📜
๔. จกฺกวคฺโค
๑. จกฺกสุตฺตํ
๓๑. ‘‘จตฺตาริมานิ ¶ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, จกฺกานิ, เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสานํ จตุจกฺกํ วตฺตติ, เยหิ สมนฺนาคตา เทวมนุสฺสา นจิรสฺเสว มหนฺตตฺตํ เวปุลฺลตฺตํ ปาปุณนฺติ โภเคสุ. กตมานิ จตฺตาริ? ปติรูปเทสวาโส, สปฺปุริสาวสฺสโย [สปฺปุริสูปสฺสโย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], อตฺตสมฺมาปณิธิ, ปุพฺเพ จ กตปฺุตา – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ จกฺกานิ, เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสานํ จตุจกฺกํ วตฺตติ, เยหิ สมนฺนาคตา เทวมนุสฺสา นจิรสฺเสว มหนฺตตฺตํ เวปุลฺลตฺตํ ปาปุณนฺติ โภเคสู’’ติ.
‘‘ปติรูเป ¶ วเส เทเส, อริยมิตฺตกโร สิยา;
สมฺมาปณิธิสมฺปนฺโน, ปุพฺเพ ปฺุกโต นโร;
ธฺํ ธนํ ยโส กิตฺติ, สุขฺเจตํธิวตฺตตี’’ติ. ปมํ;
๒. สงฺคหสุตฺตํ
๓๒. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, สงฺคหวตฺถูนิ. กตมานิ จตฺตาริ? ทานํ, เปยฺยวชฺชํ, อตฺถจริยา, สมานตฺตตา – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนี’’ติ.
‘‘ทานฺจ เปยฺยวชฺชฺจ [สงฺคเห (อฏฺกถายํ ปานฺตรํ) ที. นิ. ๓.๒๗๓ ปสฺสิตพฺพํ], อตฺถจริยา จ ยา อิธ;
สมานตฺตตา จ ธมฺเมสุ, ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ;
เอเต โข สงฺคหา โลเก, รถสฺสาณีว ยายโต.
‘‘เอเต จ สงฺคหา นาสฺสุ, น มาตา ปุตฺตการณา;
ลเภถ มานํ ปูชํ วา, ปิตา วา ปุตฺตการณา.
‘‘ยสฺมา ¶ จ สงฺคหา [สงฺคเห (อฏฺกถายํ ปานฺตรํ) ที. นิ. ๓.๒๗๓ ปสฺสิตพฺพํ] เอเต, สมเวกฺขนฺติ ปณฺฑิตา;
ตสฺมา มหตฺตํ ปปฺโปนฺติ, ปาสํสา จ ภวนฺติ เต’’ติ. ทุติยํ;
๓. สีหสุตฺตํ
๓๓. ‘‘สีโห ¶ ¶ , ภิกฺขเว, มิคราชา สายนฺหสมยํ อาสยา นิกฺขมติ. อาสยา นิกฺขมิตฺวา วิชมฺภติ. วิชมฺภิตฺวา สมนฺตา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกติ. สมนฺตา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทติ. ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกมติ. เย โข ปน เต, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา สีหสฺส มิครฺโ นทโต สทฺทํ สุณนฺติ, เต เยภุยฺเยน ภยํ สํเวคํ สนฺตาสํ อาปชฺชนฺติ. พิลํ พิลาสยา ปวิสนฺติ, ทกํ ทกาสยา [อุทกํ อุทกาสยา (ก.) สํ. นิ. ๓.๗๘; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๓๗ ปสฺสิตพฺพํ] ปวิสนฺติ, วนํ วนาสยา ปวิสนฺติ, อากาสํ ปกฺขิโน ภชนฺติ ¶ . เยปิ เต, ภิกฺขเว, รฺโ นาคา คามนิคมราชธานีสุ ทฬฺเหหิ วรตฺเตหิ พนฺธเนหิ พทฺธา, เตปิ ตานิ พนฺธนานิ สฺฉินฺทิตฺวา สมฺปทาเลตฺวา ภีตา มุตฺตกรีสํ จชมานา เยน วา เตน วา ปลายนฺติ. เอวํ มหิทฺธิโก โข, ภิกฺขเว, สีโห มิคราชา ติรจฺฉานคตานํ ปาณานํ, เอวํ มเหสกฺโข เอวํ มหานุภาโว.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยทา ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา, โส ธมฺมํ เทเสติ – ‘อิติ สกฺกาโย, อิติ สกฺกายสมุทโย, อิติ สกฺกายนิโรโธ [สกฺกายสฺส อตฺถงฺคโม (อฏฺ., สํ. นิ. ๓.๗๘) ‘‘สกฺกายนิโรธคามินี’’ติ ปจฺฉิมปทํ ปน ปสฺสิตพฺพํ], อิติ สกฺกายนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ. เยปิ เต, ภิกฺขเว, เทวา ทีฆายุกา วณฺณวนฺโต สุขพหุลา อุจฺเจสุ วิมาเนสุ จิรฏฺิติกา, เตปิ ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เยภุยฺเยน ภยํ สํเวคํ สนฺตาสํ อาปชฺชนฺติ – ‘อนิจฺจา วต กิร, โภ, มยํ สมานา นิจฺจมฺหาติ อมฺิมฺห; อทฺธุวา วต กิร, โภ, มยํ สมานา ธุวมฺหาติ อมฺิมฺห; อสสฺสตา วต กิร, โภ, มยํ สมานา สสฺสตมฺหาติ อมฺิมฺห. มยํ กิร, โภ, อนิจฺจา อทฺธุวา อสสฺสตา สกฺกายปริยาปนฺนา’ติ. เอวํ มหิทฺธิโก โข, ภิกฺขเว, ตถาคโต สเทวกสฺส โลกสฺส, เอวํ มเหสกฺโข เอวํ มหานุภาโว’’ติ.
‘‘ยทา ¶ ¶ พุทฺโธ อภิฺาย, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยี;
สเทวกสฺส โลกสฺส, สตฺถา อปฺปฏิปุคฺคโล.
‘‘สกฺกายฺจ ¶ ¶ นิโรธฺจ, สกฺกายสฺส จ สมฺภวํ;
อริยฺจฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.
‘‘เยปิ ทีฆายุกา เทวา, วณฺณวนฺโต ยสสฺสิโน;
ภีตา สนฺตาสมาปาทุํ, สีหสฺเสวิ’ตเรมิคา.
‘‘อวีติวตฺตา สกฺกายํ, อนิจฺจา กิร โภ มยํ;
สุตฺวา อรหโต วากฺยํ, วิปฺปมุตฺตสฺส ตาทิโน’’ติ [สํ. นิ. ๓.๗๘]. ตติยํ;
๔. อคฺคปฺปสาทสุตฺตํ
๓๔. ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อคฺคปฺปสาทา. กตเม จตฺตาโร? ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา [ทิปทา (สี. ปี.) อ. นิ. ๕.๓๒; อิติวุ. ๙๐] วา จตุปฺปทา วา พหุปฺปทา วา รูปิโน วา อรูปิโน วา สฺิโน วา อสฺิโน วา เนวสฺินาสฺิโน วา, ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. เย, ภิกฺขเว, พุทฺเธ ปสนฺนา, อคฺเค เต ปสนฺนา. อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก โหติ.
‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายติ. เย, ภิกฺขเว, อริเย อฏฺงฺคิเก มคฺเค ปสนฺนา, อคฺเค เต ปสนฺนา. อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก โหติ.
‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายติ, ยทิทํ มทนิมฺมทโน ปิปาสวินโย อาลยสมุคฺฆาโต วฏฺฏุปจฺเฉโท ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํ. เย, ภิกฺขเว, วิราเค ธมฺเม ปสนฺนา, อคฺเค เต ปสนฺนา. อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก โหติ.
‘‘ยาวตา ¶ ¶ , ภิกฺขเว, สงฺฆา วา คณา วา, ตถาคตสาวกสงฺโฆ เตสํ อคฺคมกฺขายติ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺ ปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส. เย ¶ , ภิกฺขเว, สงฺเฆ ปสนฺนา ¶ , อคฺเค เต ปสนฺนา. อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อคฺคปฺปสาทา’’ติ.
‘‘อคฺคโต เว ปสนฺนานํ, อคฺคํ ธมฺมํ วิชานตํ;
อคฺเค พุทฺเธ ปสนฺนานํ, ทกฺขิเณยฺเย อนุตฺตเร.
‘‘อคฺเค ธมฺเม ปสนฺนานํ, วิราคูปสเม สุเข;
อคฺเค สงฺเฆ ปสนฺนานํ, ปฺุกฺเขตฺเต อนุตฺตเร.
‘‘อคฺคสฺมึ ทานํ ททตํ, อคฺคํ ปฺุํ ปวฑฺฒติ;
อคฺคํ อายุ จ วณฺโณ จ, ยโส กิตฺติ สุขํ พลํ.
‘‘อคฺคสฺส ทาตา เมธาวี, อคฺคธมฺมสมาหิโต;
เทวภูโต มนุสฺโส วา, อคฺคปฺปตฺโต ปโมทตี’’ติ [อิติวุ. ๙๐]. จตุตฺถํ;
๕. วสฺสการสุตฺตํ
๓๕. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข วสฺสกาโร พฺราหฺมโณ มคธมหามตฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข วสฺสกาโร พฺราหฺมโณ มคธมหามตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘จตูหิ โข มยํ, โภ โคตม, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ มหาปฺํ มหาปุริสํ ปฺาเปม ¶ . กตเมหิ จตูหิ? อิธ, โภ โคตม, พหุสฺสุโต โหติ ตสฺส ตสฺเสว สุตชาตสฺส ตสฺส ตสฺเสว โข ปน ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานาติ – ‘อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ, อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส ¶ อตฺโถ’ติ. สติมา โข ปน โหติ จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตา ยานิ โข ปน ตานิ คหฏฺกานิ กึกรณียานิ, ตตฺถ ทกฺโข โหติ อนลโส, ตตฺรุปายาย วีมํสาย สมนฺนาคโต อลํ กาตุํ อลํ สํวิธาตุํ. อิเมหิ โข มยํ, โภ โคตม, จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ มหาปฺํ มหาปุริสํ ปฺาเปม. สเจ เม [สเจ ปน เม (สี. ก.), สเจ เม ปน (ปี.)], โภ โคตม, อนุโมทิตพฺพํ อนุโมทตุ เม ภวํ โคตโม; สเจ ¶ ปน เม, โภ โคตม, ปฏิกฺโกสิตพฺพํ ปฏิกฺโกสตุ เม ภวํ โคตโม’’ติ.
‘‘เนว โข ตฺยาหํ, พฺราหฺมณ, อนุโมทามิ น ปฏิกฺโกสามิ ¶ . จตูหิ โข อหํ, พฺราหฺมณ, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ มหาปฺํ มหาปุริสํ ปฺาเปมิ. กตเมหิ จตูหิ? อิธ, พฺราหฺมณ, พหุชนหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ พหุชนสุขาย; พหุสฺส ชนตา อริเย าเย ปติฏฺาปิตา, ยทิทํ กลฺยาณธมฺมตา กุสลธมฺมตา. โส ยํ วิตกฺกํ อากงฺขติ วิตกฺเกตุํ ตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกติ, ยํ วิตกฺกํ นากงฺขติ วิตกฺเกตุํ น ตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกติ; ยํ สงฺกปฺปํ อากงฺขติ สงฺกปฺเปตุํ ตํ สงฺกปฺปํ สงฺกปฺเปติ, ยํ สงฺกปฺปํ นากงฺขติ สงฺกปฺเปตุํ น ตํ สงฺกปฺปํ สงฺกปฺเปติ. อิติ เจโตวสิปฺปตฺโต โหติ วิตกฺกปเถ. จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี. อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม ¶ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เนว โข ตฺยาหํ, พฺราหฺมณ, อนุโมทามิ น ปน ปฏิกฺโกสามิ. อิเมหิ โข อหํ, พฺราหฺมณ, จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ มหาปฺํ มหาปุริสํ ปฺาเปมี’’ติ.
‘‘อจฺฉริยํ, โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม! ยาว สุภาสิตํ จิทํ โภตา โคตเมน. อิเมหิ จ มยํ, โภ โคตม, จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ ภวนฺตํ โคตมํ ธาเรม; ภวฺหิ โคตโม พหุชนหิตาย ปฏิปนฺโน พหุชนสุขาย; พหุ เต [พหุสฺส (สฺยา. กํ. ก.)] ชนตา อริเย าเย ปติฏฺาปิตา, ยทิทํ กลฺยาณธมฺมตา กุสลธมฺมตา. ภวฺหิ โคตโม ยํ วิตกฺกํ อากงฺขติ วิตกฺเกตุํ ตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกติ, ยํ วิตกฺกํ นากงฺขติ วิตกฺเกตุํ น ตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกติ, ยํ สงฺกปฺปํ อากงฺขติ สงฺกปฺเปตุํ ตํ สงฺกปฺปํ สงฺกปฺเปติ, ยํ สงฺกปฺปํ นากงฺขติ สงฺกปฺเปตุํ น ตํ สงฺกปฺปํ สงฺกปฺเปติ. ภวฺหิ โคตโม เจโตวสิปฺปตฺโต วิตกฺกปเถ. ภวฺหิ โคตโม จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี ¶ . ภวฺหิ โคตโม อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ.
‘‘อทฺธา ¶ ¶ โข ตฺยาหํ, พฺราหฺมณ, อาสชฺช อุปนีย วาจา ภาสิตา. อปิ จ, ตฺยาหํ พฺยากริสฺสามิ – ‘อหฺหิ, พฺราหฺมณ, พหุชนหิตาย ปฏิปนฺโน พหุชนสุขาย; พหุ เม [พหุสฺส (สฺยา. กํ. ก.)] ชนตา อริเย าเย ปติฏฺาปิตา, ยทิทํ กลฺยาณธมฺมตา กุสลธมฺมตา. อหฺหิ, พฺราหฺมณ, ยํ วิตกฺกํ อากงฺขามิ วิตกฺเกตุํ ตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกมิ, ยํ วิตกฺกํ นากงฺขามิ วิตกฺเกตุํ น ตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกมิ ¶ , ยํ สงฺกปฺปํ อากงฺขามิ สงฺกปฺเปตุํ ตํ สงฺกปฺปํ สงฺกปฺเปมิ, ยํ สงฺกปฺปํ นากงฺขามิ สงฺกปฺเปตุํ น ตํ สงฺกปฺปํ สงฺกปฺเปมิ. อหฺหิ, พฺราหฺมณ, เจโตวสิปฺปตฺโต วิตกฺกปเถ. อหฺหิ, พฺราหฺมณ, จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี. อหฺหิ, พฺราหฺมณ, อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’’’ติ.
‘‘โย เวทิ สพฺพสตฺตานํ, มจฺจุปาสปฺปโมจนํ;
หิตํ เทวมนุสฺสานํ, ายํ ธมฺมํ ปกาสยิ;
ยํ เว ทิสฺวา จ สุตฺวา จ, ปสีทนฺติ พหู ชนา [ปสีทติ พหุชฺชโน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].
‘‘มคฺคามคฺคสฺส กุสโล, กตกิจฺโจ อนาสโว;
พุทฺโธ อนฺติมสารีโร [อนฺติมธาริโต (ก.)], ‘‘(มหาปฺโ) [( ) สฺยา. โปตฺถเก นตฺถิ] มหาปุริโสติ วุจฺจตี’’ติ. ปฺจมํ;
๖. โทณสุตฺตํ
๓๖. เอกํ สมยํ ภควา อนฺตรา จ อุกฺกฏฺํ อนฺตรา จ เสตพฺยํ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน โหติ. โทโณปิ สุทํ พฺราหฺมโณ อนฺตรา จ อุกฺกฏฺํ อนฺตรา จ เสตพฺยํ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน โหติ. อทฺทสา โข โทโณ พฺราหฺมโณ ภควโต ปาเทสุ จกฺกานิ สหสฺสารานิ สเนมิกานิ สนาภิกานิ สพฺพาการปริปูรานิ; ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! น วติมานิ มนุสฺสภูตสฺส ปทานิ ภวิสฺสนฺตี’’ติ!! อถ ¶ โข ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ ¶ ¶ ปลฺลงฺกํ ¶ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. อถ โข โทโณ พฺราหฺมโณ ภควโต ปทานิ อนุคจฺฉนฺโต อทฺทส ภควนฺตํ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ปาสาทิกํ ปสาทนียํ สนฺตินฺทฺริยํ สนฺตมานสํ อุตฺตมทมถสมถมนุปฺปตฺตํ ทนฺตํ คุตฺตํ สํยตินฺทฺริยํ [ยตินฺทฺริยํ (มหาว. ๒๕๗)] นาคํ. ทิสฺวาน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘เทโว โน ภวํ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, เทโว ภวิสฺสามี’’ติ. ‘‘คนฺธพฺโพ โน ภวํ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, คนฺธพฺโพ ภวิสฺสามี’’ติ. ‘‘ยกฺโข โน ภวํ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, ยกฺโข ภวิสฺสามี’’ติ. ‘‘มนุสฺโส โน ภวํ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, มนุสฺโส ภวิสฺสามี’’ติ.
‘‘‘เทโว โน ภวํ ภวิสฺสตี’ติ, อิติ ปุฏฺโ สมาโน – ‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, เทโว ภวิสฺสามี’ติ วเทสิ. ‘คนฺธพฺโพ โน ภวํ ภวิสฺสตี’ติ, อิติ ปุฏฺโ สมาโน – ‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, คนฺธพฺโพ ภวิสฺสามี’ติ วเทสิ. ‘ยกฺโข โน ภวํ ภวิสฺสตี’ติ, อิติ ปุฏฺโ สมาโน – ‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, ยกฺโข ภวิสฺสามี’ติ วเทสิ. ‘มนุสฺโส โน ภวํ ภวิสฺสตี’ติ, อิติ ปุฏฺโ สมาโน – ‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, มนุสฺโส ภวิสฺสามี’ติ วเทสิ. อถ โก จรหิ ภวํ ภวิสฺสตี’’ติ?
‘‘เยสํ โข อหํ, พฺราหฺมณ, อาสวานํ อปฺปหีนตฺตา เทโว ภเวยฺยํ, เต เม อาสวา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. เยสํ โข อหํ, พฺราหฺมณ, อาสวานํ ¶ อปฺปหีนตฺตา คนฺธพฺโพ ภเวยฺยํ… ยกฺโข ภเวยฺยํ… มนุสฺโส ภเวยฺยํ, เต เม อาสวา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, อุปฺปลํ วา ปทุมํ วา ปุณฺฑรีกํ วา อุทเก ชาตํ อุทเก สํวฑฺฒํ อุทกา อจฺจุคฺคมฺม ติฏฺติ อนุปลิตฺตํ ¶ อุทเกน; เอวเมวํ โข อหํ, พฺราหฺมณ, โลเก ชาโต โลเก สํวฑฺโฒ โลกํ อภิภุยฺย วิหรามิ อนุปลิตฺโต โลเกน. พุทฺโธติ มํ, พฺราหฺมณ, ธาเรหี’’ติ.
‘‘เยน ¶ เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;
ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;
เต มยฺหํ, อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา.
‘‘ปุณฺฑรีกํ ¶ ยถา วคฺคุ, โตเยน นุปลิปฺปติ [นุปลิมฺปติ (ก.)];
นุปลิปฺปามิ [นุปลิมฺปามิ (ก.)] โลเกน, ตสฺมา พุทฺโธสฺมิ พฺราหฺมณา’’ติ. ฉฏฺํ;
๗. อปริหานิยสุตฺตํ
๓๗. ‘‘จตูหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อภพฺโพ ปริหานาย นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก. กตเมหิ จตูหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน โหติ, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, โภชเน มตฺตฺู โหติ, ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ ¶ ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ; รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ; จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา ¶ อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ; รกฺขติ มนินฺทฺริยํ; มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โภชเน มตฺตฺู โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฏิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรติ – ‘เนว ทวาย น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย; ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา ยาปนาย วิหึสูปรติยา พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย. อิติ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ, นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามิ, ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสติ, อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จา’ติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โภชเน มตฺตฺู โหติ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ; รตฺติยา ปมํ ยามํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ; รตฺติยา มชฺฌิมํ ยามํ ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ ¶ , ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย, สโต สมฺปชาโน อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวา; รตฺติยา ปจฺฉิมํ ยามํ ปจฺจุฏฺาย จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อภพฺโพ ปริหานาย, นิพฺพานสฺเสว สนฺติเกติ.
‘‘สีเล ปติฏฺิโต ภิกฺขุ, อินฺทฺริเยสุ จ สํวุโต;
โภชนมฺหิ จ มตฺตฺู, ชาคริยํ อนุยฺุชติ.
‘‘เอวํ วิหารี อาตาปี, อโหรตฺตมตนฺทิโต;
ภาวยํ กุสลํ ธมฺมํ, โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยา.
‘‘อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ, ปมาเท ภยทสฺสิ วา [ภยทสฺสาวี (ก.) ธ. ป. ๓๒ ธมฺมปเทปิ];
อภพฺโพ ปริหานาย, นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก’’ติ. สตฺตมํ;
๘. ปติลีนสุตฺตํ
๓๘. ‘‘ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจ ¶ [ปณุนฺนปจฺเจกสจฺโจ (?)], ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘สมวยสฏฺเสโน ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร ปติลีโน’ติ วุจฺจติ. กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ยานิ ตานิ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ ¶ ปุถุปจฺเจกสจฺจานิ, เสยฺยถิทํ – สสฺสโต โลโกติ วา, อสสฺสโต โลโกติ วา, อนฺตวา โลโกติ วา, อนนฺตวา โลโกติ วา, ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ วา, อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรนฺติ วา, โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, เนว โหติ น ¶ น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา; สพฺพานิ ตานิ นุณฺณานิ โหนฺติ ปนุณฺณานิ จตฺตานิ วนฺตานิ มุตฺตานิ ปหีนานิ ปฏินิสฺสฏฺานิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจ โหติ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมวยสฏฺเสโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน กาเมสนา ปหีนา โหติ, ภเวสนา ปหีนา โหติ, พฺรหฺมจริเยสนา ปฏิปฺปสฺสทฺธา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมวยสฏฺเสโน โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปติลีโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อสฺมิมาโน ปหีโน โหติ อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปติลีโน โหติ. ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘สมวยสฏฺเสโน ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร ปติลีโน’ติ วุจฺจตี’’ติ.
[อิติวุ. ๕๕ อิติวุตฺตเกปิ] ‘‘กาเมสนา ¶ ภเวสนา, พฺรหฺมจริเยสนา สห;
อิติ สจฺจปรามาโส, ทิฏฺิฏฺานา สมุสฺสยา.
[อิติวุ. ๕๕ อิติวุตฺตเกปิ] ‘‘สพฺพราควิรตฺตสฺส, ตณฺหกฺขยวิมุตฺติโน;
เอสนา ปฏินิสฺสฏฺา, ทิฏฺิฏฺานา สมูหตา.
‘‘ส เว สนฺโต สโต ภิกฺขุ, ปสฺสทฺโธ อปราชิโต;
มานาภิสมยา พุทฺโธ, ปติลีโนติ วุจฺจตี’’ติ. อฏฺมํ;
๙. อุชฺชยสุตฺตํ
๓๙. อถ ¶ ¶ โข อุชฺชโย พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อุชฺชโย พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภวมฺปิ โน โคตโม ยฺํ วณฺเณตี’’ติ ¶ ? ‘‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, สพฺพํ ยฺํ วณฺเณมิ; น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, สพฺพํ ยฺํ น วณฺเณมิ. ยถารูเป โข, พฺราหฺมณ, ยฺเ คาโว หฺนฺติ, อเชฬกา หฺนฺติ, กุกฺกุฏสูกรา หฺนฺติ, วิวิธา ปาณา สงฺฆาตํ อาปชฺชนฺติ; เอวรูปํ โข อหํ, พฺราหฺมณ, สารมฺภํ ยฺํ น วณฺเณมิ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวรูปฺหิ, พฺราหฺมณ, สารมฺภํ ยฺํ น อุปสงฺกมนฺติ อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา.
‘‘ยถารูเป จ โข, พฺราหฺมณ, ยฺเ เนว คาโว หฺนฺติ, น อเชฬกา หฺนฺติ, น กุกฺกุฏสูกรา หฺนฺติ, น วิวิธา ปาณา สงฺฆาตํ อาปชฺชนฺติ; เอวรูปํ โข อหํ, พฺราหฺมณ, นิรารมฺภํ ยฺํ วณฺเณมิ, ยทิทํ นิจฺจทานํ อนุกุลยฺํ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวรูปฺหิ, พฺราหฺมณ, นิรารมฺภํ ยฺํ อุปสงฺกมนฺติ อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา’’ติ.
‘‘อสฺสเมธํ ปุริสเมธํ, สมฺมาปาสํ วาชเปยฺยํ นิรคฺคฬํ ¶ ;
มหายฺา มหารมฺภา [สมฺมาปาสํ วาชเปยฺยํ; นิรคฺคฬํ มหารมฺภา (ปี.) สํ. นิ. ๑.๑๒๐], น เต โหนฺติ มหปฺผลา.
‘‘อเชฬกา จ คาโว จ, วิวิธา ยตฺถ หฺเร;
น ตํ สมฺมคฺคตา ยฺํ, อุปยนฺติ มเหสิโน.
‘‘เย ¶ จ ยฺา นิรารมฺภา, ยชนฺติ อนุกุลํ สทา;
อเชฬกา จ คาโว จ, วิวิธา เนตฺถ หฺเร [นาเชฬกา จ คาโว จ, วิวิธา ยตฺถ หฺเร (สฺยา. กํ.)];
ตฺจ สมฺมคฺคตา ยฺํ, อุปยนฺติ มเหสิโน.
‘‘เอตํ ¶ [เอวํ (สฺยา. กํ.)] ยเชถ เมธาวี, เอโส ยฺโ มหปฺผโล;
เอตํ [เอวํ (สฺยา. กํ. ก.)] หิ ยชมานสฺส, เสยฺโย โหติ น ปาปิโย;
ยฺโ จ วิปุโล โหติ, ปสีทนฺติ จ เทวตา’’ติ. นวมํ;
๑๐. อุทายีสุตฺตํ
๔๐. อถ โข อุทายี [อุทายิ (สพฺพตฺถ)] พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา ¶ …เป… เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อุทายี พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภวมฺปิ โน โคตโม ยฺํ วณฺเณตี’’ติ? ‘‘น โข อหํ, พฺราหฺมณ, สพฺพํ ยฺํ วณฺเณมิ; น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, สพฺพํ ยฺํ น วณฺเณมิ. ยถารูเป โข, พฺราหฺมณ, ยฺเ คาโว หฺนฺติ, อเชฬกา หฺนฺติ, กุกฺกุฏสูกรา หฺนฺติ, วิวิธา ปาณา สงฺฆาตํ อาปชฺชนฺติ; เอวรูปํ โข อหํ, พฺราหฺมณ, สารมฺภํ ยฺํ น วณฺเณมิ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวรูปฺหิ, พฺราหฺมณ, สารมฺภํ ยฺํ น อุปสงฺกมนฺติ อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา.
‘‘ยถารูเป จ โข, พฺราหฺมณ, ยฺเ เนว คาโว หฺนฺติ, น อเชฬกา หฺนฺติ, น กุกฺกุฏสูกรา หฺนฺติ, น วิวิธา ปาณา สงฺฆาตํ อาปชฺชนฺติ; เอวรูปํ โข อหํ, พฺราหฺมณ, นิรารมฺภํ ยฺํ วณฺเณมิ ¶ , ยทิทํ นิจฺจทานํ อนุกุลยฺํ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวรูปฺหิ, พฺราหฺมณ, นิรารมฺภํ ยฺํ อุปสงฺกมนฺติ อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา’’ติ.
‘‘อภิสงฺขตํ นิรารมฺภํ, ยฺํ กาเลน กปฺปิยํ;
ตาทิสํ ¶ อุปสํยนฺติ, สฺตา พฺรหฺมจารโย.
‘‘วิวฏจฺฉทา [วิวตฺตจฺฉทา (สี. ปี.), วิวฏฺฏจฺฉทา (ก.)] เย โลเก, วีติวตฺตา กุลํ คตึ;
ยฺเมตํ ปสํสนฺติ, พุทฺธา ยฺสฺส [ปฺุสฺส (สฺยา. กํ. ปี.)] โกวิทา.
‘‘ยฺเ วา ยทิ วา สทฺเธ, หพฺยํ [หวฺยํ (สี. ปี.), หฺุํ (สฺยา. กํ.)] กตฺวา ยถารหํ;
ปสนฺนจิตฺโต ยชติ [ปสนฺนจิตฺตา ยชนฺติ (ก.)], สุเขตฺเต พฺรหฺมจาริสุ.
‘‘สุหุตํ ¶ สุยิฏฺํ สุปฺปตฺตํ [สมฺปตฺตํ (สฺยา. กํ. ก.)], ทกฺขิเณยฺเยสุ ยํ กตํ;
ยฺโ จ วิปุโล โหติ, ปสีทนฺติ จ เทวตา.
‘‘เอวํ [เอตํ (ก.) อ. นิ. ๖.๓๗] ยชิตฺวา เมธาวี, สทฺโธ มุตฺเตน เจตสา;
อพฺยาพชฺฌํ สุขํ โลกํ, ปณฺฑิโต อุปปชฺชตี’’ติ. ทสมํ;
จกฺกวคฺโค จตุตฺโถ.
ตสฺสุทฺทานํ –
จกฺโก ¶ สงฺคโห สีโห, ปสาโท วสฺสกาเรน ปฺจมํ;
โทโณ อปริหานิโย ปติลีโน, อุชฺชโย อุทายินา เต ทสาติ.