📜

(๒๔) ๔. กมฺมวคฺโค

๑. สํขิตฺตสุตฺตวณฺณนา

๒๓๒. จตุตฺถสฺส ปเม กาฬกนฺติ มลีนํ, จิตฺตสฺส อปฺปภสฺสรภาวกรนฺติ อตฺโถ. ตํ ปเนตฺถ กมฺมปถปฺปตฺตเมว อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ทสอกุสลกมฺมปถ’’นฺติ. กณฺหาภิชาติเหตุโต วา กณฺหํ. เตนาห ‘‘กณฺหวิปาก’’นฺติ. อปายูปปตฺติ มนุสฺเสสุ จ โทภคฺคิยํ กณฺหวิปาโก, ยํ ตสฺส ตมภาโว วุตฺโต. นิพฺพตฺตนโตติ นิพฺพตฺตาปนโต. ปณฺฑรกนฺติ โอทาตํ, จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวกรนฺติ อตฺโถ. สุกฺกาภิชาติเหตุโต วา สุกฺกํ. เตนาห ‘‘สุกฺกวิปาก’’นฺติ. สคฺคูปปตฺติ มนุสฺสโสภคฺคิยฺจ สุกฺกวิปาโก, ยํ ตสฺส โชติภาโว วุตฺโต. อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ปน ‘‘สคฺเค นิพฺพตฺตนโต’’ติ วุตฺตํ, นิพฺพตฺตาปนโตติ อตฺโถ. มิสฺสกกมฺมนฺติ กาเลน กณฺหํ กาเลน สุกฺกนฺติ เอวํ มิสฺสกวเสน กตกมฺมํ. สุขทุกฺขวิปากนฺติ วตฺวา ตตฺถ สุขทุกฺขานํ ปวตฺติอาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘มิสฺสกกมฺมํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กมฺมสฺส กณฺหสุกฺกสมฺา กณฺหสุกฺกาภิชาติเหตุตายาติ อปจยคามิตาย ตทุภยวิทฺธํสกสฺส กมฺมกฺขยกรกมฺมสฺส อิธ สุกฺกปริยาโยปิ อิจฺฉิโตติ อาห ‘‘อุภย…เป… อยเมตฺถ อตฺโถ’’ติ. ตตฺถ อุภยวิปากสฺสาติ ยถาธิคตสฺส อุภยวิปากสฺส. สมฺปตฺติภวปริยาปนฺโน หิ วิปาโก อิธ สุกฺกํ สุกฺกวิปาโกติ อธิปฺเปโต, น อจฺจนฺตปริสุทฺโธ อริยผลวิปาโก.

สํขิตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. วิตฺถารสุตฺตวณฺณนา

๒๓๓. ทุติเย สพฺยาพชฺฌนฺติ วา สทุกฺขํ, อตฺตนา อุปฺปาเทตพฺเพน ทุกฺเขน สทุกฺขนฺติ อตฺโถ, ทุกฺขสํวตฺตนิกนฺติ วุตฺตํ โหติ. กายสงฺขาราทีสุ กายทฺวาเร คหณาทิวเสน โจปนปฺปตฺตา ทฺวาทส อกุสลเจตนา อพฺยาพชฺฌกายสงฺขาโร นาม. วจีทฺวาเร หนุสํโจปนวเสน วจีเภทปฺปวตฺติกา ตาเยว ทฺวาทส วจีสงฺขาโร นาม. อุภยโจปนํ อปฺปตฺวา รโห จินฺเตนฺตสฺส มโนทฺวาเร ปวตฺตา มโนสงฺขาโร นาม. อิติ ตีสุปิ ทฺวาเรสุ กายทุจฺจริตาทิเภทา อกุสลา เจตนาว สงฺขาราติ เวทิตพฺพา. อภิสงฺขโรตีติ อายูหติ, ตํ ปน อายูหนํ ปจฺจยสมวายสิทฺธิโต สงฺกฑฺฒิตฺวา ปิณฺฑนํ วิย โหติ. สทุกฺขํ โลกนฺติ อปายโลกมาห. วิปากผสฺสาติ ผสฺสสีเสน ตตฺถ วิปากปฺปวตฺตมาห. เวมานิกเปตาติ อิทํ พาหุลฺลโต วุตฺตํ, อิตเรสมฺปิ วินิปาติกานํ กาเลน สุขํ, กาเลน ทุกฺขํ โหติ. ตสฺส ปหานายาติ ตสฺส ยถาวุตฺตสฺส กมฺมสฺส อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนาย. ยา เจตนาติ ยา อปจยคามินิเจตนา. เตเนวาห ‘‘วิวฏฺฏคามินี มคฺคเจตนา เวทิตพฺพา’’ติ.

วิตฺถารสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓-๙. โสณกายนสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๓๔-๒๔๐. ตติเย ปุริมานิ, ภนฺเต, ทิวสานิ ปุริมตรานีติ เอตฺถ หิยฺโย ทิวสํ ปุริมํ นาม, ตโต ปรํ ปุริมตรนฺติ อาห ‘‘อตีตานนฺตรทิวสโต ปฏฺายา’’ติอาทิ. อิติ อิเมสุ ทฺวีสุ ปวตฺติโต ยถากฺกมํ ปุริมปุริมตรภาโว ทสฺสิโต. เอวํ สนฺเตปิ ยเทตฺถ ‘‘ปุริมตร’’นฺติ วุตฺตํ, ตโต ปภุติ ยํ ยํ โอรํ, ตํ ตํ ปุริมํ. ยํ ยํ ปรํ, ตํ ตํ ปุริมตรํ โอรปารภาวสฺส วิย ปุริมตรภาวสฺส จ อเปกฺขาสิทฺธตฺตา. เสสํ วุตฺตนยเมว. จตุตฺถาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

โสณกายนสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐-๑๑. สมณสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๔๑-๒. ทสเม เสสปเทสุปีติ ‘‘อิธ ทุติโย สมโณ’’ติอาทีสุ เสสปเทสุปิ. ยถา หิ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๒๖; ม. นิ. ๑.๒๗๑, ๒๘๗, ๒๙๗; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓) เอตฺถ กโต นิยโม ‘‘วิวิจฺจ อกุสเลหี’’ติ เอตฺถาปิ กโตเยว โหติ สาวธารณอตฺถสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา, เอวมิธาปีติ. เตนาห ‘‘ทุติยาทโยปิ หี’’ติอาทิ. สามฺผลาธิคมวเสน นิปฺปริยายโต สมณภาโวติ เตสํ วเสเนตฺถ จตฺตาโร สมณา เทสิตา. อิมสฺมิฺหิ าเน จตฺตาโร ผลฏฺกสมณาว อธิปฺเปตา สมิตปาปสมณคฺคหณโต. กสฺมา ปเนตฺถ มหาปรินิพฺพาเน วิย มคฺคฏฺา ตทตฺถาย ปฏิปนฺนาปิ น คหิตาติ? เวเนยฺยชฺฌาสยโต. ตตฺถ หิ มคฺคาธิคมตฺถาย วิปสฺสนาปิ อิโต พหิทฺธา นตฺถิ, กุโต มคฺคผลานีติ ทสฺเสนฺเตน ภควตา ‘‘ายสฺส ธมฺมสฺส ปเทสวตฺตี, อิโต พหิทฺธา สมโณปิ นตฺถี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔) วุตฺตํ. อิธ ปน นิฏฺานปฺปตฺตเมว ตํตํสมณภาวํ คณฺหนฺเตน ผลฏฺกสมณาว คหิตา, มคฺคฏฺโต ผลฏฺโ สวิเสสํ ทกฺขิเณยฺโยติ. สฺวายมตฺโถ ทฺวีสุ สุตฺเตสุ เทสนาเภเทเนว วิฺายตีติ. ริตฺตาติ วิวิตฺตา. ตุจฺฉาติ นิสฺสารา ปฏิปนฺนกสาราภาวโต.

ปวทนฺติ เอเตหีติ ปวาทา. ทิฏฺิคติกานํ นานาทิฏฺิทีปกสมยาติ อาห ‘‘จตฺตาโร สสฺสตวาทา’’ติอาทิ. ตตฺถ จตฺตาโร สสฺสตวาทาติ ลาภิวเสน ตโย, ตกฺกิวเสน เอโกติ เอวํ จตฺตาโร สสฺสตวาทา. ปุพฺเพนิวาสาณลาภี ติตฺถิโย มนฺทปฺโ อเนกชาติสตสหสฺสมตฺตํ อนุสฺสรติ, มชฺฌปฺโ ทส สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺปานิ, ติกฺขปฺโ จตฺตาลีส สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺปานิ, น ตโต ปรํ. โส เอวํ อนุสฺสรนฺโต ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ อภิวทติ, ตกฺกี ปน ตกฺกปริยาหตํ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภานํ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ อภิวทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ลาภิวเสน ตโย, ตกฺกิวเสน เอโกติ เอวํ จตฺตาโร สสฺสตวาทา’’ติ.

สตฺเตสุ สงฺขาเรสุ จ เอกจฺจํ สสฺสตนฺติ ปวตฺโต วาโท เอกจฺจสสฺสตวาโท. โส ปน พฺรหฺมกายิกขิฑฺฑาปโทสิกมโนปโทสิกตฺตภาวโต จวิตฺวา อิธาคตานํ ตกฺกิโน จ อุปฺปชฺชนวเสน จตุพฺพิโธติ อาห ‘‘จตฺตาโร เอกจฺจสสฺสตวาทา’’ติ.

จตฺตาโร อนฺตานนฺติกาติ เอตฺถ อมติ คจฺฉติ เอตฺถ โวสานนฺติ อนฺโต, มริยาทา. ตปฺปฏิเสเธน อนนฺโต. อนฺโต จ อนนฺโต จ อนฺตานนฺโต สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสเสน วา ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; อุทา. ๑) วิย. อนฺตานนฺตสหจริโต วาโท อนฺตานนฺโต ยถา ‘‘กุนฺตา จรนฺตี’’ติ. อนฺตานนฺตสนฺนิสฺสโย วา ยถา ‘‘มฺจา โฆสนฺตี’’ติ. โส เอเตสํ อตฺถีติ อนฺตานนฺติกา. ‘‘อนฺตวา อตฺตา จ โลโก จ, อนนฺตวา อตฺตา จ โลโก จ, อนฺตวา จ อนนฺตวา จ อตฺตา จ โลโก จ, เนวนฺตวา นานนฺตวา’’ติ เอวํ ปวตฺตวาทา จตฺตาโร. อวฑฺฒิตกสิณสฺส ตํ กสิณํ อตฺตาติ จ โลโกติ จ คณฺหนฺตสฺส วเสน ปโม วุตฺโต, ทุติโย วฑฺฒิตกสิณสฺส วเสน วุตฺโต, ตติโย ติริยํ วฑฺเฒตฺวา อุทฺธมโธ อวฑฺฒิตกสิณสฺส, จตุตฺโถ ตกฺกิวเสน วุตฺโต. เอตฺถ จ ยุตฺตํ ตาว ปุริมานํ ติณฺณํ วาทานํ อนฺตฺจ อนนฺตฺจ อนฺตานนฺตฺจ อารพฺภ ปวตฺตวาทตฺตา อนฺตานนฺติกตฺตํ, ปจฺฉิมสฺส ปน ตทุภยนิเสธนวเสน ปวตฺตวาทตฺตา กถมนฺตานนฺติกตฺตนฺติ? ตทุภยปฺปฏิเสธนวเสน ปวตฺตวาทตฺตา เอว. อนฺตานนฺติกปฺปฏิเสธวาโทปิ หิ อนฺตานนฺตวิสโย เอว ตํ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา.

น มรตีติ อมรา. กา สา? ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๖๒) นเยน ปริยนฺตรหิตา ทิฏฺิคติกสฺส ทิฏฺิ เจว วาจา จ. วิวิโธ เขโปติ วิกฺเขโป, อมราย ทิฏฺิยา, วาจาย วา วิกฺเขโปติ อมราวิกฺเขโป, โส เอตสฺส อตฺถีติ อมราวิกฺเขปิโก. อถ วา อมรา นาม มจฺฉชาติ, สา อุมฺมุชฺชนาทิวเสน อุทเก สนฺธาวมานา คาหํ น คจฺฉติ, เอวเมวํ อยมฺปิ วาโท อิโต จิโต จ สนฺธาวติ, คาหํ น อุปคจฺฉตีติ อมราวิกฺเขโปติ วุจฺจติ, โส เอเตสํ อตฺถีติ อมราวิกฺเขปิกา. สฺวายํ วาโท มุสาวาทานุโยคฉนฺทราคภยโมหภาวเหตุกตาย จตุธา ปวตฺโตติ อาห ‘‘จตฺตาโร อมราวิกฺเขปิกา’’ติ.

อธิจฺจ ยถิจฺฉกํ ยํ กิฺจิ การณํ กสฺสจิ พุทฺธิปุพฺพํ วา วินา สมุปฺปนฺโนติ อตฺตโลกสฺิตานํ ขนฺธานํ อธิจฺจ ปวตฺติอาการารมฺมณํ ทสฺสนํ ตทาการสนฺนิสฺสเยน ปวตฺติโต ตทาการสหจริตตาย จ ‘‘อธิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ วุจฺจติ ยถา ‘‘มฺจา โฆสนฺติ’’, ‘‘กุนฺตา จรนฺตี’’ติ จ. ตํ เอเตสํ อตฺถีติ อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา. ลาภิวเสน ตกฺกิวเสน จ ‘‘ทฺเว อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา’’ติ วุตฺตํ.

สฺีติ ปวตฺโต วาโท สฺิวาโท, โส เอเตสํ อตฺถีติ สฺิวาทา. รูปิจตุกฺกํ เอกนฺตสุขจตุกฺกนฺติ อิเมสํ จตุนฺนํ จตุกฺกานํ วเสน โสฬส สฺิวาทา. อิเมสุเยว ปุริมานํ ทฺวินฺนํ จตุกฺกานํ วเสน อฏฺ สฺิวาทา, อฏฺ เนวสฺินาสฺิวาทา เวทิตพฺพา. เกวลฺหิ ตตฺถ ‘‘สฺี อตฺตา’’ติ คณฺหนฺตานํ ตา ทิฏฺิโย, อิธ อสฺีติ จ เนวสฺีนาสฺีติ จ.

สตฺต อุจฺเฉทวาทาติ มนุสฺสตฺตภาเว กามาวจรเทวตฺตภาเว รูปาวจรตฺตภาเว จตุพฺพิธารูปตฺตภาเว จ ตฺวา สตฺตสฺส อุจฺเฉทปฺาปนวเสน สตฺต อุจฺเฉทวาทา.

ปฺจ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทาติ ปฺจกามคุณอุปโภควเสน จตุพฺพิธรูปชฺฌานสุขปริโภควเสน จ ทิฏฺธมฺเม นิพฺพูติปฺาปนวาทา. ทิฏฺธมฺโมติ ปจฺจกฺขธมฺโม วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ ปฏิลทฺธตฺตภาวสฺเสตํ อธิวจนํ. ทิฏฺธมฺเม นิพฺพานํ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ, อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ทุกฺขวูปสมนฺติ อตฺโถ. ตํ วทนฺตีติ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทา.

ายติ กมติ ปฏิวิชฺฌตีติ าโย, โส เอว นิพฺพานสมฺปาปกเหตุตาย ธมฺโมติ อาห ‘‘ายสฺส ธมฺมสฺสา’’ติ. อิโต พหิทฺธา สมโณปิ นตฺถีติอาทีสุ กสฺมา ปเนเต อฺตฺถ นตฺถีติ? อกฺเขตฺตตาย. ยถา หิ น อารคฺเค สาสโป ติฏฺติ, น อุทกปิฏฺเ อคฺคิ ชลติ, น ปิฏฺิปาสาเณ พีชานิ วิรุหนฺติ, เอวเมวํ พาหิเรสุ ติตฺถายตเนสุ น อิเม สมณา อุปฺปชฺชนฺติ, อิมสฺมึเยว สาสเน อุปฺปชฺชนฺติ. กสฺมา? สุกฺเขตฺตตาย. สา ปน เนสํ อกฺเขตฺตตา สุกฺเขตฺตตา จ อริยมคฺคสฺส อภาวโต ภาวโต จ เวทิตพฺพา. เตนาห ภควา –

‘‘ยสฺมึ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค น อุปลพฺภติ, สมโณปิ ตตฺถ น อุปลพฺภติ, ทุติโยปิ ตตฺถ สมโณ น อุปลพฺภติ, ตติโยปิ ตตฺถ สมโณ น อุปลพฺภติ, จตุตฺโถปิ ตตฺถ สมโณ น อุปลพฺภติ. ยสฺมิฺจ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค อุปลพฺภติ, สมโณปิ ตตฺถ อุปลพฺภติ, ทุติโยปิ ตตฺถ… ตติโยปิ ตตฺถ… จตุตฺโถปิ ตตฺถ สมโณ อุปลพฺภติ. อิมสฺมึ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค อุปลพฺภติ. อิเธว, สุภทฺท, สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ, อิธ ตติโย สมโณ, อิธ จตุตฺโถ สมโณ, สุฺา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔).

อริยมคฺคสฺส จ อภาโว ภาโว จ สุปริสุทฺธสฺส สีลสฺส สุปริสุทฺธาย สมถวิปสฺสนาภาวนาย อภาวโต ภาวโต จ เวทิตพฺโพ. ตทุภยฺจ ทุรกฺขาตสฺวากฺขาตภาวเหตุกํ . โส จ อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตตฺตา. ยสฺมา ติตฺถายตนํ อกฺเขตฺตํ, สาสนํ เขตฺตํ, ตสฺมา ยถา สุรตฺตหตฺถปาโท ภาสุรเกสรภาโร สีโห มิคราชา น สุสาเน วา สงฺการกูเฏ วา ปฏิวสติ, ติโยชนสหสฺสวิตฺถตํ ปน หิมวนฺตํ อชฺโฌคาเหตฺวา มณิคุหายเมว วสติ, ยถา จ ฉทฺทนฺโต นาคราชา น โคจริยหตฺถิกุลาทีสุ นวสุ กุเลสุ อุปฺปชฺชติ, ยถา จ วลาหโก อสฺสราชา น คทฺรภกุเล วา โฆฏกกุเล วา อุปฺปชฺชติ, สินฺธุตีเร ปน สินฺธวกุเลเยว อุปฺปชฺชติ, ยถา จ สพฺพกามททํ มโนหรํ มณิรตนํ น สงฺการกูเฏ วา ปํสุปพฺพตาทีสุ วา อุปฺปชฺชติ, วิปุลปพฺพตพฺภนฺตเรเยว อุปฺปชฺชติ, ยถา จ ติมิรปิงฺคโล มจฺฉราชา น ขุทฺทกโปกฺขรณีสุ อุปฺปชฺชติ, จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีเร มหาสมุทฺเทเยว อุปฺปชฺชติ, ยถา จ ทิยฑฺฒโยชนสติโก สุปณฺณราชา น คามทฺวาเร เอรณฺฑวนาทีสุ ปฏิวสติ, มหาสมุทฺทํ ปน อชฺโฌคาเหตฺวา สิมฺพลิทหวเนเยว ปฏิวสติ, ยถา จ ธตรฏฺโ สุวณฺณหํโส น คามทฺวาเร อาวาฏกาทีสุ ปฏิวสติ, นวุติหํสสหสฺสปริวาโร ปน หุตฺวา จิตฺตกูเฏเยว ปฏิวสติ, ยถา จ จตุทฺทีปิสฺสโร จกฺกวตฺติราชา น นีจกุเล อุปฺปชฺชติ, อสมฺภินฺนชาติยขตฺติยกุเลเยว ปน อุปฺปชฺชติ, เอวเมวํ อิเมสุ สมเณสุ เอกสมโณปิ น อฺตฺถ ติตฺถายตเน อุปฺปชฺชติ, อริยมคฺคปริกฺขเต ปน พุทฺธสาสเนเยว อุปฺปชฺชติ. เตนาห ภควา – ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ…เป… สุฺา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙-๑๔๐; อ. นิ. ๔.๒๔๑). เอกาทสเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

สมณสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

กมฺมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.