📜

๓. วชฺชิสตฺตกวคฺโค

๑. สารนฺททสุตฺตวณฺณนา

๒๑. ตติยสฺส ปเม สารนฺทเท เจติเยติ เอวํนามเก วิหาเร. อนุปฺปนฺเน กิร ตถาคเต ตตฺถ สารนฺททสฺส ยกฺขสฺส นิวาสนฏฺานํ เจติยํ อโหสิ, อเถตฺถ ภควโต วิหารํ กาเรสุํ. โส สารนฺททเจติยํตฺเวว สงฺขํ คโต. ยาวกีวฺจาติ ยตฺตกํ กาลํ. อภิณฺหํ สนฺนิปาตาติ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ สนฺนิปตนฺตาปิ อนฺตรนฺตรา สนฺนิปตนฺตาปิ อภิณฺหํ สนฺนิปาตาว. สนฺนิปาตพหุลาติ ‘‘หิยฺโยปิ ปุริมทิวสมฺปิ สนฺนิปตมฺห, ปุน อชฺช กิมตฺถํ สนฺนิปตามา’’ติ โวสานมนาปชฺชเนน สนฺนิปาตพหุลา. วุทฺธิเยว ลิจฺฉวี วชฺชีนํ ปาฏิกงฺขา โน ปริหานีติ อภิณฺหํ อสนฺนิปตนฺตา หิ ทิสาสุ อาคตํ สาสนํ น สุณนฺติ, ตโต ‘‘อสุกคามสีมา วา นิคมสีมา วา อากุลา, อสุกฏฺาเน โจรา ปริยุฏฺิตา’’ติ น ชานนฺติ. โจราปิ ‘‘ปมตฺตา ราชาโน’’ติ ตฺวา คามนิคมาทีนิ ปหรนฺตา ชนปทํ นาเสนฺติ. เอวํ ราชูนํ ปริหานิ โหติ . อภิณฺหํ สนฺนิปตนฺตา ปน ตํ ปวตฺตึ สุณนฺติ, ตโต พลํ เปเสตฺวา อมิตฺตมทฺทนํ กโรนฺติ. โจราปิ ‘‘อปฺปมตฺตา ราชาโน, น สกฺกา อมฺเหหิ วคฺคพนฺธเนน วิจริตุ’’นฺติ ภิชฺชิตฺวา ปลายนฺติ. เอวํ ราชูนํ วุทฺธิ โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘วุทฺธิเยว ลิจฺฉวี วชฺชีนํ ปาฏิกงฺขา โน ปริหานี’’ติ.

สมคฺคาติอาทีสุ สนฺนิปาตเภริยา นิคฺคตาย ‘‘อชฺช เม กิจฺจํ อตฺถิ มงฺคลํ อตฺถี’’ติ วิกฺเขปํ กโรนฺตา น สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ นาม. เภริสทฺทํ ปน สุตฺวาว ภุฺชมานาปิ อลงฺกุรุมานาปิ วตฺถานิ นิวาสยมานาปิ อทฺธภุตฺตา อทฺธาลงฺกตา วตฺถํ นิวาเสนฺตาว สนฺนิปตนฺตา สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ นาม. สนฺนิปติตา ปน จินฺเตตฺวา มนฺเตตฺวา กตฺตพฺพํ กตฺวา เอกโตว อวุฏฺหนฺตา น สมคฺคา วุฏฺหนฺติ นาม. เอวํ วุฏฺิเตสุ หิ เย ปมํ คจฺฉนฺติ, เตสํ เอวํ โหติ – ‘‘อมฺเหหิ พาหิรกถาว สุตา, อิทานิ วินิจฺฉยกถา ภวิสฺสตี’’ติ. เอกโต วุฏฺหนฺตา ปน สมคฺคา วุฏฺหนฺติ นาม. อปิจ ‘‘อสุกฏฺาเน คามสีมา วา นิคมสีมา วา อากุลา, โจรา วา ปริยุฏฺิตา’’ติ สุตฺวา ‘‘โก คนฺตฺวา อมิตฺตมทฺทนํ กริสฺสตี’’ติ วุตฺเต ‘‘อหํ ปมํ อหํ ปม’’นฺติ วตฺวา คจฺฉนฺตาปิ สมคฺคา วุฏฺหนฺติ นาม. เอกสฺส ปน กมฺมนฺเต โอสีทมาเน เสสา ปุตฺตภาตโร เปเสตฺวา ตสฺส กมฺมนฺตํ อุปตฺถมฺภยมานาปิ อาคนฺตุกราชานํ ‘‘อสุกสฺส เคหํ คจฺฉตุ, อสุกสฺส เคหํ คจฺฉตู’’ติ อวตฺวา สพฺเพ เอกโต สงฺคณฺหนฺตาปิ เอกสฺส มงฺคเล วา โรเค วา อฺสฺมึ วา ปน ตาทิเส สุขทุกฺเข อุปฺปนฺเน สพฺเพ ตตฺถ สหายภาวํ คจฺฉนฺตาปิ สมคฺคา วชฺชิกรณียานิ กโรนฺติ นาม.

อปฺปฺตฺตนฺติอาทีสุ ปุพฺเพ อกตํ สุงฺกํ วา พลึ วา ทณฺฑํ วา อาหราเปนฺตา อปฺปฺตฺตํ ปฺาเปนฺติ นาม. โปราณปเวณิยา อาคตเมว ปน อนาหราเปนฺตา ปฺตฺตํ สมุจฺฉินฺทนฺติ นาม. โจโรติ คเหตฺวา ทสฺสิเต อวิจินิตฺวา เฉชฺชเภชฺชํ อนุสาสนฺตา โปราณํ วชฺชิธมฺมํ สมาทาย น วตฺตนฺติ นาม. เตสํ อปฺตฺตํ ปฺาเปนฺตานํ อภินวสุงฺกาทิปีฬิตา มนุสฺสา ‘‘อติอุปทฺทุตมฺห, เก อิเมสํ วิชิเต วสิสฺสนฺตี’’ติ ปจฺจนฺตํ ปวิสิตฺวา โจรา วา โจรสหายา วา หุตฺวา ชนปทํ หนนฺติ. ปฺตฺตํ สมุจฺฉินฺทนฺตานํ ปเวณิอาคตานิ สุงฺกาทีนิ อคณฺหนฺตานํ โกโส ปริหายติ, ตโต หตฺถิอสฺสพลกายโอโรธาทโย ยถานิพทฺธํ วฏฺฏํ อลภมานา ถามพเลน ปริหายนฺติ. เต เนว ยุทฺธกฺขมา โหนฺติ น ปาริจริยกฺขมา. โปราณํ วชฺชิธมฺมํ สมาทาย อวตฺตนฺตานํ วิชิเต มนุสฺสา ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตํ ปิตรํ ภาตรํ อโจรํเยว โจโรติ กตฺวา ฉินฺทึสุ ภินฺทึสู’’ติ กุชฺฌิตฺวา ปจฺจนฺตํ ปวิสิตฺวา โจรา วา โจรสหายา วา หุตฺวา ชนปทํ หนนฺติ. เอวํ ราชูนํ ปริหานิ โหติ. อปฺตฺตํ น ปฺาเปนฺตานํ ปน ‘‘ปเวณิอาคตํเยว ราชาโน กโรนฺตี’’ติ มนุสฺสา หฏฺตุฏฺา กสิวาณิชฺชาทิเก กมฺมนฺเต สมฺปาเทนฺติ. ปฺตฺตํ อสมุจฺฉินฺทนฺตานํ ปเวณิอาคตานิ สุงฺกาทีนิ คณฺหนฺตานํ โกโส วฑฺฒติ, ตโต หตฺถิอสฺสพลกายโอโรธาทโย ยถานิพทฺธํ วฏฺฏํ ลภมานา ถามพลสมฺปนฺนา ยุทฺธกฺขมา เจว ปาริจริยกฺขมา จ โหนฺติ. โปราเณ วชฺชิธมฺเม สมาทาย วตฺตนฺตานํ มนุสฺสา น อุชฺฌายนฺติ. ‘‘ราชาโน โปราณปเวณิยา กโรนฺติ, อฏฺฏกุลิกเสนาปติอุปราชูหิ ปริกฺขิตํ สยมฺปิ ปริกฺขิปิตฺวา ปเวณิโปตฺถกํ วาจาเปตฺวา อนุจฺฉวิกเมว ทณฺฑํ ปวตฺตยนฺติ, เอเตสํ โทโส นตฺถิ, อมฺหากํเยว โทโส’’ติ อปฺปมตฺตา กมฺมนฺเต กโรนฺติ. เอวํ ราชูนํ วุทฺธิ โหติ.

สกฺกริสฺสนฺตีติ ยํกิฺจิ เตสํ สกฺการํ กโรนฺตา สุนฺทรเมว กริสฺสนฺติ. ครุํ กริสฺสนฺตีติ ครุภาวํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา กริสฺสนฺติ. มาเนสฺสนฺตีติ มเนน ปิยายิสฺสนฺติ. ปูเชสฺสนฺตีติ ปจฺจยปูชาย ปูเชสฺสนฺติ. โสตพฺพํ มฺิสฺสนฺตีติ ทิวสสฺส ทฺเว ตโย วาเร อุปฏฺานํ คนฺตฺวา เตสํ กถํ โสตพฺพํ สทฺธาตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ. ตตฺถ เย เอวํ มหลฺลกานํ ราชูนํ สกฺการาทีนิ น กโรนฺติ, โอวาทตฺถาย วา เนสํ อุปฏฺานํ น คจฺฉนฺติ, เต เตหิ วิสฺสฏฺา อโนวทิยมานา กีฬาปสุตา รชฺชโต ปริหายนฺติ. เย ปน ตถา ปฏิปชฺชนฺติ, เตสํ มหลฺลกราชาโน ‘‘อิทํ กาตพฺพํ อิทํ น กาตพฺพ’’นฺติ โปราณปเวณึ อาจิกฺขนฺติ. สงฺคามํ ปตฺวาปิ ‘‘เอวํ ปวิสิตพฺพํ, เอวํ นิกฺขมิตพฺพ’’นฺติ อุปายํ ทสฺเสนฺติ. เต เตหิ โอวทิยมานา ยถาโอวาทํ ปฏิปชฺชมานา สกฺโกนฺติ รชฺชปเวณึ สนฺธาเรตุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘วุทฺธิเยว ลิจฺฉวี วชฺชีนํ ปาฏิกงฺขา’’ติ.

กุลิตฺถิโยติ กุลฆรณิโย. กุลกุมาริโยติ อนิวิทฺธา ตาสํ ธีตโร. โอกสฺสาติ วา ปสยฺหาติ วา ปสยฺหาการสฺเสเวตํ นามํ. โอกาสาติปิ ปนฺติ. ตตฺถ โอกสฺสาติ อวกสิตฺวา อากฑฺฒิตฺวา. ปสยฺหาติ อภิภวิตฺวา อชฺโฌตฺถริตฺวาติ อยํ วจนตฺโถ. เอวฺหิ กโรนฺตานํ วิชิเต มนุสฺสา ‘‘อมฺหากํ เคเห ปุตฺตภาตโรปิ, เขฬสิงฺฆานิกาทีนิ มุเขน อปเนตฺวา สํวฑฺฒิตา ธีตโรปิ อิเม พลกฺกาเรน คเหตฺวา อตฺตโน ฆเร วาเสนฺตี’’ติ กุปิตา ปจฺจนฺตํ ปวิสิตฺวา โจรา วา โจรสหายา วา หุตฺวา ชนปทํ หนนฺติ. เอวํ อกโรนฺตานํ ปน วิชิเต มนุสฺสา อปฺโปสฺสุกฺกา สกานิ กมฺมานิ กโรนฺตา ราชโกสํ วฑฺเฒนฺติ. เอวเมตฺถ วุทฺธิหานิโย เวทิตพฺพา.

วชฺชีนํวชฺชิเจติยานีติ วชฺชิราชูนํ วชฺชิรฏฺเ จิตฺตีกตฏฺเน เจติยานีติ ลทฺธนามานิ ยกฺขฏฺานานิ. อพฺภนฺตรานีติ อนฺโตนคเร ิตานิ. พาหิรานีติ พหินคเร ิตานิ. ทินฺนปุพฺพํ กตปุพฺพนฺติ ปุพฺเพ ทินฺนฺจ กตฺจ. โน ปริหาเปสฺสนฺตีติ อหาเปตฺวา ยถาปวตฺตเมว กริสฺสนฺติ. ธมฺมิกํ พลึ ปริหาเปนฺตานฺหิ เทวตา อารกฺขํ สุสํวิหิตํ น กโรนฺติ, อนุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ อุปฺปาเทตุํ อสกฺโกนฺติโยปิ อุปฺปนฺนํ กาสสีสโรคาทึ วฑฺเฒนฺติ, สงฺคาเม ปตฺเต สหายา น โหนฺติ. อปริหาเปนฺตานํ ปน อารกฺขํ สุสํวิหิตํ กโรนฺติ, อนุปฺปนฺนํ สุขํ อุปฺปาเทตุํ อสกฺโกนฺติโยปิ อุปฺปนฺนํ กาสสีสโรคาทึ หรนฺติ, สงฺคามสีเส สหายา โหนฺตีติ. เอวเมตฺถ วุทฺธิหานิโย เวทิตพฺพา.

ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺตีติ เอตฺถ รกฺขา เอว ยถา อนิจฺฉิตํ นาคจฺฉติ, เอวํ อาวรณโต อาวรณํ. ยถา อิจฺฉิตํ น นสฺสติ, เอวํ โคปายนโต คุตฺติ. ตตฺถ พลกาเยน ปริวาเรตฺวา รกฺขนํ ปพฺพชิตานํ ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺติ นาม น โหติ. ยถา ปน วิหารสฺส อุปวเน รุกฺเข น ฉินฺทนฺติ, วาชิกา วาชํ น กโรนฺติ, โปกฺขรณีสุ มจฺเฉ น คณฺหนฺติ, เอวํ กรณํ ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺติ นาม. กินฺตีติ เกน นุ โข การเณน.

ตตฺถ เย อนาคตานํ อรหนฺตานํ อาคมนํ น อิจฺฉนฺติ, เต อสฺสทฺธา โหนฺติ อปฺปสนฺนา. ปพฺพชิเต สมฺปตฺเต ปจฺจุคฺคมนํ น กโรนฺติ, คนฺตฺวา น ปสฺสนฺติ, ปฏิสนฺถารํ น กโรนฺติ, ปฺหํ น ปุจฺฉนฺติ, ธมฺมํ น สุณนฺติ, ทานํ น เทนฺติ, อนุโมทนํ น สุณนฺติ, นิวาสนฏฺานํ น สํวิทหนฺติ. อถ เนสํ อวณฺโณ อุคฺคจฺฉติ ‘‘อสุโก นาม ราชา อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโน, ปพฺพชิเต สมฺปตฺเต ปจฺจุคฺคมนํ น กโรติ…เป… นิวาสนฏฺานํ น สํวิทหตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ปพฺพชิตา ตสฺส นครทฺวาเรน คจฺฉนฺตาปิ นครํ น ปวิสนฺติ. เอวํ อนาคตานํ อรหนฺตานํ อนาคมนเมว โหติ. อาคตานํ ปน ผาสุวิหาเร อสติ เยปิ อชานิตฺวา อาคตา, เต ‘‘วสิสฺสามาติ ตาว จินฺเตตฺวา อาคตมฺหา, อิเมสํ ปน ราชูนํ อิมินา นีหาเรน เก วสิสฺสนฺตี’’ติ นิกฺขมิตฺวา คจฺฉนฺติ. เอวํ อนาคเตสุ อนาคจฺฉนฺเตสุ อาคเตสุ ทุกฺขํ วิหรนฺเตสุ โส โทโส ปพฺพชิตานํ อนาวาโส โหติ. ตโต เทวตารกฺขา น โหติ, เทวตารกฺขาย อสติ อมนุสฺสา โอกาสํ ลภนฺติ, อมนุสฺสา อุสฺสนฺนา อนุปฺปนฺนํ พฺยาธึ อุปฺปาเทนฺติ. สีลวนฺตานํ ทสฺสนปฺหปุจฺฉนาทิวตฺถุกสฺส ปุฺสฺส อนาคโม โหติ. วิปริยาเยน ยถาวุตฺตกณฺหปกฺขวิปรีตสฺส สุกฺกปกฺขสฺส สมฺภโว โหตีติ เอวเมตฺถ วุทฺธิหานิโย เวทิตพฺพา.

๒. วสฺสการสุตฺตวณฺณนา

๒๒. ทุติเย อภิยาตุกาโมติ อภิภวนตฺถาย ยาตุกาโม. วชฺชีติ วชฺชิราชาโน. เอวํมหิทฺธิเกติ เอวํ มหติยา ราชิทฺธิยา สมนฺนาคเต. เอเตน เนสํ สมคฺคภาวํ กเถติ. เอวํมหานุภาเวติ เอวํ มหนฺเตน ราชานุภาเวน สมนฺนาคเต . เอเตน เนสํ หตฺถิสิปฺปาทีสุ กตสิกฺขตํ กเถติ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สิกฺขิตา วติเม ลิจฺฉวิกุมารกา, สุสิกฺขิตา วติเม ลิจฺฉวิกุมารกา, ยตฺร หิ นาม สุขุเมน ตาฬจฺฉิคฺคเฬน อสนํ อติปาตยิสฺสนฺติ โปงฺขานุโปงฺขํ อวิราธิต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๕). อุจฺเฉจฺฉามีติ อุจฺฉินฺทิสฺสามิ. วินาเสสฺสามีติ อทสฺสนํ นยิสฺสามิ. อนยพฺยสนนฺติ อวฑฺฒิฺเจว, าติพฺยสนฺจ. อาปาเทสฺสามีติ ปาปยิสฺสามิ.

อิติ กิร โส านนิสชฺชาทีสุ อิมํ ยุทฺธกถเมว กเถติ, ‘‘คมนสชฺชา โหถา’’ติ จ พลกายํ อาณาเปติ. กสฺมา? คงฺคาย กิร เอกํ ปฏฺฏนคามํ นิสฺสาย อทฺธโยชนํ อชาตสตฺตุโน วิชิตํ, อทฺธโยชนํ ลิจฺฉวีนํ. ตตฺร ปพฺพตปาทโต มหคฺฆภณฺฑํ โอตรติ. ตํ สุตฺวา ‘‘อชฺช ยามิ, สฺเว ยามี’’ติ อชาตสตฺตุโน สํวิทหนฺตสฺเสว ลิจฺฉวิโน สมคฺคา สมฺโมทมานา ปุเรตรํ อาคนฺตฺวา สพฺพํ คณฺหนฺติ. อชาตสตฺตุ ปจฺฉา อาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา กุชฺฌิตฺวา คจฺฉติ. เต ปุนสํวจฺฉเรปิ ตเถว กโรนฺติ. อถ โส พลวาฆาตชาโต, ตทา เอวมกาสิ.

ตโต จินฺเตสิ – ‘‘คเณน สทฺธึ ยุทฺธํ นาม ภาริยํ, เอโกปิ โมฆปฺปหาโร นาม นตฺถิ. เอเกน โข ปน ปณฺฑิเตน สทฺธึ มนฺเตตฺวา กโรนฺโต นิรปราโธ โหติ, ปณฺฑิโต จ สตฺถารา สทิโส นตฺถิ, สตฺถา จ อวิทูเร ธุรวิหาเร วสติ, หนฺทาหํ เปเสตฺวา ปุจฺฉามิ. สเจ เม คเตน โกจิ อตฺโถ ภวิสฺสติ, สตฺถา ตุณฺหี ภวิสฺสติ. อนตฺเถ ปน สติ ‘กึ รฺโ ตตฺถ คเตนา’ติ วกฺขตี’’ติ. โส วสฺสการํ พฺราหฺมณํ เปเสสิ. พฺราหฺมโณ คนฺตฺวา ภควโต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ – อถ โข ราชา…เป… อาปาเทสฺสามิ วชฺชีติ.

ภควนฺตํ พีชยมาโนติ เถโร วตฺตสีเส ตฺวา ภควนฺตํ พีชติ, ภควโต ปน สีตํ วา อุณฺหํ วา นตฺถิ. ภควา พฺราหฺมณสฺส วจนํ สุตฺวา เตน สทฺธึ อมนฺเตตฺวา เถเรน สทฺธึ มนฺเตตุกาโม กินฺติ เต, อานนฺท, สุตนฺติอาทิมาห. ตํ วุตฺตตฺถเมว.

เอกมิทาหนฺติ อิทํ ภควา ปุพฺเพ วชฺชีนํ อิมสฺส วชฺชิสตฺตกสฺส เทสิตภาวปฺปกาสนตฺถํ อาห. อกรณียาติ อกตฺตพฺพา, อคฺคเหตพฺพาติ อตฺโถ. ยทิทนฺติ นิปาตมตฺตํ. ยุทฺธสฺสาติ กรณตฺเถ สามิวจนํ, อภิมุขํ ยุทฺเธน คเหตุํ น สกฺกาติ อตฺโถ. อฺตฺร อุปลาปนายาติ เปตฺวา อุปลาปนํ. อุปลาปนา นาม ‘‘อลํ วิวาเทน, อิทานิ สมคฺคา โหมา’’ติ หตฺถิอสฺสรถหิรฺสุวณฺณาทีนิ เปเสตฺวา สงฺคหกรณํ, เอวฺหิ สงฺคหํ กตฺวา เกวลํ วิสฺสาเสน สกฺกา คณฺหิตุนฺติ อตฺโถ. อฺตฺร มิถุเภทาติ เปตฺวา มิถุเภทํ. อิมินา ‘‘อฺมฺเภทํ กตฺวาปิ สกฺกา เอเต คเหตุ’’นฺติ ทสฺเสติ. อิทํ พฺราหฺมโณ ภควโต กถาย นยํ ลภิตฺวา อาห. กึ ปน ภควา พฺราหฺมณสฺส อิมาย กถาย นยลาภํ ชานาตีติ? อาม ชานาติ. ชานนฺโต กสฺมา กเถสิ? อนุกมฺปาย. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘มยา อกถิเตปิ กติปาเหน คนฺตฺวา สพฺเพ คณฺหิสฺสติ, กถิเต ปน สมคฺเค ภินฺทนฺโต ตีหิ สํวจฺฉเรหิ คณฺหิสฺสติ. เอตฺตกมฺปิ ชีวิตเมว วรํ. เอตฺตกฺหิ ชีวนฺตา อตฺตโน ปติฏฺาภูตํ ปุฺํ กริสฺสนฺตี’’ติ. อภินนฺทิตฺวาติ จิตฺเตน นนฺทิตฺวา. อนุโมทิตฺวาติ ‘‘ยาว สุภาสิตมิทํ โภตา โคตเมนา’’ติ วาจาย อนุโมทิตฺวา. ปกฺกามีติ รฺโ สนฺติกํ คโต. ราชาปิ ตเมว เปเสตฺวา สพฺเพ ภินฺทิตฺวา คนฺตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปสิ.

๓. ปมสตฺตกสุตฺตวณฺณนา

๒๓. ตติเย อภิณฺหํ สนฺนิปาตาติ อิทํ วชฺชิสตฺตเก วุตฺตสทิสเมว. อิธาปิ จ อภิณฺหํ อสนฺนิปตนฺตา ทิสาสุ อาคตสาสนํ น สุณนฺติ, ตโต ‘‘อสุกวิหารสีมา อากุลา, อุโปสถปฺปวารณา ิตา, อสุกสฺมึ าเน ภิกฺขู เวชฺชกมฺมทูตกมฺมาทีนิ กโรนฺติ, วิฺตฺติพหุลา ผลปุปฺผทานาทีหิ ชีวิกํ กปฺเปนฺตี’’ติอาทีนิ น ชานนฺติ. ปาปภิกฺขูปิ ‘‘ปมตฺโต สงฺโฆ’’ติ ตฺวา ราสิภูตา สาสนํ โอสกฺกาเปนฺติ. อภิณฺหํ สนฺนิปตนฺตา ปน ตํ ปวตฺตึ สุณนฺติ, ตโต ภิกฺขุสงฺฆํ เปเสตฺวา สีมํ อุชุํ กาเรนฺติ, อุโปสถปฺปวารณาโย ปวตฺตาเปนฺติ, มิจฺฉาชีวานํ อุสฺสนฺนฏฺาเน อริยวํสิเก เปเสตฺวา อริยวํสํ กถาเปนฺติ, ปาปภิกฺขูนํ วินยธเรหิ นิคฺคหํ การาเปนฺติ. ปาปภิกฺขูปิ ‘‘อปฺปมตฺโต สงฺโฆ, น สกฺกา อมฺเหหิ วคฺคพนฺธเนน วิจริตุ’’นฺติ ภิชฺชิตฺวา ปลายนฺติ. เอวเมตฺถ วุทฺธิหานิโย เวทิตพฺพา.

สมคฺคาติอาทีสุ เจติยปฏิชคฺคนตฺถํ วา โพธิฆรอุโปสถาคารจฺฉาทนตฺถํ วา กติกวตฺตํ วา เปตุกามตาย ‘‘สงฺโฆ สนฺนิปตตู’’ติ เภริยา วา ฆณฺฏิยา วา อาโกฏิตมตฺตาย ‘‘มยฺหํ จีวรกมฺมํ อตฺถิ, มยฺหํ ปตฺโต ปจิตพฺโพ, มยฺหํ นวกมฺมํ อตฺถี’’ติ วิกฺเขปํ กโรนฺตา น สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ นาม. สพฺพํ ปน ตํ กมฺมํ เปตฺวา ‘‘อหํ ปุริมตรํ, อหํ ปุริมตร’’นฺติ เอกปฺปหาเรเนว สนฺนิปตนฺตา สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ นาม. สนฺนิปติตา ปน จินฺเตตฺวา มนฺเตตฺวา กตฺตพฺพํ กตฺวา เอกโตว อวุฏฺหนฺตา น สมคฺคา วุฏฺหนฺติ นาม. เอวํ วุฏฺิเตสุ หิ เย ปมํ คจฺฉนฺติ, เตสํ เอวํ โหติ ‘‘อมฺเหหิ พาหิรกถาว สุตา, อิทานิ วินิจฺฉยกถา ภวิสฺสตี’’ติ. เอกปฺปหาเรเนว วุฏฺหนฺตา สมคฺคา วุฏฺหนฺติ นาม. อปิจ ‘‘อสุกฏฺาเน วิหารสีมา อากุลา, อุโปสถปฺปวารณา ิตา, อสุกฏฺาเน เวชฺชกมฺมาทิการกา ปาปภิกฺขู อุสฺสนฺนา’’ติ สุตฺวา ‘‘โก คนฺตฺวา เตสํ นิคฺคหํ กริสฺสตี’’ติ วุตฺเต ‘‘อหํ ปมํ, อหํ ปม’’นฺติ วตฺวา คจฺฉนฺตาปิ สมคฺคา วุฏฺหนฺติ นาม.

อาคนฺตุกํ ปน ทิสฺวา ‘‘อิมํ ปริเวณํ ยาหิ, เอตํ ปริเวณํ ยาหิ, อยํ โก’’ติ อวตฺวา สพฺเพ วตฺตํ กโรนฺตาปิ, ชิณฺณปตฺตจีวรกํ ทิสฺวา ตสฺส ภิกฺขาจารวตฺเตน ปตฺตจีวรํ ปริเยสนฺตาปิ, คิลานสฺส คิลานเภสชฺชํ ปริเยสมานาปิ, คิลานเมว อนาถํ ‘‘อสุกปริเวณํ ยาหี’’ติ อวตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปริเวเณ ปฏิชคฺคนฺตาปิ, เอโก โอลียมานโก คนฺโถ โหติ, ปฺวนฺตํ ภิกฺขุํ สงฺคณฺหิตฺวา เตน ตํ คนฺถํ อุกฺขิปาเปนฺตาปิ สมคฺคา สงฺฆกรณียานิ กโรนฺติ นาม.

อปฺปฺตฺตนฺติอาทีสุ นวํ อธมฺมิกํ กติกวตฺตํ วา สิกฺขาปทํ วา คณฺหนฺตา อปฺปฺตฺตํ ปฺาเปนฺติ นาม ปุราณสนฺถตวตฺถุสฺมึ สาวตฺถิยํ ภิกฺขู วิย. อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สาสนํ ทีเปนฺตา ปฺตฺตํ สมุจฺฉินฺทนฺติ นาม, วสฺสสตปรินิพฺพุเต ภควติ เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา วิย. ขุทฺทานุขุทฺทกา ปน อาปตฺติโย สฺจิจฺจ วีติกฺกมนฺตา ยถาปฺตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย น วตฺตนฺติ นาม อสฺสชิปุนพฺพสุกา วิย. ตถา อกโรนฺตา ปน อปฺตฺตํ น ปฺาเปนฺติ, ปฺตฺตํ น สมุจฺฉินฺทนฺติ , ยถาปฺตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺตนฺติ นาม อายสฺมา อุปเสโน วิย, อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต วิย, อายสฺมา มหากสฺสโป วิย จ. วุทฺธิเยวาติ สีลาทิคุเณหิ วุทฺธิเยว, โน ปริหานิ.

เถราติ ถิรภาวปฺปตฺตา เถรการเกหิ คุเณหิ สมนฺนาคตา. พหู รตฺติโย ชานนฺตีติ รตฺตฺู. จิรํ ปพฺพชิตานํ เอเตสนฺติ จิรปพฺพชิตา. สงฺฆสฺส ปิติฏฺาเน ิตาติ สงฺฆปิตโร. ปิติฏฺาเน ิตตฺตา สงฺฆํ ปริเณนฺติ, ปุพฺพงฺคมา หุตฺวา ตีสุ สิกฺขาสุ ปวตฺเตนฺตีติ สงฺฆปริณายกา.

เย เตสํ สกฺการาทีนิ น กโรนฺติ, โอวาทตฺถาย ทฺเว ตโย วาเร อุปฏฺานํ น คจฺฉนฺติ, เตปิ เตสํ โอวาทํ น เทนฺติ, ปเวณิกถํ น กเถนฺติ, สารภูตํ ธมฺมปริยายํ น สิกฺขาเปนฺติ. เต เตหิ วิสฺสฏฺา สีลาทีหิ ธมฺมกฺขนฺเธหิ สตฺตหิ จ อริยธเนหีติ เอวมาทีหิ คุเณหิ ปริหายนฺติ. เย ปน เตสํ สกฺการาทีนิ กโรนฺติ, อุปฏฺานํ คจฺฉนฺติ, เตสํ เต ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทิกํ โอวาทํ เทนฺติ, ปเวณิกถํ กเถนฺติ, สารภูตํ ธมฺมปริยายํ สิกฺขาเปนฺติ, เตรสหิ ธุตงฺเคหิ ทสหิ กถาวตฺถูหิ อนุสาสนฺติ. เต เตสํ โอวาเท ตฺวา สีลาทีหิ คุเณหิ วฑฺฒมานา สามฺตฺถํ อนุปาปุณนฺติ. เอวเมตฺถ หานิวุทฺธิโย ทฏฺพฺพา.

ปุนพฺภโว สีลมสฺสาติ โปโนพฺภวิกา, ปุนพฺภวทายิกาติ อตฺโถ, ตสฺสา โปโนพฺภวิกาย. น วสํ คจฺฉิสฺสนฺตีติ เอตฺถ เย จตุนฺนํ ปจฺจยานํ การณา อุปฏฺากานํ ปทานุปทิกา หุตฺวา คามโต คามํ วิจรนฺติ , เต ตสฺสา วสํ คจฺฉนฺติ นาม. อิตเร น คจฺฉนฺติ. ตตฺถ หานิวุทฺธิโย ปากฏาเยว.

อารฺเกสูติ ปฺจธนุสติกปจฺฉิเมสุ. สาเปกฺขาติ สาลยา. คามนฺตเสนาสเนสุ หิ ฌานํ อปฺเปตฺวาปิ ตโต วุฏฺิตมตฺโตว อิตฺถิปุริสทารกทาริกาทิสทฺทํ สุณาติ, เยนสฺส อธิคตวิเสโสปิ หายติเยว. อรฺเสนาสเน นิทฺทายิตฺวาปิ ปพุทฺธมตฺโต สีหพฺยคฺฆโมราทีนํ สทฺทํ สุณาติ, เยน อรฺเ ปีตึ ปฏิลภิตฺวา ตเมว สมฺมสนฺโต อคฺคผเล ปติฏฺาติ. อิติ ภควา คามนฺตเสนาสเน ฌานํ อปฺเปตฺวา นิสินฺนภิกฺขุโต อรฺเ นิทฺทายมานเมว ปสํสติ. ตสฺมา ตเมว อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘‘อารฺเกสุ เสนาสเนสุ สาเปกฺขา ภวิสฺสนฺตี’’ติ อาห.

ปจฺจตฺตฺเว สตึ อุปฏฺาเปสฺสนฺตีติ อตฺตนาว อตฺตโน อพฺภนฺตเร สตึ อุปฏฺเปสฺสนฺติ. เปสลาติ ปิยสีลา. อิธาปิ สพฺรหฺมจารีนํ อาคมนํ อนิจฺฉนฺตา เนวาสิกา อสฺสทฺธา โหนฺติ อปฺปสนฺนา, วิหารํ สมฺปตฺตภิกฺขูนํ ปจฺจุคฺคมน-ปตฺตจีวรปฏิคฺคหณ-อาสนปฺาปนตาลวณฺฏคฺคหณาทีนิ น กโรนฺติ. อถ เนสํ อวณฺโณ อุคฺคจฺฉติ ‘‘อสุกวิหารวาสิโน ภิกฺขู อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา วิหารํ ปวิฏฺานํ วตฺตปฺปฏิวตฺตมฺปิ น กโรนฺตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ปพฺพชิตา วิหารทฺวาเรน คจฺฉนฺตาปิ วิหารํ น ปวิสนฺติ. เอวํ อนาคตานํ อนาคมนเมว โหติ. อาคตานํ ปน ผาสุวิหาเร อสติ เยปิ อชานิตฺวา อาคตา, เต ‘‘วสิสฺสามาติ ตาวจินฺเตตฺวา อาคตมฺหา, อิเมสํ ปน เนวาสิกานํ อิมินา นีหาเรน โก วสิสฺสตี’’ติ นิกฺขมิตฺวา คจฺฉนฺติ. เอวํ โส วิหาโร อฺเสํ ภิกฺขูนํ อนาวาโสว โหติ. ตโต เนวาสิกา สีลวนฺตานํ ทสฺสนํ อลภนฺตา กงฺขาวิโนทกํ วา อาจารสิกฺขาปกํ วา มธุรธมฺมสวนํ วา น ลภนฺติ. เตสํ เนว อคฺคหิตธมฺมคฺคหณํ น คหิตสชฺฌายกรณํ โหติ. อิติ เนสํ หานิเยว โหติ, น วุทฺธิ.

เย ปน สพฺรหฺมจารีนํ อาคมนํ อิจฺฉนฺติ, เต สทฺธา โหนฺติ ปสนฺนา, อาคตานํ สพฺรหฺมจารีนํ ปจฺจุคฺคมนาทีนิ กตฺวา เสนาสนํ ปฺเปตฺวา เทนฺติ , เต คเหตฺวา ภิกฺขาจารํ ปวิสนฺติ, กงฺขํ วิโนเทนฺติ, มธุรธมฺมสฺสวนํ ลภนฺติ. อถ เนสํ กิตฺติสทฺโท อุคฺคจฺฉติ ‘‘อสุกวิหาเร ภิกฺขู เอวํ สทฺธา ปสนฺนา วตฺตสมฺปนฺนา สงฺคาหกา’’ติ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ทูรโตปิ อาคจฺฉนฺติ. เตสํ เนวาสิกา วตฺตํ กโรนฺติ, สมีปํ คนฺตฺวา วุฑฺฒตรํ อาคนฺตุกํ วนฺทิตฺวา นิสีทนฺติ, นวกตรสฺส สนฺติเก อาสนํ คเหตฺวา นิสีทิตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร วสิสฺสถ, คมิสฺสถา’’ติ ปุจฺฉนฺติ. ‘‘คมิสฺสามา’’ติ วุตฺเต ‘‘สปฺปายํ เสนาสนํ, สุลภา ภิกฺขา’’ติอาทีนิ วตฺวา คนฺตุํ น เทนฺติ. วินยธโร เจ โหติ, ตสฺส สนฺติเก วินยํ สชฺฌายนฺติ. สุตฺตนฺตาทิธโร เจ, ตสฺส สนฺติเก ตํ ตํ ธมฺมํ สชฺฌายนฺติ. เต อาคนฺตุกเถรานํ โอวาเท ตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณนฺติ. อาคนฺตุกา ‘‘เอกํ ทฺเว ทิวสานิ วสิสฺสามาติ อาคตมฺหา, อิเมสํ ปน สุขสํวาสตาย ทส ทฺวาทส วสฺสานิ วสิมฺหา’’ติ วตฺตาโร โหนฺติ. เอวเมตฺถ หานิวุทฺธิโย เวทิตพฺพา.

๔. ทุติยสตฺตกสุตฺตวณฺณนา

๒๔. จตุตฺเถ น กมฺมารามาติ เย ทิวสํ จีวรกมฺม-กายพนฺธนปริสฺสาวน-ธมฺมกรณ-สมฺมชฺชนิ-ปาทกลิกาทีเนว กโรนฺติ, เต สนฺธาเยส ปฏิกฺเขโป. โย ปน เตสํ กรณเวลาย เอวํ เอตานิ กโรติ, อุทฺเทสเวลาย อุทฺเทสํ คณฺหาติ, สชฺฌายเวลาย สชฺฌายติ, เจติยงฺคณวตฺตเวลาย เจติยงฺคณวตฺตํ กโรติ, มนสิการเวลาย มนสิการํ กโรติ, น โส กมฺมาราโม นาม.

โย อิตฺถิวณฺณปุริสวณฺณาทิวเสน อาลาปสลฺลาปํ กโรนฺโตเยว รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมติ, เอวรูเป ภสฺเส ปริยนฺตการี น โหติ, อยํ ภสฺสาราโม นาม. โย ปน รตฺตินฺทิวํ ธมฺมํ กเถติ, ปฺหํ วิสฺสชฺเชติ, อยํ อปฺปภสฺโสว ภสฺเส ปริยนฺตการีเยว. กสฺมา? ‘‘สนฺนิปติตานํ โว, ภิกฺขเว, ทฺวยํ กรณียํ ธมฺมี วา กถา อริโย วา ตุณฺหีภาโว’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๓) วุตฺตตฺตา.

โย ิโตปิ คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ ถินมิทฺธาภิภูโต นิทฺทายติเยว, อยํ นิทฺทาราโม นาม. ยสฺส ปน กรชกายเคลฺเน จิตฺตํ ภวงฺคํ โอตรติ, นายํ นิทฺทาราโม. เตเนวาห – ‘‘อภิชานามหํ, อคฺคิเวสฺสน , คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน นิทฺทํ โอกฺกมิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗).

โย ‘‘เอกสฺส ทุติโย, ทฺวินฺนํ ตติโย, ติณฺณํ จตุตฺโถ’’ติ เอวํ สํสฏฺโว วิหรติ, เอกโก อสฺสาทํ น ลภติ, อยํ สงฺคณิการาโม. โย ปน จตูสุ อิริยาปเถสุ เอกโกว อสฺสาทํ ลภติ, นายํ สงฺคณิการาโม.

อสนฺตสมฺภาวนิจฺฉาย สมนฺนาคตา ทุสฺสีลา ปาปิจฺฉา นาม. เยสํ ปาปกา มิตฺตา จตูสุ อิริยาปเถสุ สห อยนโต ปาปสหายา, เย จ ตนฺนินฺนตปฺโปณตปฺปพฺภารตาย ปาเปสุ สมฺปวงฺกา, เต ปาปมิตฺตา ปาปสหายา ปาปสมฺปวงฺกา นาม.

โอรมตฺตเกนาติ อวรมตฺตเกน อปฺปมตฺตเกน. อนฺตราติ อรหตฺตํ อปฺปตฺวาว เอตฺถนฺตเร. โวสานนฺติ ปรินิฏฺิตภาวํ ‘‘อลเมตฺตาวตา’’ติ โอสกฺกนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยาว สีลปาริสุทฺธิชฺฌานวิปสฺสนา โสตาปนฺนภาวาทีนํ อฺตรมตฺตเกน โวสานํ นาปชฺชิสฺสนฺติ, ตาว วุทฺธิเยว ภิกฺขูนํ ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานีติ.

๗. สฺาสุตฺตวณฺณนา

๒๗. สตฺตเม อนิจฺจสฺาทโย อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ สหคตสฺา.

๘. ปมปริหานิสุตฺตวณฺณนา

๒๘. อฏฺเม อุปฺปนฺนานํ สงฺฆกิจฺจานํ นิตฺถรเณน ภารํ วหนฺตีติ ภารวาหิโน. เต เตน ปฺายิสฺสนฺตีติ เต เถรา เตน อตฺตโน เถรภาวานุรูเปน กิจฺเจน ปฺายิสฺสนฺติ. เตสุ โยคํอาปชฺชตีติ ปโยคํ อาปชฺชติ, สยํ ตานิ กิจฺจานิ กาตุํ อารภตีติ.

๙. ทุติยปริหานิสุตฺตวณฺณนา

๒๙. นวเม ภิกฺขุทสฺสนํ หาเปตีติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทสฺสนตฺถาย คมนํ หาเปติ. อธิสีเลติ ปฺจสีลทสสีลสงฺขาเต อุตฺตมสีเล. อิโต พหิทฺธาติ อิมมฺหา สาสนา พหิทฺธา. ทกฺขิเณยฺยํ คเวสตีติ เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหเก ปริเยสติ. ตตฺถ จ ปุพฺพการํ กโรตีติ เตสํ พาหิรานํ ติตฺถิยานํ ทตฺวา ปจฺฉา ภิกฺขูนํ เทติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

วชฺชิสตฺตกวคฺโค ตติโย.