📜
๒. สารณียวคฺโค
๑. ปมสารณียสุตฺตวณฺณนา
๑๑. ทุติยสฺส ¶ ปเม สารณียาติ สริตพฺพยุตฺตกา. เมตฺตํ กายกมฺมนฺติ เมตฺเตน จิตฺเตน กาตพฺพํ กายกมฺมํ. วจีกมฺมมโนกมฺเมสุปิ เอเสว นโย. อิมานิ จ ปน ภิกฺขูนํ วเสน อาคตานิ, คิหีสุปิ ลพฺภนฺติ. ภิกฺขูนฺหิ เมตฺเตน จิตฺเตน อาภิสมาจาริกธมฺมปูรณํ เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. คิหีนํ เจติยวนฺทนตฺถาย โพธิวนฺทนตฺถาย สงฺฆนิมนฺตนตฺถาย คมนํ, คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺเ ภิกฺขู ทิสฺวา ปจฺจุคฺคมนํ, ปตฺตปฏิคฺคหณํ, อาสนปฺาปนํ, อนุคมนนฺติ เอวมาทิกํ เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม.
ภิกฺขูนํ เมตฺเตน จิตฺเตน อาจารปณฺณตฺติสิกฺขาปนํ, กมฺมฏฺานกถนํ, ธมฺมเทสนา, เตปิฏกมฺปิ พุทฺธวจนํ เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. คิหีนํ ‘‘เจติยวนฺทนาย คจฺฉาม, โพธิวนฺทนาย คจฺฉาม, ธมฺมสฺสวนํ กริสฺสาม, ทีปมาลาปุปฺผปูชํ กริสฺสาม, ตีณิ สุจริตานิ สมาทาย วตฺติสฺสาม, สลากภตฺตาทีนิ ทสฺสาม, วสฺสาวาสิกํ ทสฺสาม, อชฺช สงฺฆสฺส จตฺตาโร ปจฺจเย ทสฺสาม, สงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ขาทนียาทีนิ สํวิทหถ, อาสนานิ ปฺาเปถ, ปานียํ อุปฏฺาเปถ, สงฺฆํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ¶ อาเนถ, ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา อุสฺสาหชาตา เวยฺยาวจฺจํ กโรถา’’ติอาทิวจนกาเล เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม.
ภิกฺขูนํ ปาโตว อุฏฺาย สรีรปฏิชคฺคนํ เจติยงฺคณวตฺตาทีนิ จ กตฺวา วิวิตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร ภิกฺขู สุขี โหนฺตุ อเวรา อพฺยาปชฺฌา’’ติ ¶ จินฺตนํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม. คิหีนํ ‘‘อยฺยา สุขี โหนฺตุ อเวรา อพฺยาปชฺฌา’’ติ จินฺตนํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม.
อาวิ เจว รโห จาติ สมฺมุขา จ ปรมฺมุขา จ. ตตฺถ นวกานํ จีวรกมฺมาทีสุ สหายภาวคมนํ สมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม, เถรานํ ปน ปาทโธวนทานาทิเภทํ สพฺพมฺปิ สามีจิกมฺมํ สมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. อุภเยหิปิ ทุนฺนิกฺขิตฺตานํ ทารุภณฺฑาทีนํ เตสุ อวฺํ ¶ อกตฺวา อตฺตนา ทุนฺนิกฺขิตฺตานํ วิย ปฏิสามนํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. ‘‘เทวตฺเถโร ติสฺสตฺเถโร’’ติ เอวํ ปคฺคยฺห วจนํ สมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. วิหาเร อสนฺตํ ปน ปฏิปุจฺฉนฺตสฺส ‘‘กหํ อมฺหากํ เทวตฺเถโร, กหํ อมฺหากํ ติสฺสตฺเถโร, กทา นุ โข อาคมิสฺสตี’’ติ เอวํ มมายนวจนํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. เมตฺตาสิเนหสินิทฺธานิ ปน นยนานิ อุมฺมีเลตฺวา ปสนฺเนน มุเขน โอโลกนํ สมฺมุขา เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม. ‘‘เทวตฺเถโร ติสฺสตฺเถโร อโรโค โหตุ อปฺปาพาโธ’’ติ สมนฺนาหรณํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม.
ลาภาติ จีวราทโย ลทฺธปจฺจยา. ธมฺมิกาติ ¶ กุหนาทิเภทํ มิจฺฉาชีวํ วชฺเชตฺวา ธมฺเมน สเมน ภิกฺขาจริยวตฺเตน อุปฺปนฺนา. อนฺตมโส ปตฺตปริยาปนฺนมตฺตมฺปีติ ปจฺฉิมโกฏิยา ปตฺตปริยาปนฺนํ ปตฺตสฺส อนฺโตคตํ ทฺวตฺติกฏจฺฉุภิกฺขามตฺตมฺปิ. อปฺปฏิวิภตฺตโภคีติ เอตฺถ ทฺเว ปฏิวิภตฺตานิ นาม อามิสปฏิวิภตฺตํ ปน ปุคฺคลปฏิวิภตฺตฺจ. ตตฺถ ‘‘เอตฺตกํ ทสฺสามิ, เอตฺตกํ น ทสฺสามี’’ติ เอวํ จิตฺเตน ปฏิวิภชนํ อามิสปฏิวิภตฺตํ นาม. ‘‘อสุกสฺส ทสฺสามิ, อสุกสฺส น ทสฺสามี’’ติ เอวํ จิตฺเตน วิภชนํ ปน ปุคฺคลปฏิวิภตฺตํ นาม. ตทุภยมฺปิ อกตฺวา โย อปฺปฏิวิภตฺตํ ภฺุชติ, อยํ อปฺปฏิวิภตฺตโภคี นาม. สีลวนฺเตหิ สพฺรหฺมจารีหิ สาธารณโภคีติ เอตฺถ สาธารณโภคิโน อิทํ ลกฺขณํ – ยํ ยํ ปณีตํ ลภติ, ตํ ตํ เนว ลาเภนลาภํ-นิชิคีสนตามุเขน คิหีนํ เทติ, น อตฺตนา ปริภฺุชติ, ปฏิคฺคณฺหนฺโต จ ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตู’’ติ คเหตฺวา ฆณฺฏึ ปหริตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ สงฺฆสนฺตกํ วิย ปสฺสติ.
อิมํ ปน สารณียธมฺมํ โก ปูเรติ, โก น ปูเรติ? ทุสฺสีโล ตาว น ปูเรติ. น หิ ตสฺส สนฺตกํ สีลวนฺตา คณฺหนฺติ. ปริสุทฺธสีโล ปน ¶ วตฺตํ อขณฺเฑนฺโต ปูเรติ. ตตฺริทํ วตฺตํ – โย หิ โอทิสฺสกํ กตฺวา มาตุ วา ปิตุ วา อาจริยุปชฺฌายาทีนํ วา เทติ, โส ทาตพฺพํ เทติ. สารณียธมฺโม ปนสฺส น โหติ, ปลิโพธชคฺคนํ นาม โหติ. สารณียธมฺโม หิ มุตฺตปลิโพธสฺส วฏฺฏติ. เตน ปน โอทิสฺสกํ ¶ เทนฺเตน คิลานคิลานุปฏฺากอาคนฺตุกคมิกานฺเจว นวปพฺพชิตสฺส จ สงฺฆาฏิปตฺตคฺคหณํ อชานนฺตสฺส ทาตพฺพํ. เอเตสํ ทตฺวา อวเสสํ เถราสนโต ปฏฺาย โถกํ โถกํ อทตฺวา โย ยตฺตกํ คณฺหาติ, ตสฺส ตตฺตกํ ทาตพฺพํ. อวสิฏฺเ ¶ อสติ ปุน ปิณฺฑาย จริตฺวา เถราสนโต ปฏฺาย ยํ ยํ ปณีตํ, ตํ ตํ ทตฺวา เสสํ ภฺุชิตพฺพํ. ‘‘สีลวนฺเตหี’’ติ วจนโต ทุสฺสีลสฺส อทาตุมฺปิ วฏฺฏติ.
อยํ ปน สารณียธมฺโม สุสิกฺขิตาย ปริสาย สุปูโร โหติ, สุสิกฺขิตาย หิ ปริสาย โย อฺโต ลภติ, โส น คณฺหาติ. อฺโต อลภนฺโตปิ ปมาณยุตฺตเมว คณฺหติ, น อติเรกํ. อยํ ปน สารณียธมฺโม เอวํ ปุนปฺปุนํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธํ ลทฺธํ เทนฺตสฺสาปิ ทฺวาทสหิ วสฺเสหิ ปูเรติ, น ตโต โอรํ. สเจ หิ ทฺวาทสเม วสฺเส สารณียธมฺมปูรโก ปิณฺฑปาตปูรํ ปตฺตํ อาสนสาลายํ เปตฺวา นฺหายิตุํ คจฺฉติ, สงฺฆตฺเถโร จ ‘‘กสฺเสโส ปตฺโต’’ติ วตฺวา ‘‘สารณียธมฺมปูรกสฺสา’’ติ วุตฺเต ‘‘อาหรถ น’’นฺติ สพฺพํ ปิณฺฑปาตํ วิจาเรตฺวาว ภฺุชิตฺวา ริตฺตปตฺตํ เปติ. อถ โข โส ภิกฺขุ ริตฺตปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยฺหํ อเสเสตฺวาว ปริภฺุชึสู’’ติ โทมนสฺสํ อุปฺปาเทติ, สารณียธมฺโม ภิชฺชติ, ปุน ทฺวาทส วสฺสานิ ปูเรตพฺโพ โหติ. ติตฺถิยปริวาสสทิโส เหส, สกึ ขณฺเฑ ชาเต ปุน ปูเรตพฺโพว. โย ปน ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม ปตฺตคตํ อนาปุจฺฉาว สพฺรหฺมจารี ปริภฺุชนฺตี’’ติ โสมนสฺสํ ชเนติ, ตสฺส ปุณฺโณ นาม โหติ.
เอวํ ปูริตสารณียธมฺมสฺส ปน เนว อิสฺสา น มจฺฉริยํ โหติ, มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, อมนุสฺสานํ ¶ ปิโย โหติ, สุลภปจฺจโย. ปตฺตคตมสฺส ทิยฺยมานมฺปิ น ขียติ, ภาชนียภณฺฑฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ลภติ, ภเย วา ฉาตเก วา ปตฺเต เทวตา อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺติ.
ตตฺริมานิ ¶ วตฺถูนิ – เสนคิริวาสี ติสฺสตฺเถโร กิร มหาคิริคามํ อุปนิสฺสาย วสติ, ปฺาส มหาเถรา นาคทีปํ เจติยวนฺทนตฺถาย คจฺฉนฺตา คิริคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิฺจิ อลทฺธา นิกฺขมึสุ. เถโร ปวิสนฺโต เต ทิสฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ลทฺธํ, ภนฺเต’’ติ? วิจริมฺหา, อาวุโสติ. โส อลทฺธภาวํ ตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, ยาวาหํ อาคจฺฉามิ, ตาว อิเธว โหถา’’ติ. มยํ, อาวุโส, ปฺาส ชนา ปตฺตเตมนมตฺตมฺปิ น ลภิมฺหาติ. ภนฺเต, เนวาสิกา นาม ปฏิพลา โหนฺติ, อลภนฺตาปิ ภิกฺขาจารมคฺคสภาคํ ชานนฺตีติ. เถรา อาคเมสุํ. เถโร คามํ ปาวิสิ. ธุรเคเหเยว มหาอุปาสิกา ขีรภตฺตํ สชฺเชตฺวา เถรํ โอโลกยมานา ิตา เถรสฺส ทฺวารํ สมฺปตฺตสฺเสว ปตฺตํ ปูเรตฺวา อทาสิ. โส ตํ อาทาย เถรานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘คณฺหถ ¶ , ภนฺเต’’ติ สงฺฆตฺเถรํ อาห. เถโร ‘‘อมฺเหหิ เอตฺตเกหิ กิฺจิ น ลทฺธํ, อยํ สีฆเมว คเหตฺวา อาคโต, กึ นุ โข’’ติ เสสานํ มุขํ โอโลเกสิ. เถโร โอโลกนากาเรเนว ตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ธมฺเมน สเมน ลทฺโธ, นิกฺกุกฺกุจฺจา คณฺหถา’’ติ อาทิโต ปฏฺาย สพฺเพสํ ยาวทตฺถํ ทตฺวา อตฺตนาปิ ยาวทตฺถํ ภฺุชิ.
อถ นํ ภตฺตกิจฺจาวสาเน เถรา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กทา, อาวุโส, โลกุตฺตรธมฺมํ ปฏิวิชฺฌี’’ติ? นตฺถิ เม, ภนฺเต, โลกุตฺตรธมฺโมติ. ฌานลาภีสิ, อาวุโสติ. เอตมฺปิ, ภนฺเต, นตฺถีติ? นนุ, อาวุโส, ปาฏิหาริยนฺติ. สารณียธมฺโม เม, ภนฺเต, ปูริโต, ตสฺส ¶ เม ปูริตกาลโต ปฏฺาย สเจปิ ภิกฺขุสตสหสฺสํ โหติ, ปตฺตคตํ น ขียตีติ. สาธุ สาธุ, สปฺปุริส, อนุจฺฉวิกมิทํ ตุยฺหนฺติ. อิทํ ตาว ปตฺตคตํ น ขียตีติ เอตฺถ วตฺถุ.
อยเมว ปน เถโร เจติยปพฺพเต คิริภณฺฑมหาปูชาย ทานฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘อิมสฺมึ ทาเน กึ วรภณฺฑ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ทฺเว สาฏกา, ภนฺเตติ. เอเต มยฺหํ ปาปุณิสฺสนฺตีติ? ตํ สุตฺวา อมจฺโจ รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘เอโก ทหโร เอวํ วทตี’’ติ. ‘‘ทหรสฺส เอวํ จิตฺตํ, มหาเถรานํ ปน สุขุมสาฏกา ¶ วฏฺฏนฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘มหาเถรานํ ทสฺสามี’’ติ เปสิ. ตสฺส ภิกฺขุสงฺเฆ ปฏิปาฏิยา ิเต เทนฺตสฺส มตฺถเก ปิตาปิ เต สาฏกา หตฺถํ นาโรหนฺติ, อฺเว อาโรหนฺติ. ทหรสฺส ทานกาเล ปน หตฺถํ อารุฬฺหา. โส ตสฺส หตฺเถ เปตฺวา อมจฺจสฺส มุขํ โอโลเกตฺวา ทหรํ นิสีทาเปตฺวา ทานํ ทตฺวา สงฺฆํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทหรสฺส สนฺติเก นิสีทิตฺวา ‘‘กทา, ภนฺเต, อิมํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตฺถา’’ติ อาห. โส ปริยาเยนปิ อสนฺตํ อวทนฺโต ‘‘นตฺถิ มยฺหํ, มหาราช, โลกุตฺตรธมฺโม’’ติ อาห. นนุ, ภนฺเต, ปุพฺเพว อวจุตฺถาติ. อาม, มหาราช, สารณียธมฺมปูรโก อหํ, ตสฺส เม ธมฺมสฺส ปูริตกาลโต ปฏฺาย ภาชนียภณฺฑฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ปาปุณาตีติ. ‘‘สาธุ สาธุ, ภนฺเต, อนุจฺฉวิกมิทํ ตุมฺหาก’’นฺติ วตฺวา ปกฺกามิ. อิทํ ภาชนียภณฺฑฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ปาปุณาตีติ เอตฺถ วตฺถุ.
พฺราหฺมณติสฺสภเย ปน ภาตรคามวาสิโน นาคตฺเถริยา อนาโรเจตฺวาว ปลายึสุ. เถรี ปจฺจูสสมเย ‘‘อติวิย ¶ อปฺปนิคฺโฆโส คาโม, อุปธาเรถ ตาวา’’ติ ทหรภิกฺขุนิโย อาห. ตา คนฺตฺวา สพฺเพสํ คตภาวํ ตฺวา อาคมฺม เถริยา อาโรเจสุํ. สา สุตฺวา ‘‘มา ตุมฺเห เตสํ คตภาวํ จินฺตยิตฺถ, อตฺตโน อุทฺเทสปริปุจฺฉาโยนิโสมนสิกาเรสุเยว โยคํ กโรถา’’ติ วตฺวา ภิกฺขาจารเวลายํ ¶ ปารุปิตฺวา อตฺตทฺวาทสมา คามทฺวาเร นิคฺโรธรุกฺขมูเล อฏฺาสิ. รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา ทฺวาทสนฺนมฺปิ ภิกฺขุนีนํ ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา, ‘‘อยฺเย, อฺตฺถ มา คจฺฉถ, นิจฺจํ อิเธว อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ อาห. เถริยา ปน กนิฏฺภาตา นาคตฺเถโร นาม อตฺถิ. โส ‘‘มหนฺตํ ภยํ, น สกฺกา ยาเปตุํ, ปรตีรํ คมิสฺสามี’’ติ อตฺตทฺวาทสโมว อตฺตโน วสนฏฺานา นิกฺขนฺโต ‘‘เถรึ ทิสฺวา คมิสฺสามี’’ติ ภาตรคามํ อาคโต. เถรี ‘‘เถรา อาคตา’’ติ สุตฺวา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ อยฺยา’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สา ‘‘อชฺช เอกทิวสํ วิหาเรว วสิตฺวา สฺเว คมิสฺสถา’’ติ อาห. เถรา วิหารํ อคมึสุ.
เถรี ปุนทิวเส รุกฺขมูเล ปิณฺฑาย จริตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชถา’’ติ อาห. เถโร ‘‘วฏฺฏิสฺสติ เถรี’’ติ วตฺวา ตุณฺหี อฏฺาสิ. ธมฺมิโก, ตาต, ปิณฺฑปาโต, กุกฺกุจฺจํ อกตฺวา ปริภฺุชถาติ ¶ . วฏฺฏิสฺสติ เถรีติ? สา ปตฺตํ คเหตฺวา อากาเส ขิปิ, ปตฺโต อากาเส อฏฺาสิ. เถโร ‘‘สตฺตตาลมตฺเต ิตมฺปิ ภิกฺขุนีภตฺตเมว เถรี’’ติ วตฺวา ‘‘ภยํ นาม สพฺพกาลํ น โหติ, ภเย วูปสนฺเต อริยวํสํ กถยมาโน, ‘โภ ปิณฺฑปาติก, ภิกฺขุนีภตฺตํ ภฺุชิตฺวา วีตินามยิตฺถา’ติ จิตฺเตน อนุวทิยมาโน สนฺถมฺภิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อปฺปมตฺตา โหถ ¶ เถริโย’’ติ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
รุกฺขเทวตาปิ ‘‘สเจ เถโร เถริยา หตฺถโต ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิสฺสติ, น ตํ นิวตฺเตสฺสามิ. สเจ น ปริภฺุชิสฺสติ, นิวตฺเตสฺสามี’’ติ จินฺตยมานา ตฺวา เถรสฺส คมนํ ทิสฺวา รุกฺขา โอรุยฺห ‘‘ปตฺตํ, ภนฺเต, เทถา’’ติ วตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา เถรํ รุกฺขมูลํเยว อาเนตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ ปฏิฺํ กาเรตฺวา ทฺวาทส ภิกฺขุนิโย ทฺวาทส จ ภิกฺขู สตฺต วสฺสานิ อุปฏฺหิ. อิทํ เทวตา อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺตีติ เอตฺถ วตฺถุ. ตตฺร หิ เถรี สารณียธมฺมปูริกา อโหสิ.
อขณฺฑานีติอาทีสุ ยสฺส สตฺตสุ อาปตฺติกฺขนฺเธสุ อาทิมฺหิ วา อนฺเต วา สิกฺขาปทํ ภินฺนํ โหติ, ตสฺส สีลํ ปริยนฺเต ฉินฺนสาฏโก วิย ขณฺฑํ นาม. ยสฺส ปน เวมชฺเฌ ภินฺนํ, ตสฺส ฉิทฺทสาฏโก วิย ฉิทฺทํ นาม โหติ. ยสฺส ปฏิปาฏิยา ทฺเว ตีณิ ภินฺนานิ, ตสฺส ปิฏฺิยํ วา กุจฺฉิยํ วา อุฏฺิเตน วิสภาควณฺเณน กาฬรตฺตาทีนํ อฺตรวณฺณา คาวี วิย สพลํ ¶ นาม โหติ. ยสฺส อนฺตรนฺตรา ภินฺนานิ, ตสฺส อนฺตรนฺตรา วิสภาคพินฺทุวิจิตฺรา คาวี วิย กมฺมาสํ นาม โหติ. ยสฺส ปน สพฺเพน สพฺพํ อภินฺนานิ, ตสฺส ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ นาม โหนฺติ. ตานิ ปเนตานิ ตณฺหาทาสพฺยโต โมเจตฺวา ภุชิสฺสภาวกรณโต ภุชิสฺสานิ, พุทฺธาทีหิ วิฺูหิ ปสตฺถตฺตา วิฺุปฺปสตฺถานิ, ตณฺหาทิฏฺีหิ อปรามฏฺตฺตา ‘‘อิทํ นาม ตฺวํ อาปนฺนปุพฺโพ’’ติ เกนจิ ปรามฏฺุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา จ อปรามฏฺานิ, อุปจารสมาธึ อปฺปนาสมาธึ วา สํวตฺตยนฺตีติ สมาธิสํวตฺตนิกานีติ วุจฺจนฺติ.
สีลสามฺคโต ¶ ¶ วิหรตีติ เตสุ เตสุ ทิสาภาเคสุ วิหรนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สมานภาวูปคตสีโล วิหรติ. โสตาปนฺนาทีนฺหิ สีลํ สมุทฺทนฺตเรปิ เทวโลเกปิ วสนฺตานํ อฺเสํ โสตาปนฺนาทีนํ สีเลน สมานเมว โหติ, นตฺถิ มคฺคสีเล นานตฺตํ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
ยายํ ทิฏฺีติ มคฺคสมฺปยุตฺตา สมฺมาทิฏฺิ. อริยาติ นิทฺโทสา. นิยฺยาตีติ นิยฺยานิกา. ตกฺกรสฺสาติ โย ตถาการี โหติ. ทุกฺขกฺขยายาติ สพฺพทุกฺขกฺขยตฺถํ. ทิฏฺิสามฺคโตติ สมานทิฏฺิภาวํ อุปคโต หุตฺวา วิหรตีติ.
๒. ทุติยสารณียสุตฺตวณฺณนา
๑๒. ทุติเย โย เต ธมฺเม ปูเรติ, ตํ สพฺรหฺมจารีนํ ปิยํ กโรนฺตีติ ปิยกรณา. ครุํ กโรนฺตีติ ครุกรณา. สงฺคหายาติ สงฺคณฺหนตฺถาย. อวิวาทายาติ อวิวทนตฺถาย. สามคฺคิยาติ สมคฺคภาวตฺถาย. เอกีภาวายาติ เอกภาวตฺถาย นินฺนานากรณาย. สํวตฺตนฺตีติ วตฺตนฺติ ปวตฺตนฺติ.
๓. นิสฺสารณียสุตฺตวณฺณนา
๑๓. ตติเย นิสฺสารณียา ธาตุโยติ นิสฺสรณธาตุโยว. เมตฺตา หิ โข เม เจโตวิมุตฺตีติ เอตฺถ ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุตฺตตฺตา ติกจตุกฺกชฺฌานิกา เมตฺตาว เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ นาม ¶ . ภาวิตาติ วฑฺฒิตา. พหุลีกตาติ ปุนปฺปุนํ กตา. ยานีกตาติ ยุตฺตยานสทิสา กตา. วตฺถุกตาติ ¶ ปติฏฺา กตา. อนุฏฺิตาติ อธิฏฺิตา. ปริจิตาติ สมนฺตโต จิตา อาจิตา อุปจิตา. สุสมารทฺธาติ สุปฺปคุณกรเณน สุฏฺุ สมารทฺธา. ปริยาทาย ติฏฺตีติ ปริยาทิยิตฺวา คเหตฺวา ติฏฺติ. มา เหวนฺติสฺส วจนีโยติ ยสฺมา อภูตพฺยากรณํ พฺยากโรติ, ตสฺมา ‘‘มา เอวํ ภณี’’ติ วตฺตพฺโพ. ยทิทํ เมตฺตาเจโตวิมุตฺตีติ ยา อยํ เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ, อิทํ นิสฺสรณํ พฺยาปาทสฺส, พฺยาปาทโต นิสฺสฏาติ อตฺโถ. โย ปน เมตฺตาย ติกจตุกฺกชฺฌานโต วุฏฺิโต สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา ตติยมคฺคํ ปตฺวา ‘‘ปุน ¶ พฺยาปาโท นตฺถี’’ติ ตติยผเลน นิพฺพานํ ปสฺสติ, ตสฺส จิตฺตํ อจฺจนฺตนิสฺสรณํ พฺยาปาทสฺส. เอเตนุปาเยน สพฺพตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อนิมิตฺตาเจโตวิมุตฺตีติ พลววิปสฺสนา. ทีฆภาณกา ปน อรหตฺตผลสมาปตฺตีติ วทนฺติ. สา หิ ราคนิมิตฺตาทีนฺเจว รูปนิมิตฺตาทีนฺจ นิจฺจนิมิตฺตาทีนฺจ อภาวา อนิมิตฺตาติ วุตฺตา. นิมิตฺตานุสารีติ วุตฺตปฺปเภทํ นิมิตฺตํ อนุสรณสภาวํ.
อสฺมีติ อสฺมิมาโน. อยมหมสฺมีติ ปฺจสุ ขนฺเธสุ อยํ นาม อหํ อสฺมีติ. เอตฺตาวตา อรหตฺตํ พฺยากตํ โหติ. วิจิกิจฺฉากถํกถาสลฺลนฺติ วิจิกิจฺฉาภูตํ กถํกถาสลฺลํ. มา เหวนฺติสฺส วจนีโยติ สเจ เต ปมมคฺควชฺฌา วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, อรหตฺตพฺยากรณํ มิจฺฉา โหติ, ตสฺมา ‘‘มา อภูตํ คณฺหี’’ติ วาเรตพฺโพ. อสฺมีติ ¶ มานสมุคฺฆาโตติ อรหตฺตมคฺโค. อรหตฺตมคฺคผลวเสน หิ นิพฺพาเน ทิฏฺเ ปุน อสฺมิมาโน นตฺถีติ อรหตฺตมคฺโค ‘‘อสฺมีติ มานสมุคฺฆาโต’’ติ วุตฺโต. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต อภูตพฺยากรณํ นาม กถิตํ.
๔. ภทฺทกสุตฺตวณฺณนา
๑๔. จตุตฺเถ น ภทฺทกนฺติ น ลทฺธกํ. ตตฺถ โย หิ ภีตภีโต มรติ, ตสฺส น ภทฺทกํ มรณํ โหติ. โย อปาเย ปฏิสนฺธึ คณฺหาติ, ตสฺส น ภทฺทิกา กาลกิริยา โหติ. กมฺมาราโมติอาทีสุ อารมณํ อาราโม, อภิรตีติ อตฺโถ. วิหารกรณาทิมฺหิ นวกมฺเม อาราโม อสฺสาติ กมฺมาราโม. ตสฺมึเยว กมฺเม รโตติ กมฺมรโต. ตเทว กมฺมารามตํ ปุนปฺปุนํ ยุตฺโตติ ¶ อนุยุตฺโต. เอส นโย สพฺพตฺถ. เอตฺถ จ ภสฺสนฺติ อาลาปสลฺลาโป. นิทฺทาติ โสปฺปํ. สงฺคณิกาติ คณสงฺคณิกา. สา ‘‘เอกสฺส ทุติโย โหติ, ทฺวินฺนํ โหติ ตติยโก’’ติอาทินา นเยน เวทิตพฺพา. สํสคฺโคติ ทสฺสนสวนสมุลฺลาปสมฺโภคกายสํสคฺควเสน ปวตฺโต สํสฏฺภาโว. ปปฺโจติ ตณฺหาทิฏฺิมานวเสน ปวตฺโต มทนาการสณฺิโต กิเลสปปฺโจ. สกฺกายนฺติ เตภูมกวฏฺฏํ. สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายาติ เหตุนา นเยน สกลวฏฺฏทุกฺขสฺส ปริวฏุมปริจฺเฉทกรณตฺถํ. มโคติ มคสทิโส. นิปฺปปฺจปเทติ นิพฺพานปเท. อาราธยีติ ปริปูรยิ ตํ สมฺปาเทสีติ.
๕. อนุตปฺปิยสุตฺตวณฺณนา
๑๕. ปฺจเม ¶ ¶ อนุตปฺปาติ อนุโสจิตพฺพา อนุตาปการี. อิเมสุ ทฺวีสุปิ สุตฺเตสุ คาถาสุ จ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตํ.
๖. นกุลปิตุสุตฺตวณฺณนา
๑๖. ฉฏฺเ พาฬฺหคิลาโนติ อธิมตฺตคิลาโน. เอตทโวจาติ สามิกสฺส เภสชฺชํ กตฺวา พฺยาธึ วูปสเมตุํ อสกฺโกนฺตี อิทานิ สีหนาทํ นทิตฺวา สจฺจกิริยาย พฺยาธึ วูปสเมตุํ สนฺติเก นิสีทิตฺวา เอตํ ‘‘มา โข ตฺว’’นฺติอาทิวจนํ อโวจ. สาเปกฺโขติ สตณฺโห. น นกุลมาตาติ เอตฺถ น-กาโร น สกฺขตีติ เอวํ ปรปเทน โยเชตพฺโพ. สนฺถริตุนฺติ นิจฺฉิทฺทํ กาตุํ, สณฺเปตุนฺติ อตฺโถ. เวณึ โอลิขิตุนฺติ เอฬกโลมานิ กปฺเปตฺวา วิชเฏตฺวา เวณึ กาตุํ.
อฺํ ฆรํ คมิสฺสตีติ อฺํ สามิกํ คณฺหิสฺสติ. โสฬส วสฺสานิ คหฏฺกํ พฺรหฺมจริยํ สมาจิณฺณนฺติ อิโต โสฬสวสฺสมตฺถเก คหฏฺพฺรหฺมจริยวาโส สมาจิณฺโณ. ทสฺสนกามตราติ อติเรเกน ทสฺสนกามา. อิเมหิ ตีหิ องฺเคหิ สีหนาทํ นทิตฺวา ‘‘อิมินา สจฺเจน ตว สรีเร พฺยาธิ ผาสุ โหตู’’ติ สจฺจกิริยํ อกาสิ.
อิทานิ ภควนฺตํ สกฺขึ กตฺวา อตฺตโน สีลาทิคุเณหิปิ สจฺจกิริยํ กาตุํ สิยา โข ¶ ปน เตติอาทิมาห. ตตฺถ ปริปูรการินีติ สมตฺตการินี. เจโตสมถสฺสาติ สมาธิกมฺมฏฺานสฺส. โอคาธปฺปตฺตาติ โอคาธํ อนุปฺปเวสํ ปตฺตา. ปติคาธปฺปตฺตาติ ¶ ปติคาธํ ปติฏฺํ ปตฺตา. อสฺสาสปฺปตฺตาติ อสฺสาสํ อวสฺสยํ ปตฺตา. เวสารชฺชปฺปตฺตาติ โสมนสฺสาณํ ปตฺตา. อปรปฺปจฺจยาติ ปรปฺปจฺจโย วุจฺจติ ปรสทฺธา ปรปตฺติยายนา, ตาย วิรหิตาติ อตฺโถ. อิเมหิ ตีหิ องฺเคหิ อตฺตโน คุเณ อารพฺภ สจฺจกิริยํ อกาสิ. คิลานา วุฏฺิโตติ คิลาโน หุตฺวา วุฏฺิโต. ยาวตาติ ยตฺติกาโย. ตาสํ อฺตราติ ตาสํ อนฺตเร เอกา. อนุกมฺปิกาติ หิตานุกมฺปิกา. โอวาทิกาติ โอวาททายิกา. อนุสาสิกาติ อนุสิฏฺิทายิกา.
๗. โสปฺปสุตฺตวณฺณนา
๑๗. สตฺตเม ¶ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโตติ เอกีภาวาย ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติโต ผลสมาปตฺติวิหารโต วุฏฺิโต. ยถาวิหารนฺติ อตฺตโน อตฺตโน วสนวิหารํ. นวาติ ปพฺพชฺชาย นวกา. เต ปฺจสตมตฺตา อเหสุํ. กากจฺฉมานาติ กากสทฺทํ กโรนฺตา ทนฺเต ขาทนฺตา. เถราติ ถิรภาวํ ปตฺตา. เตน โนติ เตน นุ. เสยฺยสุขาทีนิ เหฏฺา วุตฺตตฺถาเนว. รฏฺิโกติ โย รฏฺํ ภฺุชติ. เปตฺตณิโกติ โย ปิตรา ภุตฺตานุภุตฺตํ ภฺุชติ. เสนาปติโกติ เสนาย เชฏฺโก. คามคามณิโกติ คามโภชโก. ปูคคามณิโกติ คณเชฏฺโก. อวิปสฺสโก ¶ กุสลานํ ธมฺมานนฺติ กุสลานํ ธมฺมานํ อเนสโก อคเวสโก หุตฺวา. โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานนฺติ สตฺตตึสาย โพธิปกฺขิยธมฺมานํ.
๘. มจฺฉพนฺธสุตฺตวณฺณนา
๑๘. อฏฺเม มจฺฉิกนฺติ มจฺฉฆาตกํ. หตฺถินา ยาตีติ หตฺถิยายี. ปรโตปิ เอเสว นโย. วชฺเฌติ วธิตพฺเพ. วธายนีเตติ วธาย อุปนีเต. ปาปเกน มนสาติ ลามเกน วธกจิตฺเตน. ปาฬิยํ ปน วธายุปนีเตติ ลิขนฺติ. มาควิโกติ มิคฆาตโก. โก ปน วาโท มนุสฺสภูตนฺติ โย มนุสฺสภูตํ ปาปเกน มนสา อนุเปกฺขติ, ตสฺส สมฺปตฺติยา อภาเว กิเมว วตฺตพฺพํ. อิทํ ปาปกสฺส กมฺมุโน อนิฏฺผลภาวํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. เยสํ ปน ตาทิสํ กมฺมํ กโรนฺตานมฺปิ ยสปฏิลาโภ โหติ, เตสํ ตํ อกุสลํ นิสฺสาย กุสลํ วิปจฺจตีติ เวทิตพฺพํ ¶ . เตน ปนสฺส อกุสลกมฺเมน อุปหตตฺตา วิปาโก น จิรฏฺิติโก โหติ. อิมสฺมึ สุตฺเต อกุสลปกฺโขว กถิโต.
๙. ปมมรณสฺสติสุตฺตวณฺณนา
๑๙. นวเม นาติเกติ เอวํนามเก คาเม. คิฺชกาวสเถติ อิฏฺกามเย ปาสาเท. อมโตคธาติ นิพฺพาโนคธา, นิพฺพานปติฏฺาติ อตฺโถ. ภาเวถ โนติ ภาเวถ นุ. มรณสฺสตินฺติ มรณสฺสติกมฺมฏฺานํ. อโห วตาติ ปตฺถนตฺเถ นิปาโต. พหุํ ¶ วต เม กตํ อสฺสาติ ¶ ตุมฺหากํ สาสเน มม กิจฺจํ พหุ กตํ อสฺส. ตทนฺตรนฺติ ตํ อนฺตรํ ขณํ โอกาสํ. อสฺสสิตฺวา วา ปสฺสสามีติ เอตฺถ อสฺสาโส วุจฺจติ อนฺโต ปวิสนวาโต, ปสฺสาโส พหิ นิกฺขมนวาโต. อิติ อยํ ภิกฺขุ ยาว อนฺโต ปวิฏฺวาโต พหิ นิกฺขมติ, พหิ นิกฺขนฺโต วาโต อนฺโต ปวิสติ, ตาว ชีวิตํ ปตฺเถนฺโต เอวมาห. ทนฺธนฺติ มนฺทํ ครุกํ อสีฆปฺปวตฺตํ. อาสวานํ ขยายาติ อรหตฺตผลตฺถาย. อิมสฺมึ สุตฺเต มรณสฺสติ อรหตฺตํ ปาเปตฺวา กถิตาติ.
๑๐. ทุติยมรณสฺสติสุตฺตวณฺณนา
๒๐. ทสเม ปติคตายาติ ปฏิปนฺนาย. อิติ ปฏิสฺจิกฺขตีติ เอวํ ปจฺจเวกฺขติ. โส มมสฺส อนฺตราโยติ เอตฺถ ติวิโธ อนฺตราโย ชีวิตนฺตราโย, สมณธมฺมนฺตราโย, ปุถุชฺชนกาลกิริยํ กโรนฺตสฺส สคฺคนฺตราโย เจว มคฺคนฺตราโย จาติ. ตํ สพฺพมฺปิ สนฺธาเยวมาห. พฺยาปชฺเชยฺยาติ อชิณฺณกาทิวเสน วิปชฺเชยฺย. อธิมตฺโตติ พลวา. ฉนฺโทติ กตฺตุกมฺยตาฉนฺโท. วายาโมติ ปโยควีริยํ. อุสฺสาโหติ อุสฺสาปนวีริยํ. อุสฺโสฬฺหีติ สมฺปาทนวีริยํ. อปฺปฏิวานีติ อนุกฺกณฺนา อปฺปฏิสงฺฆรณา. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
สารณียวคฺโค ทุติโย.