📜

๕. โรหิตสฺสวคฺโค

๑. สมาธิภาวนาสุตฺตํ

๔๑. ‘‘จตสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, สมาธิภาวนา. กตมา จตสฺโส? อตฺถิ, ภิกฺขเว, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา ทิฏฺธมฺมสุขวิหาราย สํวตฺตติ; อตฺถิ, ภิกฺขเว, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา าณทสฺสนปฺปฏิลาภาย สํวตฺตติ; อตฺถิ, ภิกฺขเว, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา สติสมฺปชฺาย สํวตฺตติ; อตฺถิ, ภิกฺขเว, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา อาสวานํ ขยาย สํวตฺตติ.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา ทิฏฺธมฺมสุขวิหาราย สํวตฺตติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ, ภิกฺขเว, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา ทิฏฺธมฺมสุขวิหาราย สํวตฺตติ.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา าณทสฺสนปฺปฏิลาภาย สํวตฺตติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาโลกสฺํ มนสิ กโรติ, ทิวาสฺํ อธิฏฺาติ – ยถา ทิวา ตถา รตฺตึ, ยถา รตฺตึ ตถา ทิวา. อิติ วิวเฏน เจตสา อปริโยนทฺเธน สปฺปภาสํ จิตฺตํ ภาเวติ. อยํ, ภิกฺขเว, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา าณทสฺสนปฺปฏิลาภาย สํวตฺตติ.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา สติสมฺปชฺาย สํวตฺตติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน วิทิตา เวทนา อุปฺปชฺชนฺติ, วิทิตา อุปฏฺหนฺติ, วิทิตา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ; วิทิตา สฺา…เป… วิทิตา วิตกฺกา อุปฺปชฺชนฺติ, วิทิตา อุปฏฺหนฺติ, วิทิตา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา สติสมฺปชฺาย สํวตฺตติ.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา อาสวานํ ขยาย สํวตฺตติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสี วิหรติ – ‘อิติ รูปํ, อิติ รูปสฺส สมุทโย, อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม [อตฺถคโม (สี. ปี.)]; อิติ เวทนา, อิติ เวทนาย สมุทโย, อิติ เวทนาย อตฺถงฺคโม; อิติ สฺา, อิติ สฺาย สมุทโย, อิติ สฺาย อตฺถงฺคโม; อิติ สงฺขารา, อิติ สงฺขารานํ สมุทโย, อิติ สงฺขารานํ อตฺถงฺคโม; อิติ วิฺาณํ, อิติ วิฺาณสฺส สมุทโย, อิติ วิฺาณสฺส อตฺถงฺคโม’ติ. อยํ, ภิกฺขเว, สมาธิภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา อาสวานํ ขยาย สํวตฺตติ. อิมา โข, ภิกฺขเว, จตสฺโส สมาธิภาวนา. อิทฺจ ปน เมตํ, ภิกฺขเว, สนฺธาย ภาสิตํ ปารายเน ปุณฺณกปฺเห –

‘‘สงฺขาย โลกสฺมึ ปโรปรานิ,

ยสฺสิฺชิตํ นตฺถิ กุหิฺจิ โลเก;

สนฺโต วิธูโม อนีโฆ นิราโส,

อตาริ โส ชาติชรนฺติ พฺรูมี’’ติ [สุ. นิ. ๑๐๕๔; จูฬนิ. ปุณฺณกมาณวปุจฺฉา ๗๓]. ปมํ;

๒. ปฺหพฺยากรณสุตฺตํ

๔๒. ‘‘จตฺตาริมานิ , ภิกฺขเว, ปฺหพฺยากรณานิ [ปฺหาพฺยากรณานิ (ก.)]. กตมานิ จตฺตาริ? อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปฺโห เอกํสพฺยากรณีโย; อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปฺโห วิภชฺชพฺยากรณีโย; อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปฺโห ปฏิปุจฺฉาพฺยากรณีโย; อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปฺโห ปนีโย. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ ปฺหพฺยากรณานี’’ติ.

‘‘เอกํสวจนํ เอกํ, วิภชฺชวจนาปรํ;

ตติยํ ปฏิปุจฺเฉยฺย, จตุตฺถํ ปน าปเย.

‘‘โย จ เตสํ [เนสํ (สี. สฺยา. กํ.)] ตตฺถ ตตฺถ, ชานาติ อนุธมฺมตํ;

จตุปฺหสฺส กุสโล, อาหุ ภิกฺขุํ ตถาวิธํ.

‘‘ทุราสโท ทุปฺปสโห, คมฺภีโร ทุปฺปธํสิโย;

อโถ อตฺเถ อนตฺเถ จ, อุภยสฺส โหติ โกวิโท [อุภยตฺถสฺส โกวิโท (สฺยา. กํ.)].

‘‘อนตฺถํ ปริวชฺเชติ, อตฺถํ คณฺหาติ ปณฺฑิโต;

อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. ทุติยํ;

๓. ปมโกธครุสุตฺตํ

๔๓. ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม จตฺตาโร? โกธครุ น สทฺธมฺมครุ, มกฺขครุ น สทฺธมฺมครุ, ลาภครุ น สทฺธมฺมครุ, สกฺการครุ น สทฺธมฺมครุ. อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ.

‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม จตฺตาโร? สทฺธมฺมครุ น โกธครุ, สทฺธมฺมครุ น มกฺขครุ, สทฺธมฺมครุ น ลาภครุ , สทฺธมฺมครุ น สกฺการครุ. อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’นฺติ.

‘‘โกธมกฺขครู ภิกฺขู, ลาภสกฺการคารวา;

น เต ธมฺเม วิรูหนฺติ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเต.

‘‘เย จ สทฺธมฺมครุโน, วิหํสุ วิหรนฺติ จ;

เต เว ธมฺเม วิรูหนฺติ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเต’’ติ. ตติยํ;

๔. ทุติยโกธครุสุตฺตํ

๔๔. ‘‘จตฺตาโรเม , ภิกฺขเว, อสทฺธมฺมา. กตเม จตฺตาโร? โกธครุตา น สทฺธมฺมครุตา, มกฺขครุตา น สทฺธมฺมครุตา, ลาภครุตา น สทฺธมฺมครุตา, สกฺการครุตา น สทฺธมฺมครุตา. อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อสทฺธมฺมา.

‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, สทฺธมฺมา. กตเม จตฺตาโร? สทฺธมฺมครุตา น โกธครุตา, สทฺธมฺมครุตา น มกฺขครุตา, สทฺธมฺมครุตา น ลาภครุตา, สทฺธมฺมครุตา น สกฺการครุตา. อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร สทฺธมฺมา’’ติ.

‘‘โกธมกฺขครุ ภิกฺขุ, ลาภสกฺการคารโว;

สุเขตฺเต ปูติพีชํว, สทฺธมฺเม น วิรูหติ.

‘‘เย จ สทฺธมฺมครุโน, วิหํสุ วิหรนฺติ จ;

เต เว ธมฺเม วิรูหนฺติ, สฺเนหานฺวยมิโวสธา’’ติ [สฺเนหมนฺวายมิโวสธาติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. จตุตฺถํ;

๕. โรหิตสฺสสุตฺตํ

๔๕. เอกํ สมยํ ภควา [สํ. นิ. ๑.๑๐๗] สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข โรหิตสฺโส เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข โรหิตสฺโส เทวปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ –

‘‘ยตฺถ นุ โข, ภนฺเต, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, สกฺกา นุ โข โส, ภนฺเต, คมเนน โลกสฺส อนฺโต าตุํ วา ทฏฺุํ วา ปาปุณิตุํ วา’’ติ? ‘‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ปตฺเตยฺยนฺติ วทามี’’ติ.

‘‘อจฺฉริยํ , ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาว สุภาสิตมิทํ, ภนฺเต, ภควตา – ‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ปตฺเตยฺยนฺติ วทามี’’’ติ.

‘‘ภูตปุพฺพาหํ, ภนฺเต, โรหิตสฺโส นาม อิสิ อโหสึ โภชปุตฺโต อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวรูโป ชโว อโหสิ, เสยฺยถาปิ นาม ทฬฺหธมฺมา [ทฬฺหธมฺโม, อ. นิ. ๙.๓๘; ม. นิ. ๑.๑๖๑ (สพฺพตฺถ) ฏีกา จ โมคฺคลฺลานพฺยากรณํ จ โอโลเกตพฺพํ] ธนุคฺคโห สิกฺขิโต กตหตฺโถ กตูปาสโน ลหุเกน อสเนน อปฺปกสิเรน ติริยํ ตาลจฺฉายํ อติปาเตยฺย. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวรูโป ปทวีติหาโร อโหสิ, เสยฺยถาปิ นาม ปุรตฺถิมา สมุทฺทา ปจฺฉิโม สมุทฺโท. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวรูเปน ชเวน สมนฺนาคตสฺส เอวรูเปน จ ปทวีติหาเรน เอวรูปํ อิจฺฉาคตํ อุปฺปชฺชิ – ‘อหํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ ปาปุณิสฺสามี’ติ. โส โข อหํ, ภนฺเต, อฺตฺเรว อสิตปีตขายิตสายิตา อฺตฺร อุจฺจารปสฺสาวกมฺมา อฺตฺร นิทฺทากิลมถปฏิวิโนทนา วสฺสสตายุโก วสฺสสตชีวี วสฺสสตํ คนฺตฺวา อปฺปตฺวาว โลกสฺส อนฺตํ อนฺตราเยว กาลงฺกโต.

‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาว สุภาสิตมิทํ, ภนฺเต, ภควตา – ‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ปตฺเตยฺยนฺติ วทามี’’’ติ.

‘‘‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ปตฺเตยฺย’นฺติ วทามิ. น จาหํ, อาวุโส, อปฺปตฺวาว โลกสฺส อนฺตํ ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยํ วทามิ. อปิ จาหํ, อาวุโส, อิมสฺมึเยว พฺยามมตฺเต กเฬวเร [กเฬพเร (สี. ปี.)] สสฺิมฺหิ สมนเก โลกฺจ ปฺาเปมิ โลกสมุทยฺจ โลกนิโรธฺจ โลกนิโรธคามินิฺจ ปฏิปท’’นฺติ.

‘‘คมเนน น ปตฺตพฺโพ, โลกสฺสนฺโต กุทาจนํ;

น จ อปฺปตฺวา โลกนฺตํ, ทุกฺขา อตฺถิ ปโมจนํ.

‘‘ตสฺมา หเว โลกวิทู สุเมโธ,

โลกนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย;

โลกสฺส อนฺตํ สมิตาวิ ตฺวา,

นาสีสตี [นาสึสตี (สี.)] โลกมิมํ ปรฺจา’’ติ. ปฺจมํ;

๖. ทุติยโรหิตสฺสสุตฺตํ

๔๖. อถ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, ภิกฺขเว, รตฺตึ โรหิตสฺโส เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข , ภิกฺขเว, โรหิตสฺโส เทวปุตฺโต มํ เอตทโวจ – ‘ยตฺถ นุ โข, ภนฺเต [สํ. นิ. ๑.๑๐๗], น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, สกฺกา นุ โข โส, ภนฺเต, คมเนน โลกสฺส อนฺโต าตุํ วา ทฏฺุํ วา ปาปุณิตุํ วา’ติ? เอวํ วุตฺเต อหํ, ภิกฺขเว, โรหิตสฺสํ เทวปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ปตฺเตยฺยนฺติ วทามี’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขเว, โรหิตสฺโส เทวปุตฺโต มํ เอตทโวจ – ‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาว สุภาสิตมิทํ, ภนฺเต, ภควตา – ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ปตฺเตยฺยนฺติ วทามิ’’’.

‘‘ภูตปุพฺพาหํ, ภนฺเต, โรหิตสฺโส นาม อิสิ อโหสึ โภชปุตฺโต อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวรูโป ชโว อโหสิ, เสยฺยถาปิ นาม ทฬฺหธมฺมา ธนุคฺคโห สิกฺขิโต กตหตฺโถ กตูปาสโน ลหุเกน อสเนน อปฺปกสิเรน ติริยํ ตาลจฺฉายํ อติปาเตยฺย . ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวรูโป ปทวีติหาโร อโหสิ, เสยฺยถาปิ นาม ปุรตฺถิมา สมุทฺทา ปจฺฉิโม สมุทฺโท. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวรูเปน ชเวน สมนฺนาคตสฺส เอวรูเปน จ ปทวีติหาเรน เอวรูปํ อิจฺฉาคตํ อุปฺปชฺชิ – อหํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ. โส โข อหํ, ภนฺเต, อฺตฺเรว อสิตปีตขายิตสายิตา อฺตฺร อุจฺจารปสฺสาวกมฺมา อฺตฺร นิทฺทากิลมถปฏิวิโนทนา วสฺสสตายุโก วสฺสสตชีวี วสฺสสตํ คนฺตฺวา อปฺปตฺวาว โลกสฺส อนฺตํ อนฺตราเยว กาลงฺกโต.

‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาว สุภาสิตมิทํ, ภนฺเต, ภควตา – ‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ปตฺเตยฺยนฺติ วทามี’’’ติ. เอวํ วุตฺเต อหํ, ภิกฺขเว, โรหิตสฺสํ เทวปุตฺตํ เอตทโวจํ –

‘‘‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ, ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ปตฺเตยฺยนฺติ วทามี’ติ. น จาหํ, อาวุโส, อปฺปตฺวาว โลกสฺส อนฺตํ ทุกฺขสฺสนฺตกิริยํ วทามิ. อปิ จาหํ, อาวุโส, อิมสฺมึเยว พฺยามมตฺเต กเฬวเร สสฺิมฺหิ สมนเก โลกฺจ ปฺาเปมิ โลกสมุทยฺจ โลกนิโรธฺจ โลกนิโรธคามินิฺจ ปฏิปท’’นฺติ.

‘‘คมเนน น ปตฺตพฺโพ, โลกสฺสนฺโต กุทาจนํ;

น จ อปฺปตฺวา โลกนฺตํ, ทุกฺขา อตฺถิ ปโมจนํ.

‘‘ตสฺมา หเว โลกวิทู สุเมโธ,

โลกนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย;

โลกสฺส อนฺตํ สมิตาวิ ตฺวา,

นาสีสตี โลกมิมํ ปรฺจา’’ติ. ฉฏฺํ;

๗. สุวิทูรสุตฺตํ

๔๗. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, สุวิทูรวิทูรานิ. กตมานิ จตฺตาริ? นภฺจ , ภิกฺขเว, ปถวี จ; อิทํ ปมํ สุวิทูรวิทูเร. โอริมฺจ, ภิกฺขเว, ตีรํ สมุทฺทสฺส ปาริมฺจ; อิทํ ทุติยํ สุวิทูรวิทูเร. ยโต จ, ภิกฺขเว, เวโรจโน อพฺภุเทติ ยตฺถ จ อตฺถเมติ [อตฺถงฺคเมติ (สฺยา.), เวติ (ก.)]; อิทํ ตติยํ สุวิทูรวิทูเร. สตฺจ, ภิกฺขเว, ธมฺโม อสตฺจ ธมฺโม; อิทํ จตุตฺถํ สุวิทูรวิทูเร. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ สุวิทูรวิทูรานี’’ติ.

[ชา. ๒.๒๑.๔๑๔, ๔๔๘] ‘‘นภฺจ ทูเร ปถวี จ ทูเร,

ปารํ สมุทฺทสฺส ตทาหุ ทูเร;

ยโต จ เวโรจโน อพฺภุเทติ,

ปภงฺกโร ยตฺถ จ อตฺถเมติ;

ตโต หเว ทูรตรํ วทนฺติ,

สตฺจ ธมฺมํ อสตฺจ ธมฺมํ.

‘‘อพฺยายิโก โหติ สตํ สมาคโม,

ยาวาปิ [ยาวมฺปิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ติฏฺเยฺย ตเถว โหติ;

ขิปฺปฺหิ เวติ อสตํ สมาคโม,

ตสฺมา สตํ ธมฺโม อสพฺภิ อารกา’’ติ. สตฺตมํ;

๘. วิสาขสุตฺตํ

๔๘. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา วิสาโข ปฺจาลปุตฺโต [ปฺจาลิปุตฺโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อุปฏฺานสาลายํ ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ, โปริยา วาจาย วิสฺสฏฺาย อเนลคลาย อตฺถสฺส วิฺาปนิยา ปริยาปนฺนาย อนิสฺสิตาย. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน อุปฏฺานสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ –

‘‘โก นุ โข, ภิกฺขเว, อุปฏฺานสาลายํ ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ โปริยา วาจาย วิสฺสฏฺาย อเนลคลาย อตฺถสฺส วิฺาปนิยา ปริยาปนฺนาย อนิสฺสิตายา’’ติ ? ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, วิสาโข ปฺจาลปุตฺโต อุปฏฺานสาลายํ ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ โปริยา วาจาย วิสฺสฏฺาย อเนลคลาย อตฺถสฺส วิฺาปนิยา ปริยาปนฺนาย อนิสฺสิตายา’’ติ.

อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ วิสาขํ ปฺจาลปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ สาธุ, วิสาข! สาธุ โข ตฺวํ, วิสาข, ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ โปริยา วาจาย วิสฺสฏฺาย อเนลคลาย อตฺถสฺส วิฺาปนิยา ปริยาปนฺนาย อนิสฺสิตายาติ.

‘‘นาภาสมานํ ชานนฺติ, มิสฺสํ พาเลหิ ปณฺฑิตํ;

ภาสมานฺจ ชานนฺติ, เทเสนฺตํ อมตํ ปทํ.

‘‘ภาสเย โชตเย ธมฺมํ, ปคฺคณฺเห อิสินํ ธชํ;

สุภาสิตธชา อิสโย, ธมฺโม หิ อิสินํ ธโช’’ติ. อฏฺมํ;

๙. วิปลฺลาสสุตฺตํ

๔๙. ‘‘จตฺตาโรเม , ภิกฺขเว, สฺาวิปลฺลาสา จิตฺตวิปลฺลาสา ทิฏฺิวิปลฺลาสา . กตเม จตฺตาโร? อนิจฺเจ, ภิกฺขเว, นิจฺจนฺติ สฺาวิปลฺลาโส จิตฺตวิปลฺลาโส ทิฏฺิวิปลฺลาโส; ทุกฺเข, ภิกฺขเว, สุขนฺติ สฺาวิปลฺลาโส จิตฺตวิปลฺลาโส ทิฏฺิวิปลฺลาโส; อนตฺตนิ, ภิกฺขเว, อตฺตาติ สฺาวิปลฺลาโส จิตฺตวิปลฺลาโส ทิฏฺิวิปลฺลาโส; อสุเภ, ภิกฺขเว, สุภนฺติ สฺาวิปลฺลาโส จิตฺตวิปลฺลาโส ทิฏฺิวิปลฺลาโส. อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร สฺาวิปลฺลาสา จิตฺตวิปลฺลาสา ทิฏฺิวิปลฺลาสา.

‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, นสฺาวิปลฺลาสา นจิตฺตวิปลฺลาสา นทิฏฺิวิปลฺลาสา. กตเม จตฺตาโร? อนิจฺเจ, ภิกฺขเว, อนิจฺจนฺติ นสฺาวิปลฺลาโส นจิตฺตวิปลฺลาโส นทิฏฺิวิปลฺลาโส; ทุกฺเข, ภิกฺขเว, ทุกฺขนฺติ นสฺาวิปลฺลาโส นจิตฺตวิปลฺลาโส นทิฏฺิวิปลฺลาโส; อนตฺตนิ, ภิกฺขเว, อนตฺตาติ นสฺาวิปลฺลาโส นจิตฺตวิปลฺลาโส นทิฏฺิวิปลฺลาโส; อสุเภ, ภิกฺขเว, อสุภนฺติ นสฺาวิปลฺลาโส นจิตฺตวิปลฺลาโส นทิฏฺิวิปลฺลาโส . อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร นสฺาวิปลฺลาสา นจิตฺตวิปลฺลาสา นทิฏฺิวิปลฺลาสา’’ติ.

‘‘อนิจฺเจ นิจฺจสฺิโน, ทุกฺเข จ สุขสฺิโน;

อนตฺตนิ จ อตฺตาติ, อสุเภ สุภสฺิโน;

มิจฺฉาทิฏฺิหตา สตฺตา, ขิตฺตจิตฺตา วิสฺิโน.

‘‘เต โยคยุตฺตา มารสฺส, อโยคกฺเขมิโน ชนา;

สตฺตา คจฺฉนฺติ สํสารํ, ชาติมรณคามิโน.

‘‘ยทา จ พุทฺธา โลกสฺมึ, อุปฺปชฺชนฺติ ปภงฺกรา;

เต อิมํ ธมฺมํ [เตมํ ธมฺมํ (สี. สฺยา. กํ.)] ปกาเสนฺติ, ทุกฺขูปสมคามินํ.

‘‘เตสํ สุตฺวาน สปฺปฺา, สจิตฺตํ ปจฺจลทฺธา เต;

อนิจฺจํ อนิจฺจโต ทกฺขุํ, ทุกฺขมทฺทกฺขุ ทุกฺขโต.

‘‘อนตฺตนิ อนตฺตาติ, อสุภํ อสุภตทฺทสุํ;

สมฺมาทิฏฺิสมาทานา, สพฺพํ ทุกฺขํ อุปจฺจคุ’’นฺติ [ปฏิ. ม. ๑.๒๓๖]. นวมํ;

๑๐. อุปกฺกิเลสสุตฺตํ

๕๐. ‘‘จตฺตาโรเม , ภิกฺขเว [จูฬว. ๔๔๗], จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลสา, เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺา จนฺทิมสูริยา น ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺติ. กตเม จตฺตาโร? อพฺภา, ภิกฺขเว, จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลสา, เยน อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺา จนฺทิมสูริยา น ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺติ.

‘‘มหิกา, ภิกฺขเว, จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลสา, เยน อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺา จนฺทิมสูริยา น ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺติ.

‘‘ธูโม รโช, ภิกฺขเว, จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลโส, เยน อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺา จนฺทิมสูริยา น ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺติ.

‘‘ราหุ , ภิกฺขเว, อสุรินฺโท จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลโส, เยน อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺา จนฺทิมสูริยา น ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺติ. อิเม โข , ภิกฺขเว, จตฺตาโร จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลสา, เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺา จนฺทิมสูริยา น ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺติ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโรเม สมณพฺราหฺมณานํ อุปกฺกิเลสา, เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺา เอเก สมณพฺราหฺมณา น ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺติ. กตเม จตฺตาโร? สนฺติ, ภิกฺขเว , เอเก สมณพฺราหฺมณา สุรํ ปิวนฺติ เมรยํ, สุราเมรยปานา อปฺปฏิวิรตา. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม สมณพฺราหฺมณานํ อุปกฺกิเลโส, เยน อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺา เอเก สมณพฺราหฺมณา น ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺติ.

‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺติ, เมถุนสฺมา ธมฺมา อปฺปฏิวิรตา. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย สมณพฺราหฺมณานํ อุปกฺกิเลโส, เยน อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺา เอเก สมณพฺราหฺมณา น ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺติ.

‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา ชาตรูปรชตํ สาทิยนฺติ, ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณา อปฺปฏิวิรตา. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย สมณพฺราหฺมณานํ อุปกฺกิเลโส, เยน อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺา เอเก สมณพฺราหฺมณา น ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺติ.

‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา มิจฺฉาชีเวน ชีวนฺติ, มิจฺฉาชีวา อปฺปฏิวิรตา. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ สมณพฺราหฺมณานํ อุปกฺกิเลโส, เยน อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺา เอเก สมณพฺราหฺมณา น ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร สมณพฺราหฺมณานํ อุปกฺกิเลสา , เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺา เอเก สมณพฺราหฺมณา น ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺตี’’ติ.

‘‘ราคโทสปริกฺกิฏฺา, เอเก สมณพฺราหฺมณา;

อวิชฺชานิวุตา โปสา, ปิยรูปาภินนฺทิโน.

‘‘สุรํ ปิวนฺติ เมรยํ, ปฏิเสวนฺติ เมถุนํ;

รชตํ ชาตรูปฺจ, สาทิยนฺติ อวิทฺทสู;

มิจฺฉาชีเวน ชีวนฺติ, เอเก สมณพฺราหฺมณา.

‘‘เอเต อุปกฺกิเลสา วุตฺตา, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา;

เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ [อุปกฺกิลิฏฺา (สี. ปี.)], เอเก สมณพฺราหฺมณา;

น ตปนฺติ น ภาสนฺติ, อสุทฺธา สรชา มคา.

‘‘อนฺธกาเรน โอนทฺธา, ตณฺหาทาสา สเนตฺติกา;

วฑฺเฒนฺติ กฏสึ โฆรํ, อาทิยนฺติ ปุนพฺภว’’นฺติ. ทสมํ;

โรหิตสฺสวคฺโค ปฺจโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

สมาธิปฺหา ทฺเว โกธา, โรหิตสฺสาปเร ทุเว;

สุวิทูรวิสาขวิปลฺลาสา, อุปกฺกิเลเสน เต ทสาติ.

ปมปณฺณาสกํ สมตฺตํ.

๒. ทุติยปณฺณาสกํ