📜
๑. ภณฺฑคามวคฺโค
๑-๒. อนุพุทฺธสุตฺตาทิวณฺณนา
๑-๒. จตุกฺกนิปาตสฺส ¶ ¶ ปเม อนุโพโธ ปุพฺพภาคิยํ าณํ, ปฏิเวโธ อนุโพเธน อภิสมโย. ตตฺถ ยสฺมา อนุโพธปุพฺพโก ปฏิเวโธ อนุโพเธน วินา น โหติ. อนุโพโธ หิ เอกจฺโจ ปฏิเวธสมฺพทฺโธ, ตทุภยาภาวเหตุกฺจ วฏฺเฏ สํสรณํ, ตสฺมา วุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘อนนุโพธา…เป… ตุมฺหากฺจา’’ติ. ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน ภวโต ภวนฺตรูปคมนํ สนฺธาวนํ, อปราปรํ จวนูปปชฺชนวเสน สฺจรณํ สํสรณนฺติ อาห ‘‘ภวโต’’ติอาทิ. สนฺธาวิตสํสริตปทานํ กมฺมสาธนตํ สนฺธายาห ‘‘มยา จ ตุมฺเหหิ จา’’ติ ปมวิกปฺเป. ทุติยวิกปฺเป ปน ภาวสาธนตํ หทเย กตฺวา ‘‘มมฺเจว ตุมฺหากฺจา’’ติ ยถารุตวเสเนว วุตฺตํ ¶ . ทีฆรชฺชุนา พทฺธสกุณํ วิย รชฺชุหตฺโถ ปุริโส เทสนฺตรํ ตณฺหารชฺชุนา พทฺธํ สตฺตสนฺตานํ อภิสงฺขาโร ภวนฺตรํ เนติ เอตายาติ ภวเนตฺติ. เตนาห ‘‘ภวรชฺชู’’ติอาที.
วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตกโรติ สกลวฏฺฏทุกฺขสฺส สกสนฺตาเน ปรสนฺตาเน จ วินาสกโร อภาวกโร. พุทฺธจกฺขุธมฺมจกฺขุทิพฺพจกฺขุมํสจกฺขุสมนฺตจกฺขุสงฺขาเตหิ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา. สวาสนานํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา สาติสยํ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต. ทุติยํ อุตฺตานเมว.
อนุพุทฺธสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓-๔. ปมขตสุตฺตาทิวณฺณนา
๓-๔. ตติเย ¶ กลินฺติ อปราธํ. วิจินาตีติ อาจิโนติ ปสวติ. เตน จ กลินา สุขํ น ปฏิลภตีติ เตน อปราเธน สุขํ น วินฺทติ. นินฺทิยปฺปสํสาย หิ ปสํสิยนินฺทาย จ สมโกว วิปาโก. ปสํสิยนินฺทาติ จ สมฺปนฺนคุณปริธํสนวเสน ปวตฺติยา มหาสาวชฺชตาย กฏุกตรวิปากา. นินฺทิยปฺปสํสา ปน กถํ ตาย สมวิปากาติ เจ? ตสฺมึ อวิชฺชมานคุณสมาโรปเนน อตฺตโน ปเรสฺจ มิจฺฉาปฏิปตฺติเหตุภาวโต ปสํสิเยน ตสฺส สพฺภาวกรณโต จ. โลเกปิ หิ อสูรํ สูเรน สมํ กโรนฺโต คารยฺโห โหติ, ปเคว ทุปฺปฏิปนฺนํ สุปฺปฏิปนฺเนน สมํ กโรนฺโตติ. สเกน ธเนนาติ อตฺตโน สาปเตยฺเยน. อปฺปมตฺตโกว กลีติ ทิฏฺธมฺมิกตฺตา สปฺปฏิการตฺตา จ อปฺปมตฺตโก อปราโธ. อยํ…เป… มหนฺตตโร กลิ กตูปจิตตฺตา สมฺปรายิกตฺตา อปฺปฏิการตฺตา จ.
นิรพฺพุโทติ คณนาวิเสโส เอโสติ อาห ‘‘นิรพฺพุทคณนายา’’ติ, สตสหสฺสํ นิรพฺพุทาติ อตฺโถ. นิรพฺพุทปริมาณํ ปน วสฺสคณนาย เอวํ เวทิตพฺพํ. ยเถว หิ สตํ สตสหสฺสานํ โกฏิ โหติ, เอวํ สตํ สตสหสฺสานํ โกฏิโย ปโกฏิ นาม โหติ, สตํ สตสหสฺสานํ ปโกฏิโย โกฏิปโกฏิ, สตํ สตสหสฺสโกฏิปโกฏิโย นหุตํ, สตํ สตสหสฺสนหุตานิ นินฺนหุตํ, สตํ สตสหสฺสนินฺนหุตานิ เอกํ อพฺพุทํ, ตโต วีสติคุณิตํ นิรพฺพุทํ. ยํ อริเย ครหนฺโต นิรยํ อุปปชฺชตีติ อริเย ครหนฺโต ยํ นิรพฺพุทสงฺขาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ, นิรพฺพุโทติ จ ปาฏิเยกฺโก นิรโย นตฺถิ, อวีจิมฺหิเยว ปน นิรพฺพุทคณนาย ปจฺจิตพฺพฏฺานสฺเสตํ นามํ. จตุตฺถํ อุตฺตานเมว.
ปมขตสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อนุโสตสุตฺตวณฺณนา
๕. ปฺจเม ¶ อนุโสตํ คจฺฉตีติ สํสารโสตสฺส อนุกูลภาเวน คจฺฉติ. ปจฺจนีกปฏิปตฺติยาติ สํสารโสตสฺส ปฏิกูลวเสน ปวตฺตนิพฺพิทานุปสฺสนาทิปฏิปตฺติยา ¶ . ิตสภาโวติ อจลปฺปสาทาทิสมนฺนาคเมน ิตสภาโว. อนาคามี หิ อสฺสทฺธิเยหิ กามราคพฺยาปาเทหิ อกมฺปนิยจิตฺตตาย ตมฺหา โลกา อนาวตฺติธมฺมตาย จ ิตสภาโว นาม. โอฆํ ตริตฺวาติ กาโมฆาทิจตุพฺพิธํ โอฆํ อติกฺกมิตฺวา. ปรตีรํ คโตติ นิพฺพานปารํ คโต. พฺราหฺมโณติ พาหิตปาปตาย พฺราหฺมโณติ สงฺขํ คโต ขีณาสโว. เตนาห ‘‘เสฏฺโ นิทฺโทโส’’ติ. ปฺจเวรกมฺมนฺติ ปาณาติปาตาทิปฺจทุจฺจริตํ. สหาปิ ทุกฺเขน สหาปิ โทมนสฺเสนาติ กิเลสปริยุฏฺาเน สติ อุปฺปนฺเนน ทุกฺขโทมนสฺเสน สทฺธิมฺปิ. ปริปุณฺณนฺติ ติสฺสนฺนํ สิกฺขานํ เอกายปิ อนูนํ. ปริสุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํ. พฺรหฺมจริยนฺติ เสฏฺจริยํ. อิมินา วาเรน โสตาปนฺนสกทาคามิโน กถิตา. กึ ปน เต รุทนฺตา พฺรหฺมจริยํ จรนฺตีติ? อาม, กิเลสโรทเนน โรทนฺตา จรนฺติ นาม, สีลสมฺปนฺโน ปุถุชฺชนภิกฺขุ เอตฺเถว สงฺคหิโต.
เจโตวิมุตฺตินฺติ ผลสมาธึ. ปฺาวิมุตฺตินฺติ ผลาณํ. ฉหากาเรหิ ปารคโตติ อภิฺาปารคู, ปริฺาปารคู, ภาวนาปารคู, ปหานปารคู, สจฺฉิกิริยาปารคู, สมาปตฺติปารคูติ เอวํ ฉหิ อากาเรหิ สพฺพธมฺมานํ ปารํ ปริโยสานํ คโต. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
อนุโสตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อปฺปสฺสุตสุตฺตวณฺณนา
๖. ฉฏฺเ อปฺปกํ สุตํ โหตีติ นวงฺคสตฺถุสาสเน กิฺจิเทว สุตํ โหติ. ตเทว นวงฺคสตฺถุสาสนํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุตฺตํ เคยฺย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สุตฺตาทีนิ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อุภโตวิภงฺคนิทฺเทสกฺขนฺธกปริวารา’’ติอาทิมาห. กถํ ปนายํ วิภาโค ยุชฺเชยฺย. สคาถกฺหิ สุตฺตํ เคยฺยํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ เวยฺยากรณํ. ตทุภยวินิมุตฺตฺจ สุตฺตํ อุทานาทิวิเสสสฺารหิตํ นตฺถิ, ยํ สุตฺตงฺคํ สิยา. มงฺคลสุตฺตาทีนฺจ (ขุ. ปา. ๕.๑ อาทโย; สุ. นิ. ๒๖๑ อาทโย) สุตฺตงฺคสงฺคโห น สิยา คาถาภาวโต ธมฺมปทาทีนํ วิย ¶ . เคยฺยงฺคสงฺคโห วา สิยา สคาถกตฺตา สคาถาวคฺคสฺส วิย. ตถา อุภโตวิภงฺคาทีสุ สคาถกปฺปเทสานนฺติ? วุจฺจเต –
‘‘สุตฺตนฺติ ¶ สามฺวิธิ, วิเสสวิธโย ปเร;
สนิมิตฺตา นิรุฬฺหตฺตา, สหตาฺเน นาฺโต’’. (เนตฺติ. อฏฺ. สงฺคหวารวณฺณนา; ที. นิ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา; สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา)
สพฺพสฺสปิ หิ พุทฺธวจนสฺส สุตฺตนฺติ อยํ สามฺวิธิ. เตเนวาห อายสฺมา มหากจฺจาโน เนตฺติยํ (เนตฺติ. สงฺคหวาโร) ‘‘นววิธสุตฺตนฺตปริเยฏฺี’’ติ. เอตฺตกํ ตสฺส ภควโต สุตฺตาคตํ สุตฺตปริยาปนฺนํ (ปาจิ. ๖๕๕, ๑๒๔๒) สกวาเท ปฺจ สุตฺตสตานีติ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; กถา. อฏฺ. นิทานกถา) เอวมาทิ จ เอตสฺส อตฺถสฺส สาธกํ. วิเสสวิธโย ปเร สนิมิตฺตา ตเทกเทเสสุ เคยฺยาทโย วิเสสวิธโย เตน เตน นิมิตฺเตน ปติฏฺิตา. ตถา หิ เคยฺยสฺส สคาถกตฺตํ ตพฺภาวนิมิตฺตํ. โลเกปิ หิ สสิโลกํ สคาถกํ วา จุณฺณิยคนฺถํ ‘‘เคยฺย’’นฺติ วทนฺติ. คาถาวิรเห ปน สติ ปุจฺฉํ กตฺวา วิสฺสชฺชนภาโว เวยฺยากรณสฺส ตพฺภาวนิมิตฺตํ. ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนฺหิ ‘‘พฺยากรณ’’นฺติ วุจฺจติ. พฺยากรณเมว เวยฺยากรณํ. เอวํ สนฺเต สคาถกาทีนมฺปิ ปุจฺฉํ กตฺวา วิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺตานํ เวยฺยากรณภาโว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ เคยฺยาทิสฺานํ อโนกาสภาวโต, ‘‘คาถาวิรเห สตี’’ติ วิเสสิตตฺตา จ. ตถา หิ ธมฺมปทาทีสุ เกวลํ คาถาพนฺเธสุ สคาถกตฺเตปิ โสมนสฺสาณมยิกคาถายุตฺเตสุ ‘‘วุตฺตํ เหต’’นฺติอาทีวจนสมฺพนฺเธสุ อพฺภุตธมฺมปฺปฏิสํยุตฺเตสุ จ สุตฺตวิเสเสสุ ยถากฺกมํ คาถาอุทานอิติวุตฺตกอพฺภุตธมฺมสฺา ปติฏฺิตา, ตถา สติปิ คาถาพนฺธภาเว ภควโต อตีตาสุ ชาตีสุ จริยานุภาวปฺปกาสเกสุ ชาตกสฺา, สติปิ ปฺหวิสฺสชฺชนภาเว สคาถกตฺเต จ เกสุจิ สุตฺตนฺเตสุ เวทสฺส ลภาปนโต เวทลฺลสฺา ปติฏฺิตาติ เอวํ เตน เตน สคาถกตฺตาทินา นิมิตฺเตน เตสุ เตสุ สุตฺตวิเสเสสุ เคยฺยาทิสฺา ปติฏฺิตาติ วิเสสวิธโย สุตฺตงฺคโต ปเร เคยฺยาทโย. ยํ ปเนตฺถ เคยฺยงฺคาทินิมิตฺตรหิตํ, ตํ สุตฺตงฺคํ วิเสสสฺาปริหาเรน สามฺสฺาย ปวตฺตนโต. นนุ จ สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ ¶ เวยฺยากรณนฺติ สุตฺตงฺคํ น สมฺภวตีติ โจทนา ตทวตฺถาวาติ? น ตทวตฺถา โสธิตตฺตา. โสธิตฺหิ ปุพฺเพ ‘‘คาถาวิรเห สติ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนภาโว เวยฺยากรณสฺส ตพฺภาวนิมิตฺต’’นฺติ.
ยฺจ วุตฺตํ – ‘‘คาถาภาวโต มงฺคลสุตฺตาทีนํ สุตฺตงฺคสงฺคโห น สิยา’’ติ, ตํ น, นิรุฬฺหตฺตา. นิรุฬฺโห หิ มงฺคลสุตฺตาทีนํ สุตฺตภาโว. น หิ ตานิ ธมฺมปทพุทฺธวํสาทโย วิย คาถาภาเวน ปฺาตานิ, อถ โข สุตฺตภาเวเนว, เตเนว หิ อฏฺกถายํ ‘‘สุตฺตนามก’’นฺติ นามคฺคหณํ ¶ กตํ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘สคาถกตฺตา เคยฺยงฺคสงฺคโห สิยา’’ติ, ตทปิ นตฺถิ, ยสฺมา สหตาฺเน. สห คาถาหีติ หิ สคาถกํ. สหภาโว นาม อตฺถโต อฺเน โหติ, น จ มงฺคลสุตฺตาทีสุ คาถาวินิมุตฺโต โกจิ สุตฺตปฺปเทโส อตฺถิ, โย ‘‘สห คาถาหี’’ติ วุจฺเจยฺย, น จ สมุทาโย นาม โกจิ อตฺถิ. ยทปิ วุตฺตํ – ‘‘อุภโตวิภงฺคาทีสุ สคาถกปฺปเทสานํ เคยฺยงฺคสงฺคโห สิยา’’ติ, ตทปิ น, อฺโต. อฺา เอว หิ ตา คาถา ชาตกาทิปริยาปนฺนตฺตา. อโต น ตาหิ อุภโตวิภงฺคาทีนํ เคยฺยงฺคภาโวติ. เอวํ สุตฺตาทีนํ องฺคานํ อฺมฺํ สงฺกราภาโว เวทิตพฺโพ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกาย วินยสํวณฺณนาย สารตฺถทีปนิยา (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) อมฺเหหิ ปกาสิโต, อิจฺฉนฺเตหิ ตโตเยว คเหตพฺโพ.
น อตฺถมฺาย ธมฺมมฺาย ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน โหตีติ อฏฺกถาฺจ ปาฬิฺจ ชานิตฺวา โลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุรูปธมฺมํ ปุพฺพภาคปฺปฏิปทํ ปฏิปนฺโน น โหตีติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. เตเนวาห ‘‘น อตฺถมฺาย ธมฺมมฺายาติ อฏฺกถฺจ ปาฬิฺจ ชานิตฺวา…เป… น ปฏิปนฺโน โหตี’’ติ.
อปฺปสฺสุตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. โสภนสุตฺตวณฺณนา
๗. สตฺตเม ปฺาเวยฺยตฺติเยนาติ สจฺจสมฺปฏิเวธาทิปฺาเวยฺยตฺติเยน. วินยํ อุเปตาติ ตทงฺคาทิวเสน กิเลสานํ วินยํ อุเปตา. เวสารชฺเชนาติ ¶ สารชฺชกรานํ ทิฏฺิวิจิกิจฺฉาทิปาปธมฺมานํ วิคมนโต เวสารชฺเชน, สารชฺชรหิเตนาติ อตฺโถ. เตปิฏกวเสน พหุ สุตํ เอเตสนฺติ พหุสฺสุตา. ตเมว ปริยตฺติธมฺมํ ธาเรนฺติ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสํ วิย วินสฺสนฺตํ อกตฺวา สุปฺปคุณสุปฺปวตฺติภาเวน หทเย เปนฺตีติ ธมฺมธรา. เอทิสา จ อตฺตนา สุตสฺส ธมฺมสฺส อาธารภูตา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘สุตธมฺมานํ อาธารภูตา’’ติ.
โสภนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. เวสารชฺชสุตฺตวณฺณนา
๘. อฏฺเม ¶ พฺยาโมหวเสน สรณปริเยสนํ สารชฺชนํ สารโท, พฺยาโมหภยํ. วิคโต สารโท เอตสฺสาติ วิสารโท, ตสฺส ภาโว เวสารชฺชํ. ตํ ปน าณสมฺปทํ, ปหานสมฺปทํ, เทสนาวิเสสสมฺปทํ เขมฺจ นิสฺสาย ปวตฺตํ จตุพฺพิธปจฺจเวกฺขณาณํ. เตนาห ‘‘จตูสุ าเนสู’’ติอาทิ. อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํ, เสฏฺฏฺานํ. สพฺพฺุตปฏิชานนวเสน อภิมุขํ คจฺฉนฺติ, อฏฺ วา ปริสา อุปสงฺกมนฺตีติ อาสภา, ปุพฺพพุทฺธา. อิทํ ปนาติ พุทฺธานํ านํ สพฺพฺุตเมว วทติ. ติฏฺมาโนวาติ อวทนฺโตปิ ติฏฺมาโนว ปฏิชานาติ นามาติ อตฺโถ. อุปคจฺฉตีติ อนุชานาติ.
อฏฺสุ ปริสาสูติ ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, อเนกสตํ ขตฺติยปริสํ อุปสงฺกมิตา…เป… พฺราหฺมณปริสํ คหปติปริสํ, สมณปริสํ, จาตุมหาราชิกปริสํ, ตาวตึสปริสํ, มารปริสํ, พฺรหฺมปริสํ อุปสงฺกมิตา, ตตฺรปิ มยา สนฺนิสินฺนปุพฺพฺเจว สลฺลปิตปุพฺพฺจ สากจฺฉา จ สมาปชฺชิตปุพฺพา. ตตฺร วต มํ ‘ภยํ วา สารชฺชํ วา โอกฺกมิสฺสตี’ติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๑) เอวํ วุตฺตปริสาสุ. อภีตนาทํ นทตีติ ปรโต ทสฺสิตาณโยเคน วิสารโท อหนฺติ อภีตนาทํ นทติ. สีหนาทสุตฺเตนาติ ขนฺธวคฺเค อาคเตน สีหนาทสุตฺเตน.
‘‘เทวมนุสฺสานํ จตุจกฺกํ วตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๑) สุตฺตเสเสน สปฺปุริสูปนิสฺสยาทิผลสมฺปตฺติปวตฺติ วุตฺตา, ปุริมสปฺปุริสูปนิสฺสยาทิอุปนิสฺสยา ปจฺฉิมสปฺปุริสูปนิสฺสยาทิสมฺปตฺติปวตฺติ ¶ วา วุตฺตา. อาทิ-สทฺเทน ตตฺถ จ จกฺกสทฺทสฺส คหณํ เวทิตพฺพํ. วิจกฺกสณฺานา อสนิ เอว อสนิวิจกฺกํ. อุรจกฺกาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน อาณาสมูหาทีสุปิ จกฺกสทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพา. ‘‘สงฺฆเภทํ กริสฺสาม จกฺกเภท’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๔๐๙; จูฬว. ๓๔๓) หิ อาณา ‘‘จกฺก’’นฺติ วุตฺตา. ‘‘เทวจกฺกํ อสุรจกฺก’’นฺติอาทีสุ สมูโหติ.
ปฏิเวธนิฏฺตฺตา อรหตฺตมคฺคาณํ ปฏิเวโธติ ‘‘ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามา’’ติ วุตฺตํ. เตน ปฏิลทฺธสฺสปิ เทสนาาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ ปรสฺส พุชฺฌนมตฺเตน โหตีติ ‘‘อฺาสิโกณฺฑฺสฺส โสตาปตฺติ…เป… ผลกฺขเณ ปวตฺตํ นามา’’ติ วุตฺตํ. ตโต ปรํ ปน ยาว ปรินิพฺพานา เทสนาาณปฺปวตฺติ ตสฺเสว ปวตฺติตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส านนฺติ เวทิตพฺพํ.
ทสฺสิตธมฺเมสูติ ¶ วุตฺตธมฺเมสุ. วจนมตฺตเมว หิ เตสํ, น ปน ทสฺสนํ ตาทิสสฺเสว ธมฺมสฺส อภาวโต. ภควโต เอว วา ‘‘อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺโธ’’ติ ปรสฺส วจนวเสน ทสฺสิตธมฺเมสุ. ‘‘ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๑๘-๗๒๑) วิย ธมฺม-สทฺโท เหตุปริยาโยติ อาห ‘‘สหธมฺเมนาติ สเหตุนา’’ติ. เหตูติ จ อุปปตฺติสาธนเหตุ เวทิตพฺโพ, น การโก, สมฺปาปโก วา. นิมิตฺตนฺติ โจทนาย การณํ. ตตฺถ โจทโก โจทนํ กโรตีติ การณํ, ธมฺโม โจทนํ กโรติ เอเตนาติ การณํ. เตนาห ‘‘ปุคฺคโลปี’’ติอาทิ. เขมนฺติ เกนจิ อปฺปฏิพาหิยภาเวน อนุปทฺทุตํ.
อนฺตราโย เอเตสํ อตฺถิ, อนฺตราเย วา นิยุตฺตาติ อนฺตรายิกา. เอวํภูตา ปน เต ยสฺมา อนฺตรายกรา นาม โหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘อนฺตรายํ กโรนฺตีติ อนฺตรายิกา’’ติ. อสฺจิจฺจ วีติกฺกเม นาติสาวชฺชาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สฺจิจฺจ วีติกฺกนฺตา’’ติ. สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธาติอาทิ นิทสฺสนมตฺตํ อิตเรสมฺปิ จตุนฺนํ ‘‘อนฺตรายิกา’’ติ วุตฺตธมฺมานํ ตพฺภาเว พฺยภิจาราภาวโต. อิธ ปน เมถุนธมฺโม อธิปฺเปโตติ อิทํ อฏฺุปฺปตฺติวเสน วุตฺตํ อริฏฺสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๔๑๗) วิย. ยสฺมา ตํขณมฺปิ กามานํ อาทีนวํ ทิสฺวา วิรโต โหติ เจ, วิเสสํ อธิคจฺฉติ, น กาเมสุ อาสตฺโต, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เมถุน…เป…อนฺตราโย โหตี’’ติ. ตตฺถ ยสฺส กสฺสจีติ น เกวลํ ปพฺพชิตสฺเสว, อถ โข ¶ ยสฺส กสฺสจิ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เมถุนมนุยุตฺตสฺส, มุสฺสเตวาปิ สาสน’’นฺติ (สุ. นิ. ๘๒๐).
ตสฺมึ อนิยฺยานิกธมฺเมติ ตสฺมึ ปเรหิ ปริกปฺปิตอนิยฺยานิกธมฺมนิมิตฺตํ. นิมิตฺตตฺเถ หิ อิทํ กมฺมสํโยเค ภุมฺมํ.
อุปนิพทฺธาติ วิรจิตา. เตนาห ‘‘อภิสงฺขตา’’ติ. ปุถุภาวนฺติ พหุภาวํ. ปุถูหิ วา สิตาติ พหูหิ สมณพฺราหฺมเณหิ สิตา อุปนิพทฺธา.
เวสารชฺชสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ตณฺหุปฺปาทสุตฺตวณฺณนา
๙. นวเม ภวติ เอเตน อาโรคฺยนฺติ ภโว, คิลานปจฺจโย. ปริวุทฺโธ ภโว อภโว. วุทฺธิอตฺโถ หิ อยมกาโร ยถา ‘‘สํวราสํวโร, ผลาผล’’นฺติ จ. สปฺปินวนีตาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน ¶ เตลมธุผาณิตาทีนํ คหณํ. สปฺปินวนีตาทิคฺคหณฺเจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ, สพฺพสฺสปิ คิลานปจฺจยสฺส สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ภวาภโวติ วา ขุทฺทโก เจว มหนฺโต จ อุปปตฺติภโว เวทิตพฺโพ. เตเนวาห ‘‘สมฺปตฺติภเวสู’’ติอาทิ. ภโวติ วา สมฺปตฺติ, อภโวติ วิปตฺติ. ภโวติ วุทฺธิ, อภโวติ หานิ. ตํนิมิตฺตฺจ ตณฺหา อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ ‘‘ภวาภวเหตุ วา’’ติ.
ตณฺหาทุติโยติ ตณฺหาสหาโย. ตณฺหา หิ นิรุทกกนฺตาเร มรีจิกาย อุทกสฺา วิย ปิปาสาภิภูตํ ตสิตํ สตฺตํ อสฺสาสทสฺสนวเสน สหายกิจฺจํ กโรนฺตี ภวาทีสุ อนิพฺพินฺนํ กตฺวา ปริพฺภมาเปติ. ตถา หิ ตํ ปปาตกํ อจินฺเตตฺวา มธุคฺคณฺหนกลุทฺทกา วิย อเนกาทีนวากุเลสุ ภเวสุ อานิสํสเมว ทสฺเสนฺตี อนตฺถชาเล สา ปริพฺภมาเปติ, ตสฺมา ตณฺหา ‘‘ปุริสสฺส ทุติยา’’ติ วุตฺตา. นนุ จ อฺเปิ กิเลสาทโย ภวนิพฺพตฺติปจฺจยาติ? สจฺจเมตํ, น ปน ตถา วิเสสปจฺจโย, ยถา ตณฺหา. ตถา หิ สา กุสเลหิ วินา ¶ อกุสเลหิ, กามาวจราทิกุสเลหิ จ วินา รูปาวจราทิกุสเลหิ ภวนิพฺพตฺติยา วิเสสปจฺจโย. ยโต สมุทยสจฺจนฺติ วุจฺจตีติ. อิตฺถภาวฺถาภาวนฺติ อิตฺถภาโว จ อฺถาภาโว จ อิตฺถภาวฺถาภาโว, โส เอตสฺส อตฺถีติ อิตฺถภาวฺถาภาโว, สํสาโร, ตํ อิตฺถภาวฺถาภาวํ. ตตฺถ อิตฺถภาโว มนุสฺสตฺตํ, อฺถาภาโว ตโต อวสิฏฺสตฺตาวาสา. อิตฺถภาโว วา เตสํ เตสํ สตฺตานํ ปจฺจุปฺปนฺโน อตฺตภาโว, อฺถาภาโว อนาคตตฺตภาโว. เอวรูโป วา อฺโปิ อตฺตภาโว อิตฺถภาโว, น เอวรูโป อฺถาภาโว. เตเนวาห ‘‘อิตฺถภาวฺถาภาวนฺติ เอตฺถ อิตฺถภาโว นาม อยํ อตฺตภาโว’’ติอาทิ. สํสรณํ สํสาโร.
‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;
อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจติ’’. (วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๙; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๕ อปสาทนาวณฺณนา; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๖๐; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๑๙๙; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; วิภ. อฏฺ. ๒๒๖ สงฺขารปทนิทฺเทโส; สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๕๒๓; อุทา. อฏฺ. ๓๙; อิติวุ. อฏฺ. ๑๔);
เตนาห ‘‘ขนฺธธาตุอายตนานํ ปฏิปาฏิ’’นฺติ, ขนฺธธาตุอายตนานํ เหตุผลภาเวน อปราปรปฺปวตฺตินฺติ อตฺโถ.
เอวมาทีนวํ ¶ ตฺวาติ เอตฺถ เอตมาทีนวํ ตฺวาติปิ ปนฺติ, เอตํ สกลวฏฺฏทุกฺขสฺส สมฺภวํ สมุทยํ ตณฺหํ อาทีนวํ ตฺวาติ อตฺโถ. อถ วา เอวมาทีนวํ ตฺวาติ เอตํ ยถาวุตฺตํ สํสารานติวตฺตนอาทีนวํ โทสํ ตฺวา. นิคฺคหโณติ จตุรูปาทานสงฺขาตสฺส สพฺพสฺส คหณสฺส ปฏินิสฺสชฺชเนน นิคฺคหโณ, ขนฺธปรินิพฺพาเนน สงฺขารปฺปวตฺติโต อปคจฺเฉยฺยาติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ตณฺหุปฺปาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. โยคสุตฺตวณฺณนา
๑๐. ทสเม โยเชนฺตีติ กมฺมํ วิปาเกน ภวาทึ, ภวนฺตราทีหิ ทุกฺเขน สตฺตํ โยเชนฺติ ฆเฏนฺตีติ โยคา. กามนฏฺเน กาโม จ โส ยถาวุตฺเตนตฺเถน โยโค จาติ กามโยโค. ภวโยโค นาม ภวราโคติ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปารูปภเวสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปโม ¶ อุปปตฺติภเวสุ ราโค, ทุติโย กมฺมภเวสุ, ตติโย ภวทิฏฺิสหคโต ยถา รชฺชนฏฺเน ราโค, เอวํ ยุชฺชนฏฺเน โยโคติ วุตฺโต. จตูสุ สจฺเจสุ อฺาณนฺติ อิทํ สุตฺตนฺตนยํ นิสฺสาย วุตฺตํ. สุตฺตนฺตสํวณฺณนา เหสาติ, ตทนฺโตคธตฺตา วา ปุพฺพนฺตาทีนํ.
สมุทยนฺติ ทฺเว สมุทยา ขณิกสมุทโย ปจฺจยสมุทโย จ. อุปฺปาทกฺขโณ ขณิกสมุทโย, ปจฺจโยว ปจฺจยสมุทโย. สมุทยเต สมุทยนํ สมุทโย, สมุเทติ เอตสฺมาติ สมุทโยติ เอวํ อุภินฺนํ สมุทยานํ สทฺทตฺถโตปิ เภโท เวทิตพฺโพ. ปจฺจยสมุทยํ ปชานนฺโตปิ ภิกฺขุ ขณิกสมุทยํ ปชานาติ, ขณิกสมุทยํ ปชานนฺโตปิ ปจฺจยสมุทยํ ปชานาติ. ปจฺจยโต หิ สงฺขารานํ อุทยํ ปสฺสโต ขณโต จ เนสํ อุทยทสฺสนํ สุขํ โหติ, ขณโต จ เนสํ อุทยํ ปสฺสโต ปเคว ปจฺจยานํ สุคฺคหิตตฺตา ปจฺจยโต ทสฺสนํ สุเขน อิชฺฌติ. อิธ ปน ขณิกสมุทยํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สมุทยนฺติ อุปฺปตฺติ’’นฺติ.
อตฺถงฺคโมปิ ทุวิโธ อจฺจนฺตตฺถงฺคโม, เภทตฺถงฺคโมติ. อจฺจนฺตตฺถงฺคโม อปฺปวตฺตินิโรโธ, นิพฺพานนฺติ เกจิ. เภทตฺถงฺคโม ขณิกนิโรโธ. ตทุภยํ ปุพฺพภาเค อุคฺคหปริปุจฺฉาทิวเสน ปสฺสโต อฺตรทสฺสเนน อิตรทสฺสนมฺปิ สิทฺธเมว โหติ. ปุพฺพภาเคเยว อารมฺมณวเสน ขยโต วยโต สมฺมสนาทิกาเล เภทตฺถงฺคมํ ปสฺสนฺโต พฺยติเรกวเสน อนุสฺสวาทิโต อจฺจนฺตตฺถงฺคมํ ปสฺสติ, มคฺคกฺขเณ ปน อารมฺมณโต อจฺจนฺตตฺถงฺคมํ ปสฺสนฺโต อสมฺโมหโต อิตรมฺปิ ปสฺสติ. อิธ ปน เภทตฺถงฺคมํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อตฺถงฺคมนฺติ เภท’’นฺติ. กามานํ อุปฺปตฺติเภทคฺคหเณเนว ¶ เจตฺถ ยถา กามานํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนตา วิภาวิตา, เอวํ กามวตฺถุโนปีติ อุภเยสมฺปิ อนิจฺจตา ทุกฺขตา อนตฺตตา จ วิภาวิตาติ ทฏฺพฺพํ. มธุรภาวนฺติ อิมินา กามสนฺนิสฺสิตํ สุขํ โสมนสฺสํ ทสฺเสติ. ‘‘ยํ โข, ภิกฺขเว, อิเม ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๖) หิ วุตฺตํ. อมธุรภาวนฺติ อิมินา ปน กามเหตุกํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ทสฺเสติ.
ผสฺสายตนานนฺติ ฉทฺวาริกสฺส ผสฺสสฺส การณภูตานํ จกฺขาทิอายตนานํ. เตนาห ‘‘จกฺขาทีนํ จกฺขุสมฺผสฺสาทิการณาน’’นฺติ. ปุนพฺภวกรณํ ¶ ปุโนภโว อุตฺตรปทโลเปน, มโน-สทฺทสฺส วิย จ ปุริมปทสฺส โอการนฺตตา ทฏฺพฺพา. ปุโนภโว สีลเมเตสนฺติ โปโนภวิกา. อถ วา สีลตฺเถน อิกสทฺเทน คมิตตฺถตฺตา กิริยาวาจกสทฺทสฺส อทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ ยถา อปูปภกฺขนสีโล อาปูปิโก. อถ วา ปุนพฺภวํ เทนฺติ, ปุนพฺภวาย สํวตฺตนฺติ, ปุนปฺปุนพฺภเว นิพฺพตฺเตนฺตีติ โปโนภวิกา. ‘‘ตทฺธิตา’’ติ หิ พหุวจนนิทฺเทสา วิจิตฺตตฺตา วา ตทฺธิตานํ อภิธานลกฺขณตฺตา วา ‘‘ปุนพฺภวํ เทนฺตี’’ติอาทีสุปิ อตฺเถสุ โปโนภวิกสทฺทสิทฺธิ ทฏฺพฺพา.
วิสํโยเชนฺติ ปฏิปนฺนํ ปุคฺคลํ กามโยคาทิโต วิโยเชนฺตีติ วิสํโยคา, อสุภชฺฌานาทีนิ วิสํโยชนการณานิ. เตนาห ‘‘วิสํโยคาติ วิสํโยชนการณานี’’ติอาทิ.
โยคสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภณฺฑคามวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.