📜

(๑๓) ๓. คิลานวคฺโค

๑. คิลานสุตฺตํ

๑๒๑. เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน คิลานสาลา เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข ภควา อฺตรํ ภิกฺขุํ ทุพฺพลํ คิลานกํ; ทิสฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ –

‘‘ยํ กิฺจิ [ยํ กิฺจิ (สฺยา. กํ.)], ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ ทุพฺพลํ [ภิกฺขเว ทุพฺพลํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] คิลานกํ ปฺจ ธมฺมา น วิชหนฺติ, ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ – ‘นจิรสฺเสว อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสตี’’’ติ.

‘‘กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อสุภานุปสฺสี กาเย วิหรติ, อาหาเร ปฏิกูลสฺี, สพฺพโลเก อนภิรตสฺี [สพฺพตฺถปิ เอวเมว ทิสฺสติ], สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจานุปสฺสี, มรณสฺา โข ปนสฺส อชฺฌตฺตํ สูปฏฺิตา โหติ. ยํ กิฺจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ ทุพฺพลํ คิลานกํ อิเม ปฺจ ธมฺมา น วิชหนฺติ, ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ – ‘นจิรสฺเสว อาสวานํ ขยา…เป… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสตี’’’ติ. ปมํ.

๒. สติสูปฏฺิตสุตฺตํ

๑๒๒. ‘‘โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา ปฺจ ธมฺเม ภาเวติ ปฺจ ธมฺเม พหุลีกโรติ, ตสฺส ทฺวินฺนํ ผลานํ อฺตรํ ผลํ ปาฏิกงฺขํ – ทิฏฺเว ธมฺเม อฺา, สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตา.

‘‘กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อชฺฌตฺตฺเว สติ สูปฏฺิตา โหติ ธมฺมานํ อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย, อสุภานุปสฺสี กาเย วิหรติ, อาหาเร ปฏิกูลสฺี, สพฺพโลเก อนภิรตสฺี, สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจานุปสฺสี. โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อิเม ปฺจ ธมฺเม ภาเวติ อิเม ปฺจ ธมฺเม พหุลีกโรติ, ตสฺส ทฺวินฺนํ ผลานํ อฺตรํ ผลํ ปาฏิกงฺขํ – ทิฏฺเว ธมฺเม อฺา, สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตา’’ติ. ทุติยํ.

๓. ปมอุปฏฺากสุตฺตํ

๑๒๓. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต คิลาโน ทูปฏฺาโก [ทุปฏฺาโก (สฺยา. กํ. ปี. ก.) มหาว. ๓๖๖] โหติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อสปฺปายการี โหติ, สปฺปาเย มตฺตํ น ชานาติ, เภสชฺชํ นปฺปฏิเสวิตา โหติ, อตฺถกามสฺส คิลานุปฏฺากสฺส น ยถาภูตํ อาพาธํ อาวิกตฺตา โหติ อภิกฺกมนฺตํ วา อภิกฺกมตีติ ปฏิกฺกมนฺตํ วา ปฏิกฺกมตีติ ิตํ วา ิโตติ, อุปฺปนฺนานํ สารีริกานํ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ [ติปฺปานํ (สี.) มหาว. ๓๖๖] ขรานํ กฏุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ อนธิวาสกชาติโก โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต คิลาโน ทูปฏฺาโก โหติ.

‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต คิลาโน สูปฏฺาโก โหติ. กตเมหิ ปฺจหิ? สปฺปายการี โหติ, สปฺปาเย มตฺตํ ชานาติ, เภสชฺชํ ปฏิเสวิตา โหติ, อตฺถกามสฺส คิลานุปฏฺากสฺส ยถาภูตํ อาพาธํ อาวิกตฺตา โหติ อภิกฺกมนฺตํ วา อภิกฺกมตีติ ปฏิกฺกมนฺตํ วา ปฏิกฺกมตีติ ิตํ วา ิโตติ, อุปฺปนฺนานํ สารีริกานํ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ ขรานํ กฏุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ อธิวาสกชาติโก โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต คิลาโน สูปฏฺาโก โหตี’’ติ. ตติยํ.

๔. ทุติยอุปฏฺากสุตฺตํ

๑๒๔. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต คิลานุปฏฺาโก นาลํ คิลานํ อุปฏฺาตุํ. กตเมหิ ปฺจหิ? นปฺปฏิพโล โหติ เภสชฺชํ สํวิธาตุํ; สปฺปายาสปฺปายํ น ชานาติ, อสปฺปายํ อุปนาเมติ, สปฺปายํ อปนาเมติ; อามิสนฺตโร คิลานํ อุปฏฺาติ, โน เมตฺตจิตฺโต ; เชคุจฺฉี โหติ อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา วนฺตํ วา เขฬํ วา นีหริตุํ; นปฺปฏิพโล โหติ คิลานํ กาเลน กาลํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตุํ สมาทเปตุํ [สมาทาเปตุํ (?) มหาว. ๓๖๖] สมุตฺเตเชตุํ สมฺปหํเสตุํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต คิลานุปฏฺาโก นาลํ คิลานํ อุปฏฺาตุํ.

‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต คิลานุปฏฺาโก อลํ คิลานํ อุปฏฺาตุํ. กตเมหิ ปฺจหิ? ปฏิพโล โหติ เภสชฺชํ สํวิธาตุํ; สปฺปายาสปฺปายํ ชานาติ, อสปฺปายํ อปนาเมติ, สปฺปายํ อุปนาเมติ; เมตฺตจิตฺโต คิลานํ อุปฏฺาติ, โน อามิสนฺตโร; อเชคุจฺฉี โหติ อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา วนฺตํ วา เขฬํ วา นีหริตุํ; ปฏิพโล โหติ คิลานํ กาเลน กาลํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตุํ สมาทเปตุํ สมุตฺเตเชตุํ สมฺปหํเสตุํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต คิลานุปฏฺาโก อลํ คิลานํ อุปฏฺาตุ’’นฺติ. จตุตฺถํ.

๕. ปมอนายุสฺสาสุตฺตํ

๑๒๕. ‘‘ปฺจิเม , ภิกฺขเว, ธมฺมา อนายุสฺสา. กตเม ปฺจ? อสปฺปายการี โหติ, สปฺปาเย มตฺตํ น ชานาติ, อปริณตโภชี จ โหติ, อกาลจารี จ โหติ, อพฺรหฺมจารี จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา อนายุสฺสา.

‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา อายุสฺสา. กตเม ปฺจ? สปฺปายการี โหติ, สปฺปาเย มตฺตํ ชานาติ, ปริณตโภชี จ โหติ, กาลจารี จ โหติ, พฺรหฺมจารี จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา อายุสฺสา’’ติ. ปฺจมํ.

๖. ทุติยอนายุสฺสาสุตฺตํ

๑๒๖. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา อนายุสฺสา. กตเม ปฺจ? อสปฺปายการี โหติ, สปฺปาเย มตฺตํ น ชานาติ, อปริณตโภชี จ โหติ, ทุสฺสีโล จ, ปาปมิตฺโต จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา อนายุสฺสา.

‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา อายุสฺสา. กตเม ปฺจ ? สปฺปายการี โหติ, สปฺปาเย มตฺตํ ชานาติ, ปริณตโภชี จ โหติ, สีลวา จ, กลฺยาณมิตฺโต จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา อายุสฺสา’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. วปกาสสุตฺตํ

๑๒๗. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ สงฺฆมฺหา วปกาสิตุํ [วิ + อป + กาสิตุํ = วปกาสิตุํ]. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อสนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน จีวเรน, อสนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตน, อสนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน เสนาสเนน, อสนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน, กามสงฺกปฺปพหุโล จ วิหรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ สงฺฆมฺหา วปกาสิตุํ.

‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ สงฺฆมฺหา วปกาสิตุํ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน จีวเรน, สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตน, สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน เสนาสเนน, สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน , เนกฺขมฺมสงฺกปฺปพหุโล [น กามสงฺกปฺปพหุโล (ก.)] จ วิหรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ สงฺฆมฺหา วปกาสิตุ’’นฺติ. สตฺตมํ.

๘. สมณสุขสุตฺตํ

๑๒๘. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, สมณทุกฺขานิ. กตมานิ ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อสนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน จีวเรน, อสนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตน, อสนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน เสนาสเนน, อสนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน, อนภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สมณทุกฺขานิ.

‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, สมณสุขานิ. กตมานิ ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน จีวเรน, สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตน, สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน เสนาสเนน, สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน, อภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สมณสุขานี’’ติ. อฏฺมํ.

๙. ปริกุปฺปสุตฺตํ

๑๒๙. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาปายิกา เนรยิกา ปริกุปฺปา อเตกิจฺฉา. กตเม ปฺจ? มาตา [มาตรํ (ก.)] ชีวิตา โวโรปิตา โหติ, ปิตา [ปิตรํ (ก.)] ชีวิตา โวโรปิโต [โวโรปิตา (ก.)] โหติ, อรหํ [อรหนฺตํ (ก.), อรหา (สฺยา.)] ชีวิตา โวโรปิโต โหติ, ตถาคตสฺส ทุฏฺเน จิตฺเตน โลหิตํ อุปฺปาทิตํ โหติ, สงฺโฆ ภินฺโน โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาปายิกา เนรยิกา ปริกุปฺปา อเตกิจฺฉา’’ติ. นวมํ.

๑๐. พฺยสนสุตฺตํ

๑๓๐. ‘‘ปฺจิมานิ , ภิกฺขเว, พฺยสนานิ. กตมานิ ปฺจ? าติพฺยสนํ, โภคพฺยสนํ, โรคพฺยสนํ, สีลพฺยสนํ, ทิฏฺิพฺยสนํ. น, ภิกฺขเว, สตฺตา าติพฺยสนเหตุ วา โภคพฺยสนเหตุ วา โรคพฺยสนเหตุ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ. สีลพฺยสนเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา ทิฏฺิพฺยสนเหตุ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ พฺยสนานิ.

‘‘ปฺจิมา, ภิกฺขเว, สมฺปทา. กตมา ปฺจ? าติสมฺปทา, โภคสมฺปทา, อาโรคฺยสมฺปทา, สีลสมฺปทา, ทิฏฺิสมฺปทา. น, ภิกฺขเว, สตฺตา าติสมฺปทาเหตุ วา โภคสมฺปทาเหตุ วา อาโรคฺยสมฺปทาเหตุ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ. สีลสมฺปทาเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา ทิฏฺิสมฺปทาเหตุ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ. อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สมฺปทา’’ติ. ทสมํ.

คิลานวคฺโค ตติโย.

ตสฺสุทฺทานํ

คิลาโน สติสูปฏฺิ, ทฺเว อุปฏฺากา ทุวายุสา;

วปกาสสมณสุขา, ปริกุปฺปํ พฺยสเนน จาติ.