📜

๓. วินยเปยฺยาลํ

๒๐๑. อตฺถวเสติ วุทฺธิวิเสเส อานิสํสวิเสเส. เตสํ ปน สิกฺขาปทปฺตฺติการณตฺตา อาห ‘‘ทฺเว การณานิ สนฺธายา’’ติ. อตฺโถเยว วา อตฺถวโส, ทฺเว อตฺเถ ทฺเว การณานีติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา อตฺโถ ผลํ ตทธีนวุตฺติตาย วโส เอตสฺสาติ อตฺถวโส, การณนฺติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยถา ‘‘อนภิชฺฌา ธมฺมปท’’นฺติ วุตฺเต อนภิชฺฌา เอโก ธมฺมโกฏฺาโสติ อตฺโถ โหติ. เอวมิธาปิ สิกฺขาปทนฺติ สิกฺขาโกฏฺาโส สิกฺขาย เอโก ปเทโสติ อยเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพติ อาห ‘‘สิกฺขาปทํ ปฺตฺตนฺติ สิกฺขาโกฏฺาโส ปิโต’’ติ.

สงฺฆสุฏฺุ นาม สงฺฆสฺส สุฏฺุภาโว ‘‘สุฏฺุ เทวา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๓๙) อาคตฏฺาเน วิย ‘‘สุฏฺุ, ภนฺเต’’ติ วจนสมฺปฏิจฺฉนภาโว. เตนาห ‘‘สงฺฆสุฏฺุตายาติ สงฺฆสฺส สุฏฺุภาวายา’’ติอาทิ. ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหายาติ ทุมฺมงฺกู นาม ทุสฺสีลปุคฺคลา. เย มงฺกุตํ อาปาทิยมานาปิ ทุกฺเขน อาปชฺชนฺติ, วีติกฺกมํ กโรนฺตา วา กตฺวา วา น ลชฺชนฺติ, เตสํ นิคฺคหตฺถาย. เต หิ สิกฺขาปเท อสติ ‘‘กึ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ, กึ สุตํ, กึ อมฺเหหิ กตํ, กตรสฺมึ วตฺถุสฺมึ กตมํ อาปตฺตึ โรเปตฺวา อมฺเห นิคฺคณฺหถา’’ติ สงฺฆํ วิเหเสฺสนฺติ, สิกฺขาปเท ปน สติ เตสํ สงฺโฆ สิกฺขาปทํ ทสฺเสตฺวา ธมฺเมน วินเยน สตฺถุสาสเนน นิคฺคเหสฺสติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหายา’’ติ.

เปสลานํ ภิกฺขูนํ ผาสุวิหารายาติ เปสลานํ ปิยสีลานํ ภิกฺขูนํ ผาสุวิหารตฺถาย. ปิยสีลา หิ ภิกฺขู กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ สาวชฺชานวชฺชํ เวลํ มริยาทํ อชานนฺตา สิกฺขตฺตยปาริปูริยา ฆฏมานา กิลมนฺติ, อุพฺพาฬฺหา โหนฺติ, กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ ปน สาวชฺชานวชฺชํ เวลํ มริยาทฺจ ตฺวา สิกฺขตฺตยปาริปูริยา ฆเฏนฺตา น กิลมนฺติ, น อุพฺพาฬฺหา โหนฺติ. เตน เตสํ สิกฺขาปทปฺปฺาปนา ผาสุวิหาราย สํวตฺตติ. โย วา ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคโห, สฺเวว เอเตสํ ผาสุวิหาโร. ทุสฺสีลปุคฺคเล นิสฺสาย หิ อุโปสโถ น ติฏฺติ, ปวารณา น ติฏฺติ, สงฺฆกมฺมานิ นปฺปวตฺตนฺติ, สามคฺคี น โหติ, ภิกฺขู อเนกคฺคา อุทฺเทสปริปุจฺฉากมฺมฏฺานาทีนิ อนุยุฺชิตุํ น สกฺโกนฺติ. ทุสฺสีเลสุ ปน นิคฺคหิเตสุ สพฺโพปิ อยํ อุปทฺทโว น โหติ, ตโต เปสลา ภิกฺขู ผาสุ วิหรนฺติ. เอวํ ‘‘เปสลานํ ภิกฺขูนํ ผาสุวิหารายา’’ติ เอตฺถ ทฺวิธา อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

‘‘น โว อหํ, จุนฺท, ทิฏฺธมฺมิกานํเยว อาสวานํ สํวราย ธมฺมํ เทเสมี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๒) เอตฺถ วิวาทมูลภูตา กิเลสา อาสวาติ อาคตา.

‘‘เยน เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;

ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;

เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖) –

เอตฺถ เตภูมกํ กมฺมํ อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา. อิธ ปน ปรูปวาทวิปฺปฏิสารวธพนฺธนาทโย เจว อปายทุกฺขภูตา จ นานปฺปการา อุปทฺทวา อาสวาติ อาห – ‘‘ทิฏฺธมฺเม อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว วีติกฺกมปจฺจยา ปฏิลทฺธพฺพาน’’นฺติอาทิ. ยทิ หิ ภควา สิกฺขาปทํ น ปฺาเปยฺย, ตโต อสทฺธมฺมปฺปฏิเสวนอทินฺนาทานปาณาติปาตาทิเหตุ เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ ปรูปวาทาทโย ทิฏฺธมฺมิกา นานปฺปการา อนตฺถา, เย จ ตนฺนิมิตฺตเมว นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตสฺส ปฺวิธพนฺธนกมฺมการณาทิวเสน มหาทุกฺขานุภวนปฺปการา อนตฺถา, เต สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ. ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโว, ตตฺถ ภวา ทิฏฺธมฺมิกา. สมฺปเรตพฺพโต เปจฺจ คนฺตพฺพโต สมฺปราโย, ปรโลโก, ตตฺถ ภวา สมฺปรายิกา.

อกุสลเวรานนฺติ ปาณาติปาตาทิปฺจทุจฺจริตานํ. ตานิ เวรการณตฺตา ‘‘เวรานี’’ติ วุจฺจนฺติ, ปุคฺคเลสุ ปน อุปฺปชฺชมานานิ เวรานิ. เต เอว วา ทุกฺขธมฺมาติ เหฏฺา วุตฺตา วธพนฺธนาทโย. เตสํ ปกฺขุปจฺเฉทนตฺถายาติ เตสํ ปาปิจฺฉานํ ปกฺขุปจฺเฉทาย คณโภชนสทิสํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ. ปณฺฑิตมนุสฺสานนฺติ โลกิยปริกฺขกชนานํ. เต หิ สิกฺขาปทปฺตฺติยา สติ สิกฺขาปทปฺตฺตึ ตฺวา วา ยถาปฺตฺตํ ปฏิปชฺชมาเน ภิกฺขู ทิสฺวา วา – ‘‘ยานิ วต โลเก มหาชนสฺส รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนฏฺานานิ, เตหิ อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา อารกา วิหรนฺติ, ทุกฺกรํ วต กโรนฺติ, ภาริยํ วต กโรนฺตี’’ติ ปสาทํ อาปชฺชนฺติ วินยปิฏเก โปตฺถกํ ทิสฺวา มิจฺฉาทิฏฺิกตเวทิพฺราหฺมโณ วิย. อุปรูปริปสาทภาวายาติ ภิยฺโย ภิยฺโย ปสาทุปฺปาทนตฺถํ. เยปิ หิ สาสเน ปสนฺนา กุลปุตฺตา, เตปิ สิกฺขาปทปฺตฺตึ วา ตฺวา ยถาปฺตฺตํ ปฏิปชฺชมาเน ภิกฺขู วา ทิสฺวา ‘‘อโห, อยฺยา, ทุกฺกรการิโน, เย ยาวชีวํ เอกภตฺตํ พฺรหฺมจริยํ วินยสํวรํ อนุปาเลนฺตี’’ติ ภิยฺโย ภิยฺโย ปสีทนฺติ.

สทฺธมฺมสฺสจิรฏฺิตตฺถนฺติ ปริยตฺติสทฺธมฺโม, ปฏิปตฺติสทฺธมฺโม, อธิคมสทฺธมฺโมติ ติวิธสฺสปิ สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิตตฺถํ. ตตฺถ ปิฏกตฺตยสงฺคหิตํ สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ ปริยตฺติสทฺธมฺโม นาม. เตรส ธุตคุณา, จุทฺทส ขนฺธกวตฺตานิ, ทฺเวอสีติ มหาวตฺตานิ, สีลสมาธิวิปสฺสนาติ อยํ ปฏิปตฺติสทฺธมฺโม นาม. จตฺตาโร อริยมคฺคา จตฺตาริ จ สามฺผลานิ นิพฺพานฺจาติ อยํ อธิคมสทฺธมฺโม นาม. โส สพฺโพ ยสฺมา สิกฺขาปทปฺตฺติยา สติ ภิกฺขู สิกฺขาปทฺจ ตสฺส วิภงฺคฺจ ตทตฺถโชตนตฺถํ อฺฺจ พุทฺธวจนํ ปริยาปุณนฺติ, ยถาปฺตฺตฺจ ปฏิปชฺชมานา ปฏิปตฺตึ ปูเรตฺวา ปฏิปตฺติยา อธิคนฺตพฺพํ โลกุตฺตรธมฺมํ อธิคจฺฉนฺติ, ตสฺมา สิกฺขาปทปฺตฺติยา จิรฏฺิติโก โหติ.

ปฺจวิธสฺสปิวินยสฺสาติ ตทงฺควินยาทิวเสน ปฺจปฺปการสฺส วินยสฺส. วินยฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๓๙) ปน สิกฺขาปทปฺตฺติยา สติ สํวรวินโย จ ปหานวินโย จ สมถวินโย จ ปฺตฺติวินโย จาติ จตุพฺพิโธปิ วินโย อนุคฺคหิโต โหติ อุปตฺถมฺภิโต สุปตฺถมฺภิโต. เตน วุตฺตํ ‘‘วินยานุคฺคหายา’’ติ. ตตฺถ สํวรวินโยติ สีลสํวโร, สติสํวโร, าณสํวโร, ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติ ปฺจวิโธปิ สํวโร ยถาสกํ สํวริตพฺพานํ วิเนตพฺพานฺจ กายทุจฺจริตาทีนํ สํวรณโต สํวโร, วินยนโต วินโยติ วุจฺจติ. ปหานวินโยติ ตทงฺคปฺปหานํ, วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, สมุจฺเฉทปฺปหานํ, ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ, นิสฺสรณปฺปหานนฺติ ปฺจวิธมฺปิ ปหานํ ยสฺมา จาคฏฺเน ปหานํ, วินยนฏฺเน วินโย, ตสฺมา ปหานวินโยติ วุจฺจติ. สมถวินโยติ สตฺต อธิกรณสมถา. ปฺตฺติวินโยติ สิกฺขาปทเมว. สิกฺขาปทปฺตฺติยา หิ วิชฺชมานาย เอว สิกฺขาปทสมฺภวโต สิกฺขาปทสงฺขาโต ปฺตฺติวินโยติ สิกฺขาปทปฺตฺติยา อนุคฺคหิโต โหติ.

๒๐๒-๒๓๐. ภิกฺขูนํ ปฺจาติ นิทานปาราชิกสงฺฆาทิเสสานิยตวิตฺถารุทฺเทสวเสน ปฺจ ภิกฺขูนํ อุทฺเทสา. ภิกฺขุนีนํ จตฺตาโรติ ภิกฺขูนํ วุตฺเตสุ อนิยตุทฺเทสํ เปตฺวา อวเสสา จตฺตาโร.

เอหิภิกฺขูปสมฺปทาติ ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ วจนมตฺเตน ปฺตฺตอุปสมฺปทา. ภควา หิ เอหิภิกฺขุภาวาย อุปนิสฺสยสมฺปนฺนํ ปุคฺคลํ ทิสฺวา รตฺตปํสุกูลนฺตรโต สุวณฺณวณฺณํ ทกฺขิณหตฺถํ นีหริตฺวา พฺรหฺมโฆสํ นิจฺฉาเรนฺโต ‘‘เอหิ ภิกฺขุ, จร พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ วทติ. ตสฺส สเหว ภควโต วจเนน คิหิลิงฺคํ อนฺตรธายติ, ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ รุหติ, ภณฺฑุ กาสาววสโน โหติ – เอกํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา เอกํ อํเส เปตฺวา วามอํสกูเฏ อาสตฺตนีลุปฺปลวณฺณมตฺติกาปตฺโต.

‘‘ติจีวรฺจ ปตฺโต จ, วาสิ สูจิ จ พนฺธนํ;

ปริสฺสาวเนน อฏฺเเต, ยุตฺตโยคสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑๕; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๙๔; ๒.๓๔๙; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๑๙๘; ปารา. อฏฺ. ๔๕ ปทภาชนียวณฺณนา; อป. อฏฺ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา; พุ. วํ. อฏฺ. ๒๗.อวิทูเรนิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา; มหานิ. อฏฺ. ๒๐๖) –

เอวํ วุตฺเตหิ อฏฺหิ ปริกฺขาเรหิ สรีเร ปฏิมุกฺเกหิเยว วสฺสสติกตฺเถโร วิย อิริยาปถสมฺปนฺโน พุทฺธาจริยโก พุทฺธุปชฺฌายโก สมฺมาสมฺพุทฺธํ วนฺทมาโนเยว ติฏฺติ.

สรณคมนูปสมฺปทาติ ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติอาทินา นเยน ติกฺขตฺตุํ วาจํ ภินฺทิตฺวา วุตฺเตหิ ตีหิ สรณคมเนหิ อนุฺาตอุปสมฺปทา. โอวาทูปสมฺปทาติ โอวาทปฺปฏิคฺคหณอุปสมฺปทา. สา จ ‘‘ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ติพฺพํ เม หิโรตฺตปฺปํ, ปจฺจุปฏฺิตํ ภวิสฺสติ เถเรสุ นเวสุ มชฺฌิเมสู’ติ. เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ยํ กิฺจิ ธมฺมํ สุณิสฺสามิ กุสลูปสํหิตํ, สพฺพํ ตํ อฏฺึ กตฺวา มนสิ กริตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณิสฺสามี’ติ, เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘สาตสหคตา จ เม กายคตาสติ น วิชหิสฺสตี’ติ, เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) อิมินา โอวาทปฺปฏิคฺคหเณน มหากสฺสปตฺเถรสฺส อนุฺาตอุปสมฺปทา.

ปฺหพฺยากรณูปสมฺปทา นาม โสปากสฺส อนุฺาตอุปสมฺปทา. ภควา กิร ปุพฺพาราเม อนุจงฺกมนฺตํ โสปากสามเณรํ ‘‘อุทฺธุมาตกสฺาติ วา, โสปาก, รูปสฺาติ วา อิเม ธมฺมา นานตฺถา นานาพฺยฺชนา, อุทาหุ เอกตฺถา พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ ทส อสุภนิสฺสิเต ปฺเห ปุจฺฉิ. โส พฺยากาสิ. ภควา ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ‘‘กติวสฺโสสิ, ตฺวํ โสปากา’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺตวสฺโสหํ ภควาติ. โสปาก, ตฺวํ มม สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา ปฺเห พฺยากาสีติ อารทฺธจิตฺโต อุปสมฺปทํ อนุชานิ. อยํ ปฺหพฺยากรณูปสมฺปทา.

ตฺติจตุตฺถอุปสมฺปทา นาม ภิกฺขูนํ เอตรหิ อุปสมฺปทา. ครุธมฺมูปสมฺปทาติ ครุธมฺมปฺปฏิคฺคหเณน อุปสมฺปทา. สา จ มหาปชาปติยา อฏฺครุธมฺมปฺปฏิคฺคหเณน อนุฺาตา . อุภโตสงฺเฆ อุปสมฺปทา นาม ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุนิสงฺฆโต ตฺติจตุตฺเถน, ภิกฺขุสงฺฆโต ตฺติจตุตฺเถนาติ อิเมหิ ทฺวีหิ กมฺเมหิ อนุฺาตา อฏฺวาจิกูปสมฺปทา. ทูเตน อุปสมฺปทา นาม อฑฺฒกาสิยา คณิกาย อนุฺาตา อุปสมฺปทา.

ตฺติกมฺมํนว านานิ คจฺฉตีติ กตมานิ นว านานิ คจฺฉติ? โอสารณํ, นิสฺสารณํ, อุโปสโถ, ปวารณา, สมฺมุติ, ทานํ, ปฏิคฺคหํ, ปจฺจุกฺกฑฺฒนํ, กมฺมลกฺขณฺเว นวมนฺติ เอวํ วุตฺตานิ นว านานิ คจฺฉติ. ตตฺถ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปกฺโข, อนุสิฏฺโ โส มยา, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อาคจฺเฉยฺย, อาคจฺฉาหีติ วตฺตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๒๖) เอวํ อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส โอสารณา โอสารณา นาม.

‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺตา, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ ธมฺมกถิโก, อิมสฺส เนว สุตฺตํ อาคจฺฉติ, โน สุตฺตวิภงฺโค, โส อตฺถํ อสลฺลกฺเขตฺวา พฺยฺชนจฺฉายาย อตฺถํ ปฏิพาหติ. ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ วุฏฺาเปตฺวา อวเสสา อิมํ อธิกรณํ วูปสเมยฺยามา’’ติ เอวํ อุพฺพาหิกวินิจฺฉเย ธมฺมกถิกสฺส ภิกฺขุโน นิสฺสารณา นิสฺสารณา นาม.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺยา’’ติ เอวํ อุโปสถกมฺมวเสน ปิตา ตฺติ อุโปสโถ นาม.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อชฺช ปวารณา ปนฺนรสี. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ ปวาเรยฺยา’’ติ เอวํ ปวารณากมฺมวเสน ปิตา ตฺติ ปวารณา นาม.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปกฺโข. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามํ อนุสาเสยฺย’’นฺติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ อนุสาเสยฺยา’’ติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามํ อนฺตรายิเก ธมฺเม ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ อนฺตรายิเก ธมฺเม ปุจฺเฉยฺยา’’ติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามํ วินยํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ วินยํ ปุจฺเฉยฺยา’’ติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนาเมน วินยํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนาเมน วินยํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺยา’’ติ เอวํ อตฺตานํ วา ปรํ วา สมฺมนฺนิตุํ ปิตา ตฺติ สมฺมุติ นาม.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิทํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน นิสฺสคฺคิยํ สงฺฆสฺส นิสฺสฏฺํ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺยา’’ติ, ‘‘ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อายสฺมนฺตา อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺยุ’’นฺติ เอวํ นิสฺสฏฺจีวรปตฺตาทีนํ ทานํ ทานํ นาม.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ อาปตฺตึ สรติ วิวรติ อุตฺตานึ กโรติ เทเสติ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน อาปตฺตึ ปฏิคฺคณฺเหยฺย’’นฺติ, ‘‘ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน อาปตึ ปฏิคฺคณฺเหยฺย’’นฺติ, เตน วตฺตพฺโพ ‘‘ปสฺสสี’’ติ? อาม ปสฺสามีติ. ‘‘อายตึ สํวเรยฺยาสี’’ติ เอวํ อาปตฺติปฺปฏิคฺคโห ปฏิคฺคโห นาม.

‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺตา อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม กาเล ปวาเรยฺยามา’’ติ, เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา ตํ กาลํ อนุวเสยฺยุํ, อาวาสิเกน ภิกฺขุนา พฺยตฺเตน ปฏิพเลน อาวาสิกา ภิกฺขู าเปตพฺพา ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺตา อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม ชุณฺเห ปวาเรยฺยามา’’ติ เอวํ กตา ปวารณา ปจฺจุกฺกฑฺฒนา นาม.

สพฺเพเหว เอกชฺฌํ สนฺนิปติตพฺพํ, สนฺนิปติตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อมฺหากํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ วิหรตํ พหุ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํ. สเจ มยํ อิมาหิ อาปตฺตีหิ อฺมฺํ กาเรสฺสาม, สิยาปิ ตํ อธิกรณํ กกฺขฬตฺตาย วาฬตฺตาย เภทาย สํวตฺเตยฺย. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิมํ อธิกรณํ ติณวตฺถารเกน วูปสเมยฺย เปตฺวา ถุลฺลวชฺชํ, เปตฺวา คิหิปฏิสํยุตฺต’’นฺติ เอวํ ติณวตฺถารกสมเถ กตา สพฺพปมา สพฺพสงฺคาหิกตฺติ กมฺมลกฺขณํ นาม.

ตฺติทุติยํกมฺมํ สตฺต านานิ คจฺฉตีติ กตมานิ สตฺต านานิ คจฺฉติ? โอสารณํ , นิสฺสารณํ, สมฺมุติ, ทานํ, อุทฺธรณํ, เทสนํ, กมฺมลกฺขณฺเว สตฺตมนฺติ เอวํ วุตฺตานิ สตฺต านานิ คจฺฉติ. ตตฺถ วฑฺฒสฺส ลิจฺฉวิโน ปตฺตนิกฺกุชฺชนวเสน ขนฺธเก วุตฺตา นิสฺสารณา, ตสฺเสว ปตอุกฺกุชฺชนวเสน วุตฺตา โอสารณา จ เวทิตพฺพา. สีมาสมฺมุติ ติจีวเรน อวิปฺปวาสสมฺมุติ สนฺถตสมฺมุติ ภตฺตุทฺเทสกเสนาสนคฺคาหาปกภณฺฑาคาริก- จีวรปฺปฏิคฺคาหก-จีวรภาชก-ยาคุภาชก-ผลภาชก-ขชฺชภาชก-อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชก- สาฏิยคฺคาหาปก-ปตฺตคฺคาหาปก-อารามิกเปสก-สามเณรเปสกสมฺมุตีติ เอตาสํ สมฺมุตีนํ วเสน สมฺมุติ เวทิตพฺพา. กินจีวรทานมตกจีวรทานวเสน ทานํ เวทิตพฺพํ. กินุทฺธารณวเสน อุทฺธาโร เวทิตพฺโพ. กุฏิวตฺถุวิหารวตฺถุเทสนาวเสน เทสนา เวทิตพฺพา. ยา ปน ติณวตฺถารกสมเถ สพฺพสงฺคาหิกตฺติฺจ เอเกกสฺมึ ปกฺเข เอเกกํ ตฺติฺจาติ ติสฺโสปิ ตฺติโย เปตฺวา ปุน เอกสฺมึ ปกฺเข เอกา, เอกสฺมึ ปกฺเข เอกาติ ทฺเวปิ ตฺติทุติยกมฺมวาจา วุตฺตา. ตาสํ วเสน กมฺมลกฺขณํ เวทิตพฺพํ.

ตฺติจตุตฺถกมฺมํ สตฺต านานิ คจฺฉตีติ กตมานิ สตฺต านานิ คจฺฉติ? โอสารณํ, นิสฺสารณํ, สมฺมุติ, ทานํ, นิคฺคหํ, สมนุภาสนํ, กมฺมลกฺขณฺเว สตฺตมนฺติ เอวํ วุตฺตานิ สตฺต านานิ คจฺฉติ. ตตฺถ ตชฺชนียกมฺมาทีนํ สตฺตนฺนํ กมฺมานํ วเสน นิสฺสารณา, เตสํเยว จ กมฺมานํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสน โอสารณา เวทิตพฺพา. ภิกฺขุโนวาทกสมฺมุติวเสน สมฺมุติ เวทิตพฺพา. ปริวาสทานมานตฺตทานวเสน ทานํ เวทิตพฺพํ. มูลายปฏิกสฺสนกมฺมวเสน นิคฺคโห เวทิตพฺโพ. อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา, อฏฺ ยาวตติยกา, อริฏฺโ, จณฺฑกาฬี จ อิเมเต ยาวตติยกาติ อิมาสํ เอกาทสนฺนํ สมนุภาสนานํ วเสน สมนุภาสนา เวทิตพฺพา. อุปสมฺปทกมฺมอพฺภานกมฺมวเสน กมฺมลกฺขณํ เวทิตพฺพํ.

ธมฺมสมฺมุขตาติอาทีสุ เยน ธมฺเมน, เยน วินเยน, เยน สตฺถุสาสเนน สงฺโฆ กมฺมํ กโรติ, อยํ ธมฺมสมฺมุขตา, วินยสมฺมุขตา, สตฺถุสาสนสมฺมุขตา. ตตฺถ ธมฺโมติ ภูตวตฺถุ. วินโยติ โจทนา เจว สารณา จ. สตฺถุสาสนํ นาม ตฺติสมฺปทา เจว อนุสาวนสมฺปทา จ. ยาวติกา ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา, เต อาคตา โหนฺติ, ฉนฺทารหานํ ฉนฺโท อาหโฏ โหติ, สมฺมุขีภูตา นปฺปฏิกฺโกสนฺติ, อยํ สงฺฆสมฺมุขตา. ยสฺส สงฺโฆ กมฺมํ กโรติ, ตสฺส สมฺมุขีภาโว ปุคฺคลสมฺมุขตา. เสสเมตฺถ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมว.

อิติ มโนรถปูรณิยา องฺคุตฺตรนิกาย-อฏฺกถาย

ทุกนิปาตวณฺณนาย อนุตฺตานตฺถทีปนา สมตฺตา.

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

องฺคุตฺตรนิกาเย

ติกนิปาต-ฏีกา

๑. ปมปณฺณาสกํ