📜

(๒๐) ๕. มหาวคฺโค

๑. โสตานุคตสุตฺตวณฺณนา

๑๙๑. ปฺจมสฺส ปเม โสตานุคตานนฺติ ปสาทโสตํ อนุคนฺตฺวา คตานํ, ปคุณานํ วาจุคฺคตานนฺติ อตฺโถ. เอวํภูตา จ ปสาทโสตํ โอทหิตฺวา าณโสเตน สุฏฺุ ววตฺถปิตา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘ปสาทโสต’’นฺติอาทิ. เอกจฺจสฺส หิ อุคฺคหิตปุพฺพวจนํ ตํ ตํ ปคุณํ นิจฺฉริตํ สุฏฺุ ววตฺถปิตํ น โหติ. ‘‘อสุกํ สุตฺตํ วา ชาตกํ วา กเถหี’’ติ วุตฺเต ‘‘สชฺฌายิตฺวา สํสนฺทิตฺวา สมนุคฺคาหิตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ วทนฺติ. เอกจฺจสฺส ตํ ตํ ปคุณํ ภวงฺคโสตสทิสํ โหติ ‘‘อสุกํ สุตฺตํ วา ชาตกํ วา กเถหี’’ติ วุตฺเต อุทฺธริตฺวา ตเมว กเถติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘าณโสเตน ววตฺถปิตาน’’นฺติ. อิตฺถิลิงฺคาทีนิ ตีณิ ลิงฺคานิ. นามาทีนิ จตฺตาริ ปทานิ. ปมาทโย สตฺต วิภตฺติโย.

วฬฺเชตีติ ปาฬึ อนุสนฺธึ ปุพฺพาปรวเสน วาจุคฺคตํ กโรนฺโต ธาเรติ. วจสา ปริจิตาติ สุตฺตทสกวคฺคทสกปณฺณาสทสกวเสน วาจาย สชฺฌายิตา, ‘‘ทสสุตฺตานิ คตานิ, ทสวคฺคานิ คตานี’’ติอาทินา สลฺลกฺเขตฺวา วาจาย สชฺฌายิตาติ อตฺโถ. วคฺคาทิวเสน หิ อิธ วจสา ปริจโย อธิปฺเปโต, น ปน สุตฺเตกเทสสฺส สุตฺตมตฺตสฺส วจสา ปริจโย. มนสา อนุ อนุ เปกฺขิตา ภาคโส นิชฺฌายิตา วิทิตา มนุสานุเปกฺขิตา. ยสฺส วาจาย สชฺฌายิตํ พุทฺธวจนํ มนสา จินฺเตนฺตสฺส ตตฺถ ตตฺถ ปากฏํ โหติ, มหาทีปํ ชาเลตฺวา ิตสฺส รูปคตํ วิย วิภูตํ หุตฺวา ปฺายติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. สุปฺปฏิวิทฺธาติ นิชฺชฏํ นิคฺคุมฺพํ กตฺวา สุฏฺุ ยาถาวโต ปฏิวิทฺธา. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

โสตานุคตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. านสุตฺตวณฺณนา

๑๙๒. ทุติเย สํวาเสนาติ สหวาเสน. สีลํ เวทิตพฺพนฺติ ‘‘อยํ สุสีโล วา ทุสฺสีโล วา’’ติ สห วสนฺเตน อุปสงฺกมนฺเตน ชานิตพฺโพ. ตฺจ โข ทีเฆน อทฺธุนา, น อิตฺตรนฺติ ตฺจ สีลํ ทีเฆน กาเลน เวทิตพฺพํ, น อิตฺตเรน. ทฺวีหตีหฺหิ สํยตากาโร จ สํวุตินฺทฺริยากาโร จ น สกฺกา ทสฺเสตุํ. มนสิ กโรตาติ ตมฺปิ ‘‘สีลมสฺส ปริคฺคเหสฺสามี’’ติ มนสิกโรนฺเตน ปจฺจเวกฺขนฺเตเนว สกฺกา ชานิตุํ, น อิตเรน. ปฺวตาติ ตมฺปิ สปฺปฺเเนว ปณฺฑิเตน. พาโล หิ มนสิกโรนฺโตปิ ชานิตุํ น สกฺโกติ.

สํโวหาเรนาติ อปราปรํ กถเนน.

‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, โวหารํ อุปชีวติ;

เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, วาณิโช โส น พฺราหฺมโณ’’ติ. (ม. นิ. ๒.๔๕๗; สุ. นิ. ๖๑๙) –

เอตฺถ หิ พฺยวหาโร นาม. ‘‘จตฺตาโร อริยโวหารา, จตฺตาโร อนริยโวหารา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๓) เอตฺถ เจตนา. ‘‘สงฺขา สมฺา ปฺตฺติ โวหาโร’’ติ (ธ. ส. ๑๓๑๓-๑๓๑๕; มหานิ. ๗๓) เอตฺถ ปฺตฺติ. ‘‘โวหารมตฺเตน โส โวหเรยฺยา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๕) เอตฺถ กถาโวหาโร. อิธาปิ เอโสว อธิปฺเปโต. เอกจฺจสฺส หิ สมฺมุขากถา ปรมฺมุขากถาย น สเมติ ปรมฺมุขากถา สมฺมุขากถาย. ตถา ปุริมกถา ปจฺฉิมกถาย, ปจฺฉิมกถา จ ปุริมกถาย. โส กถเนเนว สกฺกา ชานิตุํ ‘‘อสุจิ เอโส ปุคฺคโล’’ติ. สุจิสีลสฺส ปน ปุริมํ ปจฺฉิเมน, ปจฺฉิมฺจ ปุริเมน สเมติ. สมฺมุขากถิตํ ปรมฺมุขากถิเตน สเมติ, ปรมฺมุขากถิตฺจ สมฺมุขากถิเตน, ตสฺมา กถเนน สกฺกา สุจิภาโว ชานิตุนฺติ ปกาเสนฺโต เอวมาห.

ถาโมติ าณถาโม. ยสฺส หิ าณถาโม นตฺถิ, โส อุปฺปนฺเนสุ อุปทฺทเวสุ คเหตพฺพํ คหณํ กตฺตพฺพํ กิจฺจํ อปสฺสนฺโต อทฺวารกฆรํ ปวิฏฺโ วิย จรติ. เตนาห ‘‘อาปทาสุ, ภิกฺขเว, ถาโม เวทิตพฺโพ’’ติ.

สากจฺฉายาติ สํกถาย. ทุปฺปฺสฺส หิ กถา อุทเก เคณฺฑุ วิย อุปฺปิลวติ. ปฺวโต กเถนฺตสฺส ปฏิภานํ อนนฺตํ โหติ. อุทกวิปฺผนฺทิเตเนว หิ มจฺโฉ ขุทฺทโก วา มหนฺโต วาติ ายติ.

าติวินาโสติ โจรโรคภยาทีหิ าตีนํ วินาโส. โภคานํ พฺยสนํ โภคพฺยสนํ, ราชโจราทิวเสน โภควินาโสติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ทุติยปเทปิ เอเสว นโย’’ติ. ปฺหุมฺมคฺโคติ ปฺหคเวสนํ, าตุํ อิจฺฉิตสฺส อตฺถสฺส วีมํสนนฺติ อตฺโถ. อตปฺปกนฺติ อติตฺติกรฏฺเน อตปฺปกํ สาทุรสโภชนํ วิย. สณฺหนฺติ สุขุมสภาวํ.

านสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ภทฺทิยสุตฺตวณฺณนา

๑๙๓. ตติเย กรณสฺส อุตฺตรํ กิริยํ กรณุตฺตริยํ, ตํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ กรณุตฺตริยลกฺขโณ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

ภทฺทิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สามุคิยสุตฺตวณฺณนา

๑๙๔. จตุตฺเถ ปุคฺคลสฺส ปาริสุทฺธิยา ปธานภูตานิ วา องฺคานิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคานิ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

สามุคิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. วปฺปสุตฺตวณฺณนา

๑๙๕. ปฺจเม ปิหิตตฺตาติ อกุสลสฺส ปเวสนทฺวารํ ปิทหิตฺวา ิตตฺตา. กาเยน สํวริตพฺพฺหิ อปิหิเตน ทฺวาเรน ปวตฺตนกํ ปาปธมฺมํ สํวริตฺวา ิโต กาเยน สํวุโต นาม. ขยวิราเคนาติ อจฺจนฺตขยสงฺขาเตน วิรชฺชเนน, อนุปฺปาทนิโรเธนาติ อตฺโถ. กึ วิชฺชา ปุพฺเพ อุปฺปนฺนาติ? อุภยเมตํ น วตฺตพฺพํ. ปหานาภิสมยภาวนาภิสมยานํ อภินฺนกาลตฺตา ปทีปุชฺชลเนน อนฺธการํ วิย วิชฺชุปฺปาเทน อวิชฺชา นิรุทฺธาว โหติ, วตฺตพฺพํ วา เหตุผลตฺตมุปจารวเสน. ยถา หิ ปทีปุชฺชลนเหตุโก อนฺธการวิคโม, เอวํ วิชฺชุปฺปาทเหตุโก อวิชฺชานิโรโธ. เหตุผลธมฺมา จ สมานกาลาปิ ปุพฺพาปรกาลา วิย โวหรียนฺติ ยถา ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๔; ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) ปจฺจยาทานุปฺปชฺชนกิริยา. จิตฺตสฺส กายสฺส จ วิหนนโต วิฆาโต, ทุกฺขํ. ปริทหนโต ปริฬาโห.

นิจฺจวิหาราติ สพฺพทา ปวตฺตนกวิหารา. เปตฺวา หิ สมาปตฺติเวลํ ภวงฺคเวลฺจ ขีณาสวา อิมินา ฉฬงฺคุเปกฺขาวิหาเรน สพฺพกาลํ วิหรนฺติ. จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ จกฺขุวิฺาเณน รูปํ ทิสฺวา. จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ หิ นิสฺสยโวหาเรน วุตฺตํ. สสมฺภารกถา เหสา ยถา ‘‘ธนุนา วิชฺฌตี’’ติ, ตสฺมา นิสฺสยสีเสน นิสฺสิตสฺส คหณํ ทฏฺพฺพํ. ราควเสน น โสมนสฺสชาโต โหตีติ เคหสิตเปมวเสนปิ ชวนกฺขเณ โสมนสฺสชาโต น โหติ มคฺเคน สมุจฺฉินฺนตฺตา, น โทมนสฺสชาโต ปสาทฺถตฺตวเสนปิ. อุเปกฺขโก มชฺฌตฺโต หุตฺวา วิหรตีติ อสมเปกฺขเนน โมหํ อนุปฺปาเทนฺโต าณุเปกฺขาวเสเนว อุเปกฺขโก วิหรติ มชฺฌตฺโต. ขีณาสโว หิ อิฏฺเปิ อนิฏฺเปิ มชฺฌตฺเตปิ อารมฺมเณ โย อสมเปกฺขเนน สมสมา อโยนิโสคหเณ อขีณาสวานํ โมโห อุปฺปชฺชติ, ตํ อนุปฺปาเทนฺโต มคฺเคเนว ตสฺส สมุคฺฆาติตตฺตา าณุเปกฺขาวเสเนว อุเปกฺขโก วิหรติ, อยฺจสฺส ปฏิปตฺติ สติเวปุลฺลปตฺติยา ปฺาเวปุลฺลปตฺติยา จาติ วุตฺตํ ‘‘สติสมฺปชฺปริคฺคหิตายา’’ติ.

เอตฺถ จ ‘‘ฉสุ ทฺวาเรสุ อุเปกฺขโก วิหรตี’’ติ อิมินา ฉฬงฺคุเปกฺขา กถิตา. ‘‘สมฺปชาโน’’ติ วจนโต ปน จตฺตาริ าณสมฺปยุตฺตจิตฺตานิ ลพฺภนฺติ เตหิ วินา สมฺปชานตาย อสมฺภวโต. ‘‘สตตวิหารา’’ติ วจนโต อฏฺปิ มหากิริยจิตฺตานิ ลพฺภนฺติ าณุปฺปตฺติปจฺจยรหิตกาเลปิ ปวตฺติโชตนโต. ‘‘อรชฺชนฺโต อทุสฺสนฺโต’’ติ วจนโต หสิตุปฺปาทโวฏฺพฺพเนหิ สทฺธึ ทส จิตฺตานิ ลพฺภนฺติ. อรชฺชนาทุสฺสนวเสน ปวตฺติ หิ เตสมฺปิ สาธารณาติ. นนุ เจตฺถ ‘‘อุเปกฺขโก วิหรตี’’ติ ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน อิเมสํ สตตวิหารานํ อาคตตฺตา โสมนสฺสํ กถํ ลพฺภตีติ? อาเสวนโตติ. กิฺจาปิ หิ ขีณาสโว อิฏฺานิฏฺเปิ อารมฺมเณ มชฺฌตฺเต วิย พหุลํ อุเปกฺขโก วิหรติ อตฺตโน ปริสุทฺธปฺปกติภาวาวิชหนโต, กทาจิ ปน ตถา เจโตภิสงฺขารภาเว ยํ ตํ สภาวโต อิฏฺํ อารมฺมณํ , ตสฺส ยาถาวโต สภาวคฺคหณวเสนปิ อรหโต จิตฺตํ โสมนสฺสสหคตํ หุตฺวา ปวตฺตเตว, ตฺจ โข ปุพฺพาเสวนวเสน.

กาโยติ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๒.๕๑) ปฺจทฺวารกาโย, โส อนฺโต อวสานํ เอติสฺสาติ กายนฺติกา, ตํ กายนฺติกํ. เตนาห – ‘‘ยาว ปฺจทฺวารกาโย ปวตฺตติ, ตาว ปวตฺต’’นฺติ. ชีวิตนฺติกนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปจฺฉา อุปฺปชฺชิตฺวาติ เอตสฺมึ อตฺตภาเว มโนทฺวาริกเวทนาโต ปจฺฉา อุปฺปชฺชิตฺวา ตโต ปมํ นิรุชฺฌติ, ตโต เอว อตฺถสิทฺธมตฺถํ สรูเปเนว ทสฺเสตุํ ‘‘มโนทฺวาริกเวทนา ปมํ อุปฺปชฺชิตฺวา ปจฺฉา นิรุชฺฌตี’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ ตเมว สงฺเขเปน วุตฺตํ วิวริตุํ ‘‘สา หี’’ติอาทิมาห. ยาว เตตฺตึสวสฺสานิ ปมวโย. ปฺาสวสฺสกาเลติ ปมวยโต ยาว ปฺาสวสฺสกาลา, ตาว. ิตา โหตีติ วฑฺฒิหานิโย อนุปคนฺตฺวา สมรูเปเนว ิตา โหติ. มนฺทาติ มุทุกา อติขิณา. ตทาติ อสีตินวุติวสฺสกาเล วทนฺเตปิ ตถาจิรปริจิเตปีติ อธิปฺปาโย. ภคฺคาติ เตโชภคฺเคน ภคฺคา ทุพฺพณฺณา. หทยโกฏึเยวาติ จกฺขาทิวตฺถูสุ อปฺปวตฺติตฺวา เตสํ อาทิอนฺตโกฏิภูตํ หทยวตฺถุํเยว. ตาวาติ ยาว เวทนา วตฺตติ, ตาว.

วาปิยาติ มหาตฬาเกน. ปฺจอุทกมคฺคสมฺปนฺนนฺติ ปฺจหิ อุทกสฺส ปวิสนนิกฺขมนมคฺเคหิ ยุตฺตํ. ตโต ตโต วิสฺสนฺทมานํ สพฺพโส ปุณฺณตฺตา. ปมํ เทเว วสฺสนฺเตติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํ. อิมํ เวทนํ สนฺธายาติ อิมํ ยถาวุตฺตํ ปริโยสานปฺปตฺตํ มโนทฺวาริกเวทนํ สนฺธาย.

กายสฺส เภทาติ อตฺตภาวสฺส วินาสนโต. ปรโต อคนฺตฺวาติ ปรโลกวเสน อคนฺตฺวา. เวทนานํ สีติภาโว นาม สงฺขารทรถปริฬาหาภาโว. โส ปนายํ สพฺพโส อปฺปวตฺติวเสเนวาติ อาห ‘‘อปฺปวตฺตนธมฺมานิ ภวิสฺสนฺตี’’ติ.

อตฺตภาวํ นาเสตุกามสฺส ทฬฺหํ อุปฺปนฺนํ สํเวคาณํ สนฺธายาห ‘‘กุทาโล วิย ปฺา’’ติ. ตโต นิพฺพตฺติตชฺฌานสมาธึ สนฺธาย ‘‘ปิฏกํ วิย สมาธี’’ติ. ตนฺนิสฺสาย ปวตฺเตตพฺพวิปสฺสนารมฺภาณํ สนฺธาย ‘‘ขนิตฺติ วิย วิปสฺสนา’’ติ จ วุตฺตํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

วปฺปสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. สาฬฺหสุตฺตวณฺณนา

๑๙๖. ฉฏฺเ กายทฬฺหิพหุลตํ ตปตีติ ตโป, อตฺตกิลมถานุโยควเสน ปวตฺตํ วีริยํ. เตน กายทฬฺหิพหุลตานิมิตฺตสฺส ปาปสฺส ชิคุจฺฉนํ วิรชฺชนํ ตโปชิคุจฺฉาติ อาห ‘‘ทุกฺกรการิกสงฺขาเตนา’’ติอาทิ. ตโปชิคุจฺฉวาทาติอาทีสุ ตโปชิคุจฺฉํ วทนฺติ, มนสาปิ ตเมว สารโต คเหตฺวา วิจรนฺติ, กาเยนปิ ตเมว อลฺลีนา นานปฺปการํ อตฺตกิลมถานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺตีติ อตฺโถ. อปริสุทฺธกายสมาจาราติ อปริสุทฺเธน ปาณาติปาตาทินา กายสมาจาเรน สมนฺนาคตา. อปริสุทฺธวจีสมาจาราติ อปริสุทฺเธน มุสาวาทาทินา วจีสมาจาเรน สมนฺนาคตา. อปริสุทฺธมโนสมาจาราติ อปริสุทฺเธน อภิชฺฌาทินา มโนสมาจาเรน สมนฺนาคตา. กามํ อกุสลกายสมาจารวจีสมาจารปฺปวตฺติกาเลปิ อภิชฺฌาทโย ปวตฺตนฺติเยว, ตทา ปน เต เจตนาปกฺขิกา วา อพฺโพหาริกา วาติ, มโนสมาจารวาเร เอว อภิชฺฌาทิวเสน โยชนา กตา. อถ วา ทฺวารนฺตเร ปวตฺตานํ ปาณาติปาตาทีนํ วจีสมาจาราทิภาวาภาโว วิย ทฺวารนฺตเร ปวตฺตานมฺปิ อภิชฺฌาทีนํ กายสมาจาราทิภาโว อสิทฺโธ, มโนสมาจารภาโว เอว ปน สิทฺโธติ กตฺวา มโนสมาจารวาเร เอว อภิชฺฌาทโย อุทฺธฏา. ตถา หิ วุตฺตํ –

‘‘ทฺวาเร จรนฺติ กมฺมานิ, น ทฺวารา ทฺวารจาริโน;

ตสฺมา ทฺวาเรหิ กมฺมานิ, อฺมฺํ ววตฺถิตา’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๑ กามาวจรกุสลทฺวารกถา);

อปริสุทฺธาชีวาติ อปริสุทฺเธน เวชฺชกมฺมทูตกมฺมวฑฺฒิโยคาทินา เอกวีสติอเนสนาเภเทน อาชีเวน สมนฺนาคตา. อิทฺจ สาสเน ปพฺพชิตานํเยว วเสน วุตฺตํ, ‘‘เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา’’ติ ปน วจนโต พาหิรกวเสน คหฏฺวเสน จ โยชนา เวทิตพฺพา. คหฏฺานมฺปิ หิ ชาติธมฺมกุลธมฺมเทสธมฺมวิโลมนวเสน อฺถาปิ มิจฺฉาชีโว ลพฺภเตว.

าณทสฺสนายาติ เอตฺถ าณทสฺสนนฺติ มคฺคาณมฺปิ วุจฺจติ ผลาณมฺปิ สพฺพฺุตฺาณมฺปิ ปจฺจเวกฺขณาณมฺปิ วิปสฺสนาาณมฺปิ. ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, าณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๗) หิ เอตฺถ มคฺคาณํ ‘‘าณทสฺสน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อยมฺโ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๒๘) เอตฺถ ผลาณํ. ‘‘ภควโตปิ โข าณํ อุทปาทิ สตฺตาหกาลกโต อาฬาโร กาลาโม’’ติ (มหาว. ๑๐) เอตฺถ สพฺพฺุตฺาณํ. ‘‘าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ, อกุปฺปา เม วิมุตฺติ, อยมนฺติมา ชาตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๖; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) เอตฺถ ปจฺจเวกฺขณาณํ. ‘‘าณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๔-๒๓๕) เอตฺถ วิปสฺสนาาณํ. อิธ ปน าณทสฺสนายาติ มคฺคาณํ ‘‘าณทสฺสน’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘มคฺคาณสงฺขาตาย ทสฺสนายา’’ติ. อวิราธิตํ วิชฺฌตีติ อวิราธิตํ กตฺวา วิชฺฌติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

สาฬฺหสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. มลฺลิกาเทวีสุตฺตวณฺณนา

๑๙๗. สตฺตเม อปฺเปสกฺขาติ อปฺปานุภาวา. สา ปน อปฺเปสกฺขตา อาธิปเตยฺยสมฺปตฺติยา ปริวารสมฺปตฺติยา จ อภาเวน ปากฏา โหติ. ตตฺถ ปริวารสมฺปตฺติยา อภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปฺปปริวารา’’ติ อาห. อิสฺสราติ อาธิปเตยฺยสํวตฺตนกมฺมพเลน อีสนสีลา. สา ปนสฺสา อิสฺสรตา วิภวสมฺปตฺติปจฺจยา ปากฏา ชาตาติ อฑฺฒตาปริยายภาเวน วทนฺโต ‘‘อฑฺฒาติ อิสฺสรา’’ติ อาห. มหนฺตํ ธนเมติสฺสา ภูมิคตฺเจว วฬฺชนกฺจาติ มหทฺธนา. อิธ ปน วฬฺชนเกเนว ธเนน มหทฺธนตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วฬฺชนกธเนน มหทฺธนา’’ติ อาห. อีสตีติ อีสา, อภิภูติ อตฺโถ. มหตี อีสา มเหสา, สุปฺปติฏฺิตมเหสตาย ปน ปเรหิ มเหโสติ อกฺขาตพฺพตาย มเหสกฺขา. ยสฺมา ปน โส มเหสกฺขาภาโว อาธิปเตยฺยปริวารสมฺปตฺติยา วิฺายติ, ตสฺมา ‘‘มหาปริวารา’’ติ วุตฺตํ.

สณฺานปาริปูริยา อธิกํ รูปมสฺสาติ อภิรูปา. สณฺานปาริปูริยาติ จ หตฺถปาทาทิสรีราวยวานํ สุสณฺิตตายาติ อตฺโถ. อวยวปาริปูริยา หิ สมุทายปาริปูริสิทฺธิ. รูปนฺติ จ สรีรํ ‘‘รูปวนฺเตว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติอาทีสุ วิย. ทสฺสนยุตฺตาติ สุรูปภาเวน ปสฺสิตพฺพยุตฺตา, ทิสฺสมานา จกฺขูนิ ปิยายตีติ อฺกิจฺจวิกฺเขปํ หิตฺวาปิ ทฏฺพฺพาติ วุตฺตํ โหติ. ทิสฺสมานาว โสมนสฺสวเสน จิตฺตํ ปสาเทตีติ ปาสาทิกา. เตนาห ‘‘ทสฺสเนน ปาสาทิกา’’ติ. โปกฺขรตาติ วุจฺจติ สุนฺทรภาโว, วณฺณสฺส โปกฺขรตา วณฺณโปกฺขรตา, ตาย วณฺณสมฺปตฺติยาติ อตฺโถ. โปราณา ปน โปกฺขรนฺติ สรีรํ วทนฺติ , วณฺณํ วณฺณเมว. เตสํ มเตน วณฺณฺจ โปกฺขรฺจ วณฺณโปกฺขรานิ, เตสํ ภาโว วณฺณโปกฺขรตา. อิติ ปรมาย วณฺณโปกฺขรตายาติ อุตฺตมปริสุทฺเธน วณฺเณน เจว สรีรสณฺานสมฺปตฺติยา จาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เตเนวาห ‘‘วณฺเณน เจว สรีรสณฺาเนน จา’’ติ. ตตฺถ วณฺเณนาติ วณฺณธาตุยา. สรีรํ นาม สนฺนิเวสวิสิฏฺโ กรจรณคีวาสีสาทิอวยวสมุทาโย, โส จ สณฺานมุเขน คยฺหตีติ อาห ‘‘สรีรสณฺาเนนา’’ติ.

อภิสชฺชตีติ กุชฺฌนวเสเนว กุฏิลกณฺฏโก วิย ตสฺมึ ตสฺมึ สมุฏฺาเน มกรทนฺโต วิย ลคติ. ยฺหิ โกธสฺส อุปฺปตฺติฏฺานภูเต อารมฺมเณ อุปนาหสฺส ปจฺจยภูตํ กุชฺฌนวเสน อภิสชฺชนํ, ตํ อิธาธิปฺเปตํ, น ลุพฺภนวเสน. กุปฺปตีติอาทีสุ ปุพฺพุปฺปตฺติ โกโป, ตโต พลวตโร พฺยาปาโท ลทฺธาเสวนตาย จิตฺตสฺส พฺยาปชฺชนโต. สาติสยํ ลทฺธาเสวนตาย ตโต พฺยาปาทโตปิ พลวตรา ปจฺจตฺถิกภาเวน ถามปฺปตฺติ ปติตฺถิยนา. อนฺนํ ปานนฺติอาทีสุ อทียโต อนฺนํ, ขาทนียํ โภชนียฺจ. ปาตพฺยโต ปานํ, ยํกิฺจิ ปานํ. วสิตพฺพโต อจฺฉาเทตพฺพโต วตฺถํ, นิวาสนปาวุรณํ. ยนฺติ เตนาติ ยานํ, ฉตฺตุปาหนวยฺหสิวิกาทิ ยํกิฺจิ คมนปจฺจยํ. ฉตฺตมฺปิ หิ วสฺสาตปทุกฺขนิวารเณน มคฺคคมนสาธนนฺติ กตฺวา ‘‘ยาน’’นฺติ วุจฺจติ. มาลนฺติ ยํกิฺจิ สุมนมาลาทิปุปฺผํ. คนฺธนฺติ ยํกิฺจิ จนฺทนาทิวิเลปนํ.

มลฺลิกาเทวีสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อตฺตนฺตปสุตฺตวณฺณนา

๑๙๘. อฏฺเม อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ อตฺตา, อตฺตภาโว. อิธ ปน โย ปโร น โหติ, โส อตฺตา, ตํ อตฺตานํ. ปรนฺติ อตฺตโต อฺํ. ทิฏฺเติ ปจฺจกฺขภูเต. ธมฺเมติ อุปาทานกฺขนฺธธมฺเม. ตตฺถ หิ อตฺตา ภวติ, อตฺตสฺาทิฏฺิ ภวตีติ อตฺตภาวสมฺา. เตนาห ‘‘ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว’’ติ. ฉาตํ วุจฺจติ ตณฺหา ชิฆจฺฉาเหตุตาย. อนฺโต ตาปนกิเลสานนฺติ อตฺตโน สนฺตาเน ทรถปริฬาหชนเนน สนฺตาปนกิเลสานํ.

ปเรสํ หนนฆาตนาทินา โรทาปนโต ลุทฺโท. ตถา วิฆาตกภาเวน กายจิตฺตานํ วิทาลนโต ทารุโณ. ถทฺธหทโย กกฺขโฬ. พนฺธนาคาเร นิยุตฺโต พนฺธนาคาริโก.

ขตฺติยาภิเสเกนาติ ขตฺติยานํ กาตพฺพอภิเสเกน. สนฺถาคารนฺติ สนฺถารวเสน กตํ อคารํ ยฺาคารํ. สปฺปิเตเลนาติ สปฺปิมิสฺเสน เตเลน. ยมกสฺเนเหน หิ เอสา ตทา กายํ อพฺภฺชติ. วจฺฉภาวํ ตริตฺวา ิโต วจฺฉตโร. ปริกฺเขปกรณตฺถายาติ นวมาลาหิ สทฺธึ ทพฺเภหิ เวทิยา ปริกฺขิปนตฺถาย. ยฺภูมิยนฺติ อวเสสยฺฏฺาเน.

ทูรสมุสฺสาริตมานสฺเสว สาสเน สมฺมาปฏิปตฺติ สมฺภวติ, น มานชาติกสฺสาติ อาห ‘‘นิหตมานตฺตา’’ติ. อุสฺสนฺนตฺตาติ พหุภาวโต. โภคาโรคฺยาทิวตฺถุกา มทา สุปฺปหิยา โหนฺติ นิมิตฺตสฺส อวฏฺานโต, น ตถา กุลวิชฺชามทาติ ขตฺติยพฺราหฺมณกุลานํ ปพฺพชิตานมฺปิ ชาติวิชฺชา นิสฺสาย มานชปฺปนํ ทุปฺปชหนฺติ อาห ‘‘เยภุยฺเยน หิ…เป… มานํ กโรนฺตี’’ติ. วิชาติตายาติ นิหีนชาติตาย. ปติฏฺาตุํ น สกฺโกนฺตีติ สุวิสุทฺธํ กตฺวา สีลํ รกฺขิตุํ น สกฺโกนฺติ. สีลวเสน หิ สาสเน ปติฏฺหนฺติ. ปติฏฺาตุนฺติ วา สจฺจปฺปฏิเวเธน โลกุตฺตราย ปติฏฺาย ปติฏฺาตุํ. เยภุยฺเยน หิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา สุชาตาเยว โหนฺติ, น ทุชฺชาตา.

ปริสุทฺธนฺติ ราคาทีนํ อจฺจนฺตเมว ปหานทีปนโต นิรุปกฺกิเลสตาย สพฺพโส วิสุทฺธํ. สทฺธํ ปฏิลภตีติ โปถุชฺชนิกสทฺธาวเสน สทฺทหติ. วิฺุชาติกานฺหิ ธมฺมสมฺปตฺติคฺคหณปุพฺพิกา สทฺธาสิทฺธิ ธมฺมปฺปมาณธมฺมปฺปสนฺนภาวโต. ชายมฺปติกาติ ฆรณิปติกา. กามํ ‘‘ชายมฺปติกา’’ติ วุตฺเต ฆรสามิกฆรสามินิวเสน ทฺวินฺนํเยว คหณํ วิฺายติ, ยสฺส ปน ปุริสสฺส อเนกา ปชาปติโย โหนฺติ, ตตฺถ กึ วตฺตพฺพนฺติ เอกายปิ สํวาโส สมฺพาโธติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ทฺเว’’ติ วุตฺตํ. ราคาทินา สกิฺจนฏฺเน, เขตฺตวตฺถุอาทินา สปลิโพธฏฺเน ราครชาทีนํ อาคมนปถตาปิ อุปฺปชฺชนฏฺานตา เอวาติ ทฺเวปิ วณฺณนา เอกตฺถา, พฺยฺชนเมว นานํ. อลคฺคนฏฺเนาติ อสชฺชนฏฺเน อปฺปฏิพทฺธภาเวน. เอวํ อกุสลกุสลปฺปวตฺตีนํ านภาเวน ฆราวาสปพฺพชฺชานํ สมฺพาธพฺโภกาสตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กุสลปฺปวตฺติยาเยว อฏฺานฏฺานภาเวน เตสํ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

สงฺเขปกถาติ วิสุํ วิสุํ ปทุทฺธารํ อกตฺวา สงฺเขปโต อตฺถวณฺณนา. เอกมฺปิ ทิวสนฺติ เอกทิวสมตฺตมฺปิ. อขณฺฑํ กตฺวาติ ทุกฺกฏมตฺตสฺสปิ อนาปชฺชเนน อขณฺฑิตํ กตฺวา. กิเลสมเลน อมลินนฺติ ตณฺหาสํกิเลสาทิวเสน อสํกิลิฏฺํ กตฺวา. ปริทหิตฺวาติ นิวาเสตฺวา เจว ปารุปิตฺวา จ. อคารวาโส อคารํ อุตฺตรปทโลเปน, ตสฺส วฑฺฒิอาวหํ อคารสฺส หิตํ.

โภคกฺขนฺโธติ โภคราสิ โภคสมุทาโย. อาพนฺธนฏฺเนาติ ปุตฺโต นตฺตาติอาทินา เปมวเสน สปริจฺเฉทวเสน พนฺธนฏฺเน. อมฺหากเมเตติ ายนฺตีติ าตี, ปิตามหปิตุปุตฺตาทิวเสน ปริวตฺตนฏฺเน ปริวฏฺโฏ. สามฺวาจีปิ สิกฺขา-สทฺโท อาชีวสทฺทสนฺนิธานโต อุปริวุจฺจมานวิเสสาเปกฺขาย จ วิเสสนิวิฏฺโว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ยา ภิกฺขูนํ อธิสีลสงฺขาตา สิกฺขา’’ติ. สิกฺขิตพฺพฏฺเน สิกฺขา, สห อาชีวนฺติ เอตฺถาติ สาชีโว. สิกฺขนภาเวนาติ สิกฺขาย สาชีเว จ สิกฺขนภาเวน. สิกฺขํ ปริปูเรนฺโตติ สีลสํวรํ ปริปูเรนฺโต. สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโตติ ‘‘นามกาโย, ปทกาโย, นิรุตฺติกาโย, พฺยฺชนกาโย’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๓๙) วุตฺตํ สิกฺขาปทํ ภควโต จ วจนํ อวีติกฺกมนฺโต หุตฺวาติ อตฺโถ. อิทเมว จ ‘‘สิกฺขน’’นฺติ วุตฺตํ, ตตฺถ สาชีวานํ อวีติกฺกโม สิกฺขาปาริปูริยา ปจฺจโย. ตโต หิ ยาว มคฺคา สิกฺขาปาริปูรี โหตีติ.

อนุปฺปทาตาติ อนุพลปฺปทาตา, อนุวตฺตนวเสน วา ปทาตา. กสฺส ปน อนุวตฺตนํ ปทานฺจาติ? ‘‘สหิตาน’’นฺติ วุตฺตตฺตา สนฺธานสฺสาติ วิฺายติ. เตนาห ‘‘สนฺธานานุปฺปทาตา’’ติ. ยสฺมา ปน อนุวตฺตนวเสน สนฺธานสฺส ปทานํ อาธานํ อารกฺขนํ วา ทฬฺหกรณํ โหติ, เตน วุตฺตํ ‘‘ทฺเว ชเน สมคฺเค ทิสฺวา’’ติอาทิ. อารมนฺติ เอตฺถาติ อาราโม, รมิตพฺพฏฺานํ. ยสฺมา ปน อา-กาเรน วินาปิ อยมตฺโถ ลพฺภติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สมคฺคราโมติปิ ปาฬิ, อยเมวตฺโถ’’ติ.

เอตฺถาติ

‘‘เนลงฺโค เสตปจฺฉาโท, เอกาโร วตฺตตี รโถ;

อนีฆํ ปสฺส อายนฺตํ, ฉินฺนโสตํ อพนฺธน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๔.๓๔๗; อุทา. ๖๕; เปฏโก. ๒๕) –

อิมิสฺสา คาถาย. สีลฺเหตฺถ เนลงฺคนฺติ วุตฺตํ. เตเนวาห – ‘‘จิตฺโต คหปติ, เนลงฺคนฺติ โข, ภนฺเต, สีลานเมตํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๗). สุกุมาราติ อปฺผรุสตาย มุทุกา. ปุรสฺส เอสาติ เอตฺถ ปุร-สทฺโท ตนฺนิวาสิวาจโก ทฏฺพฺโพ – ‘‘คาโม อาคโต’’ติอาทีสุ วิย. เตเนวาห ‘‘นครวาสีน’’นฺติ. มนํ อปฺปายติ วฑฺเฒตีติ มนาโป. เตน วุตฺตํ ‘‘จิตฺตวุฑฺฒิกรา’’ติ.

กาลวาทีติอาทิ สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรตสฺส ปฏิปตฺติทสฺสนํ. อตฺถสํหิตาปิ หิ วาจา อยุตฺตกาลปฺปโยเคน อตฺถาวหา น สิยาติ อนตฺถวิฺาปนวาจํ อนุโลเมติ, ตสฺมา สมฺผปฺปลาปํ ปชหนฺเตน อกาลวาทิตา ปริหริตพฺพาติ วุตฺตํ ‘‘กาลวาที’’ติ. กาเลน วทนฺเตนปิ อุภยานตฺถสาธนโต อภูตํ ปริวชฺเชตพฺพนฺติ อาห ‘‘ภูตวาที’’ติ. ภูตฺจ วทนฺเตน ยํ อิธโลกปรโลกหิตสมฺปาทกํ, ตเทว วตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺถวาที’’ติ วุตฺตํ. อตฺถํ วทนฺเตนปิ โลกิยธมฺมสนฺนิสฺสิตเมว อวตฺวา โลกุตฺตรธมฺมสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา วตฺตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ธมฺมวาที’’ติ วุตฺตํ. ยถา จ อตฺโถ โลกุตฺตรธมฺมสนฺนิสฺสิโต โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘วินยวาที’’ติ วุตฺตํ. ปฺจนฺนฺหิ สํวรวินยานํ ปฺจนฺนฺจ ปหานวินยานํ วเสน วุจฺจมาโน อตฺโถ นิพฺพานาธิคมนเหตุภาวโต โลกุตฺตรธมฺมสนฺนิสฺสิโต โหตีติ. เอวํ คุณวิเสสยุตฺโตว อตฺโถ วุจฺจมาโน เทสนาโกสลฺเล สติ โสภติ, กิจฺจกโร จ โหติ, น อฺถาติ ทสฺเสตุํ ‘‘นิธานวตึ วาจํ ภาสิตา’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ ตํ เทสนาโกสลฺลํ วิภาเวตุํ ‘‘กาเลนา’’ติอาทิมาห. ปุจฺฉาทิวเสน หิ โอติณฺณวาจาวตฺถุสฺมึ เอกํสาทิพฺยากรณวิภาคํ สลฺลกฺเขตฺวา ปนาเหตูทาหรณสนฺทสฺสนาทึ ตํตํกาลานุรูปํ วิภาเวนฺติยา ปริมิตปริจฺฉินฺนรูปาย วิปุลตรคมฺภีโรทารปรมตฺถวิตฺถารสงฺคาหิกาย กถาย าณพลานุรูปํ ปเร ยาถาวโต ธมฺเม ปติฏฺาเปนฺโต ‘‘เทสนากุสโล’’ติ วุจฺจตีติ เอวเมตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา.

เอวํ ปฏิปาฏิยา สตฺต มูลสิกฺขาปทานิ วิภชิตฺวา อภิชฺฌาทิปฺปหานํ อินฺทฺริยสํวรชาคริยานุโยเคหิ วิภาเวตุํ ตมฺปิ นีหริตฺวา อาจารสีลสฺเสว วิภชนวเสน ปาฬิ ปวตฺตาติ ตทตฺถํ วิวริตุํ ‘‘พีชคามภูตคามสมารมฺภา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ พีชานํ คาโม สมูโห พีชคาโม. ภูตานํ ชาตานํ นิพฺพตฺตานํ รุกฺขคจฺฉลตาทีนํ สมูโห ภูตคาโม. นนุ จ รุกฺขาทโย จิตฺตรหิตตาย น ชีวา, จิตฺตรหิตตา จ ปริปฺผนฺทาภาวโต ฉินฺเน วิรุหนโต วิสทิสชาติภาวโต จตุโยนิอปริยาปนฺนโต จ เวทิตพฺพา, วุทฺธิ ปน ปวาฬสิลาลวณานมฺปิ วิชฺชตีติ น เตสํ ชีวภาเว การณํ, วิสยคฺคหณฺจ เนสํ ปริกปฺปนามตฺตํ สุปนํ วิย จิฺจาทีนํ, ตถา โทหฬาทโย, อถ กสฺมา พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฏิวิรติ อิจฺฉิตาติ? สมณสารุปฺปโต ตนฺนิวาสิสตฺตานุรกฺขณโต จ. เตเนวาห – ‘‘ชีวสฺิโน หิ โมฆปุริส มนุสฺสา รุกฺขสฺมิ’’นฺติอาทิ (ปาจิ. ๘๙).

มูลเมว พีชํ มูลพีชํ, มูลํ พีชํ เอตสฺสาติปิ มูลพีชํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. ผฬุพีชนฺติ ปพฺพพีชํ. ปจฺจยนฺตรสมวาเย สทิสผลุปฺปตฺติยา วิเสสการณภาวโต วิรุหนสมตฺเถ สารผเล นิรุฬฺโห พีช-สทฺโท ตทตฺถสํสิทฺธิยา มูลาทีสุปิ เกสุจิ ปวตฺตตีติ มูลาทิโต นิวตฺตนตฺถํ เอเกน พีช-สทฺเทน วิเสเสตฺวา วุตฺตํ ‘‘พีชพีช’’นฺติ ‘‘รูปรูปํ, ทุกฺขทุกฺข’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๓๒๗) จ ยถา. กสฺมา ปเนตฺถ พีชคามภูตคามํ อุทฺธริตฺวา พีชคาโม เอว นิทฺทิฏฺโติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ, นนุ อโวจุมฺหา ‘‘มูลเมว พีชํ มูลพีชํ, มูลํ พีชํ เอตสฺสาติปิ มูลพีช’’นฺติ. ตตฺถ ปุริเมน พีชคาโม นิทฺทิฏฺโ, ทุติเยน ภูตคาโม. ทุวิโธเปส มูลพีชฺจ มูลพีชฺจ มูลพีชนฺติ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสสนเยน วา อุทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺโพ. เตเนวาห ‘‘ปฺจวิธสฺสา’’ติอาทิ. นีลติณรุกฺขาทิกสฺสาติ อลฺลติณสฺส เจว อลฺลรุกฺขาทิกสฺส จ. อาทิ-สทฺเทน โอสธิคจฺฉลตาทีนํ สงฺคโห.

เอกํ ภตฺตํ เอกภตฺตํ, ตํ อสฺส อตฺถีติ เอกภตฺติโก. โส ปน รตฺติโภชเนนปิ สิยาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ อาห ‘‘รตฺตูปรโต’’ติ. เอวมฺปิ อปรณฺหโภชีปิ สิยา เอกภตฺติโกติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘วิรโต วิกาลโภชนา’’ติ วุตฺตํ. อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว มชฺฌนฺหิกา อยํ พุทฺธาทีนํ อริยานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณ โภชนสฺส กาโล นาม, ตทฺโ วิกาโล. อฏฺกถายํ ปน ทุติยปเทน รตฺติโภชนสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ‘‘อติกฺกนฺเต มชฺฌนฺหิเก ยาว สูริยตฺถงฺคมนา โภชนํ วิกาลโภชนํ นามา’’ติ วุตฺตํ.

ทารุมาสโกติ เย โวหารํ คจฺฉนฺตีติ อิติ-สทฺเทน เอวํปกาเร ทสฺเสติ. อฺเหิ คาหาปเน อุปนิกฺขิตฺตสาทิยเน จ ปฏิคฺคหณตฺโถ ลพฺภตีติ ‘‘เนว ตํ อุคฺคณฺหาติ, น อุคฺคหาเปติ, น อุปนิกฺขิตฺตํ สาทิยตี’’ติ วุตฺตํ. อถ วา ติวิธํ ปฏิคฺคหณํ กาเยน, วาจาย, มนสาติ. ตตฺถ กาเยน ปฏิคฺคหณํ อุคฺคณฺหนํ, วาจาย ปฏิคฺคหณํ อุคฺคหาปนํ, มนสา ปฏิคฺคหณํ สาทิยนนฺติ ติวิธมฺปิ ปฏิคฺคหณํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ปฏิคฺคหณาติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เนว ตํ อุคฺคณฺหาตี’’ติอาทิ. เอส นโย อามกธฺปฏิคฺคหณาติอาทีสุปิ. นีวาราทิอุปธฺสฺส สาลิอาทิมูลธฺนฺโตคธตฺตา วุตฺตํ ‘‘สตฺตวิธสฺสา’’ติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจ วสานิ เภสชฺชานิ อจฺฉวสํ, มจฺฉวสํ, สุสุกาวสํ, สูกรวสํ, คทฺรภวส’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒) วุตฺตตฺตา อิทํ โอทิสฺส อนุฺาตํ นาม. ตสฺส ปน ‘‘กาเล ปฏิคฺคหิต’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒) วุตฺตตฺตา ปฏิคฺคหณํ วฏฺฏติ สติ ปจฺจเยติ อาห ‘‘อฺตฺร โอทิสฺส อนุฺาตา’’ติ.

สารุปฺเปน วฺจนํ รูปกูฏํ, ปติรูเปน วฺจนาติ อตฺโถ. องฺเคน อตฺตโน สรีราวยเวน วฺจนํ องฺคกูฏํ. คณฺหนวเสน วฺจนํ คหณกูฏํ. ปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา วฺจนํ ปฏิจฺฉนฺนกูฏํ. อกฺกมตีติ นิปฺปีเฬติ, ปุพฺพภาเค อกฺกมตีติ สมฺพนฺโธ. หทยนฺติ นาฬิอาทิมานภาชนานํ อพฺภนฺตรํ. เตลาทีนํ นาฬิอาทีหิ มินนกาเล อุสฺสาปิตา สิขาเยว สิขาเภโท, ตสฺสา หาปนํ. เกจีติ สารสมาสาจริยา อุตฺตรวิหารวาสิโน จ.

วโธติ มุฏฺิปฺปหารกสาตาฬนาทีหิ หึสนํ, วิเหนนฺติ อตฺโถ. วิเหนตฺโถปิ หิ วธ-สทฺโท ทิสฺสติ ‘‘อตฺตานํ วธิตฺวา วธิตฺวา โรทตี’’ติอาทีสุ. ยถา หิ อปฏิคฺคหภาวสามฺเ สติปิ ปพฺพชิเตหิ อปฺปฏิคฺคหิตพฺพวตฺถุวิเสสภาวสนฺทสฺสนตฺถํ อิตฺถิกุมาริทาสิทาสาทโย วิภาเคน วุตฺตา, เอวํ ปรสฺสหรณภาวโต อทินฺนาทานภาวสามฺเ สติปิ ตุลากูฏาทโย อทินฺนาทานวิเสสภาวทสฺสนตฺถํ วิภาเคน วุตฺตา. น เอวํ ปาณาติปาตปริยายสฺส วธสฺส ปุน คหเณ ปโยชนํ อตฺถิ, ตตฺถ สยํกาโร, อิธ ปรํกาโรติ จ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘กายวจิปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ฉปฺปโยคา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๐) วจนโต, ตสฺมา ยถาวุตฺโต เอวเมตฺถ อตฺโถ ยุตฺโต. อฏฺกถายํ ปน ‘‘วโธติ มารณ’’นฺติ วุตฺตํ. ตมฺปิ โปถนเมว สนฺธายาติ จ สกฺกา วิฺาตุํ มารณสทฺทสฺส วิหึสเนปิ ทิสฺสนโต.

จีวรปิณฺฑปาตานํ ยถากฺกมํ กายกุจฺฉิปริหรณมตฺตโชตนายํ อวิเสสโต อฏฺนฺนํ ปริกฺขารานํ ตปฺปโยชนตา สมฺภวตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เต สพฺเพปี’’ติอาทิมาห. เอเตปีติ นวปริกฺขาริกาทโยปิ อปฺปิจฺฉา จ สนฺตุฏฺา จ. น หิ ตตฺตเกน มหิจฺฉตา อสนฺตุฏฺิตา โหตีติ.

จตูสุ ทิสาสุ สุขํ วิหรติ, ตโต เอว สุขวิหารฏฺานภูตา จตสฺโส ทิสา อสฺส สนฺตีติ จาตุทฺทิโส. ตตฺถ จายํ สตฺเต วา สงฺขาเร วา ภเยน นปฺปฏิหฺตีติ อปฺปฏิโฆ. ทฺวาทสวิธสฺส สนฺโตสสฺส วเสน สนฺตุสฺสนโต สนฺตุสฺสมาโน. อิตรีตเรนาติ อุจฺจาวเจน ปริสฺสยานํ พาหิรานํ สีหพฺยคฺฆาทีนํ, อพฺภนฺตรานฺจ กามจฺฉนฺทาทีนํ กายจิตฺตูปทฺทวานํ อภิภวนโต ปริสฺสยานํ สหิตา. พนฺธนภาวกรภยาภาเวน อจฺฉมฺภิ. เอโก อสหาโย. ตโต เอว ขคฺคมิคสิงฺคสทิสตาย ขคฺควิสาณกปฺโป จเรยฺยาติ อตฺโถ.

ฉินฺนปกฺโข, อสฺชาตปกฺโข วา สกุโณ คนฺตุํ น สกฺโกตีติ ปกฺขิ-สทฺเทน วิเสเสตฺวา สกุโณ ปาฬิยํ วุตฺโตติ อาห ‘‘ปกฺขยุตฺโต สกุโณ’’ติ. ยสฺส สนฺนิธิการปริโภโค กิฺจิ เปตพฺพํ สาเปกฺขาปนฺจ นตฺถิ, ตาทิโส อยํ ภิกฺขูติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยเมตฺถสงฺเขปตฺโถ’’ติอาทิมาห. อริยนฺติ อเปนฺติ ตโต โทสา, เตหิ วา อารกาติ อริโยติ อาห ‘‘อริเยนาติ นิทฺโทเสนา’’ติ. อชฺฌตฺตนฺติ อตฺตนิ. นิทฺโทสสุขนฺติ นิรามิสสุขํ กิเลสวชฺชรหิตตฺตา.

ยถาวุตฺเต สีลสํวเร ปติฏฺิตสฺเสว อินฺทฺริยสํวโร อิจฺฉิตพฺโพ ตทธิฏฺานโต ตสฺส จ ปริปาลกภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘โส อิมินา อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต ภิกฺขู’’ติ. เสสปเทสูติ ‘‘น นิมิตฺตคฺคาหี โหตี’’ติอาทิปเทสุ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – น นิมิตฺตคฺคาหีติ อิตฺถิปุริสนิมิตฺตํ วา สุภนิมิตฺตาทิกํ วา กิเลสวตฺถุภูตํ นิมิตฺตํ น คณฺหาติ, ทิฏฺมตฺเตเยว สณฺาติ. นานุพฺยฺชนคฺคาหีติ กิเลสานํ อนุ อนุ พฺยฺชนโต ปากฏภาวกรณโต อนุพฺยฺชนนฺติลทฺธโวหารํ หตฺถปาทสิตหสิตกถิตวิโลกิตาทิเภทํ อาการํ น คณฺหาติ. ยํ ตตฺถ ภูตํ, ตเทว คณฺหาติ. ยตฺวาธิกรณเมนนฺติอาทิมฺหิ ยํการณา ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาสํวรสฺส เหตุ เอตํ ปุคฺคลํ สติกวาเฏน จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ อปิหิตจกฺขุทฺวารํ หุตฺวา วิหรนฺตํ เอเต อภิชฺฌาทโย ธมฺมา อนฺวสฺสเวยฺยุํ อนุปฺปพนฺเธยฺยุํ. ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชตีติ ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยสฺส สติกวาเฏน ปิทหนตฺถาย ปฏิปชฺชติ. เอวํ ปฏิปชฺชนฺโตเยว จ ‘‘รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ วุจฺจติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอวมิทํ สงฺเขปโต รูปาทีสุ กิเลสานุพนฺธนิมิตฺตาทิคฺคาหปริวชฺชนลกฺขณํ อินฺทฺริยสํวรํ สีลํ เวทิตพฺพํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาสุ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๑๓) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. กิเลเสหิ อนวสิตฺตสุขนฺติอาทีสุ รูปาทีสุ นิมิตฺตาทิคฺคาหปริวชฺชนลกฺขณตฺตา อินฺทฺริยสํวรสฺส กิเลเสหิ อนวสิตฺตสุขตา อวิกิณฺณสุขตา จสฺส วุตฺตา.

อภิกฺกมนํ อภิกฺกนฺโต, ปุรโต คมนํ. ปฏิกฺกมนํ ปฏิกฺกนฺโต, ปจฺจาคมนํ. ตทุภยมฺปิ จตูสุ อิริยาปเถสุ ลพฺภติ. คมเน ตาว ปุรโต กายํ อภิหรนฺโต อภิกฺกมติ นาม, ปฏินิวตฺเตนฺโต ปฏิกฺกมติ นาม. าเนปิ ิตโกว กายํ ปุรโต โอณมนฺโต อภิกฺกมติ นาม, ปจฺฉโต อปนาเมนฺโต ปฏิกฺกมติ นาม. นิสชฺชายปิ นิสินฺนโกว อาสนสฺส ปุริมองฺคาภิมุโข สํสรนฺโต อภิกฺกมติ นาม, ปจฺฉิมํ องฺคปฺปเทสํ ปจฺจาสํสรนฺโต ปฏิกฺกมติ นาม. นิปชฺชายปิ เอเสว นโย.

สาตฺถกสมฺปชฺนฺติอาทีสุ สมนฺตโต ปกาเรหิ, ปกฏฺํ วา สวิเสสํ ชานาตีติ สมฺปชาโน, สมฺปชานสฺส ภาโว สมฺปชฺํ, ตถาปวตฺตํ าณํ. ธมฺมโต วฑฺฒิสงฺขาเตน สห อตฺเถน วตฺตตีติ สาตฺถกํ, อภิกฺกนฺตาทิสาตฺถกสฺส สมฺปชฺํ สาตฺถกสมฺปชฺํ. สปฺปายสฺส อตฺตโน อุปการาวหสฺส สมฺปชฺํ สปฺปายสมฺปชฺํ. อภิกฺกมาทีสุ ภิกฺขาจารโคจเร, อฺตฺถาปิ ปวตฺเตสุ อวิชหิตกมฺมฏฺานสงฺขาเต โคจเร สมฺปชฺํ โคจรสมฺปชฺํ. อภิกฺกมาทีสุ อสมฺมุยฺหนเมว สมฺปชฺํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ. ตตฺถ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑๔; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๙) อภิกฺกมนจิตฺเต อุปฺปนฺเน จิตฺตวเสเนว อคนฺตฺวา ‘‘กินฺนุ เม เอตฺถ คเตน อตฺโถ อตฺถิ นตฺถี’’ติ อตฺถานตฺถํ ปริคฺคเหตฺวา อตฺถปริคฺคหณํ สาตฺถกสมฺปชฺํ. ตตฺถ จ อตฺโถติ เจติยทสฺสนโพธิทสฺสนสงฺฆทสฺสนเถรทสฺสนอสุภทสฺสนาทิวเสน ธมฺมโต วฑฺฒิ. เจติยํ วา โพธึ วา ทิสฺวาปิ หิ พุทฺธารมฺมณํ, สงฺฆทสฺสเนน สงฺฆารมฺมณํ ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ตเทว ขยวยโต สมฺมสนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณาติ. เถเร ทิสฺวา เตสํ โอวาเท ปติฏฺาย อสุภํ ทิสฺวา ตตฺถ ปมชฺฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตเทว ขยวยโต สมฺมสนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณาติ, ตสฺมา เอเตสํ ทสฺสนํ ‘‘สาตฺถก’’นฺติ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘อามิสโตปิ วฑฺฒิ อตฺโถเยว ตํ นิสฺสาย พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย ปฏิปนฺนตฺตา’’ติ วทนฺติ.

ตสฺมึ ปน คมเน สปฺปายาสปฺปายํ ปริคฺคเหตฺวา สปฺปายปริคฺคณฺหนํ สปฺปายสมฺปชฺํ. เสยฺยถิทํ – เจติยทสฺสนํ ตาว สาตฺถํ. สเจ ปน เจติยสฺส มหาปูชาย ทสทฺวาทสโยชนนฺตเร ปริสา สนฺนิปตนฺติ, อตฺตโน วิภวานุรูปํ อิตฺถิโยปิ ปุริสาปิ อลงฺกตปฏิยตฺตา จิตฺตกมฺมรูปกานิ วิย สฺจรนฺติ. ตตฺร จสฺส อิฏฺเ อารมฺมเณ โลโภ, อนิฏฺเ ปฏิโฆ, อสมเปกฺขเน โมโห อุปฺปชฺชติ, กายสํสคฺคาปตฺตึ วา อาปชฺชติ, ชีวิตพฺรหฺมจริยานํ วา อนฺตราโย โหติ. เอวํ ตํ านํ อสปฺปายํ โหติ, วุตฺตปฺปการอนฺตรายาภาเว สปฺปายํ. โพธิทสฺสเนปิ เอเสว นโย. สงฺฆทสฺสนมฺปิ สาตฺถํ. สเจ ปน อนฺโตคาเม มหามณฺฑปํ กาเรตฺวา สพฺพรตฺตึ ธมฺมสฺสวนํ กโรนฺเตสุ มนุสฺเสสุ วุตฺตปฺปกาเรเนว ชนสนฺนิปาโต เจว อนฺตราโย จ โหติ. เอวํ ตํ านํ อสปฺปายํ, อนฺตรายาภาเว สปฺปายํ. มหาปริสาปริวารานํ เถรานํ ทสฺสเนปิ เอเสว นโย. อสุภทสฺสนมฺปิ สาตฺถํ มคฺคผลาธิคมเหตุภาวโต. ทนฺตกฏฺตฺถาย สามเณรํ คเหตฺวา คตทหรภิกฺขุโน วตฺถุเปตฺถ กเถตพฺพํ. เอวํ สาตฺถมฺปิ ปเนตํ ปุริสสฺส มาตุคามาสุภํ อสปฺปายํ, มาตุคามสฺส จ ปุริสาสุภํ. สภาคเมว สปฺปายนฺติ เอวํ สปฺปายปริคฺคณฺหนํ สปฺปายสมฺปชฺํ นาม.

เอวํ ปริคฺคหิตสาตฺถกสปฺปายสฺส ปน อฏฺตึสาย กมฺมฏฺาเนสุ อตฺตโน จิตฺตรุจิยํ กมฺมฏฺานสงฺขาตํ โคจรํ อุคฺคเหตฺวา ภิกฺขาจารโคจเร ตํ คเหตฺวาว คมนํ โคจรสมฺปชฺํ นาม.

อภิกฺกมาทีสุ ปน อสมฺมุยฺหนํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ. ตํ เอวํ เวทิตพฺพํ – อิธ ภิกฺขุ อภิกฺกมนฺโต วา ปฏิกฺกมนฺโต วา ยถา อนฺธปุถุชฺชนา อภิกฺกมาทีสุ ‘‘อตฺตา อภิกฺกมติ, อตฺตนา อภิกฺกโม นิพฺพตฺติโต’’ติ วา, ‘‘อหํ อภิกฺกมามิ, มยา อภิกฺกโม นิพฺพตฺติโต’’ติ วา สมฺมุยฺหนฺติ, ตถา อสมฺมุยฺหนฺโต ‘‘อภิกฺกมามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปชฺชมาเน เตเนว จิตฺเตน สทฺธึ จิตฺตสมุฏฺานา วาโยธาตุ วิฺตฺตึ ชนยมานา อุปฺปชฺชติ, อิติ จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผารวเสน อยํ กายสมฺมโต อฏฺิสงฺฆาโฏ อภิกฺกมติ, ตสฺเสวํ อภิกฺกมโต เอเกกปทุทฺธรเณ ปถวีธาตุ, อาโปธาตูติ ทฺเว ธาตุโย โอมตฺตา โหนฺติ มนฺทา, อิตรา ทฺเว อธิมตฺตา โหนฺติ พลวติโย. ตถา อติหรณวีติหรเณสุ. โวสฺสชฺชเน เตโชธาตุ, วาโยธาตูติ ทฺเว ธาตุโย โอมตฺตา โหนฺติ มนฺทา, อิตรา ทฺเว อธิมตฺตา พลวติโย. ตถา สนฺนิกฺเขปนสนฺนิรุมฺภเนสุ. ตตฺถ อุทฺธรเณ ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา อติหรณํ น ปาปุณนฺติ, ตถา อติหรเณ ปวตฺตา วีติหรณํ, วีติหรเณ ปวตฺตา โวสฺสชฺชนํ, โวสฺสชฺชเน ปวตฺตา สนฺนิกฺเขปนํ, สนฺนิกฺเขปเน ปวตฺตา สนฺนิรุมฺภนํ น ปาปุณนฺติ. ตตฺถ ตตฺเถว ปพฺพปพฺพํ สนฺนิสนฺธิ โอธิโอธิ หุตฺวา ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตติลํ วิย ปฏปฏายนฺตา ภิชฺชนฺติ. ตตฺถ โก เอโก อภิกฺกมติ, กสฺส วา เอกสฺส อภิกฺกมนํ? ปรมตฺถโต หิ ธาตูนํเยว คมนํ, ธาตูนํ านํ, ธาตูนํ นิสชฺชนํ, ธาตูนํ สยนํ. ตสฺมึ ตสฺมิฺหิ โกฏฺาเส สทฺธึ รูเปน –

‘‘อฺํ อุปฺปชฺชเต จิตฺตํ, อฺํ จิตฺตํ นิรุชฺฌติ;

อวีจิมนุสมฺพนฺโธ, นทีโสโตว วตฺตตี’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑๔; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๙; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๓๖๘);

เอวํ อภิกฺกมาทีสุ อสมฺมุยฺหนํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ นามาติ. ปจฺจยสมฺปตฺตินฺติ ปจฺจยปาริปูรึ. อิเม จตฺตาโรติ สีลสํวโร, สนฺโตโส, อินฺทฺริยสํวโร, สติสมฺปชฺนฺติ อิเม จตฺตาโร อรฺวาสสฺส สมฺภารา . วตฺตพฺพตํ อาปชฺชตีติ ‘‘อสุกสฺส ภิกฺขุโน อรฺเ ติรจฺฉานคตานํ วิย วนจรกานํ วิย จ นิวาสมตฺตเมว, น อรฺวาสานุจฺฉวิกา กาจิ สมฺมาปฏิปตฺตี’’ติ อปวาทวเสน วตฺตพฺพตํ, อารฺเกหิ วา ติรจฺฉานคเตหิ วนจรกวิสภาคชเนหิ วิปฺปฏิปตฺติวเสน วตฺถพฺพตํ อาปชฺชติ. เภรวสทฺทํ สาเวนฺติ, ตาวตา อปลายนฺตานํ หตฺเถหิ สีสํ…เป… กโรนฺติ. กาฬกสทิสตฺตา กาฬกํ, วีติกฺกมสงฺขาตํ ถุลฺลวชฺชํ. ติลกสทิสตฺตา ติลกํ, มิจฺฉาวิตกฺกสงฺขาตํ อณุมตฺตวชฺชํ. นฺติ ปีตึ. วิภูตภาเวน อุปฏฺานโต ขยโต สมฺมสนฺโต.

วิวิตฺตนฺติ ชนวิวิตฺตํ. เตนาห ‘‘สุฺ’’นฺติ. ตํ ปน ชนสทฺทนิคฺโฆสาภาเวน เวทิตพฺพํ สทฺทกณฺฏกตฺตา ฌานสฺสาติ อาห ‘‘อปฺปสทฺทํ อปฺปนิคฺโฆสนฺติ อตฺโถ’’ติ. เอตเทวาติ นิสฺสทฺทตํเยว. วิหาโร ปาการปริจฺฉินฺโน สกโล อาวาโส. อฑฺฒโยโค ทีฆปาสาโท, ‘‘ครุฬสณฺานปาสาโท’’ติปิ วทนฺติ. ปาสาโท จตุรสฺสปาสาโท. หมฺมิยํ มุณฺฑจฺฉทนปาสาโท. อฏฺโฏ ปฏิราชูนํ ปฏิพาหนโยคฺโค จตุปฺปฺจภูมโก ปติสฺสยวิเสโส. มาโฬ เอกกูฏสงฺคหิโต อเนกโกณวนฺโต ปติสฺสยวิเสโส. อปโร นโย – วิหาโร นาม ทีฆมุขปาสาโท. อฑฺฒโยโค เอกปสฺสจฺฉทนกเสนาสนํ. ตสฺส กิร เอกปสฺเส ภิตฺติ อุจฺจตรา โหติ, อิตรปสฺเส นีจา. เอเตน ตํ เอกปสฺสจฺฉทนกํ โหติ. ปาสาโท นาม อายตจตุรสฺสปาสาโท. หมฺมิยํ มุณฺฑจฺฉทนํ จนฺทิกงฺคณยุตฺตํ. คุหา นาม เกวลา ปพฺพตคุหา. เลณํ ทฺวารพทฺธํ ปพฺภารํ. มณฺฑโปติ สาขามณฺฑโป. อาวสถภูตํ เสนาสนํ วิหริตพฺพฏฺเน วิหารเสนาสนํ. มสารกาทิ มฺจปีํ ตตฺถ อตฺถริตพฺพภิสิ อุปธานฺจ มฺจปีสมฺพนฺธโต มฺจปีเสนาสนํ. จิมิลิกาทิ ภูมิยํ สนฺถริตพฺพตาย สนฺถตเสนาสนํ. อภิสงฺขตาภาวโต เกวลํ สยนสฺส นิสชฺชาย จ โอกาสภูตํ รุกฺขมูลาทิ ปฏิกฺกมิตพฺพฏฺานํ โอกาสเสนาสนํ. เสนาสนคฺคหเณน คหิตเมวาติ ‘‘วิวิตฺตํ เสนาสน’’นฺติ อิมินา เสนาสนคฺคหเณน คหิตเมว สามฺโชตนาภาวโต.

ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘อรฺ’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อิมสฺส ปนา’’ติอาทิ. ภิกฺขุนีนํ วเสน อาคตนฺติ อิทํ วินเย ตถา อาคตํ สนฺธาย วุตฺตํ , อภิธมฺเมปิ (วิภ. ๕๒๙) ปน ‘‘อรฺนฺติ นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขิลา สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ อาคตเมว. ตตฺถ หิ ยํ น คามปฺปเทสนฺโตคธํ, ตํ อรฺนฺติ นิปฺปริยายวเสน ตถา วุตฺตํ. ธุตงฺคนิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๓๑) ยํ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยน คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. รุกฺขมูลนฺติ รุกฺขสมีปํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยาวตา มชฺฌนฺหิเก กาเล สมนฺตา ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ ปตนฺติ, เอตฺตาวตา รุกฺขมูล’’นฺติ. เสล-สทฺโท อวิเสสโต ปพฺพตปริยาโยติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปพฺพตนฺติ เสล’’นฺติ, น สิลามยเมว. ปํสุมยาทิโก หิ ติวิโธปิ ปพฺพโต เอวาติ. วิวรนฺติ ทฺวินฺนํ ปพฺพตานํ มิโถ อาสนฺนตเร ิตานํ โอวรกาทิสทิสํ วิวรํ. เอกสฺมึเยว วา ปพฺพเต. อุมงฺคสทิสนฺติ สุทุงฺคาสทิสํ. มนุสฺสานํ อนุปจารฏฺานนฺติ ปกติสฺจารวเสน มนุสฺเสหิ น สฺจริตพฺพฏฺานํ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘วนปตฺถนฺติ วนสณฺฑานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจนํ. วนปตฺถนฺติ ภึสนกานเมตํ. วนปตฺถนฺติ สโลมหํสานเมตํ. วนปตฺถนฺติ ปริยนฺตานเมตํ. วนปตฺถนฺติ น มนุสฺสูปจารานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจน’’นฺติ (วิภ. ๕๓๑) อิมํ ปาฬิปฺปเทสํ สงฺคณฺหาติ. อจฺฉนฺนนฺติ เกนจิ ฉทเนน อนฺตมโส รุกฺขสาขายปิ น ฉาทิตํ. นิกฺกฑฺฒิตฺวาติ นีหริตฺวา. ปพฺภารเลณสทิเสติ ปพฺภารสทิเส, เลณสทิเส วา.

ปิณฺฑปาตปริเยสนํ ปิณฺฑปาโต อุตฺตรปทโลเปนาติ อาห ‘‘ปิณฺฑปาตปริเยสนโต ปฏิกฺกนฺโต’’ติ. ปลฺลงฺกนฺติ เอตฺถ ปริ-สทฺโท สมนฺตโตติ เอตสฺมึ อตฺเถ, ตสฺมา วาโมรุํ ทกฺขิโณรุฺจ สมํ เปตฺวา อุโภ ปาเท อฺมฺํ สมฺพนฺเธ กตฺวา นิสชฺชา ปลฺลงฺกนฺติ อาห ‘‘สมนฺตโต อูรุพทฺธาสน’’นฺติ. อูรูนํ พนฺธนวเสน นิสชฺชา ปลฺลงฺกํ. อาภุชิตฺวาติ จ ยถา ปลฺลงฺกวเสน นิสชฺชา โหติ, เอวํ อุโภ ปาเท อาภุชิเต สมิฺชิเต กตฺวา. ตํ ปน อุภินฺนํ ปาทานํ ตถาสมฺพนฺธตากรณนฺติ อาห ‘‘พนฺธิตฺวา’’ติ. เหฏฺิมกายสฺส อนุชุกํ ปนํ นิสชฺชาวจเนเนว โพธิตนฺติ อุชุํ กายนฺติ เอตฺถ กาย-สทฺโท อุปริมกายวิสโยติ อาห ‘‘อุปริมสรีรํ อุชุกํ เปตฺวา’’ติ. ตํ ปน อุชุกํ ปนํ สรูปโต ปโยชนโต จ ทสฺเสตุํ ‘‘อฏฺารสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. น ปณมนฺตีติ น โอณมนฺติ. น ปริปตตีติ น วิคจฺฉติ วีถึ น ลงฺเฆติ, ตโต เอว ปุพฺเพนาปรํ วิเสสสมฺปตฺติยา กมฺมฏฺานํ วุทฺธึ ผาตึ คจฺฉติ. ปริมุขนฺติ เอตฺถ ปริ-สทฺโท อภิ-สทฺเทน สมานตฺโถติ อาห ‘‘กมฺมฏฺานาภิมุข’’นฺติ, พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมณโต นิวาเรตฺวา กมฺมฏฺานํเยว ปุรกฺขตฺวาติ อตฺโถ. สมีปตฺโถ วา ปริ-สทฺโทติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มุขสมีเป วา กตฺวา’’ติ อาห. เอตฺถ จ ยถา ‘‘วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชตี’’ติอาทินา ภาวนานุรูปํ เสนาสนํ ทสฺสิตํ, เอวํ นิสีทตีติ อิมินา อลีนานุทฺธจฺจปกฺขิโย สนฺโต อิริยาปโถ ทสฺสิโต. ‘‘ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา’’ติ อิมินา นิสชฺชาย ทฬฺหภาโว. ‘‘ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ อิมินา อารมฺมณปริคฺคหูปาโย.

ปรีติ ปริคฺคหฏฺโ ‘‘ปริณายิกา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๖, ๒๐) วิย. มุขนฺติ นิยฺยานฏฺโ ‘‘สุฺตวิโมกฺขมุข’’นฺติอาทีสุ วิย. ปฏิปกฺขโต นิคฺคมนฏฺโ หิ นิยฺยานฏฺโ, ตสฺมา ปริคฺคหิตนิยฺยานํ สตินฺติ สพฺพถา คหิตาสมฺโมสํ ปริจฺจตฺตสมฺโมสํ สตึ กตฺวา, ปรมสติเนปกฺกํ อุปฏฺเปตฺวาติ อตฺโถ.

อภิชฺฌายติ คิชฺฌติ อภิกงฺขติ เอตายาติ อภิชฺฌา, โลโภ. ลุชฺชนฏฺเนาติ ภิชฺชนฏฺเน, ขเณ ขเณ ภิชฺชนฏฺเนาติ อตฺโถ. วิกฺขมฺภนวเสนาติ เอตฺถ วิกฺขมฺภนํ อนุปฺปาทนํ อปฺปวตฺตนํ ปฏิปกฺเขน สุปฺปหีนตฺตา. ปหีนตฺตาติ จ ปหีนสทิสตํ สนฺธาย วุตฺตํ ฌานสฺส อนธิคตตฺตา. ตถาปิ นยิทํ จกฺขุวิฺาณํ วิย สภาวโต วิคตาภิชฺฌํ, อถ โข ภาวนาวเสน. เตนาห ‘‘น จกฺขุวิฺาณสทิเสนา’’ติ. เอเสว นโยติ ยถา จกฺขุวิฺาณํ สภาเวน วิคตาภิชฺฌํ อพฺยาปนฺนฺจ น ภาวนาย วิกฺขมฺภิตตฺตา, น เอวมิทํ. อิทํ ปน จิตฺตํ ภาวนาย ปริโสธิตตฺตา อพฺยาปนฺนํ วิคตถินมิทฺธํ อนุทฺธตํ นิพฺพิจิกิจฺฉฺจาติ อตฺโถ. ปุริมปกตินฺติ ปริสุทฺธปณฺฑรสภาวํ. ‘‘ยา ตสฺมึ สมเย จิตฺตสฺส อกลฺยตา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๒; วิภ. ๕๔๖) ถินสฺส, ‘‘ยา ตสฺมึ สมเย กายสฺส อกลฺยตา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๓; วิภ. ๕๔๖) จ มิทฺธสฺส อภิธมฺเม นิทฺทิฏฺตฺตา วุตฺตํ ‘‘ถินํ จิตฺตเคลฺํ, มิทฺธํ เจตสิกเคลฺ’’นฺติ. สติปิ หิ อฺมฺํ อวิปฺปโยเค จิตฺตกายลหุตาทีนํ วิย จิตฺตเจตสิกานํ ยถากฺกมํ ตํตํวิเสสสฺส ยา เตสํ อกลฺยตาทีนํ วิเสสปจฺจยตา, อยเมเตสํ สภาโวติ ทฏฺพฺพํ. อาโลกสฺีติ เอตฺถ อติสยตฺตวิสิฏฺอตฺถิอตฺถาวโพธโกยมีกาโรติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘รตฺติมฺปิ…เป… สมนฺนาคโต’’ติ. อิทํ อุภยนฺติ สติสมฺปชฺมาห.

อติกฺกมิตฺวาติ วิกฺขมฺภนวเสน ปชหิตฺวา. กถมิทํ กถมิทนฺติ ปวตฺติยา กถํกถา, วิจิกิจฺฉา, สา เอตสฺส อตฺถีติ กถํกถี, น กถํกถีติ อกถํกถี, นิพฺพิจิกิจฺโฉ. ลกฺขณาทิเภทโตติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ปจฺจยปริหานปฺปหายกาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เตปิ หิ ปเภทโต ทฏฺพฺพาติ. อุจฺฉินฺทิตฺวา ปาเตนฺตีติ เอตฺถ อุจฺฉินฺทนํ ปาตนฺจ ตาสํ ปฺานํ อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปชฺชิตุํ อปฺปทานเมว. อิติ มหคฺคตานุตฺตรปฺานํ เอกจฺจาย จ ปริตฺตปฺาย อนุปฺปตฺติเหตุภูตา นีวรณธมฺมา อิตราย จ สมตฺถตํ วิหนนฺติเยวาติ ‘‘ปฺาย ทุพฺพลีกรณา’’ติ วุตฺตา. อปฺเปนฺโตติ นิคเมนฺโต.

อตฺตนฺตปสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙-๑๐. ตณฺหาสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๙๙-๒๐๐. นวเม ตโย ภเว อชฺโฌตฺถริตฺวา ิตํ ‘‘อชฺฌตฺติกสฺส อุปาทาย อฏฺารส ตณฺหาวิจริตานี’’ติอาทินา วุตฺตํ ตํ ตํ อตฺตโน โกฏฺาสภูตํ ชาลเมติสฺสา อตฺถีติ ชาลินี. เตนาห ‘‘ตโย วา ภเว’’ติอาทิ. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว, อารมฺมเณ วา. อปิจาติอาทินา นิทฺเทสนเยน วิสตฺติกาปทสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺโต นิทฺเทสปาฬิยา เอกเทสํ ทสฺเสติ ‘‘วิสมูลา’’ติอาทินา. อยฺเหตฺถ นิทฺเทสปาฬิ (มหานิ. ๓; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทโส ๒๒, ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทโส ๑๒๔) –

‘‘วิสตฺติกาติ เกนฏฺเน วิสตฺติกา? วิสตาติ วิสตฺติกา, วิสฏาติ วิสตฺติกา, วิสาลาติ วิสตฺติกา, วิสกฺกตีติ วิสตฺติกา, วิสํหรตีติ วิสตฺติกา, วิสํวาทิกาติ วิสตฺติกา, วิสมูลาติ วิสตฺติกา, วิสผลาติ วิสตฺติกา . วิสปริโภคาติ วิสตฺติกา. วิสาลา วา ปน สา ตณฺหา รูเป สทฺเท คนฺเธ รเส โผฏฺพฺเพ กุเล คเณ อาวาเส ลาเภ ยเส ปสํสาย สุเข จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเร กามธาตุยา รูปธาตุยา อรูปธาตุยา กามภเว รูปภเว อรูปภเว สฺิภเว อสฺิภเว เนวสฺินาสฺิภเว เอกโวการภเว จตุโวการภเว ปฺจโวการภเว อตีเต อนาคเต ปจฺจุปฺปนฺเน ทิฏฺสุตมุตวิฺาตพฺเพสุ วิสฏา วิตฺถตาติ วิสตฺติกา’’ติ.

ตตฺถ (มหานิ. อฏฺ. ๓; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑ โอฆตรณสุตฺตวณฺณนา) วิสตาติ วิตฺถตา รูปาทีสุ เตภูมกธมฺมพฺยาปนวเสน. วิสฏาติ ปุริมวจนเมว ต-การสฺส ฏ-การํ กตฺวา วุตฺตํ. วิสาลาติ วิปุลา. วิสกฺกตีติ ปริสหติ. รตฺโต หิ ราควตฺถุนา ปเรน ตาฬิยมาโนปิ สหติ, วิปฺผนฺทนํ วา ‘‘วิสกฺกน’’นฺติ วทนฺติ. วิสํหรตีติ ตถา ตถา กาเมสุ อานิสํสํ ทสฺเสนฺตี วิวิเธหิ อากาเรหิ เนกฺขมฺมาภิมุขปฺปวตฺติโต จิตฺตํ สํหรติ สํขิปติ. วิสํ วา ทุกฺขํ, ตํ หรติ อุปเนตีติ อตฺโถ. อนิจฺจาทึ นิจฺจาทิโต คณฺหนฺตี วิสํวาทิกา โหติ. ทุกฺขนิพฺพตฺตกสฺส กมฺมสฺส เหตุภาวโต วิสมูลา, วิสํ วา ทุกฺขทุกฺขาทิภูตา เวทนา มูลํ เอติสฺสาติ วิสมูลา. ทุกฺขสมุทยตฺตา วิสํ ผลํ เอติสฺสาติ วิสผลา. ตณฺหาย รูปาทิกสฺส ทุกฺขสฺส ปริโภโค โหติ, น อมตสฺสาติ สา วิสปริโภคา วุตฺตา. สพฺพตฺถ นิรุตฺติวเสน ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. โย ปเนตฺถ ปธาโน อตฺโถ, ตํ ทสฺเสตุํ ปุน ‘‘วิสฏา วา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ตนฺตํ วุจฺจติ (ที. นิ. ฏี. ๒.๙๕ อปสาทนาวณฺณนา; สํ. นิ. ฏี. ๒.๒.๖๐) วตฺถวินนตฺถํ ตนฺตวาเยหิ ทณฺฑเก อาสฺจิตฺวา ปสาริตสุตฺตวฏฺฏิ ‘‘ตนียตี’’ติ กตฺวา, ตํ ปน สุตฺตํ สนฺตานากุลตาย นิทสฺสนภาเวน อากุลเมว คหิตนฺติ อาห ‘‘ตนฺตํ วิย อากุลชาโต’’ติ. สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมาเนตุนฺติ ปุพฺเพนาปรํ สมํ กตฺวา อาเนตุํ, อวิสมํ อุชุํ กาตุนฺติ อตฺโถ. ตนฺตเมว วา อากุลํ ตนฺตากุลํ, ตนฺตากุลํ วิย ชาโต ภูโตติ ตนฺตากุลกชาโต. วินนโต คุลาติ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามสฺส ตนฺตวายสฺส คุณฺิกํ นาม อากุลภาเวน อคฺคโต วา มูลโต วา ทุวิฺเยฺยเมว ขลิพทฺธตนฺตสุตฺตนฺติ อาห ‘‘คุลาคุณฺิกํ วุจฺจติ เปสการกฺชิยสุตฺต’’นฺติ.

สกุณิกาติ ปฏปทสกุณิกา. สา หิ รุกฺขสาขาสุ โอลมฺพนกุฏวา โหติ. ตฺหิ สา กุฏวํ ตโต ตโต ติณหีราทิเก อาเนตฺวา ตถา วินติ, ยถา เต เปสการกฺชิยสุตฺตํ วิย อคฺเคน วา อคฺคํ, มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ วิเวเจตุํ วา น สกฺกา. เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. ตทุภยมฺปิ ‘‘คุลาคุณฺิก’’นฺติ วุตฺตํ กฺชิยสุตฺตํ กุลาวกฺจ. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘เอวเมว สตฺตา’’ติอาทินา วุตฺตนเยเนว. กามํ มุฺชปพฺพชติณานิ ยถาชาตานิปิ ทีฆภาเวน ปติตฺวา อรฺฏฺาเน อฺมฺํ วินนฺธิตฺวา อากุลพฺยากุลานิ หุตฺวา ติฏฺนฺติ, ตานิ ปน น ตถา ทุพฺพิเวจิยานิ ยถา รชฺชุภูตานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา ตานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เสสเมตฺถ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

อปายาติ อวฑฺฒิกา, สุเขน, สุขเหตุนา วา วิรหิตาติ อตฺโถ. ทุกฺขสฺส คติภาวโตติ อาปายิกสฺส ทุกฺขสฺส ปวตฺติฏฺานภาวโต. สุขสมุสฺสยโตติ อพฺภุทยโต. วินิปติตตฺตาติ วิรูปํ นิปาตตฺตา, ยถา เตนตฺตภาเวน สุขสมุสฺสโย น โหติ, เอวํ นิปติตตฺตา. อิตโรติ สํสาโร. นนุ ‘‘อปาย’’นฺติอาทินา วุตฺโตปิ สํสาโร เอวาติ? สจฺจเมตํ, นิรยาทีนํ ปน อธิมตฺตทุกฺขภาวทสฺสนตฺถํ อปายาทิคฺคหณํ. โคพลีพทฺทาเยนายมตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏีติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ เหตุผลภาเวน อปราปรปฺปวตฺติ. อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานาติ อวิจฺเฉเทน วตฺตมานา. ตํ สพฺพมฺปีติ ตํ ‘‘อปาย’’นฺติอาทินา วุตฺตํ สพฺพํ อปายทุกฺขฺจ วฏฺฏทุกฺขฺจ. มหาสมุทฺเท วาตกฺขิตฺตา นาวา วิยาติ อิทํ ปริพฺภมนฏฺานสฺส มหนฺตทสฺสนตฺถฺเจว ปริพฺภมนสฺส อนวฏฺิตตาทสฺสนตฺถฺจ อุปมา. ยนฺเต ยุตฺตโคโณ วิยาติ อิทํ ปน อวสีภาวทสฺสนตฺถฺเจว ทุปฺปโมกฺขภาวทสฺสนตฺถฺจาติ เวทิตพฺพํ.

‘‘สมูหคฺคาโหติ ตณฺหามานทิฏฺีนํ สาธารณคฺคาโห’’ติ วทนฺติ, ‘‘อิตฺถํ เอวํ อฺถา’’ติ ปน วิเสสํ อกตฺวา คหณํ สมูหคฺคาโหติ ทฏฺพฺโพ. วิเสสํ อกตฺวาติ จ อนุปนิธานํ สมโต อสมโต จ อุปนิธานนฺติ อิมํ วิภาคํ อกตฺวาติ อตฺโถ. อิตฺถนฺติ หิ อนุปนิธานํ กถิตํ. เอวํ อฺถาติ ปน สมโต อสมโต จ อุปนิธานํ. อฺํ อาการนฺติ ปรสนฺตานคตํ อาการํ.

อตฺถีติ สทา สํวิชฺชตีติ อตฺโถ. สีทตีติ นสฺสติ. สํสยปริวิตกฺกวเสนาติ ‘‘กึ นุ โข อหํ สิยํ, น สิย’’นฺติ เอวํ ปริวิตกฺกวเสน. ปตฺถนากปฺปนวเสนาติ ‘‘อปิ นาม สาธุ ปนาหํ สิย’’นฺติ เอวํ ปตฺถนาย กปฺปนวเสน. สุทฺธสีสาติ ตณฺหามานทิฏฺีนํ สาธารณา สีสา. ‘‘อิตฺถํ เอวํ อฺถา’’ติ วุตฺตสฺส วิเสสสฺส อนิสฺสิตตฺตา ‘‘สุทฺธสีสา’’ติ วุตฺตา. ตตฺถ ทิฏฺิสีเสหิ ทิฏฺิยา คหิตาย ตทวินาภาวินี ตณฺหา ทสฺสิตา, จตูหิ สีเสหิ ทฺวาทสหิ จ สีสมูลเกหิ มานทิฏฺีหิ อยเมว ตณฺหา ทสฺสิตาติ อาห ‘‘เอวเมเต…เป… ตณฺหาวิจริตธมฺมา เวทิตพฺพา’’ติ. นนุ จ มานทิฏฺิคฺคาโหปิ อิธาธิปฺเปโต, ยโต ‘‘ตณฺหามานทิฏฺิวเสน สมูหคฺคาโห’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตสฺมา กถํ ตณฺหาวิจริตานีติ อิทํ วจนํ? วุจฺจเต – ทิฏฺิมาเนสุปิ ตณฺหาวิจริตานีติ วจนํ อฺมฺํ วิปฺปโยคีนํ ทิฏฺิมานานํ ตณฺหาย อวิปฺปโยคานํ ตํมูลกตฺตา ตปฺปธานตาย กตนฺติ เวทิตพฺพํ. ทสมํ อุตฺตานเมว.

ตณฺหาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

มหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุตฺถปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.

๕. ปฺจมปณฺณาสกํ