📜
(๑๕) ๕. ติกณฺฑกีวคฺโค
๑. อวชานาติสุตฺตํ
๑๔๑. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ปฺจ? ทตฺวา อวชานาติ, สํวาเสน อวชานาติ, อาเธยฺยมุโข [อาทิยฺยมุโข (สี.), อาเทยฺยมุโข (สฺยา. กํ.), อาทิยมุโข (ปี.) อฏฺกถาย ปมสํวณฺณนานุรูปํ. ปุ. ป. ๑๙๓ ปสฺสิตพฺพํ] โหติ, โลโล โหติ, มนฺโท โมมูโห โหติ [มนฺโท โหติ โมมูโห (สี.)].
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ทตฺวา อวชานาติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปุคฺคลสฺส เทติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ เทมิ; อยํ ปฏิคฺคณฺหาตี’ติ. ตเมนํ ทตฺวา อวชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ทตฺวา อวชานาติ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สํวาเสน อวชานาติ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปุคฺคเลน สทฺธึ สํวสติ ทฺเว วา ตีณิ วา วสฺสานิ. ตเมนํ สํวาเสน อวชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สํวาเสน อวชานาติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อาเธยฺยมุโข ¶ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ปรสฺส วณฺเณ วา อวณฺเณ วา ภาสิยมาเน ตํ ขิปฺปฺเว อธิมุจฺจิตา [อธิมุจฺจิโต (สฺยา.)] โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อาเธยฺยมุโข โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล โลโล โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อิตฺตรสทฺโธ โหติ อิตฺตรภตฺตี อิตฺตรเปโม อิตฺตรปฺปสาโท. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล โลโล โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล มนฺโท โมมูโห โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล กุสลากุสเล ธมฺเม น ชานาติ, สาวชฺชานวชฺเช ธมฺเม น ชานาติ, หีนปฺปณีเต ธมฺเม น ชานาติ ¶ , กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาเค ธมฺเม น ชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล มนฺโท โมมูโห โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’นฺติ. ปมํ.
๒. อารภติสุตฺตํ
๑๔๒. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อารภติ จ วิปฺปฏิสารี จ โหติ; ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ.
[ปุ. ป. ๑๙๑] ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อารภติ, น วิปฺปฏิสารี โหติ; ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล น อารภติ, วิปฺปฏิสารี ¶ โหติ; ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ¶ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ.
‘‘อิธ ¶ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล น อารภติ น วิปฺปฏิสารี โหติ; ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล น อารภติ น วิปฺปฏิสารี โหติ; ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ ปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ ปุคฺคโล อารภติ จ วิปฺปฏิสารี จ โหติ, ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา ¶ นิรุชฺฌนฺติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมโต โข อารมฺภชา [อารพฺภชา (ปี. ก.), อารภชา (สฺยา. กํ.)] อาสวา สํวิชฺชนฺติ, วิปฺปฏิสารชา อาสวา ปวฑฺฒนฺติ [สํวฑฺฒนฺติ (ก.)], สาธุ วตายสฺมา อารมฺภเช อาสเว ปหาย วิปฺปฏิสารเช อาสเว ปฏิวิโนเทตฺวา จิตฺตํ ปฺฺจ ภาเวตุ [ภาเวตุํ (สี. ปี.)]; เอวมายสฺมา อมุนา ปฺจเมน ปุคฺคเลน สมสโม ภวิสฺสตี’’’ติ.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ ปุคฺคโล อารภติ น วิปฺปฏิสารี โหติ, ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมโต โข อารมฺภชา อาสวา สํวิชฺชนฺติ, วิปฺปฏิสารชา อาสวา น ปวฑฺฒนฺติ, สาธุ วตายสฺมา อารมฺภเช อาสเว ปหาย จิตฺตํ ปฺฺจ ภาเวตุ; เอวมายสฺมา ¶ อมุนา ปฺจเมน ปุคฺคเลน สมสโม ภวิสฺสตี’’’ติ.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ ปุคฺคโล น อารภติ วิปฺปฏิสารี โหติ, ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมโต ¶ โข อารมฺภชา อาสวา น สํวิชฺชนฺติ, วิปฺปฏิสารชา อาสวา ปวฑฺฒนฺติ, สาธุ วตายสฺมา วิปฺปฏิสารเช อาสเว ปฏิวิโนเทตฺวา จิตฺตํ ปฺฺจ ภาเวตุ; เอวมายสฺมา อมุนา ปฺจเมน ปุคฺคเลน สมสโม ภวิสฺสตี’’’ ติ.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ ปุคฺคโล น อารภติ น วิปฺปฏิสารี โหติ, ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา ¶ อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมโต โข อารมฺภชา อาสวา น สํวิชฺชนฺติ, วิปฺปฏิสารชา อาสวา น ปวฑฺฒนฺติ, สาธุ วตายสฺมา จิตฺตํ ปฺฺจ ภาเวตุ; เอวมายสฺมา อมุนา ปฺจเมน ปุคฺคเลน สมสโม ภวิสฺสตี’’’ติ.
‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อิเม จตฺตาโร ปุคฺคลา อมุนา ปฺจเมน ปุคฺคเลน เอวํ โอวทิยมานา เอวํ อนุสาสิยมานา อนุปุพฺเพน อาสวานํ ขยํ ปาปุณนฺตี’’ติ [ปุ. ป. ๑๙๑]. ทุติยํ.
๓. สารนฺททสุตฺตํ
๑๔๓. เอกํ ¶ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เตน โข ปน สมเยน ปฺจมตฺตานํ ลิจฺฉวิสตานํ สารนฺทเท เจติเย สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา ¶ อุทปาทิ – ‘‘ปฺจนฺนํ รตนานํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. กตเมสํ ปฺจนฺนํ? หตฺถิรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, อสฺสรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, มณิรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, อิตฺถิรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, คหปติรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. อิเมสํ ปฺจนฺนํ รตนานํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมิ’’นฺติ.
อถ ¶ โข เต ลิจฺฉวี มคฺเค ปุริสํ เปสุํ [เปเสสุํ (สฺยา. ก.)] – ‘‘ยทา ตฺวํ [ยถา ตฺวํ (สี. ปี.)], อมฺโภ ปุริส, ปสฺเสยฺยาสิ ภควนฺตํ, อถ อมฺหากํ อาโรเจยฺยาสี’’ติ. อทฺทสา โข โส ปุริโส ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ; ทิสฺวาน เยน เต ลิจฺฉวี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ลิจฺฉวี เอตทโวจ – ‘‘อยํ โส, ภนฺเต, ภควา คจฺฉติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ; ยสฺสทานิ กาลํ มฺถา’’ติ.
อถ โข เต ลิจฺฉวี เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข เต ลิจฺฉวี ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –
‘‘สาธุ, ภนฺเต, เยน สารนฺททํ เจติยํ เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข ภควา เยน ¶ สารนฺททํ เจติยํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา เต ลิจฺฉวี เอตทโวจ – ‘‘กาย นุตฺถ, ลิจฺฉวี, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา, กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ? ‘‘อิธ, ภนฺเต, อมฺหากํ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘ปฺจนฺนํ รตนานํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. กตเมสํ ปฺจนฺนํ ¶ ? หตฺถิรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, อสฺสรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, มณิรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, อิตฺถิรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, คหปติรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. อิเมสํ ปฺจนฺนํ รตนานํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมิ’’’นฺติ.
‘‘กามาธิมุตฺตานํ ¶ วต, โภ, ลิจฺฉวีนํ [กามาธิมุตฺตานํ วต โว ลิจฺฉวีนํ (สี.), กามาธิมุตฺตานํ วต โว ลิจฺฉวี (สฺยา.), กามาธิมุตฺตานํว โว ลิจฺฉวี (?)] กามํเยว อารพฺภ อนฺตรากถา อุทปาทิ. ปฺจนฺนํ, ลิจฺฉวี, รตนานํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. กตเมสํ ปฺจนฺนํ? ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, ตถาคตปฺปเวทิตสฺส ธมฺมวินยสฺส ¶ เทเสตา ปุคฺคโล ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, ตถาคตปฺปเวทิตสฺส ธมฺมวินยสฺส เทสิตสฺส วิฺาตา ปุคฺคโล ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, ตถาคตปฺปเวทิตสฺส ธมฺมวินยสฺส เทสิตสฺส วิฺาตา [วิฺาตสฺส (สี. ปี.) อ. นิ. ๕.๑๙๕] ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน ปุคฺคโล ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, กตฺู กตเวที ปุคฺคโล ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. อิเมสํ โข, ลิจฺฉวี, ปฺจนฺนํ รตนานํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมิ’’นฺติ. ตติยํ.
๔. ติกณฺฑกีสุตฺตํ
๑๔๔. เอกํ สมยํ ภควา สาเกเต วิหรติ ติกณฺฑกีวเน [กณฺฑกีวเน (สํ. นิ. ๕.๙๐๒)]. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ อปฺปฏิกูเล ปฏิกูลสฺี [อปฺปฏิกฺกูเล ปฏิกฺกูลสฺี (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วิหเรยฺย. สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย. สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ อปฺปฏิกูเล จ ปฏิกูเล ¶ จ ปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย. สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูลสฺี ¶ วิหเรยฺย. สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ ปฏิกูลฺจ อปฺปฏิกูลฺจ ตทุภยํ อภินิวชฺเชตฺวา อุเปกฺขโก วิหเรยฺย สโต สมฺปชาโน.
‘‘กิฺจ [กถฺจ (สี. ปี. ก.)], ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ อปฺปฏิกูเล ปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย? ‘มา เม รชนีเยสุ ธมฺเมสุ ราโค อุทปาที’ติ – อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ อปฺปฏิกูเล ปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย? ‘มา เม โทสนีเยสุ ธมฺเมสุ โทโส อุทปาที’ติ – อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย.
‘‘กิฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ¶ ปฏิจฺจ อปฺปฏิกูเล จ ปฏิกูเล จ ปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย? ‘มา เม รชนีเยสุ ธมฺเมสุ ราโค อุทปาทิ, มา เม โทสนีเยสุ ธมฺเมสุ โทโส อุทปาที’ติ – อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ อปฺปฏิกูเล จ ปฏิกูเล จ ปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย? ‘มา เม โทสนีเยสุ ธมฺเมสุ โทโส อุทปาทิ, มา เม รชนีเยสุ ธมฺเมสุ ราโค อุทปาที’ติ – อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ปฏิกูลฺจ อปฺปฏิกูลฺจ ตทุภยํ อภินิวชฺเชตฺวา อุเปกฺขโก วิหเรยฺย? ‘สโต สมฺปชาโน มา เม ¶ กฺวจนิ [กฺวจินิ (สี. สฺยา. ปี.)] กตฺถจิ กิฺจนํ [กิฺจน (สี. ปี.)] รชนีเยสุ ธมฺเมสุ ราโค อุทปาทิ, มา เม กฺวจนิ กตฺถจิ กิฺจนํ โทสนีเยสุ ธมฺเมสุ โทโส อุทปาทิ, มา เม กฺวจนิ กตฺถจิ กิฺจนํ โมหนีเยสุ ธมฺเมสุ โมโห อุทปาที’ติ – อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ปฏิกูลฺจ อปฺปฏิกูลฺจ ตทุภยํ อภินิวชฺเชตฺวา อุเปกฺขโก วิหเรยฺย สโต สมฺปชาโน’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. นิรยสุตฺตํ
๑๔๕. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารี ¶ โหติ, มุสาวาที โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ. ปฺจมํ.
๖. มิตฺตสุตฺตํ
๑๔๖. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ มิตฺโต น เสวิตพฺโพ. กตเมหิ ปฺจหิ? กมฺมนฺตํ กาเรติ, อธิกรณํ อาทิยติ, ปาโมกฺเขสุ ภิกฺขูสุ ปฏิวิรุทฺโธ โหติ, ทีฆจาริกํ อนวตฺถจาริกํ [อวตฺถานจาริกํ (สฺยา.)] อนุยุตฺโต วิหรติ, นปฺปฏิพโล โหติ กาเลน กาลํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตุํ ¶ สมาทเปตุํ สมุตฺเตเชตุํ สมฺปหํเสตุํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ มิตฺโต น เสวิตพฺโพ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ มิตฺโต เสวิตพฺโพ. กตเมหิ ปฺจหิ? น กมฺมนฺตํ กาเรติ, น อธิกรณํ อาทิยติ, น ปาโมกฺเขสุ ภิกฺขูสุ ปฏิวิรุทฺโธ โหติ, น ทีฆจาริกํ อนวตฺถจาริกํ อนุยุตฺโต วิหรติ, ปฏิพโล โหติ กาเลน กาลํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตุํ สมาทเปตุํ สมุตฺเตเชตุํ สมฺปหํเสตุํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ มิตฺโต เสวิตพฺโพ’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. อสปฺปุริสทานสุตฺตํ
๑๔๗. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสทานานิ. กตมานิ ปฺจ? อสกฺกจฺจํ เทติ, อจิตฺตีกตฺวา [อจิตฺติกตฺวา (ปี.), อจิตึ กตฺวา (สฺยา.), อจิตฺตึ กตฺวา (ก.)] เทติ, อสหตฺถา เทติ, อปวิทฺธํ [อปวิฏฺฏํ (สฺยา. กํ.)] เทติ, อนาคมนทิฏฺิโก เทติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อสปฺปุริสทานานิ.
‘‘ปฺจิมานิ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, สปฺปุริสทานานิ. กตมานิ ปฺจ? สกฺกจฺจํ เทติ, จิตฺตีกตฺวา เทติ, สหตฺถา เทติ, อนปวิทฺธํ เทติ, อาคมนทิฏฺิโก เทติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สปฺปุริสทานานี’’ติ. สตฺตมํ.
๘. สปฺปุริสทานสุตฺตํ
๑๔๘. ‘‘ปฺจิมานิ ¶ , ภิกฺขเว, สปฺปุริสทานานิ. กตมานิ ปฺจ? สทฺธาย ทานํ เทติ, สกฺกจฺจํ ทานํ เทติ, กาเลน ทานํ เทติ, อนุคฺคหิตจิตฺโต [อนคฺคหิตจิตฺโต (สี.)] ทานํ เทติ, อตฺตานฺจ ปรฺจ อนุปหจฺจ ทานํ เทติ.
‘‘สทฺธาย โข ปน, ภิกฺขเว, ทานํ ทตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ตสฺส ทานสฺส ¶ วิปาโก นิพฺพตฺตติ, อฑฺโฒ จ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค, อภิรูโป จ โหติ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต.
‘‘สกฺกจฺจํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทานํ ทตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ตสฺส ทานสฺส วิปาโก นิพฺพตฺตติ, อฑฺโฒ จ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค. เยปิสฺส เต โหนฺติ ปุตฺตาติ วา ทาราติ วา ทาสาติ วา เปสฺสาติ วา กมฺมกราติ [กมฺมการาติ (ก.)] วา, เตปิ สุสฺสูสนฺติ โสตํ โอทหนฺติ อฺา จิตฺตํ อุปฏฺเปนฺติ.
‘‘กาเลน โข ปน, ภิกฺขเว, ทานํ ทตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ตสฺส ทานสฺส วิปาโก นิพฺพตฺตติ, อฑฺโฒ จ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค; กาลาคตา จสฺส อตฺถา ปจุรา โหนฺติ.
‘‘อนุคฺคหิตจิตฺโต โข ปน, ภิกฺขเว, ทานํ ทตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ตสฺส ทานสฺส วิปาโก นิพฺพตฺตติ, อฑฺโฒ จ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค; อุฬาเรสุ จ ปฺจสุ กามคุเณสุ โภคาย จิตฺตํ นมติ.
‘‘อตฺตานฺจ ¶ ปรฺจ อนุปหจฺจ โข ปน, ภิกฺขเว, ทานํ ทตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ตสฺส ทานสฺส วิปาโก นิพฺพตฺตติ, อฑฺโฒ จ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค; น จสฺส กุโตจิ โภคานํ อุปฆาโต อาคจฺฉติ อคฺคิโต วา อุทกโต วา ราชโต วา โจรโต วา อปฺปิยโต วา ทายาทโต วา [อปฺปิยโต วา ทายาทโต วา (สี. สฺยา. กํ. ปี.), อปฺปิยทายาทโต วา (ก.)]. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สปฺปุริสทานานี’’ติ. อฏฺมํ.
๙. ปมสมยวิมุตฺตสุตฺตํ
๑๔๙. ‘‘ปฺจิเม ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? กมฺมารามตา, ภสฺสารามตา, นิทฺทารามตา ¶ , สงฺคณิการามตา, ยถาวิมุตฺตํ จิตฺตํ น ปจฺจเวกฺขติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺติ.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? น กมฺมารามตา, น ภสฺสารามตา, น นิทฺทารามตา, น สงฺคณิการามตา, ยถาวิมุตฺตํ จิตฺตํ ปจฺจเวกฺขติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. นวมํ.
๑๐. ทุติยสมยวิมุตฺตสุตฺตํ
๑๕๐. [กถา. ๒๖๗] ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? กมฺมารามตา, ภสฺสารามตา, นิทฺทารามตา, อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตา, โภชเน อมตฺตฺุตา. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺติ.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? น กมฺมารามตา, น ภสฺสารามตา, น นิทฺทารามตา, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา. อิเม ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. ทสมํ.
ติกณฺฑกีวคฺโค ปฺจโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
ทตฺวา อวชานาติ อารภติ จ, สารนฺทท ติกณฺฑ นิรเยน จ;
มิตฺโต อสปฺปุริสสปฺปุริเสน, สมยวิมุตฺตํ อปเร ทฺเวติ.
ตติยปณฺณาสกํ สมตฺตํ.
๔. จตุตฺถปณฺณาสกํ