📜

๔. สมจิตฺตวคฺควณฺณนา

๓๓. จตุตฺถสฺส ปเม ภวนฺติ เอตฺถ ปติฏฺหนฺตีติ ภูมิ, อสปฺปุริสานํ ภูมิ อสปฺปุริสภูมิ. สปฺปุริสภูมิยมฺปิ เอเสว นโย. กตํ น ชานาตีติ อกตฺู, อสมตฺถสมาโสยํ คมกตฺตา ‘‘อสูริยปสฺสา’’ติอาทีสุ วิย. เตนาห ‘‘กตํ น ชานาตี’’ติ. อกตเวทีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปากฏํ กตฺวา น ชานาตีติ ‘‘อิทฺจิทฺจ มยฺหํ อิมินา กต’’นฺติ สงฺฆมชฺฌคณมชฺฌาทีสุ ปากฏํ กตฺวา น ชานาติ, น ปกาเสตีติ วุตฺตํ โหติ. อุปฺาตนฺติ โถมนาวเสน อุปคนฺตฺวา าตํ. เตนาห ‘‘วณฺณิต’’นฺติอาทิ.

๓๔. ทุติเย วสฺสสตปริมาณมายุ อสฺสาติ วสฺสสตายุโก, วสฺสสตายุกตฺจ วสฺสสตายุกกาเล ชาตสฺเสว โหติ, นาฺสฺสาติ อาห ‘‘วสฺสสตายุกกาเล ชาโต’’ติ. วสฺสสตํ ชีวติ สีเลนาติ วสฺสสตชีวี. วสฺสสตนฺติ จ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. เตนาห ‘‘สกลํ วสฺสสตํ ชีวนฺโต’’ติ. มาตาปิตูนํ มาตาว พหูปการตราติ ตสฺสาเยว ปธานภาเวน ปฏิกาตพฺพตฺตา ทกฺขิณํ อํสกูฏํ วทนฺติ. หทยโลหิตํ ปาเยตฺวาติ ขีรํ สนฺธาย วทติ. โลหิตฺหิ ขีรภาเวน ปริณามํ คจฺฉติ. ตฺยาสฺสาติ เต อสฺส. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

๓๕. ตติเย เตนุปสงฺกมีติ เอตฺถ เยนาธิปฺปาเยน โส พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ, ตํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘โส หิ พฺราหฺมโณ’’ติอาทิมาห. วิรชฺฌนปฺหนฺติ ยํ ปฺหํ ปุฏฺโ วิรชฺฌิตฺวา กเถสิ, อวิปรีตํ กตฺวา สมฺปาเทตุํ น สกฺโกติ, ตาทิสํ ปฺหนฺติ อตฺโถ. อุภโตโกฏิกํ ปฺหนฺติ อุโภหิ โกฏีหิ ยุตฺตํ ปฺหํ. ‘‘กึวาที ภวํ โคตโม’’ติ หิ ปุฏฺโ ‘‘กิริยวาทิมฺหี’’ติ วา วเทยฺย ‘‘อกิริยวาทิมฺหี’’ติ วา, ตสฺมา อิมสฺส ปฺหสฺส วิสฺสชฺชเน ‘‘กิริยวาทิมฺหี’’ติ เอกา โกฏิ, ‘‘อกิริยวาทิมฺหี’’ติ ทุติยาติ โกฏิทฺวยยุตฺโต อยํ ปฺโห. อุคฺคิลิตุนฺติ ทฺเว โกฏิโย โมเจตฺวา กเถตุํ อสกฺโกนฺโต พหิ นีหริตุํ อตฺถโต อปเนตุํ น สกฺขิสฺสติ. ทฺเว โกฏิโย โมเจนฺโต หิ ตํ พหิ นีหรติ นาม. นิคฺคิลิตุนฺติ ปุจฺฉาย โทสํ ทตฺวา หาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ปเวเสตุํ น สกฺขิสฺสติ. ตตฺถ โทสํ ทตฺวา หาเรนฺโต หิ คิลิตฺวา วิย อทสฺสนํ คเมนฺโต ปเวเสติ นาม. กึลทฺธิโกติ กึทฺทิฏฺิโก. วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, ทิฏฺิ. โก วาโท เอตสฺสาติ กึวาที. กิมกฺขายีติ กิมภิธายี, กีทิสี ธมฺมกถา. เตนาห ‘‘กึ นาม…เป… ปุจฺฉตี’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

๓๖. จตุตฺเถ ทกฺขิณํ อรหนฺตีติ ทกฺขิเณยฺยา. อาหุนํ วุจฺจติ ทานํ, ตํ อรหนฺตีติ อาหุเนยฺยา.

๓๗. ปฺจเม กถมยํ มิคารมาตา นาม ชาตาติ อาห ‘‘สา หี’’ติอาทิ. สพฺพเชฏฺกสฺส ปุตฺตสฺสาติ อตฺตโน ปุตฺเตสุ สพฺพปมํ ชาตสฺส ปุตฺตสฺส. อยฺยกเสฏฺิโนว สมานนามกตฺตาติ มิคารเสฏฺินา เอว สทิสนามกตฺตา. ตสฺสา กิร สพฺพเชฏฺสฺส ปุตฺตสฺส นามคฺคหณทิวเส อยฺยกสฺส มิคารเสฏฺิสฺเสว นามํ อกํสุ. อนิพทฺธวาโส หุตฺวาติ เอกสฺมึเยว วิหาเร นิพทฺธวาโส อหุตฺวา. ธุวปริโภคานีติ นิยตปริโภคานิ. นนุ ภควา กทาจิ จาริกมฺปิ ปกฺกมติ, กถํ ตานิ เสนาสนานิ ธุวปริโภเคน ปริภุฺชีติ อาห ‘‘อุตุวสฺสํ จาริกํ จริตฺวาปี’’ติอาทิ. ตตฺถ อุตุวสฺสนฺติ เหมนฺตคิมฺเห สนฺธาย วทติ. มคฺคํ เปตฺวาติ เถรสฺส อาคมนมคฺคํ เปตฺวา. อุณฺหวลาหกาติ อุณฺหอุตุโน ปจฺจยภูตเมฆมาลาสมุฏฺาปกา เทวปุตฺตา. เตสํ กิร ตถาจิตฺตุปฺปาทสมกาลเมว ยถิจฺฉิตํ านํ อุณฺหํ ผรมานา, วลาหกมาลา นาติพหลา อิโต จิโต นภํ ฉาเทนฺตี วิธาวติ. เอส นโย สีตวลาหกวสฺสวลาหกาสุ. อพฺภวลาหกา ปน เทวตา สีตุณฺหวสฺเสหิ วินา เกวลํ อพฺภปฏลสฺเสว สมุฏฺาปกา เวทิตพฺพา. เกวลํ วา วาตสฺเสว, เตเนว เทวตา วาตวลาหกา.

เอตฺถ จ ยํ วสฺสาเน จ สิสิเร จ อพฺภํ อุปฺปชฺชติ, ตํ อุตุสมุฏฺานํ ปากติกเมว. ยํ ปน อพฺภมฺหิเยว อติอพฺภํ สตฺตาหมฺปิ จนฺทสูริเย ฉาเทตฺวา เอกนฺธการํ กโรติ, ยฺจ จิตฺตเวสาขมาเสสุ อพฺภํ, ตํ เทวตานุภาเวน อุปฺปนฺนํ อพฺภนฺติ เวทิตพฺพํ. โย จ ตสฺมึ ตสฺมึ อุตุมฺหิ อุตฺตรทกฺขิณาทิปกติวาโต โหติ, อยํ อุตุสมุฏฺาโน. วาเตปิ วนรุกฺขกฺขนฺธาทิปฺปทาลโน อติวาโต นาม อตฺถิ. อยฺเจว, โย จ อฺโปิ อกาลวาโต, อยฺจ เทวตานุภาเวน นิพฺพตฺโต. ยํ คิมฺหาเน อุณฺหํ, ตํ อุตุสมุฏฺานิกํ ปากติเมว. ยํ ปน อุณฺเหปิ อติอุณฺหํ สีตกาเล จ อุปฺปนฺนํ อุณฺหํ, ตํ เทวตานุภาเวน นิพฺพตฺตํ. ยํ วสฺสาเน จ เหมนฺเต จ สีตํ โหติ, ตํ อุตุสมุฏฺานเมว. ยํ ปน สีเตปิ อติสีตํ, คิมฺเห จ อุปฺปนฺนํ สีตํ, ตํ เทวตานุภาเวน นิพฺพตฺตํ. ยํ วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส วสฺสํ, ตํ อุตุสมุฏฺานเมว, ยํ ปน วสฺเสเยว อติวสฺสํ, ยฺจ จิตฺตเวสาขมาเสสุ วสฺสํ, ตํ เทวตานุภาเวน นิพฺพตฺตํ.

ตตฺริทํ วตฺถุ – เอโก กิร วสฺสวลาหกเทวปุตฺโต ตครกูฏวาสิขีณาสวตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. เถโร – ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิ. อหํ, ภนฺเต, วสฺสวลาหโก เทวปุตฺโตติ . ตุมฺหากํ กิร จิตฺเตน เทโว วสฺสตีติ? อาม, ภนฺเตติ. ปสฺสิตุกามา มยนฺติ. เตมิสฺสถ, ภนฺเตติ. เมฆสีสํ วา คชฺชิตํ วา น ปฺายติ, กถํ เตมิสฺสามาติ? ภนฺเต, อมฺหากํ จิตฺเตน เทโว วสฺสติ, ตุมฺเห ปณฺณสาลํ ปวิสถาติ. สาธุ เทวปุตฺตาติ ปาเท โธวิตฺวา ปณฺณสาลํ ปาวิสิ. เทวปุตฺโต ตสฺมึ ปวิสนฺเตเยว เอกํ คีตํ คายิตฺวา หตฺถํ อุกฺขิปิ, สมนฺตา ติโยชนฏฺานํ เอกเมฆํ อโหสิ. เถโร อฑฺฒตินฺโต ปณฺณสาลํ ปวิฏฺโติ.

กามํ เหฏฺา วุตฺตาปิ เทวตา จาตุมหาราชิกาว, ตา ปน เตน เตน วิเสเสน วตฺวา อิทานิ ตทฺเ ปมภูมิเก กามาวจรเทเว สามฺโต คณฺหนฺโต ‘‘จาตุมหาราชิกา’’ติ อาห. ธตรฏฺวิรูฬฺหกวิรูปกฺขกุเวรสงฺขาตา จตฺตาโร มหาราชาโน เอเตสนฺติ จาตุมหาราชิกา, เต สิเนรุสฺส ปพฺพตสฺส เวมชฺเฌ โหนฺติ. เตสุ ปพฺพตฏฺกาปิ อตฺถิ อากาสฏฺกาปิ. เตสํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ ปตฺตา. ขิฑฺฑาปโทสิกา มโนปโทสิกา จนฺทิมา เทวปุตฺโต สูริโย เทวปุตฺโตติ เอเต สพฺเพปิ จาตุมหาราชิกเทวโลกฏฺา เอว.

ตาวตึสาติ ตาวตึสานํ เทวานํ นามํ, เตปิ อตฺถิ ปพฺพตฏฺกา, อตฺถิ อากาสฏฺกา, เตสํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ ปตฺตา. ตถา ยามาทีนํ. เอกเทวโลเกปิ หิ เทวานํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ อปฺปตฺตา นาม นตฺถิ. ตตฺถ มเฆน มาณเวน สทฺธึ มจลคาเม กาลํ กตฺวา เตตฺตึส สหปุฺการิโน เอตฺถ นิพฺพตฺตาติ ตํ สหจาริตํ านํ เตตฺตึสํ, ตเทว ตาวตึสํ, ตํ นิวาโส เอเตสนฺติ ตาวตึสาติ วทนฺติ. ยสฺมา ปน เสสจกฺกวาเฬสุปิ ฉกามาวจรเทวโลกา อตฺถิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘สหสฺสํ จาตุมหาราชิกานํ สหสฺสํ ตาวตึสาน’’นฺติ (อ. นิ. ๓.๘๑). ตสฺมา นามปณฺณตฺติเยเวสา ตสฺส เทวโลกสฺสาติ เวทิตพฺพา. ทุกฺขโต ยาตา อปยาตาติ ยามา. อตฺตโน สิริสมฺปตฺติยา ตุสํ อิตา คตาติ ตุสิตา. นิมฺมาเน รติ เอเตสนฺติ นิมฺมานรติโน. วสวตฺตี เทวตาติ ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน เทวา. ปรนิมฺมิเตสุ โภเคสุ วสํ วตฺเตนฺตีติ ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน.

พฺรูหิโต ปริวุทฺโธ เตหิ เตหิ ฌานาทีหิ วิสิฏฺเหิ คุเณหีติ พฺรหฺมา. วณฺณวนฺตตาย เจว ทีฆายุกตาย จ พฺรหฺมปาริสชฺชาทีหิ มหนฺโต พฺรหฺมาติ มหาพฺรหฺมา. ตสฺส ปริสายํ ภวา ปริจาริกาติ พฺรหฺมปาริสชฺชา. ตสฺเสว ปุโรหิตฏฺาเน ิตาติ พฺรหฺมปุโรหิตา. อาภสฺสเรหิ ปริตฺตา อาภา เอเตสนฺติ ปริตฺตาภา. อปฺปมาณา อาภา เอเตสนฺติ อปฺปมาณาภา. ทีปิกาย อจฺจิ วิย เอเตสํ สรีรโต อาภา ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปตนฺตี วิย สรติ วิสฺสรตีติ อาภสฺสรา, ยถาวุตฺตปฺปภาย อาภาสนสีลา วา อาภสฺสรา. สุภาติ โสภนา ปภา. สุภาติ หิ เอกคฺฆนา นิจฺจลา สรีราภา วุจฺจติ , สา ปริตฺตา สุภา เอเตสนฺติ ปริตฺตสุภา. อปฺปมาณา สุภา เอเตสนฺติ อปฺปมาณสุภา. สุเภน โอกิณฺณา วิกิณฺณา, สุเภน สรีรปฺปภาวณฺเณน เอกคฺฆนา สุวณฺณมฺชูสาย ปิตสมฺปชฺชลิตกฺจนปิณฺฑสสฺสิริกาติ สุภกิณฺณา. ตตฺถ โสภนาย ปภาย กิณฺณา สุภากิณฺณาติ วตฺตพฺเพ ภา-สทฺทสฺส รสฺสตฺตํ อนฺติม ณ-การสฺส ห-การฺจ กตฺวา ‘‘สุภกิณฺหา’’ติ วุตฺตํ. วิปุลผลา เวหปฺผลา. วิปุลผลาติ จ วิปุลสนฺตสุขวณฺณาทิผลา. อปฺปเกน กาเลน อตฺตโน านํ น วิชหนฺตีติ อวิหา. เกนจิ น ตปนียาติ อตปฺปา. อกิจฺเฉน สุเขน ปสฺสิตพฺพา มนุฺรูปตายาติ สุทสฺสา. สุปริสุทฺธทสฺสนตาย สมฺมา ปสฺสนฺติ สีเลนาติ สุทสฺสี. อุกฺกฏฺสมฺปตฺตีหิ โยคโต นตฺถิ เอเตสํ กนิฏฺา สมฺปตฺตีติ อกนิฏฺา.

กายสกฺขีหีติ นามกาเยน เทสนาย สมฺปฏิจฺฉนวเสน สกฺขิภูเตหิ. หลาหลนฺติ โกลาหลํ. มหคฺคตจิตฺเตนาติ จตุตฺถชฺฌานปาทเกน อภิฺาจิตฺเตน.

นนุ จ ‘‘อชฺฌตฺตนฺติ กามภโว, พหิทฺธาติ รูปารูปภโว’’ติ จ อยุตฺตเมตํ? ยสฺมิฺหิ ภเว สตฺตา พหุตรํ กาลํ วสนฺติ, โส เนสํ อชฺฌตฺตํ. ยสฺมิฺจ อปฺปตรํ กาลํ วสนฺติ, โส เนสํ พหิทฺธาติ วตฺตุํ ยุตฺตํ. รูปารูปภเว จ สตฺตา จิรตรํ วสนฺติ, อปฺปตรํ กามภเว, ตสฺมา ‘‘อชฺฌตฺตนฺติ กามภโว, พหิทฺธาติ รูปารูปภโว’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. จตุตฺถเมว โกฏฺาสนฺติ วิวฏฺฏฏฺายิสงฺขาตํ จตุตฺถํ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปํ. อิตเรสูติ สํวฏฺฏสํวฏฺฏฏฺายิวิวฏฺฏสงฺขาเตสุ ตีสุ อสงฺขฺเยยฺยกปฺเปสุ. อาลโยติ สงฺโค. ปตฺถนาติ ‘‘กถํ นาม ตตฺรูปปนฺนา ภวิสฺสามา’’ติ อภิปตฺถนา. อภิลาโสติ ตตฺรูปปชฺชิตุกามตา. ตสฺมาติอาทินา ยถาวุตฺตมตฺถํ นิคเมติ.

เอตฺถายํ อธิปฺปาโย – กสฺสจิปิ กิเลสสฺส อวิกฺขมฺภิตตฺตา เกนจิปิ ปกาเรน วิกฺขมฺภนมตฺเตนปิ อวิมุตฺโต กามภโว อชฺฌตฺตคฺคหณสฺส อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตคฺคาหสฺส วิเสสปจฺจโยติ อชฺฌตฺตํ นาม. ตตฺถ พนฺธนํ อชฺฌตฺตสํโยชนํ, เตน สํยุตฺโต อชฺฌตฺตสํโยชโน. ตพฺพิปริยายโต พหิทฺธาสํโยชโนติ.

ฉนฺทราควเสเนว อชฺฌตฺตสํโยชนํ พหิทฺธาสํโยชนฺจ ปุคฺคลํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ โอรมฺภาคิยอุทฺธมฺภาคิยสํโยชนวเสนปิ ทสฺเสตุํ ‘‘โอรมฺภาคิยานิ วา’’ติอาทิมาห. โอรํ วุจฺจติ กามธาตุ, ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยภาเวน ตํ โอรํ ภชนฺตีติ โอรมฺภาคิยานิ. ตตฺถ จ กมฺมุนา วิปากํ สตฺเตน จ ทุกฺขํ สํโยเชนฺตีติ สํโยชนานิ, สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสกามราคปฏิฆา. อุทฺธํ วุจฺจติ รูปารูปธาตุ, วุตฺตนเยเนตํ อุทฺธํ ภชนฺตีติ อุทฺธมฺภาคิยานิ, สํโยชนานิ. รูปราคารูปราคมานุทฺธจฺจาวิชฺชา. อถ วา โอรมฺภาโค วุจฺจติ กามธาตุ รูปารูปภวโต เหฏฺาภูตตฺตา, ตตฺรูปปตฺติยา ปจฺจยภาวโต โอรมฺภาคสฺส หิตานีติ โอรมฺภาคิยานิ ยถา ‘‘วจฺฉาโยโค ทุหโก’’ติ. อุทฺธมฺภาโค นาม มหคฺคตภาโว, ตสฺส หิตานิ อุทฺธมฺภาคิยานิ. ปาเทสุ พทฺธปาสาโณ วิย ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนานิ เหฏฺา อากฑฺฒมานาการานิ โหนฺติ. หตฺเถหิ คหิตรุกฺขสาขา วิย ปฺจุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ อุปริ อากฑฺฒมานาการานิ. เยสฺหิ สกฺกายทิฏฺิอาทีนิ อปฺปหีนานิ, เต ภวคฺเคปิ นิพฺพตฺเต เอตานิ อากฑฺฒิตฺวา กามภเวเยว ปาเตนฺติ, ตสฺมา เอตานิ ปฺจ คจฺฉนฺตํ วาเรนฺติ, คตํ ปุน อาเนนฺติ. รูปราคาทีนิ ปฺจ คจฺฉนฺตํ น วาเรนฺติ, อาคนฺตุํ ปน น เทนฺติ.

อสมุจฺฉินฺเนสุ โอรมฺภาคิยสํโยชเนสุ ลทฺธปจฺจเยสุ อุทฺธมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ อคณนูปคานิ โหนฺตีติ ลพฺภมานานมฺปิ ปุถุชฺชนานํ วเสน อวิภชิตฺวา อริยานํ โยควเสน วิภชิตุกาโม ‘‘อุภยมฺปิ เจต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ วฏฺฏนิสฺสิตมหาชนสฺสาติ ปุถุชฺชเน สนฺธาย วทติ. ทฺเวธา ปริจฺฉินฺโนติ กามสุคติรูปารูปภววเสน ทฺวีหิ ปกาเรหิ ปริจฺฉินฺโน.

วจฺฉกสาโลปมํ อุตฺตานตฺถเมว. โอปมฺมสํสนฺทเน ปน กสฺสจิ กิเลสสฺส อวิกฺขมฺภิตตฺตา, กถฺจิปิ อวิมุตฺโต กามภโว อชฺฌตฺตคฺคหณสฺส วิเสสปจฺจยตฺตา, อิเมสํ สตฺตานํ อพฺภนฺตรฏฺเน อนฺโต นาม. รูปารูปภโว ตพฺพิปริยายโต พหิ นาม. ตถา หิ ยสฺส โอรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ อปฺปหีนานิ, โส อชฺฌตฺตสํโยชโน วุตฺโต. ยสฺส ตานิ ปหีนานิ, โส พหิทฺธาสํโยชโน. ตสฺมา อนฺโต อสมุจฺฉินฺนพนฺธนตาย พหิ จ ปวตฺตมานภวงฺคสนฺตานตาย อนฺโตพทฺโธ พหิสยิโต นาม. นิรนฺตรปฺปวตฺตภวงฺคสนฺตานวเสน หิ สยิตโวหาโร. กามํ เนสํ พหิพนฺธนมฺปิ อสมุจฺฉินฺนํ, อนฺโตพนฺธนสฺส ปน มูลตาย เอวํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สํโยชนํ ปน เตสํ กามาวจรูปนิพทฺธเมวา’’ติ. อิมินา นเยน เสสตฺตเยปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

เอตฺตาวตา จ กิราติ กิร-สทฺโท อรุจิสํสูจนตฺโถ. เตเนตฺถ อาจริยวาทสฺส อตฺตโน อรุจฺจนภาวํ ทีเปติ. ‘‘สีลวา’’ติ อนามฏฺวิเสสสามฺโต สีลสงฺเขเปน คหิตํ, ตฺจ จตุพฺพิธนฺติ อาจริยตฺเถโร ‘‘จตุปาริสุทฺธิสีลํ อุทฺทิสิตฺวา’’ติ อาห. ตตฺถาติ จตุปาริสุทฺธิสีเลสุ. เชฏฺกสีลนฺติ ปธานสีลํ. อุภยตฺถาติ อุทฺเทสนิทฺเทเสสุ, นิทฺเทเส วิย อุทฺเทเสปิ ปาติโมกฺขสํวโรว เถเรน วุตฺโต ‘‘สีลวา’’ติ วุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโย. สีลคฺคหณฺหิ ปาฬิยํ ปาติโมกฺขสํวรวเสเนว อาคตํ. เตนาห ‘‘ปาติโมกฺขสํวโรเยวา’’ติอาทิ. ตตฺถ อวธารเณน อิตเรสํ ติณฺณํ เอกเทเสน ปาติโมกฺขนฺโตคธภาวํ ทีเปติ. ตถา หิ อโนโลกิโยโลกเน อาชีวเหตุ จ สิกฺขาปทวีติกฺกเม คิลานปจฺจยสฺส อปจฺจเวกฺขิตปริโภเค จ อาปตฺติ วิหิตาติ. ตีณีติ อินฺทฺริยสํวรสีลาทีนิ. สีลนฺติ วุตฺตฏฺานํ นาม อตฺถีติ สีลปริยาเยน เตสํ กตฺถจิ สุตฺเต คหิตฏฺานํ นาม กึ อตฺถิ ยถา ‘‘ปาติโมกฺขสํวโร’’ติ? อาจริยสฺส สมฺมุขตาย อปฺปฏิกฺขิปนฺโต อุปจาเรน ปุจฺฉนฺโต วิย วทติ. เตนาห ‘‘อนนุชานนฺโต’’ติ. ฉทฺวารรกฺขามตฺตกเมวาติ ตสฺส สลฺลหุกภาวมาห จิตฺตาธิฏฺานภาวมตฺเตน ปฏิปากติกภาวาปตฺติโต. อิตรทฺวเยปิ เอเสว นโย. ปจฺจยุปฺปตฺติมตฺตกนฺติ ผเลน เหตุํ ทสฺเสติ. อุปฺปาทนเหตุกา หิ ปจฺจยานํ อุปฺปตฺติ. อิทมตฺถนฺติ อิทํ ปโยชนํ อิมสฺส ปจฺจยสฺส ปริภุฺชเนติ อธิปฺปาโย. นิปฺปริยาเยนาติ อิมินา อินฺทฺริยสํวราทีนิ ตีณิ ปธานสฺส สีลสฺส ปริปาลนวเสน ปวตฺติยา ปริยายสีลานิ นามาติ ทสฺเสติ. อิทานิ ปาติโมกฺขสํวรสฺเสว ปธานภาวํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โส ปาติโมกฺขสํวโร. เสสานิ อินฺทฺริยสํวราทีนิ.

ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ โย หิ นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมกฺเขติ โมเจติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหีติ ปาติโมกฺขนฺติ ลทฺธนาเมน สิกฺขาปทสีเลน ปิหิตกายวจีทฺวาโร. โส ปน ยสฺมา เอวํภูโต เตน สมนฺนาคโต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปาตีโมกฺขสํวเรน สมนฺนาคโต’’ติ.

อปโร นโย – กิเลสานํ พลวภาวโต, ปาปกิริยาย จ สุกรภาวโต, ปุฺกิริยาย จ ทุกฺกรภาวโต พหุกฺขตฺตุํ อปาเยสุ ปตนสีโลติ ปาตี, ปุถุชฺชโน. อนิจฺจตาย วา ภวาทีสุ กมฺมเวคกฺขิตฺโต ฆฏิยนฺตํ วิย อนวฏฺาเนน ปริพฺภมนโต คมนโต คมนสีโลติ ปาตี, มรณวเสน ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย อตฺตภาวสฺส ปาตนสีโล วา ปาตี, สตฺตสนฺตาโน, จิตฺตเมว วา. ตํ ปาตึ สํสารทุกฺขโต โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขํ. จิตฺตสฺส หิ วิโมกฺเขน สตฺโต วิมุตฺโตติ วุจฺจติ. วุตฺตฺหิ ‘‘จิตฺตโวทานา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ, ‘‘อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’’นฺติ (มหาว. ๒๘) จ.

อถ วา อวิชฺชาทินา เหตุนา สํสาเร ปตติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ ปาติ, ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรต’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔) หิ วุตฺตํ, ตสฺส ปาติโน สตฺตสฺส ตณฺหาทิสํกิเลสตฺตยโต โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺโข. ‘‘กณฺเกาโฬ’’ติอาทีนํ วิยสฺส สมาสสิทฺธิ เวทิตพฺพา.

อถ วา ปาเตติ วินิปาเตติ ทุกฺเขติ ปาติ, จิตฺตํ. วุตฺตฺหิ –

‘‘จิตฺเตน นียเต โลโก, จิตฺเตน ปริกสฺสตี’’ติ; (สํ. นิ. ๑.๖๒);

ตสฺส ปาติโน โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺโข. ปตติ วา เอเตน อปายทุกฺเข สํสารทุกฺเข จาติ ปาติ, ตณฺหาทิสํกิเลโส. วุตฺตฺหิ –

‘‘ตณฺหา ชเนหิ ปุริสํ, (สํ. นิ. ๑.๕๖-๕๗) ตณฺหาทุติโย ปุริโส’’ติ (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕; อ. นิ. ๔.๙) จ อาทิ;

ตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข.

อถ วา ปตติ เอตฺถาติ ปาติ, ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ. วุตฺตฺหิ –

‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปนฺโน, ฉสุ กุพฺพติ สนฺถว’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๐; สุ. นิ. ๑๗๑);

ตโต ฉอชฺฌตฺติกพาหิรายตนสงฺขาตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข.

อถ วา ปาโต วินิปาโต อสฺส อตฺถีติ ปาตี, สํสาโร. ตโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข.

อถ วา สพฺพโลกาธิปติภาวโต ธมฺมิสฺสโร ภควา ‘‘ปตี’’ติ วุจฺจติ, มุจฺจติ เอเตนาติ โมกฺโข, ปติโน โมกฺโข ปติโมกฺโข เตน ปฺตฺตตฺตาติ, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. สพฺพคุณานํ วา มูลภาวโต อุตฺตมฏฺเน ปติ จ โส ยถาวุตฺตฏฺเน โมกฺโข จาติ ปติโมกฺโข, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปาติโมกฺขนฺติ อาทิเมตํ มุขเมตํ ปมุขเมต’’นฺติ (มหาว. ๑๓๕) วิตฺถาโร.

อถ วา ป-อิติ ปกาเร, อตีติ อจฺจนฺตตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา ปกาเรหิ อจฺจนฺตํ โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺโข. อิทฺหิ สีลํ สยํ ตทงฺควเสน, สมาธิสหิตํ ปฺาสหิตฺจ วิกฺขมฺภนวเสน, สมุจฺเฉทวเสน จ อจฺจนฺตํ โมกฺเขติ โมเจตีติ ปาติโมกฺโข. ปติ ปติ โมกฺโขติ วา ปติโมกฺโข, ตมฺหา ตมฺหา วีติกฺกมโทสโต ปจฺเจกํ โมกฺโขติ อตฺโถ. ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. โมกฺโข วา นิพฺพานํ, ตสฺส โมกฺขสฺส ปติพิมฺพภูโตติ ปติโมกฺโข. สีลสํวโร หิ สูริยสฺส อรุณุคฺคมนํ วิย นิพฺพานสฺส อุทยภูโต ตปฺปฏิภาโค วิย ยถารหํ กิเลสนิพฺพาปนโต ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขํเยว ปาติโมกฺขํ.

อถ วา โมกฺขํ ปติ วตฺตติ, โมกฺขาภิมุขนฺติ วา ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขเมว ปาติโมกฺขนฺติ เอวเมตฺถ ปาติโมกฺขสทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ กายิกวาจสิกอวีติกฺกมสงฺขาเตน อาจาเรน, นเวสิยาทิโคจรตาทิสงฺขาเตน โคจเรน สมฺปนฺโน, สมฺปนฺนอาจารโคจโรติ อตฺโถ. อปฺปมตฺตเกสูติ ปริตฺตเกสุ อนาปตฺติคมนีเยสุ. ‘‘ทุกฺกฏทุพฺภาสิตมตฺเตสู’’ติ อปเร. วชฺเชสูติ คารยฺเหสุ. เต ปน เอกนฺตโต อกุสลสภาวา โหนฺตีติ อาห ‘‘อกุสลธมฺเมสู’’ติ. ภยทสฺสีติ ภยโต ทสฺสนสีโล, ปรมาณุมตฺตมฺปิ วชฺชํ สิเนรุปฺปมาณํ วิย กตฺวา ภายนสีโล. สมฺมา อาทิยิตฺวาติ สมฺมเทว สกฺกจฺจํ สพฺพโสว อาทิยิตฺวา. สิกฺขาปเทสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมนฺติ สมุทายโต อวยวนิทฺธารณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สิกฺขาปเทสุ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ สมาทิยิตฺวา สิกฺขตี’’ติ อตฺถมาห, สิกฺขาปทเมว หิ สมาทาตพฺพํ สิกฺขิตพฺพฺจาติ อธิปฺปาโย. ยํ กิฺจิ สิกฺขาปเทสูติ สิกฺขาโกฏฺาเสสุ มูลปฺตฺติอนุปฺตฺติสพฺพตฺถปฺตฺติปเทสปฺตฺติอาทิเภทํ ยํ กิฺจิ สิกฺขิตพฺพํ. ยํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ ปูเรตพฺพํ สีลํ, ตํ ปน ทฺวารวเสน ทุวิธเมวาติ อาห ‘‘กายิกํ วา วาจสิกํ วา’’ติ. อิมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป สิกฺขาปเทสูติ อาธาเร ภุมฺมํ สิกฺขาภาเคสุ กสฺสจิ วิสุํ อคฺคหณโต. เตนาห ‘‘ตํ สพฺพ’’นฺติ.

อฺตรํ เทวฆฏนฺติ อฺตรํ เทวนิกายํ. อาคามี โหตีติ ปฏิสนฺธิวเสน อาคมนสีโล โหติ. อาคนฺตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อิมินา องฺเคนาติ อิมินา การเณน.

สุกฺขวิปสฺสโก เยภุยฺเยน จตุธาตุววตฺถานมุเขน กมฺมฏฺานาภินิเวสี โหตีติ อาห ‘‘สุกฺขวิปสฺสกสฺส ธาตุกมฺมฏฺานิกภิกฺขุโน’’ติ. วุตฺตเมวตฺถํ สมฺปิณฺเฑตฺวา นิคเมนฺโต ‘‘ปเมน องฺเคนา’’ติอาทิมาห.

จิตฺตสฺส สุขุมภาโว อิธ สุขมตฺตภาวมาปนฺเนน ทฏฺพฺโพติ อาห ‘‘สพฺพาปิ หิ ตา’’ติอาทิ. ตนฺติวเสนาติ เกวลํ ตนฺติฏฺปนวเสน, น ปน เถรสฺส กสฺสจิ มคฺคสฺส วา ผลสฺส วา อุปฺปาทนตฺถาย, นาปิ สมฺมาปฏิปตฺติยํ โยชนตฺถายาติ อธิปฺปาโย.

๓๘. ฉฏฺเ มหากจฺจาโนติ คิหิกาเล อุชฺเชนิรฺโ ปุโรหิตปุตฺโต อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก สุวณฺณวณฺโณ จ. วรณา นาม รุกฺโข, ตสฺส อวิทูเร ภวตฺตา นครมฺปิ วรณสทฺเทน วุจฺจตีติ อาห ‘‘วรณา นาม เอกํ นคร’’นฺติ. ทฺวนฺทปทสฺส ปจฺเจกํ อภิสมฺพนฺโธ โหตีติ เหตุสทฺทํ ปจฺเจกํ โยเชตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘กามราคาภินิเวสเหตู’’ติอาทิมาห. เหตุสทฺเทน สมฺพนฺเธ สติ โย อตฺโถ สมฺภวติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กามราเคน อภินิวิฏฺตฺตาติ เอเตน กามราคาภินิเวสเหตูติ อิมสฺส อตฺถํ ทีเปติ, ตถา วินิพทฺธตฺตาติอาทีหิ กามราควินิพทฺธเหตูติอาทีนํ. ตโต มุโขติ ตทภิมุโข. มานนฺติ อาฬฺหกาทิมานภณฺฑํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

๓๙. สตฺตเม มธุรายนฺติ อุตฺตรมธุรายํ. คุนฺทาวเนติ กณฺหคุนฺทาวเน, กาฬปิปฺปลิวเนติ อตฺโถ. ชราชิณฺเณติ ชราย ชิณฺเณ, น พฺยาธิอาทีนํ วเสน ชิณฺณสทิเส นาปิ อกาลิเกน ชราย อภิภูเต. วโยวุทฺเธติ ชิณฺณตฺตา เอว จสฺส วโยวุทฺธิปฺปตฺติยา วุทฺเธน สีลาทิวุทฺธิยา. ชาติมหลฺลเกติ ชาติยา มหนฺตตาย จิรรตฺตตาย มหลฺลเก, น โภคปริวาราทีหีติ อตฺโถ. อทฺธคเตติ เอตฺถ อทฺธ-สทฺโท ทีฆกาลวาจีติ อาห ‘‘ทีฆกาลทฺธานํ อติกฺกนฺเต’’ติ. วโยติ ปุริมปทโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘ปจฺฉิมวย’’นฺติ, วสฺสสตสฺส ตติยโกฏฺาสสงฺขาตํ ปจฺฉิมวยํ อนุปฺปตฺเตติ อตฺโถ.

ภวติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ภูมิ, การณนฺติ อาห ‘‘เยน การเณนา’’ติอาทิ. ปริปกฺโกติ ปริณโต, วุทฺธิภาวํ ปตฺโตติ อตฺโถ. โมฆชิณฺโณติ อนฺโต ถิรกรณานํ ธมฺมานํ อภาเวน ตุจฺฉชิณฺโณ นาม. พาลทารโกปิ ทหโรติ วุจฺจตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘ยุวา’’ติ วุตฺตํ. อติกฺกนฺตปมวยา เอว สตฺตา สภาเวน ปลิตสิรา โหนฺตีติ ปมวเย ิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุสุกาฬเกโส’’ติ วุตฺตํ. ภทฺเรนาติ ลทฺธเกน. เอกจฺโจ หิ ทหโรปิ สมาโน กาโณ วา โหติ กุณิอาทีนํ วา อฺตโร, โส น ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต นาม โหติ. โย ปน อภิรูโป โหติ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก สพฺพสมฺปตฺติสมฺปนฺโน ยํ ยเทว อลงฺการปริหารํ อิจฺฉติ, เตน เตน อลงฺกโต เทวปุตฺโต วิย จรติ, อยํ ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต นาม โหติ. เตเนวาห ‘‘เยน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต’’ติอาทิ.

ยมฺหิสจฺจฺจ ธมฺโม จาติ ยมฺหิ ปุคฺคเล โสฬสหากาเรหิ ปฏิวิทฺธตฺตา จตุพฺพิธํ สจฺจํ, าเณน สจฺฉิกตตฺตา นววิธโลกุตฺตรธมฺโม จ อตฺถิ. อหึสาติ เทสนามตฺตเมตํ, ยมฺหิ ปน จตุพฺพิธาปิ อปฺปมฺาภาวนา อตฺถีติ อตฺโถ. สํยโม ทโมติ สีลฺเจว อินฺทฺริยสํวโร จ. วนฺตมโลติ มคฺคาเณน นีหฏมโล. ธีโรติ ธิติสมฺปนฺโน. เถโรติ โส อิเมหิ ถิรภาวการเณหิ สมนฺนาคตตฺตา เถโรติ ปวุจฺจตีติ อตฺโถ.

๔๐. อฏฺเม ‘‘โจรา พลวนฺโต โหนฺตี’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา เยหิ การเณหิ เต พลวนฺโต โหนฺติ, เตสํ สพฺภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปกฺขสมฺปนฺนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ นิวาสฏฺานสมฺปนฺนตา คิริทุคฺคาทิสพฺภาวโต. อติยาตุนฺติ อนฺโต ยาตุํ, คนฺตุํ ปวิสิตุนฺติ อตฺโถ. ตํ ปน อนฺโตปวิสนํ เกนจิ การเณน พหิคตสฺส โหตีติ อาห ‘‘พหิทฺธา ชนปทจาริกํ จริตฺวา’’ติอาทิ. นิยฺยาตุนฺติ พหิ นิกฺขมิตุํ. ตฺจ พหินิกฺขมนํ พหิทฺธากรณีเย สติ สมฺภวตีติ อาห ‘‘โจรา ชนปทํ วิลุมฺปนฺตี’’ติอาทิ. อนุสฺาตุนฺติ อนุสฺจริตุํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

๔๑. นวเม มิจฺฉาปฏิปตฺตาธิกรณเหตูติ เอตฺถ อธิ-สทฺโท อนตฺถโกติ อาห ‘‘มิจฺฉาปฏิปตฺติยา กรณเหตู’’ติ. น อาราธโกติ น สมฺปาทโก น ปริปูรโก. ายติ ปฏิวิชฺฌนวเสน นิพฺพานํ คจฺฉตีติ าโย, โส เอว ตํสมงฺคินํ วฏฺฏทุกฺขปาตโต ธารณฏฺเน ธมฺโมติ าโย ธมฺโม, อริยมคฺโค. โส ปเนตฺถ สห วิปสฺสนาย อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘สหวิปสฺสนกํ มคฺค’’นฺติ. อาราธนํ นาม สํสิทฺธิ, สา ปน ยสฺมา สมฺปาทเนน ปริปูรเณน อิจฺฉิตา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สมฺปาเทตุํ ปูเรตุ’’นฺติ.

๔๒. ทสเม ทุคฺคหิเตหีติ อตฺถโต พฺยฺชนโต จ ทุฏฺุ คหิเตหิ, อูนาธิกวิปรีตปทปจฺจาภฏฺาทิวเสน วิโลเมตฺวา คหิเตหีติ อตฺโถ. อุปฺปฏิปาฏิยา คหิเตหีติ อิทํ ปน นิทสฺสนมตฺตํ ทุคฺคหสฺส อูนาธิกาทิวเสนปิ สมฺภวโต. เตเนวาห ‘‘อตฺตโน ทุคฺคหิตสุตฺตนฺตานํเยว อตฺถฺจ ปาฬิฺจ อุตฺตริตรํ กตฺวา ทสฺเสนฺตี’’ติ.

สมจิตฺตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.