📜

(๑๑) ๑. ผาสุวิหารวคฺโค

๑. สารชฺชสุตฺตํ

๑๐๑. ‘‘ปฺจิเม , ภิกฺขเว, เสขเวสารชฺชกรณา ธมฺมา. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, สีลวา โหติ, พหุสฺสุโต โหติ, อารทฺธวีริโย โหติ, ปฺวา โหติ.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, อสฺสทฺธสฺส สารชฺชํ โหติ, สทฺธสฺส ตํ สารชฺชํ น โหติ. ตสฺมายํ ธมฺโม เสขเวสารชฺชกรโณ.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, ทุสฺสีลสฺส สารชฺชํ โหติ, สีลวโต ตํ สารชฺชํ น โหติ. ตสฺมายํ ธมฺโม เสขเวสารชฺชกรโณ.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, อปฺปสฺสุตสฺส สารชฺชํ โหติ, พหุสฺสุตสฺส ตํ สารชฺชํ น โหติ. ตสฺมายํ ธมฺโม เสขเวสารชฺชกรโณ.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, กุสีตสฺส สารชฺชํ โหติ, อารทฺธวีริยสฺส ตํ สารชฺชํ น โหติ. ตสฺมายํ ธมฺโม เสขเวสารชฺชกรโณ.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, ทุปฺปฺสฺส สารชฺชํ โหติ, ปฺวโต ตํ สารชฺชํ น โหติ. ตสฺมายํ ธมฺโม เสขเวสารชฺชกรโณ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ เสขเวสารชฺชกรณา ธมฺมา’’ติ. ปมํ.

๒. อุสฺสงฺกิตสุตฺตํ

๑๐๒. ‘‘ปฺจหิ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิโต โหติ ปาปภิกฺขูติ อปิ อกุปฺปธมฺโมปิ [อปิ อกุปฺปธมฺโม (สี. สฺยา. กํ.)].

กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เวสิยาโคจโร วา โหติ, วิธวาโคจโร วา โหติ, ถุลฺลกุมาริกาโคจโร วา โหติ, ปณฺฑกโคจโร วา โหติ, ภิกฺขุนีโคจโร วา โหติ.

‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิโต โหติ ปาปภิกฺขูติ อปิ อกุปฺปธมฺโมปี’’ติ. ทุติยํ.

๓. มหาโจรสุตฺตํ

๑๐๓. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต มหาโจโร สนฺธิมฺปิ ฉินฺทติ, นิลฺโลปมฺปิ หรติ, เอกาคาริกมฺปิ กโรติ, ปริปนฺเถปิ ติฏฺติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต จ โหติ, คหนนิสฺสิโต จ, พลวนิสฺสิโต จ, โภคจาคี จ, เอกจารี จ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร นทีวิทุคฺคํ วา นิสฺสิโต โหติ ปพฺพตวิสมํ วา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร คหนนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร ติณคหนํ วา นิสฺสิโต โหติ รุกฺขคหนํ วา โรธํ [เคธํ (สี.) อ. นิ. ๓.๕๑] วา มหาวนสณฺฑํ วา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร คหนนิสฺสิโต โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร พลวนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร ราชานํ วา ราชมหามตฺตานํ วา นิสฺสิโต โหติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิฺจิ วกฺขติ, อิเม เม ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณิสฺสนฺตี’ติ. สเจ นํ โกจิ กิฺจิ อาห, ตฺยสฺส ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร พลวนิสฺสิโต โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร โภคจาคี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร อฑฺโฒ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิฺจิ วกฺขติ, อิโต โภเคน ปฏิสนฺถริสฺสามี’ติ. สเจ นํ โกจิ กิฺจิ อาห, ตโต โภเคน ปฏิสนฺถรติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร โภคจาคี โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร เอกจารี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร เอกโกว คหณานิ [นิคฺคหณานิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] กตฺตา โหติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘มา เม คุยฺหมนฺตา พหิทฺธา สมฺเภทํ อคมํสู’ติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร เอกจารี โหติ.

‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคโต มหาโจโร สนฺธิมฺปิ ฉินฺทติ นิลฺโลปมฺปิ หรติ เอกาคาริกมฺปิ กโรติ ปริปนฺเถปิ ติฏฺติ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปาปภิกฺขุ ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวชฺโช จ โหติ สานุวชฺโช วิฺูนํ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต จ โหติ, คหนนิสฺสิโต จ, พลวนิสฺสิโต จ, โภคจาคี จ, เอกจารี จ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสเมน กายกมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ, วิสเมน วจีกมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ, วิสเมน มโนกมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ คหนนิสฺสิโต โหติ? อิธ , ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ อนฺตคฺคาหิกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ คหนนิสฺสิโต โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ พลวนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ ราชานํ วา ราชมหามตฺตานํ วา นิสฺสิโต โหติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิฺจิ วกฺขติ, อิเม เม ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณิสฺสนฺตี’ติ. สเจ นํ โกจิ กิฺจิ อาห, ตฺยสฺส ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ พลวนิสฺสิโต โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ โภคจาคี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ ลาภี โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิฺจิ วกฺขติ, อิโต ลาเภน ปฏิสนฺถริสฺสามี’ติ. สเจ นํ โกจิ กิฺจิ อาห, ตโต ลาเภน ปฏิสนฺถรติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ โภคจาคี โหติ.

‘‘กถฺจ , ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ เอกจารี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ เอกโกว ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ นิวาสํ กปฺเปติ. โส ตตฺถ กุลานิ อุปสงฺกมนฺโต ลาภํ ลภติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ เอกจารี โหติ.

‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปาปภิกฺขุ ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวชฺโช จ โหติ สานุวชฺโช วิฺูนํ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวตี’’ติ. ตติยํ.

๔. สมณสุขุมาลสุตฺตํ

๑๐๔. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สมเณสุ สมณสุขุมาโล โหติ.

‘‘กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยาจิโตว พหุลํ จีวรํ ปริภุฺชติ, อปฺปํ อยาจิโต; ยาจิโตว พหุลํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชติ, อปฺปํ อยาจิโต; ยาจิโตว พหุลํ เสนาสนํ ปริภุฺชติ, อปฺปํ อยาจิโต; ยาจิโตว พหุลํ คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปริภุฺชติ, อปฺปํ อยาจิโต. เยหิ โข ปน สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธึ วิหรติ , ตฺยสฺส [ตฺยาสฺส (ก.) อ. นิ. ๔.๘๗] มนาเปเนว พหุลํ กายกมฺเมน สมุทาจรนฺติ, อปฺปํ อมนาเปน; มนาเปเนว พหุลํ วจีกมฺเมน สมุทาจรนฺติ, อปฺปํ อมนาเปน; มนาเปเนว พหุลํ มโนกมฺเมน สมุทาจรนฺติ, อปฺปํ อมนาเปน; มนาปํเยว อุปหารํ อุปหรนฺติ, อปฺปํ อมนาปํ. ยานิ โข ปน ตานิ เวทยิตานิ ปิตฺตสมุฏฺานานิ วา เสมฺหสมุฏฺานานิ วา วาตสมุฏฺานานิ วา สนฺนิปาติกานิ วา อุตุปริณามชานิ วา วิสมปริหารชานิ วา โอปกฺกมิกานิ วา กมฺมวิปากชานิ วา, ตานิสฺส น พหุเทว อุปฺปชฺชนฺติ. อปฺปาพาโธ โหติ, จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สมเณสุ สมณสุขุมาโล โหติ.

‘‘ยฺหิ ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘สมเณสุ สมณสุขุมาโล’ติ, มเมว ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา [มเมว ตํ สมฺมา (?)] วทมาโน วเทยฺย – ‘สมเณสุ สมณสุขุมาโล’ติ . อหฺหิ, ภิกฺขเว, ยาจิโตว พหุลํ จีวรํ ปริภุฺชามิ, อปฺปํ อยาจิโต; ยาจิโตว พหุลํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชามิ, อปฺปํ อยาจิโต; ยาจิโตว พหุลํ เสนาสนํ ปริภุฺชามิ, อปฺปํ อยาจิโต; ยาจิโตว พหุลํ คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปริภุฺชามิ, อปฺปํ อยาจิโต. เยหิ โข ปน ภิกฺขูหิ สทฺธึ วิหรามิ, เต มํ มนาเปเนว พหุลํ กายกมฺเมน สมุทาจรนฺติ, อปฺปํ อมนาเปน ; มนาเปเนว พหุลํ วจีกมฺเมน สมุทาจรนฺติ, อปฺปํ อมนาเปน; มนาเปเนว พหุลํ มโนกมฺเมน สมุทาจรนฺติ, อปฺปํ อมนาเปน; มนาปํเยว อุปหารํ อุปหรนฺติ, อปฺปํ อมนาปํ. ยานิ โข ปน ตานิ เวทยิตานิ – ปิตฺตสมุฏฺานานิ วา เสมฺหสมุฏฺานานิ วา วาตสมุฏฺานานิ วา สนฺนิปาติกานิ วา อุตุปริณามชานิ วา วิสมปริหารชานิ วา โอปกฺกมิกานิ วา กมฺมวิปากชานิ วา – ตานิ เม น พหุเทว อุปฺปชฺชนฺติ. อปฺปาพาโธหมสฺมิ, จตุนฺนํ โข ปนสฺมิ [จตุนฺนํ โข ปน (สี.), จตุนฺนํ (สฺยา. ปี.)] ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี [นิกามลาภี โหมิ (สี. ก.)] อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อาสวานํ ขยา…เป… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามิ.

‘‘ยฺหิ ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘สมเณสุ สมณสุขุมาโล’ติ, มเมว ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘สมเณสุ สมณสุขุมาโล’’’ติ. จตุตฺถํ.

๕. ผาสุวิหารสุตฺตํ

๑๐๕. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ผาสุวิหารา. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จ, เมตฺตํ วจีกมฺมํ…เป… เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จ. ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิฺุปฺปสตฺถานิ อปรามฏฺานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ, ตถารูเปหิ สีเลหิ สีลสามฺคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จ. ยายํ ทิฏฺิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ผาสุวิหารา’’ติ. ปฺจมํ.

๖. อานนฺทสุตฺตํ

๑๐๖. เอกํ สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ –

‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, ภิกฺขุ สงฺเฆ [ภิกฺขุํสํโฆ (สฺยา. ปี.)] วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อตฺตนา [อตฺตนา จ (ปี. ก.)] สีลสมฺปนฺโน โหติ, โน [โน จ (ก.)] ปรํ อธิสีเล สมฺปวตฺตา [สมฺปวตฺตา โหติ (ก.)]; เอตฺตาวตาปิ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ.

‘‘สิยา ปน, ภนฺเต, อฺโปิ ปริยาโย ยถา ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘สิยา, อานนฺท [อานนฺทาติ ภควา อาโวจ (สฺยา. ปี.)]! ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อตฺตนา สีลสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ อธิสีเล สมฺปวตฺตา; อตฺตานุเปกฺขี จ โหติ, โน ปรานุเปกฺขี; เอตฺตาวตาปิ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ.

‘‘สิยา ปน, ภนฺเต, อฺโปิ ปริยาโย ยถา ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘สิยา, อานนฺท! ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อตฺตนา สีลสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ อธิสีเล สมฺปวตฺตา; อตฺตานุเปกฺขี จ โหติ, โน ปรานุเปกฺขี; อปฺาโต จ โหติ, เตน จ อปฺาตเกน โน ปริตสฺสติ; เอตฺตาวตาปิ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ.

‘‘สิยา ปน, ภนฺเต, อฺโปิ ปริยาโย ยถา ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘สิยา, อานนฺท! ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อตฺตนา สีลสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ อธิสีเล สมฺปวตฺตา; อตฺตานุเปกฺขี จ โหติ, โน ปรานุเปกฺขี; อปฺาโต จ โหติ, เตน จ อปฺาตเกน โน ปริตสฺสติ; จตุนฺนฺจ [จตุนฺนํ (ปี. ก.)] ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี; เอตฺตาวตาปิ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ.

‘‘สิยา ปน, ภนฺเต, อฺโปิ ปริยาโย ยถา ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘สิยา, อานนฺท! ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อตฺตนา สีลสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ อธิสีเล สมฺปวตฺตา; อตฺตานุเปกฺขี จ โหติ, โน ปรานุเปกฺขี; อปฺาโต จ โหติ, เตน จ อปฺาตเกน โน ปริตสฺสติ; จตุนฺนฺจ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี; อาสวานฺจ [อาสวานํ (สี. ปี. ก.)] ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ; เอตฺตาวตาปิ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺย.

‘‘อิมมฺหา จาหํ, อานนฺท, ผาสุวิหารา อฺโ ผาสุวิหาโร อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถีติ วทามี’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. สีลสุตฺตํ

๑๐๗. ‘‘ปฺจหิ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺส.

‘‘กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน โหติ, สมาธิสมฺปนฺโน โหติ, ปฺาสมฺปนฺโน โหติ, วิมุตฺติสมฺปนฺโน โหติ, วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน โหติ.

‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. สตฺตมํ.

๘. อเสขสุตฺตํ

๑๐๘. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย…เป… อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺส.

‘‘กตเมหิ, ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อเสเขน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมาธิกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน ปฺากฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน วิมุตฺติกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ…เป… อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. อฏฺมํ.

๙. จาตุทฺทิสสุตฺตํ

๑๐๙. ‘‘ปฺจหิ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ จาตุทฺทิโส โหติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ; พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย , เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา; สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตรจีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน; จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี; อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิเมหิ, โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ จาตุทฺทิโส โหตี’’ติ. นวมํ.

๑๐. อรฺสุตฺตํ

๑๑๐. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวิตุํ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ…เป… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ; พหุสฺสุโต โหติ…เป… ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา; อารทฺธวีริโย วิหรติ ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ; จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี; อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวิตุ’’นฺติ. ทสมํ.

ผาสุวิหารวคฺโค ปโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

สารชฺชํ สงฺกิโต โจโร, สุขุมาลํ ผาสุ ปฺจมํ;

อานนฺท สีลาเสขา จ, จาตุทฺทิโส อรฺเน จาติ.