📜

(๒๒) ๒. อกฺโกสกวคฺโค

๑. อกฺโกสกสุตฺตํ

๒๑๑. ‘‘โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺโกสกปริภาสโก อริยูปวาที สพฺรหฺมจารีนํ, ตสฺส ปฺจ อาทีนวา ปาฏิกงฺขา. กตเม ปฺจ? ปาราชิโก วา โหติ ฉินฺนปริปนฺโถ [ฉินฺนปริพนฺโธ (ก.)], อฺตรํ วา สํกิลิฏฺํ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, พาฬฺหํ วา โรคาตงฺกํ ผุสติ, สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺโกสกปริภาสโก อริยูปวาที สพฺรหฺมจารีนํ, ตสฺส อิเม ปฺจ อาทีนวา ปาฏิกงฺขา’’ติ. ปมํ.

๒. ภณฺฑนการกสุตฺตํ

๒๑๒. ‘‘โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภณฺฑนการโก กลหการโก วิวาทการโก ภสฺสการโก สงฺเฆ อธิกรณการโก, ตสฺส ปฺจ อาทีนวา ปาฏิกงฺขา. กตเม ปฺจ? อนธิคตํ นาธิคจฺฉติ, อธิคตา [อธิคตํ (สพฺพตฺถ)] ปริหายติ, ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภณฺฑนการโก กลหการโก วิวาทการโก ภสฺสการโก สงฺเฆ อธิกรณการโก, ตสฺส อิเม ปฺจ อาทีนวา ปาฏิกงฺขา’’ติ. ทุติยํ.

๓. สีลสุตฺตํ

๒๑๓. [มหาว. ๒๐๙; ที. นิ. ๓.๓๑๖] ‘‘ปฺจิเม , ภิกฺขเว, อาทีนวา ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยา. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ทุสฺสีโล สีลวิปนฺโน ปมาทาธิกรณํ มหตึ โภคชานึ นิคจฺฉติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยา.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ทุสฺสีลสฺส สีลวิปนฺนสฺส ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยา.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ทุสฺสีโล สีลวิปนฺโน ยฺเทว ปริสํ อุปสงฺกมติ – ยทิ ขตฺติยปริสํ, ยทิ พฺราหฺมณปริสํ, ยทิ คหปติปริสํ, ยทิ สมณปริสํ – อวิสารโท อุปสงฺกมติ มงฺกุภูโต. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยา.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ทุสฺสีโล สีลวิปนฺโน สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยา.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ทุสฺสีโล สีลวิปนฺโน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยา. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยา.

‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา สีลวโต สีลสมฺปทาย. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, สีลวา สีลสมฺปนฺโน อปฺปมาทาธิกรณํ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อธิคจฺฉติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สีลวโต สีลสมฺปนฺนสฺส กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สีลวา สีลสมฺปนฺโน ยฺเทว ปริสํ อุปสงฺกมติ – ยทิ ขตฺติยปริสํ, ยทิ พฺราหฺมณปริสํ , ยทิ คหปติปริสํ, ยทิ สมณปริสํ – วิสารโท อุปสงฺกมติ อมงฺกุภูโต. อยํ ภิกฺขเว, ตติโย อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สีลวา สีลสมฺปนฺโน อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สีลวา สีลสมฺปนฺโน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา สีลวโต สีลสมฺปทายา’’ติ. ตติยํ.

๔. พหุภาณิสุตฺตํ

๒๑๔. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา พหุภาณิสฺมึ ปุคฺคเล. กตเม ปฺจ? มุสา ภณติ, ปิสุณํ ภณติ, ผรุสํ ภณติ, สมฺผปฺปลาปํ ภณติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา พหุภาณิสฺมึ ปุคฺคเล.

‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา มนฺตภาณิสฺมึ ปุคฺคเล. กตเม ปฺจ? น มุสา ภณติ, น ปิสุณํ ภณติ, น ผรุสํ ภณติ, น สมฺผปฺปลาปํ ภณติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา มนฺตภาณิสฺมึ ปุคฺคเล’’ติ. จตุตฺถํ.

๕. ปมอกฺขนฺติสุตฺตํ

๒๑๕. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา อกฺขนฺติยา. กตเม ปฺจ? พหุโน ชนสฺส อปฺปิโย โหติ อมนาโป, เวรพหุโล จ โหติ, วชฺชพหุโล จ, สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา อกฺขนฺติยา.

‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา ขนฺติยา. กตเม ปฺจ? พหุโน ชนสฺส ปิโย โหติ มนาโป, น เวรพหุโล โหติ, น วชฺชพหุโล, อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา ขนฺติยา’’ติ. ปฺจมํ.

๖. ทุติยอกฺขนฺติสุตฺตํ

๒๑๖. ‘‘ปฺจิเม , ภิกฺขเว, อาทีนวา อกฺขนฺติยา. กตเม ปฺจ? พหุโน ชนสฺส อปฺปิโย โหติ อมนาโป, ลุทฺโท จ โหติ, วิปฺปฏิสารี จ, สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา อกฺขนฺติยา.

‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา ขนฺติยา. กตเม ปฺจ? พหุโน ชนสฺส ปิโย โหติ มนาโป, อลุทฺโท จ โหติ, อวิปฺปฏิสารี จ, อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา ขนฺติยา’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. ปมอปาสาทิกสุตฺตํ

๒๑๗. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา อปาสาทิเก. กตเม ปฺจ? อตฺตาปิ อตฺตานํ อุปวทติ, อนุวิจฺจ วิฺู ครหนฺติ, ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา อปาสาทิเก.

‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา ปาสาทิเก . กตเม ปฺจ? อตฺตาปิ อตฺตานํ น อุปวทติ, อนุวิจฺจ วิฺู ปสํสนฺติ, กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา ปาสาทิเก’’ติ. สตฺตมํ.

๘. ทุติยอปาสาทิกสุตฺตํ

๒๑๘. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา อปาสาทิเก. กตเม ปฺจ? อปฺปสนฺนา นปฺปสีทนฺติ, ปสนฺนานฺจ เอกจฺจานํ อฺถตฺตํ โหติ, สตฺถุสาสนํ อกตํ [น กตํ (สฺยา. กํ. ก.)] โหติ, ปจฺฉิมา ชนตา ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชติ, จิตฺตมสฺส นปฺปสีทติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา อปาสาทิเก.

‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา ปาสาทิเก. กตเม ปฺจ? อปฺปสนฺนา ปสีทนฺติ, ปสนฺนานฺจ ภิยฺโยภาโว โหติ, สตฺถุสาสนํ กตํ โหติ, ปจฺฉิมา ชนตา ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชติ, จิตฺตมสฺส ปสีทติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา ปาสาทิเก’’ติ. อฏฺมํ.

๙. อคฺคิสุตฺตํ

๒๑๙. ‘‘ปฺจิเม , ภิกฺขเว, อาทีนวา อคฺคิสฺมึ. กตเม ปฺจ? อจกฺขุสฺโส, ทุพฺพณฺณกรโณ, ทุพฺพลกรโณ, สงฺคณิกาปวฑฺฒโน [สงฺคณิกาปวทฺธโน (สี.), สงฺคณิการามพทฺธโน (ก.)], ติรจฺฉานกถาปวตฺตนิโก โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา อคฺคิสฺมิ’’นฺติ. นวมํ.

๑๐. มธุราสุตฺตํ

๒๒๐. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา มธุรายํ. กตเม ปฺจ? วิสมา, พหุรชา, จณฺฑสุนขา, วาฬยกฺขา, ทุลฺลภปิณฺฑา – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา มธุราย’’นฺติ. ทสมํ.

อกฺโกสกวคฺโค ทุติโย.

ตสฺสุทฺทานํ –

อกฺโกสภณฺฑนสีลํ , พหุภาณี ทฺเว อขนฺติโย;

อปาสาทิกา ทฺเว วุตฺตา, อคฺคิสฺมึ มธุเรน จาติ.