📜

๔. จกฺกวคฺโค

๑. จกฺกสุตฺตวณฺณนา

๓๑. จตุตฺถสฺส ปเม จตฺตาริ จกฺกานีติ เอตฺถ จกฺกํ นาม ทารุจกฺกํ, รตนจกฺกํ, ธมฺมจกฺกํ, อิริยาปถจกฺกํ, สมฺปตฺติจกฺกนฺติ ปฺจวิธํ. ตตฺถ ‘‘ยํ ปนิทํ, สมฺม, รถการจกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺิตํ ฉารตฺตูเนหี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๕) อิทํ ทารุจกฺกํ. ‘‘ปิตรา ปวตฺติตํ จกฺกํ อนุวตฺเตตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๑๕) อิทํ รตนจกฺกํ. ‘‘มยา ปวตฺติตํ จกฺก’’นฺติ (สุ. นิ. ๕๖๒; พุ. วํ. ๒๗.๑๗; ชา. ๑.๑.๑๐๔; ๑.๕.๑๐๐, ๑๐๓) อิทํ ธมฺมจกฺกํ. ‘‘จตุจกฺกํ นวทฺวาร’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๙, ๑๐๙) อิทํ อิริยาปถจกฺกํ. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, จกฺกานิ เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสานํ จตุจกฺกํ ปวตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๑) อิทํ สมฺปตฺติจกฺกํ. อิธาปิ เอตเทว อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘จตฺตาริ สมฺปตฺติจกฺกานิ วตฺตนฺตี’’ติ. อนุจฺฉวิเก เทเสติ ปุฺกิริยาย สมฺมาปฏิปตฺติยา อนุรูปเทเส. เสวนํ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมนํ. ภชนํ ภตฺติวเสน ปยิรุปาสนํ. อตฺตโน สมฺมา ปนนฺติ อตฺตโน จิตฺตสนฺตานสฺส โยนิโส ปนํ. สทฺธาทีสุ นิเวสนนฺติ อาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ. อิทเมว เจตฺถ ปมาณนฺติ อิทเมว ปุพฺเพกตปุฺตาสงฺขาตํ สมฺปตฺติจกฺกํ เอว เอเตสุ สมฺปตฺติจกฺเกสุ ปมาณภูตํ อิตเรสํ การณภาวโต . เตนาห ‘‘เยน หี’’ติอาทิ. โส เอว จ กตปุฺโ ปุคฺคโล อตฺตานํ สมฺมา เปติ อกตปุฺสฺส ตทภาวโต.

จกฺกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สงฺคหสุตฺตวณฺณนา

๓๒. ทุติเย ตสฺส ทานเมว ทาตพฺพนฺติ ปพฺพชิตสฺส ปพฺพชิตปริกฺขารํ ปตฺตจีวราทิ, คิหิโน คิหิปริกฺขารํ วตฺถาวุธยานสยนาทิ ทาตพฺพํ. สพฺพนฺติ สพฺพํ อุปการํ. มกฺเขตฺวา นาเสติ มกฺขิภาเว ตฺวา. เตเลน วิย มกฺเขตีติ สตโธตเตเลน มกฺเขติ วิย. อตฺถวฑฺฒนกถาติ หิตาวหกถา. กถาคหณฺเจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ, ปเรสํ หิตาวโห กายปฺปโยโคปิ อตฺถจริยา. อฏฺกถายํ ปน วจิปฺปโยควเสเนว อตฺถจริยา วุตฺตา. สมานตฺตตาติ สทิสภาโว, สมานฏฺาเน ปนํ, ตํ ปนสฺส สมานฏฺปนํ อตฺตสทิสตากรณมุเขน เอกสมฺโภคตา. อตฺตโน สุขุปฺปตฺติยํ ตสฺส จ ทุกฺขุปฺปตฺติยํ เตน ทุกฺเขน อตฺตนา เอกสมฺโภคตาติ อาห ‘‘สมานสุขทุกฺขภาโว’’ติ. สา จ สมานสุขทุกฺขตา เอกโต นิสชฺชาทินา ปากฏา โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกาสเน’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ ชาติยา หีโน โภเคน อธิโก ทุสฺสงฺคโห โหติ. น หิ สกฺกา เตน สทฺธึ เอกปริโภโค กาตุํ ชาติยา หีนตฺตา. ตสฺส ตถา อกริยมาเน จ โส กุชฺฌติ โภเคน อธิกตฺตา, ตสฺมา โส ทุสฺสงฺคโห. โภเคน หีโน ชาติยา อธิโกปิ ทุสฺสงฺคโห โหติ. โส หิ ‘‘อหํ ชาติมา’’ติ โภคสมฺปนฺเนน สทฺธิ เอกปริโภคํ อิจฺฉติ, ตสฺมึ อกริยมาเน กุชฺฌติ. อุโภหิปิ หีโน สุสงฺคโห โหติ. น หิ โส อิตเรน สทฺธึ เอกปริโภคํ อิจฺฉติ ชาติยา หีนภาวโต, น อกริยมาโน กุชฺฌติ โภเคน หีนภาวโต. อุโภหิ สทิโสปิ สุสงฺคโหเยว. สทิสภาเวเนว อิตเรน สห เอกปริโภคสฺส ปจฺจาสีสาย, อกรเณ จ ตสฺส กุชฺฌนสฺส อภาวโต. ภิกฺขุ ทุสฺสีโล ทุสฺสงฺคโห โหติ. น หิ สกฺกา เตน สทฺธึ เอกปริโภคํ กาตุํ, อกริยมาเน จ กุชฺฌติ. สีลวา ปน สุสงฺคโห โหติ. สีลวา หิ อทียมาเนปิ กิสฺมิฺจิ อามิเส อกริยมาเนปิ สงฺคเห น กุชฺฌติ, อฺํ อตฺตนา สทฺธึ ปริโภคํ อกโรนฺตมฺปิ น ปาปเกน จิตฺเตน ปสฺสติ เปสลภาวโต. ตโต เอว ปริโภโคปิ อเนน สทฺธึ สุกโร โหติ, ตสฺมา คิหิ เจ, อุโภหิ สทิโส. ปพฺพชิโต เจ, สีลวา ปุคฺคโล . เอวํ สมานตฺตตาย สงฺคเหตพฺโพ. เตเนวาห ‘‘โส สเจ คหฏฺสฺส ชาติยา ปพฺพชิตสฺส สีเลน สทิโส โหติ, ตสฺสายํ สมานตฺตตา กาตพฺพา’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

สงฺคหสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. สีหสุตฺตวณฺณนา

๓๓. ตติเย สีโหติ ปริสฺสยสหนโต ปฏิปกฺขหนนโต จ ‘‘สีโห’’ติ ลทฺธนาโม มิคาธิปติ. จตฺตาโรติ สมาเนปิ สีหชาติภาเว วณฺณวิเสสาทิสิทฺเธน วิเสเสน จตฺตาโร สีหา. เต อิทานิ นามโต วณฺณโต อาหารโต ทสฺเสตฺวา อิธาธิปฺเปตสีหํ นานปฺปการโต วิภาเวตุํ ‘‘ติณสีโห’’ติอาทิ อารทฺธํ. ติณภกฺโข สีโห ติณสีโห ปุริมปเท อุตฺตรปทโลเปน ยถา ‘‘สากปตฺถิโว’’ติ (ปาณินิ ๒.๑.๖๐). กาฬวณฺณตาย กาฬสีโห. ตถา ปณฺฑุสีโห. เตนาห ‘‘กาฬคาวิสทิโส, ปณฺฑุปลาสวณฺณคาวิสทิโส’’ติ จ. รตฺตกมฺพลสฺส วิย เกสโร เกสรกโลโม เอตสฺส อตฺถีติ เกสรี. ลาขาปริกมฺมกเตหิ วิย ปาทปริยนฺเตหีติ จ โยชนา.

กมฺมานุภาวสิทฺธอธิปจฺจมเหสกฺขตาหิ สพฺพมิคคณสฺส ราชา. สุวณฺณคุหโต วาติอาทิ ‘‘สีหสฺส วิหาโร กิริยา เอวํ โหตี’’ติ กตฺวา วุตฺตํ.

สมํ ปติฏฺาเปตฺวาติ สพฺพภาเคหิ สมเมว ภูมิยํ ปติฏฺาเปตฺวา. อากฑฺฒิตฺวาติ ปุรโต อากฑฺฒิตฺวา. อภิหริตฺวาติ อภิมุขํ หริตฺวา. สงฺฆาตนฺติ วินาสํ. วีสติยฏฺิกํ านํ อุสภํ.

สมสีโหติ สมชาติโก สมปฺปภาโว จ สีโห. สมาโนสฺมีติ เทสนามตฺตํ, สมปฺปภาวตาย เอว น ภายติ. สกฺกายทิฏฺิพลวตายาติ ‘‘เก อฺเ อมฺเหหิ อุตฺตริตรา, อถ โข มยเมว มหาพลา’’ติ เอวํ พลาติมานนิมิตฺตาย อหํการเหตุภูตาย สกฺกายทิฏฺิยา พลวภาเวน. สกฺกายทิฏฺิยา ปหีนตฺตาติ นิรหํการตฺตา อตฺตสิเนหสฺส สุฏฺุ สมุคฺฆาตตฺตา น ภายติ.

ตถาตถาติ สีหสทิสตาทินา เตน เตน ปกาเรน อตฺตานํ กเถสีติ วตฺวา ตมตฺถํ วิวริตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘สีโหติ โข’’ติอาทิ วุตฺตํ.

กตมหาภินีหารสฺส โลกนาถสฺส โพธิยา นิยตภาวปฺปตฺติยา เอกนฺตภาวี พุทฺธภาโวติ กตฺวา ‘‘ตีสุ ปาสาเทสุ นิวาสกาโล , มคธรฺโ ปฏิฺาทานกาโล, ปายาสสฺส ปริภุตฺตกาโล’’ติอาทินา อภิสมฺโพธิโต ปุริมาวตฺถาปิ สีหสทิสา กตฺวา ทสฺสิตา. ภาวินิ ภูตูปจาโรปิ หิ โลกโวหาโร. วิชฺชาภาวสามฺโต ทฺวิวิชฺชํ อิตรวิชฺชมฺปิ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ปฏิจฺจสมุปฺปาทสมฺมสนโต ตํ ปุเรตรสิทฺธํ วิย กตฺวา อาห ‘‘ติสฺโส วิชฺชา โสเธตฺวา’’ติ. อนุโลมปฏิโลมโต ปวตฺตาณสฺส วเสน ‘‘ยมกาณมนฺถเนนา’’ติ วุตฺตํ.

ตตฺถ วิหรนฺตสฺสาติ อชปาลนิคฺโรธมูเล วิหรนฺตสฺส. เอกาทสเม ทิวเสติ สตฺตสตฺตาหโต ปรํ เอกาทสเม ทิวเส. อจลปลฺลงฺเกติ อิสิปตเน ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนตฺถํ นิสินฺนปลฺลงฺเก. ตมฺปิ หิ เกนจิ อปฺปฏิวตฺติยํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนตฺถํ นิสชฺชาติ กตฺวา วชิราสนํ วิย อจลปลฺลงฺกํ วุจฺจติ. อิมสฺมิฺจ ปน ปเทติ ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, อนฺตา’’ติอาทินยปฺปวตฺเต จ อิมสฺมึ สทฺธมฺมโกฏฺาเส. ธมฺมโฆโส…เป… ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ปฏิจฺฉาเทสิ ‘‘สพฺพตฺถ ิตา สุณนฺตู’’ติ อธิฏฺาเนน. โสฬสหากาเรหีติ ทุกฺขปริฺา, สมุทยปฺปหานํ, นิโรธสจฺฉิกิริยา, มคฺคภาวนาติ เอเกกสฺมึ มคฺเค จตฺตาริ จตฺตาริ กตฺวา โสฬสหิ อากาเรหิ.

ปเมน นเยน อภิสมฺโพธิโต ปุริมตราวตฺถาปิ อวสฺสํภาวิตาย คเหตฺวา สีหสทิสตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อภิสมฺพุทฺธาวตฺถาสุ เอว สีหสทิสตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปโร นโย’’ติอาทิ อารทฺธํ. อฏฺหิ การเณหีติ ‘‘ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนฏฺเน ตถาคโต’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๒; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๗๘; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐; อุทา. อฏฺ. ๑๘; อิติวุ. อฏฺ. ๓๘; เถรคา. อฏฺ. ๑.๓; พุ. วํ. อฏฺ. ๑.๒ นิทานกถา; มหานิ. อฏฺ. ๑๔; ปฏิ. ม. ๑.๓๗) เอวํ วุตฺเตหิ อฏฺหิ ตถาคตสาธเกหิ การเณหิ. ยทิปิ ภควา โพธิปลฺลงฺเก นิสินฺนมตฺเตว อภิสมฺพุทฺโธ น ชาโต, ตถาปิ ตาย นิสชฺชาย นิสินฺโนว ปนุชฺช สพฺพํ ปริสฺสยํ อภิสมฺพุทฺโธ ชาโต. ตถา หิ ตํ ‘‘อปราชิตปลฺลงฺก’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา ‘‘ยาว โพธิปลฺลงฺกา วา’’ติ วตฺวา เตน อปริตุสฺสนฺโต ‘‘ยาว อรหตฺตมคฺคาณา วา’’ติ อาห.

อิติสกฺกาโยติ เอตฺถ อิติสทฺโท นิทสฺสนตฺโถ. เตน สกฺกาโย สรูปโต ปริมาณโต ปริจฺเฉทโต จ ทสฺสิโตติ อาห ‘‘อยํ สกฺกาโย’’ติอาทิ. ‘‘อยํ สกฺกาโย’’ติ อิมินา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา สรูปโต ทสฺสิตา. ‘‘เอตฺตโก สกฺกาโย’’ติ อิมินา เต ปริมาณโต ทสฺสิตา. ตสฺส จ ปริมาณสฺส เอกนฺติกภาวํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘น อิโต ภิยฺโย สกฺกาโย อตฺถี’’ติ วุตฺตํ. สภาวโตติ สลกฺขณโต. สรสโตติ สกิจฺจโต. ปริยนฺตโตติ ปริมาณปริยนฺตโต. ปริจฺเฉทโตติ ยตฺตเก าเน ตสฺส ปวตฺติตสฺส ปริจฺฉินฺทนโต. ปริวฏุมโตติ ปริโยสานปฺปวตฺติโต. สพฺเพปิ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทสฺสิตา โหนฺติ ยถาวุตฺเตน วิภาเคน. อยํ สกฺกายสฺส สมุทโย นามาติ อยํ อาหาราทิสกฺกายสฺส สมุทโย นาม. เตนาห ‘‘เอตฺตาวตา’’ติอาทิ. อตฺถงฺคโมติ นิโรโธ. ‘‘อาหารสมุทยา อาหารนิโรธา’’ติ จ อสาธารณเมว ตํ คเหตฺวา เสเสสุ อาทิ-สทฺเทน สงฺคณฺหาติ.

ปณฺณาสลกฺขณปฏิมณฺฑิตนฺติ ปณฺณาสอุทยวยลกฺขณวิภูสิตํ สมุทยตฺถงฺคมคฺคหณโต. ขีณาสวตฺตาติ อนวเสสํ สาวเสสฺจ อาสวานํ ปริกฺขีณตฺตา. อนาคามีนมฺปิ หิ ภยํ จิตฺตุตฺราสฺจ น โหตีติ. าณสํเวโค ภยตุปฏฺานปฺา. อิตราสํ ปน เทวตานนฺติ อขีณาสวเทเว สนฺธาย วทติ. โภติ ธมฺมาลปนมตฺตนฺติ สภาวกถนมตฺตํ.

จกฺกนฺติ สตฺถุ อาณาจกฺกํ. ตํ ปน ธมฺมโต อาคตนฺติ ธมฺมจกฺกํ. ตตฺถ อริยสาวกานํ ปฏิเวธธมฺมโต อาคตนฺติ ธมฺมจกฺกํ. อิตเรสํ เทสนาธมฺมโต อาคตนฺติ ธมฺมจกฺกํ. ทุวิเธปิ าณํ ปธานนฺติ าณสีเสน วุตฺตํ ‘‘ปฏิเวธาณมฺปิ เทสนาาณมฺปี’’ติ. อิทานิ ตํ าณํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ปฏิเวธาณํ นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมา ตสฺส าณสฺส ปฏิวิทฺธตฺตา ภควา ตานิ สฏฺิ นยสหสฺสานิ เวเนยฺยานํ ทสฺเสตุํ สมตฺโถ อโหสิ, ตสฺมา ตานิ สฏฺิ นยสหสฺสานิ เตน าเณน สทฺธึเยว สิทฺธานีติ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘สฏฺิยา จ นยสหสฺเสหิ ปฏิวิชฺฌี’’ติ อาห. ติปริวฏฺฏนฺติ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ จ ‘‘ปริฺเยฺย’’นฺติ จ ‘‘ปริฺาต’’นฺติ จ เอวํ ติปริวฏฺฏํ, ตํเยว ทฺวาทสาการํ. นฺติ เทสนาาณํ. เอส ภควา. อปฺปฏิปุคฺคโลติ ปฏินิธิภูตปุคฺคลรหิโต. เอกสทิสสฺสาติ นิพฺพิการสฺส.

สีหสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อคฺคปสาทสุตฺตวณฺณนา

๓๔. จตุตฺเถ อคฺเคสุ ปสาทาติ เสฏฺเสุ ปสาทา. อคฺคา วา ปสาทาติ เสฏฺภูตา ปสาทา. เสฏฺวจโน เหตฺถ อคฺคสทฺโท. ปุริมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป อคฺคสทฺเทน พุทฺธาทิรตนตฺตยํ วุจฺจติ. เตสุ ภควา ตาว อสทิสฏฺเน, คุณวิสิฏฺฏฺเน, อสมสมฏฺเน จ อคฺโค. โส หิ มหาภินีหารํ ทสนฺนํ ปารมีนํ ปวิจยฺจ อาทึ กตฺวา โพธิสมฺภารคุเณหิ เจว พุทฺธคุเณหิ จ ปโยชเนหิ จ เสสชเนหิ อสทิโสติ อสทิสฏฺเนปิ อคฺโค. เย จสฺส เต คุณา มหากรุณาทโย, เตหิ เสสสตฺตานํ คุเณหิ วิสิฏฺฏฺเนปิ สพฺพสตฺตุตฺตมตาย อคฺโค. เย ปน ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา สพฺพสตฺเตหิ อสมา, เตหิ สทฺธึ อยเมว รูปกายคุเณหิ เจว ธมฺมกายคุเณหิ จ สโมติ อสมสมฏฺเนปิ อคฺโค. ตถา ทุลฺลภปาตุภาวโต อจฺฉริยมนุสฺสภาวโต พหุชนหิตสุขาวหโต อทุติยอสหายาทิภาวโต จ ภควา โลเก อคฺโคติ วุจฺจติ. ยถาห –

‘‘เอกปุคฺคลสฺส, ภิกฺขเว, ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. กตมสฺส เอกปุคฺคลสฺส? ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺมุทฺธสฺส. เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ อจฺฉริยมนุสฺโส. เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ พหุชน…เป… สมฺมาสมฺพุทฺโธ. เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ อทุติโย อสหาโย อปฺปฏิโม อปฺปฏิภาโค อปฺปฏิปุคฺคโล อสโม อสมสโม ทฺวิปทานํ อคฺโค. กตโม เอกปุคฺคโล? ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๗๑-๑๗๓).

ธมฺมสงฺฆา อฺธมฺมสงฺเฆหิ อสทิสฏฺเน วิสิฏฺคุณตาย ทุลฺลภปาตุภาวาทินา จ อคฺคา. ตถา หิ เตสํ สฺวากฺขาตตาทิสุปฺปฏิปนฺนตาทิคุณวิเสเสหิ อฺเ ธมฺมสงฺฆสทิสา อปฺปตรํ นิหีนา วา นตฺถิ, กุโต เสฏฺา. สยเมว เตหิ วิสิฏฺคุณตาย เสฏฺา. ตถา ทุลฺลภุปฺปาทอจฺฉริยภาวพหุชนหิตสุขาวหอทุติยาสหายาทิสภาวา จ เต. ยทคฺเคน หิ ภควา ทุลฺลภปาตุภาโว, ตทคฺเคน ธมฺมสงฺฆาปีติ. อจฺฉริยาทีสุปิ เอเสว นโย. เอวํ อคฺเคสุ เสฏฺเสุ อุตฺตเมสุ ปวเรสุ คุณวิสิฏฺเสุ ปสาทาติ อคฺคปฺปสทา.

ทุติยสฺมึ ปนตฺเถ ยถาวุตฺเตสุ อคฺเคสุ พุทฺธาทีสุ อุปฺปตฺติยา อคฺคภูตา ปสาทา อคฺคปฺปสาทา. เย ปน อริยมคฺเคน อาคตา อเวจฺจปฺปสาทา, เต เอกนฺเตเนว อคฺคภูตา ปสาทาติ อคฺคปฺปสาทา. ยถาห – ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๗-๑๐๓๘). อคฺควิปากตฺตาปิ เจเต อคฺคปฺปสาทา. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐).

อปทา วาติอาทีสุ วา-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, น วิกปฺปตฺโถ. ยถา ‘‘อนุปฺปนฺโน วา กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา กามาสโว ปวฑฺฒตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๗) เอตฺถ อนุปฺปนฺโน จ อุปฺปนฺโน จาติ อตฺโถ. ยถา จ ‘‘ภูตานํ วา สตฺตานํ ิติยา สมฺภเวสีนํ วา อนุคฺคหายา’’ติ เอตฺถ ภูตานฺจ สมฺภเวสีนฺจาติ อตฺโถ. ยถา จ ‘‘อคฺคิโต วา อุทกโต วา มิถุเภทโต วา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๕๒) เอตฺถ อคฺคิโต จ อุทกโต จ มิถุเภทโต จาติ อตฺโถ, เอวํ ‘‘อปทา วา…เป… อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) เอตฺถาปิ อปทา จ ทฺวิปทา จาติ สมฺปิณฺฑนวเสน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘วา-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, น วิกปฺปตฺโถ’’ติ.

รูปิโนติ รูปวนฺโต. น รูปิโนติ อรูปิโน. สฺิโนติ สฺวนฺโต. น สฺิโนติ อสฺิโน. ‘‘อปทา วา’’ติอาทิสพฺพปเทหิ กามภโว, รูปภโว, อรูปภโว, เอกโวการภโว, จตุโวการภโว, ปฺจโวการภโว, สฺิภโว, อสฺิภโว, เนวสฺินาสฺิภโวติ นววิเธปิ ภเว สตฺเตปิ อนวเสสโต ปริยาทิยิตฺวา ทสฺเสติ. เอตฺถ หิ รูปิคฺคหเณน กามภโว, รูปภโว, ปฺจโวการภโว, เอกโวการภโว จ ทสฺสิโต, อรูปิคฺคหเณน อรูปภโว, จตุโวการภโว จ ทสฺสิโต, สฺิภวาทโย ปน สรูเปเนว ทสฺสิตา. อปทาทิคฺคหเณน กามภวปฺจโวการภวสฺิภวานํ เอกเทโสว ทสฺสิโต.

กสฺมา ปเนตฺถ ยถา อทุติยสุตฺเต ‘‘ทฺวิปทานํ อคฺโค’’ติ ทฺวิปทา เอว คหิตา, เอวํ ทฺวิปทคฺคหณเมว อกตฺวา อปทาทิคฺคหณํ กตนฺติ? วุจฺจเต – อทุติยสุตฺเต ตาว เสฏฺตรวเสน ทฺวิปทคฺคหณเมว กตํ. อิมสฺมิฺหิ โลเก เสฏฺโ นาม อุปฺปชฺชมาโน อปทจตุปฺปทพหุปเทสุ น อุปฺปชฺชติ, ทฺวิปเทสุเยว อุปฺปชฺชติ. กตเรสุ ทฺวิปเทสุ? มนุสฺเสสุ เจว เทเวสุ จ. มนุสฺเสสุ อุปฺปชฺชมาโน สกลโลกํ วเส วตฺเตตุํ สมตฺโถ พุทฺโธ หุตฺวา อุปฺปชฺชติ, เทเวสุ อุปฺปชฺชมาโน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ วเส วตฺตนโก มหาพฺรหฺมา หุตฺวา อุปฺปชฺชติ, โส ตสฺส กปฺปิยการโก วา อารามิโก วา สมฺปชฺชติ. อิติ ตโตปิ เสฏฺตรวเสเนส ทฺวิปทานํ อคฺโคติ ตตฺถ วุตฺตํ. อิธ ปน อนวเสสปริยาทานวเสน เอวํ วุตฺตํ ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา…เป… เนวสฺินาสฺิโน วา, ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ . นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. -กาโร ปทสนฺธิกโร, อคฺโค อกฺขายตีติ ปทวิภาโค. เตเนวาห ‘‘คุเณหิ อคฺโค’’ติอาทิ.

อคฺโค วิปาโก โหตีติ อคฺเค สมฺมาสมฺพุทฺเธ ปสนฺนานํ โย ปสาโท อคฺโค เสฏฺโ อุตฺตมโกฏิภูโต วา, ตสฺมา ตสฺส วิปาโกปิ อคฺโค เสฏฺโ อุตฺตมโกฏิภูโต อุฬารตโม ปณีตตโม โหติ. โส ปน ปสาโท ทุวิโธ โลกิยโลกุตฺตรเภทโต. เตสุ โลกิยสฺส ตาว –

‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส,

น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;

ปหาย มานุสํ เทหํ,

เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; อิติวุ. อฏฺ. ๙๐; สํ. นิ. ๑.๓๗);

‘‘พุทฺโธติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ;

วรเมว หิ สา ปีติ, กสิเณนปิ ชมฺพุทีปสฺส. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๖; อิติวุ. อฏฺ. ๙๐);

‘‘สตํ หตฺถี สตํ อสฺสา, สตํ อสฺสตรีรถา;

สตํ กฺาสหสฺสานิ, อามุกฺกมณิกุณฺฑลา;

เอกสฺส ปทวีติหารสฺส, กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสึ’’. (จูฬว. ๓๐๕);

‘‘สาธุ โข, เทวานมินฺท, พุทฺธํ สรณคมนํ โหติ, พุทฺธํ สรณคมนเหตุ โข, เทวานมินฺท, เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ. เต อฺเ เทเว ทสหิ าเนหิ อธิคฺคณฺหนฺติ ทิพฺเพน อายุนา, ทิพฺเพน วณฺเณน, ทิพฺเพน สุเขน, ทิพฺเพน ยเสน, ทิพฺเพน อาธิปเตยฺเยน, ทิพฺเพหิ รูเปหิ, ทิพฺเพหิ สทฺเทหิ, ทิพฺเพหิ คนฺเธหิ, ทิพฺเพหิ รเสหิ, ทิพฺเพหิ โผฏฺพฺเพหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) –

เอวมาทีนํ สุตฺตปทานํ วเสน ปสาทผลวิเสสโยโค เวทิตพฺโพ, ตสฺมา โส อปายทุกฺขวินิวตฺตเนน สทฺธึ สมฺปตฺติภเวสุ สุขวิเสสทายโกว ทฏฺพฺโพ.

โลกุตฺตโร ปน สามฺผลวิปากทายโก วฏฺฏทุกฺขวินิวตฺตโก. สพฺโพปิ จายํ ปสาโท ปรมฺปราย วฏฺฏทุกฺขํ วินิวตฺเตติเยว. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อตฺตโน สทฺธํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฏฺิตํ…เป… น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ, อุชุคตจิตฺตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ…เป… นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตี’’ติ.

ธมฺมาติ สภาวธมฺมา. สงฺขตาติ สเมจฺจ สมฺภูย ปจฺจเยหิ กตาติ สงฺขตา, สปจฺจยา ธมฺมา. เหตูหิ ปจฺจเยหิ จ น เกหิจิ กตา สงฺขตาติ อสงฺขตา, อปจฺจโย นิพฺพานํ. สงฺขตานํ ปริโยสิตภาเวน ‘‘อสงฺขตา’’ติ ปุถุวจนํ. วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตีติ เตสํ สงฺขตาสงฺขตธมฺมานํ โย วิราคสงฺขาโต อสงฺขตธมฺโม, โส สภาเวเนว สณฺหสุขุมภาวโต สนฺตตรปณีตตรภาวโต คมฺภีราทิภาวโต มทนิมฺมทนาทิภาวโต อคฺคํ เสฏฺํ อุตฺตมํ ปวรนฺติ วุจฺจติ. ยทิทนฺติ นิปาโต, โย อยนฺติ อตฺโถ. มทนิมฺมทโนติอาทีนิ สพฺพานิ นิพฺพานเววจนานิ. เตเนวาห ‘‘วิราโคติอาทีนิ นิพฺพานสฺเสว นามานี’’ติ. ราคมทาทโยติ อาทิ-สทฺเทน มานมทปุริสมทาทิเก สงฺคณฺหาติ . สพฺพา ปิปาสาติ กามปิปาสาทิกา สพฺพา ปิปาสา. สพฺเพ อาลยา สมุคฺฆาตํ คจฺฉนฺตีติ กามาลยาทิกา สพฺเพปิ อาลยา สมุคฺฆาตํ ยนฺติ. วฏฺฏานีติ กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏานิ. ตณฺหาติ อฏฺสตปฺปเภทา สพฺพาปิ ตณฺหา.

อคฺโค วิปาโก โหตีติ เอตฺถาปิ –

‘‘เย เกจิ ธมฺมํ สรณํ คตาเส…เป…’’. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ นิ. ๑.๓๗);

‘‘ธมฺโมติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ…เป…’’. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๖; อิติวุ. อฏฺ. ๙๐);

‘‘สาธุ โข, เทวานมินฺท, ธมฺมํ สรณคมนํ โหติ, ธมฺมํ สรณคมนเหตุ โข, เทวานมินฺท, เอวมิเธกจฺเจ…เป… ทิพฺเพหิ โผฏฺพฺเพหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) –

เอวมาทีนํ สุตฺตปทานํ วเสน ธมฺเม ปสาทสฺส ผลวิเสสโยโค เวทิตพฺโพ.

สงฺฆา วา คณา วาติ ชนสมูหสงฺขาตา ยาวตา โลเก สงฺฆา วา คณา วา. ตถาคตสาวกสงฺโฆติ อฏฺอริยปุคฺคลสมูหสงฺขาโต ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหโต ตถาคตสฺส สาวกสงฺโฆ. อคฺคมกฺขายตีติ อตฺตโน สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติอาทิคุณวิเสเสน เตสํ สงฺฆานํ อคฺโค เสฏฺโ อุตฺตโม ปวโรติ วุจฺจติ. ยทิทนฺติ ยานิ อิมานิ. จตฺตาริ ปุริสยุคานิ ยุคฬวเสน, ปมมคฺคฏฺโ ปมผลฏฺโติ อิทเมกํ ยุคฬํ, ยาว จตุตฺถมคฺคฏฺโ จตุตฺถผลฏฺโติ อิทเมกํ ยุคฬนฺติ เอวํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ. อฏฺ ปุริสปุคฺคลาติ ปุริสปุคฺคลวเสน เอโก ปมมคฺคฏฺโ, เอโก ปมผลฏฺโติ อิมินา นเยน อฏฺ ปุริสปุคฺคลา. เอตฺถ จ ปุริโสติ วา ปุคฺคโลติ วา เอกตฺถานิ เอตานิ ปทานิ, เวเนยฺยวเสน ปเนวํ วุตฺตํ. เอส ภควโต สาวกสงฺโฆติ ยานิมานิ ยุคฬวเสน จตฺตาริ ยุคานิ ปาฏิเยกฺกโต อฏฺ ปุริสปุคฺคลา, เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ. อาหุเนยฺโยติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนว. อิธาปิ –

‘‘เย เกจิ สงฺฆํ สรณํ คตาเส…เป…’’. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

‘‘สงฺโฆติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ…เป…’’. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๖; อิติวุ. อฏฺ. ๙๐);

‘‘สาธุ โข, เทวานมินฺท, สงฺฆํ สรณคมนํ โหติ, สงฺฆํ สรณคมนเหตุ โข, เทวานมินฺท…เป… ทิพฺเพหิ โผฏฺพฺเพหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) –

อาทีนํ สุตฺตปทานํ วเสน สงฺเฆ ปสาทสฺส ผลวิเสสโยโค ตสฺส อคฺควิปากตา จ เวทิตพฺพา. ตถา อนุตฺตริยปฏิลาโภ สตฺตมภวาทิโต ปฏฺาย วฏฺฏทุกฺขสมุจฺเฉโท อนุตฺตรสุขาธิคโมติ เอวมาทิอุฬารผลนิปฺผาทนวเสน อคฺควิปากตา เวทิตพฺพา.

คาถาสุ อคฺคโตติ อคฺเค รตนตฺตเย, อคฺคภาวโต วา ปสนฺนานํ. อคฺคํ ธมฺมนฺติ อคฺคสภาวํ พุทฺธสุโพธึ ธมฺมสุธมฺมตํ สงฺฆสุปฺปฏิปตฺตึ, รตนตฺตยสฺส อนฺสาธารณํ อุตฺตมสภาวํ, ทสพลาทิสฺวากฺขาตตาทิสุปฺปฏิปนฺนตาทิคุณสภาวํ วา. วิชานตนฺติ วิชานนฺตานํ. เอวํ สาธารณโต อคฺคปฺปสาทวตฺถุํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อสาธารณโต ตํ วิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘อคฺเค พุทฺเธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปสนฺนานนฺติ อเวจฺจปฺปสาเทน จ อิตรปฺปสาเทน จ ปสนฺนานํ อธิมุตฺตานํ. วิราคูปสเมติ วิราเค อุปสเม จ, สพฺพสฺส ราคสฺส สพฺเพสํ กิเลสานํ อจฺจนฺตวิราคเหตุภูเต อจฺจนฺตอุปสมเหตุภูเต จาติ อตฺโถ. สุเขติ วฏฺฏทุกฺขกฺขยภาเวน สงฺขารูปสมสุขภาเวน สุเข.

อคฺคสฺมึ ทานํ ททตนฺติ อคฺเค รตนตฺตเย ทานํ ททนฺตานํ เทยฺยธมฺมํ ปริจฺจชนฺตานํ. ตตฺถ ธรมานํ ภควนฺตํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺตา ปูเชนฺตา สกฺกโรนฺตา, ปรินิพฺพุตํ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ธาตุเจติยาทิเก อุปฏฺหนฺตา ปูเชนฺตา สกฺกโรนฺตา พุทฺเธ ทานํ ททนฺติ นาม. ‘‘ธมฺมํ ปูเชสฺสามา’’ติ ธมฺมธเร ปุคฺคเล จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺตา ปูเชนฺตา สกฺกโรนฺตา ธมฺมฺจ จิรฏฺิติกํ กโรนฺตา ธมฺเม ทานํ ททนฺติ นาม. ตถา อริยสงฺฆํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺตา ปูเชนฺตา สกฺกโรนฺตา ตํ อุทฺทิสฺส อิตรสฺมิมฺปิ ตถา ปฏิปชฺชนฺตา สงฺเฆ ทานํ ททนฺติ นาม. อคฺคํ ปุฺํ ปวฑฺฒตีติ เอวํ รตนตฺตเย ปสนฺเนน เจตสา อุฬารํ ปริจฺจาคํ อุฬารฺจ ปูชาสกฺการํ ปวตฺเตนฺตานํ ทิวเส ทิวเส อคฺคํ อุฬารํ กุสลํ อุปจียติ. อิทานิ ตสฺส ปุฺสฺส อคฺควิปากตาย อคฺคภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อคฺคํ อายู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อายูติ ทิพฺพํ วา มานุสํ วา อคฺคํ อุฬารํ ปรมํ อายุ ปวฑฺฒติ อุปรูปริ พฺรูหติ. วณฺโณติ รูปสมฺปทา. ยโสติ ปริวารสมฺปทา. กิตฺตีติ ถุติโฆโส. สุขนฺติ กายิกํ เจตสิกฺจ สุขํ. พลนฺติ กายพลฺเจว าณพลฺจ.

อคฺคสฺส รตนตฺตยสฺส ทานํ ทาตา. อถ วา อคฺคสฺส เทยฺยธมฺมสฺส ทานํ อุฬารํ กตฺวา ตตฺถ ปุฺํ ปวตฺเตตา. อคฺคธมฺมสมาหิโตติ อคฺเคน ปสาทธมฺเมน ทานาทิธมฺเมน จ สํหิโต สมนฺนาคโต อจลปฺปสาทยุตฺโต, ตสฺส วา วิปากภูเตหิ พหุชนสฺส ปิยมนาปตาทิธมฺเมหิ ยุตฺโต. อคฺคปฺปตฺโต ปโมทตีติ ยตฺถ ยตฺถ สตฺตนิกาเย อุปฺปนฺโน, ตตฺถ ตตฺถ อคฺคภาวํ เสฏฺภาวํ อธิคโต, อคฺคภาวํ วา โลกุตฺตรมคฺคผลํ อธิคโต ปโมทติ อภิรมติ ปริตุสฺสตีติ.

อคฺคปสาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. วสฺสการสุตฺตวณฺณนา

๓๕. ปฺจเม อริเย าเยติ สํกิเลสโต อารกตฺตา อริเย นิทฺโทเส ปริสุทฺเธ นิยฺยานิกธมฺมภาวโต าเย การเณติ อตฺโถ. ายติ นิจฺฉเยน กมติ นิพฺพานํ, ตํ วา ายติ ปฏิวิชฺฌียติ เอเตนาตี าโย, อริยมคฺโค. โส เอว จ สมฺปาปกเหตุภาวโต การณนฺติ วุจฺจติ. อิธ ปน สห วิปสฺสนาย อริยมคฺโค อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘สหวิปสฺสนเก มคฺเค’’ติ. คาถาสุ ‘‘ายํ ธมฺม’’นฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.

วสฺสการสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. โทณสุตฺตวณฺณนา

๓๖. ฉฏฺเ อุกฺกาหิ ธาริยมานาหีติ ทีปิกาหิ ธาริยมานาหิ, ทณฺฑทีปิกาสุ ชาเลตฺวา ธาริยมานาสุ มาปิตตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. ตฺหิ นครํ ‘‘มงฺคลทิวเส สุขเณ สุนกฺขตฺตํ มา อติกฺกมี’’ติ รตฺติมฺปิ อุกฺกาสุ ธาริยมานาสุ มาปิตํ. อุกฺกาสุ าติ อุกฺกฏฺา, อุกฺกาสุ วิชฺโชตยนฺตีสุ ิตา ปติฏฺิตาติ มูลวิภูชาทิปกฺเขเปน (ปาณินิ ๓.๒.๕) สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. นิรุตฺตินเยน วา อุกฺกาสุ ิตาสุ ิตา อาสีติ อุกฺกฏฺา. อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘ภูมิภาคสมฺปตฺติยา มนุสฺสสมฺปตฺติยา อุปกรณสมฺปตฺติยา จ สา นครี อุกฺกฏฺคุณโยคโต อุกฺกฏฺาติ นามํ ลภตี’’ติ. เสตพฺยนฺติ ตสฺส นครสฺส นามํ. ตํ ปน กสฺสปทสพลสฺส ชาตนครนฺติ อาห ‘‘อตีเต กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ชาตนคร’’นฺติ.

วิชฺชนฺตริกายาติ วิชฺชุนิจฺฉรณกฺขเณ. อนฺตรโตติ หทเย. อนฺตราติ อารมฺภนิพฺพตฺตีนํ เวมชฺเฌ. อนฺตริกายาติ อนฺตราเฬ. เอตฺถ จ ‘‘ตทนฺตรํ โก ชาเนยฺย (อ. นิ. ๖.๔๔; ๑๐.๗๕), เอเตสํ อนฺตรา กปฺปา คณนโต อสงฺขฺเยยฺยา (พุ. วํ. ๒๘.๓), อนฺตรนฺตรา กถํ โอปปาเตตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๒๖) จ อาทีสุ วิย การณเวมชฺเฌสุ วตฺตมานา อนฺตราสทฺทา เอว อุทาหริตพฺพา สิยุํ, น ปน จิตฺตกฺขณวิวเรสุ วตฺตมานา อนฺตรอนฺตริกสทฺทา. อนฺตราสทฺทสฺส หิ อยมตฺถุทฺธาโรติ.

อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย สิยา – เยสุ อนฺตราสทฺโท วตฺตติ, เตสุ อนฺตรสทฺโทปิ วตฺตตีติ สมานตฺถตฺตา อนฺตราสทฺทตฺเถ วตฺตมาโน อนฺตรสทฺโท อุทาหโฏ. อนฺตราสทฺโท เอว วา ‘‘ยสฺสนฺตรโต’’ติ เอตฺถ คาถาสุขตฺถํ รสฺสํ กตฺวา วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. อนฺตราสทฺโท เอว ปน อิกสทฺเทน ปทํ วฑฺเฒตฺวา ‘‘อนฺตริกา’’ติ วุตฺโตติ เอวเมตฺถ อุทาหรโณทาหริตพฺพานํ วิโรธาภาโว ทฏฺพฺโพ. อโยชิยมาเน อุปโยควจนํ น ปาปุณาติ สามิวจนสฺส ปสงฺเค อนฺตราสทฺทโยเคน อุปโยควจนสฺส อิจฺฉิตตฺตา. เตเนวาห ‘‘อนฺตราสทฺเทน ปน ยุตฺตตฺตา อุปโยควจนํ กต’’นฺติ.

สกลชมฺพุทีเป อุปฺปนฺนํ มหากลหํ วูปสเมตฺวาติ ปรินิพฺพุเต ภควติ ธาตูนํ อตฺถาย กุสินารนครํ ปริวาเรตฺวา ิเตหิ เสสราชูหิ ‘‘อมฺหากํ ธาตุโย วา เทนฺตุ ยุทฺธํ วา’’ติอาทินา โกสินารเกหิ มลฺเลหิ สทฺธึ กตํ วิวาทํ วูปสเมตฺวา. โส กิร พฺราหฺมโณ เตสํ วิวาทํ สุตฺวา ‘‘เอเต ราชาโน ภควโต ปรินิพฺพุตฏฺาเน วิวาทํ กโรนฺติ, น โข ปเนตํ ปติรูปํ, อลํ อิมินา กลเหน, วูปสเมสฺสามิ น’’นฺติ คนฺตฺวา อุนฺนเต ปเทเส ตฺวา ทฺเวภาณวารปริมาณํ โทณคชฺชิตํ นาม อโวจ. ตตฺถ ปมภาณวาเร ตาว เอกปทมฺปิ เต น ชานึสุ. ทุติยภาณวารปริโยสาเน จ ‘‘อาจริยสฺส วิย โภ สทฺโท, อาจริยสฺส วิย โภ สทฺโท’’ติ สพฺเพ นิรวา อเหสุํ. ชมฺพุทีปตเล กิร กุลฆเร ชาโต เยภุยฺเยน ตสฺส น-อนฺเตวาสิโก นาม นตฺถิ, อถ โข โส อตฺตโน วจนํ สุตฺวา นิรเว ตุณฺหีภูเต วิทิตฺวา ปุน –

‘‘สุณนฺตุ โภนฺโต มม เอกวาจํ,

อมฺหาก พุทฺโธ อหุ ขนฺติวาโท;

น หิ สาธุยํ อุตฺตมปุคฺคลสฺส,

สรีรภาเค สิยา สมฺปหาโร.

‘‘สพฺเพว โภนฺโต สหิตา สมคฺคา,

สมฺโมทมานา กโรมฏฺภาเค;

วิตฺถาริกา โหนฺตุ ทิสาสุ ถูปา,

พหู ชนา จกฺขุมโต ปสนฺนา’’ติ. (ที. นิ. ๒.๒๓๗) –

อิมํ คาถาทฺวยํ วตฺวา ตํ กลหํ วูปสเมตฺวา ธาตุโย อฏฺธา ภาเชตฺวา อทาสิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘สกลชมฺพุทีเป อุปฺปนฺนํ มหากลหํ วูปสเมตฺวา ธาตุโย ภาเชสฺสตี’’ติ. ลกฺขณจกฺกานีติ ทฺวีสุ ปาทตเลสุ ทฺเว ลกฺขณจกฺกานิ.

อาสเวนาติ กมฺมกิเลสการเณน อาสเวน. เอตฺถ หิ เตภูมกฺจ กมฺมํ, อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา ‘‘อาสวา’’ติ วุตฺตา. เทวูปปตฺตีติ เทเวสุ อุปฺปตฺติ นิพฺพตฺติ. เอตฺถ จ ยกฺขคนฺธพฺพตาย วินิมุตฺตา สพฺเพ เทวา เทวคฺคหเณน คหิตา. คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม อากาสจารี. อหนฺติ วิภตฺติวิปริณาเมน โยเชตพฺพํ.

โทณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. อปริหานิยสุตฺตวณฺณนา

๓๗. สตฺตเม นิพฺพานสนฺติเกเยว จรตีติ กิเลสนิพฺพานสฺส อนุปาทาปรินิพฺพานสฺส จ สนฺติเกเยว จรติ ‘‘น จิรสฺเสว อธิคมิสฺสตี’’ติ กตฺวา . คาถาย อปฺปมาทรโตติ สมถวิปสฺสนาย อปฺปมชฺชเน รโต อภิรโต, อปฺปมาเทเนว รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมนฺโตติ อตฺโถ. ปมาทํ ภยโต ปสฺสนฺโตติ นิรยูปปตฺติอาทิภยเหตุโต ปมาทํ ภยโต ปสฺสนฺโต. อภพฺโพ ปริหานายาติ โส เอวรูโป สมถวิปสฺสนาธมฺเมหิ มคฺคผเลหิ วา ปริหานาย อภพฺโพ. สมถวิปสฺสนาโต หิ สมฺปตฺตโต น ปริหายติ, อิตรานิ จ อปฺปตฺตานิ ปาปุณาตีติ.

อปริหานิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ปติลีนสุตฺตวณฺณนา

๓๘. อฏฺเม อนฺตวา โลโกติ เอกปสฺเสน วฑฺฒิตํ กสิณนิมิตฺตํ ‘‘โลโก’’ติ คาเหน วา ตกฺเกน วา อุปฺปนฺนทิฏฺิ. ลาภี หิ ฌานจกฺขุนา ปสฺสิตฺวา คณฺหาติ, อิตโร ตกฺกมตฺเตน. อนนฺตวาติ สมนฺตโต วฑฺฒิตํ อปฺปมาณํ กสิณนิมิตฺตํ ‘‘โลโก’’ติ คาเหน วา ตกฺเกน วา อุปฺปนฺนทิฏฺิ. ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ ชีโว สรีรฺจ เอกเมว วตฺถูติ อุปฺปนฺนทิฏฺิ. วิสฺสฏฺานีติ สกปริจฺจชนวเสน นิสฺสฏฺานิ. วนฺตานีติ อิทํ ปุน อนาทิยนภาวทสฺสนวเสน วุตฺตํ. จตฺตมฺปิ หิ เกจิ คณฺหนฺติ, นยิทเมวนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘วนฺตานี’’ติ วุตฺตํ. น หิ ยํ เยน วนฺตํ, น โส ตํ ปุน อาทียติ. วนฺตมฺปิ กิฺจิ สสนฺตติลคฺคํ สิยา, นยิทเมวนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘มุตฺตานี’’ติ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘ฉินฺนพนฺธนานิ กตานี’’ติ, สนฺตติโต วินิโมจนวเสน ฉินฺนพนฺธนานิ กตานีติ อตฺโถ. มุตฺตมฺปิ กิฺจิ มุตฺตพนฺธนํ วิย ผลํ กุหิฺจิ ติฏฺติ, น เอวมิทนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปหีนานี’’ติ วุตฺตํ. ยถา กิฺจิ ทุนฺนิสฺสฏฺํ ปุน อาทาย สมฺมเทว นิสฺสฏฺํ ‘‘ปฏินิสฺสฏฺ’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ วิปสฺสนาย นิสฺสฏฺานิ อาทินฺนสทิสานิ มคฺเคน ปหีนานิ ปฏินิสฺสฏฺานิ นาม โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปฏินิสฺสฏฺานี’’ติ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘ยถา น ปุน จิตฺตํ อาโรหนฺติ, เอวํ ปฏินิสฺสชฺชิตานี’’ติ.

กาเมสนาติ กามานํ เอสนา, กามสงฺขาตา วา เอสนา กาเมสนา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ตตฺถ กตมา กาเมสนา? โย กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามราโค กามนนฺที กามปิปาสา กามมุจฺฉา กามชฺโฌสานํ, อยํ วุจฺจติ กาเมสนา’’ติ, ตสฺมา กามราโค ‘‘กาเมสนา’’ติ เวทิตพฺโพ. เตเนวาห ‘‘กาเมสนา…เป… อนาคามิมคฺเคน ปหีนา’’ติ. ภวานํ เอสนา ภเวสนา. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ตตฺถ กตมา ภเวสนา? โย ภเวสุ ภวจฺฉนฺโท…เป… ภวชฺโฌสานํ, อยํ วุจฺจติ ภเวสนา’’ติ, ตสฺมา ภเวสนราโค รูปารูปภวปตฺถนาติ เวทิตพฺโพ. เตเนวาห ‘‘ภเวสนา ปน อรหตฺตมคฺเคน ปหียตี’’ติ.

พฺรหฺมจริยสฺส เอสนา พฺรหฺมจริเยสนา. สา จ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส, ทิฏฺิคติกสมฺมตพฺรหฺมจริยสฺส จ คเวสนวเสน ทฺวิปฺปการาติ อาห ‘‘พฺรหฺมจริยํ เอสิสฺสามี’’ติอาทิ. ทิฏฺิคติกสมฺมตสฺส พฺรหฺมจริยสฺส เอสนาปิ หิ พฺรหฺมจริเยสนาติ วุจฺจติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ตตฺถ กตมา พฺรหฺมจริเยสนา? สสฺสโต โลโกติ วา, อสสฺสโต โลโกติ วา, อนฺตวา โลโกติ วา, อนนฺตวา โลโกติ วา, ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ วา, อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรนฺติ วา, โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, ยา เอวรูปา ทิฏฺิ ทิฏฺิคตํ ทิฏฺิคหนํ ทิฏฺิกนฺตารํ ทิฏฺิวิสูกายิกํ ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตํ ทิฏฺิสํโยชนํ คาโห ปติฏฺาโห อภินิเวโส ปรามาโส กุมฺมคฺโค มิจฺฉาปโถ มิจฺฉตฺตํ ติตฺถายตนํ วิปริเยสคฺคาโห, อยํ วุจฺจติ พฺรหฺมจริเยสนา’’ติ (วิภ. ๙๑๙).

ตสฺมา ทิฏฺิคติกสมฺมตสฺส พฺรหฺมจริยสฺส เอสนา ทิฏฺพฺรหฺมจริเยสนาติ เวทิตพฺพา. เตเนวาห ‘‘ทิฏฺิพฺรหฺมจริเยสนา ปน โสตาปตฺติมคฺเคเนว ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ. เอตฺตาวตา จ ราคทิฏฺิโย เอสนาติ ทสฺสิตํ โหติ. น เกวลฺจ ราคทิฏฺิโย เอว เอสนา, ตเทกฏฺํ กมฺมมฺปิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ตตฺถ กตมา กาเมสนา? กามราโค ตเทกฏฺํ อกุสลํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมํ, อยํ วุจฺจติ กาเมสนา. ตตฺถ กตมา ภเวสนา? ภวราโค ตเทกฏฺํ อกุสลํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมํ, อยํ วุจฺจติ ภเวสนา. ตตฺถ กตมา พฺรหฺมจริเยสนา? อนฺตคฺคาหิกา ทิฏฺิ ตเทกฏฺํ อกุสลํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมํ, อยํ วุจฺจติ พฺรหฺมจริเยสนา’’ติ (วิภ. ๙๑๙).

นววิธมาโนติ ‘‘เสยฺยสฺส เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๔.๑๐๘; ธ. ส. ๑๑๒๑; วิภ. ๘๖๖; มหานิ. ๒๑) อาคโต นววิธมาโน.

‘‘กาเมสนา’’ติอาทิคาถาย ปน พฺรหฺมจริเยสนา สหาติ พฺรหฺมจริเยสนาย สทฺธึ. วิภตฺติโลเปน หิ อยํ นิทฺเทโส. กรณตฺเถ วา เอตํ ปจฺจตฺตวจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘พฺรหฺมจริเยสนาย สทฺธึ กาเมสนา ภเวสนาติ ติสฺโส เอสนา’’ติ. ตาสุ พฺรหฺมจริเยสนํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘อิติสจฺจปรามาโส, ทิฏฺิฏฺานา สมุสฺสยา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – อิติ เอวํ สจฺจนฺติ ปรามาโส อิติสจฺจปรามาโส. อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ ทิฏฺิยา ปวตฺติอาการํ ทสฺเสติ. ทิฏฺิโย เอว สพฺพานตฺถเหตุภาวโต ทิฏฺิฏฺานา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปรมาหํ, ภิกฺขเว, วชฺชํ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐). ตา เอว จ อุปรูปริ วุทฺธิยา มานโลภาทิกิเลสสมุสฺสยเนน วฏฺฏทุกฺขสมุสฺสยเนน จ สมุสฺสยา, ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ มิจฺฉาภินิวิสมานา สพฺพานตฺถเหตุกา กิเลสทุกฺขูปจยโต เหตุภูตา จ ทิฏฺิโย พฺรหฺมจริเยสนาติ วุตฺตํ โหติ. เอเตน ปวตฺติอาการโต นิพฺพตฺติโต จ พฺรหฺมจริเยสนา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา.

สพฺพราควิรตฺตสฺสาติ สพฺเพหิ กามภวราเคหิ วิรตฺตสฺส. ตโต เอว ตณฺหากฺขยสงฺขาเต นิพฺพาเน วิมุตฺตตฺตา ตณฺหากฺขยวิมุตฺติโน อรหโต. เอสนา ปฏินิสฺสฏฺาติ กาเมสนา, ภเวสนา สพฺพโส นิสฺสฏฺา ปหีนา. ทิฏฺิฏฺานา สมูหตาติ พฺรหฺมจริเยสนาสงฺขาตา ทิฏฺิฏฺานา จ ปมมคฺเคเนว สมุคฺฆาติตา. เอวมฺปิ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา เวทิตพฺพา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

ปติลีนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. อุชฺชยสุตฺตวณฺณนา

๓๙. นวเม อนุกุลยฺนฺติ อนุกุลํ กุลานุกฺกมํ อุปาทาย ทาตพฺพทานํ. เตนาห ‘‘อมฺหากํ…เป… กุลานุกุลวเสน ยชิตพฺพ’’นฺติ. วํสปรมฺปราย ปจฺฉา ทุคฺคตปุริเสหิ ปทาตพฺพทานํ. เอวรูปํ กุลํ สีลวนฺเต อุทฺทิสฺส นิพทฺธทานํ, ตสฺมึ กุเล ทลิทฺทานิปิ น อุปจฺฉินฺทนฺติ. ตตฺริทํ วตฺถุ – อนาถปิณฺฑิกสฺส ฆเร ปฺจ สลากภตฺตสตานิ ทียึสุ. ทนฺตมยสลากานํ ปฺจสตานิ อเหสุํ. อถ ตํ กุลํ อนุกฺกเมน ทาลิทฺทิเยน อภิภูตํ. เอกา ตสฺมึ กุเล ทาริกา เอกสลากโต อุทฺธํ ทาตุํ นาสกฺขิ. สาปิ ปจฺฉา สาตวาหนํ รฏฺํ คนฺตฺวา ขลํ โสเธตฺวา ลทฺธธฺเน ตํ สลากํ อทาสิ. เอโก เถโร รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตํ อาเนตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. สา ตโต ปฏฺาย ปุน ปฺจปิ สลากสตานิ ปวตฺเตสิ.

อสฺสเมธนฺติอาทีสุ โปราณกราชกาเล กิร สสฺสเมธํ, ปุริสเมธํ, สมฺมาปาสํ, วาจาเปยฺยนฺติ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ อเหสุํ, เยหิ ราชาโน โลกํ สงฺคณฺหึสุ. ตตฺถ นิปฺผนฺนสสฺสโต ทสมภาคคฺคหณํ สสฺสเมธํ นาม, สสฺสสมฺปาทเน เมธาวิตาติ อตฺโถ. มหาโยธานํ ฉมาสิกภตฺตเวตนานุปฺปทานํ ปุริสเมธํ นาม, ปุริสสงฺคณฺหเน เมธาวิตาติ อตฺโถ. ทลิทฺทมนุสฺสานํ หตฺเถ เลขํ คเหตฺวา ตีณิ วสฺสานิ วินา วฑฺฒิยา สหสฺสทฺวิสหสฺสมตฺตธนานุปฺปทานํ สมฺมาปาสํ นาม. ตฺหิ สมฺมา มนุสฺเส ปาเสติ หทเย พนฺธิตฺวา วิย เปติ, ตสฺมา สมฺมาปาสนฺติ วุจฺจติ. ‘‘ตาต, มาตุลา’’ติอาทินา ปน สณฺหวาจาภณนํ วาจาเปยฺยํ นาม, เปยฺยวชฺชํ ปิยวจนตาติ อตฺโถ. เอวํ จตูหิ วตฺถูหิ สงฺคหิตํ รฏฺํ อิทฺธฺเจว โหติ ผีตฺจ ปหูตอนฺนปานํ เขมํ นิรพฺพุทํ, มนุสฺสา มุทา โมทนา อุเร ปุตฺเต นจฺเจนฺตา อปารุตฆรทฺวารา วิหรนฺติ. อิทํ ฆรทฺวาเรสุ อคฺคฬานํ อภาวโต นิรคฺคฬนฺติ วุจฺจติ. อยํ โปราณิกา ปเวณี. อปรภาเค ปน โอกฺกากราชกาเล พฺราหฺมณา อิมานิ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ อิมฺจ รฏฺสมฺปตฺตึ ปริวตฺเตนฺตา อุมฺมูลํ กตฺวา อสฺสเมธํ ปุริสเมธนฺติอาทิเก ปฺจ ยฺเ นาม อกํสุ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา พฺราหฺมณธมฺมิยสุตฺเต

‘‘เตสํ อาสิ วิปลฺลาโส, ทิสฺวาน อณุโต อณุํ…เป…;

เต ตตฺถ มนฺเต คนฺเถตฺวา, โอกฺกากํ ตทุปาคมุ’’นฺติ. (สุ. นิ. ๓๐๑-๓๐๔);

อิทานิ เตหิ ปริวตฺเตตฺวา ปิตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสฺสเมธ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เมธนฺตีติ วเธนฺติ. ทฺวีหิ ปริยฺเหีติ มหายฺสฺส ปุพฺพภาเค ปจฺฉา จ ปวตฺเตตพฺเพหิ ทฺวีหิ ปริวารยฺเหิ. สตฺตนวุติปฺจปสุสตฆาตภึสนสฺสาติ สตฺตนวุตาธิกานํ ปฺจนฺนํ ปสุสตานํ มารเณน เภรวสฺส ปาปภีรุกานํ ภยาวหสฺส. ตถา หิ วทนฺติ –

‘‘ฉสตานิ นิยุชฺชนฺติ, ปสูนํ มชฺฌิเม หนิ;

อสฺสเมธสฺส ยฺสฺส, อูนานิ ปสูหิ ตีหี’’ติ. (สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๒๐);

สมฺมนฺติ ยุคจฺฉิทฺเท ปกฺขิปิตพฺพทณฺฑกํ. ปาสนฺตีติ ขิปนฺติ. สํหาริเมหีติ สกเฏหิ วหิตพฺเพหิ. ปุพฺเพ กิร เอโก ราชา สมฺมาปาสํ ยชนฺโต สรสฺสตินทิตีเร ปถวิยา วิวเร ทินฺเน นิมุคฺโคเยว อโหสิ, อนฺธพาลพฺราหฺมณา คตานุคติคตา ‘‘อยํ ตสฺส สคฺคคมนมคฺโค’’ติ สฺาย ตตฺถ สมฺมาปาสยฺํ ปฏฺเปนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘นิมุคฺโคกาสโต ปภุตี’’ติ. อยูโป อปฺปกทิวโส ยาโค, สยูโป พหุทิวสํ เนยฺโย สตฺรยาโคติ. มนฺตปทาภิสงฺขตานํ สปฺปิมธูนํ วาชมิติ สมฺา. หิรฺสุวณฺณโคมหึสาทิ สตฺตรสกทกฺขิณสฺส. สารคพฺภโกฏฺาคาราทีสุ นตฺถิ เอตฺถ อคฺคฬนฺติ นิรคฺคโฬ. ตตฺถ กิร ยฺเ อตฺตโน สาปเตยฺยํ อนวเสสโต อนิคูหิตฺวา นิยฺยาตียติ.

มหารมฺภาติ พหุปสุฆาตกมฺมา. อฏฺกถายํ ปน ‘‘วิวิธา ยตฺถ หฺเร’’ติ วกฺขมานตฺตา ‘‘มหากิจฺจา มหากรณียา’’ติ ปโม อตฺถวิกปฺโป วุตฺโต. ทุติโย ปน อตฺถวิกปฺโป ‘‘มหารมฺภาติ ปปฺจวเสน อเชฬกา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘อปิจา’’ติอาทินา อารทฺโธ. นิรารมฺภาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. นนุ จ ปาณาติปาตาทิอกุสลกมฺมสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ผลํ นุปลพฺภติ, ตสฺมา ตสฺส นิปฺผลภาวํ อวตฺวา ‘‘น เต โหนฺติ มหปฺผลา’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘นิรวเสสตฺเถ’’ติอาทิ. อนุคตํ กุลนฺติ อนุกุลํ, กุลานุคตนฺติ อตฺโถ. เย นิจฺจภตฺตาทึ ปุพฺพปุริเสหิ ปฏฺปิตํ อปราปรํ อนุปจฺฉินฺทนฺตา มนุสฺสา ททนฺติ, เต อนุกุลํ ยชนฺติ นาม. เตเนวาห ‘‘เย อฺเ อนุกุลํ ยชนฺตี’’ติอาทิ.

อุชฺชยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อุทายิสุตฺตวณฺณนา

๔๐. ทสเม ปาณสมารมฺภรหิตนฺติ ปาณฆาตรหิตํ. อพฺยาพชฺฌํ สุขํ โลกํ, ปณฺฑิโต อุปปชฺชตีติ กามจฺฉนฺทาทิพฺยาปาทวิรหิตตฺตา อพฺยาพชฺฌํ นิทฺทุกฺขํ. ปรปีฬาภาเว ปน วตฺตพฺพํ นตฺถิ. ฌานสมาปตฺติวเสน สุขพหุลตฺตา สุขํ เอกนฺตสุขํ พฺรหฺมโลกํ ฌานปุฺเน, อิตรปุฺเน ปน ตทฺสมฺปตฺติภวสงฺขาตํ สุขํ โลกํ ปณฺฑิโต สปฺปฺโ อุเปติ. เสสํ อุตฺตานเมว.

อุทายิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

จกฺกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.