอกํ สมยํ ภควา สาเกเต วิหรติ กาฬการาเม [โกฬิการาเม (ก.)]. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘ยํ , ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส สมารกสฺส สพฺรหฺมกสฺส สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ ชานามิ.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส สมารกสฺส สพฺรหฺมกสฺส สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ อพฺภฺาสึ. ตํ ตถาคตสฺส วิทิตํ, ตํ ตถาคโต น อุปฏฺาสิ.

‘‘ยํ , ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส สมารกสฺส สพฺรหฺมกสฺส สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ น ชานามีติ วเทยฺยํ, ตํ มมสฺส มุสา.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว…เป… ตมหํ ชานามิ จ น จ ชานามีติ วเทยฺยํ, ตํปสฺส [ตํ ปิสฺส (สฺยา. กํ.), ตํ มมสฺส (ก.)] ตาทิสเมว.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว…เป… ตมหํ เนว ชานามิ น น ชานามีติ วเทยฺยํ, ตํ มมสฺส กลิ.

‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคโต ทฏฺา ทฏฺพฺพํ, ทิฏฺํ น มฺติ, อทิฏฺํ น มฺติ, ทฏฺพฺพํ น มฺติ, ทฏฺารํ น มฺติ; สุตฺวา โสตพฺพํ, สุตํ น มฺติ, อสุตํ น มฺติ, โสตพฺพํ น มฺติ, โสตารํ น มฺติ; มุตฺวา โมตพฺพํ, มุตํ น มฺติ, อมุตํ น มฺติ, โมตพฺพํ น มฺติ, โมตารํ น มฺติ; วิฺตฺวา วิฺาตพฺพํ, วิฺาตํ น มฺติ, อวิฺาตํ น มฺติ, วิฺาตพฺพํ น มฺติ, วิฺาตารํ น มฺติ. อิติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคโต ทิฏฺสุตมุตวิฺาตพฺเพสุ ธมฺเมสุ ตาทีเยว ตาที [ตาทิโสว ตาที (สฺยา. กํ.), ตาทิเส เยว ตาที (ปี.), ตาทีเยว ตาทีเยเวกา (ก.)]. ตมฺหา จ ปน ตาทิมฺหา [ตาทิตมฺหา (สี. ปี.)] อฺโ ตาที อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถีติ วทามี’’ติ.

‘‘ยํ กิฺจิ ทิฏฺํว สุตํ มุตํ วา,

อชฺโฌสิตํ สจฺจมุตํ ปเรสํ;

น เตสุ ตาที สยสํวุเตสุ,

สจฺจํ มุสา วาปิ ปรํ ทเหยฺย.

‘‘เอตฺจ สลฺลํ ปฏิกจฺจ [ปฏิคจฺจ (สี. ปี.)] ทิสฺวา,

อชฺโฌสิตา ยตฺถ ปชา วิสตฺตา;

ชานามิ ปสฺสามิ ตเถว เอตํ,

อชฺโฌสิตํ นตฺถิ ตถาคตาน’’นฺติ. จตุตฺถํ;

๕. พฺรหฺมจริยสุตฺตํ

๒๕. ‘‘นยิทํ , ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ ชนกุหนตฺถํ, น ชนลปนตฺถํ, น ลาภสกฺการสิโลกานิสํสตฺถํ, น อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสตฺถํ, น ‘อิติ มํ ชโน ชานาตู’ติ. อถ โข อิทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ สํวรตฺถํ ปหานตฺถํ วิราคตฺถํ นิโรธตฺถ’’นฺติ.

‘‘สํวรตฺถํ ปหานตฺถํ, พฺรหฺมจริยํ อนีติหํ;

อเทสยิ โส ภควา, นิพฺพาโนคธคามินํ;

เอส มคฺโค มหนฺเตหิ [มหตฺเตภิ (ก.) อิติวุ. ๓๕], อนุยาโต มเหสิภิ.

‘‘เย จ ตํ ปฏิปชฺชนฺติ, ยถา พุทฺเธน เทสิตํ;

ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติ, สตฺถุสาสนการิโน’’ติ. ปฺจมํ;

๖. กุหสุตฺตํ

๒๖. [อิติวุ. ๑๐๘ อิติวุตฺตเกปิ] ‘‘เย เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู กุหา ถทฺธา ลปา สิงฺคี อุนฺนฬา อสมาหิตา, น เม เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู มามกา. อปคตา จ เต, ภิกฺขเว , ภิกฺขู อิมสฺมา ธมฺมวินยา, น จ เต อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรุฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺติ. เย จ โข เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู นิกฺกุหา นิลฺลปา ธีรา อตฺถทฺธา สุสมาหิตา, เต โข เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขู มามกา. อนปคตา จ เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อิมสฺมา ธมฺมวินยา. เต จ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรุฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺตี’’ติ.

[อิติวุ. ๑๐๘ อิติวุตฺตเกปิ] ‘‘กุหา ถทฺธา ลปา สิงฺคี, อุนฺนฬา อสมาหิตา;

น เต ธมฺเม วิรูหนฺติ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเต.

‘‘นิกฺกุหา นิลฺลปา ธีรา, อตฺถทฺธา สุสมาหิตา;

เต เว ธมฺเม วิรูหนฺติ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเต’’ติ. ฉฏฺํ;

๗. สนฺตุฏฺิสุตฺตํ

๒๗. ‘‘จตฺตาริมานิ , ภิกฺขเว, อปฺปานิ จ [เจว (ก.)] สุลภานิ จ, ตานิ จ อนวชฺชานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ปํสุกูลํ, ภิกฺขเว, จีวรานํ อปฺปฺจ สุลภฺจ , ตฺจ อนวชฺชํ. ปิณฺฑิยาโลโป, ภิกฺขเว, โภชนานํ อปฺปฺจ สุลภฺจ, ตฺจ อนวชฺชํ. รุกฺขมูลํ, ภิกฺขเว, เสนาสนานํ อปฺปฺจ สุลภฺจ, ตฺจ อนวชฺชํ. ปูติมุตฺตํ, ภิกฺขเว, เภสชฺชานํ อปฺปฺจ สุลภฺจ, ตฺจ อนวชฺชํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ อปฺปานิ จ สุลภานิ จ, ตานิ จ อนวชฺชานิ. ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อปฺเปน จ ตุฏฺโ โหติ สุลเภน จ, อิทมสฺสาหํ อฺตรํ สามฺงฺคนฺติ [สามฺนฺติ (ก.)] วทามี’’ติ.

‘‘อนวชฺเชน ตุฏฺสฺส, อปฺเปน สุลเภน จ;

เสนาสนมารพฺภ, จีวรํ ปานโภชนํ;

วิฆาโต โหติ จิตฺตสฺส, ทิสา นปฺปฏิหฺติ.

‘‘เย จสฺส ธมฺมา อกฺขาตา, สามฺสฺสานุโลมิกา;

อธิคฺคหิตา ตุฏฺสฺส, อปฺปมตฺตสฺส สิกฺขโต’’ติ. สตฺตมํ;

๘. อริยวํสสุตฺตํ

๒๘. ‘‘จตฺตาโรเม , ภิกฺขเว, อริยวํสา อคฺคฺา รตฺตฺา วํสฺา โปราณา อสํกิณฺณา อสํกิณฺณปุพฺพา, น สํกียนฺติ น สํกียิสฺสนฺติ, อปฺปฏิกุฏฺา สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ. กตเม จตฺตาโร? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน จีวเรน, อิตรีตรจีวรสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที, น จ จีวรเหตุ อเนสนํ อปฺปติรูปํ อาปชฺชติ, อลทฺธา จ จีวรํ น ปริตสฺสติ, ลทฺธา จ จีวรํ อคธิโต [อคถิโต (สี. ปี.)] อมุจฺฉิโต อนชฺโฌสนฺโน อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชติ; ตาย จ ปน อิตรีตรจีวรสนฺตุฏฺิยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ, โน [น (ที. นิ. ๓.๓๐๙)] ปรํ วมฺเภติ. โย หิ ตตฺถ ทกฺโข อนลโส สมฺปชาโน ปติสฺสโต, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โปราเณ อคฺคฺเ อริยวํเส ิโต.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตน, อิตรีตรปิณฺฑปาตสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที, น จ ปิณฺฑปาตเหตุ อเนสนํ อปฺปติรูปํ อาปชฺชติ, อลทฺธา จ ปิณฺฑปาตํ น ปริตสฺสติ, ลทฺธา จ ปิณฺฑปาตํ อคธิโต อมุจฺฉิโต อนชฺโฌสนฺโน อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชติ; ตาย จ ปน อิตรีตรปิณฺฑปาตสนฺตุฏฺิยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ , โน ปรํ วมฺเภติ. โย หิ ตตฺถ ทกฺโข อนลโส สมฺปชาโน ปติสฺสโต, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โปราเณ อคฺคฺเ อริยวํเส ิโต.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน เสนาสเนน, อิตรีตรเสนาสนสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที, น จ เสนาสนเหตุ อเนสนํ อปฺปติรูปํ อาปชฺชติ, อลทฺธา จ เสนาสนํ น ปริตสฺสติ, ลทฺธา จ เสนาสนํ อคธิโต อมุจฺฉิโต อนชฺโฌสนฺโน อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชติ; ตาย จ ปน อิตรีตรเสนาสนสนฺตุฏฺิยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ, โน ปรํ วมฺเภติ. โย หิ ตตฺถ ทกฺโข อนลโส สมฺปชาโน ปติสฺสโต, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โปราเณ อคฺคฺเ อริยวํเส ิโต.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภาวนาราโม โหติ ภาวนารโต, ปหานาราโม โหติ ปหานรโต; ตาย จ ปน ภาวนารามตาย ภาวนารติยา ปหานารามตาย ปหานรติยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ, โน ปรํ วมฺเภติ. โย หิ ตตฺถ ทกฺโข อนลโส สมฺปชาโน ปติสฺสโต, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โปราเณ อคฺคฺเ อริยวํเส ิโต. อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อริยวํสา อคฺคฺา รตฺตฺา วํสฺา โปราณา อสํกิณฺณา อสํกิณฺณปุพฺพา, น สํกียนฺติ น สํกียิสฺสนฺติ, อปฺปฏิกุฏฺา สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ.

‘‘อิเมหิ จ ปน, ภิกฺขเว, จตูหิ อริยวํเสหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ปุรตฺถิมาย เจปิ ทิสาย วิหรติ สฺเวว อรตึ สหติ, น ตํ อรติ สหติ; ปจฺฉิมาย เจปิ ทิสาย วิหรติ สฺเวว อรตึ สหติ, น ตํ อรติ สหติ; อุตฺตราย เจปิ ทิสาย วิหรติ สฺเวว อรตึ สหติ, น ตํ อรติ สหติ; ทกฺขิณาย เจปิ ทิสาย วิหรติ สฺเวว อรตึ สหติ, น ตํ อรติ สหติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อรติรติสโห หิ, ภิกฺขเว, ธีโร’’ติ.

‘‘นารติ สหติ ธีรํ [วีรํ (สี.)], นารติ ธีรํ สหติ;

ธีโรว อรตึ สหติ, ธีโร หิ อรติสฺสโห.

‘‘สพฺพกมฺมวิหายีนํ , ปนุณฺณํ [ปณุนฺนํ (?)] โก นิวารเย;

เนกฺขํ ชมฺโพนทสฺเสว, โก ตํ นินฺทิตุมรหติ;

เทวาปิ นํ ปสํสนฺติ, พฺรหฺมุนาปิ ปสํสิโต’’ติ. อฏฺมํ;

๙. ธมฺมปทสุตฺตํ

๒๙. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ธมฺมปทานิ อคฺคฺานิ รตฺตฺานิ วํสฺานิ โปราณานิ อสํกิณฺณานิ อสํกิณฺณปุพฺพานิ, น สํกียนฺติ น สํกียิสฺสนฺติ, อปฺปฏิกุฏฺานิ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ. กตมานิ จตฺตาริ? อนภิชฺฌา, ภิกฺขเว, ธมฺมปทํ อคฺคฺํ รตฺตฺํ วํสฺํ โปราณํ อสํกิณฺณํ อสํกิณฺณปุพฺพํ, น สํกียติ น สํกียิสฺสติ, อปฺปฏิกุฏฺํ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ.

‘‘อพฺยาปาโท, ภิกฺขเว, ธมฺมปทํ อคฺคฺํ รตฺตฺํ วํสฺํ โปราณํ อสํกิณฺณํ อสํกิณฺณปุพฺพํ, น สํกียติ น สํกียิสฺสติ, อปฺปฏิกุฏฺํ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ.

‘‘สมฺมาสติ , ภิกฺขเว, ธมฺมปทํ อคฺคฺํ รตฺตฺํ วํสฺํ โปราณํ อสํกิณฺณํ อสํกิณฺณปุพฺพํ, น สํกียติ น สํกียิสฺสติ, อปฺปฏิกุฏฺํ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ.

‘‘สมฺมาสมาธิ, ภิกฺขเว, ธมฺมปทํ อคฺคฺํ รตฺตฺํ วํสฺํ โปราณํ อสํกิณฺณํ อสํกิณฺณปุพฺพํ, น สํกียติ น สํกียิสฺสติ, อปฺปฏิกุฏฺํ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ ธมฺมปทานิ อคฺคฺานิ รตฺตฺานิ วํสฺานิ โปราณานิ อสํกิณฺณานิ อสํกิณฺณปุพฺพานิ, น สํกียนฺติ น สํกียิสฺสนฺติ, อปฺปฏิกุฏฺานิ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ.

‘‘อนภิชฺฌาลุ วิหเรยฺย, อพฺยาปนฺเนน เจตสา;

สโต เอกคฺคจิตฺตสฺส [เอกคฺคจิตฺตายํ (ก.)], อชฺฌตฺตํ สุสมาหิโต’’ติ. นวมํ;

๑๐. ปริพฺพาชกสุตฺตํ

๓๐. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา อภิฺาตา อภิฺาตา ปริพฺพาชกา สิปฺปินิกาตีเร [สปฺปินิยา ตีเร (สี. ปี.), สิปฺปินิยา ตีเร (สฺยา. กํ.), สิปฺปินิยา นทิยา ตีเร (ก.)] ปริพฺพาชการาเม ปฏิวสนฺติ, เสยฺยถิทํ อนฺนภาโร วรธโร สกุลุทายี จ ปริพฺพาชโก อฺเ จ อภิฺาตา อภิฺาตา ปริพฺพาชกา. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน สิปฺปินิกาตีรํ ปริพฺพาชการาโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา เต ปริพฺพาชเก เอตทโวจ –

‘‘จตฺตาริมานิ, ปริพฺพาชกา, ธมฺมปทานิ อคฺคฺานิ รตฺตฺานิ วํสฺานิ โปราณานิ อสํกิณฺณานิ อสํกิณฺณปุพฺพานิ, น สํกียนฺติ น สํกียิสฺสนฺติ, อปฺปฏิกุฏฺานิ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ. กตมานิ จตฺตาริ? อนภิชฺฌา, ปริพฺพาชกา, ธมฺมปทํ อคฺคฺํ รตฺตฺํ วํสฺํ โปราณํ อสํกิณฺณํ อสํกิณฺณปุพฺพํ, น สํกียติ น สํกียิสฺสติ, อปฺปฏิกุฏฺํ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ. อพฺยาปาโท, ปริพฺพาชกา, ธมฺมปทํ…เป… สมฺมาสติ, ปริพฺพาชกา, ธมฺมปทํ…เป… สมฺมาสมาธิ, ปริพฺพาชกา, ธมฺมปทํ อคฺคฺํ รตฺตฺํ วํสฺํ โปราณํ อสํกิณฺณํ อสํกิณฺณปุพฺพํ, น สํกียติ น สํกียิสฺสติ, อปฺปฏิกุฏฺํ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ. อิมานิ โข , ปริพฺพาชกา, จตฺตาริ ธมฺมปทานิ อคฺคฺานิ รตฺตฺานิ วํสฺานิ โปราณานิ อสํกิณฺณานิ อสํกิณฺณปุพฺพานิ, น สํกียนฺติ น สํกียิสฺสนฺติ, อปฺปฏิกุฏฺานิ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ.

‘‘โย โข, ปริพฺพาชกา, เอวํ วเทยฺย – ‘อหเมตํ อนภิชฺฌํ ธมฺมปทํ ปจฺจกฺขาย อภิชฺฌาลุํ กาเมสุ ติพฺพสาราคํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปฺาเปสฺสามี’ติ, ตมหํ ตตฺถ เอวํ วเทยฺยํ – ‘เอตุ วทตุ พฺยาหรตุ ปสฺสามิสฺสานุภาว’นฺติ. โส วต, ปริพฺพาชกา, อนภิชฺฌํ ธมฺมปทํ ปจฺจกฺขาย อภิชฺฌาลุํ กาเมสุ ติพฺพสาราคํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปฺาเปสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ.

‘‘โย โข, ปริพฺพาชกา, เอวํ วเทยฺย – ‘อหเมตํ อพฺยาปาทํ ธมฺมปทํ ปจฺจกฺขาย พฺยาปนฺนจิตฺตํ ปทุฏฺมนสงฺกปฺปํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปฺาเปสฺสามี’ติ, ตมหํ ตตฺถ เอวํ วเทยฺยํ – ‘เอตุ วทตุ พฺยาหรตุ ปสฺสามิสฺสานุภาว’นฺติ. โส วต, ปริพฺพาชกา, อพฺยาปาทํ ธมฺมปทํ ปจฺจกฺขาย พฺยาปนฺนจิตฺตํ ปทุฏฺมนสงฺกปฺปํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปฺาเปสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ.

‘‘โย โข, ปริพฺพาชกา, เอวํ วเทยฺย – ‘อหเมตํ สมฺมาสตึ ธมฺมปทํ ปจฺจกฺขาย มุฏฺสฺสตึ อสมฺปชานํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปฺาเปสฺสามี’ติ, ตมหํ ตตฺถ เอวํ วเทยฺยํ – ‘เอตุ วทตุ พฺยาหรตุ ปสฺสามิสฺสานุภาว’นฺติ. โส วต, ปริพฺพาชกา, สมฺมาสตึ ธมฺมปทํ ปจฺจกฺขาย มุฏฺสฺสตึ อสมฺปชานํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปฺาเปสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ.

‘‘โย โข, ปริพฺพาชกา, เอวํ วเทยฺย – ‘อหเมตํ สมฺมาสมาธึ ธมฺมปทํ ปจฺจกฺขาย อสมาหิตํ วิพฺภนฺตจิตฺตํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปฺาเปสฺสามี’ติ, ตมหํ ตตฺถ เอวํ วเทยฺยํ – ‘เอตุ วทตุ พฺยาหรตุ ปสฺสามิสฺสานุภาว’นฺติ. โส วต, ปริพฺพาชกา, สมฺมาสมาธึ ธมฺมปทํ ปจฺจกฺขาย อสมาหิตํ วิพฺภนฺตจิตฺตํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปฺาเปสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ.

‘‘โย โข, ปริพฺพาชกา, อิมานิ จตฺตาริ ธมฺมปทานิ ครหิตพฺพํ ปฏิกฺโกสิตพฺพํ มฺเยฺย, ตสฺส ทิฏฺเว ธมฺเม จตฺตาโร สหธมฺมิกา วาทานุปาตา คารยฺหา านา [วาทานุวาทา คารยฺหํ านํ (ม. นิ. ๓.๘)] อาคจฺฉนฺติ. กตเม จตฺตาโร? อนภิชฺฌํ เจ ภวํ ธมฺมปทํ ครหติ ปฏิกฺโกสติ, เย จ หิ [เย จ (ม. นิ. ๓.๑๔๒-๑๔๓)] อภิชฺฌาลู กาเมสุ ติพฺพสาราคา สมณพฺราหฺมณา เต โภโต ปุชฺชา เต โภโต ปาสํสา. อพฺยาปาทํ เจ ภวํ ธมฺมปทํ ครหติ ปฏิกฺโกสติ, เย จ หิ พฺยาปนฺนจิตฺตา ปทุฏฺมนสงฺกปฺปา สมณพฺราหฺมณา เต โภโต ปุชฺชา เต โภโต ปาสํสา. สมฺมาสตึ เจ ภวํ ธมฺมปทํ ครหติ ปฏิกฺโกสติ, เย จ หิ มุฏฺสฺสตี อสมฺปชานา สมณพฺราหฺมณา เต โภโต ปุชฺชา เต โภโต ปาสํสา. สมฺมาสมาธึ เจ ภวํ ธมฺมปทํ ครหติ ปฏิกฺโกสติ, เย จ หิ อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา สมณพฺราหฺมณา เต โภโต ปุชฺชา เต โภโต ปาสํสา.

‘‘โย โข, ปริพฺพาชกา, อิมานิ จตฺตาริ ธมฺมปทานิ ครหิตพฺพํ ปฏิกฺโกสิตพฺพํ มฺเยฺย, ตสฺส ทิฏฺเว ธมฺเม อิเม จตฺตาโร สหธมฺมิกา วาทานุปาตา คารยฺหา านา อาคจฺฉนฺติ . เยปิ เต ปริพฺพาชกา อเหสุํ อุกฺกลา วสฺสภฺา [วสฺสภิฺา (ก.) สํ. นิ. ๓.๖๒ ปสฺสิตพฺพํ] อเหตุกวาทา อกิริยวาทา นตฺถิกวาทา, เตปิ อิมานิ จตฺตาริ ธมฺมปทานิ น ครหิตพฺพํ น ปฏิกฺโกสิตพฺพํ อมฺึสุ. ตํ กิสฺส เหตุ? นินฺทาพฺยาโรสนอุปารมฺภภยา’’ติ [อุปวาทภยาติ (ก.) ม. นิ. ๓.๑๕๐; สํ. นิ. ๓.๖๒ ปสฺสิตพฺพํ].

‘‘อพฺยาปนฺโน สทา สโต, อชฺฌตฺตํ สุสมาหิโต;

อภิชฺฌาวินเย สิกฺขํ, อปฺปมตฺโตติ วุจฺจตี’’ติ. ทสมํ;

อุรุเวลวคฺโค ตติโย.

ตสฺสุทฺทานํ –

ทฺเว อุรุเวลา โลโก กาฬโก [โกฬิโก (ก.)], พฺรหฺมจริเยน ปฺจมํ;

กุหํ สนฺตุฏฺิ วํโส จ, ธมฺมปทํ ปริพฺพาชเกน จาติ.