📜
(๙) ๔. สมณวคฺโค
๑-๕. สมณสุตฺตาทิวณฺณนา
๘๒-๘๖. จตุตฺถสฺส ปเม สมฺมา อาทานํ คหณํ สมาทานนฺติ อาห ‘‘สมาทานํ วุจฺจติ คหณ’’นฺติ. อธิกํ วิสิฏฺํ สีลนฺติ อธิสีลํ. โลกิยสีลสฺส ¶ อธิสีลภาโว ปริยาเยนาติ นิปฺปริยายเมว ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจ สพฺพมฺปิ โลกิยสีล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สิกฺขิตพฺพโตติ อาเสวิตพฺพโต. ปฺจปิ ทสปิ วา สีลานิ สีลํ นาม, ปาติโมกฺขสํวโร อธิสีลํ นาม อนวเสสกายิกเจตสิกสํวรภาวโต มคฺคสีลสฺส ปทฏฺานภาวโต จ. อฏฺ สมาปตฺติโย จิตฺตํ, วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํ อธิจิตฺตํ มคฺคสมาธิสฺส อธิฏฺานภาวโต. กมฺมสฺสกตาณํ ปฺา, วิปสฺสนา อธิปฺา มคฺคปฺาย อธิฏฺานภาวโต. อปิจ นิพฺพานํ ¶ ปตฺถยนฺเตน สมาทินฺนํ ปฺจสีลํ ทสสีลมฺปิ อธิสีลเมว นิพฺพานาธิคมสฺส ปจฺจยภาวโต. นิพฺพานํ ปตฺถยนฺเตน สมาปนฺนา อฏฺ สมาปตฺติโยปิ อธิจิตฺตเมว.
‘‘กลฺยาณการี กลฺยาณํ, ปาปการี จ ปาปกํ;
อนุโภติ ทฺวยเมตํ, อนุพนฺธฺหิ การณ’’นฺติ. –
เอวํ อตีเต อนาคเต จ วฏฺฏมูลกทุกฺขสลฺลกฺขณวเสน สํเวควตฺถุตาย วิมุตฺติอากงฺขาย ปจฺจยภูตา กมฺมสฺสกตปฺาปิ อธิปฺาติ วทนฺติ. ทุติยตติยจตุตฺถปฺจมานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
สมณสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ปมสิกฺขาสุตฺตวณฺณนา
๘๗. ฉฏฺเ สมตฺตการีติ อนูเนน ปริปูเรน อากาเรน สมนฺนาคโต. สิกฺขาปทานํ ขุทฺทานุขุทฺทกตฺตํ อเปกฺขาสิทฺธนฺติ อาห ‘‘ตตฺราปิ สงฺฆาทิเสสํ ขุทฺทก’’นฺติอาทิ. องฺคุตฺตรมหานิกายวฬฺชนกอาจริยาติ องฺคุตฺตรนิกายํ ปริหรนฺตา อาจริยา, องฺคุตฺตรภาณกาติ วุตฺตํ โหติ. โลกวชฺชํ นาปชฺชติ โลกวชฺชสิกฺขาปทานํ วีติกฺกมสาธกสฺส กิเลสคหนสฺส สพฺพโส ปหีนตฺตา. ปณฺณตฺติวชฺชเมว อาปชฺชติ ปณฺณตฺติวีติกฺกมํ วา อชานโตปิ อาปตฺติสมฺภวโต. จิตฺเตน อาปชฺชนฺโต รูปิยปฺปฏิคฺคหณํ อาปชฺชตีติ อุปนิกฺขิตฺตสาทิเยน อาปชฺชติ.
พฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตานิ อาทิพฺรหฺมจริยานิ, ตานิ เอว อาทิพฺรหฺมจริยกานิ ยถา ‘‘วินโย เอว เวนยิโก’’ติ อาห ‘‘มคฺคพฺรหฺมจริยสฺสา’’ติอาทิ. จตฺตาริ มหาสีลสิกฺขาปทานีติ จตฺตาริ ปาราชิกานิ สนฺธาย ¶ วทติ. ปฏิปกฺขธมฺมานํ อนวเสสโต สวนโต ปคฺฆรณโต โสโต, อริยมคฺโคติ อาห ‘‘โสตสงฺขาเตน มคฺเคนา’’ติ. วินิปาเตติ วิรูปํ สทุกฺขํ สอุปายาสํ นิปาเตตีติ วินิปาโต, อปายทุกฺเข ขิปนโก. ธมฺโมติ สภาโว. นาสฺส วินิปาโต ธมฺโมติ อวินิปาตธมฺโม, น อตฺตานํ อปาเยสุ วินิปาตนสภาโวติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมา? เย ธมฺมา อปายคมนียา, เตสํ ปหีนตฺตา. เตนาห ‘‘อวินิปาตธมฺโมติ จตูสุ อปาเยสุ อปตนสภาโว’’ติ. ตตฺถ อปตนสภาโวติ อนุปฺปชฺชนสภาโว. โสตาปตฺติมคฺคนิยาเมน ¶ นิยโตติ อุปริมคฺคาธิคมสฺส อวสฺสํภาวีภาวโต นิยโต. เตเนวาห ‘‘สมฺโพธิปรายโณ’’ติ. เหฏฺิมนฺตโต สตฺตมภวโต อุปริ อนุปฺปชฺชนธมฺมตาย วา นิยโต. สมฺพุชฺฌตีติ สมฺโพธิ, อริยมคฺโค. โส ปน ปมมคฺคสฺส อธิคตตฺตา อวสิฏฺโ จ อธิคนฺตพฺพภาเวน อิจฺฉิตพฺโพติ อุปริมคฺคตฺตยสงฺขาตา สมฺโพธิ ปรํ อยนํ ปรา คติ อสฺสาติ สมฺโพธิปรายโณ. เตนาห ‘‘อุปริมคฺคตฺตยสมฺโพธิปรายโณ’’ติ.
ตนุภาวาติ ปริยุฏฺานมนฺทตาย จ กทาจิ กรหจิ อุปฺปตฺติยา จ ตนุภาเวน. ตนุตฺตฺหิ ทฺวีหิ การเณหิ เวทิตพฺพํ อธิจฺจุปฺปตฺติยา จ ปริยุฏฺานมนฺทตาย จ. สกทาคามิสฺส หิ วฏฺฏานุสาริมหาชนสฺส วิย กิเลสา อภิณฺหํ น อุปฺปชฺชนฺติ, กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ วิรฬาการา หุตฺวา วิรฬวาปิเต เขตฺเต องฺกุรา วิย. อุปฺปชฺชมานาปิ จ วฏฺฏานุสาริมหาชนสฺเสว มทฺทนฺตา ผรนฺตา ฉาเทนฺตา อนฺธการํ กโรนฺตา น อุปฺปชฺชนฺติ, มนฺทมนฺทา อุปฺปชฺชนฺติ ตนุกาการา หุตฺวา อพฺภปฏลมิว มกฺขิกาปตฺตมิว จ. ตตฺถ เกจิ เถรา ภณนฺติ ‘‘สกทาคามิสฺส กิเลสา กิฺจาปิ จิเรน อุปฺปชฺชนฺติ, พหลาว อุปฺปชฺชนฺติ. ตถา หิสฺส ปุตฺตา จ ธีตโร จ ทิสฺสนฺตี’’ติ. เอตํ ปน อปฺปมาณํ. ปุตฺตธีตโร หิ องฺคปจฺจงฺคปรามสนมตฺเตนปิ โหนฺตีติ. ทฺวีหิเยว การเณหิสฺส กิเลสานํ ตนุตฺตํ เวทิตพฺพํ อธิจฺจุปฺปตฺติยา จ ปริยุฏฺานมนฺทตาย จาติ.
เหฏฺาภาคิยานนฺติ เอตฺถ เหฏฺาติ มหคฺคตภูมิโต เหฏฺา, กามภูมิยนฺติ อตฺโถ. เตสํ ปจฺจยภาเวน เหฏฺาภาคสฺส หิตาติ เหฏฺาภาคิยา, เตสํ เหฏฺาภาคิยานํ, เหฏฺาภาคสฺส กามภวสฺส ปจฺจยภาเวน คหิตานนฺติ อตฺโถ. สํโยเชนฺติ พนฺธนฺติ ขนฺธคติภวาทีหิ ¶ ขนฺธคติภวาทโย, กมฺมํ วา ผเลนาติ สํโยชนานีติ อาห ‘‘สํโยชนานนฺติ พนฺธนาน’’นฺติ. อสมุจฺฉินฺนราคาทิกสฺส หิ เอตรหิ ขนฺธาทีนํ อายตึ ขนฺธาทีหิ สมฺพนฺโธ, สมุจฺฉินฺนราคาทิกสฺส ปน ตํ นตฺถิ, กตานมฺปิ กมฺมานํ อสมตฺถภาวาปตฺติโต ราคาทีนํ อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ สํโยชนฏฺโ สิทฺโธ. ปริกฺขเยนาติ สมุจฺเฉเทน.
โอปปาติโกติ อุปปาติกโยนิโก อุปปตเน สาธุการี. เสสโยนิปฏิกฺเขปวจนเมตํ. เตน คพฺภวาสทุกฺขาภาวมาห. ตตฺถ ปรินิพฺพายีติ อิมินา เสสทุกฺขาภาวํ. ตตฺถ ปรินิพฺพายิตา จสฺส กามโลเก ขนฺธพีชสฺส อปุนาคมนวเสเนวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อนาวตฺติธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. อุปริเยวาติ พฺรหฺมโลเกเยว. อนาวตฺติธมฺโมติ ตโต พฺรหฺมโลกา ปุนปฺปุนํ ปฏิสนฺธิวเสน น อาวตฺตนธมฺโม. เตนาห ‘‘โยนิคติวเสน อนาคมนธมฺโม’’ติ.
ปเทสํ ¶ ปเทสการี อาราเธตีติ สีลกฺขนฺธาทีนํ ปาริปูริยา เอกเทสภูตํ เหฏฺิมมคฺคตฺตยํ ปเทโส, ตํ กโรนฺโต ปเทสํ เอกเทสภูตํ เหฏฺิมํ ผลตฺตยเมว อาราเธติ, นิปฺผาเทตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปเทสการี ปุคฺคโล นาม โสตาปนฺโน’’ติอาทิ. ปริปูรํ ปริปูรการีติ สีลกฺขนฺธาทีหิ สทฺธินฺทฺริยาทีหิ จ ปริโต ปูรเณน ปริปูรสงฺขาตํ อรหตฺตมคฺคํ กโรนฺโต นิพฺพตฺเตนฺโต ปริปูรํ อรหตฺตผลํ อาราเธติ, นิปฺผาเทตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปริปูรการี นาม อรหา’’ติอาทิ.
ปมสิกฺขาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗-๑๐. ทุติยสิกฺขาสุตฺตาทิวณฺณนา
๘๘-๙๑. สตฺตเม กุลา กุลํ คมนโกติ กุลโต กุลํ คจฺฉนฺโต. ทฺเว วา ตโย วา ภเวติ เทวมนุสฺสวเสน ทฺเว วา ตโย วา ภเว. มิสฺสกภววเสน เหตํ วุตฺตํ. เทสนามตฺตเมว เจตํ ‘‘ทฺเว วา ตีณิ วา’’ติ. ยาว ฉฏฺภวา สํสรนฺโตปิ โกลํโกโลว โหติ. เตเนวาห ‘‘อยฺหิ ทฺเว วา ภเว…เป… เอวเมตฺถ วิกปฺโป ทฏฺพฺโพ’’ติ. อุฬารกุลวจโน วา เอตฺถ กุลสทฺโท, กุลโต กุลํ คจฺฉตีติ ¶ โกลํโกโล. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยโต ปฏฺาย หิ นีจกุเล อุปฺปตฺติ นาม นตฺถิ, มหาโภคกุเลสุ เอว นิพฺพตฺตตีติ อตฺโถ. เกวโล หิ กุลสทฺโท มหากุลเมว วทติ ‘‘กุลปุตฺโต’’ติอาทีสุ วิย. เอกพีชีติ เอตฺถ ขนฺธพีชํ นาม กถิตํ, ขนฺธพีชนฺติ จ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ วุจฺจติ. ยสฺส หิ โสตาปนฺนสฺส เอกํ ขนฺธพีชํ อตฺถิ, เอกํ ภวคฺคหณํ, โส เอกพีชี นาม. เตนาห ‘‘เอกสฺเสว ภวสฺส พีชํ เอตสฺส อตฺถีติ เอกพีชี’’ติ. ‘‘มานุสกํ ภว’’นฺติ อิทํ ปเนตฺถ เทสนามตฺตเมว, ‘‘เทวภวํ นิพฺพตฺเตตี’’ติปิ ปน วตฺตุํ วฏฺฏติเยว.
อุทฺธํวาหิภาเวน อุทฺธมสฺส ตณฺหาโสตํ วฏฺฏโสตํ วาติ อุทฺธํโสโต, อุทฺธํ วา คนฺตฺวา ปฏิลภิตพฺพโต อุทฺธมสฺส มคฺคโสตนฺติ อุทฺธํโสโต. ปฏิสนฺธิวเสน อกนิฏฺภวํ คจฺฉตีติ อกนิฏฺคามี. ยตฺถ กตฺถจีติ อวิหาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ. สปฺปโยเคนาติ วิปสฺสนาาณาภิสงฺขารสงฺขาเตน ปโยเคน สห, มหตา วิปสฺสนาปโยเคนาติ อตฺโถ. อุปหจฺจาติ เอตสฺส อุปคนฺตฺวาติ อตฺโถ. เตน เวมชฺฌาติกฺกโม กาลกิริยาปคมนฺจ สงฺคหิตํ โหติ, ตสฺมา อายุเวมชฺฌํ อติกฺกมิตฺวา ปรินิพฺพายนฺโต อุปหจฺจปรินิพฺพายี นาม โหตีติ อาห ‘‘โย ปน กปฺปสหสฺสายุเกสุ อวิเหสู’’ติอาทิ. โส ติวิโธ โหตีติ าณสฺส ติกฺขมชฺฌมุทุภาเวน ติวิโธ โหติ. เตนาห ‘‘กปฺปสหสฺสายุเกสู’’ติอาทิ.
สทฺธาธุเรน ¶ อภินิวิสิตฺวาติ ‘‘สเจ สทฺธาย สกฺกา นิพฺพตฺเตตุํ, นิพฺพตฺเตสฺสามิ โลกุตฺตรมคฺค’’นฺติ เอวํ สทฺธาธุรวเสน อภินิวิสิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา. ปฺาธุเรน อภินิวิฏฺโติ ‘‘สเจ ปฺาย สกฺกา, นิพฺพตฺเตสฺสามิ โลกุตฺตรมคฺค’’นฺติ เอวํ ปฺาธุรํ กตฺวา อภินิวิฏฺโ. ยถาวุตฺตเมว อฏฺวิธตฺตํ โกลํโกลสตฺตกฺขตฺตุปรเมสุ อติทิสนฺโต ‘‘ตถา โกลํโกลา สตฺตกฺขตฺตุปรมา จา’’ติ อาห. วุตฺตนเยเนว อฏฺ โกลํโกลา, อฏฺ สตฺตกฺขตฺตุปรมาติ วุตฺตํ โหติ.
ตตฺถ สตฺตกฺขตฺตุํ ปรมา ภวูปปตฺติ อตฺตภาวคฺคหณํ อสฺส, ตโต ปรํ อฏฺมํ ภวํ นาทิยตีติ สตฺตกฺขตฺตุปรโม. ภควตา คหิตนามวเสเนว เจตานิ อริยาย ชาติยา ชาตานํ เตสํ นามานิ ชาตานิ กุมารานํ มาตาปิตูหิ คหิตนามานิ วิย. เอตฺตกฺหิ านํ คโต ¶ เอกพีชี นาม โหติ, เอตฺตกํ โกลํโกโล, เอตฺตกํ สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ ภควตา เอเตสํ นามํ คหิตํ. นิยมโต ปน อยํ เอกพีชี, อยํ โกลํโกโล, อยํ สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ นตฺถิ. โก ปน เนสํ เอตํ ปเภทํ นิยเมตีติ? เกจิ ตาว เถรา ‘‘ปุพฺพเหตุ นิยเมตี’’ติ วทนฺติ, เกจิ ปมมคฺโค, เกจิ อุปริ ตโย มคฺคา, เกจิ ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนาติ.
ตตฺถ ‘‘ปุพฺพเหตุ นิยเมตี’’ติ วาเท ปมมคฺคสฺส อุปนิสฺสโย กโต นาม โหติ, ‘‘อุปริ ตโย มคฺคา นิรุปนิสฺสยา อุปฺปนฺนา’’ติ วจนํ อาปชฺชติ. ‘‘ปมมคฺโค นิยเมหี’’ติ วาเท อุปริ ติณฺณํ มคฺคานํ นิรตฺถกตา อาปชฺชติ. ‘‘อุปริ ตโย มคฺคา นิยเมนฺตี’’ติ วาเท ปมมคฺเค อนุปฺปนฺเนเยว อุปริ ตโย มคฺคา อุปฺปนฺนาติ อาปชฺชตีติ. ‘‘ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนา นิยเมตี’’ติ วาโท ปน ยุชฺชติ. สเจ หิ อุปริ ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนา พลวตี โหติ, เอกพีชี นาม โหติ, ตโต มนฺทตราย โกลํโกโล, ตโต มนฺทตราย สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ.
เอกจฺโจ หิ โสตาปนฺโน วฏฺฏชฺฌาสโย โหติ วฏฺฏาภิรโต, ปุนปฺปุนํ วฏฺฏสฺมึเยว จรติ สนฺทิสฺสติ. อนาถปิณฺฑิโก เสฏฺิ, วิสาขา อุปาสิกา, จูฬรถมหารถา เทวปุตฺตา, อเนกวณฺโณ เทวปุตฺโต, สกฺโก เทวราชา, นาคทตฺโต เทวปุตฺโตติ อิเม หิ เอตฺตกา ชนา วฏฺฏชฺฌาสยา วฏฺฏาภิรตา อาทิโต ปฏฺาย ฉ เทวโลเก โสเธตฺวา อกนิฏฺเ ตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, อิเม อิธ น คหิตา. น เกวลฺจิเมว, โยปิ มนุสฺเสสุเยว สตฺตกฺขตฺตุํ สํสริตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, โยปิ เทวโลเก นิพฺพตฺโต เทเวสุเยว สตฺตกฺขตฺตุํ อปราปรํ สํสริตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ. อิเมปิ อิธ น คหิตา, กาเลน เทเว, กาเลน มนุสฺเส สํสริตฺวา ¶ ปน อรหตฺตํ ปาปุณนฺโตว อิธ คหิโต, ตสฺมา ‘‘สตฺตกฺขตฺตุปรโม’’ติ อิทํ อิธฏฺกโวกิณฺณภวูปปตฺติกสุกฺขวิปสฺสกสฺส นามํ กถิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
‘‘สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา’’ติ (ปุ. ป. ๓๔) วจนโต ปฺจสุ สกทาคามีสุ จตฺตาโร วชฺเชตฺวา เอโกว คหิโต. เอกจฺโจ หิ อิธ สกทาคามิผลํ ปตฺวา อิเธว ปรินิพฺพายติ, เอกจฺโจ อิธ ปตฺวา เทวโลเก ปรินิพฺพายติ ¶ , เอกจฺโจ เทวโลเก ปตฺวา ตตฺเถว ปรินิพฺพายติ, เอกจฺโจ เทวโลเก ปตฺวา อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายติ. อิเม จตฺตาโรปิ อิธ น คหิตา. โย ปน อิธ ปตฺวา เทวโลเก ยาวตายุกํ วสิตฺวา ปุน อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, อยํ เอโกว อิธ คหิโตติ เวทิตพฺโพ.
อิทานิ ตสฺส ปเภทํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตีสุ ปน วิโมกฺเขสู’’ติอาทิมาห. อิมสฺส ปน สกทาคามิโน เอกพีชินา สทฺธึ กึ นานากรณนฺติ? เอกพีชิสฺส เอกาว ปฏิสนฺธิ, สกทาคามิสฺส ทฺเว ปฏิสนฺธิโย, อิทํ เตสํ นานากรณํ. สฺุตวิโมกฺเขน วิมุตฺตขีณาสโว ปฏิปทาวเสน จตุพฺพิโธ โหติ, ตถา อนิมิตฺตอปฺปณิหิตวิโมกฺเขหีติ เอวํ ทฺวาทส อรหนฺตา โหนฺตีติ อาห ‘‘ยถา ปน สกทาคามิโน, ตเถว อรหนฺโต ทฺวาทส เวทิตพฺพา’’ติ. อฏฺมนวมทสมานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
ทุติยสิกฺขาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. สงฺกวาสุตฺตวณฺณนา
๙๒. เอกาทสเม วิหารปฏิพทฺธนวกมฺมาทิภารํ หรติ ปวตฺเตตีติ ภารหาโร. เตเนวาห ‘‘นเว อาวาเส สมุฏฺาเปติ, ปุราเณ ปฏิชคฺคตี’’ติ. สิกฺขิตพฺพโต สิกฺขา, ปชฺชิตพฺพโต, ปชฺชนฺติ เอเตหีติ วา ปทานิ, สิกฺขาเยว ปทานิ สิกฺขาปทานีติ อาห ‘‘สิกฺขาสงฺขาเตหิ ปเทหี’’ติ. ทสฺเสตีติ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสติ, หตฺถามลกํ วิย ปากเฏ วิภูเต กตฺวา วิภาเวติ. คณฺหาเปตีติ เต ธมฺเม มนสา อนุปกฺขิเต ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺเธ กาเรนฺโต อุคฺคณฺหาเปติ. สมุสฺสาเหตีติ สมาธิมฺหิ อุสฺสาหํ ชเนติ. ปฏิลทฺธคุเณหีติ ตาย เทสนาย ตนฺนิสฺสยปจฺจตฺตปุริสกาเรน จ เตสํ ปฏิวิทฺธคุเณหิ. โวทาเปตีติ เตสํ จิตฺตสนฺตานํ อสฺสทฺธิยาทิกิเลสมลาปคมเนน ปภสฺสรํ กโรติ. สณฺหํ สณฺหํ กเถตีติ อติวิย สุขุมํ กตฺวา กเถติ.
อจฺจยนํ ¶ สาธุมริยาทํ มทฺทิตฺวา วีติกฺกมนํ อจฺจโยติ อาห ‘‘อปราโธ’’ติ. อจฺเจติ อติกฺกมติ เอเตนาติ วา อจฺจโย, วีติกฺกมสฺส ปวตฺตนโก อกุสลธมฺโม. โส เอว อปรชฺฌติ เอเตนาติ อปราโธ. โส หิ อปรชฺฌนฺตํ ปุริสํ อธิภวิตฺวา ปวตฺตติ. เตนาห ‘‘อติกฺกมฺม ¶ อธิภวิตฺวา ปวตฺโต’’ติ. ปฏิคฺคณฺหาตูติ อธิวาสนวเสน สมฺปฏิจฺฉตูติ อตฺโถติ อาห ‘‘ขมตู’’ติ. สเทวเกน โลเกน นิสฺสรณนฺติ อรณียโต อริโย, ตถาคโตติ อาห ‘‘อริยสฺส วินเยติ พุทฺธสฺส ภควโต สาสเน’’ติ. ปุคฺคลาธิฏฺานํ กโรนฺโตติ กามํ ‘‘วุทฺธิ เหสา’’ติ ธมฺมาธิฏฺานวเสน วากฺยํ อารทฺธํ, ตถาปิ เทสนํ ปน ปุคฺคลาธิฏฺานํ กโรนฺโต ‘‘สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ อาหาติ โยชนา.
สงฺกวาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
สมณวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.