📜

(๖) ๑. นีวรณวคฺโค

๑. อาวรณสุตฺตํ

๕๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาวรณา นีวรณา เจตโส อชฺฌารุหา ปฺาย ทุพฺพลีกรณา. กตเม ปฺจ? กามจฺฉนฺโท, ภิกฺขเว, อาวรโณ นีวรโณ เจตโส อชฺฌารุโห ปฺาย ทุพฺพลีกรโณ. พฺยาปาโท, ภิกฺขเว, อาวรโณ นีวรโณ เจตโส อชฺฌารุโห ปฺาย ทุพฺพลีกรโณ. ถินมิทฺธํ, ภิกฺขเว, อาวรณํ นีวรณํ เจตโส อชฺฌารุหํ ปฺาย ทุพฺพลีกรณํ. อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ, ภิกฺขเว, อาวรณํ นีวรณํ เจตโส อชฺฌารุหํ ปฺาย ทุพฺพลีกรณํ. วิจิกิจฺฉา, ภิกฺขเว, อาวรณา นีวรณา เจตโส อชฺฌารุหา ปฺาย ทุพฺพลีกรณา. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาวรณา นีวรณา เจตโส อชฺฌารุหา ปฺาย ทุพฺพลีกรณา.

‘‘โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิเม ปฺจ อาวรเณ นีวรเณ เจตโส อชฺฌารุเห ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ อปฺปหาย, อพลาย ปฺาย ทุพฺพลาย อตฺตตฺถํ วา สฺสติ ปรตฺถํ วา สฺสติ อุภยตฺถํ วา สฺสติ อุตฺตริ [อุตฺตรึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วา มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกริสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, นที ปพฺพเตยฺยา ทูรงฺคมา [ทูรคมา (สี.)] สีฆโสตา หารหารินี. ตสฺสา ปุริโส อุภโต นงฺคลมุขานิ วิวเรยฺย. เอวฺหิ โส, ภิกฺขเว, มชฺเฌ นทิยา โสโต วิกฺขิตฺโต วิสโฏ พฺยาทิณฺโณ เนว [น เจว (ก.)] ทูรงฺคโม อสฺส น [น จ (ก.)] สีฆโสโต น [น จ (ก.)] หารหารี [หารหาริณี (สี.)]. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, โส วต ภิกฺขุ อิเม ปฺจ อาวรเณ นีวรเณ เจตโส อชฺฌารุเห ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ อปฺปหาย, อพลาย ปฺาย ทุพฺพลาย อตฺตตฺถํ วา สฺสติ ปรตฺถํ วา สฺสติ อุภยตฺถํ วา สฺสติ อุตฺตริ วา มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกริสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ.

‘‘โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิเม ปฺจ อาวรเณ นีวรเณ เจตโส อชฺฌารุเห ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ ปหาย, พลวติยา ปฺาย อตฺตตฺถํ วา สฺสติ ปรตฺถํ วา สฺสติ อุภยตฺถํ วา สฺสติ อุตฺตริ วา มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกริสฺสตีติ านเมตํ วิชฺชติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, นที ปพฺพเตยฺยา ทูรงฺคมา สีฆโสตา หารหารินี. ตสฺสา ปุริโส อุภโต นงฺคลมุขานิ ปิทเหยฺย. เอวฺหิ โส, ภิกฺขเว, มชฺเฌ นทิยา โสโต อวิกฺขิตฺโต อวิสโฏ อพฺยาทิณฺโณ ทูรงฺคโม เจว อสฺส สีฆโสโต จ หารหารี จ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, โส วต ภิกฺขุ อิเม ปฺจ อาวรเณ นีวรเณ เจตโส อชฺฌารุเห ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ ปหาย, พลวติยา ปฺาย อตฺตตฺถํ วา สฺสติ ปรตฺถํ วา สฺสติ อุภยตฺถํ วา สฺสติ อุตฺตริ วา มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกริสฺสตีติ านเมตํ วิชฺชตี’’ติ. ปมํ.

๒. อกุสลราสิสุตฺตํ

๕๒. ‘‘อกุสลราสีติ , ภิกฺขเว, วทมาโน ปฺจ นีวรเณ [อิเม ปฺจ นีวรเณ (สี.)] สมฺมา วทมาโน วเทยฺย. เกวโล หายํ [หยํ (สี.), จายํ (สฺยา. กํ.), สายํ (ก.)], ภิกฺขเว, อกุสลราสิ ยทิทํ ปฺจ นีวรณา. กตเม ปฺจ? กามจฺฉนฺทนีวรณํ, พฺยาปาทนีวรณํ, ถินมิทฺธนีวรณํ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนีวรณํ, วิจิกิจฺฉานีวรณํ. อกุสลราสีติ, ภิกฺขเว, วทมาโน อิเม ปฺจ นีวรเณ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย. เกวโล หายํ, ภิกฺขเว, อกุสลราสิ ยทิทํ ปฺจ นีวรณา’’ติ. ทุติยํ.

๓. ปธานิยงฺคสุตฺตํ

๕๓. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, ปธานิยงฺคานิ. กตมานิ ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ . อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก; สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมาย; อสโ โหติ อมายาวี; ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกตฺตา สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ; อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ; ปฺวา โหติ, อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ปธานิยงฺคานี’’ติ. ตติยํ.

๔. สมยสุตฺตํ

๕๔. ‘‘ปฺจิเม , ภิกฺขเว, อสมยา ปธานาย. กตเม ปฺจ? อิธ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชิณฺโณ โหติ ชรายาภิภูโต. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม อสมโย ปธานาย.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พฺยาธิโต โหติ พฺยาธินาภิภูโต. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย อสมโย ปธานาย.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ทุพฺภิกฺขํ โหติ ทุสฺสสฺสํ ทุลฺลภปิณฺฑํ, น สุกรํ อุฺเฉน ปคฺคเหน ยาเปตุํ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย อสมโย ปธานาย.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภยํ โหติ อฏวิสงฺโกโป, จกฺกสมารูฬฺหา ชานปทา ปริยายนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ อสมโย ปธานาย.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สงฺโฆ ภินฺโน โหติ. สงฺเฆ โข ปน, ภิกฺขเว, ภินฺเน อฺมฺํ อกฺโกสา จ โหนฺติ, อฺมฺํ ปริภาสา จ โหนฺติ, อฺมฺํ ปริกฺเขปา จ โหนฺติ, อฺมฺํ ปริจฺจชา จ โหนฺติ. ตตฺถ อปฺปสนฺนา เจว นปฺปสีทนฺติ, ปสนฺนานฺจ เอกจฺจานํ อฺถตฺตํ โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม อสมโย ปธานาย. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อสมยา ปธานายาติ.

‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, สมยา ปธานาย. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ทหโร โหติ ยุวา สุสุ กาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปเมน วยสา. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม สมโย ปธานาย.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก, สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมาย. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย สมโย ปธานาย.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สุภิกฺขํ โหติ สุสสฺสํ สุลภปิณฺฑํ, สุกรํ อุฺเฉน ปคฺคเหน ยาเปตุํ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย สมโย ปธานาย.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, มนุสฺสา สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ สมโย ปธานาย.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สงฺโฆ สมคฺโค สมฺโมทมาโน อวิวทมาโน เอกุทฺเทโส ผาสุ วิหรติ. สงฺเฆ โข ปน, ภิกฺขเว, สมคฺเค น เจว อฺมฺํ อกฺโกสา โหนฺติ, น จ อฺมฺํ ปริภาสา โหนฺติ, น จ อฺมฺํ ปริกฺเขปา โหนฺติ, น จ อฺมฺํ ปริจฺจชา โหนฺติ. ตตฺถ อปฺปสนฺนา เจว ปสีทนฺติ, ปสนฺนานฺจ ภิยฺโยภาโว [ภียฺโยภาวาย (ก.)] โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม สมโย ปธานาย. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สมยา ปธานายา’’ติ. จตุตฺถํ.

๕. มาตาปุตฺตสุตฺตํ

๕๕. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน สาวตฺถิยํ อุโภ มาตาปุตฺตา วสฺสาวาสํ อุปคมึสุ [อุปสงฺกมึสุ (ก.)] – ภิกฺขุ จ ภิกฺขุนี จ. เต อฺมฺสฺส อภิณฺหํ ทสฺสนกามา อเหสุํ. มาตาปิ ปุตฺตสฺส อภิณฺหํ ทสฺสนกามา อโหสิ; ปุตฺโตปิ มาตรํ อภิณฺหํ ทสฺสนกาโม อโหสิ. เตสํ อภิณฺหํ ทสฺสนา สํสคฺโค อโหสิ. สํสคฺเค สติ วิสฺสาโส อโหสิ. วิสฺสาเส สติ โอตาโร อโหสิ. เต โอติณฺณจิตฺตา สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวึสุ.

อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, สาวตฺถิยํ อุโภ มาตาปุตฺตา วสฺสาวาสํ อุปคมึสุ – ภิกฺขุ จ ภิกฺขุนี จ, เต อฺมฺสฺส อภิณฺหํ ทสฺสนกามา อเหสุํ, มาตาปิ ปุตฺตสฺส อภิณฺหํ ทสฺสนกามา อโหสิ, ปุตฺโตปิ มาตรํ อภิณฺหํ ทสฺสนกาโม อโหสิ. เตสํ อภิณฺหํ ทสฺสนา สํสคฺโค อโหสิ, สํสคฺเค สติ วิสฺสาโส อโหสิ, วิสฺสาเส สติ โอตาโร อโหสิ, เต โอติณฺณจิตฺตา สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวึสู’’ติ.

‘‘กึ นุ โส, ภิกฺขเว, โมฆปุริโส มฺติ – ‘น มาตา ปุตฺเต สารชฺชติ, ปุตฺโต วา ปน มาตรี’ติ? นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกรูปมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ [ยํ เอวํ (สี.)] รชนียํ เอวํ กมนียํ เอวํ มทนียํ เอวํ พนฺธนียํ เอวํ มุจฺฉนียํ เอวํ อนฺตรายกรํ อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺส อธิคมาย ยถยิทํ, ภิกฺขเว, อิตฺถิรูปํ. อิตฺถิรูเป, ภิกฺขเว, สตฺตา รตฺตา คิทฺธา คถิตา [คธิตา (สฺยา. ปี. ก.)] มุจฺฉิตา อชฺโฌสนฺนา [อชฺโฌปนฺนา (พหูสุ)]. เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ อิตฺถิรูปวสานุคา.

‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกสทฺทมฺปิ…เป… เอกคนฺธมฺปิ… เอกรสมฺปิ… เอกโผฏฺพฺพมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ รชนียํ เอวํ กมนียํ เอวํ มทนียํ เอวํ พนฺธนียํ เอวํ มุจฺฉนียํ เอวํ อนฺตรายกรํ อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺส อธิคมาย ยถยิทํ, ภิกฺขเว, อิตฺถิโผฏฺพฺพํ . อิตฺถิโผฏฺพฺเพ, ภิกฺขเว, สตฺตา รตฺตา คิทฺธา คถิตา มุจฺฉิตา อชฺโฌสนฺนา. เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ อิตฺถิโผฏฺพฺพวสานุคา.

‘‘อิตฺถี, ภิกฺขเว, คจฺฉนฺตีปิ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ; ิตาปิ…เป… นิสินฺนาปิ… สยานาปิ… หสนฺตีปิ… ภณนฺตีปิ… คายนฺตีปิ… โรทนฺตีปิ… อุคฺฆาติตาปิ [อุคฺฆานิตาปิ (สี.)] … มตาปิ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ. ยฺหิ ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘สมนฺตปาโส มารสฺสา’ติ มาตุคามํเยว สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘สมนฺตปาโส มารสฺสา’’’ติ.

‘‘สลฺลเป อสิหตฺเถน, ปิสาเจนาปิ สลฺลเป;

อาสีวิสมฺปิ อาสีเท [อาสทฺเท (สฺยา. กํ.)], เยน ทฏฺโ น ชีวติ.

‘‘นตฺเวว เอโก เอกาย, มาตุคาเมน สลฺลเป;

มุฏฺสฺสตึ ตา พนฺธนฺติ, เปกฺขิเตน สิเตน จ [มฺหิเตน จ (สฺยา. กํ.)].

‘‘อโถปิ ทุนฺนิวตฺเถน, มฺชุนา ภณิเตน จ;

เนโส ชโน สฺวาสีสโท, อปิ อุคฺฆาติโต มโต.

‘‘ปฺจ กามคุณา เอเต, อิตฺถิรูปสฺมึ ทิสฺสเร;

รูปา สทฺทา รสา คนฺธา, โผฏฺพฺพา จ มโนรมา.

‘‘เตสํ กาโมฆวูฬฺหานํ, กาเม อปริชานตํ;

กาลํ คติ [คตึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ภวาภวํ, สํสารสฺมึ ปุรกฺขตา.

‘‘เย จ กาเม ปริฺาย, จรนฺติ อกุโตภยา;

เต เว ปารงฺคตา โลเก, เย ปตฺตา อาสวกฺขย’’นฺติ. ปฺจมํ;

๖. อุปชฺฌายสุตฺตํ

๕๖. อถ โข อฺตโร ภิกฺขุ เยน สโก อุปชฺฌาโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สกํ อุปชฺฌายํ เอตทโวจ – ‘‘เอตรหิ เม, ภนฺเต, มธุรกชาโต เจว กาโย, ทิสา จ เม น ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ มํ นปฺปฏิภนฺติ, ถินมิทฺธฺจ เม จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, อนภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรามิ, อตฺถิ จ เม ธมฺเมสุ วิจิกิจฺฉา’’ติ.

อถ โข โส ภิกฺขุ ตํ สทฺธิวิหาริกํ ภิกฺขุํ อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, ภิกฺขุ เอวมาห – ‘เอตรหิ เม, ภนฺเต, มธุรกชาโต เจว กาโย, ทิสา จ มํ น ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ เม นปฺปฏิภนฺติ, ถินมิทฺธฺจ เม จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, อนภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรามิ, อตฺถิ จ เม ธมฺเมสุ วิจิกิจฺฉา’’’ติ.

‘‘เอวฺเหตํ , ภิกฺขุ, โหติ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารสฺส, โภชเน อมตฺตฺุโน, ชาคริยํ อนนุยุตฺตสฺส, อวิปสฺสกสฺส กุสลานํ ธมฺมานํ, ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคํ อนนุยุตฺตสฺส วิหรโต, ยํ มธุรกชาโต เจว กาโย โหติ, ทิสา จสฺส น ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ ตํ นปฺปฏิภนฺติ, ถินมิทฺธฺจสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, อนภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรติ, โหติ จสฺส ธมฺเมสุ วิจิกิจฺฉา. ตสฺมาติห เต, ภิกฺขุ, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร ภวิสฺสามิ, โภชเน มตฺตฺู, ชาคริยํ อนุยุตฺโต, วิปสฺสโก กุสลานํ ธมฺมานํ, ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคํ อนุยุตฺโต วิหริสฺสามี’ติ. เอวฺหิ เต, ภิกฺขุ, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ.

อถ โข โส ภิกฺขุ ภควตา อิมินา โอวาเทน โอวทิโต อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อถ โข โส ภิกฺขุ เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร ปน โส ภิกฺขุ อรหตํ อโหสิ.

อถ โข โส ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปตฺโต เยน สโก อุปชฺฌาโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สกํ อุปชฺฌายํ เอตทโวจ – ‘‘เอตรหิ เม, ภนฺเต, น เจว [น ตฺเวว (สี.)] มธุรกชาโต กาโย, ทิสา จ เม ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ มํ ปฏิภนฺติ, ถินมิทฺธฺจ เม จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, อภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรามิ, นตฺถิ จ เม ธมฺเมสุ วิจิกิจฺฉา’’ติ. อถ โข โส ภิกฺขุ ตํ สทฺธิวิหาริกํ ภิกฺขุํ อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, ภิกฺขุ เอวมาห – ‘เอตรหิ เม, ภนฺเต, น เจว มธุรกชาโต กาโย, ทิสา จ เม ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ มํ ปฏิภนฺติ, ถินมิทฺธฺจ เม จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, อภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรามิ, นตฺถิ จ เม ธมฺเมสุ วิจิกิจฺฉา’’’ติ.

‘‘เอวฺเหตํ, ภิกฺขุ, โหติ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารสฺส, โภชเน มตฺตฺุโน, ชาคริยํ อนุยุตฺตสฺส, วิปสฺสกสฺส กุสลานํ ธมฺมานํ, ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคํ อนุยุตฺตสฺส วิหรโต, ยํ น เจว มธุรกชาโต กาโย โหติ, ทิสา จสฺส ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ ตํ ปฏิภนฺติ, ถินมิทฺธฺจสฺส จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, อภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรติ, น จสฺส โหติ ธมฺเมสุ วิจิกิจฺฉา. ตสฺมาติห โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา ภวิสฺสาม, โภชเน มตฺตฺุโน, ชาคริยํ อนุยุตฺตา, วิปสฺสกา กุสลานํ ธมฺมานํ, ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคํ อนุยุตฺตา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ฉฏฺํ.

๗. อภิณฺหปจฺจเวกฺขิตพฺพานสุตฺตํ

๕๗. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, านานิ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพานิ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา. กตมานิ ปฺจ? ‘ชราธมฺโมมฺหิ, ชรํ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา. ‘พฺยาธิธมฺโมมฺหิ, พฺยาธึ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา. ‘มรณธมฺโมมฺหิ, มรณํ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา. ‘สพฺเพหิ เม ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา. ‘กมฺมสฺสโกมฺหิ, กมฺมทายาโท กมฺมโยนิ กมฺมพนฺธุ กมฺมปฏิสรโณ. ยํ กมฺมํ กริสฺสามิ – กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา – ตสฺส ทายาโท ภวิสฺสามี’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา.

‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘ชราธมฺโมมฺหิ, ชรํ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา? อตฺถิ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ โยพฺพเน โยพฺพนมโท, เยน มเทน มตฺตา กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต โย โยพฺพเน โยพฺพนมโท โส สพฺพโส วา ปหียติ ตนุ วา ปน โหติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘ชราธมฺโมมฺหิ, ชรํ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา.

‘‘กิฺจ , ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘พฺยาธิธมฺโมมฺหิ, พฺยาธึ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา? อตฺถิ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ อาโรคฺเย อาโรคฺยมโท, เยน มเทน มตฺตา กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต โย อาโรคฺเย อาโรคฺยมโท โส สพฺพโส วา ปหียติ ตนุ วา ปน โหติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘พฺยาธิธมฺโมมฺหิ, พฺยาธึ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา.

‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘มรณธมฺโมมฺหิ, มรณํ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา? อตฺถิ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ ชีวิเต ชีวิตมโท, เยน มเทน มตฺตา กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต โย ชีวิเต ชีวิตมโท โส สพฺพโส วา ปหียติ ตนุ วา ปน โหติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘มรณธมฺโมมฺหิ, มรณํ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา.

‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘สพฺเพหิ เม ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา? อตฺถิ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ ปิเยสุ มนาเปสุ โย ฉนฺทราโค เยน ราเคน รตฺตา กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต โย ปิเยสุ มนาเปสุ ฉนฺทราโค โส สพฺพโส วา ปหียติ ตนุ วา ปน โหติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘สพฺเพหิ เม ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา.

‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘กมฺมสฺสโกมฺหิ, กมฺมทายาโท กมฺมโยนิ กมฺมพนฺธุ กมฺมปฏิสรโณ, ยํ กมฺมํ กริสฺสามิ – กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา – ตสฺส ทายาโท ภวิสฺสามี’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา ? อตฺถิ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ กายทุจฺจริตํ วจีทุจฺจริตํ มโนทุจฺจริตํ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต สพฺพโส วา ทุจฺจริตํ ปหียติ ตนุ วา ปน โหติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘กมฺมสฺสโกมฺหิ, กมฺมทายาโท กมฺมโยนิ กมฺมพนฺธุ กมฺมปฏิสรโณ, ยํ กมฺมํ กริสฺสามิ – กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา – ตสฺส ทายาโท ภวิสฺสามี’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา.

‘‘ส โข [สเจ (ปี. ก.)] โส, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข อหฺเเวโก ชราธมฺโม [อหฺเจเวโก ชราธมฺโมมฺหิ (ก.)] ชรํ อนตีโต, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพ สตฺตา ชราธมฺมา ชรํ อนตีตา’ติ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต มคฺโค สฺชายติ. โส ตํ มคฺคํ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรติ. ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต ภาวยโต พหุลีกโรโต สํโยชนานิ สพฺพโส ปหียนฺติ อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺติ.

‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข อหฺเเวโก พฺยาธิธมฺโม พฺยาธึ อนตีโต, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพ สตฺตา พฺยาธิธมฺมา พฺยาธึ อนตีตา’ติ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต มคฺโค สฺชายติ. โส ตํ มคฺคํ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรติ. ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต ภาวยโต พหุลีกโรโต สํโยชนานิ สพฺพโส ปหียนฺติ, อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺติ.

‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข อหฺเเวโก มรณธมฺโม มรณํ อนตีโต, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพ สตฺตา มรณธมฺมา มรณํ อนตีตา’ติ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต มคฺโค สฺชายติ. โส ตํ มคฺคํ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรติ. ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต ภาวยโต พหุลีกโรโต สํโยชนานิ สพฺพโส ปหียนฺติ, อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺติ.

‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข มยฺเหเวกสฺส สพฺเพหิ ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพสํ สตฺตานํ ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว’ติ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต มคฺโค สฺชายติ. โส ตํ มคฺคํ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรติ. ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต ภาวยโต พหุลีกโรโต สํโยชนานิ สพฺพโส ปหียนฺติ, อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺติ.

‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข อหฺเเวโก กมฺมสฺสโก กมฺมทายาโท กมฺมโยนิ กมฺมพนฺธุ กมฺมปฺปฏิสรโณ, ยํ กมฺมํ กริสฺสามิ – กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา – ตสฺส ทายาโท ภวิสฺสามิ; อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพ สตฺตา กมฺมสฺสกา กมฺมทายาทา กมฺมโยนิ กมฺมพนฺธุ กมฺมปฺปฏิสรณา, ยํ กมฺมํ กริสฺสนฺติ – กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา – ตสฺส ทายาทา ภวิสฺสนฺตี’ติ . ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต มคฺโค สฺชายติ. โส ตํ มคฺคํ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรติ. ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต ภาวยโต พหุลีกโรโต สํโยชนานิ สพฺพโส ปหียนฺติ, อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺตี’’ติ.

‘‘พฺยาธิธมฺมา ชราธมฺมา, อโถ มรณธมฺมิโน;

ยถา ธมฺมา ตถา สตฺตา [สนฺตา (สฺยา. กํ.)], ชิคุจฺฉนฺติ ปุถุชฺชนา.

‘‘อหฺเจ ตํ ชิคุจฺเฉยฺยํ, เอวํ ธมฺเมสุ ปาณิสุ;

น เมตํ ปติรูปสฺส, มม เอวํ วิหาริโน.

‘‘โสหํ เอวํ วิหรนฺโต, ตฺวา ธมฺมํ นิรูปธึ;

อาโรคฺเย โยพฺพนสฺมิฺจ, ชีวิตสฺมิฺจ เย มทา.

‘‘สพฺเพ มเท อภิโภสฺมิ, เนกฺขมฺมํ ทฏฺุ เขมโต [เนกฺขมฺเม ทฏฺุ เขมตํ (อ. นิ. ๓.๓๙) อุภยตฺถปิ อฏฺกถาย สเมติ];

ตสฺส เม อหุ อุสฺสาโห, นิพฺพานํ อภิปสฺสโต.

‘‘นาหํ ภพฺโพ เอตรหิ, กามานิ ปฏิเสวิตุํ;

อนิวตฺติ [อนิวตฺตี (?)] ภวิสฺสามิ, พฺรหฺมจริยปรายโณ’’ติ. สตฺตมํ;

๘. ลิจฺฉวิกุมารกสุตฺตํ

๕๘. เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เวสาลิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ.

เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ลิจฺฉวิกุมารกา สชฺชานิ ธนูนิ อาทาย กุกฺกุรสงฺฆปริวุตา มหาวเน อนุจงฺกมมานา อนุวิจรมานา อทฺทสุ ภควนฺตํ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ; ทิสฺวาน สชฺชานิ ธนูนิ นิกฺขิปิตฺวา กุกฺกุรสงฺฆํ เอกมนฺตํ อุยฺโยเชตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ตุณฺหีภูตา ตุณฺหีภูตา ปฺชลิกา ภควนฺตํ ปยิรุปาสนฺติ.

เตน โข ปน สมเยน มหานาโม ลิจฺฉวิ มหาวเน ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อทฺทส เต ลิจฺฉวิกุมารเก ตุณฺหีภูเต ตุณฺหีภูเต ปฺชลิเก ภควนฺตํ ปยิรุปาสนฺเต; ทิสฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข มหานาโม ลิจฺฉวิ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘ภวิสฺสนฺติ วชฺชี, ภวิสฺสนฺติ วชฺชี’’’ติ!

‘‘กึ ปน ตฺวํ, มหานาม, เอวํ วเทสิ – ‘ภวิสฺสนฺติ วชฺชี, ภวิสฺสนฺติ วชฺชี’’’ติ? ‘‘อิเม, ภนฺเต, ลิจฺฉวิกุมารกา จณฺฑา ผรุสา อปานุภา [อปชหาติ (สี.), อปาฏุภา (สฺยา. กํ.), อปชหา (ปี.), อปานุตา (กตฺถจิ)]. ยานิปิ ตานิ กุเลสุ ปเหณกานิ [ปหีนกานิ (สี.), ปหีณกานิ (สฺยา. กํ. ปี.)] ปหียนฺติ, อุจฺฉูติ วา พทราติ วา ปูวาติ วา โมทกาติ วา สํกุลิกาติ วา [สกฺขลิกาติ วา (สี. ปี.)], ตานิ วิลุมฺปิตฺวา วิลุมฺปิตฺวา ขาทนฺติ; กุลิตฺถีนมฺปิ กุลกุมารีนมฺปิ ปจฺฉาลิยํ ขิปนฺติ. เต ทานิเม ตุณฺหีภูตา ตุณฺหีภูตา ปฺชลิกา ภควนฺตํ ปยิรุปาสนฺตี’’ติ.

‘‘ยสฺส กสฺสจิ, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส ปฺจ ธมฺมา สํวิชฺชนฺติ – ยทิ วา รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส, ยทิ วา รฏฺิกสฺส เปตฺตนิกสฺส [มุทฺธาภิสิตฺตสฺส (ก.) อ. นิ. ๕.๑๓๕, ๑๓๖ ปสฺสิตพฺพํ], ยทิ วา เสนาย เสนาปติกสฺส, ยทิ วา คามคามณิกสฺส, ยทิ วา ปูคคามณิกสฺส, เย วา ปน กุเลสุ ปจฺเจกาธิปจฺจํ กาเรนฺติ, วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานิ.

‘‘กตเม ปฺจ? อิธ, มหานาม, กุลปุตฺโต อุฏฺานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิตฺเตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลทฺเธหิ มาตาปิตโร สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ . ตเมนํ มาตาปิตโร สกฺกตา ครุกตา มานิตา ปูชิตา กลฺยาเณน มนสา อนุกมฺปนฺติ – ‘จิรํ ชีว, ทีฆมายุํ ปาเลหี’ติ. มาตาปิตานุกมฺปิตสฺส, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานิ.

‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กุลปุตฺโต อุฏฺานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิตฺเตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลทฺเธหิ ปุตฺตทารทาสกมฺมกรโปริเส [… สามนฺตสํโวหาเร (สี. ปี.)] สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ. ตเมนํ ปุตฺตทารทาสกมฺมกรโปริสา สกฺกตา ครุกตา มานิตา ปูชิตา กลฺยาเณน มนสา อนุกมฺปนฺติ – ‘จิรํ ชีว, ทีฆมายุํ ปาเลหี’ติ. ปุตฺตทารทาสกมฺมกรโปริสานุกมฺปิตสฺส, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานิ.

‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กุลปุตฺโต อุฏฺานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิตฺเตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลทฺเธหิ เขตฺตกมฺมนฺตสามนฺตสพฺโยหาเร สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ. ตเมนํ เขตฺตกมฺมนฺตสามนฺตสพฺโยหารา สกฺกตา ครุกตา มานิตา ปูชิตา กลฺยาเณน มนสา อนุกมฺปนฺติ – ‘จิรํ ชีว, ทีฆมายุํ ปาเลหี’ติ. เขตฺตกมฺมนฺตสามนฺตสพฺโยหารานุกมฺปิตสฺส, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานิ.

‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กุลปุตฺโต อุฏฺานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิตฺเตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลทฺเธหิ ยาวตา พลิปฏิคฺคาหิกา เทวตา สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ. ตเมนํ พลิปฏิคฺคาหิกา เทวตา สกฺกตา ครุกตา มานิตา ปูชิตา กลฺยาเณน มนสา อนุกมฺปนฺติ – ‘จิรํ ชีว, ทีฆมายุํ ปาเลหี’ติ. เทวตานุกมฺปิตสฺส, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานิ.

‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กุลปุตฺโต อุฏฺานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิตฺเตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลทฺเธหิ สมณพฺราหฺมเณ สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ. ตเมนํ สมณพฺราหฺมณา สกฺกตา ครุกตา มานิตา ปูชิตา กลฺยาเณน มนสา อนุกมฺปนฺติ – ‘จิรํ ชีว, ทีฆมายุํ ปาเลหี’ติ. สมณพฺราหฺมณานุกมฺปิตสฺส , มหานาม, กุลปุตฺตสฺส วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานิ.

‘‘ยสฺส กสฺสจิ, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส อิเม ปฺจ ธมฺมา สํวิชฺชนฺติ – ยทิ วา รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส, ยทิ วา รฏฺิกสฺส เปตฺตนิกสฺส , ยทิ วา เสนาย เสนาปติกสฺส, ยทิ วา คามคามณิกสฺส, ยทิ วา ปูคคามณิกสฺส, เย วา ปน กุเลสุ ปจฺเจกาธิปจฺจํ กาเรนฺติ, วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติ.

‘‘มาตาปิตุกิจฺจกโร, ปุตฺตทารหิโต สทา;

อนฺโตชนสฺส อตฺถาย, เย จสฺส อนุชีวิโน.

‘‘อุภินฺนฺเจว อตฺถาย, วทฺู โหติ สีลวา;

าตีนํ ปุพฺพเปตานํ, ทิฏฺเ ธมฺเม จ ชีวตํ [ชีวินํ (สี.), ชีวิตํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)].

‘‘สมณานํ พฺราหฺมณานํ, เทวตานฺจ ปณฺฑิโต;

วิตฺติสฺชนโน โหติ, ธมฺเมน ฆรมาวสํ.

‘‘โส กริตฺวาน กลฺยาณํ, ปุชฺโช โหติ ปสํสิโย;

อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ. อฏฺมํ;

๙. ปมวุฑฺฒปพฺพชิตสุตฺตํ

๕๙. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ทุลฺลโภ วุฑฺฒปพฺพชิโต. กตเมหิ ปฺจหิ? ทุลฺลโภ, ภิกฺขเว, วุฑฺฒปพฺพชิโต นิปุโณ, ทุลฺลโภ อากปฺปสมฺปนฺโน, ทุลฺลโภ พหุสฺสุโต , ทุลฺลโภ ธมฺมกถิโก, ทุลฺลโภ วินยธโร. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ทุลฺลโภ วุฑฺฒปพฺพชิโต’’ติ. นวมํ.

๑๐. ทุติยวุฑฺฒปพฺพชิตสุตฺตํ

๖๐. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ทุลฺลโภ วุฑฺฒปพฺพชิโต. กตเมหิ ปฺจหิ? ทุลฺลโภ, ภิกฺขเว, วุฑฺฒปพฺพชิโต สุวโจ, ทุลฺลโภ สุคฺคหิตคฺคาหี , ทุลฺลโภ ปทกฺขิณคฺคาหี, ทุลฺลโภ ธมฺมกถิโก, ทุลฺลโภ วินยธโร. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ทุลฺลโภ วุฑฺฒปพฺพชิโต’’ติ. ทสมํ.

นีวรณวคฺโค ปโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

อาวรณํ ราสิ องฺคานิ, สมยํ มาตุปุตฺติกา;

อุปชฺฌา านา ลิจฺฉวิ, กุมารา อปรา ทุเวติ.