📜
๒. จรวคฺโค
๑. จรสุตฺตวณฺณนา
๑๑. ทุติยสฺส ปเม จรโตติ คจฺฉนฺตสฺส, จงฺกมนฺตสฺส วา. อุปฺปชฺชติ กามวิตกฺโก วาติ วตฺถุกาเมสุ อวีตราคตาย ตาทิเส ปจฺจเย กามปฏิสํยุตฺโต วา วิตกฺโก อุปฺปชฺชติ เจ ¶ , ยทิ อุปฺปชฺชติ. พฺยาปาทวิตกฺโก วา วิหึสาวิตกฺโก วาติ อาฆาตวินเย วิเสเสน จิตฺตสฺส อทมิตตฺตา อาฆาตนิมิตฺเต พฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต วา วิตกฺโก, เลฑฺฑุทณฺฑาทีติ ปรหึสนวเสน วิหึสาปฏิสํยุตฺโต วา วิตกฺโก อุปฺปชฺชติ เจติ สมฺพนฺโธ. ตํ เจ ภิกฺขุ อธิวาเสตีติ ตํ ยถาวุตฺตํ กามวิตกฺกาทึ ยถาปจฺจยํ อตฺตโน จิตฺเต อุปฺปนฺนํ ‘‘อิติปายํ วิตกฺโก ปาปโก, อิติปิ อกุสโล, อิติปิ สาวชฺโช, โส จ โข อตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’’ติอาทินา นเยน ปจฺจเวกฺขณาย อภาวโต อธิวาเสติ อตฺตโน จิตฺตํ อาโรเปตฺวา วาเสติ. อธิวาเสนฺโตเยว จ นปฺปชหติ ตทงฺคาทิปฺปหานวเสน น ปฏินิสฺสชฺชติ. ตโต เอว จ ¶ น วิโนเทติ อตฺตโน จิตฺตสนฺตานโต น นุทติ น นีหรติ. ตถา อวิโนทนโต น พฺยนฺตีกโรติ น วิคตนฺตํ กโรติ. อาตาปี ปหิตตฺโต ยถา เตสํ อนฺโตปิ นาวสิสฺสติ อนฺตมโส ภงฺคมตฺตมฺปิ, เอวํ กโรติ, อยํ ปน ตถา น กโรตีติ อตฺโถ. ตถาภูโต ปน น อนภาวํ คเมติ อนุ อนุ อภาวํ น คเมติ. น ปชหติ เจ, น วิโนเทติ เจติ อิติอาทินา เจ-สทฺทํ โยเชตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอวํภูโตติ เอวํ กามวิตกฺกาทีหิ ปาปวิตกฺเกหิ สมงฺคิภูโต. อนาตาปีติ กิเลสานํ อาตาปยิกสฺส วีริยสฺส อภาเวน อนาตาปี. ปาปุตฺราสลกฺขณสฺส โอตฺตปฺปสฺส อภาเวน อโนตฺตาปี. สตตํ สมิตํ สพฺพกาลํ นิรนฺตรํ. กุสีโต หีนวีริโยติ กุสเลหิ ธมฺเมหิ ปริหาปยิตฺวา อกุสลปกฺเข กุจฺฉิตํ สีทนโต โกสชฺชสมนฺนาคเมน จ กุสีโต, สมฺมปฺปธานวีริยาภาเวน หีนวีริโย วีริยวิรหิโตติ วุจฺจติ กถียติ. ิตสฺสาติ คมนํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ติฏฺโต. สยนอิริยาปถสฺส วิเสสโต โกสชฺชปกฺขิกตฺตา ยถา ตํสมงฺคิโน ภาวิตตฺตา สมฺภวนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชาครสฺสา’’ติ วุตฺตํ.
สุกฺกปกฺเข ตฺเจ ภิกฺขุ นาธิวาเสตีติ อารทฺธวีริยสฺสปิ วิหรโต อนาทิมติ สํสาเร จิรกาลภาวิตตฺตา ตถารูปปจฺจยสมาโยเค สติสมฺโมเสน วา กามวิตกฺกาทิ อุปฺปชฺชติ เจ, ตํ ภิกฺขุ อตฺตโน จิตฺตํ อาโรเปตฺวา น วาเสติ, อพฺภนฺตเร น วาเสตีติ อตฺโถ. อนธิวาเสนฺโต กึ กโรติ? ปชหติ ฉฑฺเฑติ. กึ กจวรํ วิย ปิฏเกนาติ? น, อปิจ โข ตํ วิโนเทติ นุทติ นีหรติ. กึ พลิพทฺทํ วิย ปโตเทนาติ? น, อถ โข พฺยนฺตีกโรติ วิคตนฺตํ กโรติ, ยถา เตสํ อนฺโตปิ นาวสิสฺสติ อนฺตมโส ภงฺคมตฺตมฺปิ, ตถา เต กโรติ. กถํ ปน เต ตถา กโรติ? อนภาวํ คเมติ อนุ อนุ อภาวํ คเมติ, วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน ยถา สุวิกฺขมฺภิตา โหนฺติ, ตถา เน กโรตีติ วุตฺตํ โหติ.
เอวํภูโตติอาทีสุ ¶ เอวํ กามวิตกฺกาทีนํ อนธิวาเสน สุวิสุทฺธาสโย สมาโน ตาย จ อาสยสมฺปตฺติยา ตนฺนิมิตฺตาย จ ปโยคสมฺปตฺติยา ¶ ปริสุทฺธสีโล อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺู สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต ชาคริยํ อนุยุตฺโต ตทงฺคาทิวเสน กิเลสานํ อาตาปนลกฺขเณน วีริเยน สมนฺนาคตตฺตา อาตาปี. สพฺพโส ปาปุตฺราเสน สมนฺนาคตตฺตา โอตฺตาปี สตตํ รตฺตินฺทิวํ. สมิตํ นิรนฺตรํ สมถวิปสฺสนานุโยควเสน จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานสิทฺธิยา อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต. นิพฺพานํ ปติ เปสิตจิตฺโตติ วุจฺจติ กถียตีติ อตฺโถ.
คาถาสุ เคหนิสฺสิตนฺติ เอตฺถ เคหวาสีหิ อปริจฺจตฺตตฺตา เคหวาสิสภาวตฺตา เคหธมฺมตฺตา วา เคหํ วุจฺจติ วตฺถุกาโม. อถ วา เคหปฺปฏิพทฺธภาวโต, กิเลสกามานํ นิวาสฏฺานภาวโต วา เคหาติ วุจฺจนฺติ, ตํวตฺถุกตฺตา กามวิตกฺกาทิ เคหนิสฺสิตํ นาม. กุมฺมคฺคปฏิปนฺโนติ ยสฺมา อริยมคฺคสฺส อุปฺปถภาวโต อภิชฺฌาทโย ตเทกฏฺธมฺมา จ กุมฺมคฺโค, ตสฺมา กามวิตกฺกาทิพหุโล กุมฺมคฺคปฏิปนฺโน. โมหเนยฺเยสุ มุจฺฉิโตติ โมหสํวตฺตนิเยสุ รูปาทีสุ มุจฺฉิโต สมฺมตฺโต อชฺโฌปนฺโน. สมฺโพธินฺติ อริยมคฺคาณํ. ผุฏฺนฺติ ผุสิตุํ ปตฺตุํ ปาโป โส ตาทิโส มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจโร ปุคฺคโล อภพฺโพ, น กทาจิ ตํ ปาปุณาตีติ อตฺโถ.
วิตกฺกํ สมยิตฺวานาติ ยถาวุตฺตํ มิจฺฉาวิตกฺกํ ปฏิสงฺขานภาวนาพเลน วูปสเมตฺวา. วิตกฺกูปสเม รโตติ นวนฺนมฺปิ มหาวิตกฺกานํ อจฺจนฺตูปสมภูเต อรหตฺเต, นิพฺพาเน เอว วา อชฺฌาสเยน รโต อภิรโต. ภพฺโพ โสติ โส ยถาวุตฺโต สมฺมาปฏิปชฺชมาโน ปุคฺคโล ปุพฺพภาเค สมถวิปสฺสนาพเลน สพฺพวิตกฺเก ยถารหํ ตทงฺคาทิวเสน วูปสเมตฺวา ิโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อรหตฺตมคฺคาณสงฺขาตํ นิพฺพานสงฺขาตฺจ อนุตฺตรํ สมฺโพธึ ผุฏฺุํ อธิคนฺตุํ ภพฺโพ อรหา. เอวเมตฺถ ปาฬิวณฺณนา เวทิตพฺพา.
จรสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สีลสุตฺตวณฺณนา
๑๒. ทุติเย สมฺปนฺนสีลาติ เอตฺถ ติวิธํ สมฺปนฺนํ ปริปุณฺณสมงฺคิมธุรวเสน. ตตฺถ –
‘‘สมฺปนฺนํ ¶ สาลิเกทารํ, สุวา ภฺุชนฺติ โกสิย;
ปฏิเวเทมิ เต พฺรหฺเม, น เน วาเรตุมุสฺสเห’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๑) –
อิทํ ¶ ปริปุณฺณสมฺปนฺนํ นาม. ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปาคโต สมุปาคโต อุปปนฺโน สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) อิทํ สมงฺคิสมฺปนฺนํ นาม. ‘‘อิมิสฺสา, ภนฺเต, มหาปถวิยา เหฏฺิมตลํ สมฺปนฺนํ, เสยฺยถาปิ ขุทฺทมธุํ อนีลกํ, เอวมสฺสาท’’นฺติ (ปารา. ๑๗) อิทํ มธุรสมฺปนฺนํ นาม. อิธ ปริปุณฺณสมฺปนฺนวเสน อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมฺปนฺนสีลาติ ปริปุณฺณสีลา’’ติ อาห. สมงฺคิสมฺปนฺนวเสนปิ อตฺโถ ยุชฺชติเยว, ตสฺมา สมฺปนฺนสีลาติ ปริปุณฺณสีลา หุตฺวาติปิ สีลสมงฺคิโน หุตฺวาติปิ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ สีลสฺส อนวเสสสมาทาเนน อขณฺฑาทิภาวปฺปตฺติยา ปริปุณฺณสีลา, สมาทานโต ปฏฺาย อวิจฺฉินฺทนโต สีลสมงฺคิโน. สมาทานวโต หิ อจฺจนฺตวิโรธิธมฺมานุปฺปตฺติยา สีลสมงฺคิตา เวทิตพฺพา, เจตนาทีนํ ปน สีลนลกฺขณานํ ธมฺมานํ ปวตฺติลกฺขเณน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.
ตตฺถ ‘‘ปริปุณฺณสีลา’’ติ อิมินา อตฺเถน เขตฺตโทสวิคเมน เขตฺตปาริปูรี วิย สีลโทสวิคเมน สีลปาริปูรี วุตฺตา โหติ. ยถา หิ เขตฺตํ พีชขณฺฑํ, วปฺปขณฺฑํ, อุทกขณฺฑํ, อูสขณฺฑนฺติ จตุโทสสมนฺนาคตํ อปริปูรํ โหติ. ตตฺถ พีชขณฺฑํ นาม ยตฺถ อนฺตรนฺตรา พีชานิ ขณฺฑานิ วา ปูตีนิ วา โหนฺติ, ตานิ ยตฺถ ปตนฺติ, ตตฺถ สสฺสํ น อุฏฺเติ, เขตฺตํ ขณฺฑํ โหติ, อปริปูรํ โหตีติ อตฺโถ. วปฺปขณฺฑํ นาม ยตฺถ อกุสโล พีชานิ วปนฺโต อนฺตรนฺตรา นิปาเตติ. เอวฺหิ สพฺพตฺถ สสฺสํ น อุฏฺเติ, เขตฺตํ ขณฺฑํ โหติ. อุทกขณฺฑํ นาม ยตฺถ กตฺถจิ อุทกํ อติพหุํ วา โหติ, น วา โหติ. ตตฺราปิ หิ สสฺสานิ น อุฏฺเนฺติ, เขตฺตํ ขณฺฑํ โหติ. อูสขณฺฑํ นาม ยตฺถ กสฺสโก กิสฺมิฺจิ ปเทเส นงฺคเลน ภูมึ จตฺตาโร ปฺจ วาเร กสนฺโต อติคมฺภีรํ กโรติ, ตโต อูสํ อุปฺปชฺชติ. ตตฺราปิ หิ สสฺสํ น อุฏฺเติ, เขตฺตํ ขณฺฑํ โหติ, ตาทิสฺจ เขตฺตํ น มหปฺผลํ โหติ น มหานิสํสํ. ตตฺราปิ พหุมฺปิ วปิตฺวา อปฺปํ ลภติ. อิเมสํ ปน จตุนฺนํ โทสานํ วิคมา เขตฺตํ ปริปุณฺณํ โหติ, ตาทิสฺจ เขตฺตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ. เอวเมว ขณฺฑํ, ฉิทฺทํ, สพลํ, กมฺมาสนฺติ จตุโทสสมนฺนาคตํ สีลํ อปริปูรํ โหติ, ตาทิสฺจ ¶ สีลํ น มหปฺผลํ โหติ น มหานิสํสํ. อิเมสํ ปน จตุนฺนํ โทสานํ วิคมา สีลํ ปริปุณฺณํ โหติ, ตาทิสฺจ สีลํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ.
‘‘สีลสมงฺคิโน’’ติ อิมินา ปนตฺเถน สีเลน สมงฺคิภูตา สโมธานคตา สมนฺนาคตา หุตฺวา วิหรถาติ อิทเมว วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ทฺวีหิ การเณหิ สมฺปนฺนสีลตา โหติ สีลวิปตฺติยา อาทีนวทสฺสเนน, สีลสมฺปตฺติยา จ อานิสํสทสฺสเนน. ตทุภยมฺปิ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔) วิตฺถาริตํ ¶ . ตตฺถ ‘‘สมฺปนฺนสีลาติ เอตฺตาวตา จ กิร ภควา จตุปาริสุทฺธิสีลํ อุทฺทิสิตฺวา ‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุตา’ติ อิมินา ตตฺถ เชฏฺกสีลํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตี’’ติ ทิวาวิหารวาสี สุมตฺเถโร อาห. อนฺเตวาสิโก ปนสฺส เตปิฏกจูฬนาคตฺเถโร อาห – ‘‘อุภยตฺถาปิ ปาติโมกฺขสํวโร ภควตา วุตฺโต, ปาติโมกฺขสํวโรเยว หิ สีลํ, อิตรานิ ปน ตีณิ สีลนฺติ วุตฺตฏฺานํ นาม อตฺถี’’ติ วตฺวา ตํ อนนุชานนฺโต อาห – ‘‘อินฺทฺริยสํวโร นาม ฉทฺวารรกฺขามตฺตกเมว, อาชีวปาริสุทฺธิ ธมฺเมน สเมน ปจฺจยุปฺปตฺติมตฺตกํ, ปจฺจยนิสฺสิตํ ปฏิลทฺธปจฺจเย อิทมตฺถนฺติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนมตฺตกํ. นิปฺปริยาเยน ปาติโมกฺขสํวโรว สีลํ. ยสฺส โส ภินฺโน, อยํ ฉินฺนสีโส วิย ปุริโส หตฺถปาเท, เสสานิ รกฺขิสฺสตีติ น วตฺตพฺโพ. ยสฺส ปน โส อโรโค, อยํ อจฺฉินฺนสีโส วิย ปุริโส ชีวิตํ, เสสานิ ปุน ปากติกานิ กตฺวา รกฺขิตุํ สกฺโกติ. ตสฺมา ‘สมฺปนฺนสีลา’ติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรํ อุทฺทิสิตฺวา ‘สมฺปนฺนปาติโมกฺขา’ติ ตสฺเสว เววจนํ วตฺวา ตํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุตา’ติอาทิมาหา’’ติ.
ปาติโมกฺขสํวรสีเลน สํวุตาติ โย นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมกฺเขติ โมเจติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหีติ ปาติโมกฺขนฺติ ลทฺธนาเมน สิกฺขาปทสีเลน ปิหิตกายวจีทฺวารา. เอวํภูตา จ เตน อุเปตา สมนฺนาคตา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘อุเปตา หุตฺวา’’ติ. อาจาเรน จ โคจเรน จ สมฺปนฺนาติ กายิกวาจสิกอวีติกฺกมสงฺขาเตน อาจาเรน, น-เวสิยโคจรตาทิสงฺขาเตน โคจเรน จ สมฺปนฺนา, สมฺปนฺนอาจารโคจราติ อตฺโถ. อณุปฺปมาเณสูติ อติปริตฺตเกสุ อนาปตฺติคมนีเยสุ. ทุกฺกฏทุพฺภาสิตมตฺเตสูติ อปเร. โทเสสูติ ¶ คารยฺเหสุ อกุสลธมฺเมสุ. ภยโต ทสฺสนสีลาติ ปรมาณุมตฺตมฺปิ วชฺชํ สิเนรุปฺปมาณํ วิย กตฺวา ภายนสีลา. สพฺพสิกฺขาโกฏฺาเสสูติ มูลปฺตฺติอนุปฺตฺติสพฺพตฺถปฺตฺติปเทสปฺตฺติอาทิเภเทสุ. ตํ ตํ สมาทาตพฺพํ สมาทายาติ ยํ กิฺจิ สิกฺขาโกฏฺาเสสุ มูลปฺตฺติอาทิเภเทสุ สิกฺขิตพฺพํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ ปูริตพฺพํ กายิกํ วาจสิกํ วา สีลํ, ตํ สพฺพํ สมฺมา อาทาย, สมฺมเทว สกฺกจฺจํ สพฺพโส จ อาทิยิตฺวาติ อตฺโถ.
อุทยํ ปสฺสนฺโต ปฺจวีสติ ลกฺขณานิ ปสฺสตีติ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโยติ ปจฺจยสมุทยฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. ตณฺหาสมุทยา…เป… กมฺมสมุทยา…เป… อาหารสมุทยา รูปสมุทโยติ ปจฺจยสมุทยฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ¶ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ. ตถา อวิชฺชาสมุทยา เวทนาสมุทโยติ ปจฺจยสมุทยฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. ตณฺหาสมุทยา…เป… กมฺมสมุทยา…เป… ผสฺสสมุทยา เวทนาสมุทโยติ ปจฺจยสมุทยฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสตี’’ติอาทินา นเยน เอเกกสฺมึ ขนฺเธ ปฺจ ปฺจ กตฺวา วุตฺตานิ ปฺจวีสติ อุทยลกฺขณานิ ปสฺสติ.
วยํ ปสฺสนฺโต ปฺจวีสติ ลกฺขณานิ ปสฺสตีติ ‘‘อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธติ ปจฺจยนิโรธฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ. ตณฺหานิโรธา…เป… กมฺมนิโรธา…เป… อาหารนิโรธา รูปนิโรโธติ ปจฺจยนิโรธฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ. วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ. รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ. อวิชฺชานิโรธา…เป… ตณฺหานิโรธา…เป… ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธติ ปจฺจยนิโรธฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ. วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสตี. เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ’’ติอาทินา นเยน เอเกกสฺมึ ขนฺเธ ปฺจ ปฺจ กตฺวา วุตฺตานิ ปฺจวีสติ วยลกฺขณานิ ปสฺสติ. เปสิตตฺโตติ นิพฺพานํ ปติ เปสิตจิตฺโต. กถยนฺตีติ ตถาวิธํ ภิกฺขุํ พุทฺธาทโย อริยา อาจิกฺขนฺติ.
ยตํ ¶ จเรติ วายมมาโน จเรยฺย, จงฺกมนาทิวเสน คมนํ กปฺเปนฺโตปิ ‘‘อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมตี’’ติอาทินา (วิภ. ๔๓๒) นเยน วุตฺตปฺปธานวีริยํ กโรนฺโต ฆเฏนฺโต วายมนฺโต ยถา อกุสลธมฺมา ปหียนฺติ, กุสลธมฺมา ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺติ, เอวํ คมนํ กปฺเปยฺยาติ อตฺโถ. เอส นโย เสเสสุปิ. ยตเมนํ ปสารเยติ เอตํ ปสาเรตพฺพํ หตฺถปาทาทึ ยตํ ยตมาโน ยถาวุตฺตวีริยสมงฺคี หุตฺวา ปสาเรยฺย, สพฺพตฺถ ปธานํ น ชเหยฺยาติ อธิปฺปาโย.
อิทานิ ยถา ปฏิปชฺชนฺโต ยตํ ยตนฺโต นาม โหติ, ตํ ปฏิปทํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุทฺธ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุทฺธนฺติ อุปริ. ติริยนฺติ ปริโต, ปุรตฺถิมทิสาทิวเสน สมนฺตโต ทิสาภาเคสูติ อตฺโถ. อปาจีนนฺติ เหฏฺา. ยาวตา ชคโต คตีติ ยตฺตกา สตฺตสงฺขารเภทสฺส โลกสฺส ปวตฺติ, ตตฺถ สพฺพตฺถาติ อตฺโถ. เอตฺตาวตา อนวเสสตา สมฺมสนาณสฺส วิสยํ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสติ. สมเวกฺขิตาติ สมา เหตุนา าเยน อเวกฺขิตา, อนิจฺจาทิวเสน ¶ วิปสฺสิตาติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมานนฺติ สตฺตสฺุานํ. ขนฺธานนฺติ รูปาทีนํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ. อุทยพฺพยนฺติ อุทยฺจ วยฺจ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อุปริ ติริยํ อโธติ ติธา สงฺคหิเต สพฺพสฺมึ โลเก อตีตาทิเภทภินฺนานํ ปฺจุปาทานกฺขนฺธสงฺขาตานํ สพฺเพสํ รูปารูปธมฺมานํ อนิจฺจาทิสมฺมสนาธิคเตน อุทยพฺพยาเณน ปฺจวีสติยา อากาเรหิ อุทยํ, ปฺจวีสติยา อากาเรหิ วยํ สมเวกฺขิตา สมนุปสฺสิตา ภเวยฺยาติ.
เจโตสมถสามีจินฺติ จิตฺตสํกิเลสานํ อจฺจนฺตวูปสมนโต เจโตสมถสงฺขาตสฺส อริยมคฺคสฺส อนุจฺฉวิกํ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธึ. สิกฺขมานนฺติ ปฏิปชฺชมานํ ภาเวนฺตํ าณปรมฺปรา นิพฺพตฺเตนฺตํ. สทาติ สพฺพกาลํ รตฺติฺเจว ทิวา จ. สตนฺติ จตุสมฺปชฺสมนฺนาคตาย สติยา สโตการี. เอวมฺเปตฺถ คาถาวณฺณนา ทฏฺพฺพา. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
สีลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปธานสุตฺตวณฺณนา
๑๓. ตติเย ¶ อุตฺตมวีริยานีติ เสฏฺวีริยานิ วิสิฏฺสฺส อตฺถสฺส สาธนโต. มาโร ธิยฺยติ เอตฺถาติ มารเธยฺยํ, กิเลสมารสฺส ปวตฺติฏฺานภูตํ, ตํ เตภูมกวฏฺฏนฺติ อาห ‘‘เตภูมกวฏฺฏสงฺขาตํ มารเธยฺย’’นฺติ. ชาติมรณโต ชาตํ ภยํ ชาติมรณภยํ, ชาติมรณเมว วา ภยเหตุโต ภยนฺติ ชาติมรณภยํ. เตนาห ‘‘ชาติฺจ มรณฺจ…เป… ภยสฺสา’’ติ เสสํ อุตฺตานเมว.
ปธานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สํวรสุตฺตวณฺณนา
๑๔. จตุตฺเถ สํวราทีนํ สาธนวเสน ปทหติ เอเตหีติ ปธานานิ. สํวรนฺตสฺส อุปฺปนฺนวีริยนฺติ ยถา อภิชฺฌาทโย น อุปฺปชฺชนฺติ, เอวํ สติยา อุปฏฺาเน จกฺขาทีนํ ปิทหเน อนลสสฺส อุปฺปนฺนวีริยํ. ปชหนฺตสฺสาติ วิโนเทนฺตสฺส. อุปฺปนฺนวีริยนฺติ ตสฺเสว ปหานสฺส สาธนวเสน ปวตฺตวีริยํ. ภาเวนฺตสฺส อุปฺปนฺนวีริยนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สมาธินิมิตฺตนฺติ สมาธิ เอว. ปุริมุปฺปนฺนสมาธิ หิ ปรโต อุปฺปชฺชนกสมาธิสฺส การณํ โหตีติ ‘‘สมาธินิมิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.
อุปธิวิเวกตฺตาติ ¶ ขนฺธูปธิอาทิอุปธีหิ วิวิตฺตตฺตา วินิสฺสฏตฺตา. ตํ อาคมฺมาติ ตํ นิพฺพานํ มคฺเคน อธิคมเหตุ. ราคาทโย วิรชฺชนฺติ เอตฺถ, เอเตนาติ วิราโค. เอวํ นิโรโธปิ ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา อิธ โพชฺฌงฺคมิสฺสกวเสน อิจฺฉิตา, ตสฺมา ‘‘อารมฺมณวเสน วา อธิคนฺตพฺพวเสน วา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อธิคนฺตพฺพวเสนาติ ตนฺนินฺนตาวเสน. โวสฺสคฺคปริณามินฺติ โวสฺสคฺควเสน ปริณามิตํ ปริจฺจชนวเสน เจว ปกฺขนฺทนวเสน จ ปริณามนสีลํ. เตนาห ‘‘ทฺเว โวสฺสคฺคา’’ติอาทิ. ขนฺธานํ ปริจฺจชนํ นาม ตปฺปฏิพทฺธกิเลสปฺปหานวเสนาติ เยนากาเรน วิปสฺสนา กิเลเส ปชหติ, เตเนวากาเรน ตนฺนิมิตฺตกฺขนฺเธ จ ปชหตีติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ อาห ‘‘วิปสฺสนา…เป… ปริจฺจชตี’’ติ. ยสฺมา วิปสฺสนา วุฏฺานคามินิภาวํ ปาปุณนฺตี นินฺนโปณปพฺภารภาเวน เอกํสโต นิพฺพานํ ปกฺขนฺทตีติ วตฺตพฺพตํ ลภติ, มคฺโค จ สมุจฺเฉทวเสน กิเลเส ¶ ขนฺเธ จ ราคํ ปริจฺจชติ, ตสฺมา ยถากฺกมํ วิปสฺสนามคฺคานํ วเสน ปกฺขนฺทนปริจฺจาคโวสฺสคฺคา เวทิตพฺพา. โวสคฺคตฺถายาติ ปริจฺจาคโวสฺสคฺคตฺถาย เจว ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺคตฺถาย จ. ปริณมตีติ ปริจฺจชติ. ตํ ปน ปริณามนํ วุฏฺานคามินิภาวปฺปตฺติยา เจว อริยมคฺคภาวปฺปตฺติยา จ อิจฺฉิตนฺติ อาห ‘‘วิปสฺสนาภาวฺจ มคฺคภาวฺจ ปาปุณาตี’’ติ. เสสปเทสูติ ‘‘ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวตี’’ติอาทีสุ เสสสมฺโพชฺฌงฺคโกฏฺาเสสุ.
ภทฺทกนฺติ อภทฺทกานํ นีวรณาทิปาปธมฺมานํ วิกฺขมฺภเนน ราควิคมเนน เอกนฺตหิตตฺตา ทุลฺลภตฺตา จ ภทฺทกํ สุนฺทรํ. น หิ อฺํ สมาธินิมิตฺตํ เอวํ ทุลฺลภํ ราคสฺส อุชุวิปจฺจนีกภูตํ อตฺถิ. อนุรกฺขตีติ เอตฺถ อนุรกฺขนา นาม อธิคตสมาธิโต ยถา ปริหานิ น โหติ, เอวํ ปฏิปตฺติสาสน-ตปฺปฏิปกฺขวิคมเนนาติ อาห ‘‘สมาธี’’ติอาทิ. อฏฺิกสฺาทิกาติ อฏฺิกชฺฌานาทิกา. สฺาสีเสน หิ ฌานํ วทติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
สํวรสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปฺตฺติสุตฺตวณฺณนา
๑๕. ปฺจเม อตฺตภาโว เอเตสํ อตฺถีติ อตฺตภาวิโน, เตสํ อตฺตภาวีนํ. เตนาห ‘‘อตฺตภาววนฺตาน’’นฺติ. ยาว ฉตฺตึสาย อินฺทานํ อายุปฺปมาณํ, ตาว ปณีเต กาเม ปริภฺุชีติ มนฺธาตุราชา กิร เอกทิวสํ อตฺตโน ปริณายกรตนํ ปุจฺฉิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข มนุสฺสโลกโต รมณียตรํ าน’’นฺติ. กสฺมา เทว เอวํ ภณสิ, กึ น ปสฺสสิ จนฺทิมสูริยานํ อานุภาวํ, นนุ เอเตสํ านํ อิโต รมณียตรนฺติ? ราชา จกฺกรตนํ ปุรกฺขตฺวา ตตฺถ อคมาสิ.
จตฺตาโร ¶ มหาราชาโน ‘‘มนฺธาตุมหาราชา อาคโต’’ติ สุตฺวา ‘‘ตาวมหิทฺธิโก มหาราชา น สกฺกา ยุทฺเธน ปฏิพาหิตุ’’นฺติ สกรชฺชํ นิยฺยาเตสุํ. โส ตํ คเหตฺวา ปุน ปุจฺฉิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข อิโต รมณียตรํ าน’’นฺติ. อถสฺส ตาวตึสภวนํ กถยึสุ. ‘‘ตาวตึสภวนํ, เทว, รมณียํ, ตตฺถ สกฺกสฺส เทวรฺโ อิเม จตฺตาโร มหาราชาโน ¶ ปาริจาริกา โทวาริกภูมิยํ ติฏฺนฺติ. สกฺโก เทวราชา มหิทฺธิโก มหานุภาโว. ตสฺสิมานิ อุปโภคฏฺานานิ – โยชนสหสฺสุพฺเพโธ เวชยนฺตปาสาโท, ปฺจโยชนสตุพฺเพธา สุธมฺมเทวสภา, ทิยฑฺฒโยชนสติโก เวชยนฺตรโถ, ตถา เอราวโณ หตฺถี, ทิพฺพรุกฺขสหสฺสปฺปฏิมณฺฑิตํ นนฺทนวนํ, จิตฺตลตาวนํ, ผารุสกวนํ, โยชนสตุพฺเพโธ ปาริจฺฉตฺตโก โกวิฬาโร, ตสฺส เหฏฺา สฏฺิโยชนายามา ปฺาสโยชนวิตฺถารา ปฺจทสโยชนุพฺเพธา ชยสุมนปุปฺผวณฺณา ปณฺฑุกมฺพลสิลา, ยสฺสา มุทุตาย สกฺกสฺส นิสีทโต อุปฑฺฒกาโย อนุปฺปวิสตี’’ติ.
ตํ สุตฺวา ราชา ตตฺถ คนฺตุกาโม จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิริ. ตํ อากาเส อุฏฺหิ สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนาย. อถ ทฺวินฺนํ เทวโลกานํ เวมชฺฌโต จกฺกรตนํ โอตริตฺวา ปถวิยา อาสนฺเน าเน อฏฺาสิ สทฺธึ ปริณายกรตนปฺปมุขาย จตุรงฺคินิยา เสนาย. ราชา เอกโกว อตฺตโน อานุภาเวน ตาวตึสภวนํ อคมาสิ. สกฺโก ‘‘มนฺธาตา อาคโต’’ติ สุตฺวา ตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ‘‘สฺวาคตํ, มหาราช, สกํ, เต มหาราช, อนุสาส มหาราชา’’ติ วตฺวา สทฺธึ นาฏเกหิ รชฺชํ ทฺเว ภาเค กตฺวา เอกํ ภาคมทาสิ. รฺโ ตาวตึสภวเน ปติฏฺิตมตฺตสฺเสว มนุสฺสคนฺธสรีรนิสฺสนฺทาทิมนุสฺสภาโว วิคจฺฉิ, เทวโลเก ปวตฺติวิปากทายิโน อปรปริยายเวทนียสฺส กมฺมสฺส กโตกาสตฺตา สพฺพทา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกตามาลามิลายนาทิเทวภาโว ปาตุรโหสิ. ตสฺส สกฺเกน สทฺธึ ปณฺฑุกมฺพลสิลาย นิสินฺนสฺส อกฺขินิมิสนมตฺเตน นานตฺตํ ปฺายติ. ตํ อสลฺลกฺเขนฺตา เทวา สกฺกสฺส จ ตสฺส จ นานตฺเต มุยฺหนฺติ. โส ตตฺถ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมาโน ตทา มนุสฺสานํ อสงฺขฺเยยฺยายุกตาย ยาว ฉตฺตึส สกฺกา อุปปชฺชิตฺวา จุตา, ตาว สกฺกรชฺชํ กาเรตฺวา ‘‘กึ เม อิมินา อุปฑฺฒรชฺเชนา’’ติ อติตฺโต กาเมหิ ตโต จวิตฺวา อตฺตโน อุยฺยาเน ปติโต มนุสฺสโลเก อุตุกกฺขฬตาย วาตาตเปน ผุสิตคตฺโต กาลมกาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เทวโลเก ปน ยาว ฉตฺตึสาย อินฺทานํ อายุปฺปมาณํ, ตาว ปณีเต กาเม ปริภฺุชี’’ติ.
ปฺตฺติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. โสขุมฺมสุตฺตวณฺณนา
๑๖. ฉฏฺเ ¶ ¶ สุขุมลกฺขณปฺปฏิวิชฺฌนกานีติ อนิจฺจาทิสุขุมลกฺขณานํ ปฏิวิชฺฌนกานิ. สุขุมลกฺขณปริคฺคาหกาเณนาติ สุขุมลกฺขณปริคฺคาหเกน าเณน. ปรโต ชานิตฺวาติ อวสวตฺตเนน อฺโต ชานิตฺวา. สงฺขารา หิ ‘‘มา ภิชฺชึสู’’ติ อิจฺฉิตาปิ ภิชฺชนฺเตว, ตสฺมา เต อวสวตฺติตาย ปเร นาม. สา จ เนสํ ปรตา อนิจฺจทสฺสเน ปากฏา โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อิมินา หิ ปเทน อนิจฺจานุปสฺสนา กถิตา’’ติ. เสสํ อุตฺตานเมว.
โสขุมฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗-๑๐. ปมอคติสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๗-๒๐. สตฺตเม ฉนฺทาคตินฺติ เอตฺถ สนฺธิวเสน สรโลโปติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ฉนฺเทน อคติ’’นฺติ. ฉนฺทาติ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนนฺติ อาห ‘‘ฉนฺเทนา’’ติ, เปเมนาติ อตฺโถ. ฉนฺทสทฺโท เหตฺถ ตณฺหาปริยาโย, อกุสลจฺฉนฺทปริยาโย วา. เสเสสูติ ‘‘โทสาคตึ คจฺฉตี’’ติอาทีสุ.
เอตฺถ จ โย ‘‘อยํ เม มิตฺโตติ วา, สนฺทิฏฺโติ วา, าตโกติ วา, ลฺจํ วา ปน เม เทตี’’ติ ฉนฺทวเสน อสฺสามิกํ สามิกํ กโรติ, อยํ ฉนฺเทน อกตฺตพฺพํ กโรติ นาม. โย ‘‘อยํ เม เวรี’’ติ จิรกาลานุพทฺธเวรวเสน วา, ตงฺขณุปฺปนฺนโกธวเสน วา สามิกํ อสฺสามิกํ กโรติ, อยํ โทเสน อกตฺตพฺพํ กโรติ นาม. โย ปน มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา ยํ วา ตํ วา อยุตฺตํ อการณํ วตฺวา อสฺสามิกํ สามิกํ กโรติ, อยํ โมเหน อกตฺตพฺพํ กโรติ นาม. โย ปน ‘‘อยํ ราชวลฺลโภติ วา วิสเม โจราทิเก วิสมานิ วา กายทุจฺจริตาทีนิ สมาทาย วตฺตเนน วิสมนิสฺสิโต วา, อนตฺถมฺปิ เม กเรยฺยา’’ติ ภีโต อสฺสามิกํ สามิกํ กโรติ, อยํ ภเยน อกตฺตพฺพํ กโรติ นาม.
โย ปน กิฺจิ ภาเชนฺโต ‘‘อยํ เม สนฺทิฏฺโ วา สมฺภตฺโต วา’’ติ เปมวเสน อติเรกํ เทติ, ‘‘อยํ เม เวรี’’ติ โทสวเสน อูนกํ เทติ ¶ , โย มุยฺหนฺโต ทินฺนาทินฺนํ อชานมาโน กสฺสจิ อูนํ, กสฺสจิ อธิกํ เทติ, ‘‘อยํ อิมสฺมึ อทียมาเน มยฺหํ อนตฺถมฺปิ ¶ กเรยฺยา’’ติ สีโต กสฺสจิ อติเรกํ เทติ, โส จตุพฺพิโธปิ ยถานุกฺกเมน ฉนฺทาคติอาทีนิ คจฺฉนฺโต อกตฺตพฺพํ กโรติ นาม.
นิหียติ ตสฺส ยโสติ ตสฺส อคติคามิโน กิตฺติยโสปิ ปริวารยโสปิ นิหียติ ปริหายติ. ยสฺสติ เตน กิตฺตียตีติ หิ ยโส, กิตฺติ ถุติโฆโส. ยสฺสติ เตน ปุเรจรานุจรภาเวน ปริวารยตีติ ยโส, ปริวาโร. อฏฺมนวมทสมานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
จรวคฺโค ทุติโย.