📜

(๑๕) ๕. สมาปตฺติวคฺควณฺณนา

๑๖๔. ปฺจมสฺส ปเม ‘‘อิโต ปุพฺเพ ปริกมฺมํ ปวตฺตํ, อิโต ปรํ ภวงฺคํ มชฺเฌ สมาปตฺตี’’ติ เอวํ สห ปริกมฺเมน อปฺปนาปริจฺเฉทปฺปชานนา ปฺา สมาปตฺติกุสลตา. วุฏฺาเน กุสลภาโว วุฏฺานกุสลตา. ปเคว วุฏฺานปริจฺเฉทกาณนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

๑๖๕. ทุติเย อุชุโน ภาโว อชฺชวํ, อชิมฺหตา อกุฏิลตา อวงฺกตาติ อตฺโถ. อภิธมฺเมปิ (ธ. ส. ๑๓๔๖) วุตฺตํ – ‘‘ตตฺถ กตโม อชฺชโว? ยา อชฺชวตา อชิมฺหตา อกุฏิลตา อวงฺกตา, อยํ วุจฺจติ อชฺชโว’’ติ. อนชฺชวฺจ อชฺชวปฺปฏิกฺเขเปน เวทิตพฺพํ. โคมุตฺตวงฺกตา, จนฺทเลขาวงฺกตา, นงฺคลโกฏิวงฺกตาติ หิ ตโย อนชฺชวา. เอกจฺโจ หิ ภิกฺขุ ปมวเย มชฺฌิม-ปจฺฉิมวเย จ เอกวีสติยา อเนสนาสุ ฉสุ จ อโคจเรสุ จรติ, อยํ โคมุตฺตวงฺกตา นาม, อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา ปฏิปตฺติยา วงฺกภาวโต. เอโก ปมวเย ปจฺฉิมวเย จ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปูเรติ, ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม โหติ, มชฺฌิมวเย ปุริมสทิโส, อยํ จนฺทเลขาวงฺกตา นาม, ปฏิปตฺติยา มชฺฌฏฺาเน วงฺกภาวาปตฺติโต. เอโก ปมวเยปิ มชฺฌิมวเยปิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปูเรติ, ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม โหติ, ปจฺฉิมวเย ปุริมสทิโส, อยํ นงฺคลโกฏิวงฺกตา นาม, ปริโยสาเน วงฺกภาวาปตฺติโต. เอโก สพฺพมฺเปตํ วงฺกตํ ปหาย ตีสุ วเยสุ เปสโล ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม โหติ, ตสฺส โย โส อุชุภาโว, อิทํ อชฺชวํ นาม, สพฺพตฺถ อุชุภาวสิทฺธิโต.

มทฺทวนฺติ เอตฺถ ‘‘ลชฺชว’’นฺติปิ ปนฺติ. เอวํ ปเนตฺถ อตฺโถ – ‘‘ตตฺถ กตโม ลชฺชโว? โย หิรียติ หิรียิตพฺเพน หิรียติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา, อยํ วุจฺจติ ลชฺชโว’’ติ เอวํ วุตฺโต ลชฺชิภาโว ลชฺชวํ นาม. อิทํ ปเนตฺถ นิพฺพจนํ – ลชฺชตีติ ลชฺโช, หิริมา, ตสฺส ภาโว ลชฺชวํ, หิรีติ อตฺโถ. ลชฺชา เอตสฺส อตฺถีติ ลชฺชี ยถา ‘‘มาลี มายี’’ติ, ตสฺส ภาโว ลชฺชิภาโว, สา เอว ลชฺชา.

๑๖๖. ตติเย อธิวาสนขนฺตีติ เอตฺถ อธิวาสนํ วุจฺจติ ขมนํ. ตฺหิ ปเรสํ ทุกฺกฏํ ทุรุตฺตฺจ ปฏิวิโรธากรเณน อตฺตโน อุปริ อาโรเปตฺวา วาสนโต ‘‘อธิวาสน’’นฺติ วุจฺจติ. อธิวาสนลกฺขณา ขนฺติ อธิวาสนขนฺติ. สุจิสีลตา โสรจฺจํ. สา หิ โสภนกมฺมรตตา. สุฏฺุ วา ปาปโต โอรตภาโว วิรตตาติ อาห ‘‘สุรตภาโว’’ติ. เตเนว อภิธมฺเมปิ (ธ. ส. ๑๓๔๙) –

‘‘ตตฺถ กตมํ โสรจฺจํ? โย กายิโก อวีติกฺกโม วาจสิโก อวีติกฺกโม กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, อิทํ วุจฺจติ โสรจฺจํ, สพฺโพปิ สีลสํวโร โสรจฺจ’’นฺติ – อาคโต.

๑๖๗. จตุตฺเถ สขิโล วุจฺจติ สณฺหวาโจ, ตสฺส ภาโว สาขลฺยํ, สณฺหวาจตา. เตนาห ‘‘สณฺหวาจาวเสน สมฺโมทมานภาโว’’ติ. สณฺหวาจาวเสน หิ สมฺโมทมานสฺส ปุคฺคลสฺส ภาโว นาม สณฺหวาจตา. เตเนว อภิธมฺเม (ธ. ส. ๑๓๕๐) –

‘‘ตตฺถ กตมํ สาขลฺยํ? ยา สา วาจา อณฺฑกา กกฺกสา ปรกฏุกา ปราภิสชฺชนี โกธสามนฺตา อสมาธิสํวตฺตนิกา, ตถารูปึ วาจํ ปหาย ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา, ตถารูปึ วาจํ ภาสิตา โหติ, ยา ตตฺถ สณฺหวาจตา สขิลวาจตา อผรุสวาจตา, อิทํ วุจฺจติ สาขลฺย’’นฺติ วุตฺตํ.

ตตฺถ อณฺฑกาติ สโทเส สวเณ รุกฺเข นิยฺยาสปิณฺโฑ, อหิจฺฉตฺตาทีนิ วา อุฏฺิตานิ อณฺฑกานีติ วทนฺติ, เผคฺคุรุกฺขสฺส ปน กุถิตสฺส อณฺฑานิ วิย อุฏฺิตา จุณฺณปิณฺฑิโย วา คณฺิโย วา อณฺฑกา. อิธ ปน พฺยาปชฺชนกกฺกสาทิสภาวโต กณฺฏกปฺปฏิภาเคน วาจา อณฺฑกาติ วุตฺตา. ปทุมนาฬํ วิย โสตํ ฆํสยมานา ปวิสนฺตี กกฺกสา ทฏฺพฺพา. โกเธน นิพฺพตฺตา ตสฺส ปริวารภูตา โกธสามนฺตา. ปุเร สํวทฺธนารี โปรี. สา วิย สุกุมารา มุทุกา วาจา โปรี วิยาติ โปรี. สณฺหวาจตาติอาทินา ตํ วาจํ ปวตฺตมานํ ทสฺเสติ.

๑๖๘. ปฺจเม ‘‘อวิหึสาติ กรุณาปุพฺพภาโค’’ติ เอตฺตกเมว อิธ วุตฺตํ, ทีฆนิกายฏฺกถาย สงฺคีติสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๔) ปน ‘‘อวิหึสาติ กรุณาปิ กรุณาปุพฺพภาโคปี’’ติ วุตฺตํ. อภิธมฺเมปิ (วิภ. ๑๘๒) ‘‘ตตฺถ กตมา อวิหึสา? ยา สตฺเตสุ กรุณา กรุณายนา กรุณายิตตฺตํ กรุณาเจโตวิมุตฺติ, อยํ วุจฺจติ อวิหึสา’’ติ อาคตํ. เอตฺถาปิ หิ ยา กาจิ กรุณา ‘‘กรุณา’’ติ วุตฺตา, กรุณาเจโตวิมุตฺติ ปน อปฺปนาปฺปตฺตาว.

สุจิสทฺทโต ภาเว ยการํ อิการสฺส จ อุการาเทสํ กตฺวา อยํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘โสจพฺยํ สุจิภาโว’’ติ. เอตฺถ จ โสจพฺยนฺติ สีลวเสน สุจิภาโวติ วุตฺตํ. ทีฆนิกายฏฺกถาย สงฺคีติสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๔) ปน ‘‘โสเจยฺยนฺติ เมตฺตาย จ เมตฺตาปุพฺพภาคสฺส จ วเสน สุจิภาโว’’ติ วุตฺตํ. เตเนว อภิธมฺเมปิ ‘‘ตตฺถ กตมํ โสจพฺยํ? ยา สตฺเตสุ เมตฺติ เมตฺตายนา เมตฺตายิตตฺตํ เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ, อิทํ วุจฺจติ โสจพฺย’’นฺติ นิทฺเทโส กโต. เอตฺถาปิ หิ ‘‘เมตฺตี’’ติอาทินา ยา กาจิ เมตฺตา วุตฺตา, เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ ปน อปฺปนาปฺปตฺตาว.

๑๖๙-๑๗๑. ฉฏฺสตฺตมอฏฺมานิ เหฏฺา วุตฺตนยาเนว.

๑๗๒. นวเม กามํ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาโวปิ พลฏฺโ เอว, ปฏิปกฺเขหิ ปน อกมฺปนียตํ สาติสยํ พลฏฺโติ วุตฺตํ ‘‘มุฏฺสฺสจฺเจ อกมฺปเนนา’’ติอาทิ.

๑๗๓. ทสเม ปจฺจนีกธมฺมสมนโต สมโถ, สมาธีติ อาห ‘‘สมโถติ จิตฺเตกคฺคตา’’ติ. อนิจฺจาทินา วิวิเธนากาเรน ทสฺสนโต ปสฺสนโต วิปสฺสนา, ปฺาติ อาห ‘‘สงฺขารปริคฺคาหกาณ’’นฺติ.

๑๗๔. เอกาทสเม ทุสฺสีลฺยนฺติ สมาทินฺนสฺส สีลสฺส เภทกโร วีติกฺกโม. ทิฏฺิวิปตฺตีติ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตาย สมฺมาทิฏฺิยา ทูสิกา มิจฺฉาทิฏฺีติ อาห ‘‘ทิฏฺิวิปตฺตีติ มิจฺฉาทิฏฺี’’ติ.

๑๗๕. ทฺวาทสเม สีลสมฺปทาติ สพฺพภาคโต ตสฺส อนูนตาปตฺติ ปริปุณฺณภาโว สีลสมฺปทา. ปริปูรณตฺโถ เหตฺถ สมฺปทาสทฺโท. เตเนวาห ‘‘ปริปุณฺณสีลตา’’ติ. ทิฏฺิสมฺปทาติ อตฺถิกทิฏฺิอาทิสมฺมาทิฏฺิปาริปูริภาเวน ปวตฺตํ าณํ. ตฺจ กมฺมสฺสกตาสมฺมาทิฏฺิอาทิวเสน ปฺจวิธํ โหตีติ อาห ‘‘เตน กมฺมสฺสกตา’’ติ.

๑๗๖. เตรสเม สีลวิสุทฺธีติ วิสุทฺธึ ปาเปตุํ สมตฺถํ สีลํ, จิตฺตวิสุทฺธิอาทิอุปริวิสุทฺธิยา ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํ วิสุทฺธสีลนฺติ วุตฺตํ โหติ. สุวิสุทฺธเมว หิ สีลํ ตสฺสา ปทฏฺานํ โหติ. เตนาห ‘‘สีลวิสุทฺธีหิ วิสุทฺธิสมฺปาปกํ สีล’’นฺติ. เอตฺถาปิ วิสุทฺธิสมฺปาปกนฺติ จิตฺตวิสุทฺธิอาทิอุปริวิสุทฺธิยา สมฺปาปกนฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อภิธมฺเม (ธ. ส. ๑๓๗๒) ปนายํ ‘‘ตตฺถ กตมา สีลวิสุทฺธิ? กายิโก อวีติกฺกโม วาจสิโก อวีติกฺกโม กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, อยํ วุจฺจติ สีลวิสุทฺธี’’ติ เอวํ วิภตฺตา.

ทิฏฺิวิสุทฺธีติ วิสุทฺธึ ปาเปตุํ สมตฺถํ ทสฺสนาณํ ทสฺสนวิสุทฺธิ, ปรมตฺถวิสุทฺธึ นิพฺพานฺจ ปาเปตุํ อุปเนตุํ สมตฺถํ กมฺมสฺสกตาณาทิ สมฺมาทสฺสนนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘วิสุทฺธิสมฺปาปิกา…เป… ปฺจวิธาปิ วา สมฺมาทิฏฺี’’ติ. เอตฺถาปิ วิสุทฺธิสมฺปาปิกาติ าณทสฺสนวิสุทฺธิยา ทสฺสนนิพฺพานสงฺขาตาย ปรมตฺถวิสุทฺธิยา จ สมฺปาปิกาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อภิธมฺเม (ธ. ส. ๑๓๗๓) ปนายํ ‘‘ตตฺถ กตมา ทิฏฺิวิสุทฺธิ? กมฺมสฺสกตาณํ, สจฺจานุโลมิกํ าณํ, มคฺคสฺส มคฺคสมงฺคิสฺส าณํ, ผลสมงฺคิสฺส าณ’’นฺติ เอวํ วุตฺตํ.

เอตฺถ จ อิทํ อกุสลกมฺมํ โน สกํ, อิทํ ปน กมฺมํ สกนฺติ เอวํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ กมฺมสฺสกตชานนาณํ กมฺมสฺสกตาณํ. ติวิธทุจฺจริตฺหิ อตฺตนา กตมฺปิ ปเรน กตมฺปิ โน สกกมฺมํ นาม โหติ อตฺถภฺชนโต, สุจริตํ สกกมฺมํ นาม อตฺถชนนโต. วิปสฺสนาาณํ ปน วจีสจฺจฺจ อนุโลเมติ, ปรมตฺถสจฺจฺจ น วิโลเมตีติ สจฺจานุโลมิกาณนฺติ วุตฺตํ. วิปสฺสนาาณฺหิ ลกฺขณานิ ปฏิวิชฺฌนตฺถํ อารมฺภกาเล ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ ปวตฺตํ วจีสจฺจฺจ อนุโลเมติ, ตเถว ปฏิวิชฺฌนโต ปรมตฺถสจฺจํ นิพฺพานฺจ น วิโลเมติ น วิราเธติ เอกนฺเตเนว สมฺปาปนโต.

๑๗๗. จุทฺทสเม ทิฏฺิวิสุทฺธีติ ปมมคฺคสมฺมาทิฏฺิ วุตฺตา. ยถาทิฏฺิสฺส จ ปธานนฺติ ตํสมฺปยุตฺตเมว วีริยํ. เตเนว ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๔) ‘‘ทิฏฺิวิสุทฺธีติ าณทสฺสนํ กถิตํ. ยถาทิฏฺิสฺส จ ปธานนฺติ ตํสมฺปยุตฺตเมว วีริย’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถ หิ าณทสฺสนนฺติ าณภูตํ ทสฺสนํ. เตน ทสฺสนมคฺคํ วทติ. ตํสมฺปยุตฺตเมว วีริยนฺติ ปมมคฺคสมฺปยุตฺตวีริยมาห. อปิจ ทิฏฺิวิสุทฺธีติ สพฺพาปิ มคฺคสมฺมาทิฏฺิ. ยถาทิฏฺิสฺส จ ปธานนฺติ ตํสมฺปยุตฺตเมว วีริยํ. เตเนว ทีฆนิกายฏฺกถายํ ‘‘อปิจ ปุริมปเทน จตุมคฺคาณํ, ปจฺฉิมปเทน ตํสมฺปยุตฺตํ วีริย’’นฺติ วุตฺตํ.

อถ วา ทิฏฺีวิสุทฺธีติ กมฺมสฺสกตาณาทิสงฺขาตา สพฺพาปิ สมฺมาทิฏฺิ วุตฺตา. ยถาทิฏฺิสฺส จ ปธานนฺติ โย เจตสิโก วีริยารมฺโภ…เป… สมฺมาวายาโมติ. อยเมว ปาฬิยา สเมติ. อภิธมฺเม หิ ‘‘ทิฏฺิวิสุทฺธิ โข ปนาติ ยา ปฺา ปชานนา…เป… อโมโห ธมฺมวิจโย สมฺมาทิฏฺิ. ยถาทิฏฺิสฺส จ ปธานนฺติ โย เจตสิโก วีริยารมฺโภ…เป… สมฺมาวายาโม’’ติ เอวมยํ ทุโก วิภตฺโต. เตเนว อภิธมฺมฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๓๗๔) ‘‘ยา ปฺา ปชานนาติอาทีหิ เหฏฺา วุตฺตานิ กมฺมสฺสกตาณาทีเนว จตฺตาริ าณานิ วิภตฺตานิ. ‘โย เจตสิโก วีริยารมฺโภ’ติอาทีหิ ปเทหิ นิทฺทิฏฺํ วีริยํ คหิตํ ปฺาย โลกิยฏฺาเน โลกิยํ, โลกุตฺตรฏฺาเน โลกุตฺตร’’นฺติ วุตฺตํ.

อิธาปิ วิสุทฺธิสมฺปาปิกา จตุมคฺคสมฺมาทิฏฺิ, ปฺจวิธาปิ วา สมฺมาทิฏฺิ ทิฏฺิวิสุทฺธีติ อธิปฺปาเยน ‘‘ทิฏฺิวิสุทฺธีติ วิสุทฺธิสมฺปาปิกา สมฺมาทิฏฺิเยวา’’ติ วุตฺตํ. เหฏฺิมมคฺคสมฺปยุตฺตํ วีริยนฺติ อิทํ ปน ‘‘ยถาทิฏฺิสฺส จ ปธานนฺติ ปมมคฺคสมฺปยุตฺตํ วีริยนฺติ วุตฺต’’นฺติ อธิปฺปาเยน วทติ. เอตฺถ จ ตํตํภาณกานํ มตเภเทนายํ วณฺณนาเภโทติ น อฏฺกถาวจนานํ อฺมฺวิโรโธ สงฺกิตพฺโพ. อถ ยถาทิฏฺิสฺส จ ปธานนฺติ เหฏฺิมมคฺคสมฺปยุตฺตเมว วีริยํ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตฺหิ ตสฺสา ทิฏฺิยา อนุรูปตฺตา’’ติอาทิ. ตตฺถ ตสฺสา ทิฏฺิยาติ เหฏฺิมมคฺคสมฺปยุตฺตาย ทิฏฺิยา. ยถาทิฏฺิสฺสาติ อนุรูปทิฏฺิสฺส กลฺยาณทิฏฺิสฺส นิพฺพตฺติตปฺปการทิฏฺิสฺส วา นิพฺพตฺเตตพฺพปธานานุรูปทิฏฺิสฺส ยถาทิฏฺิปฺปวตฺตกิริยสฺส วาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺถํ สํวณฺณยนฺติ.

๑๗๘. ปนฺนรสเม สมตฺตํ ตุสฺสนํ ติตฺติ สนฺตุฏฺิ, นตฺถิ เอตสฺส สนฺตุฏฺีติ อสนฺตุฏฺิ, อสนฺตุฏฺิสฺส ภาโว อสนฺตุฏฺิตา. ยา กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย อสนฺตุฏฺสฺส ภิยฺโยกมฺยตา, ตสฺสา เอตํ อธิวจนํ. ตาย หิ สมงฺคิภูโต ปุคฺคโล สีลํ ปูเรตฺวา ฌานํ อุปฺปาเทติ, ฌานํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ อารภติ, อารทฺธวิปสฺสโก อรหตฺตํ อคฺคเหตฺวา อนฺตรา โวสานํ นาปชฺชติ, ‘‘อลเมตฺตาวตา กตเมตฺตาวตา’’ติ สงฺโกจํ น ปาปุณาติ. เตนาห ‘‘อฺตฺร อรหตฺตมคฺคา กุสเลสุ ธมฺเมสุ อสนฺตุฏฺิภาโว’’ติ. ตตฺร อฺตฺร อรหตฺตมคฺคาติ อรหตฺตมคฺคสมฺปตฺตํ วินาติ อตฺโถ. ‘‘อปฺปฏิวานิตา จ ปธานสฺมิ’’นฺติ อิทํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมวาติ น วิภตฺตํ.

๑๗๙. โสฬสเม มุฏฺา นฏฺา สติ เอตสฺสาติ มุฏฺสฺสติ, ตสฺส ภาโว มุฏฺสฺสจฺจนฺติ อาห ‘‘มุฏฺสฺสจฺจนฺติ มุฏฺสฺสติภาโว’’ติ. มุฏฺสฺสติภาโวติ จ สติปฺปฏิปกฺโข ธมฺโม, น สติยา อภาวมตฺตํ. อสมฺปชฺนฺติ ‘‘ตตฺถ กตมํ อสมฺปชฺํ? ยํ อฺาณํ อทสฺสนํ…เป… อวิชฺชาลงฺฆี โมโห อกุสลมูล’’นฺติ (ธ. ส. ๑๓๕๗) เอวํ วุตฺตา อวิชฺชาเยว. ตถา หิ วิชฺชาปฏิปกฺโข อวิชฺชา วิชฺชาย ปหาตพฺพโต, เอวํ สมฺปชฺปฺปฏิปกฺโข อสมฺปชฺํ . ยสฺมา ปน สมฺปชฺปฺปฏิปกฺเข สติ ตสฺส วเสน าณสฺส อภาโว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อฺาณภาโว’’ติ.

๑๘๐. สตฺตรสเม อปิลาปนลกฺขณา สตีติ อุทเก ลาพุ วิย เยน จิตฺตํ อารมฺมเณ ปิลวิตฺวา วิย ติฏฺติ, น โอคาหติ, ตํ ปิลาปนํ. น ปิลาปนํ อปิลาปนํ, ตํ ลกฺขณํ สภาโว เอติสฺสาติ อปิลาปนลกฺขณา.

สมาปตฺติวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ตติยปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.