📜

๒. รถการวคฺโค

๑. าตสุตฺตวณฺณนา

๑๑. ทุติยสฺส ปเม าโตเยว ปฺาโตติ อาห ‘‘าโต ปฺาโต’’ติ. กสฺส อนนุโลมิเกติ อาห ‘‘สาสนสฺสา’’ติ, สาสนสฺส อนนุโลมิเก อปฺปติรูเปติ อตฺโถ. อิทานิ อนนุโลมิกสทฺทสฺส นิพฺพจนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘น อนุโลเมตีติ อนนุโลมิก’’นฺติ อาห . สาสนสฺสาติ วา สาสนนฺติ อตฺโถ. สาสนํ น อนุโลเมตีติ อนนุโลมิกนฺติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ. สภาควิสภาคนฺติ ลิงฺคโต สภาควิสภาคํ. ‘‘วิยปุคฺคเล’’ติ อาหาติ ลิงฺคสภาเคหิ อวิเสเสตฺวา อาห. อุมฺมาทํ ปาปุณีติ โส กิร สีลํ อธิฏฺาย ปิหิตทฺวารคพฺเภ สยนปิฏฺเ นิสีทิตฺวา ภริยํ อารพฺภ เมตฺตํ ภาเวนฺโต เมตฺตามุเขน อุปฺปนฺเนน ราเคน อนฺธีกโต ภริยาย สนฺติกํ คนฺตุกาโม ทฺวารํ อสลฺลกฺเขตฺวา ภิตฺตึ ภินฺทิตฺวาปิ นิกฺขมิตุกามตาย ภิตฺตึ ปหรนฺโต สพฺพรตฺตึ ภิตฺติยุทฺธมกาสิ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

าตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สารณียสุตฺตวณฺณนา

๑๒. ทุติเย จตุปาริสุทฺธิสีลมฺปิ ปพฺพชฺชานิสฺสิตเมวาติ อิมินา ปพฺพชฺชูปคตสมนนฺตรเมว จตุปาริสุทฺธิสีลมฺปิ สมาทินฺนเมว โหตีติ ทสฺเสติ. มคฺคสนฺนิสฺสิตาเนว โหนฺตีติ มคฺคาธิคมตฺถาย ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา กสิณปริกมฺมาทีนิ มคฺคสนฺนิสฺสิตาเนว โหนฺติ, ตสฺมา มคฺคคฺคหเณเนว เตสมฺปิ คหณํ เวทิตพฺพํ, เตหิ วินา มคฺคาธิคมสฺส อสมฺภวโตติ อธิปฺปาโย.

อคฺคมคฺคาธิคเมน อสมฺโมหปฺปฏิเวธสฺส สิขาปตฺตตฺตา มคฺคธมฺเมสุ วิย ผลธมฺเมสุปิ สาติสโย อสมฺโมโหติ ‘‘สยํ อภิฺา’’ติ วุตฺตํ, สามํ ชานิตฺวาติ อตฺโถ. ตถา ชานนา ปนสฺส สจฺฉิกรณํ อตฺตปจฺจกฺขกิริยาติ ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อตฺตนาว อภิวิสิฏฺาย ปฺาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา’’ติ. ตถา สจฺฉิกิริยา จสฺส อตฺตนิ ปฏิลาโภติ ‘‘อุปสมฺปชฺชา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปฏิลภิตฺวา’’ติ.

สารณียสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อาสํสสุตฺตวณฺณนา

๑๓. ตติเย สนฺโตติ เอตฺถ สนฺต-สทฺโท ‘‘ทีฆํ สนฺตสฺส โยชน’’นฺติอาทีสุ (ธ. ป. ๖๐) กิลนฺตภาเว อาคโต. ‘‘อยฺจ วิตกฺโก, อยฺจ วิจาโร สนฺโต โหนฺติ สมิตา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๕๗๖) นิรุทฺธภาเว. ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม, คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๖๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗-๘) สนฺตาณโคจรตายํ. ‘‘อุปสนฺตสฺส สทา สติมโต’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๗) กิเลสวูปสเม. ‘‘สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺตี’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๕๑) สาธูสุ. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, มหาโจรา สนฺโต สํวิชฺชมานา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๙๕) อตฺถิภาเว. อิธาปิ อตฺถิภาเวเยวาติ อาห ‘‘สนฺโตติ อตฺถิ อุปลพฺภนฺตี’’ติ. ตตฺถ อตฺถีติ โลกสงฺเกตวเสน สํวิชฺชนฺติ. อตฺถิภาโว เหตฺถ ปุคฺคลสมฺพนฺเธน วุตฺตตฺตา โลกสมฺาวเสเนว เวทิตพฺโพ, น ปรมตฺถวเสน. อตฺถีติ เจตํ นิปาตปทํ ทฏฺพฺพํ ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๑๐) วิย.

สํวิชฺชมานาติ อุปลพฺภมานา. ยฺหิ สํวิชฺชติ, ตํ อุปลพฺภติ. เตนาห ‘‘สํวิชฺชมานาติ ตสฺเสว เววจน’’นฺติ. อนาโสติ ปตฺถนารหิโต. เตนาห ‘‘อปตฺถโน’’ติ. อาสํสติ ปตฺเถตีติ อาสํโส. เวณุเวตฺตาทิวิลีเวหิ สุปฺปาทิภาชนการกา วิลีวการกา. มิคมจฺฉาทีนํ นิสาทนโต เนสาทา, มาควิกมจฺฉพนฺธาทโย. รเถสุ จมฺเมน นหนกรณโต รถการา, ธมฺมการา. ปุอิติ กรีสสฺส นามํ, ตํ กุเสนฺติ อปเนนฺตีติ ปุกฺกุสา, ปุปฺผจฺฉฑฺฑกา.

ทุพฺพณฺโณติ วิรูโป. โอโกฏิมโกติ อาโรหาภาเวน เหฏฺิมโก, รสฺสกาโยติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ลกุณฺฑโก’’ติ. ลกุ วิย ฆฏิกา วิย เฑติ ปวตฺตตีติ หิ ลกุณฺฑโก, รสฺโส. กณติ นิมีลตีติ กาโณ. ตํ ปนสฺส นิมีลนํ เอเกน อกฺขินา ทฺวีหิปิ จาติ อาห ‘‘เอกกฺขิกาโณ วา อุภยกฺขิกาโณ วา’’ติ. กุณนํ กุโณ, หตฺถเวกลฺลํ. ตํ เอตสฺส อตฺถีติ กุณี. ขฺโช วุจฺจติ ปาทวิกโล. เหฏฺิมกายสงฺขาโต สรีรสฺส ปกฺโข ปเทโส หโต อสฺสาติ ปกฺขหโต. เตนาห ‘‘ปีสปฺปี’’ติ. ปทีเป ปทีปเน เอตพฺพํ เนตพฺพนฺติ ปทีเปยฺยํ, เตลาทิอุปกรณํ.

อาสํ น กโรตีติ รชฺชาภิเสเก กนิฏฺโ ปตฺถนํ น กโรติ เชฏฺเ สติ กนิฏฺสฺส อนธิการตฺตา. อภิเสกํ อรหตีติ อภิเสการโห, น อภิเสการโห กาณกุณิอาทิโทสสมนฺนาคโต.

สีลสฺส ทุฏฺุ นาม นตฺถิ, ตสฺมา อภาวตฺโถ อิธ ทุ-สทฺโทติ อาห ‘‘นิสฺสีโล’’ติ. ‘‘ปาปํ ปาเปน สุกร’’นฺติอาทีสุ (อุทา. ๔๘; จูฬว. ๓๔๓) วิย ปาป-สทฺโท นิหีนปริยาโยติ อาห ‘‘ลามกธมฺโม’’ติ. สีลวิปตฺติยา วา ทุสฺสีโล. ทิฏฺิวิปตฺติยา ปาปธมฺโม. กายวาจาสํวรเภเทน วา ทุสฺสีโล, มโนสํวรเภเทน, สติสํวราทิเภเทน วา ปาปธมฺโม. อสุทฺธปฺปโยคตาย ทุสฺสีโล, อสุทฺธาสยตาย ปาปธมฺโม. กุสลสีลวิรเหน ทุสฺสีโล, อกุสลสีลสมนฺนาคเมน ปาปธมฺโม. อสุจีหีติ อปริสุทฺเธหิ. สงฺกาหิ สริตพฺพสมาจาโรติ ‘‘อิมสฺส มฺเ อิทํ กมฺม’’นฺติ เอวํ ปเรหิ สงฺกาย สริตพฺพสมาจาโร. เตนาห ‘‘กิฺจิเทวา’’ติอาทิ. อตฺตนาเยว วา สงฺกาหิ สริตพฺพสมาจาโรติ เอเตนปิ กมฺมสาธนตํเยว สงฺกสฺสรสทฺทสฺส ทสฺเสติ. อตฺตโน สงฺกาย ปเรสํ สมาจารกิริยํ สรติ อาสงฺกติ วิธาวตีติปิ สงฺกสฺสรสมาจาโรติ เอวเมตฺถ กตฺตุสาธนตาปิ ทฏฺพฺพา. ตสฺส หิ ทฺเว ตโย ชเน กเถนฺเต ทิสฺวา ‘‘มม โทสํ มฺเ กเถนฺตี’’ติ เตสํ สมาจารํ สงฺกาย สรติ ธาวติ.

เอวํปฏิฺโติ สลากคฺคหณาทีสุ ‘‘กิตฺตกา วิหาเร สมณา’’ติ คณนาย อารทฺธาย ‘‘อหมฺปิ สมโณ, อหมฺปิ สมโณ’’ติ ปฏิฺํ ทตฺวา สลากคฺคหณาทีนิ กโรตีติ สมโณ อหนฺติ เอวํสมณปฺปฏิฺโ. สุมฺภกปตฺตธเรติ มตฺติกาปตฺตธเร. ปูตินา กมฺเมนาติ สํกิลิฏฺกมฺเมน, นิคฺคุณตาย วา คุณสารวิรหิตตฺตา อนฺโตปูติ. กสมฺพุกจวโร ชาโต สฺชาโต อสฺสาติ กสมฺพุชาโตติ อาห ‘‘สฺชาตราคาทิกจวโร’’ติ. อถ วา กสมฺพุ วุจฺจติ ตินฺตกุณปกสฏํ อุทกํ, อิมสฺมิฺจ สาสเน ทุสฺสีโล นาม ชิคุจฺฉนียตฺตา ตินฺตกุณปอุทกสทิโส, ตสฺมา กสมฺพุ วิย ชาโตติ กสมฺพุชาโต. โลกุตฺตรธมฺมอุปนิสฺสยสฺส นตฺถิตายาติ ยตฺถ ปติฏฺิเตน สกฺกา ภเวยฺย อรหตฺตํ ลทฺธุํ, ตสฺสา ปติฏฺาย ภินฺนตฺตา วุตฺตํ. มหาสีลสฺมึ ปริปูรการิตายาติ ยตฺถ ปติฏฺิเตน สกฺกา ภเวยฺย อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ, ตสฺมึ ปริปูรการิตาย.

อาสํสสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา

๑๔. จตุตฺเถ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหีติ ทานปิยวจนอตฺถจริยาสมานตฺตตาสงฺขาเตหิ จตูหิ สงฺคหการเณหิ. จกฺกํ วตฺเตตีติ อาณาจกฺกํ ปวตฺเตติ. จกฺกนฺติ วา อิธ รตนจกฺกํ เวทิตพฺพํ. อยฺหิ จกฺกสทฺโท สมฺปตฺติยํ, ลกฺขเณ, รถงฺเค, อิริยาปเถ, ทาเน, รตนธมฺมขุรจกฺกาทีสุ จ ทิสฺสติ. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, จกฺกานิ, เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสาน’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๑) หิ สมฺปตฺติยํ ทิสฺสติ. ‘‘ปาทตเลสุ จกฺกานิ ชาตานี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๕; ๓.๒๐๔) เอตฺถ ลกฺขเณ. ‘‘จกฺกํว วหโต ปท’’นฺติ (ธ. ป. ๑) เอตฺถ รถงฺเค. ‘‘จตุจกฺกํ นวทฺวาร’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๙) เอตฺถ อิริยาปเถ. ‘‘ททํ ภุฺช มา จ ปมาโท, จกฺกํ วตฺตย สพฺพปาณิน’’นฺติ (ชา. ๑.๗.๑๔๙) เอตฺถ ทาเน. ‘‘ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุรโหสี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๔๓) เอตฺถ รตนจกฺเก. ‘‘มยา ปวตฺติตํ จกฺก’’นฺติ (สุ. นิ. ๕๖๒) เอตฺถ ธมฺมจกฺเก. ‘‘อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ (ชา. ๑.๕.๑๐๓) เอตฺถ ขุรจกฺเก. ‘‘ขุรปริยนฺเตน จกฺเกนา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๖) เอตฺถ ปหรณจกฺเก. ‘‘อสนิวิจกฺก’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๖๑) เอตฺถ อสนิมณฺฑเล. อิธ ปนายํ รตนจกฺเก ทฏฺพฺโพ.

กิตฺตาวตา ปนายํ จกฺกวตฺตี นาม โหติ? เอกงฺคุลทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ จกฺกรตนํ อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปวตฺตติ. สพฺพจกฺกวตฺตีนฺหิ นิสินฺนาสนโต อุฏฺหิตฺวา จกฺกรตนสมีปํ คนฺตฺวา หตฺถิโสณฺฑสทิสปนาฬึ สุวณฺณภิงฺคารํ อุกฺขิปิตฺวา อุทเกน อพฺภุกฺกิริตฺวา ‘‘อภิวิชินาตุ ภวํ จกฺกรตน’’นฺติ วจนสมนนฺตรเมว เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา จกฺกรตนํ ปวตฺตตีติ. ยสฺส ปวตฺติสมกาลเมว, โส ราชา จกฺกวตฺตี นาม โหติ.

ธมฺโมติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺโม, ทสวิธํ วา จกฺกวตฺติวตฺตํ. ทสวิเธ วา กุสลธมฺเม อครหิเต วา ราชธมฺเม นิยุตฺโตติ ธมฺมิโก. เตน จ ธมฺเมน สกลโลกํ รฺเชตีติ ธมฺมราชา. ธมฺเมน วา ลทฺธรชฺชตฺตา ธมฺมราชา. จกฺกวตฺตีหิ ธมฺเมน าเยน รชฺชํ อธิคจฺฉติ, น อธมฺเมน. ทสวิเธน จกฺกวตฺติวตฺเตนาติ ทสปฺปเภเทน จกฺกวตฺตีนํ วตฺเตน.

กึ ปน ตํ ทสวิธํ จกฺกวตฺติวตฺตนฺติ? วุจฺจเต –

‘‘กตมํ ปน ตํ, เทว, อริยํ จกฺกวตฺติวตฺตนฺติ? เตน หิ ตฺวํ, ตาต, ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ มาเนนฺโต ธมฺมํ ปูเชนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหสฺสุ อนฺโตชนสฺมึ พลกายสฺมึ ขตฺติเยสุ อนุยนฺเตสุ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคมชานปเทสุ สมณพฺราหฺมเณสุ มิคปกฺขีสุ. มา จ เต, ตาต, วิชิเต อธมฺมกาโร ปวตฺติตฺถ. เย จ เต, ตาต, วิชิเต อธนา อสฺสุ, เตสฺจ ธนมนุปฺปเทยฺยาสิ. เย จ เต, ตาต, วิชิเต สมณพฺราหฺมณา มทปฺปมาทา ปฏิวิรตา ขนฺติโสรจฺเจ นิวิฏฺา เอกมตฺตานํ ทเมนฺติ, เอกมตฺตานํ สเมนฺติ, เอกมตฺตานํ ปรินิพฺพาเปนฺติ. เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺเฉยฺยาสิ ปริคฺคณฺเหยฺยาสิ – ‘กึ, ภนฺเต, กุสลํ กึ อกุสลํ, กึ สาวชฺชํ กึ อนวชฺชํ, กึ เสวิตพฺพํ กึ น เสวิตพฺพํ, กึ เม กริยมานํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย อสฺส, กึ วา ปน เม กริยมานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อสฺสา’ติ. เตสํ สุตฺวา ยํ อกุสลํ, ตํ อภินิวชฺเชยฺยาสิ, ยํ กุสลํ, ตํ สมาทาย วตฺเตยฺยาสิ. อิทํ โข, ตาต, ตํ อริยํ จกฺกวตฺติวตฺต’’นฺติ –

เอวํ จกฺกวตฺติสุตฺเต (ที. นิ. ๓.๘๔) อาคตนเยน อนฺโตชนสฺมึ พลกาเย เอกํ, ขตฺติเยสุ เอกํ, อนุยนฺเตสุ เอกํ, พฺราหฺมณคหปติเกสุ เอกํ, เนคมชานปเทสุ เอกํ, สมณพฺราหฺมเณสุ เอกํ, มิคปกฺขีสุ เอกํ, อธมฺมการปฺปฏิกฺเขโป เอกํ, อธนานํ ธนานุปฺปทานํ เอกํ, สมณพฺราหฺมเณ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหปุจฺฉนํ เอกนฺติ เอวเมวํ ตํ จกฺกวตฺติวตฺตํ ทสวิธํ โหติ. คหปติเก ปน ปกฺขิชาเต จ วิสุํ กตฺวา คณฺหนฺตสฺส ทฺวาทสวิธํ โหติ.

อฺถา วตฺติตุํ อเทนฺโต โส ธมฺโม อธิฏฺานํ เอตสฺสาติ ตทธิฏฺานํ. เตน ตทธิฏฺาเนน เจตสา. สกฺกโรนฺโตติ อาทรกิริยาวเสน กโรนฺโต. เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. ครุํ กโรนฺโตติ ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกรณวเสน ครุํ กโรนฺโต. เตเนวาห ‘‘ตสฺมึ คารวุปฺปตฺติยา’’ติ. ธมฺมาธิปติภูตาคตภาเวนาติ อิมินา ยถาวุตฺตธมฺมสฺส เชฏฺกภาเวน ปุริมตรํ อตฺตภาเวสุ สกฺกจฺจํ สมุปจิตภาวํ ทสฺเสติ. ธมฺมวเสเนว จ สพฺพกิริยานํ กรเณนาติ เอเตน านนิสชฺชาทีสุ ยถาวุตฺตธมฺมนินฺนโปณปพฺภารภาวํ ทสฺเสติ. อสฺสาติ รกฺขาวรณคุตฺติยา. ปรํ รกฺขนฺโตติ อฺํ ทิฏฺธมฺมิกาทิอนตฺถโต รกฺขนฺโต. เตเนว ปรรกฺขสาธเนน ขนฺติอาทิคุเณน อตฺตานํ ตโต เอว รกฺขติ. เมตฺตจิตฺตตาติ เมตฺตจิตฺตตาย. นิวาสนปารุปนเคหาทีนิ สีตุณฺหาทิปฺปฏิพาหเนน อาวรณํ.

อนฺโตชนสฺมินฺติ อพฺภนฺตรภูเต ปุตฺตทาราทิชเน. สีลสํวเร ปติฏฺาเปนฺโตติ อิมินา รกฺขํ ทสฺเสติ. วตฺถคนฺธมาลาทีนิ จสฺส ททมาโนติ อิมินา อาวรณํ, อิตเรน คุตฺตึ. สมฺปทาเนนปีติ ปิ-สทฺเทน สีลสํวเรสุ ปติฏฺาปนาทีนํ สมฺปิณฺเฑติ. เอส นโย ปเรสุปิ ปิ-สทฺทคฺคหเณ. นิคโม นิวาโส เอเตสนฺติ เนคมา. เอวํ ชานปทาติ อาห ‘‘ตถา นิคมวาสิโน’’ติอาทินา.

รกฺขาวรณคุตฺติยา กายกมฺมาทีสุ สํวิทหนํ ปนํ นาม ตทุปเทโสเยวาติ วุตฺตํ ‘‘กเถตฺวา’’ติ. เอเตสูติ ปาฬิยํ วุตฺเตสุ สมณาทีสุ. ปฏิวตฺเตตุํ น สกฺกา ขีณานํ กิเลสานํ ปุน อนุปฺปชฺชนโต. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สเจตนสุตฺตวณฺณนา

๑๕. ปฺจเม อิสโย ปตนฺติ สนฺนิปตนฺติ เอตฺถาติ อิสิปตนนฺติ อาห ‘‘พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสงฺขาตาน’’นฺติอาทิ. สพฺพูปกรณานิ สชฺเชตฺวาติ สพฺพานิ รุกฺขสฺส เฉทนตจฺฉนาทิสาธนานิ อุปกรณานิ รฺา อาณตฺตทิวเสเยว สชฺเชตฺวา. นานา กรียติ เอเตนาติ นานากรณํ, นานาภาโวติ อาห ‘‘นานตฺต’’นฺติ. เนสนฺติ สรโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘น เอส’’นฺติ. ตถา อตฺเถสนฺติ เอตฺถาปีติ อาห ‘‘อตฺถิ เอส’’นฺติ. ปวตฺตนตฺถํ อภิสงฺขรณํ อภิสงฺขาโร, ตสฺส คติ เวคสา ปวตฺติ. ตํ สนฺธายาห ‘‘ปโยคสฺส คมน’’นฺติ.

สคณฺฑาติ ขุทฺทานุขุทฺทกคณฺฑา. เตนาห ‘‘อุณฺณโตณตฏฺานยุตฺตา’’ติ. สกสาวาติ สกสฏา. เตนาห ‘‘ปูติสาเรนา’’ติอาทิ. เอวํ คุณปตเนน ปติตาติ ยถา ตํ จกฺกํ นาภิอรเนมีนํ สโทสตาย น ปติฏฺาสิ, เอวเมกจฺเจ ปุคฺคลา กายวงฺกาทิวเสน สโทสตาย คุณปตเนน ปติตา สกฏฺาเน น ติฏฺนฺติ. เอตฺถ จ ผรุสวาจาทโยปิ อปายคมนียา โสตาปตฺติมคฺเคเนว ปหียนฺตีติ ทฏฺพฺพา.

สเจตนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. อปณฺณกสุตฺตวณฺณนา

๑๖. ฉฏฺเ วิรชฺฌนกิริยา นาม ปจฺฉา สมาทาตพฺพตาย อปณฺณกปฺปโยคสมาทานา วิย โหติ, อวิรชฺฌนกิริยา ปน ปจฺฉา อสมาทาตพฺพตาย อนูนาติ ตํสมงฺคิปุคฺคโล อปณฺณโก, ตสฺส ภาโว อปณฺณกตาติ อาห ‘‘อปณฺณกปฏิปทนฺติ อวิรทฺธปฏิปท’’นฺติอาทิ. ยสฺมา สา อธิปฺเปตตฺถสาธเนน เอกํสิกา วฏฺฏโต นิยฺยานาวหา, ตตฺถ จ ยุตฺติยุตฺตา อสาราปคตา อวิรุทฺธตาย อปจฺจนีกา อนุโลมิกา อนุธมฺมภูตา จ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอกํสปฏิปท’’นฺติอาทิ. น ตกฺกคฺคาเหน วา นยคฺคาเหน วาติ ตกฺกคฺคาเหน วา ปฏิปนฺโน น โหติ นยคฺคาเหน วา อปณฺณกปฏิปทํ ปฏิปนฺโน. ตตฺถ ตกฺกคฺคาเหน วาติ อาจริยํ อลภิตฺวา ‘‘เอวํ เม สุคติ, นิพฺพานํ วา ภวิสฺสตี’’ติ อตฺตโน ตกฺกคฺคหณมตฺเตน. นยคฺคาเหนาติ ปจฺจกฺขโต อทิสฺวา นยโต อนุมานโต คหเณน. เอวํ คเหตฺวา ปฏิปนฺโนติ ตกฺกมตฺเตน, นยคฺคาเหน วา ปฏิปนฺโน. ปณฺฑิตสตฺถวาโห วิย สมฺปตฺตีหิ น ปริหายตีติ โยชนา.

ยํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ปริหานฺจ อปริหานฺจ สนฺธาย ชาตเก (ชา. ๑.๑.๑) วุตฺตํ. อยํ ปเนตฺถ คาถาย อตฺถโยชนา – อปณฺณกํ านํ อวิรทฺธการณํ นิยฺยานิกการณํ เอเก โพธิสตฺตปฺปมุขา ปณฺฑิตมนุสฺสา คณฺหึสุ. เย ปน เต พาลสตฺถวาหปุตฺตปฺปมุขา ตกฺกิกา อาหุ, เต ทุติยํ สาปราธํ อเนกํสิกํ านํ อนิยฺยานิกํ การณํ อคฺคเหสุํ, เต กณฺหปฏิปทํ ปฏิปนฺนา. ตตฺถ สุกฺกปฏิปทา อปริหานิปฏิปทา, กณฺหปฏิปทา ปริหานิปฏิปทา, ตสฺมา เย สุกฺกปฏิปทํ ปฏิปนฺนา, เต อปริหีนา โสตฺถิภาวํ ปตฺตา. เย ปน กณฺหปฏิปทํ ปฏิปนฺนา, เต ปริหีนา อนยพฺยสนํ อาปนฺนาติ อิมมตฺถํ ภควา อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติโน วตฺวา อุตฺตริ อิทมาห ‘‘เอตทฺาย เมธาวี, ตํ คณฺเห ยทปณฺณก’’นฺติ.

ตตฺถ เอตทฺาย เมธาวีติ เมธาติ ลทฺธนามาย วิสุทฺธาย อุตฺตมาย ปฺาย สมนฺนาคโต กุลปุตฺโต เอตํ อปณฺณกํ านํ ทุติยฺจาติ ทฺวีสุ อตกฺกคฺคาหตกฺกคฺคาหสงฺขาเตสุ าเนสุ คุณโทสํ วุทฺธิหานึ อตฺถานตฺถํ ตฺวาติ อตฺโถ. ตํ คณฺเห ยทปณฺณกนฺติ ยํ อปณฺณกํ เอกํสิกํ สุกฺกปฏิปทาอปริหานิยปฏิปทาสงฺขาตํ นิยฺยานิกการณํ, ตเทว คณฺเหยฺย. กสฺมา? เอกํสิกาทิภาวโตเยว. อิตรํ ปน น คณฺเหยฺย. กสฺมา? อเนกํสิกาทิภาวโตเยว.

ยวนฺติ ตาย สตฺตา อมิสฺสิตาปิ สมานชาติตาย มิสฺสิตา วิย โหนฺตีติ โยนิ. สา ปน อตฺถโต อณฺฑาทิอุปฺปตฺติฏฺานวิสิฏฺโ ขนฺธานํ ภาคโส ปวตฺติวิเสโสติ อาห ‘‘ขนฺธโกฏฺาโส โยนิ นามา’’ติ. การณํ โยนิ นาม, โยนีติ ตํ ตํ ผลํ อนุปจิตาณสมฺภาเรหิ ทุรวคาธเภทตาย มิสฺสิตํ วิย โหตีติ. ยโต เอกตฺตนเยน โส เอวายนฺติ พาลานํ มิจฺฉาคาโห. ปสฺสาวมคฺโค โยนิ นาม ยวนฺติ ตาย สตฺตา โยนิสมฺพนฺเธน มิสฺสิตา โหนฺตีติ. ปคฺคหิตา อนุฏฺาเนน, ปุนปฺปุนํ อาเสวนาย ปริปุณฺณา.

‘‘จกฺขุโตปี’’ติอาทิมฺหิ ปน จกฺขุวิฺาณาทิวีถีสุ ตทนุคตมโนวิฺาณวีถีสุ จ กิฺจาปิ กุสลาทีนํ ปวตฺติ อตฺถิ, กามาสวาทโย เอว ปน วณโต ยูสํ วิย ปคฺฆรนกอสุจิภาเวน สนฺทนฺติ, ตสฺมา เต เอว ‘‘อาสวา’’ติ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ หิ ปคฺฆรนกอสุจิมฺหิ อาสวสทฺโท นิรุฬฺโหติ. ธมฺมโต ยาว โคตฺรภูติ ตโต ปรํ มคฺคผเลสุ อปฺปวตฺตนโต วุตฺตํ. เอเต หิ อารมฺมณกรณวเสน ธมฺเม คจฺฉนฺตา ตโต ปรํ น คจฺฉนฺติ. นนุ ตโต ปรํ ภวงฺคาทีนิปิ คจฺฉนฺตีติ เจ? น, เตสมฺปิ ปุพฺเพ อาลมฺพิเตสุ โลกิยธมฺเมสุ สาสวภาเวน อนฺโตคธตฺตา ตโต ปรตาภาวโต. เอตฺถ จ โคตฺรภุวจเนน โคตฺรภุโวทานผลสมาปตฺติปุเรจาริกปริกมฺมานิ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. ปมมคฺคปุเรจาริกเมว วา โคตฺรภุ อวธินิทสฺสนภาเวน คหิตํ, ตโต ปรํ ปน มคฺคผลสมานตาย อฺเสุ มคฺเคสุ มคฺควีถิยํ สมาปตฺติวีถียํ นิโรธานนฺตรฺจ ปวตฺตมาเนสุ ผเลสุ นิพฺพาเน จ อาสวานํ ปวตฺติ นิวาริตาติ เวทิตพฺพํ. สวนฺตีติ คจฺฉนฺติ, อารมฺมณกรณวเสน ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อวธิอตฺโถ อา-กาโร, อวธิ จ มริยาทาภิวิธิเภทโต ทุวิโธ. ตตฺถ มริยาทํ กิริยํ พหิ กตฺวา ปวตฺตติ ยถา ‘‘อาปาฏลีปุตฺตํ วุฏฺโ เทโว’’ติ. อภิวิธิ ปน กิริยํ พฺยาเปตฺวา ปวตฺตติ ยถา ‘‘อาภวคฺคํ ภควโต ยโส ปวตฺตตี’’ติ. อภิวิธิอตฺโถ จายมา-กาโร อิธ คหิโตติ วุตฺตํ ‘‘อนฺโตกรณตฺโถ’’ติ.

มทิราทโยติ อาทิ-สทฺเทน สินฺธวกาทมฺพริกาโปติกาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. จิรปาริวาสิยฏฺโ จิรปริวุฏฺตา ปุราณภาโว. อวิชฺชา นาโหสีติอาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ ภวตณฺหายา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๒) อิทํ สุตฺตํ สงฺคหิตํ. อวิชฺชาสวภวาสวานํ จิรปริวุฏฺตาย ทสฺสิตาย ตพฺภาวภาวิโน กามาสวสฺส จิรปริวุฏฺตา ทสฺสิตาว โหติ. อฺเสุ จ ยถาวุตฺเต ธมฺเม โอกาสฺจ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมาเนสุ มานาทีสุ วิชฺชมาเนสุ อตฺตตฺตนิยาทิคฺคาหวเสน อภิพฺยาปนํ มทกรณวเสน อาสวสทิสตา จ เอเตสํเยว, น อฺเสนฺติ เอเตสฺเวว อาสวสทฺโท นิรุฬฺโหติ ทฏฺพฺโพ. อายตํ อนาทิกาลิกตฺตา. ปสวนฺตีติ ผลนฺติ. น หิ กิฺจิ สํสารทุกฺขํ อตฺถิ, ยํ อาสเวหิ วินา อุปฺปชฺเชยฺย. ปุริมานิ เจตฺถาติ เอเตสุ จตูสุ อตฺถวิกปฺเปสุ ปุริมานิ ตีณิ. ยตฺถาติ เยสุ สุตฺตาภิธมฺมปฺปเทเสสุ. ตตฺถ ยุชฺชนฺติ กิเลเสสุเยว ยถาวุตฺตสฺส อตฺถตฺตยสฺส สมฺภวโต. ปจฺฉิมํ กมฺเมปีติ ปจฺฉิมํ ‘‘อายตํ วา สํสารทุกฺขํ สวนฺติ ปสวนฺตี’’ติ วุตฺตนิพฺพจนํ กมฺเมปิ ยุชฺชติ ทุกฺขปฺปสวนสฺส กิเลสกมฺมสาธารณตฺตา.

ทิฏฺธมฺมา วุจฺจนฺติ ปจฺจกฺขภูตา ขนฺธา, ทิฏฺธมฺเม ภวา ทิฏฺธมฺมิกา. วิวาทมูลภูตาติ วิวาทสฺส มูลการณภูตา โกธูปนาหมกฺขปลาสอิสฺสามจฺฉริยมายาสาเยฺยถมฺภสารมฺภมานาติมานา. เยน เทวูปปตฺยสฺสาติ เยน กมฺมกิเลสปฺปกาเรน อาสเวน เทเวสุ อุปปตฺติ นิพฺพตฺติ อสฺส มยฺหนฺติ สมฺพนฺโธ. คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม อากาสจารี อสฺสนฺติ วิภตฺตึ วิปริณาเมตฺวา โยเชตพฺพํ. เอตฺถ จ ยกฺขคนฺธพฺพวินิมุตฺตา สพฺพา เทวตา เทวคฺคหเณน คหิตา. นโฬ วุจฺจติ มูลํ, ตสฺมา วินฬีกตาติ วิคตนฬา วิคตมูลา กตาติ อตฺโถ. อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมาติ อกุสลกมฺมโต อวเสสา อกุสลา ธมฺมา อาสวาติ อาคตาติ สมฺพนฺโธ.

ปฏิฆาตายาติ ปฏิเสธนาย. ปรูปวาท…เป… อุปทฺทวาติ อิทํ ยทิ ภควา สิกฺขาปทํ น ปฺาเปยฺย, ตโต อสทฺธมฺมปฺปฏิเสวนอทินฺนาทานปาณาติปาตาทิเหตุ เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ ปรูปวาทาทโย ทิฏฺธมฺมิกา นานปฺปการา อนตฺถา, เย จ ตนฺนิมิตฺตเมว นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตสฺส ปฺจวิธพนฺธนกมฺมการณาทิวเสน มหาทุกฺขานุภวาทิปฺปการา อนตฺถา, เต สนฺธาย วุตฺตํ.

เตปเนเตติ เอเต กามราคาทิกิเลสเตภูมกกมฺมปรูปวาทาทิอุปฺปทฺทวปฺปการา อาสวา. ยตฺถาติ ยสฺมึ วินยาทิปาฬิปฺปเทเส. ยถาติ เยน ทุวิธาทิปฺปกาเรน อวเสเสสุ จ สุตฺตนฺเตสุ ติธา อาคตาติ สมฺพนฺโธ. นิรยํ คเมนฺตีติ นิรยคามินิยา. ฉกฺกนิปาเตติ ฉกฺกนิปาเต อาหุเนยฺยสุตฺเต (อ. นิ. ๖.๕๘). ตตฺถ หิ อาสวา ฉธา อาคตา.

สรสเภโทติ ขณิกนิโรโธ. ขีณากาโรติ อจฺจนฺตาย ขีณตา. อาสวา ขียนฺติ ปหียนฺติ เอเตนาติ อาสวกฺขโย, มคฺโค. อาสวานํ ขยนฺเต อุปฺปชฺชนโต อาสวกฺขโย, ผลํ. อาสวกฺขเยน ปตฺตพฺพโต อาสวา ขียนฺติ เอตฺถาติ อาสวกฺขโย, นิพฺพานํ. วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๕๗-๕๖๐) วิตฺถาริโต, ตสฺมา ตตฺถ, ตํ สํวณฺณนาย จ วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.

ตถาติ อิมินา วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตตํ อุปสํหรติ. กุสลปฺปวตฺตึ อาวรนฺติ นิวาเรนฺตีติ อาวรณียา. ปุริมปฺปวตฺติวเสนาติ นิทฺโทกฺกมนโต ปุพฺเพ กมฺมฏฺานสฺส ปวตฺติวเสน. เปตฺวาติ หตฺถคตํ กิฺจิ เปนฺโต วิย กมฺมฏฺานํ สติสมฺปชฺวเสน เปตฺวา กมฺมฏฺานเมว มนสิกโรนฺโต นิทฺทํ โอกฺกมติ, ฌานสมาปนฺโน วิย ยถาปริจฺฉินฺเนเนว กาเลน ปพุชฺฌมาโน กมฺมฏฺานํ ปิตฏฺาเน คณฺหนฺโตเยว ปพุชฺฌติ นาม. เตน วุตฺตํ ‘‘ตสฺมา…เป… นาม โหตี’’ติ. มูลกมฺมฏฺาเนติ อาทิโต ปฏฺาย ปริหริยมานกมฺมฏฺาเน. ปริคฺคหกมฺมฏฺานวเสนาติ สยนํ อุปคจฺฉนฺเตน ปริคฺคหมานกมฺมฏฺานมนสิการวเสน. โส ปน ธาตุมนสิการวเสน อิจฺฉิตพฺโพติ ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.

อปณฺณกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. อตฺตพฺยาพาธสุตฺตวณฺณนา

๑๗. สตฺตเม พฺยาพาธนํ ทุกฺขาปนนฺติ อาห ‘‘อตฺตพฺยาพาธายาติ อตฺตทุกฺขายา’’ติ. มคฺคผลจิตฺตุปฺปาทาปิ กายสุจริตาทิสงฺคโห เอวาติ อาห ‘‘อวาริตาเนวา’’ติ.

อตฺตพฺยาพาธสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. เทวโลกสุตฺตวณฺณนา

๑๘. อฏฺเม อิตีติ ปทสนฺธิพฺยฺชนสิลิฏฺตาติ ปุริมปทานํ ปจฺฉิมปเทหิ อตฺถโต สหิตตาย พฺยฺชนานํ วากฺยานํ สิลิฏฺตาย ทีปเน นิปาโต.

เทวโลกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปมปาปณิกสุตฺตวณฺณนา

๑๙. นวเม อุคฺฆาเฏตฺวาติ อาสนทฺวารฺเจว ภณฺฑปสิพฺพเก จ วิวริตฺวา. นาธิฏฺาตีติ ตํตํกยวิกฺกเย อตฺตนา โวโยคํ นาปชฺชติ. ทิวากาเลติ มชฺฌนฺหิกสมเย. อสฺสามิโก โหติ ตีสุปิ กาเลสุ ลทฺธพฺพลาภสฺส อลภนโต. อปติวาตาพาธํ รตฺติฏฺานํ. ฉายุทกสมฺปนฺนํ ทิวาฏฺานํ. วิปสฺสนาปิ วฏฺฏติ วิปสฺสนากมฺมิโกเยว. เตนปิ หิ นวธา อินฺทฺริยานํ ติกฺขตฺตํ อาปาเทนฺเตน สมาธินิมิตฺตํ คเหตพฺพํ, วิปสฺสนานิมิตฺตํ สมาหิตาการสลฺลกฺขณาย.

ปมปาปณิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทุติยปาปณิกสุตฺตวณฺณนา

๒๐. ทสเม วิสิฏฺธุโรติ วิสิฏฺธุรสมฺปคฺคาโห วีริยสมฺปนฺโน. าณวีริยายตฺตา หิ อตฺถสิทฺธิโย. เตนาห ‘‘อุตฺตมธุโร’’ติอาทิ. วิกฺกายิกภณฺฑนฺติ วิกฺกเยตพฺพภณฺฑํ. นิกฺขิตฺตธเนนาติ นิทหิตฺวา ปิตธนวเสน. วฬฺชนกวเสนาติ ทิวเส ทิวเส ทานูปโภควเสน วฬฺชิตพฺพธนวเสน. อุปโภคปริโภคภณฺเฑนาติ อุปโภคปริโภคูปกรเณน. นิปตนฺตีติ นิปาเตนฺติ, อตฺตโน ธนคฺคเหน นิปาตวุตฺติเก กโรนฺติ. เตนาห ‘‘นิมนฺเตนฺตี’’ติ.

าณถาเมนาติ าณสฺส ถิรภาเวน. าณปรกฺกเมนาติ าณสหิเตน วีริเยน. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถเภทฺหิ เยน สุเตน อิชฺฌติ, ตํ สุตํ นาม. อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกนิกาย…เป… พหุสฺสุตา’’ติ อาห. อาคโตติ สุปฺปวตฺติภาเวน สฺวาคโต. เตนาห ‘‘ปคุโณ ปวตฺติโต’’ติ. อภิธมฺเม อาคตา กุสลาทิกฺขนฺธาทิเภทภินฺนา ธมฺมา สุตฺตนฺตปิฏเกปิ โอตรนฺตีติ ‘‘ธมฺมธราติ สุตฺตนฺตปิฏกธรา’’อิจฺเจว วุตฺตํ. น หิ อาภิธมฺมิกภาเวน วินา นิปฺปริยายโต สุตฺตนฺตปิฏกฺุตา สมฺภวติ. ทฺเวมาติกาธราติ ภิกฺขุภิกฺขุนิมาติกาวเสน ทฺเวมาติกาธราติ วทนฺติ, ‘‘วินยาภิธมฺมมาติกาธรา’’ติ ยุตฺตํ. ปริปุจฺฉตีติ สพฺพภาเคน ปุจฺฉิตพฺพํ ปุจฺฉติ. เตนาห ‘‘อตฺถานตฺถํ การณาการณํ ปุจฺฉตี’’ติ. ปริคฺคณฺหาตีติ วิจาเรติ.

น เอวํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพติ เอวํ เทสนานุกฺกเมน อตฺโถ น คเหตพฺโพ. อฺโ หิ เทสนากฺกโม เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน ปวตฺตนโต, อฺโ ปฏิปตฺติกฺกโม. เหฏฺิเมน วา ปริจฺเฉโทติ สีลสมาธิปฺาสงฺขาเตสุ ตีสุ ภาเคสุ กตฺถจิ เหฏฺิมนเยน เทสนาย ปริจฺเฉทํ เวทิตพฺพํ สีเลน, กตฺถจิ อุปริเมน ภาเคน ปฺาย, กตฺถจิ ทฺวีหิปิ ภาเคหิ สีลปฺาวเสน. อิธ ปน สุตฺเต อุปริเมน ภาเคน ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพติ วตฺวา ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิมาห. ยสฺมา วา ภควา เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน ปมํ กลฺยาณมิตฺตํ ทสฺเสนฺโต อรหตฺตํ ปเวเทตฺวา ‘‘ตยิทํ อรหตฺตํ อิมาย อารทฺธวีริยตาย โหตี’’ติ ทสฺเสนฺโต วีริยารมฺภํ ปเวเทตฺวา ‘‘สฺวายํ วีริยารมฺโภ อิมินา กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน ภวตี’’ติ ทสฺเสนฺโต นิสฺสยสมฺปตฺตึ ปเวเทติ เหฏฺา ทสฺสิตนิทสฺสนานุรูปนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ทุติยปาปณิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

รถการวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.