📜
(๑๔) ๔. ราชวคฺโค
๑. ปมจกฺกานุวตฺตนสุตฺตํ
๑๓๑. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺเมเนว จกฺกํ วตฺเตติ [ปวตฺเตติ (สฺยา. ปี. ก.)]; ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ [อปฺปติวตฺติยํ (สี.)] ¶ เกนจิ มนุสฺสภูเตน ปจฺจตฺถิเกน ปาณินา.
‘‘กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี อตฺถฺู จ โหติ, ธมฺมฺู จ, มตฺตฺู จ, กาลฺู จ, ปริสฺู จ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺเมเนว จกฺกํ ปวตฺเตติ; ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ เกนจิ มนุสฺสภูเตน ปจฺจตฺถิเกน ปาณินา.
‘‘เอวเมวํ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺเมเนว อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ; ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา ¶ พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมึ.
‘‘กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อตฺถฺู, ธมฺมฺู, มตฺตฺู, กาลฺู, ปริสฺู. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺเมเนว อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ; ตํ โหติ ธมฺมจกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิ’’นฺติ. ปมํ.
๒. ทุติยจกฺกานุวตฺตนสุตฺตํ
๑๓๒. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ จกฺกวตฺติสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต ปิตรา ปวตฺติตํ จกฺกํ ธมฺเมเนว อนุปฺปวตฺเตติ; ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ เกนจิ มนุสฺสภูเตน ปจฺจตฺถิเกน ปาณินา.
‘‘กตเมหิ ¶ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต อตฺถฺู จ โหติ, ธมฺมฺู จ, มตฺตฺู จ, กาลฺู จ, ปริสฺู จ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ จกฺกวตฺติสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต ปิตรา ปวตฺติตํ จกฺกํ ธมฺเมเนว อนุปฺปวตฺเตติ; ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ เกนจิ มนุสฺสภูเตน ปจฺจตฺถิเกน ปาณินา.
‘‘เอวเมวํ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สาริปุตฺโต ตถาคเตน อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ สมฺมเทว อนุปฺปวตฺเตติ; ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมึ.
‘‘กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต อตฺถฺู, ธมฺมฺู, มตฺตฺู ¶ , กาลฺู, ปริสฺู. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สาริปุตฺโต ตถาคเตน อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ สมฺมเทว อนุปฺปวตฺเตติ; ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิ’’นฺติ. ทุติยํ.
๓. ธมฺมราชาสุตฺตํ
๑๓๓. ‘‘โยปิ ¶ โส [โยปิ โข (สี. สฺยา. ปี.)], ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา, โสปิ น อราชกํ จกฺกํ วตฺเตตี’’ติ. เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก ปน, ภนฺเต, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส ธมฺมิกสฺส ธมฺมรฺโ ราชา’’ติ? ‘‘ธมฺโม, ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจ.
‘‘อิธ, ภิกฺขุ, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมฺเว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ อนฺโตชนสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขุ, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมฺเว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ ขตฺติเยสุ อนุยนฺเตสุ [อนุยุตฺเตสุ (สี.) อ. นิ. ๓.๑๔] …เป… พลกายสฺมึ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคมชานปเทสุ ¶ สมณพฺราหฺมเณสุ มิคปกฺขีสุ. ส ¶ โข โส, ภิกฺขุ, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมฺเว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา อนฺโตชนสฺมึ ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา ขตฺติเยสุ อนุยนฺเตสุ พลกายสฺมึ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคมชานปเทสุ สมณพฺราหฺมเณสุ มิคปกฺขีสุ ธมฺเมเนว จกฺกํ ปวตฺเตติ; ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ เกนจิ มนุสฺสภูเตน ปจฺจตฺถิเกน ¶ ปาณินา.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขุ, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมฺเว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ ภิกฺขูสุ – ‘เอวรูปํ กายกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ กายกมฺมํ น เสวิตพฺพํ; เอวรูปํ วจีกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ วจีกมฺมํ น เสวิตพฺพํ; เอวรูปํ มโนกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ มโนกมฺมํ น เสวิตพฺพํ; เอวรูโป อาชีโว เสวิตพฺโพ, เอวรูโป อาชีโว น เสวิตพฺโพ; เอวรูโป คามนิคโม เสวิตพฺโพ, เอวรูโป คามนิคโม น เสวิตพฺโพ’ติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขุ, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมฺเว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ ภิกฺขุนีสุ [ภิกฺขูสุ ภิกฺขุนีสุ (สี. ปี.)] …เป… อุปาสเกสุ…เป… อุปาสิกาสุ – ‘เอวรูปํ กายกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ กายกมฺมํ น เสวิตพฺพํ; เอวรูปํ วจีกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ วจีกมฺมํ น เสวิตพฺพํ; เอวรูปํ มโนกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ มโนกมฺมํ น เสวิตพฺพํ; เอวรูโป อาชีโว เสวิตพฺโพ, เอวรูโป อาชีโว น เสวิตพฺโพ; เอวรูโป คามนิคโม เสวิตพฺโพ, เอวรูโป คามนิคโม น เสวิตพฺโพ’’’ติ.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขุ, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมิโก ¶ ธมฺมราชา ธมฺมฺเว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา ภิกฺขูสุ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา ภิกฺขุนีสุ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา อุปาสเกสุ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา อุปาสิกาสุ ธมฺเมเนว อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ; ตํ โหติ จกฺกํ ¶ อปฺปฏิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิ’’นฺติ. ตติยํ.
๔. ยสฺสํทิสํสุตฺตํ
๑๓๔. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต ยสฺสํ ยสฺสํ ทิสายํ วิหรติ, สกสฺมึเยว วิชิเต วิหรติ.
‘‘กตเมหิ ¶ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต อุภโต สุชาโต โหติ มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน; อฑฺโฒ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค ปริปุณฺณโกสโกฏฺาคาโร; พลวา โข ปน โหติ จตุรงฺคินิยา เสนาย สมนฺนาคโต อสฺสวาย โอวาทปฏิกราย; ปริณายโก โข ปนสฺส โหติ ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี ปฏิพโล อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเน อตฺเถ จินฺเตตุํ; ตสฺสิเม จตฺตาโร ธมฺมา ยสํ ปริปาเจนฺติ. โส อิมินา ยสปฺจเมน ¶ [ยเสน ปฺจเมน (ก.), ปฺจเมน (สี.)] ธมฺเมน สมนฺนาคโต ยสฺสํ ยสฺสํ ทิสายํ วิหรติ, สกสฺมึเยว วิชิเต วิหรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺเหตํ, ภิกฺขเว, โหติ วิชิตาวีนํ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ยสฺสํ ยสฺสํ ทิสายํ วิหรติ, วิมุตฺตจิตฺโตว [วิมุตฺตจิตฺโต (สี. ปี.), วิมุตฺตจิตฺโต จ (ก.)] วิหรติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ – ราชาว ¶ ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต ชาติสมฺปนฺโน; พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา – ราชาว ¶ ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค ปริปุณฺณโกสโกฏฺาคาโร; อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ – ราชาว ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต พลสมฺปนฺโน; ปฺวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา – ราชาว ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต ปริณายกสมฺปนฺโน; ตสฺสิเม จตฺตาโร ธมฺมา วิมุตฺตึ ปริปาเจนฺติ ¶ . โส อิมินา วิมุตฺติปฺจเมน ธมฺเมน สมนฺนาคโต ยสฺสํ ยสฺสํ ทิสายํ วิหรติ วิมุตฺตจิตฺโตว วิหรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺเหตํ, ภิกฺขเว, โหติ วิมุตฺตจิตฺตาน’’นฺติ. จตุตฺถํ.
๕. ปมปตฺถนาสุตฺตํ
๑๓๕. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต รชฺชํ ปตฺเถติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต อุภโต สุชาโต โหติ มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน; อภิรูโป โหติ ¶ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต; มาตาปิตูนํ ปิโย โหติ มนาโป; เนคมชานปทสฺส ปิโย โหติ มนาโป; ยานิ ตานิ รฺํ ขตฺติยานํ มุทฺธาวสิตฺตานํ สิปฺปฏฺานานิ หตฺถิสฺมึ วา อสฺสสฺมึ วา รถสฺมึ วา ธนุสฺมึ วา ถรุสฺมึ วา ตตฺถ สิกฺขิโต โหติ อนวโย.
‘‘ตสฺส ¶ เอวํ โหติ – ‘อหํ โขมฺหิ อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน. กสฺมาหํ รชฺชํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต. กสฺมาหํ รชฺชํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ มาตาปิตูนํ ปิโย มนาโป. กสฺมาหํ รชฺชํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ เนคมชานปทสฺส ปิโย มนาโป. กสฺมาหํ รชฺชํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ ยานิ ตานิ รฺํ ขตฺติยานํ มุทฺธาวสิตฺตานํ ¶ สิปฺปฏฺานานิ หตฺถิสฺมึ วา อสฺสสฺมึ วา รถสฺมึ วา ธนุสฺมึ วา ถรุสฺมึ วา, ตตฺถ [ตตฺถมฺหิ (สี.), ตตฺถปิ (ก.)] สิกฺขิโต อนวโย. กสฺมาหํ รชฺชํ น ปตฺเถยฺย’นฺติ! อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต รชฺชํ ปตฺเถติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาสวานํ ขยํ ปตฺเถติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ¶ ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก, สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมาย; อสโ โหติ อมายาวี, ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกตฺตา สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ; อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ; ปฺวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา.
‘‘ตสฺส ¶ เอวํ โหติ – ‘อหํ โขมฺหิ สทฺโธ, สทฺทหามิ ตถาคตสฺส โพธึ – อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. ‘กสฺมาหํ อาสวานํ ¶ ขยํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ อปฺปาพาโธ อปฺปาตงฺโก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมาย. กสฺมาหํ อาสวานํ ขยํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ อสโ อมายาวี ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกตฺตา สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ. กสฺมาหํ อาสวานํ ขยํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ อารทฺธวีริโย วิหรามิ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. กสฺมาหํ อาสวานํ ¶ ขยํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ ปฺวา อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา. กสฺมาหํ อาสวานํ ขยํ น ปตฺเถยฺย’นฺติ! อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาสวานํ ขยํ ปตฺเถตี’’ติ. ปฺจมํ.
๖. ทุติยปตฺถนาสุตฺตํ
๑๓๖. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต โอปรชฺชํ [อุปรชฺชํ (สฺยา. ปี. ก.)] ปตฺเถติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต อุภโต สุชาโต โหติ มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน; อภิรูโป โหติ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต; มาตาปิตูนํ ปิโย โหติ มนาโป, พลกายสฺส ปิโย โหติ มนาโป; ปณฺฑิโต โหติ วิยตฺโต เมธาวี ปฏิพโล อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเน อตฺเถ จินฺเตตุํ.
‘‘ตสฺส ¶ เอวํ โหติ – ‘อหํ โขมฺหิ อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน. กสฺมาหํ โอปรชฺชํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต. กสฺมาหํ โอปรชฺชํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ มาตาปิตูนํ ปิโย ¶ มนาโป. กสฺมาหํ โอปรชฺชํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ ¶ โขมฺหิ พลกายสฺส ปิโย มนาโป. กสฺมาหํ โอปรชฺชํ ¶ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี ปฏิพโล อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเน อตฺเถ จินฺเตตุํ. กสฺมาหํ โอปรชฺชํ น ปตฺเถยฺย’นฺติ! อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต โอปรชฺชํ ปตฺเถติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาสวานํ ขยํ ปตฺเถติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ…เป… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ; พหุสฺสุโต โหติ…เป… ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา; จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สุปฺปติฏฺิตจิตฺโต [สุปฏฺิตจิตฺโต (สี. สฺยา.), สูปฏฺิตจิตฺโต (ก.)] โหติ; อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ; ปฺวา โหติ, อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา.
‘‘ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โขมฺหิ สีลวา, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรามิ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขามิ สิกฺขาปเทสุ. กสฺมาหํ อาสวานํ ขยํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ พหุสฺสุโต สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ [สตฺถา พฺยฺชนา (สี.)] เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปา เม ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา. กสฺมาหํ อาสวานํ ขยํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สุปฺปติฏฺิตจิตฺโต. กสฺมาหํ อาสวานํ ขยํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ อารทฺธวีริโย วิหรามิ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. กสฺมาหํ อาสวานํ ขยํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ ปฺวา อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย ¶ สมฺมา ¶ ทุกฺขกฺขยคามินิยา. กสฺมาหํ อาสวานํ ขยํ น ปตฺเถยฺย’นฺติ! อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาสวานํ ขยํ ปตฺเถตี’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. อปฺปํสุปติสุตฺตํ
๑๓๗. ‘‘ปฺจิเม ¶ ¶ , ภิกฺขเว, อปฺปํ รตฺติยา สุปนฺติ, พหุํ ชคฺคนฺติ. กตเม ปฺจ? อิตฺถี, ภิกฺขเว, ปุริสาธิปฺปายา อปฺปํ รตฺติยา สุปติ, พหุํ ชคฺคติ. ปุริโส, ภิกฺขเว, อิตฺถาธิปฺปาโย อปฺปํ รตฺติยา สุปติ, พหุํ ชคฺคติ. โจโร, ภิกฺขเว, อาทานาธิปฺปาโย อปฺปํ รตฺติยา สุปติ, พหุํ ชคฺคติ. ราชา [ราชยุตฺโต (ปี. ก.)], ภิกฺขเว, ราชกรณีเยสุ ยุตฺโต อปฺปํ รตฺติยา สุปติ, พหุํ ชคฺคติ. ภิกฺขุ, ภิกฺขเว, วิสํโยคาธิปฺปาโย อปฺปํ รตฺติยา สุปติ, พหุํ ชคฺคติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อปฺปํ รตฺติยา สุปนฺติ, พหุํ ชคฺคนฺตี’’ติ. สตฺตมํ.
๘. ภตฺตาทกสุตฺตํ
๑๓๘. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค ภตฺตาทโก จ โหติ โอกาสผรโณ จ ลณฺฑสารโณ จ สลากคฺคาหี จ รฺโ นาโคตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ รูปานํ, อกฺขโม สทฺทานํ, อกฺขโม คนฺธานํ, อกฺขโม รสานํ, อกฺขโม โผฏฺพฺพานํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค ภตฺตาทโก จ โอกาสผรโณ จ ลณฺฑสารโณ จ สลากคฺคาหี จ, รฺโ นาโคตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภตฺตาทโก จ โหติ, โอกาสผรโณ จ มฺจปีมทฺทโน [ปีมทฺทโน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] จ สลากคฺคาหี จ, ภิกฺขุตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ รูปานํ, อกฺขโม สทฺทานํ, อกฺขโม คนฺธานํ, อกฺขโม รสานํ, อกฺขโม โผฏฺพฺพานํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ¶ ภตฺตาทโก จ โหติ โอกาสผรโณ จ มฺจปีมทฺทโน จ สลากคฺคาหี จ, ภิกฺขุตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ. อฏฺมํ.
๙. อกฺขมสุตฺตํ
๑๓๙. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค น ราชารโห โหติ น ราชโภคฺโค, น รฺโ องฺคํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ ¶ . กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ รูปานํ, อกฺขโม สทฺทานํ, อกฺขโม คนฺธานํ, อกฺขโม รสานํ, อกฺขโม โผฏฺพฺพานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ รูปานํ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต หตฺถิกายํ วา ทิสฺวา อสฺสกายํ วา ทิสฺวา รถกายํ วา ทิสฺวา ปตฺติกายํ วา ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ น สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ รูปานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ สทฺทานํ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต หตฺถิสทฺทํ วา สุตฺวา อสฺสสทฺทํ วา สุตฺวา รถสทฺทํ วา สุตฺวา ปตฺติสทฺทํ วา สุตฺวา เภริปณวสงฺขติณวนินฺนาทสทฺทํ วา สุตฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ น สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ สทฺทานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ คนฺธานํ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต เย เต รฺโ นาคา อภิชาตา สงฺคามาวจรา เตสํ มุตฺตกรีสสฺส คนฺธํ ฆายิตฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ น สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ คนฺธานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ ¶ รสานํ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต เอกิสฺสา วา ติโณทกทตฺติยา วิมานิโต [วิหนีโต (สฺยา.), วิหานิโต (กตฺถจิ)] ทฺวีหิ วา ตีหิ วา จตูหิ วา ปฺจหิ วา ติโณทกทตฺตีหิ วิมานิโต สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ น สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ รสานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ โผฏฺพฺพานํ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ¶ สงฺคามคโต เอเกน วา สรเวเคน วิทฺโธ, ทฺวีหิ วา ตีหิ วา จตูหิ วา ปฺจหิ วา สรเวเคหิ วิทฺโธ สํสีทติ วิสีทติ, น ¶ สนฺถมฺภติ น สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ โผฏฺพฺพานํ.
‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค น ราชารโห โหติ น ราชโภคฺโค น รฺโ องฺคํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ น อาหุเนยฺโย โหติ น ปาหุเนยฺโย น ทกฺขิเณยฺโย น อฺชลิกรณีโย น อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ รูปานํ, อกฺขโม สทฺทานํ, อกฺขโม คนฺธานํ, อกฺขโม รสานํ, อกฺขโม โผฏฺพฺพานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ รูปานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา รชนีเย รูเป สารชฺชติ, น สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ รูปานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ สทฺทานํ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสเตน ¶ สทฺทํ สุตฺวา รชนีเย สทฺเท สารชฺชติ, น สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ สทฺทานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ คนฺธานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา รชนีเย คนฺเธ สารชฺชติ, น สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ คนฺธานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ รสานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา รชนีเย รเส สารชฺชติ, น สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ รสานํ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ โผฏฺพฺพานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา รชนีเย โผฏฺพฺเพ สารชฺชติ, น สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ โผฏฺพฺพานํ.
‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ น อาหุเนยฺโย โหติ น ปาหุเนยฺโย น ทกฺขิเณยฺโย น อฺชลิกรณีโย น อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส.
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ รูปานํ, ขโม สทฺทานํ, ขโม คนฺธานํ, ขโม รสานํ, ขโม โผฏฺพฺพานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ รูปานํ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต หตฺถิกายํ วา ทิสฺวา อสฺสกายํ วา ทิสฺวา รถกายํ วา ทิสฺวา ปตฺติกายํ วา ¶ ทิสฺวา น สํสีทติ น วิสีทติ, สนฺถมฺภติ สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ รูปานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ สทฺทานํ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต หตฺถิสทฺทํ วา สุตฺวา อสฺสสทฺทํ วา สุตฺวา รถสทฺทํ วา สุตฺวา ปตฺติสทฺทํ วา สุตฺวา เภริปณวสงฺขติณวนินฺนาทสทฺทํ วา สุตฺวา น สํสีทติ น วิสีทติ, สนฺถมฺภติ สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ สทฺทานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ คนฺธานํ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต เย เต รฺโ นาคา อภิชาตา สงฺคามาวจรา เตสํ มุตฺตกรีสสฺส คนฺธํ ฆายิตฺวา น สํสีทติ น วิสีทติ, สนฺถมฺภติ สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ คนฺธานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ รสานํ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต เอกิสฺสา วา ติโณทกทตฺติยา วิมานิโต ทฺวีหิ วา ตีหิ วา จตูหิ วา ปฺจหิ ¶ วา ติโณทกทตฺตีหิ วิมานิโต น สํสีทติ น วิสีทติ, สนฺถมฺภติ สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ รสานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ โผฏฺพฺพานํ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต เอเกน วา สรเวเคน วิทฺโธ, ทฺวีหิ วา ตีหิ วา จตูหิ วา ปฺจหิ วา สรเวเคหิ วิทฺโธ น สํสีทติ น วิสีทติ, สนฺถมฺภติ สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ โผฏฺพฺพานํ.
‘‘อิเมหิ ¶ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ รูปานํ, ขโม สทฺทานํ, ขโม คนฺธานํ, ขโม รสานํ, ขโม โผฏฺพฺพานํ ¶ .
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ รูปานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา รชนีเย รูเป น สารชฺชติ, สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ รูปานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ สทฺทานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา รชนีเย สทฺเท น สารชฺชติ, สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ สทฺทานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ คนฺธานํ. อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา รชนีเย คนฺเธ น สารชฺชติ, สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ คนฺธานํ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ รสานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา รชนีเย รเส น สารชฺชติ, สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ รสานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ โผฏฺพฺพานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา รชนีเย โผฏฺพฺเพ น สารชฺชติ, สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ โผฏฺพฺพานํ.
‘‘อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. นวมํ.
๑๐. โสตสุตฺตํ
๑๔๐. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. กตเมหิ ¶ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค โสตา จ โหติ, หนฺตา จ, รกฺขิตา จ, ขนฺตา จ, คนฺตา จ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค โสตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ยเมนํ หตฺถิทมฺมสารถิ [หตฺถิทมฺมสารถี (สี.)] การณํ กาเรติ – ยทิ วา กตปุพฺพํ ยทิ วา อกตปุพฺพํ ¶ – ตํ อฏฺึ กตฺวา [อฏฺิกตฺวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.) อ. นิ. ๔.๑๑๔] มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตสา [สพฺพเจตสา (?)] สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต สุณาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค โสตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค หนฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต หตฺถิมฺปิ หนติ [หนฺติ (สี. ปี.)], หตฺถารุหมฺปิ หนติ, อสฺสมฺปิ หนติ, อสฺสารุหมฺปิ หนติ, รถมฺปิ หนติ, รถิกมฺปิ [รถารุหมฺปิ (ปี.)] หนติ, ปตฺติกมฺปิ หนติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค หนฺตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค รกฺขิตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต ¶ รกฺขติ ปุริมํ กายํ, รกฺขติ ปจฺฉิมํ กายํ, รกฺขติ ปุริเม ปาเท, รกฺขติ ปจฺฉิเม ปาเท, รกฺขติ สีสํ, รกฺขติ กณฺเณ, รกฺขติ ทนฺเต, รกฺขติ โสณฺฑํ, รกฺขติ วาลธึ, รกฺขติ หตฺถารุหํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค รกฺขิตา โหติ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขนฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต ขโม โหติ สตฺติปฺปหารานํ อสิปฺปหารานํ อุสุปฺปหารานํ ผรสุปฺปหารานํ เภริปณวสงฺขติณวนินฺนาทสทฺทานํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขนฺตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค คนฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ยเมนํ หตฺถิทมฺมสารถิ ทิสํ เปเสติ – ยทิ วา คตปุพฺพํ ยทิ วา อคตปุพฺพํ – ตํ ขิปฺปเมว คนฺตา โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค คนฺตา โหติ.
‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.
‘‘เอวเมวํ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสตา จ โหติ, หนฺตา จ, รกฺขิตา ¶ จ, ขนฺตา จ, คนฺตา จ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย เทสิยมาเน อฏฺึกตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ หนฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ, ปชหติ วิโนเทติ (หนติ) [( ) นตฺถิ สี. ปี. โปตฺถเกสุ อ. นิ. ๔.๑๑๔] พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติ; อุปฺปนฺนํ พฺยาปาทวิตกฺกํ…เป… อุปฺปนฺนํ วิหึสาวิตกฺกํ…เป… อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม นาธิวาเสติ ¶ , ปชหติ วิโนเทติ (หนติ) [( ) นตฺถิ สี. ปี. โปตฺถเกสุ อ. นิ. ๔.๑๑๔] พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ หนฺตา โหติ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ รกฺขิตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ; รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ; จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ; รกฺขติ มนินฺทฺริยํ; มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ รกฺขิตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขนฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺส ชิฆจฺฉาย ปิปาสาย ฑํสมกสวาตาตปสรีส [… สิรึสป (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปสมฺผสฺสานํ; ทุรุตฺตานํ ทุราคตานํ วจนปถานํ อุปฺปนฺนานํ สารีริกานํ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ ขรานํ กฏุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ ¶ อธิวาสกชาติโก โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขนฺตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คนฺตา โหติ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยา สา ทิสา อคตปุพฺพา อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา, ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํ, ตํ ขิปฺปฺเว คนฺตา โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ¶ คนฺตา โหติ.
‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ…เป… อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. ทสมํ.
ราชวคฺโค จตุตฺโถ.
ตสฺสุทฺทานํ –
จกฺกานุวตฺตนา ราชา, ยสฺสํทิสํ ทฺเว เจว ปตฺถนา;
อปฺปํสุปติ ภตฺตาโท, อกฺขโม จ โสเตน จาติ.