📜
(๑๒) ๒. อาปายิกวคฺโค
๑. อาปายิกสุตฺตวณฺณนา
๑๑๔. ทุติยสฺส ปเม อปาเยสุ นิพฺพตฺตนสีลตาย อปายูปคา อาปายิกาติ อาห ‘‘อปายํ คจฺฉิสฺสนฺตีติ อาปายิกา’’ติ. อฺเ พฺรหฺมจาริโน สุนิวตฺเถ สุปารุเต สุมฺภกปตฺตธเร คามนิคมราชธานีสุ ¶ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺเต ทิสฺวา สยมฺปิ ตาทิเสน อากาเรน ¶ ตถาปฏิปชฺชนโต ‘‘อหํ พฺรหฺมจารี’’ติ ปฏิฺํ เทนฺโต วิย โหตีติ อาห ‘‘พฺรหฺมจาริปฏิฺโติ พฺรหฺมจาริปฏิรูปโก’’ติ. ‘‘อหมฺปิ ภิกฺขู’’ติ วตฺวา อุโปสถงฺคาทีนิ ปวิสนฺโต ปน พฺรหฺมจาริปฏิฺโ โหติเยว, ตถา สงฺฆิกํ ลาภํ คณฺหนฺโต. เตนาห ‘‘เตสํ วา…เป… เอวํปฏิฺโ’’ติ. อกฺโกสตีติ ‘‘อสฺสมโณสิ, สมณปฏิฺโสี’’ติอาทินา อกฺโกสติ. ปริภาสตีติ ‘‘โส ตฺวํ ‘โหตุ, มุณฺฑกสมโณ อห’นฺติ มฺสิ, อิทานิ เต อสฺสมณภาวํ อาโรเปสฺสามี’’ติอาทินา วทนฺโต ปริภาสติ.
กิเลสกาโมปิ อสฺสาทิยมาโน วตฺถุกามนฺโตคโธเยว, กิเลสกามวเสน จ เตสํ อสฺสาทนํ สิยาติ อาห ‘‘กิเลสกาเมน วตฺถุกาเม เสวนฺตสฺสา’’ติ. กิเลสกาเมนาติ กรณตฺเถ กรณวจนํ. นตฺถิ โทโสติ อสฺสาเทตฺวา วิสยปริโภเค นตฺถิ อาทีนโว, ตปฺปจฺจยา น โกจิ อนฺตราโยติ อธิปฺปาโย. ปาตพฺพตํ อาปชฺชตีติ ปริภฺุชนกตํ อุปคจฺฉติ. ปริโภคตฺโถ หิ อยํ ปา-สทฺโท, กตฺตุสาธโน จ ตพฺพ-สทฺโท, ยถารุจิ ปริภฺุชตีติ อตฺโถ. ปิวิตพฺพตํ ปริภฺุชิตพฺพตนฺติ เอตฺถาปิ กตฺตุวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อาปายิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุลฺลภสุตฺตวณฺณนา
๑๑๕. ทุติเย ปเรน กตสฺส อุปการสฺส อนุรูปปฺปวตฺติ อตฺตนิ กตํ อุปการํ อุปการโต ชานนฺโต เวทิยนฺโต กตฺู กตเวทีติ อาห ‘‘อิมินา มยฺหํ กต’’นฺติอาทิ.
ทุลฺลภสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อปฺปเมยฺยสุตฺตวณฺณนา
๑๑๖. ตติเย สุเขน เมตพฺโพติ ยถา ปริตฺตสฺส อุทกสฺส สุเขน ปมาณํ คยฺหติ, เอวเมว ‘‘อุทฺธโต’’ติอาทินา ยถาวุตฺเตหิ อคุณงฺเคหิ ¶ สมนฺนาคตสฺส สุเขน ปมาณํ คยฺหตีติ, สุเขน เมตพฺโพ. ทุกฺเขน เมตพฺโพติ ยถา มหาสมุทฺทสฺส ทุกฺเขน ปมาณํ คยฺหติ, เอวเมว ‘‘อนุทฺธโต’’ติอาทินา ทสฺสิเตหิ คุณงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส ทุกฺเขน ปมาณํ คยฺหติ, ‘‘อนาคามี ¶ นุ โข ขีณาสโว นุ โข’’ติ วตฺตพฺพตํ คจฺฉติ, เตเนส ทุกฺเขน เมตพฺโพ. ปเมตุํ น สกฺโกตีติ ยถา อากาสสฺส น สกฺกา ปมาณํ คเหตุํ, เอวํ ขีณาสวสฺส, เตเนส ปเมตุํ น สกฺกาติ อปฺปเมยฺโย.
สาราภาเวน ตุจฺฉตฺตา นโฬ วิย นโฬ, มาโนติ อาห ‘‘อุนฺนโฬติ อุคฺคตนโฬ’’ติ, อุฏฺิตตุจฺฉมาโนติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ตุจฺฉมานํ อุกฺขิปิตฺวา ิโตติ อตฺโถ’’ติ. มโน หิ เสยฺยสฺส เสยฺโยติ สทิโสติ จ ปวตฺติยา วิเสสโต ตุจฺโฉ. จาปลฺเลนาติ จปลภาเวน, ตณฺหาโลลุปฺเปนาติ อตฺโถ. มุขโรติ มุเขน ผรุโส, ผรุสวาโจติ อตฺโถ. วิกิณฺณวาโจติ วิสฏวจโน สมฺผปฺปลาปิตาย อปริยนฺตวจโน. เตนาห ‘‘อสฺตวจโน’’ติ, ทิวสมฺปิ นิรตฺถกวจนํ ปลาปีติ วุตฺตํ โหติ. จิตฺเตกคฺคตารหิโตติ อุปจารปฺปนาสมาธิรหิโต จณฺฑโสเต พทฺธนาวา วิย อนวฏฺิตกิริโย. ภนฺตจิตฺโตติ อนวฏฺิตจิตฺโต ปณฺณารุฬฺหวาลมิคสทิโส. วิวฏินฺทฺริโยติ สํวราภาเวน คิหิกาเล วิย อสํวุตจกฺขาทิอินฺทฺริโย.
อปฺปเมยฺยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อาเนฺชสุตฺตวณฺณนา
๑๑๗. จตุตฺเถ สห พฺยยติ คจฺฉตีติ สหพฺโย, สหปวตฺตนโก. ตสฺส ภาโว สหพฺยตา, สหปวตฺตีติ อาห ‘‘สหภาวํ อุปปชฺชตี’’ติ. ‘‘ยาวตกํ เตสํ เทวานํ อายุปฺปมาณํ, ตํ สพฺพํ เขเปตฺวา นิรยมฺปิ คจฺฉตี’’ติอาทิวจนโต อรูปภวโต จุตสฺส อปายูปปตฺติ วุตฺตา วิย ทิสฺสตีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ภควโต อธิปฺปายํ วิวรนฺโต ‘‘สนฺธายภาสิตมิทํ วจน’’นฺติ ทีเปติ ‘‘นิรยาทีหิ อวิปฺปมุตฺตตฺตา’’ติอาทินา. น หิ ตสฺส อุปจารชฺฌานโต พลวตรํ อกุสลํ อตฺถีติ. อิมินา ตโต จวนฺตานํ อุปจารชฺฌานเมว ปฏิสนฺธิชนกํ กมฺมนฺติ ทีเปติ. อธิกํ ¶ ปยสติ ปยุชฺชติ เอเตนาติ อธิปฺปยาโส, สวิเสสํ อิติกตฺตพฺพกิริยา. เตนาห ‘‘อธิกปฺปโยโค’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
อาเนฺชสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. วิปตฺติสมฺปทาสุตฺตวณฺณนา
๑๑๘. ปฺจเม ¶ ทินฺนนฺติ เทยฺยธมฺมสีเสน ทานํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ทินฺนสฺส ผลาภาวํ สนฺธาย วทตี’’ติ. ทินฺนํ ปน อนฺนาทิวตฺถุํ กถํ ปฏิกฺขิปติ. เอส นโย ‘‘ยิฏฺํ หุต’’นฺติ เอตฺถาปิ. มหายาโคติ สพฺพสาธารณํ มหาทานํ. ปเหณกสกฺกาโรติ ปาหุนกานํ กาตพฺพสกฺกาโร. ผลนฺติ อานิสํสผลํ นิสฺสนฺทผลฺจ. วิปาโกติ สทิสผลํ. ปรโลเก ิตสฺส อยํ โลโก นตฺถีติ ปรโลเก ิตสฺส กมฺมุนา ลทฺธพฺโพ อยํ โลโก น โหติ. อิธโลเก ิตสฺสปิ ปรโลโก นตฺถีติ อิธโลเก ิตสฺส กมฺมุนา ลทฺธพฺโพ ปรโลโก น โหติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘สพฺเพ ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนฺตี’’ติ. อิเม สตฺตา ยตฺถ ยตฺถ ภวโยนิคติอาทีสุ ิตา, ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนฺติ, ทฺวยวินาเสน วินสฺสนฺติ.
ผลาภาววเสนาติ มาตาปิตูสุ สมฺมาปฏิปตฺติมิจฺฉาปฏิปตฺตีนํ ผลสฺส อภาววเสน ‘‘นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา’’ติ วทติ, น มาตาปิตูนํ, นาปิ เตสุ สมฺมาปฏิปตฺติมิจฺฉาปฏิปตฺตีนํ อภาววเสน เตสํ โลกปจฺจกฺขตฺตา. ปุพฺพุฬกสฺส วิย อิเมสํ สตฺตานํ อุปฺปาโท นาม เกวโล, น จ ขนปุพฺพโกติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘จวิตฺวา อุปฺปชฺชนกา สตฺตา นาม นตฺถีติ วทตี’’ติ. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตีติ เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ อภิวิสิฏฺาย ปฺาย สยํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ปเวเทนฺติ, เต นตฺถีติ สพฺพฺุพุทฺธานํ อภาวํ ทีเปติ.
วิปตฺติสมฺปทาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖-๗. อปณฺณกสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๑๙-๑๒๐. ฉฏฺเ ¶ ฉหิ ตเลหิ สมนฺนาคโต ปาสโกติ จตูสุ ปสฺเสสุ จตฺตาริ ตลานิ, ทฺวีสุ โกฏีสุ ทฺเว ตลานีติ เอวํ ฉหิ ตเลหิ สมนฺนาคโต ปาสกกีฬาปสุตานํ มณิสทิโส ปาสกวิเสโส. สตฺตมํ อุตฺตานเมว.
อปณฺณกสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ปมโสเจยฺยสุตฺตวณฺณนา
๑๒๑. อฏฺเม ¶ สุจิภาโวติ กิเลสาสุจิวิคเมน สุทฺธภาโว อสํกิลิฏฺภาโว, อตฺถโต กายสุจริตาทีนิ.
ปมโสเจยฺยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ทุติยโสเจยฺยสุตฺตวณฺณนา
๑๒๒. นวเม สมุจฺเฉทวเสน ปหีนสพฺพกายทุจฺจริตตาย กาเย, กาเยน วา สุจิ กายสุจิ. เตนาห ‘‘กายทฺวาเร’’ติอาทิ. โสเจยฺยสมฺปนฺนนฺติ ปฏิปฺปสฺสทฺธกิเลสตฺตา ปริสุทฺธาย โสเจยฺยสมฺปตฺติยา อุเปตํ. นินฺหาตา อคฺคมคฺคสลิเลน วิกฺขาลิตา ปาปา เอเตนาติ นินฺหาตปาปโก, ขีณาสโว. เตนาห ‘‘ขีณาสโวว กถิโต’’ติ.
ทุติยโสเจยฺยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. โมเนยฺยสุตฺตวณฺณนา
๑๒๓. ทสเม มุนิโน ภาวา โมเนยฺยานิ, เยหิ ธมฺเมหิ อุภยหิตมุนนโต มุนิ นาม โหติ, เต มุนิภาวกรา โมเนยฺยา ปฏิปทา ธมฺมา เอว วุตฺตา. มุนิโน วา เอตานิ โมเนยฺยานิ, ยถาวุตฺตธมฺมา เอว. ตตฺถ ยสฺมา กาเยน อกตฺตพฺพสฺส อกรณํ, กตฺตพฺพสฺส จ กรณํ ¶ , ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ม. นิ. ๑.๑๑๐; สํ. นิ. ๔.๑๒๗; ขุ. ปา. ๓.ทฺวตฺตึสาการ) กายสงฺขาตสฺส อารมฺมณสฺส ชานนํ, กายสฺส จ สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทโต อาทีนวโต นิสฺสรณโต จ ยาถาวโต ปริชานนตา, ตถา ปริชานนวเสน ปน ปวตฺโต วิปสฺสนามคฺโค, เตน จ กาเย ฉนฺทราคสฺส ปชหนํ, กายสงฺขารํ นิโรเธตฺวา ปตฺตพฺพสมาปตฺติ วา, สพฺเพ เอเต กายมุเขน ปวตฺตา โมเนยฺยปฺปฏิปทา ธมฺมา กายโมเนยฺยํ นาม. ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘กตมํ กายโมเนยฺยํ? ติวิธกายทุจฺจริตสฺส ปหานํ กายโมเนยฺยํ, ติวิธกายสุจริตมฺปิ กายโมเนยฺย’’นฺติอาทินา (มหานิ. ๑๔) ปาฬิ อาคตา. อิธาปิ เตเนว ปาฬินเยน อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ติวิธกายทุจฺจริตปฺปหานํ กายโมเนยฺยํ นามา’’ติอาทิมาห.
อิทานิ ¶ ‘‘กตมํ วจีโมเนยฺยํ? จตุพฺพิธวจีทุจฺจริตสฺส ปหานํ วจีโมเนยฺยํ, จตุพฺพิธํ วจีสุจริตํ, วาจารมฺมเณ าณํ, วาจาปริฺา, ปริฺาสหคโต มคฺโค, วาจาย ฉนฺทราคสฺส ปหานํ, วจีสงฺขารนิโรโธ ทุติยชฺฌานสมาปตฺติ วจีโมเนยฺย’’นฺติ อิมาย ปาฬิยา วุตฺตมตฺถํ อติทีเปนฺโต ‘‘วจีโมเนยฺเยปิ เอเสว นโย’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โจปนวาจฺเจว สทฺทวาจฺจ อารพฺภ ปวตฺตา ปฺา วาจารมฺมเณ าณํ. ตสฺสา วาจาย สมุทยาทิโต ปริชานนํ วาจาปริฺา.
‘‘กตมํ มโนโมเนยฺยํ? ติวิธมโนทุจฺจริตสฺส ปหานํ มโนโมเนยฺยํ, ติวิธํ มโนสุจฺจริตํ, มนารมฺมเณ าณํ, มนปริฺา, ปริฺาสหคโต มคฺโค, มนสฺมึ ฉนฺทราคสฺส ปหานํ, จิตฺตสงฺขารนิโรโธ สฺาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติ มโนโมเนยฺย’’นฺติ อิมาย ปาฬิยา อาคตนเยน อตฺถํ วิภาเวนฺโต ‘‘มโนโมเนยฺเยปิ อิมินาว นเยน อตฺถํ ตฺวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จ เอกาสีติวิธํ โลกิยจิตฺตํ อารพฺภ ปวตฺตาณํ มนารมฺมเณ าณํ. ตสฺส สมุทยาทิโต ปริชานนํ มนปริฺาติ อยํ วิเสโส.
โมเนยฺยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาปายิกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.