📜
๒. อธิกรณวคฺควณฺณนา
๑๑. ทุติยวคฺคสฺส ¶ ปเม อปฺปฏิสงฺขาเน น กมฺปตีติ ปฏิสงฺขานพลํ, อุปปริกฺขนปฺาเยตํ นามํ. วีริยสีเสน สตฺต โพชฺฌงฺเค ภาเวนฺตสฺส อุปฺปนฺนํ พลํ ภาวนาพลํ. วีริยุปตฺถมฺเภน หิ กุสลภาวนา พลวตี ถิรา อุปฺปชฺชติ, ตถา อุปฺปนฺนา พลวตี กุสลภาวนา พลวนฺโต สตฺต โพชฺฌงฺคาติปิ วุจฺจนฺติ. อตฺถโต วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสีเสน สตฺต โพชฺฌงฺคา โหนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ตตฺถ กตมํ ภาวนาพลํ? ยา กุสลานํ ธมฺมานํ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกมฺมํ, อิทํ วุจฺจติ ภาวนาพลํ. สตฺตปิ โพชฺฌงฺคา ภาวนาพล’’นฺติ (ธ. ส. ๑๓๖๑).
อกมฺปิยฏฺเนาติ ปฏิปกฺเขหิ อกมฺปนียฏฺเน. ทุรภิภวนฏฺเนาติ ทุรภิภวนียฏฺเน. อนชฺโฌมทฺทนฏฺเนาติ อธิภวิตฺวา อนวมทฺทนฏฺเน. เอตานีติ ¶ เอตานิ ยถาวุตฺตานิ ทฺเวปิ พลานิ. เอตทคฺคํ นาคตนฺติ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, ทฺวินฺนํ พลานํ ยทิทํ ภาวนาพล’’นฺติ เอวเมตฺถ เอตทคฺคํ นาคตนฺติ อตฺโถ.
๑๒. ทุติเย วิเวกํ นิสฺสิตนฺติ วิเวกนิสฺสิตํ, ยถา วา วิเวกวเสน ปวตฺตํ ฌานํ ‘‘วิเวกช’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ วิเวกวเสน ปวตฺโต สติสมฺโพชฺฌงฺโค ‘‘วิเวกนิสฺสิโต’’ติ ทฏฺพฺโพ. นิสฺสยฏฺโ จ วิปสฺสนามคฺคานํ วเสน มคฺคผลานํ เวทิตพฺโพ, อสติปิ วา ปุพฺพาปรภาเว ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ เอตฺถ ปจฺจเยน สมุปฺปาทนํ วิย อวินาภาวิธมฺมพฺยาปารา นิสฺสยนภาวนา สมฺภวนฺตีติ. ‘‘ตทงฺคสมุจฺเฉทนิสฺสรณวิเวกนิสฺสิต’’นฺติ วตฺวา ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิเวกนิสฺสิตสฺส อวจนํ ‘‘สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวตี’’ติอาทินา อิธ ภาเวตพฺพานํ สมฺโพชฺฌงฺคานํ วุตฺตตฺตา. ภาวิตโพชฺฌงฺคสฺส หิ สจฺฉิกาตพฺพา พลโพชฺฌงฺคา, เตสํ กิจฺจํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิเวโก. อชฺฌาสยโตติ ‘‘นิพฺพานํ สจฺฉิกริสฺสามี’’ติ ปวตฺตอชฺฌาสยโต. ยทิปิ หิ วิปสฺสนากฺขเณ สงฺขารารมฺมณํ จิตฺตํ, สงฺขาเรสุ ปน อาทีนวํ ทิสฺวา ตปฺปฏิปกฺเข นิพฺพาเน นินฺนตาย อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิโต โหติ อุณฺหาภิภูตสฺส ปุคฺคลสฺส สีตนินฺนจิตฺตตา วิย.
‘‘ปฺจวิธวิเวกนิสฺสิตมฺปีติ เอเก’’ติ วตฺวา ตตฺถ ยถาวุตฺตวิเวกตฺตยโต อฺํ วิเวกทฺวยํ ¶ อุทฺธริตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘เต หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ฌานกฺขเณ ตาว กิจฺจโต วิกฺขมฺภนวิเวกนิสฺสิตํ, วิปสฺสนากฺขเณ อชฺฌาสยโต ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิเวกนิสฺสิตํ ภาเวตีติ วตฺตพฺพํ ‘‘เอวาหํ อนุตฺตรํ วิโมกฺขํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามี’’ติ ตตฺถ นินฺนชฺฌาสยตาย. เตนาห ‘‘ตสฺมา เตสํ มเตนา’’ติอาทิ. เหฏฺา กสิณชฺฌานคฺคหเณน อารุปฺปานมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ, ตสฺมา ‘‘เอเตสํ ฌานาน’’นฺติ อิมินาปิ เตสํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ยสฺมา ปหานวินโย วิย วิราคนิโรธาปิ อิธาธิปฺเปตวิเวเกน อตฺถโต นิพฺพิสิฏฺา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอส นโย วิราคนิสฺสิตนฺติอาทีสู’’ติ. เตนาห ‘‘วิเวกตฺถา เอว หิ วิราคาทโย’’ติ.
โวสฺสคฺค-สทฺโท ปริจฺจาคตฺโถ ปกฺขนฺทนตฺโถ จาติ โวสฺสคฺคสฺส ทุวิธตา วุตฺตา. โวสฺสชฺชนฺหิ ปหานํ วิสฺสฏฺภาเวน นิโรธนปกฺขนฺทนมฺปิ จ ¶ . ตสฺมา วิปสฺสนากฺขเณ ตทงฺควเสน มคฺคกฺขเณ สมุจฺเฉทวเสน ปฏิปกฺขสฺส ปหานํ โวสฺสคฺโค, ตถา วิปสฺสนากฺขเณ ตนฺนินฺนภาเวน, มคฺคกฺขเณ อารมฺมณกรเณน วิสฺสฏฺสภาวตา โวสฺสคฺโคติ เวทิตพฺพํ. เตเนวาห ‘‘ตตฺถ ปริจฺจาคโวสฺสคฺโค’’ติอาทิ. อยํ สติสมฺโพชฺฌงฺโคติ อยํ มิสฺสกวเสน วุตฺโต สติสมฺโพชฺฌงฺโค. ยถาวุตฺเตน ปกาเรนาติ ตทงฺคปฺปหานสมุจฺเฉทปฺปหานปฺปกาเรน ตนฺนินฺนตทารมฺมณปฺปกาเรน จ. ปุพฺเพ โวสฺสคฺควจนสฺเสว อตฺถสฺส วุตฺตตฺตา อาห ‘‘สกเลน วจเนนา’’ติ. ปริณมนฺตนฺติ วิปสฺสนากฺขเณ ตทงฺคตนฺนินฺนปฺปกาเรน ปริณมนฺตํ. ปริณตนฺติ มคฺคกฺขเณ สมุจฺเฉทตทารมฺมณปฺปกาเรน ปริณตํ. ปริณาโม นาม อิธ ปริปาโกติ อาห ‘‘ปริปจฺจนฺตํ ปริปกฺกฺจา’’ติ. ปริปาโก จ อาเสวนลาเภน ลทฺธสามตฺถิยสฺส กิเลเส ปริจฺจชิตุํ นิพฺพานํ ปกฺขนฺทิตุํ ติกฺขวิสทภาโว. เตนาห ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ. เอส นโยติ ยฺวายํ นโย ‘‘วิเวกนิสฺสิต’’นฺติอาทินา สติสมฺโพชฺฌงฺเค วุตฺโต, เสเสสุ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทีสุปิ เอเสว นโย, เอวํ ตตฺถ เนตพฺพนฺติ อตฺโถ.
‘‘วิเวกนิสฺสิต’’นฺติอาทีสุ ลพฺภมานมตฺถํ สามฺโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ อิธาธิปฺเปตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สพฺพสงฺขเตหีติ สพฺเพหิ ปจฺจยสมุปฺปนฺนธมฺเมหิ. สพฺเพสนฺติ สงฺขตธมฺมานํ. วิเวกํ อารมฺมณํ กตฺวาติ นิพฺพานสงฺขาตํ วิเวกํ อารมฺมณํ กตฺวา. ตฺจ โขติ ตเทว สติสมฺโพชฺฌงฺคํ.
๑๓. ตติเย จิตฺเตกคฺคตฺถายาติ จิตฺตสมาธานตฺถาย, ทิฏฺธมฺเม สุขวิหารายาติ อตฺโถ. จิตฺเตกคฺคตาสีเสน หิ ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร วุตฺโต. สุกฺขวิปสฺสกขีณาสวานํ วเสน เหตํ วุตฺตํ. เต หิ สมาปชฺชิตฺวา ‘‘เอกคฺคจิตฺตา สุขํ ทิวสํ วิหริสฺสามา’’ติ อิจฺเจว กสิณปริกมฺมํ ¶ กตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตนฺติ. วิปสฺสนาปาทกตฺถายาติอาทีสุ ปน เสกฺขปุถุชฺชนา ‘‘สมาปตฺติโต วุฏฺาย สมาหิเตน จิตฺเตน วิปสฺสามา’’ติ นิพฺพตฺเตนฺตา วิปสฺสนาปาทกตฺถาย ภาเวนฺติ.
เย ปน อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อภิฺาปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๘; ม. นิ. ๑.๑๔๗; สํ. นิ. ๒.๗๐; ๕.๘๓๔, ๘๔๒) วุตฺตนยา ¶ อภิฺาโย ปตฺเถนฺตา นิพฺพตฺเตนฺติ, เต อภิฺาปาทกตฺถาย ภาเวนฺติ. เย อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ‘‘สตฺตาหํ อจิตฺตา หุตฺวา ทิฏฺเว ธมฺเม นิโรธํ นิพฺพานํ ปตฺวา สุขํ วิหริสฺสามา’’ติ นิพฺพตฺเตนฺติ, เต นิโรธปาทกตฺถาย ภาเวนฺติ. เย ปน อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘อปริหีนชฺฌานา พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิสฺสามา’’ติ นิพฺพตฺเตนฺติ, เต ภววิเสสตฺถาย ภาเวนฺติ.
ยุตฺตํ ตาว จิตฺเตกคฺคตาย ภววิเสสตฺถตา วิย วิปสฺสนาปาทกตฺถตาปิ จตุกฺกชฺฌานสาธารณาติ เตสํ วเสน ‘‘จตฺตาริ ฌานานี’’ติ วจนํ, อภิฺาปาทกตฺถตา ปน นิโรธปาทกตฺถตา จ จตุตฺถสฺเสว ฌานสฺส อาเวณิกา, สา กถํ จตุกฺกชฺฌานสาธารณา วุตฺตาติ? ปรมฺปราธิฏฺานภาวโต. ปทฏฺานปทฏฺานมฺปิ หิ ปทฏฺานนฺติ วุจฺจติ การณการณนฺติ ยถา ‘‘ติเณหิ ภตฺตํ สิทฺธ’’นฺติ.
๑๔. จตุตฺเถ สสกสฺส อุปฺปตนํ วิย โหตีติ ปถวิชิคุจฺฉนสสกสฺส อุปฺปตนํ วิย โหติ. ตตฺถายํ อตฺถสลฺลาปิกา อุปมา – ปถวี กิร สสกํ อาห – ‘‘เห สสกา’’ติ. สสโก อาห – ‘‘โก เอโส’’ติ. กสฺมา มเมว อุปริ สพฺพอิริยาปเถ กปฺเปนฺโต อุจฺจารปสฺสาวํ กโรนฺโต มํ น ชานาสีติ? สุฏฺุ ตยา อหํ ทิฏฺโ, มยา อกฺกนฺตฏฺานฺหิ องฺคุลคฺเคหิ ผุฏฺฏฺานํ วิย โหติ, วิสฺสฏฺอุทกํ อปฺปมตฺตกํ, กรีสํ กฏกผลมตฺตํ, หตฺถิอสฺสาทีหิ ปน อกฺกนฺตฏฺานมฺปิ มหนฺตํ, ปสฺสาโวปิ เนสํ ฆฏมตฺโต, อุจฺจาโรปิ ปจฺฉิมตฺโต โหติ, อลํ มยฺหํ ตยาติ อุปฺปติตฺวา อฺสฺมึ าเน ปติโต. ตโต นํ ปถวี อาห – ‘‘อโห ทูรํ คโตปิ นนุ มยฺหํเยว อุปริ ปติโตสี’’ติ? โส ปุน ตํ ชิคุจฺฉนฺโต อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ ปติโต. เอวํ วสฺสสหสฺสมฺปิ อุปฺปติตฺวา อุปฺปติตฺวา ปตมาโน สสโก เนว ปถวิยา อนฺตํ ปาปุณิตุํ สกฺโกติ. น โกฏินฺติ น ปุพฺพโกฏึ. อิตเรสนฺติ วิปฺจิตฺุเนยฺยปทปรมานํ.
๑๕. ปฺจเม ¶ สมเถหิ อธิกรียติ วูปสมฺมตีติ อธิกรณํ, อฏฺารส เภทกรวตฺถูนิ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน วิวาโทเยว วิวาทาธิกรณํ. ‘‘อิธ ภิกฺขู ภิกฺขุํ อนุวทนฺติ สีลวิปตฺติยา วา’’ติอาทินา (จูฬว. ๒๑๕) จตสฺโส ¶ วิปตฺติโย นิสฺสาย อุปฺปนฺโน อนุวาโทเยว อนุวาทาธิกรณํ. ปฺจปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺตาธิกรณํ. ‘‘สตฺตปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺตาธิกรณ’’นฺติ (จูฬว. ๒๑๕) วจนโต อาปตฺติเยว อาปตฺตาธิกรณํ. ‘‘ยา สงฺฆสฺส กิจฺจยตา กรณียตา อปโลกนกมฺมํ ตฺติกมฺมํ ตฺติทุติยกมฺมํ ตฺติจตุตฺถกมฺม’’นฺติ (จูฬว. ๒๑๕) เอวมาคตํ จตุพฺพิธํ สงฺฆกิจฺจํ กิจฺจาธิกรณนฺติ เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
๑๖. ฉฏฺเ อปากฏนาโมติ ‘‘เสโล, กูฏทนฺโต’’ติอาทินา อนภิฺาโต. เยน วา การเณนาติ เหตุมฺหิ อิทํ กรณวจนํ. เหตุอตฺโถ หิ กิริยาการณํ, น กรณํ วิย กิริยตฺโถ, ตสฺมา นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมตฺถา อิธ อุปสงฺกมนกิริยาติ ‘‘อนฺเนน วสติ, อชฺเฌเนน วสตี’’ติอาทีสุ วิย เหตุอตฺถเมเวตํ กรณวจนํ ยุตฺตํ, น กรณตฺถํ ตสฺส อยุชฺชมานตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘เยน วา การเณนา’’ติ. อวิภาคโต สตตํ ปวตฺติตนิรติสยสาทุวิปุลามตรสสทฺธมฺมผลตาย สาทุผลนิจฺจผลิตมหารุกฺเขน ภควา อุปมิโต. สาทุผลูปโภคาธิปฺปายคฺคหเณเนว หิ รุกฺขสฺส สาทุผลตา คหิตาติ. อุปสงฺกมีติ อุปสงฺกนฺโต. สมฺปตฺตกามตาย หิ กิฺจิ านํ คจฺฉนฺโต ตํตํปเทสาติกฺกมเนน อุปสงฺกมิ, อุปสงฺกนฺโตติ จ วตฺตพฺพตํ ลภติ. เตนาห ‘‘คโตติ วุตฺตํ โหตี’’ติ, อุปคโตติ อตฺโถ. อุปสงฺกมิตฺวาติ ปุพฺพกาลกิริยานิทฺเทโสติ อาห ‘‘อุปสงฺกมนปริโยสานทีปน’’นฺติ. ตโตติ ยํ านํ ปตฺโต ‘‘อุปสงฺกมี’’ติ วุตฺโต, ตโต อุปคตฏฺานโต.
ยถา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโตติ ยถา ภควา ‘‘กจฺจิ เต, พฺราหฺมณ, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติอาทินา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโต เตน พฺราหฺมเณน สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสิ ปุพฺพภาสิตาย, เอวํ โสปิ พฺราหฺมโณ ตทนุกรเณน ภควตา สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสีติ โยชนา. ตํ ปน สมปฺปวตฺตโมทตํ อุปมาย ทสฺเสตุํ ‘‘สีโตทกํ วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สมฺโมทิตนฺติ สํสนฺทิตํ. เอกีภาวนฺติ สมฺโมทนกิริยาย สมานตํ. ขมนียนฺติ ‘‘อิทํ จตุจกฺกํ นวทฺวารํ สรีรยนฺตํ ทุกฺขพหุลตาย สภาวโต ทุสฺสหํ, กจฺจิ ขมิตุํ สกฺกุเณยฺย’’นฺติ ¶ ปุจฺฉติ. ยาปนียนฺติ อาหาราทิปฺปฏิพทฺธวุตฺติกํ จิรปฺปพนฺธสงฺขาตาย ยาปนาย กจฺจิ ยาเปตุํ สกฺกุเณยฺยํ. สีสโรคาทิอาพาธาภาเวน กจฺจิ อปฺปาพาธํ. ทุกฺขชีวิกาภาเวน กจฺจิ อปฺปาตงฺกํ. ตํตํกิจฺจกรเณ อุฏฺานสุขตาย กจฺจิ ลหุฏฺานํ. ตทนุรูปพลโยคโต กจฺจิ พลํ ¶ . สุขวิหารสมฺภเวน กจฺจิ ผาสุวิหาโร อตฺถีติ สพฺพตฺถ กจฺจิ-สทฺทํ โยเชตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
พลปฺปตฺตา ปีติ ปีติเยว. ตรุณปีติ ปาโมชฺชํ. สมฺโมทํ ชเนติ กโรตีติ สมฺโมทนีกํ, ตเทว สมฺโมทนียํ. สมฺโมทิตพฺพโต สมฺโมทนียนฺติ อิมํ ปน อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สมฺโมทิตุํ ยุตฺตภาวโต’’ติ อาห. สริตพฺพภาวโตติ อนุสฺสริตพฺพภาวโต. ‘‘สรณีย’’นฺติ วตฺตพฺเพ ทีฆํ กตฺวา ‘‘สารณีย’’นฺติ วุตฺตํ. สุยฺยมานสุขโตติ อาปาถคตมธุรตํ อาห, อนุสฺสริยมานสุขโตติ วิมทฺทรมณียตํ. พฺยฺชนปริสุทฺธตายาติ สภาวนิรุตฺติภาเวน ตสฺสา กถาย วจนจาตุริยมาห. อตฺถปริสุทฺธตายาติ อตฺถสฺส นิรุปกฺกิเลสตํ. อเนเกหิ ปริยาเยหีติ อเนเกหิ การเณหิ.
อติทูรอจฺจาสนฺนปฺปฏิกฺเขเปน นาติทูรํ นจฺจาสนฺนํ นาม คหิตํ, ตํ ปน อวกํสโต อุภินฺนํ ปสาริตหตฺถาสงฺฆฏฺฏเนน ทฏฺพฺพํ. คีวํ ปสาเรตฺวาติ คีวํ ปริวฏฺฏนวเสน ปสาเรตฺวา.
เอตทโวจาติ เอตํ ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตู’’ติอาทิปุจฺฉาวจนํ อโวจ. เตเนว ‘‘เอตทโวจา’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ทุวิธา หิ ปุจฺฉาติอาทินา ปุจฺฉาวิภาคํ ทสฺเสติ. ตตฺถ อคาเร นิยุตฺโต อคาริโก, ตสฺส ปุจฺฉา อคาริกปุจฺฉา. อคาริกโต อฺโ อนคาริโก ปพฺพชฺชูปคโต, ตสฺส ปุจฺฉา อนคาริกปุจฺฉา. กิฺจาปิ อฺตฺถ ‘‘ชนโก เหตุ, ปคฺคาหโก ปจฺจโย. อสาธารโณ เหตุ, สาธารโณ ปจฺจโย. สภาโค เหตุ, อสภาโค ปจฺจโย. ปุพฺพกาลิโก เหตุ, สหปวตฺโต ปจฺจโย’’ติอาทินา เหตุปจฺจยา วิภชฺช วุจฺจนฺติ. อิธ ปน ‘‘จตฺตาโร โข, ภิกฺขเว, มหาภูตา เหตุ จตฺตาโร มหาภูตา ปจฺจโย รูปกฺขนฺธสฺส ปฺาปนายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) วิย เหตุปจฺจยสทฺทา สมานตฺถาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุภยมฺเปตํ การณเววจนเมวา’’ติ อาห. วิสมจริยาติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส.
อภิกฺกนฺตาติ ¶ อติกฺกนฺตา, วิคตาติ อตฺโถติ อาห ‘‘ขเย ทิสฺสตี’’ติ. ตถา หิ ‘‘นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม’’ติ อุปริ วุตฺตํ. อภิกฺกนฺตตโรติ อติวิย กนฺตตโร มโนรโม, ตาทิโส จ สุนฺทโร ภทฺทโก นาม โหตีติ อาห ‘‘สุนฺทเร ทิสฺสตี’’ติ. โกติ เทวนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีสุ โก กตโม? เมติ มม. ปาทานีติ ปาเท. อิทฺธิยาติ อิมาย เอวรูปาย เทวิทฺธิยา. ยสสาติ อิมินา เอทิเสน ปริวาเรน ปริจฺเฉเทน จ. ชลนฺติ วิชฺโชตมาโน. อภิกฺกนฺเตนาติ อติวิย กนฺเตน กมนีเยน อภิรูเปน. วณฺเณนาติ ฉวิวณฺเณน ¶ สรีรวณฺณนิภาย. สพฺพา โอภาสยํ ทิสาติ ทส ทิสา ปภาเสนฺโต, จนฺโท วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกาโลกํ กโรนฺโตติ คาถาย อตฺโถ. อภิรูเปติ อุฬารรูเป สมฺปนฺนรูเป.
‘‘โจโร, โจโร; สปฺโป, สปฺโป’’ติอาทีสุ ภเย อาเมฑิตํ. ‘‘วิชฺฌ, วิชฺฌ; ปหร, ปหรา’’ติอาทีสุ โกเธ. ‘‘สาธุ, สาธู’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓๒๗.สํ. นิ. ๒.๑๒๗; ๓.๓๕; ๕.๑๐๘๕) ปสํสายํ. ‘‘คจฺฉ, คจฺฉ; ลุนาหิ, ลุนาหี’’ติอาทีสุ ตุริเต. ‘‘อาคจฺฉ, อาคจฺฉา’’ติอาทีสุ โกตูหเล. ‘‘พุทฺโธ, พุทฺโธติ จินฺเตนฺโต’’ติอาทีสุ (พุ. วํ. ๒.๔๔) อจฺฉเร. ‘‘อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, อภิกฺกมถายสฺมนฺโต’’ติอาทีสุ หาเส. ‘‘กหํ เอกปุตฺตก, กหํ เอกปุตฺตกา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๕๓; สํ. นิ. ๒.๖๓) โสเก. ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติอาทีสุ (อุทา. ๒๐; ที. นิ. ๓.๓๐๕; จูฬว. ๓๓๒) ปสาเท. จ-สทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโต. เตน ครหาอสมฺมานาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ ‘‘ปาโป, ปาโป’’ติอาทีสุ ครหายํ. ‘‘อภิรูปก, อภิรูปกา’’ติอาทีสุ อสมฺมาเน ทฏฺพฺพํ.
นยิทํ อาเมฑิตวเสน ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํ, อถ โข อตฺถทฺวยวเสนาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ‘‘อภิกฺกนฺต’’นฺติ วจนํ อเปกฺขิตฺวา นปุํสกวเสน วุตฺตํ, ตํ ปน ภควโต วจนํ ธมฺมสฺส เทสนาติ กตฺวา ตถา วุตฺตํ ‘‘โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนา’’ติ. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. โทสนาสนโตติ ราคาทิกิเลสวิธมนโต. คุณาธิคมนโตติ สีลาทิคุณานํ สมฺปาปนโต. เย คุเณ เทสนา อธิคเมติ, เตสุ ปธานภูเต ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘สทฺธาชนนโต ปฺาชนนโต’’ติ วุตฺตํ. สทฺธาปมุขา หิ โลกิยา คุณา, ปฺาปมุขา โลกุตฺตรา ¶ .
สีลาทิอตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถโต, สภาวนิรุตฺติสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนโต. สุวิฺเยฺยสทฺทปฺปโยคตาย อุตฺตานปทโต, สณฺหสุขุมภาเวน ทุวิฺเยฺยตฺถตาย คมฺภีรตฺถโต. สินิทฺธมุทุมธุรสทฺทปฺปโยคตาย กณฺณสุขโต, วิปุลวิสุทฺธเปมนียตฺถตาย หทยงฺคมโต. มานาติมานวิธมเนน อนตฺตุกฺกํสนโต, ถมฺภสารมฺภนิมฺมทฺทเนน อปรวมฺภนโต. หิตาธิปฺปายปฺปวตฺติยา ปเรสํ ราคปริฬาหาทิวูปสมเนน กรุณาสีตลโต, กิเลสนฺธการวิธมเนน ปฺาวทาตโต. กรวีกรุตมฺชุตาย อาปาถรมณียโต, ปุพฺพาปราวิรุทฺธสุวิสุทฺธตฺถตาย วิมทฺทกฺขมโต. อาปาถรมณียตาย เอวํ สุยฺยมานสุขโต, วิมทฺทกฺขมตาย หิตชฺฌาสยปฺปวตฺติตตาย จ วีมํสิยมานหิตโต ¶ . เอวมาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน สํสารจกฺกนิวตฺตนโต, สทฺธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต, มิจฺฉาวาทวิคมนโต, สมฺมาวาทปติฏฺาปนโต, อกุสลมูลสมุทฺธรณโต, กุสลมูลสํโรปนโต, อปายทฺวารปิธานโต, สคฺคโมกฺขทฺวารวิวรณโต, ปริยุฏฺานวูปสมนโต, อนุสยสมุคฺฆาตนโตติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
อโธมุขฏฺปิตนฺติ เกนจิ อโธมุขํ ปิตํ. เหฏฺามุขชาตนฺติ สภาเวเนว เหฏฺามุขชาตํ. อุปริมุขนฺติ อุทฺธํมุขํ. อุคฺฆาเฏยฺยาติ วิวฏํ กเรยฺย. หตฺเถ คเหตฺวาติ ‘‘ปุรตฺถาภิมุโข อุตฺตราภิมุโข วา คจฺฉา’’ติอาทีนิ อวตฺวา หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘นิสฺสนฺเทหํ เอส มคฺโค, เอวํ คจฺเฉยฺยา’’ติ วเทยฺย. กาฬปกฺขจาตุทฺทสีติ กาฬปกฺเข จาตุทฺทสี.
นิกฺกุชฺชิตํ อาเธยฺยสฺส อนาธารภูตํ ภาชนํ อาธารภาวาปาทนวเสน อุกฺกุชฺเชยฺย. เหฏฺามุขชาตตาย สทฺธมฺมวิมุขํ, อโธมุขปิตตาย อสทฺธมฺเม ปติตนฺติ เอวํ ปททฺวยํ ยถารหํ โยเชตพฺพํ, น ยถาสงฺขฺยํ. กามํ กามจฺฉนฺทาทโยปิ ปฏิจฺฉาทกา นีวรณภาวโต, มิจฺฉาทิฏฺิ ปน สวิเสสํ ปฏิจฺฉาทิกา สตฺเต มิจฺฉาภินิเวสนวเสนาติ อาห ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺน’’นฺติ. เตนาห ภควา ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปรมาหํ, ภิกฺขเว, วชฺชํ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐). สพฺโพ อปายคามิมคฺโค กุมฺมคฺโค ‘‘กุจฺฉิโต มคฺโค’’ติ กตฺวา. สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ อุชุปฏิปกฺขตาย มิจฺฉาทิฏฺิอาทโย อฏฺ มิจฺฉตฺตธมฺมา มิจฺฉามคฺโค. เตเนว หิ ตทุภยปฺปฏิปกฺขตํ สนฺธาย ‘‘สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาวิกโรนฺเตนา’’ติ วุตฺตํ. สปฺปิอาทิสนฺนิสฺสโย ปทีโป ¶ น ตถา อุชฺชโล, ยถา เตลสนฺนิสฺสโยติ เตลปชฺโชตคฺคหณํ.เอเตหิ ปริยาเยหีติ เอเตหิ นิกฺกุชฺชิตุกฺกุชฺชนปฺปฏิจฺฉนฺนวิวรณาทิอุปโมปมิตพฺพากาเรหิ.
ปสนฺนการนฺติ ปสนฺเนหิ กาตพฺพํ สกฺการํ. สรณนฺติ ปฏิสรณํ. เตนาห ‘‘ปรายณ’’นฺติ. ปรายณภาโว จ อนตฺถนิเสธเนน อตฺถสมฺปฏิปาทเนน จ โหตีติ อาห ‘‘อฆสฺส, ตาตา, หิตสฺส จ วิธาตา’’ติ. อฆสฺสาติ ทุกฺขโตติ วทนฺติ, ปาปโตติ ปน อตฺโถ ยุตฺโต. นิสฺสกฺเก เจตํ สามิวจนํ. เอตฺถ จ นายํ คมิ-สทฺโท นี-สทฺทาทโย วิย ทฺวิกมฺมโก, ตสฺมา ยถา ‘‘อชํ คามํ เนตี’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ‘‘ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ วตฺตุํ น สกฺกา. ‘‘สรณนฺติ คจฺฉามี’’ติ ปน วตฺตพฺพํ. อิติ-สทฺโท เจตฺถ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. ตสฺส จายมตฺโถ – คมนฺจ ตทธิปฺปาเยน ภชนํ ชานนํ วาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิติ อิมินา อธิปฺปาเยนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภชามีติอาทีสุ ปุริมสฺส ปุริมสฺส ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ อตฺถวจนํ. ภชนํ วา สรณาธิปฺปาเยน อุปสงฺกมนํ. เสวนํ สนฺติกาวจรตา. ปยิรุปาสนํ วตฺตปฺปฏิวตฺตกรเณน อุปฏฺานนฺติ ¶ เอวํ สพฺพถาปิ อนฺสรณตํเยว ทีเปติ. ‘‘คจฺฉามี’’ติ ปทสฺส พุชฺฌามีติ อยมตฺโถ กถํ ลพฺภตีติ อาห ‘‘เยสํ หี’’ติอาทิ.
อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธติ ปททฺวเยนปิ ผลฏฺา เอว ทสฺสิตา, น มคฺคฏฺาติ เต ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จา’’ติ อาห. นนุ จ กลฺยาณปุถุชฺชโนปิ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชตีติ วุจฺจตีติ? กิฺจาปิ วุจฺจติ, นิปฺปริยาเยน ปน มคฺคฏฺา เอว ตถา วตฺตพฺพา, น อิตเร สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมนาภาวโต. ตถา หิ เต เอว วุตฺตา ‘‘อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตี’’ติ. สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมเนน หิ อปายวินิมุตฺติสมฺภโว. อกฺขายตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทฺยตฺโถ, ปการตฺโถ วา. เตน ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) สุตฺตปทํ สงฺคณฺหาติ, ‘‘วิตฺถาโร’’ติ วา อิมินา. เอตฺถ จ อริยมคฺโค นิยฺยานิกตาย, นิพฺพานํ ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตายาติ อุภยเมว นิปฺปริยาเยน ธมฺโมติ วุตฺโต. นิพฺพานฺหิ อารมฺมณปจฺจยภูตํ ลภิตฺวา อริยมคฺโค ตทตฺถสิทฺธิยา สํวตฺตติ, ตถาปิ ยสฺมา อริยผลานํ ‘‘ตาย สทฺธาย อวูปสนฺตายา’’ติอาทิวจนโต มคฺเคน ¶ สมุจฺฉินฺนานํ กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานกิจฺจตาย นิยฺยานานุคุณตาย นิยฺยานปริโยสานตาย จ. ปริยตฺติธมฺมสฺส ปน นิยฺยานิกธมฺมสมธิคมเหตุตายาติ อิมินา ปริยาเยน วุตฺตนเยน ธมฺมภาโว ลพฺภติ เอว. สฺวายมตฺโถ ปาารุฬฺโห เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิมาห.
กามราโค ภวราโคติ เอวมาทิเภโท สพฺโพปิ ราโค วิรชฺชติ ปหียติ เอเตนาติ ราควิราโคติ มคฺโค กถิโต. เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย อนฺโตนิชฺฌานลกฺขณสฺส โสกสฺส จ ตทุปฺปตฺติยํ สพฺพโส ปริกฺขีณตฺตา อเนชมโสกนฺติ ผลํ กถิตํ. อปฺปฏิกูลนฺติ อวิโรธทีปนโต เกนจิ อวิรุทฺธํ, อิฏฺํ ปณีตนฺติ วา อตฺโถ. ปคุณรูเปน ปวตฺติตตฺตา, ปกฏฺคุณวิภาวนโต วา ปคุณํ. สพฺพธมฺมกฺขนฺธา กถิตาติ โยชนา.
ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตนาติ ‘‘ยายํ ทิฏฺิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๗; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๒; ปริ. ๒๗๔) เอวํ ¶ วุตฺตาย ทิฏฺิยา, ‘‘ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิฺุปฺปสตฺถานิ อปรามฏฺานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ, ตถารูเปหิ สีเลหิ สีลสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๒; ปริ. ๒๗๔) จ เอวํ วุตฺตานํ สีลานฺจ สํหตภาเวน, ทิฏฺิสีลสามฺเนาติ อตฺโถ. สํหโตติ ฆฏิโต, สเมโตติ อตฺโถ. อริยปุคฺคลา หิ ยตฺถ กตฺถจิ ทูเร ิตาปิ อตฺตโน คุณสามคฺคิยา สํหตา เอว. อฏฺ จ ปุคฺคล ธมฺมทสา เตติ เต ปุริสยุควเสน จตฺตาโรปิ ปุคฺคลวเสน อฏฺเว อริยธมฺมสฺส ปจฺจกฺขทสฺสาวิตาย ธมฺมทสา. ตีณิ วตฺถูนิ สรณนฺติ คมเนน ติกฺขตฺตุํ คมเนน จ ตีณิ สรณคมนานิ. ปฏิเวเทสีติ อตฺตโน หทยคตํ วาจาย ปเวเทสิ.
สรณคมนสฺส วิสยปฺปเภทผลสํกิเลสเภทานํ วิย กตฺตุวิภาวนา ตตฺถ โกสลฺลาย โหตีติ สรณคมเนสุ อตฺถโกสลฺลตฺถํ ‘‘สรณํ, สรณคมนํ, โย จ สรณํ คจฺฉติ, สรณคมนปฺปเภโท, สรณคมนผลํ, สํกิเลโส, เภโทติ อยํ วิธิ เวทิตพฺโพ’’ติ ¶ วุตฺตํ เตน วินา สรณคมนสฺเสว อสมฺภวโต. กสฺมา ปเนตฺถ โวทานํ น คหิตํ, นนุ โวทานวิภาวนาปิ ตตฺถ โกสลฺลาย โหตีติ? สจฺจเมตํ, ตํ ปน สํกิเลสคฺคหเณน อตฺถโต ทีปิตํ โหตีติ น คหิตํ. ยานิ หิ เนสํ สํกิเลสการณานิ อฺาณาทีนิ, เตสํ สพฺเพน สพฺพํ อนุปฺปนฺนานํ อนุปฺปาทเนน, อุปฺปนฺนานฺจ ปหาเนน โวทานํ โหตีติ.
หึสตฺถสฺส ธาตุสทฺทสฺส วเสเนตํ ปทํ ทฏฺพฺพนฺติ ‘‘หึสตีติ สรณ’’นฺติ วตฺวา ตํ ปน หึสนํ เกสํ, กถํ, กสฺส วาติ โจทนํ โสเธนฺโต ‘‘สรณคตาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ภยนฺติ วฏฺฏภยํ. สนฺตาสนฺติ จิตฺตุตฺราสํ. เตเนว เจตสิกทุกฺขสฺส คหิตตฺตา ทุกฺขนฺติ กายิกํ ทุกฺขํ. ทุคฺคติปริกิเลสนฺติ ทุคฺคติปริยาปนฺนํ สพฺพมฺปิ ทุกฺขํ. ตยิทํ สพฺพํ ปรโต ผลกถาย อาวิ ภวิสฺสติ. เอตนฺติ สรณนฺติ ปทํ. เอวํ อวิเสสโต สรณสทฺทสฺส ปทตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิเสสโต ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. หิเต ปวตฺตเนนาติ ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๖๔, ๖๙) อตฺเถ นิโยชเนน. อหิตา นิวตฺตเนนาติ ‘‘ปาณาติปาตสฺส โข ปาปโก วิปาโก อภิสมฺปราย’’นฺติอาทินา อาทีนวทสฺสนาทิมุเขน อนตฺถโต นิวตฺตเนน. ภยํ หึสตีติ หิตาหิเตสุ อปฺปวตฺติปฺปวตฺติเหตุกํ พฺยสนํ อปฺปวตฺติกรเณน วินาเสติ พุทฺโธ. ภวกนฺตารา อุตฺตารเณน มคฺคสงฺขาโต ธมฺโม. อิตโร อสฺสาสทาเนน สตฺตานํ ภยํ หึสตีติ โยชนา. การานนฺติ ทานวเสน ปูชาวเสน จ อุปนีตานํ สกฺการานํ. วิปุลผลปฺปฏิลาภกรเณน สตฺตานํ ภยํ หึสติ สงฺโฆ อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวโตติ อธิปฺปาโย. อิมินาปิ ปริยาเยนาติ อิมินาปิ วิภชิตฺวา วุตฺเตน การเณน.
‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ¶ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ เอวํ ปวตฺโต ตตฺถ รตนตฺตเย ปสาโท ตปฺปสาโท, ตเทว รตฺตนตฺตยํ ครุ เอตสฺสาติ ตคฺครุ, ตพฺภาโว ตคฺครุตา, ตปฺปสาโท จ ตคฺครุตา จ ตปฺปสาทตคฺครุตา. ตาหิ ตปฺปสาทตคฺครุตาหิ. วิธุตทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสมฺโมหอสฺสทฺธิยาทิตาย วิหตกิเลโส. ตเทว รตนตฺตยํ ปรายณํ คติ ตาณํ เลณนฺติ เอวํ ปวตฺติยา ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท ¶ สรณคมนํ สรณนฺติ คจฺฉติ เอเตนาติ. ตํสมงฺคีติ เตน ยถาวุตฺตจิตฺตุปฺปาเทน สมนฺนาคโต. เอวํ อุเปตีติ เอวํ ภชติ เสวติ ปยิรุปาสติ, เอวํ วา ชานาติ พุชฺฌตีติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอตฺถ จ ปสาทคฺคหเณน โลกิยสรณคมนมาห. ตฺหิ ปสาทปฺปธานํ. ครุตาคหเณน โลกุตฺตรํ. อริยา หิ รตนตฺตยคุณาภิฺตาย ปาสาณจฺฉตฺตํ ปิย ครุํ กตฺวา ปสฺสนฺติ, ตสฺมา ตปฺปสาเทน วิกฺขมฺภนวเสน วิหตกิเลโส, ตคฺครุตาย สมุจฺเฉทวเสนาติ โยเชตพฺพํ อคารวกรณเหตูนํ สมุจฺฉินฺทนโต. ตปฺปรายณตา ปเนตฺถ ตคฺคติกตาติ ตาย จตุพฺพิธมฺปิ วกฺขมานํ สรณคมนํ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อวิเสเสน วา ปสาทครุตา โชติตาติ ปสาทคฺคหเณน อเวจฺจปฺปสาทสฺส อิตรสฺส จ คหณํ, ตถา ครุตาคหเณนาติ อุภเยนปิ อุภยํ สรณคมนํ โยเชตพฺพํ.
มคฺคกฺขเณ อิชฺฌตีติ โยชนา. นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวาติ เอเตน อตฺถโต จตุสจฺจาธิคโม เอว โลกุตฺตรสรณคมนนฺติ ทสฺเสติ. ตตฺถ หิ นิพฺพานธมฺโม สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน, มคฺคธมฺโม ภาวนาภิสมยวเสน ปฏิวิชฺฌิยมาโนเยว สรณคมนตฺตํ สาเธติ, พุทฺธคุณา ปน สาวกโคจรภูตา ปริฺาภิสมยวเสน, ตถา อริยสงฺฆคุณา. เตนาห ‘‘กิจฺจโต สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌตี’’ติ. อิชฺฌนฺตฺจ สเหว อิชฺฌติ, น โลกิยํ วิย ปฏิปาฏิยา อสมฺโมหปฺปฏิเวเธน ปฏิวิทฺธตฺตาติ อธิปฺปาโย. เย ปน วทนฺติ ‘‘น สรณคมนํ นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา ปวตฺตติ, มคฺคสฺส อธิคตตฺตา ปน อธิคตเมว โหติ เอกจฺจานํ เตวิชฺชาทีนํ โลกิยวิชฺชาทโย วิยา’’ติ, เตสํ โลกิยเมว สรณคมนํ สิยา, น โลกุตฺตรํ, ตฺจ อยุตฺตํ ทุวิธสฺสปิ อิจฺฉิตพฺพตฺตา.
ตนฺติ โลกิยสรณคมนํ. สทฺธาปฏิลาโภ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติอาทินา. สทฺธามูลิกาติ ยถาวุตฺตสทฺธาปุพฺพงฺคมา. สมฺมาทิฏฺิ พุทฺธสุพุทฺธตํ, ธมฺมสุธมฺมตํ, สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติฺจ โลกิยาวโพธวเสเนว สมฺมา าเยน ทสฺสนโต. สทฺธามูลิกา จ สมฺมาทิฏฺีติ เอเตน สทฺธูปนิสฺสยา ยถาวุตฺตลกฺขณา ปฺา โลกิยสรณคมนนฺติ ทสฺเสติ. เตนาห ¶ ‘‘ทิฏฺิชุกมฺมนฺติ วุจฺจตี’’ติ. ทิฏฺิเยว อตฺตโน ปจฺจเยหิ อุชุ กรียตีติ กตฺวา ¶ , ทิฏฺิ วา อุชุ กรียติ เอเตนาติ ทิฏฺิชุกมฺมํ, ตถาปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท. เอวฺจ กตฺวา ‘‘ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ อิทฺจ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ, สทฺธาปุพฺพงฺคมสมฺมาทิฏฺิคฺคหณํ ปน จิตฺตุปฺปาทสฺส ตปฺปธานตายาติ ทฏฺพฺพํ. สทฺธาปฏิลาโภติ อิมินา มาตาทีหิ อุสฺสาหิตทารกาทีนํ วิย าณวิปฺปยุตฺตํ สรณคมนํ ทสฺเสติ, สมฺมาทิฏฺีติ อิมินา าณสมฺปยุตฺตํ สรณคมนํ.
ตยิทํ โลกิยํ สรณคมนํ. อตฺตา สนฺนิยฺยาตียติ อปฺปียติ ปริจฺจชียติ เอเตนาติ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ, ยถาวุตฺตํ ทิฏฺิชุกมฺมํ. ตํ รตนตฺตยํ ปรายณํ ปฏิสรณํ เอตสฺสาติ ตปฺปรายโณ, ปุคฺคโล จิตฺตุปฺปาโท วา, ตสฺส ภาโว ตปฺปรายณตา, ยถาวุตฺตํ ทิฏฺิชุกมฺมเมว. สรณนฺติ อธิปฺปาเยน สิสฺสภาวํ อนฺเตวาสิกภาวํ อุปคจฺฉติ เอเตนาติ สิสฺสภาวูปคมนํ. สรณคมนาธิปฺปาเยเนว ปณิปตติ เอเตนาติ ปณิปาโต. สพฺพตฺถ ยถาวุตฺตทิฏฺิชุกมฺมวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อตฺตปริจฺจชนนฺติ สํสารทุกฺขนิสฺสรณตฺถํ อตฺตโน อตฺถภาวสฺส ปริจฺจชนํ. เอส นโย เสเสสุปิ. พุทฺธาทีนํเยวาติ อวธารณํ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีสุปิ ตตฺถ ตตฺถ วตฺตพฺพํ. เอวฺหิ ตทฺนิวตฺตนํ กตํ โหติ.
เอวํ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีนิ เอเกน ปกาเรน ทสฺเสตฺวา อิทานิ อปเรหิปิ ปกาเรหิ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. เตน ปริยายนฺตเรหิปิ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ กตเมว โหติ อตฺถสฺส อภินฺนตฺตาติ ทสฺเสติ. อาฬวกาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน สาตาคิริเหมวตาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. นนุ เจเต อาฬวกาทโย มคฺเคเนว อาคตสรณคมนา, กถํ เตสํ ตปฺปรายณตาสรณคมนํ วุตฺตนฺติ? มคฺเคนาคตสรณคมเนหิปิ ‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ…เป… สุธมฺมตํ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๔). เต มยํ วิจริสฺสาม, คามา คามํ นคา นคํ…เป… สุธมฺมต’’นฺติ (สุ. นิ. ๑๘๒) จ เตหิ ตปฺปรายณตาการสฺส ปเวทิตตฺตา ตถา วุตฺตํ.
โส ปเนส าติ…เป… วเสนาติ เอตฺถ าติวเสน, ภยวเสน, อาจริยวเสน, ทกฺขิเณยฺยวเสนาติ ปจฺเจกํ ‘‘วเสนา’’ติ ปทํ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ าติวเสนาติ าติภาววเสน. เอวํ เสเสสุปิ ¶ . ทกฺขิเณยฺยปณิปาเตนาติ ทกฺขิเณยฺยตาเหตุเกน ปณิปตเนนาติ อตฺโถ. อิตเรหีติ าติภาวาทิวสปฺปวตฺเตหิ ตีหิ ปณิปาเตหิ. อิตเรหีติอาทินา สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วนฺทตีติ ปณิปาตสฺส ลกฺขณวจนํ ¶ . เอวรูปนฺติ ทิฏฺธมฺมิกํ สนฺธาย วทติ. สมฺปรายิกฺหิ นิยฺยานิกํ วา อนิยฺยานิกํ วา อนุสาสนึ ปจฺจาสีสนฺโต ทกฺขิเณยฺยปณิปาตเมว กโรตีติ อธิปฺปาโย. สรณคมนปฺปเภโทติ สรณคมนวิภาโค.
อริยมคฺโค เอว โลกุตฺตรํ สรณคมนนฺติ อาห ‘‘จตฺตาริ สามฺผลานิ วิปากผล’’นฺติ. สพฺพทุกฺขกฺขโยติ สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส อนุปฺปาทนิโรโธ. เอตนฺติ ‘‘จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตี’’ติ (ธ. ป. ๑๙๐) เอวํ วุตฺตํ อริยสจฺจานํ ทสฺสนํ.
นิจฺจโต อนุปคมนาทิวเสนาติ นิจฺจนฺติ อคฺคหณาทิวเสน. อฏฺานนฺติ เหตุปฺปฏิกฺเขโป. อนวกาโสติ ปจฺจยปฺปฏิกฺเขโป. อุภเยนปิ การณเมว ปฏิกฺขิปติ. ยนฺติ เยน การเณน. ทิฏฺิสมฺปนฺโนติ มคฺคทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โสตาปนฺโน. กฺจิ สงฺขารนฺติ จตุภูมเกสุ สงฺขตสงฺขาเรสุ เอกสงฺขารมฺปิ. นิจฺจโต อุปคจฺเฉยฺยาติ นิจฺโจติ คณฺเหยฺย. สุขโต อุปคจฺเฉยฺยาติ ‘‘เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’’ติ (ที. นิ. ๑.๗๖, ๗๙) เอวํ อตฺตทิฏฺิวเสน สุขโต คาหํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน ปน อริยสาวโก ปริฬาหวูปสมนตฺถํ มตฺตหตฺถิปริตาสิโต วิย โจกฺขพฺราหฺมโณ อุกฺการภูมึ กฺจิ สงฺขารํ สุขโต อุปคจฺฉติ. อตฺตวาเร กสิณาทิปฺตฺติสงฺคหตฺถํ ‘‘สงฺขาร’’นฺติ อวตฺวา ‘‘กฺจิ ธมฺม’’นฺติ วุตฺตํ. อิเมสุปิ าเนสุ จตุภูมกวเสเนว ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ เตภูมกวเสเนว วา. ยํ ยฺหิ ปุถุชฺชโน คาหวเสน คณฺหาติ, ตโต ตโต อริยสาวโก คาหํ วินิเวเติ.
มาตรนฺติอาทีสุ ชนิกา มาตา, ชนโก ปิตา, มนุสฺสภูโต ขีณาสโว อรหาติ อธิปฺเปโต. กึ ปน อริยสาวโก อฺํ ชีวิตา โวโรเปยฺยาติ? เอตมฺปิ อฏฺานํ, ปุถุชฺชนภาวสฺส ปน มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถํ อริยภาวสฺส จ ผลทสฺสนตฺถํ เอวํ วุตฺตํ. ปทุฏฺจิตฺโตติ วธกจิตฺเตน ปทุฏฺจิตฺโต. โลหิตํ อุปฺปาเทยฺยาติ ชีวมานกสรีเร ¶ ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย. สงฺฆํ ภินฺเทยฺยาติ สมานสํวาสกํ สมานสีมายํ ิตํ สงฺฆํ ‘‘กมฺเมน อุทฺเทเสน โวหรนฺโต อนุสฺสาวเนน สลากคฺคาเหนา’’ติ (ปริ. ๔๕๘) เอวํ วุตฺเตหิ ปฺจหิ การเณหิ ภินฺเทยฺย. อฺํ สตฺถารนฺติ อฺํ ติตฺถกรํ ‘‘อยํ เม สตฺถา’’ติ เอวํ คณฺเหยฺยาติ เนตํ านํ วิชฺชตีติ อตฺโถ.
น เต ¶ คมิสฺสนฺติ อปายนฺติ เต พุทฺธํ สรณํ คตา ตนฺนิมิตฺตํ อปายํ น คมิสฺสนฺติ, เทวกายํ ปน ปริปูเรสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ทสหิ าเนหีติ ทสหิ การเณหิ. อธิคณฺหนฺตีติ อธิภวนฺติ.
เวลามสุตฺตาทิวเสนาติ เอตฺถ ‘‘กรีสสฺส จตุตฺถภาคปฺปมาณานํ จตุราสีติสหสฺสสงฺขานํ สุวณฺณปาติรูปิยปาติกํสปาตีนํ ยถากฺกมํ รูปิยสุวณฺณหิรฺปูรานํ สพฺพาลงฺการปฺปฏิมณฺฑิตานํ จตุราสีติยา หตฺถิสหสฺสานํ, จตุราสีติยา อสฺสสหสฺสานํ, จตุราสีติยา รถสหสฺสานํ, จตุราสีติยา เธนุสหสฺสานํ, จตุราสีติยา กฺาสหสฺสานํ, จตุราสีติยา ปลฺลงฺกสหสฺสานํ, จตุราสีติยา วตฺถโกฏิสหสฺสานํ, อปริมาณสฺส จ ขชฺชโภชฺชาทิเภทสฺส อาหารสฺส ปริจฺจชนวเสน สตฺตมาสาธิกานิ สตฺต สํวจฺฉรานิ นิรนฺตรํ ปวตฺตเวลามมหาทานโต เอกสฺส โสตาปนฺนสฺส ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ. ตโต สตํ โสตาปนฺนานํ ทินฺนทานโต เอกสฺส สกทาคามิโน, ตโต เอกสฺส อนาคามิโน, ตโต เอกสฺส อรหโต, ตโต เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส, ตโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, ตโต พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ, ตโต จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส วิหารกรณํ, ตโต สรณคมนํ มหปฺผลตร’’นฺติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺตสฺส เวลามสุตฺตสฺส (อ. นิ. ๙.๒๐) วเสน. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยํ, คหปติ, เวลาโม พฺราหฺมโณ ทานํ อทาสิ มหาทานํ, โย เอกํ ทิฏฺิสมฺปนฺนํ โภเชยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตร’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๙.๒๐). เวลามสุตฺตาทีติ อาทิ-สทฺเทน อคฺคปฺปสาทสุตฺตาทีนํ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
อฺาณํ วตฺถุตฺตยสฺส คุณานํ อชานนํ ตตฺถ สมฺโมโห, ‘‘พุทฺโธ นุ โข, น นุ โข’’ติอาทินา วิจิกิจฺฉา สํสโย. มิจฺฉาาณํ ตสฺส คุณานํ อคุณภาวปริกปฺปเนน วิปรีตคฺคาโห. อาทิ-สทฺเทน อนาทราคารวาทีนํ ¶ สงฺคโห. น มหาชุติกนฺติ น อุชฺชลํ, อปริสุทฺธํ อปริโยทาตนฺติ อตฺโถ. น มหาวิปฺผารนฺติ อนุฬารํ. สาวชฺโชติ ทิฏฺิตณฺหาทิวเสน สโทโส. โลกิยํ สรณคมนํ สิกฺขาสมาทานํ วิย อคฺคหิตกาลปริจฺเฉทํ ชีวิตปริยนฺตเมว โหติ, ตสฺมา ตสฺส ขนฺธเภเทน เภโทติ อาห ‘‘อนวชฺโช กาลกิริยายา’’ติ. โสติ อนวชฺโช สรณคมนเภโท. สติปิ อนวชฺชตฺเต อิฏฺผโลปิ น โหตีติ อาห ‘‘อผโล’’ติ. กสฺมา? อวิปากตฺตา. น หิ ตํ อกุสลนฺติ.
โก อุปาสโกติ สรูปปุจฺฉา, ตสฺมา ‘‘กึลกฺขโณ อุปาสโก’’ติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมาติ เหตุปุจฺฉา. เตน เกน ปวตฺตินิมิตฺเตน อุปาสกสทฺโท ตสฺมึ ปุคฺคเล นิรุฬฺโหติ ทสฺเสติ ¶ . เตนาห ‘‘กสฺมา อุปาสโกติ วุจฺจตี’’ติ. สทฺทสฺส อภิเธยฺโย ปวตฺตินิมิตฺตํ ตทตฺถสฺส ตพฺภาวการณํ. กิมสฺส สีลนฺติ กีทิสํ อสฺส อุปาสกสฺส สีลํ, กิตฺตเกน สีเลนายํ สีลสมฺปนฺโน นาม โหตีติ อตฺโถ. โก อาชีโวติ โก อสฺส สมฺมาอาชีโว? โส ปน มิจฺฉาชีวสฺส ปริวชฺชเนน โหตีติ โสปิ วิภชียตีติ. กา วิปตฺตีติ กา สีลสฺส, อาชีวสฺส วา วิปตฺติ. อนนฺตรสฺส หิ วิธิ วา ปฏิเสโธ วาติ. กา สมฺปตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
โย โกจีติ ขตฺติยาทีสุ โย โกจิ. เตน สรณคมนเมเวตฺถ การณํ, น ชาติอาทิวิเสโสติ ทสฺเสติ. อุปาสนโตติ เตเนว สรณคมเนน ตตฺถ จ สกฺกจฺจกิริยาย อาทรคารวพหุมานาทิโยเคน ปยิรุปาสนโต. เวรมณิโยติ เวรํ วุจฺจติ ปาณาติปาตาทิทุสฺสีลฺยํ, ตสฺส มณนโต หนนโต วินาสนโต เวรมณิโย, ปฺจ วิรติโย วิรติปฺปธานตฺตา ตสฺส สีลสฺส. เตเนวาห ‘‘ปฏิวิรโต โหตี’’ติ.
มิจฺฉาวณิชฺชาติ น สมฺมาวณิชฺชา อยุตฺตวณิชฺชา อสารุปฺปวณิชฺชา. ปหายาติ อกรเณเนว ปชหิตฺวา. ธมฺเมนาติ ธมฺมโต อนเปเตน. เตน อฺมฺปิ อธมฺมิกํ ชีวิกํ ปฏิกฺขิปติ. สเมนาติ อวิสเมน. เตน กายวิสมาทิทุจฺจริตํ วชฺเชตฺวา กายสมาทินา สุจริเตน อาชีวํ ทสฺเสติ. สตฺถวณิชฺชาติ อายุธภณฺฑํ กตฺวา วา กาเรตฺวา วา ยถากตํ ¶ วา ปฏิลภิตฺวา ตสฺส วิกฺกโย. สตฺตวณิชฺชาติ มนุสฺสวิกฺกโย. มํสวณิชฺชาติ สูนการาทโย วิย มิคสูกราทิเก โปเสตฺวา มํสํ สมฺปาเทตฺวา วิกฺกโย. มชฺชวณิชฺชาติ ยํ กิฺจิ มชฺชํ โยเชตฺวา ตสฺส วิกฺกโย. วิสวณิชฺชาติ วิสํ โยเชตฺวา วิสํ คเหตฺวา วา ตสฺส วิกฺกโย. ตตฺถ สตฺถวณิชฺชา ปโรปโรธนิมิตฺตตาย อกรณียา วุตฺตา. สตฺตวณิชฺชา อภุชิสฺสภาวกรณโต, มํสวิสวณิชฺชา วธเหตุโต, มชฺชวณิชฺชา ปมาทฏฺานโต.
ตสฺเสวาติ ปฺจเวรมณิลกฺขณสฺส สีลสฺส เจว ปฺจมิจฺฉาวณิชฺชาลกฺขณสฺส อาชีวสฺส จ. วิปตฺตีติ เภโท ปโกโป จ. ยายาติ ยาย ปฏิปตฺติยา. จณฺฑาโลติ อุปาสกจณฺฑาโล. มลนฺติ อุปาสกมลํ. ปฏิกุฏฺโติ อุปาสกนิหีโน. พุทฺธาทีสุ กมฺมกมฺมผเลสุ จ สทฺธาวิปริยาโย อสฺสทฺธิยํ มิจฺฉาธิโมกฺโข, ยถาวุตฺเตน อสฺสทฺธิเยน สมนฺนาคโต อสฺสทฺโธ. ยถาวุตฺตสีลวิปตฺติอาชีววิปตฺติวเสน ทุสฺสีโล. ‘‘อิมินา ทิฏฺาทินา อิทํ นาม มงฺคลํ โหตี’’ติ – เอวํ พาลชนปริกปฺปิตโกตูหลสงฺขาเตน ทิฏฺสุตมุตมงฺคเลน สมนฺนาคโต โกตูหลมงฺคลิโก. มงฺคลํ ปจฺเจตีติ ทิฏฺมงฺคลาทิเภทํ มงฺคลเมว ปตฺติยายติ. โน กมฺมนฺติ ¶ กมฺมสฺสกตํ โน ปตฺติยายติ. อิโต พหิทฺธาติ อิโต สพฺพฺุพุทฺธสาสนโต พหิทฺธา พาหิรกสมเย. ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสตีติ ทุปฺปฏิปนฺนํ ทกฺขิณารหสฺี คเวสติ. ปุพฺพการํ กโรตีติ ทานมานนาทิกํ กุสลกิริยํ ปมตรํ กโรติ. เอตฺถ จ ทกฺขิเณยฺยปริเยสนปุพฺพกาเร เอกํ กตฺวา ปฺจ ธมฺมา เวทิตพฺพา.
วิปตฺติยํ วุตฺตวิปริยาเยน สมฺปตฺติ เวทิตพฺพา. อยํ ปน วิเสโส – จตุนฺนมฺปิ ปริสานํ รติชนนฏฺเน อุปาสโกว รตนํ อุปาสกรตนํ. คุณโสภากิตฺติสทฺทสุคนฺธตาหิ อุปาสโกว ปทุมํ อุปาสกปทุมํ. ตถา อุปาสกปุณฺฑรีโก.
อาทิมฺหีติ อาทิอตฺเถ. โกฏิยนฺติ ปริยนฺตโกฏิยํ. วิหารคฺเคนาติ โอวรกโกฏฺาเสน, ‘‘อิมสฺมึ คพฺเภ วสนฺตานํ อิทํ นาม ผลํ ปาปุณาตี’’ติอาทีนา ตํ ตํ วสนฏฺานโกฏฺาเสนาติ อตฺโถ. อชฺชตนฺติ อชฺช อิจฺเจว อตฺโถ.
ปาเณหิ ¶ อุเปตนฺติ อิมินา ตสฺส สรณคมนสฺส อาปาณโกฏิกตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตตี’’ติอาทีนิ วตฺวา ปุน ชีวิเตนปิ ตํ วตฺถุตฺตยํ ปฏิปูเชนฺโต สรณคมนํ รกฺขามีติ อุปฺปนฺนํ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิปฺปายํ วิภาเวนฺโต ‘‘อหฺหี’’ติอาทิมาห. ปาเณหิ อุเปตนฺติ หิ ยาว เม ปาณา ธรนฺติ, ตาว สรณํ อุเปตํ. อุเปนฺโต จ น วาจามตฺเตน น เอกวารํ จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน, อถ โข ปาณานํ ปริจฺจชนวเสนปิ ยาวชีวํ อุเปตนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๑๗-๑๙. สตฺตเม ชาณุสฺโสณีติ เนตํ ตสฺส มาตาปิตูหิ กตํ นามํ, อปิจ โข านนฺตรปฺปฏิลาภลทฺธนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ชาณุสฺโสณีติ านนฺตรํ กิรา’’ติอาทิ. เอกํ านนฺตรนฺติ เอกํ ปุโรหิตฏฺานํ. อุณฺหีสอาทิกกุธภณฺเฑหิ สทฺธึ ลทฺธํ ตถา จสฺส รฺา ทินฺนนฺติ วทนฺติ. เตนาห ‘‘รฺโ สนฺติเก จ ลทฺธชาณุสฺโสณิสกฺการตฺตา’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อฏฺมนวเมสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.
๒๐-๒๑. ทสเม ทุนฺนิกฺขิตฺตนฺติ ทุฏฺุ นิกฺขิตฺตํ ปทปจฺจาภฏฺํ กตฺวา มนสิ ปิตํ. ปชฺชติ ายติ อตฺโถ เอเตนาติ ปทํ, อตฺถํ พฺยฺชยติ ปกาเสตีติ พฺยฺชนํ, ปทเมว. เตเนวาห ‘‘อุปฺปฏิปาฏิยา…เป… พฺยฺชนนฺติ วุจฺจตี’’ติ. ปทสมุทายพฺยติเรเกน วิสุํ ปาฬิ นาม ¶ นตฺถีติ อาห ‘‘อุภยเมตํ ปาฬิยาว นาม’’นฺติ. ปกฏฺานฺหิ วจนปฺปพนฺธานํ อาฬิเยว ปาฬีติ วุจฺจติ. เสสเมตฺถ เอกาทสมฺจ อุตฺตานตฺถเมว.
อธิกรณวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.