📜
(๑๐) ๕. โลณกปลฺลวคฺโค
๑. อจฺจายิกสุตฺตวณฺณนา
๙๓. ปฺจมสฺส ปเม อติปาติกานีติ สีฆํ ปวตฺเตตพฺพานิ. กรณียานีติ เอตฺถ อวสฺสเก อนียสทฺโท ทฏฺพฺโพติ อาห ‘‘อวสฺสกิจฺจานี’’ติ. นิกฺขนฺตเสตงฺกุรานีติ พีชโต นิกฺขนฺตเสตงฺกุรานิ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
อจฺจายิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปวิเวกสุตฺตวณฺณนา
๙๔. ทุติเย สาเณหิ วาเกหิ นิพฺพตฺติตานิ สาณานิ. มิสฺสสาณานิ มสาณานิ น ภงฺคานิ. เอรกติณาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน อกฺกมกจิกทลิวากาทีนํ สงฺคโห. เอรกาทีหิ กตานิ หิ ฉวานิ ลามกานิ ทุสฺสานีติ ‘‘ฉวทุสฺสานี’’ติ วตฺตพฺพตํ ลภนฺติ. กุณฺฑกนฺติ ตนุตรํ ¶ ตณฺฑุลปฺปกรณํ. ปฺจ ทุสฺสีลฺยานีติ ปาณาติปาตาทีนิ ปฺจ. จตฺตาโร อาสวาติ กามาสวาทโย จตฺตาโร อาสวา. สีลคฺคปฺปตฺโตติ สีเลน, สีลสฺส วา อคฺคปฺปตฺโต.
ปวิเวกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สรทสุตฺตวณฺณนา
๙๕. ตติเย ¶ วิทฺเธติ ทูรีภูเต. ทูรภาโว จ อากาสสฺส วลาหกวิคเมน โหตีติ อาห ‘‘วลาหกวิคเมน ทูรีภูเต’’ติ. เตเนว หิ ‘‘วิทฺเธ วิคตวลาหเก’’ติ วุตฺตํ. นภํ อพฺภุสฺสกฺกมาโนติ อากาสํ อภิลงฺฆนฺโต. อิมินา ตรุณสูริยภาโว ทสฺสิโต. นาติทูโรทิเต หิ อาทิจฺเจ ตรุณสูริยสมฺา. ทุวิธเมวสฺส สํโยชนํ นตฺถีติ โอรมฺภาคิยอุทฺธมฺภาคิยวเสน ทุวิธมฺปิ สํโยชนํ อสฺส ปมชฺฌานลาภิโน อริยสาวกสฺส นตฺถิ. กสฺมา ปนสฺส อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนมฺปิ นตฺถีติ วุตฺตํ. โอรมฺภาคิยสํโยชนานเมว เหตฺถ ปหานํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อิตรมฺปี’’ติอาทิ, อิตรํ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนํ ปุน อิมํ โลกํ ปฏิสนฺธิวเสน อาเนตุํ อสมตฺถตาย นตฺถีติ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. ฌานลาภิโน หิ สพฺเพปิ อริยา พฺรหฺมโลกูปปนฺนา เหฏฺา น อุปฺปชฺชนฺติ, อุทฺธํ อุทฺธํ อุปฺปชฺชนฺตาปิ เวหปฺผลํ อกนิฏฺํ ภวคฺคฺจ ปตฺวา น ปุนฺตฺถ ชายนฺติ, ตตฺถ ตตฺเถว อรหตฺตํ ปตฺวา ปรินิพฺพายนฺติ. เตเนวาห ‘‘อิมสฺมึ สุตฺเต ฌานานาคามี นาม กถิโต’’ติ. ฌานวเสน หิ เหฏฺา น อาคจฺฉตีติ ฌานานาคามี.
สรทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปริสาสุตฺตวณฺณนา
๙๖. จตุตฺเถ ปจฺจยพาหุลฺลิกาติ จีวราทิพาหุลฺลาย ปฏิปนฺนา. อวีตตณฺหตาย หิ ตํ ตํ ปริกฺขารชาตํ พหุํ ลนฺติ อาทิยนฺตีติ พหุลา, เต เอว พาหุลิกา ยถา ‘‘เวนยิโก’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๖; อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘). เต ปจฺจยพาหุลฺลาย ยุตฺตปฺปยุตฺตา โหนฺตีติ จีวราทิพาหุลฺลาย ปฏิปนฺนา นาม โหนฺติ. สิกฺขาย อคารวภาวโต สิถิลํ อคาฬฺหํ คณฺหนฺตีติ สาถลิกา. สิถิลนฺติ จ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส. สิถิลสทฺเทน สมานตฺถสฺส สถลสทฺทสฺส วเสน สาถลิกาติ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. อวคมนฏฺเนาติ อโธคมนฏฺเน, โอรมฺภาคิยภาเวนาติ ¶ อตฺโถ. นิกฺขิตฺตธุราติ โอโรปิตธุรา อุชฺชิตุสฺสาหา. อุปธิวิเวโก นิพฺพานํ. ทุวิธมฺปิ วีริยนฺติ กายิกํ เจตสิกฺจ วีริยํ.
ภณฺฑนํ ¶ ชาตํ เอเตสนฺติ ภณฺฑนชาตา. วิเสสนสฺส ปรนิปาตวเสน เจตํ วุตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน วิเสสนสฺส ปุพฺพนิปาตวเสเนว อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ชาตภณฺฑนา’’ติ อาห. กลโห ชาโต เอเตสนฺติ กลหชาตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. กลหสฺส ปุพฺพภาโคติ กลหสฺส เหตุภูตา ปฏิภาคา ตํสทิสี จ อนิฏฺกิริยา. หตฺถปรามาสาทิวเสนาติ กุชฺฌิตฺวา อฺมฺสฺส หตฺเถ คเหตฺวา ปลปนอจฺฉินฺทนาทิวเสน. ‘‘อยํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม’’ติอาทินา วิรุทฺธวาทภูตํ วิวาทํ อาปนฺนาติ วิวาทปนฺนา. เตนาห ‘‘วิรุทฺธวาทํ อาปนฺนา’’ติ. มุขสนฺนิสฺสิตตาย วาจา อิธ ‘‘มุข’’นฺติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘ผรุสา วาจา มุขสตฺติโย’’ติ.
สติปิ อุภเยสํ กลาปานํ ปรมตฺถโต เภเท ปจุรชเนหิ ปน ทุวิฺเยฺยนานตฺตํ ขีโรทกสมฺโมทิตํ อจฺจนฺตเมตํ สํสฏฺํ วิย หุตฺวา ติฏฺตีติ อาห ‘‘ขีโรทกํ วิย ภูตา’’ติ. ยถา ขีรฺจ อุทกฺจ อฺมฺํ สํสนฺทติ, วิสุํ น โหติ, เอกตฺตํ วิย อุเปติ, เอวํ สามคฺคิวเสน เอกตฺตูปคตจิตฺตุปฺปาทาติ อตฺโถ. เมตฺตจิตฺตํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา โอโลกนํ จกฺขูนิ วิย จกฺขูนิ นามาติ อาห ‘‘อุปสนฺเตหิ เมตฺตจกฺขูหี’’ติ. ปิยภาวทีปกานิ หิ จกฺขูนิ ปิยจกฺขูนิ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตีติ ปโมทปจฺจยพลวปีติมาห. ปฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชตีติ ขุทฺทิกาทิเภเทน ปฺจปฺปการา ปีติ อุปฺปชฺชติ. ปีติมนสฺสาติ ตาย ปีติยา ปีณิตมนสฺส, ปสฺสทฺธิอาวเหหิ อุฬาเรหิ ปีติเวเคหิ ตินฺตจิตฺตสฺสาติ อตฺโถ. วิคตทรโถติ กิเลสปริฬาหานํ ทูรีภาเวน วูปสนฺตทรโถ.
เกน อุทเกน ทาริโต ปพฺพตปฺปเทโสติ กตฺวา อาห ‘‘กนฺทโร นามา’’ติอาทิ. อุทกสฺส ยถานินฺนํ ปวตฺติยา นทินิพฺพตฺตนภาเวน ‘‘นทิกฺุโช’’ติปิ วุจฺจติ. สาวฏฺฏา นทิโย ปทรา. อฏฺ มาเสติ เหมนฺตคิมฺหอุตุวเสน อฏฺ มาเส. ขุทฺทกา อุทกวาหินิโย สาขา วิยาติ สาขา. ขุทฺทกโสพฺภา กุสุพฺภา โอการสฺส อุการํ กตฺวา. ยตฺถ อุปริ อุนฺนตปฺปเทสโต อุทกํ อาคนฺตฺวา ติฏฺติ เจว สนฺทติ จ, เต ¶ กุสุพฺภา ขุทฺทกอาวาฏา. ขุทฺทกนทิโยติ ปพฺพตปาทาทิโต นิกฺขนฺตา ขุทฺทกา นทิโย.
ปริสาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕-๗. ปมอาชานียสุตฺตาทิวณฺณนา
๙๗-๙๙. ปฺจเม ¶ อนุจฺฉวิโกติ รฺโ ปริภฺุชนโยคฺโค. หตฺถปาทาทิองฺคสมตายาติ หตฺถปาทาทิอวยวสมตาย, รฺโ วา เสนาย องฺคภูตตฺตา รฺโ องฺคนฺติ วุจฺจติ. อาเนตฺวา หุนิตพฺพนฺติ อาหุนํ, อาหุตีติ อตฺถโต เอกนฺติ อาห ‘‘อาหุติสงฺขาตํ ปิณฺฑปาต’’นฺติ. ทูรโตปิ อาเนตฺวา สีลวนฺเตสุ ทาตพฺพสฺเสตํ อธิวจนํ. ปิณฺฑปาตนฺติ จ นิทสฺสนมตฺตํ. อาเนตฺวา หุนิตพฺพานฺหิ จีวราทีนํ จตุนฺนํ ปจฺจยานเมตํ อธิวจนํ อาหุนนฺติ. ตํ อรหตีติ อาหุเนยฺโย. ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโตติ ตสฺส มหปฺผลภาวกรณโต ปฏิคฺคณฺหิตุํ อนุจฺฉวิโก.
ปาหุนกภตฺตสฺสาติ ทิสวิทิสโต อาคตานํ ปิยมนาปานํ าติมิตฺตานํ อตฺถาย สกฺกาเร ปฏิยตฺตสฺส อาคนฺตุกภตฺตสฺส. ตฺหิ เปตฺวา เต ตถารูเป ปาหุนเก สงฺฆสฺเสว ทาตุํ ยุตฺตํ, สงฺโฆว ตํ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโต. สงฺฆสทิโส หิ ปาหุนโก นตฺถิ. ตถา เหส เอกสฺมึ พุทฺธนฺตเร วีติวตฺเต ทิสฺสติ, กทาจิ อสงฺขฺเยยฺเยปิ กปฺเป วีติวตฺเต. อพฺโพกิณฺณฺจ ปิยมนาปตาทิกเรหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต. เอวํ ปาหุนมสฺส ทาตุํ ยุตฺตํ, ปาหุนฺจ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโตติ ปาหุเนยฺโย. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย ‘‘าติมิตฺตา วิปฺปวุฏฺา น จิรสฺเสว สมาคจฺฉนฺติ, อนวฏฺิตา จ เตสุ ปิยมนาปตา, น เอวมริยสงฺโฆ, ตสฺมา สงฺโฆว ปาหุเนยฺโย’’ติ.
ทกฺขนฺติ เอตาย สตฺตา ยถาธิปฺเปตาหิ สมฺปตฺตีหิ วฑฺฒนฺตีติ ทกฺขิณา, ปรโลกํ สทฺทหิตฺวา ทานํ. ตํ ทกฺขิณํ อรหติ, ทกฺขิณาย วา หิโต ยสฺมา มหปฺผลกรณตาย วิโสเธตีติ ทกฺขิเณยฺโย.
ปฺุตฺถิเกหิ อฺชลิ กรณีโย เอตฺถาติ อฺชลิกรณีโย. อุโภ เหตฺถ สิรสิ ปติฏฺาเปตฺวา สพฺพโลเกน กยิรมานํ อฺชลิกมฺมํ อรหตีติ ¶ วา อฺชลิกรณีโย. เตนาห ‘‘อฺชลิปคฺคหณสฺส อนุจฺฉวิโก’’ติ.
ยทิปิ ปาฬิยํ ‘‘อนุตฺตร’’นฺติ วุตฺตํ, นตฺถิ อิโต อุตฺตรํ วิสิฏฺนฺติ หิ อนุตฺตรํ, สมมฺปิสฺส ปน นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสทิส’’นฺติ อาห. ขิตฺตํ วุตฺตํ พีชํ มหปฺผลภาวกรเณน ตายติ รกฺขติ, ขิปนฺติ วปนฺติ เอตฺถ พีชานีติ วา เขตฺตํ, เกทาราทิ, เขตฺตํ วิย เขตฺตํ, ปฺุานํ เขตฺตํ ปฺุกฺเขตฺตํ. ยถา หิ รฺโ วา อมจฺจสฺส วา ¶ สาลีนํ วา ยวานํ วา วิรุหนฏฺานํ ‘‘รฺโ สาลิกฺเขตํ ยวกฺเขต’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ สงฺโฆ สพฺพโลกสฺส ปฺุานํ วิรุหนฏฺานํ. สงฺฆํ นิสฺสาย หิ โลกสฺส นานปฺปการหิตสุขสํวตฺตนิกานิ ปฺุานิ วิรุหนฺติ, ตสฺมา สงฺโฆ อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. ฉฏฺสตฺตมานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
ปมอาชานียสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. โปตฺถกสุตฺตวณฺณนา
๑๐๐. อฏฺเม นโวติ นววายิโม. เตนาห ‘‘กรณํ อุปาทาย วุจฺจตี’’ติ. วากมยวตฺถนฺติ สาณาทิวากสาฏกํ. ทุพฺพณฺโณติ วิวณฺโณ. ทุกฺขสมฺผสฺโสติ ขรสมฺผสฺโส. อปฺปํ อคฺฆตีติ อปฺปคฺโฆ. อติพหุํ อคฺฆนฺโต กหาปณคฺฆนโก โหติ. ปริโภคมชฺฌิโมติ ปริโภคกาลวเสน มชฺฌิโม. โส หิ นวภาวํ อติกฺกมิตฺวา ชิณฺณภาวํ อปฺปตฺโต มชฺเฌ ปริโภคกาเลปิ ทุพฺพณฺโณ จ ทุกฺขสมฺผสฺโส จ อปฺปคฺโฆเยว โหติ. อติพหุํ อคฺฆนฺโต อฑฺฒํ อคฺฆติ, ชิณฺณกาเล ปน อฑฺฒมาสกํ วา กากณิกํ วา อคฺฆติ. อุกฺขลิปริปฺุฉนนฺติ กาฬุกฺขลิปริปฺุฉนํ. นโวติปิ อุปสมฺปทาย ปฺจวสฺสกาลโต เหฏฺา ชาติยา สฏฺิวสฺโสปิ นโวเยว. ทุพฺพณฺณตายาติ สรีรวณฺเณนปิ คุณวณฺเณนปิ ทุพฺพณฺณตาย. ทุสฺสีลสฺส หิ ปริสมชฺเฌ นิตฺเตชตาย สรีรวณฺโณปิ น สมฺปชฺชติ, คุณวณฺเณน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อฏฺกถายํ ปน สรีรวณฺเณน ทุพฺพณฺณตาปิ คุณวณฺณสฺส อภาเวน ทุพฺพณฺณตายาติ วุตฺตํ.
เย โข ปนสฺสาติ เย โข ปน ตสฺส อุปฏฺากา วา าติมิตฺตาทโย วา เอตํ ปุคฺคลํ เสวนฺติ. เตสนฺติ เตสํ ปุคฺคลานํ ฉ สตฺถาเร เสวนฺตานํ ¶ มิจฺฉาทิฏฺิกานํ วิย. เทวทตฺเต เสวนฺตานํ โกกาลิกาทีนํ วิย จ ตํ เสวนํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย โหติ. มชฺฌิโมติ ปฺจวสฺสกาลโต ปฏฺาย ยาว นววสฺสกาลา มชฺฌิโม นาม. เถโรติ ทสวสฺสโต ปฏฺาย เถโร นาม. เอวมาหํสูติ เอวํ วทนฺติ. กึ นุ โข ตุยฺหนฺติ ตุยฺหํ พาลสฺส ภณิเตน โก อตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. ตถารูปนฺติ ตถาชาติกํ ตถาสภาวํ อุกฺเขปนียกมฺมสฺส การณภูตํ.
ตีหิ กปฺปาสอํสูหิ สุตฺตํ กนฺติตฺวา กตวตฺถนฺติ ตโย กปฺปาสอํสู คเหตฺวา กนฺติตสุตฺเตน วายิตํ สุขุมวตฺถํ, ตํ นววายิมํ อนคฺฆํ โหติ, ปริโภคมชฺฌิมํ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ สหสฺสานิ อคฺฆติ, ชิณฺณกาเล, อฏฺปิ ทสปิ สหสฺสานิ อคฺฆติ.
เตสํ ¶ ตํ โหตีติ เตสํ สมฺมาสมฺพุทฺธาทโย เสวนฺตา วิย ตํ เสวนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหติ. สมฺมาสมฺพุทฺธฺหิ เอกํ นิสฺสาย ยาวชฺชกาลา มุจฺจนกสตฺตานํ ปมาณํ นตฺถิ, ตถา สาริปุตฺตตฺเถรมหาโมคฺคลฺลานตฺเถเร อวเสเส จ อสีติ มหาสาวเก นิสฺสาย สคฺคคตสตฺตานํ ปมาณํ นตฺถิ, ยาวชฺชกาลา เตสํ ทิฏฺานุคตึ ปฏิปนฺนสตฺตานมฺปิ ปมาณํ นตฺถิเยว. อาเธยฺยํ คจฺฉตีติ ตสฺส มหาเถรสฺส ตํ อตฺถนิสฺสิตํ วจนํ ยถา คนฺธกรณฺฑเก กาสิกวตฺถํ อาธาตพฺพตํ เปตพฺพตํ คจฺฉติ, เอวํ อุตฺตมงฺเค สิรสฺมึ หทเย จ อาธาตพฺพตํ เปตพฺพตํ คจฺฉติ.
โปตฺถกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. โลณกปลฺลสุตฺตวณฺณนา
๑๐๑. นวเม ยถา ยถา กมฺมํ กโรตีติ เยน เยน ปกาเรน ปาณฆาตาทิปาปกมฺมํ กโรติ. วิปากํ ปฏิสํเวทิยเตวาติ อวธารเณน กมฺมสิทฺธิยํ ตพฺพิปากสฺส อปฺปวตฺติ นาม นตฺถีติ ทีเปติ. เตเนวาห ‘‘น หิ สกฺกา’’ติอาทิ. เอวํ สนฺตนฺติ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘เอวํ สนฺเต’’ติ. อภิสงฺขารวิฺาณนิโรเธนาติ กมฺมวิฺาณสฺส อายตึ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปชฺชเนน.
‘‘อยมฺปิ ¶ โข กาโย เอวํธมฺโม เอวํภาวี เอวํอนตีโต’’ติอาทินา กายสฺส อสุภานิจฺจาทิอาการอนุปสฺสนา กายภาวนาติ อาห ‘‘กายานุปสฺสนาสงฺขาตาย ตาย ภาวนายา’’ติ. ราคาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน โทสโมหานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘ราโค โข, อาวุโส, ปมาณกรโณ, โทโส ปมาณกรโณ, โมโห ปมาณกรโณ, เต ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๙) หิ วุตฺตํ.
ยถา หิ ปพฺพตปาเท ปูติปณฺณสฺส อุทกํ นาม โหติ, กาฬวณฺณํ โอโลเกนฺตานํ พฺยามสตํ คมฺภีรํ วิย ขายติ, ยฏฺึ วา รชฺชุํ วา คเหตฺวา มินนฺตสฺส ปิฏฺิปาโททฺธรณมตฺตมฺปิ น โหติ, เอวเมว เอกจฺจสฺส ยาว ราคาทโย นุปฺปชฺชนฺติ, ตาว ตํ ปุคฺคลํ สฺชานิตุํ น สกฺกา โหติ, โสตาปนฺโน วิย สกทาคามี วิย อนาคามี วิย จ ขายติ. ยทา ปนสฺส ราคาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, ตทา รตฺโต ทุฏฺโ มูฬฺโหติ ปฺายติ. อิติ ¶ เต ราคาทโย ‘‘เอตฺตโก อย’’นฺติ ปุคฺคลสฺส ปมาณํ ทสฺเสนฺตาว อุปฺปชฺชนฺตีติ ปมาณกรณา นาม วุตฺตา.
ชาเปตุนฺติ ชินธนํ กาตุํ. โสติ ราชา, มหามตฺโต วา. อสฺสาติ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ยาจนฺตสฺส. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
โลณกปลฺลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ปํสุโธวกสุตฺตวณฺณนา
๑๐๒. ทสเม อนีหตโทสนฺติ อนปนีตถูลกาฬกํ. อนปนีตกสาวนฺติ อนปคตสุขุมกาฬกํ. ปหฏมตฺตนฺติ อาหฏมตฺตํ.
ทสกุสลกมฺมปถวเสน อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ จิตฺตเมว, วิปสฺสนาปาทกอฏฺสมาปตฺติจิตฺตํ วิปสฺสนาจิตฺตฺจ ตโต จิตฺตโต อธิกํ จิตฺตนฺติ อธิจิตฺตนฺติ อาห ‘‘อธิจิตฺตนฺติ สมถวิปสฺสนาจิตฺต’’นฺติ. อนุยุตฺตสฺสาติ อนุปฺปนฺนสฺส อุปฺปาทนวเสน อุปฺปนฺนสฺส ปฏิพฺรูหนวเสน อนุ อนุ ยุตฺตสฺส, ตตฺถ ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺสาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ปุเรภตฺตํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต ¶ นิสีทนํ อาทาย ‘‘อสุกสฺมึ รุกฺขมูเล วา วนสณฺเฑ วา ปพฺภาเร วา สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ นิกฺขมนฺโตปิ ตตฺถ คนฺตฺวา หตฺเถหิ วา ปาเทหิ วา นิสชฺชฏฺานโต ติณปณฺณานิ อปเนนฺโตปิ อธิจิตฺตํ อนุยุตฺโตเยว. นิสีทิตฺวา ปน หตฺถปาเท โธวิตฺวา มูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ภาวนํ อนุยฺุชนฺโต ภาวนาย อปฺปนํ อปฺปตฺตายปิ อธิจิตฺตมนุยุตฺโตเยว ตทตฺเถนปิ ตํสทฺทโวหารโต. จิตฺตสมฺปนฺโนติ ธมฺมจิตฺตสฺส สมนฺนาคตตฺตา สมฺปนฺนจิตฺโต. ปณฺฑิตชาติโกติ ปณฺฑิตสภาโว.
กาเม อารพฺภาติ วตฺถุกาเม อารพฺภ. กามราคสงฺขาเตน วา กาเมน ปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก กามวิตกฺโก. พฺยาปชฺชติ จิตฺตํ เอเตนาติ พฺยาปาโท, โทโส. วิหึสนฺติ เอตาย สตฺเต, วิหึสนํ วา เตสํ เอตนฺติ วิหึสา, ปเรสํ วิเหนากาเรน ปวตฺตสฺส กรุณาปฏิปกฺขสฺส ปาปธมฺมสฺเสตํ อธิวจนํ. าตเก อารพฺภ อุปฺปนฺโน วิตกฺโกติ าตเก อารพฺภ เคหสฺสิตเปมวเสน อุปฺปนฺโน วิตกฺโก. ชนปทมารพฺภ อุปฺปนฺโน วิตกฺโกติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อโห วต มํ…เป… อุปฺปนฺโน วิตกฺโกติ ‘‘อโห วต มํ ปเร น อวชาเนยฺยุํ, น เหฏฺา กตฺวา มฺเยฺยุํ, ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ¶ ครุํ กเรยฺยุ’’นฺติ เอวํ อุปฺปนฺนวิตกฺโก. ทสวิปสฺสนุปกฺกิเลสวิตกฺกาติ โอภาสาทิทสวิปสฺสนุปกฺกิเลเส อารพฺภ อุปฺปนฺนวิตกฺกา.
อวสิฏฺา ธมฺมวิตกฺกา เอตสฺสาติ อวสิฏฺธมฺมวิตกฺโก, วิปสฺสนาสมาธิ. น เอกคฺคภาวปฺปตฺโต น เอกคฺคตํ ปตฺโต. เอกํ อุเทตีติ หิ เอโกทิ, ปฏิปกฺเขหิ อนภิภูตตฺตา อคฺคํ เสฏฺํ หุตฺวา อุเทตีติ อตฺโถ. เสฏฺโปิ หิ โลเก เอโกติ วุจฺจติ, เอกสฺมึ อารมฺมเณ สมาธานวเสน ปวตฺตจิตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ. เอโกทิสฺส ภาโว เอโกทิภาโว, เอกคฺคตาเยตํ อธิวจนํ.
นิยกชฺฌตฺตนฺติ อตฺตสนฺตานสฺเสตํ อธิวจนํ. โคจรชฺฌตฺตนฺติ อิธ นิพฺพานํ อธิปฺเปตํ. เตนาห ‘‘เอกสฺมึ นิพฺพานโคจเรเยว ติฏฺตี’’ติ. สุฏฺุ นิสีทตีติ สมาธิปฏิปกฺเข กิเลเส สนฺนิสีเทนฺโต สุฏฺุ นิสีทติ. เอกคฺคํ โหตีติ อพฺยคฺคภาวปฺปตฺติยา เอกคฺคํ โหติ. สมฺมา อาธิยตีติ ยถา อารมฺมเณ สุฏฺุ อปฺปิตํ โหติ, เอวํ สมฺมา สมฺมเทว อาธิยติ.
อภิฺา ¶ สจฺฉิกรณียสฺสาติ เอตฺถ ‘‘อภิฺาย สจฺฉิกรณียสฺสา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อภิฺา’’ติ ย-การโลเปน ปน ปุน กาลกิริยานิทฺเทโส กโตติ อาห ‘‘อภิชานิตฺวา ปจฺจกฺขํ กาตพฺพสฺสา’’ติ. อภิฺาย อิทฺธิวิธาทิาเณน สจฺฉิกิริยํ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิกํ อภิฺาสจฺฉิกรณียนฺติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาตีติ เอตฺถ ปน ยสฺส ปจฺจกฺขํ อตฺถิ, โส สกฺขี, สกฺขิโน ภพฺพตา สกฺขิภพฺพตา, สกฺขิภวนนฺติ วุตฺตํ โหติ. สกฺขี จ โส ภพฺโพ จาติ สกฺขิภพฺโพ. อยฺหิ อิทฺธิวิธาทีนํ ภพฺโพ ตตฺถ จ สกฺขีติ สกฺขิภพฺโพ, ตสฺส ภาโว สกฺขิภพฺพตา, ตํ ปาปุณาตีติ อตฺโถ.
อภิฺาปาทกชฺฌานาทิเภเทติ เอตฺถ อภิฺาปาทา จ อภิฺาปาทกชฺฌานฺจ อภิฺาปาทกชฺฌานานิ. อาทิ-สทฺเทน อรหตฺตฺจ อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา จ สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว มชฺฌิมนิกายฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๑๙๘) –
‘‘สติ สติอายตเนติ สติ สติการเณ. กิฺเจตฺถ การณํ? อภิฺา วา อภิฺาปาทกชฺฌานํ วา, อวสาเน ปน อรหตฺตํ วา การณํ อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา วาติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
ยฺหิ ตํ ตตฺร ตตฺร สกฺขิภพฺพตาสงฺขาตํ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิ, ตสฺส อภิฺา การณํ ¶ . อถ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิ อภิฺา, เอวํ สติ อภิฺาปาทกชฺฌานํ การณํ. อวสาเน ฉฏฺาภิฺาย ปน อรหตฺตํ, อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา วา การณํ. อรหตฺตฺหิ ‘‘กุทาสฺสุ นามาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามิ, ยทริยา เอตรหิ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕; ๓.๓๐๗) อนุตฺตเรสุ วิโมกฺเขสุ ปิหํ อุปฏฺเปตฺวา อภิฺา นิพฺพตฺเตนฺตสฺส การณํ. อิทฺจ สาธารณํ น โหติ, สาธารณวเสน ปน อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา การณํ. อิมสฺมิฺหิ สุตฺเต อรหตฺตผลวเสน ฉฏฺาภิฺา วุตฺตา. เตเนวาห ‘‘อาสวานํ ขยาติอาทิ เจตฺถ ผลสมาปตฺติวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ.
ปํสุโธวกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. นิมิตฺตสุตฺตวณฺณนา
๑๐๓. เอกาทสเม ¶ เยหิ ผลํ นิมียติ, อุปฺปชฺชนฏฺาเน ปกฺขิปมานํ วิย โหติ, ตานิ นิมิตฺตานิ. เตนาห ‘‘ตีณิ การณานี’’ติ. กาเลน กาลนฺติ เอตฺถ กาเลนาติ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ. กาลนฺติ จ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘กาเล กาเล’’ติ. มนสิ กาตพฺพาติ จิตฺเต กาตพฺพา, อุปฺปาเทตพฺพาติ อตฺโถ. อุปลกฺขิตสมาธานากาโร สมาธิเยว อิธ สมาธินิมิตฺตนฺติ อาห ‘‘เอกคฺคตา หิ อิธ สมาธินิมิตฺตนฺติ วุตฺตา’’ติ. านํ ตํ จิตฺตํ โกสชฺชาย สํวตฺเตยฺยาติ เอตฺถ านํ อตฺถีติ วจนเสโส. ตํ ภาวนาจิตฺตํ โกสชฺชาย สํวตฺเตยฺย, ตสฺส สํวตฺตนสฺส การณํ อตฺถีติ อตฺโถ. ตํ วา มนสิกรณํ จิตฺตํ โกสชฺชาย สํวตฺเตยฺย, เอตสฺส านํ การณํ อตฺถีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘การณํ วิชฺชตี’’ติอาทิ. าณชวนฺติ สงฺขาเรสุ อนิจฺจาทิวเสน ปวตฺตมานํ ปฺาชวํ.
ยํ กิฺจิ สุวณฺณตาปนโยคฺคองฺคารภาชนํ อิธ ‘‘อุกฺกา’’ติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘องฺคารกปลฺล’’นฺติ. สชฺเชยฺยาติ ยถา ตตฺถ ปกฺขิตฺตํ สุวณฺณํ ตปฺปติ, เอวํ ปฏิยาทิเยยฺย. อาลิมฺเปยฺยาติ อาทิเยยฺย, ชเลยฺยาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ตตฺถ องฺคาเร…เป… คาหาเปยฺยา’’ติ. มูสาย วา ปกฺขิเปยฺยาติ ตตฺตเก วา ปกฺขิเปยฺย. อุปธาเรตีติ สลฺลกฺเขติ.
นิมิตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
โลณกปลฺลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุติยปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.
๓. ตติยปณฺณาสกํ