📜
(๑๘) ๓. อุปาสกวคฺโค
๑. สารชฺชสุตฺตํ
๑๗๑. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ ¶ . ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก สารชฺชํ โอกฺกนฺโต โหติ. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารี โหติ, มุสาวาที โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก สารชฺชํ โอกฺกนฺโต โหติ.
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก วิสารโท โหติ. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก วิสารโท โหตี’’ติ. ปมํ.
๒. วิสารทสุตฺตํ
๑๗๒. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อวิสารโท อคารํ อชฺฌาวสติ. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตี ¶ โหติ…เป… สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อวิสารโท อคารํ อชฺฌาวสติ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก วิสารโท อคารํ อชฺฌาวสติ. กตเมหิ ¶ ปฺจหิ? ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก วิสารโท อคารํ อชฺฌาวสตี’’ติ. ทุติยํ.
๓. นิรยสุตฺตํ
๑๗๓. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต ¶ เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตี โหติ…เป… สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ. ตติยํ.
๔. เวรสุตฺตํ
๑๗๔. อถ ¶ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อนาถปิณฺฑิกํ คหปตึ ภควา เอตทโวจ –
‘‘ปฺจ, คหปติ, ภยานิ เวรานิ อปฺปหาย ‘ทุสฺสีโล’ อิติ วุจฺจติ, นิรยฺจ อุปปชฺชติ. กตมานิ ปฺจ? ปาณาติปาตํ, อทินฺนาทานํ, กาเมสุมิจฺฉาจารํ, มุสาวาทํ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ – อิมานิ ¶ โข, คหปติ, ปฺจ ภยานิ เวรานิ อปฺปหาย ‘ทุสฺสีโล’ อิติ วุจฺจติ, นิรยฺจ อุปปชฺชติ.
‘‘ปฺจ, คหปติ, ภยานิ เวรานิ ปหาย ‘สีลวา’ อิติ วุจฺจติ, สุคติฺจ อุปปชฺชติ ¶ . กตมานิ ปฺจ? ปาณาติปาตํ, อทินฺนาทานํ, กาเมสุมิจฺฉาจารํ, มุสาวาทํ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ – อิมานิ โข, คหปติ, ปฺจ ภยานิ เวรานิ ปหาย ‘สีลวา’ อิติ วุจฺจติ, สุคติฺจ อุปปชฺชติ.
‘‘ยํ, คหปติ, ปาณาติปาตี ปาณาติปาตปจฺจยา ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, เจตสิกมฺปิ ¶ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต เนว ทิฏฺธมฺมิกํ ภยํ เวรํ ปสวติ, น สมฺปรายิกํ ภยํ เวรํ ปสวติ, น เจตสิกํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. ปาณาติปาตา ปฏิวิรตสฺส เอวํ ตํ ภยํ เวรํ วูปสนฺตํ โหติ.
‘‘ยํ, คหปติ, อทินฺนาทายี…เป….
‘‘ยํ, คหปติ, กาเมสุมิจฺฉาจารี…เป….
‘‘ยํ, คหปติ, มุสาวาที…เป….
‘‘ยํ, คหปติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายี สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานปจฺจยา ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต เนว ทิฏฺธมฺมิกํ ภยํ เวรํ ปสวติ, น สมฺปรายิกํ ภยํ เวรํ ปสวติ, น เจตสิกํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรตสฺส เอวํ ตํ ภยํ เวรํ วูปสนฺตํ โหตี’’ติ.
‘‘โย ¶ ปาณมติปาเตติ, มุสาวาทฺจ ภาสติ;
โลเก อทินฺนํ อาทิยติ, ปรทารฺจ คจฺฉติ;
สุราเมรยปานฺจ, โย นโร อนุยฺุชติ.
‘‘อปฺปหาย ปฺจ เวรานิ, ทุสฺสีโล อิติ วุจฺจติ;
กายสฺส เภทา ทุปฺปฺโ, นิรยํ โสปปชฺชติ.
‘‘โย ¶ ปาณํ นาติปาเตติ, มุสาวาทํ น ภาสติ;
โลเก อทินฺนํ นาทิยติ, ปรทารํ น คจฺฉติ;
สุราเมรยปานฺจ ¶ , โย นโร นานุยฺุชติ.
‘‘ปหาย ปฺจ เวรานิ, สีลวา อิติ วุจฺจติ;
กายสฺส ¶ เภทา สปฺปฺโ, สุคตึ โสปปชฺชตี’’ติ. จตุตฺถํ;
๕. จณฺฑาลสุตฺตํ
๑๗๕. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกจณฺฑาโล จ โหติ อุปาสกมลฺจ อุปาสกปติกุฏฺโ จ [อุปาสกปติกิฏฺโ จ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. กตเมหิ ปฺจหิ? อสฺสทฺโธ โหติ; ทุสฺสีโล โหติ; โกตูหลมงฺคลิโก โหติ, มงฺคลํ ปจฺเจติ โน กมฺมํ; อิโต จ พหิทฺธา ทกฺขิเณยฺยํ คเวสติ; ตตฺถ จ ปุพฺพการํ กโรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกจณฺฑาโล จ โหติ อุปาสกมลฺจ อุปาสกปติกุฏฺโ จ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกรตนฺจ โหติ อุปาสกปทุมฺจ อุปาสกปุณฺฑรีกฺจ [อุปาสกปุณฺฑรีโก จ (ปี. ก.)]. กตเมหิ ปฺจหิ? สทฺโธ โหติ; สีลวา โหติ; อโกตูหลมงฺคลิโก โหติ, กมฺมํ ปจฺเจติ โน มงฺคลํ; น อิโต พหิทฺธา ทกฺขิเณยฺยํ คเวสติ; อิธ จ ปุพฺพการํ กโรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกรตนฺจ โหติ อุปาสกปทุมฺจ อุปาสกปุณฺฑรีกฺจา’’ติ. ปฺจมํ.
๖. ปีติสุตฺตํ
๑๗๖. อถ ¶ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ปฺจมตฺเตหิ อุปาสกสเตหิ ปริวุโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อนาถปิณฺฑิกํ คหปตึ ภควา เอตทโวจ –
‘‘ตุมฺเห โข, คหปติ, ภิกฺขุสงฺฆํ ปจฺจุปฏฺิตา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน ¶ . น โข, คหปติ, ตาวตเกเนว ตุฏฺิ กรณียา – ‘มยํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปจฺจุปฏฺิตา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรนา’ติ ¶ . ตสฺมาติห, คหปติ, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘กินฺติ ¶ มยํ กาเลน กาลํ ปวิเวกํ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยามา’ติ! เอวฺหิ โว, คหปติ, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ.
เอวํ วุตฺเต อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาว สุภาสิตํ จิทํ, ภนฺเต, ภควตา – ‘ตุมฺเห โข, คหปติ, ภิกฺขุสงฺฆํ ปจฺจุปฏฺิตา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน. น โข, คหปติ, ตาวตเกเนว ตุฏฺิ กรณียา – มยํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปจฺจุปฏฺิตา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรนาติ. ตสฺมาติห, คหปติ, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – กินฺติ มยํ กาเลน กาลํ ปวิเวกํ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยามาติ! เอวฺหิ โว, คหปติ, สิกฺขิตพฺพ’นฺติ. ยสฺมึ, ภนฺเต, สมเย อริยสาวโก ปวิเวกํ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ปฺจสฺส านานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺติ. ยมฺปิสฺส กามูปสํหิตํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยมฺปิสฺส กามูปสํหิตํ สุขํ โสมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยมฺปิสฺส อกุสลูปสํหิตํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยมฺปิสฺส อกุสลูปสํหิตํ สุขํ โสมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยมฺปิสฺส กุสลูปสํหิตํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยสฺมึ, ภนฺเต, สมเย อริยสาวโก ปวิเวกํ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อิมานิสฺส ปฺจ [อิมานิ ปฺจสฺส (สฺยา. กํ.)] านานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺตี’’ติ.
‘‘สาธุ ¶ สาธุ, สาริปุตฺต! ยสฺมึ, สาริปุตฺต, สมเย อริยสาวโก ¶ ปวิเวกํ ¶ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ปฺจสฺส านานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺติ. ยมฺปิสฺส กามูปสํหิตํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยมฺปิสฺส กามูปสํหิตํ สุขํ โสมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยมฺปิสฺส อกุสลูปสํหิตํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยมฺปิสฺส อกุสลูปสํหิตํ สุขํ โสมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยมฺปิสฺส กุสลูปสํหิตํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยสฺมึ, สาริปุตฺต, สมเย อริยสาวโก ปวิเวกํ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อิมานิสฺส [อิมาเนตฺถ (สี.)] ปฺจ านานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺตี’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. วณิชฺชาสุตฺตํ
๑๗๗. ‘‘ปฺจิมา ¶ , ภิกฺขเว, วณิชฺชา อุปาสเกน อกรณียา. กตมา ปฺจ? สตฺถวณิชฺชา, สตฺตวณิชฺชา, มํสวณิชฺชา, มชฺชวณิชฺชา, วิสวณิชฺชา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ วณิชฺชา อุปาสเกน อกรณียา’’ติ. สตฺตมํ.
๘. ราชาสุตฺตํ
๑๗๘. ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ วา สุตํ วา – ‘อยํ ปุริโส ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโตติ [ปฏิวิรโต โหตีติ (สี.), ปฏิวิรโต โหติ (สฺยา. กํ. ปี.)]. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา ปาณาติปาตา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยาปิ โข เอตํ, ภิกฺขเว, เนว ทิฏฺํ น สุตํ – ‘อยํ ปุริโส ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา ปาณาติปาตา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’ติ. อปิ จ, ขฺวสฺส ตเถว ปาปกมฺมํ ¶ ¶ ปเวเทนฺติ [ตเถว ปาปกํ กมฺมํ ปเวทยนฺติ (สี.), ตเทว ปาปกมฺมํ ปเวเทติ (สฺยา. กํ.)] – ‘อยํ ปุริโส อิตฺถึ วา ปุริสํ วา ชีวิตา โวโรเปสีติ [โวโรเปตีติ (สฺยา. กํ.)]. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา ปาณาติปาตเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ ¶ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺติ. อปิ นุ ตุมฺเหหิ เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา’’’ติ? ‘‘ทิฏฺฺจ โน, ภนฺเต, สุตฺจ สุยฺยิสฺสติ [สูยิสฺสติ (สี. ปี.)] จา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ วา สุตํ วา – ‘อยํ ปุริโส อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา อทินฺนาทานา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’’’ติ? ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยาปิ โข เอตํ, ภิกฺขเว, เนว ทิฏฺํ น สุตํ – ‘อยํ ปุริโส อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา อทินฺนาทานา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’ติ. อปิ จ ขฺวสฺส ตเถว ปาปกมฺมํ ปเวเทนฺติ – ‘อยํ ปุริโส คามา วา อรฺา วา อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยีติ [อาทิยติ (สฺยา. กํ.)]. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา อทินฺนาทานเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ ¶ วา กโรนฺติ. อปิ นุ ตุมฺเหหิ เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา’’’ติ? ‘‘ทิฏฺฺจ โน, ภนฺเต, สุตฺจ สุยฺยิสฺสติ จา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ วา สุตํ วา – ‘อยํ ปุริโส กาเมสุมิจฺฉาจารํ ปหาย กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’’’ติ? ‘‘โน เหตํ ¶ , ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยาปิ โข เอตํ, ภิกฺขเว, เนว ทิฏฺํ น สุตํ – ‘อยํ ปุริโส กาเมสุมิจฺฉาจารํ ปหาย กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’ติ. อปิ จ ขฺวสฺส ตเถว ปาปกมฺมํ ปเวเทนฺติ – ‘อยํ ปุริโส ปริตฺถีสุ ปรกุมารีสุ จาริตฺตํ อาปชฺชีติ [อาปชฺชติ (สฺยา. กํ.)]. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา กาเมสุมิจฺฉาจารเหตุ หนนฺติ ¶ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺติ. อปิ นุ ตุมฺเหหิ เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา’’’ติ? ‘‘ทิฏฺฺจ โน, ภนฺเต, สุตฺจ สุยฺยิสฺสติ จา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ วา สุตํ วา – ‘อยํ ปุริโส มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา ¶ มุสาวาทา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยาปิ โข เอตํ, ภิกฺขเว, เนว ทิฏฺํ น สุตํ – ‘อยํ ปุริโส มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา มุสาวาทา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’ติ. อปิ จ ขฺวสฺส ตเถว ปาปกมฺมํ ปเวเทนฺติ – ‘อยํ ปุริโส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา มุสาวาเทน อตฺถํ ปภฺชีติ [ภฺชตีติ (สี.), ภฺชติ (สฺยา. กํ.), ภฺชีติ (ปี.)]. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา มุสาวาทเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺติ. อปิ นุ ตุมฺเหหิ เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา’’’ติ? ‘‘ทิฏฺฺจ โน, ภนฺเต, สุตฺจ สุยฺยิสฺสติ จา’’ติ ¶ .
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ วา สุตํ วา – ‘อยํ ปุริโส สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ ปหาย สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ ¶ วา กโรนฺตี’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยาปิ โข เอตํ, ภิกฺขเว, เนว ทิฏฺํ น สุตํ – ‘อยํ ปุริโส สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ ปหาย สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ¶ ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’ติ. อปิ จ ขฺวสฺส ตเถว ปาปกมฺมํ ปเวเทนฺติ – ‘อยํ ปุริโส สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ อนุยุตฺโต อิตฺถึ วา ปุริสํ วา ชีวิตา โวโรเปสิ [โวโรเปติ (สฺยา.)]; อยํ ปุริโส สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ อนุยุตฺโต คามา วา อรฺา วา อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยิ [อาทิยติ (สี. สฺยา.)]; อยํ ปุริโส สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ อนุยุตฺโต ปริตฺถีสุ ปรกุมารีสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิ [อาปชฺชติ (สี. สฺยา.)]; อยํ ปุริโส สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ อนุยุตฺโต คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา มุสาวาเทน อตฺถํ ปภฺชีติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺติ. อปิ นุ ตุมฺเหหิ เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา’’’ติ? ‘‘ทิฏฺฺจ โน, ภนฺเต, สุตฺจ สุยฺยิสฺสติ จา’’ติ. อฏฺมํ.
๙. คิหิสุตฺตํ
๑๗๙. อถ ¶ ¶ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ปฺจมตฺเตหิ อุปาสกสเตหิ ปริวุโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘ยํ กฺจิ [ยํ กิฺจิ (สี. ปี.)], สาริปุตฺต, ชาเนยฺยาถ คิหึ โอทาตวสนํ ปฺจสุ สิกฺขาปเทสุ สํวุตกมฺมนฺตํ จตุนฺนํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภึ อกิจฺฉลาภึ อกสิรลาภึ, โส อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย – ‘ขีณนิรโยมฺหิ ขีณติรจฺฉานโยนิ ขีณเปตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต, โสตาปนฺโนหมสฺมิ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ’’’ติ.
‘‘กตเมสุ ปฺจสุ สิกฺขาปเทสุ สํวุตกมฺมนฺโต โหติ? อิธ ¶ , สาริปุตฺต, อริยสาวโก ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. อิเมสุ ปฺจสุ สิกฺขาปเทสุ สํวุตกมฺมนฺโต โหติ.
‘‘กตเมสํ ¶ จตุนฺนํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี? อิธ, สาริปุตฺต, อริยสาวโก พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ, สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. อยมสฺส ปโม อาภิเจตสิโก ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร อธิคโต โหติ อวิสุทฺธสฺส จิตฺตสฺส วิสุทฺธิยา อปริโยทาตสฺส จิตฺตสฺส ปริโยทปนาย.
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, อริยสาวโก ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ ¶ – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’ติ. อยมสฺส ทุติโย อาภิเจตสิโก ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร อธิคโต โหติ อวิสุทฺธสฺส จิตฺตสฺส วิสุทฺธิยา อปริโยทาตสฺส จิตฺตสฺส ปริโยทปนาย.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, สาริปุตฺต, อริยสาวโก สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ายปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สามีจิปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺ ปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’ติ. อยมสฺส ตติโย อาภิเจตสิโก ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร อธิคโต โหติ ¶ อวิสุทฺธสฺส จิตฺตสฺส วิสุทฺธิยา อปริโยทาตสฺส จิตฺตสฺส ปริโยทปนาย.
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, อริยสาวโก อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อขณฺเฑหิ อจฺฉิทฺเทหิ อสพเลหิ อกมฺมาเสหิ ภุชิสฺเสหิ วิฺุปฺปสตฺเถหิ อปรามฏฺเหิ สมาธิสํวตฺตนิเกหิ. อยมสฺส จตุตฺโถ อาภิเจตสิโก ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร อธิคโต โหติ อวิสุทฺธสฺส จิตฺตสฺส วิสุทฺธิยา อปริโยทาตสฺส จิตฺตสฺส ปริโยทปนาย. อิเมสํ จตุนฺนํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี.
‘‘ยํ กฺจิ, สาริปุตฺต, ชาเนยฺยาถ คิหึ โอทาตวสนํ – อิเมสุ ปฺจสุ สิกฺขาปเทสุ สํวุตกมฺมนฺตํ, อิเมสฺจ จตุนฺนํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภึ ¶ อกิจฺฉลาภึ อกสิรลาภึ, โส อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย – ‘ขีณนิรโยมฺหิ ¶ ขีณติรจฺฉานโยนิ ขีณเปตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต, โสตาปนฺโนหมสฺมิ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ’’’ติ.
‘‘นิรเยสุ ภยํ ทิสฺวา, ปาปานิ ปริวชฺชเย;
อริยธมฺมํ สมาทาย, ปณฺฑิโต ปริวชฺชเย.
‘‘น หึเส ปาณภูตานิ, วิชฺชมาเน ปรกฺกเม;
มุสา จ น ภเณ ชานํ, อทินฺนํ น ปรามเส.
‘‘เสหิ ทาเรหิ สนฺตุฏฺโ, ปรทารฺจ อารเม [นารเม (สี. สฺยา.)];
เมรยํ วารุณึ ชนฺตุ, น ปิเว จิตฺตโมหนึ.
‘‘อนุสฺสเรยฺย ¶ สมฺพุทฺธํ, ธมฺมฺจานุวิตกฺกเย;
อพฺยาปชฺชํ [อพฺยาปชฺฌํ (?) อพฺยาปชฺฌํ (ก.)] หิตํ จิตฺตํ, เทวโลกาย ภาวเย.
‘‘อุปฏฺิเต เทยฺยธมฺเม, ปฺุตฺถสฺส ชิคีสโต [ชิคึสโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)];
สนฺเตสุ ปมํ ทินฺนา, วิปุลา โหติ ทกฺขิณา.
‘‘สนฺโต หเว ปวกฺขามิ, สาริปุตฺต สุโณหิ เม;
อิติ ¶ กณฺหาสุ เสตาสุ, โรหิณีสุ หรีสุ วา.
‘‘กมฺมาสาสุ สรูปาสุ, โคสุ ปาเรวตาสุ วา;
ยาสุ กาสุจิ เอตาสุ, ทนฺโต ชายติ ปุงฺคโว.
‘‘โธรยฺโห พลสมฺปนฺโน, กลฺยาณชวนิกฺกโม;
ตเมว ¶ ภาเร ยฺุชนฺติ, นาสฺส วณฺณํ ปริกฺขเร.
‘‘เอวเมวํ ¶ มนุสฺเสสุ, ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ ชาติเย;
ขตฺติเย พฺราหฺมเณ เวสฺเส, สุทฺเท จณฺฑาลปุกฺกุเส.
‘‘ยาสุ กาสุจิ เอตาสุ, ทนฺโต ชายติ สุพฺพโต;
ธมฺมฏฺโ สีลสมฺปนฺโน, สจฺจวาที หิรีมโน.
‘‘ปหีนชาติมรโณ, พฺรหฺมจริยสฺส เกวลี;
ปนฺนภาโร วิสํยุตฺโต, กตกิจฺโจ อนาสโว.
‘‘ปารคู สพฺพธมฺมานํ, อนุปาทาย นิพฺพุโต;
ตสฺมิฺจ วิรเช เขตฺเต, วิปุลา โหติ ทกฺขิณา.
‘‘พาลา จ อวิชานนฺตา, ทุมฺเมธา อสฺสุตาวิโน;
พหิทฺธา ททนฺติ ทานานิ, น หิ สนฺเต อุปาสเร.
‘‘เย จ สนฺเต อุปาสนฺติ, สปฺปฺเ ธีรสมฺมเต;
สทฺธา จ เนสํ สุคเต, มูลชาตา ปติฏฺิตา.
‘‘เทวโลกฺจ เต ยนฺติ, กุเล วา อิธ ชายเร;
อนุปุพฺเพน นิพฺพานํ, อธิคจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ. นวมํ;
๑๐. คเวสีสุตฺตํ
๑๘๐. เอกํ ¶ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ. อทฺทสา โข ภควา อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน อฺตรสฺมึ ปเทเส มหนฺตํ สาลวนํ; ทิสฺวาน [ทิสฺวา (สี. ปี.)] มคฺคา โอกฺกมฺม [อุกฺกมฺม (กตฺถจิ)] เยน ตํ สาลวนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ สาลวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ ปเทเส สิตํ ปาตฺวากาสิ.
อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โก ¶ นุ โข เหตุ โก ปจฺจโย ภควโต สิตสฺส ปาตุกมฺมาย? น อการเณน ตถาคตา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ. อถ โข อายสฺมา ¶ อานนฺโท ภควนฺตํ ¶ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย ภควโต สิตสฺส ปาตุกมฺมาย? น อการเณน ตถาคตา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ.
‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, อิมสฺมึ ปเทเส นครํ อโหสิ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ พหุชนํ อากิณฺณมนุสฺสํ. ตํ โข ปนานนฺท, นครํ กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุปนิสฺสาย วิหาสิ. กสฺสปสฺส โข ปนานนฺท, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส คเวสี นาม อุปาสโก อโหสิ สีเลสุ อปริปูรการี. คเวสินา โข, อานนฺท, อุปาสเกน ปฺจมตฺตานิ อุปาสกสตานิ ปฏิเทสิตานิ สมาทปิตานิ [สมาทาปิตานิ (?)] อเหสุํ สีเลสุ อปริปูรการิโน. อถ โข, อานนฺท, คเวสิสฺส อุปาสกสฺส เอตทโหสิ – ‘อหํ โข อิเมสํ ปฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ พหูปกาโร [พหุกาโร (กตฺถจิ)] ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา [สมาทาเปตา (?)], อหฺจมฺหิ สีเลสุ อปริปูรการี, อิมานิ จ ปฺจ อุปาสกสตานิ สีเลสุ อปริปูรการิโน. อิจฺเจตํ สมสมํ, นตฺถิ กิฺจิ อติเรกํ; หนฺทาหํ อติเรกายา’’’ติ.
‘‘อถ โข, อานนฺท, คเวสี อุปาสโก เยน ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เอตทโวจ – ‘อชฺชตคฺเค มํ อายสฺมนฺโต สีเลสุ ปริปูรการึ ธาเรถา’ติ! อถ โข, อานนฺท, เตสํ ปฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ เอตทโหสิ – ‘อยฺโย โข คเวสี อมฺหากํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา ¶ . อยฺโย หิ นาม คเวสี ¶ สีเลสุ ปริปูรการี ภวิสฺสติ. กิมงฺคํ [กิมงฺค (สี. ปี.)] ปน มย’นฺติ [ปน น มยนฺติ (สี.) อ. นิ. ๔.๑๕๙; จูฬว. ๓๓๐; สํ. นิ. ๕.๑๐๒๐ ปาฬิยา สํสนฺเทตพฺพํ]! อถ โข, อานนฺท, ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เยน คเวสี อุปาสโก เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา คเวสึ อุปาสกํ เอตทโวจุํ – ‘อชฺชตคฺเค อยฺโย คเวสี อิมานิปิ ปฺจ อุปาสกสตานิ สีเลสุ ปริปูรการิโน ธาเรตู’ติ. อถ โข, อานนฺท, คเวสิสฺส อุปาสกสฺส เอตทโหสิ – ‘อหํ โข อิเมสํ ปฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา, อหฺจมฺหิ สีเลสุ ปริปูรการี, อิมานิปิ ปฺจ อุปาสกสตานิ สีเลสุ ปริปูรการิโน ¶ . อิจฺเจตํ สมสมํ, นตฺถิ กิฺจิ อติเรกํ; หนฺทาหํ อติเรกายา’’’ติ!
‘‘อถ โข, อานนฺท, คเวสี อุปาสโก เยน ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เอตทโวจ – ‘อชฺชตคฺเค มํ อายสฺมนฺโต พฺรหฺมจารึ ธาเรถ อาราจาริ [อนาจารึ (ปี.)] วิรตํ เมถุนา คามธมฺมา’ติ. อถ โข, อานนฺท, เตสํ ปฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ ¶ เอตทโหสิ – ‘อยฺโย โข คเวสี อมฺหากํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา. อยฺโย หิ นาม คเวสี พฺรหฺมจารี ภวิสฺสติ อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมา. กิมงฺคํ ปน มย’นฺติ! อถ โข, อานนฺท, ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เยน คเวสี อุปาสโก เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา คเวสึ อุปาสกํ เอตทโวจุํ – ‘อชฺชตคฺเค อยฺโย คเวสี อิมานิปิ ปฺจ ¶ อุปาสกสตานิ พฺรหฺมจาริโน ธาเรตุ อาราจาริโน วิรตา เมถุนา คามธมฺมา’ติ. อถ โข, อานนฺท, คเวสิสฺส อุปาสกสฺส เอตทโหสิ – ‘อหํ โข อิเมสํ ปฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา. อหฺจมฺหิ สีเลสุ ปริปูรการี. อิมานิปิ ปฺจ อุปาสกสตานิ สีเลสุ ปริปูรการิโน. อหฺจมฺหิ พฺรหฺมจารี อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมา. อิมานิปิ ปฺจ อุปาสกสตานิ พฺรหฺมจาริโน อาราจาริโน วิรตา เมถุนา คามธมฺมา. อิจฺเจตํ สมสมํ, นตฺถิ กิฺจิ อติเรกํ; หนฺทาหํ อติเรกายา’’’ติ.
‘‘อถ โข, อานนฺท, คเวสี อุปาสโก เยน ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เอตทโวจ – ‘อชฺชตคฺเค มํ อายสฺมนฺโต เอกภตฺติกํ ธาเรถ รตฺตูปรตํ วิรตํ ¶ วิกาลโภชนา’ติ. อถ โข, อานนฺท, เตสํ ปฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ เอตทโหสิ – ‘อยฺโย โข คเวสี พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา. อยฺโย หิ นาม คเวสี เอกภตฺติโก ภวิสฺสติ รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนา. กิมงฺคํ ปน มย’นฺติ! อถ โข, อานนฺท, ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เยน คเวสี อุปาสโก เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา คเวสึ อุปาสกํ เอตทโวจุํ ¶ – ‘อชฺชตคฺเค อยฺโย คเวสี อิมานิปิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เอกภตฺติเก ธาเรตุ รตฺตูปรเต วิรเต วิกาลโภชนา’ติ. อถ โข, อานนฺท, คเวสิสฺส อุปาสกสฺส เอตทโหสิ – ‘อหํ โข อิเมสํ ปฺจนฺนํ ¶ อุปาสกสตานํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา. อหฺจมฺหิ สีเลสุ ปริปูรการี. อิมานิปิ ปฺจ อุปาสกสตานิ สีเลสุ ปริปูรการิโน. อหฺจมฺหิ พฺรหฺมจารี อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมา. อิมานิปิ ปฺจ อุปาสกสตานิ พฺรหฺมจาริโน อาราจาริโน วิรตา เมถุนา คามธมฺมา. อหฺจมฺหิ เอกภตฺติโก รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนา. อิมานิปิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เอกภตฺติกา รตฺตูปรตา วิรตา วิกาลโภชนา. อิจฺเจตํ สมสมํ, นตฺถิ กิฺจิ อติเรกํ; หนฺทาหํ อติเรกายา’’’ติ.
‘‘อถ โข, อานนฺท, คเวสี อุปาสโก เยน กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เตนุปสงฺกมิ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘ลเภยฺยาหํ, ภนฺเต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’นฺติ. อลตฺถ โข, อานนฺท, คเวสี อุปาสโก กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อจิรูปสมฺปนฺโน โข ปนานนฺท, คเวสี ภิกฺขุ เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนานนฺท, คเวสี ภิกฺขุ อรหตํ อโหสิ.
‘‘อถ ¶ โข, อานนฺท, เตส ปฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ เอตทโหสิ – ‘อยฺโย โข คเวสี อมฺหากํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา. อยฺโย หิ นาม คเวสี เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา ¶ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสติ. กิมงฺคํ ปน มย’นฺติ! อถ โข, อานนฺท, ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เยน กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เตนุปสงฺกมึสุ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจุํ – ‘ลเภยฺยาม มยํ, ภนฺเต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยาม อุปสมฺปท’นฺติ. อลภึสุ โข, อานนฺท, ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลภึสุ อุปสมฺปทํ.
‘‘อถ โข, อานนฺท, คเวสิสฺส ภิกฺขุโน เอตทโหสิ – ‘อหํ โข อิมสฺส อนุตฺตรสฺส วิมุตฺติสุขสฺส นิกามลาภี โหมิ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี. อโห วติมานิปิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ อิมสฺส อนุตฺตรสฺส วิมุตฺติสุขสฺส นิกามลาภิโน อสฺสุ อกิจฺฉลาภิโน อกสิรลาภิโน’ติ. อถ โข, อานนฺท, ตานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ วูปกฏฺา [ภิกฺขุสตานิ เอเกกา วูปกฏฺา (สฺยา. กํ.)] อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรนฺตา นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรึสุ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺึสุ’’.
‘‘อิติ โข ¶ , อานนฺท, ตานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ คเวสีปมุขานิ อุตฺตรุตฺตริ [อุตฺตรุตฺตรึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปณีตปณีตํ ¶ วายมมานา อนุตฺตรํ วิมุตฺตึ สจฺฉากํสุ. ตสฺมาติห, อานนฺท, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อุตฺตรุตฺตริ ปณีตปณีตํ วายมมานา อนุตฺตรํ วิมุตฺตึ สจฺฉิกริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, อานนฺท, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ทสมํ.
อุปาสกวคฺโค ตติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
สารชฺชํ ¶ วิสารโท นิรยํ, เวรํ จณฺฑาลปฺจมํ;
ปีติ วณิชฺชา ราชาโน, คิหี เจว คเวสินาติ.