📜

(๗) ๒. สฺาวคฺโค

๑. ปมสฺาสุตฺตํ

๖๑. ‘‘ปฺจิมา , ภิกฺขเว, สฺา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหนฺติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา. กตมา ปฺจ? อสุภสฺา, มรณสฺา, อาทีนวสฺา, อาหาเร ปฏิกูลสฺา, สพฺพโลเก อนภิรตสฺา [อนภิรติสฺา (ก.) อ. นิ. ๕.๑๒๑-๑๒๒, ๓๐๓-๓๐๔ ปสฺสิตพฺพํ] – อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สฺา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหนฺติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’’ติ. ปมํ.

๒. ทุติยสฺาสุตฺตํ

๖๒. ‘‘ปฺจิมา, ภิกฺขเว, สฺา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหนฺติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา. กตมา ปฺจ? อนิจฺจสฺา, อนตฺตสฺา, มรณสฺา, อาหาเร ปฏิกูลสฺา, สพฺพโลเก อนภิรตสฺา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สฺา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหนฺติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’’ติ. ทุติยํ.

๓. ปมวฑฺฒิสุตฺตํ

๖๓. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, วฑฺฒีหิ วฑฺฒมาโน อริยสาวโก อริยาย วฑฺฒิยา วฑฺฒติ, สาราทายี จ โหติ วราทายี จ กายสฺส. กตมาหิ ปฺจหิ? สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน วฑฺฒติ, สุเตน วฑฺฒติ, จาเคน วฑฺฒติ, ปฺาย วฑฺฒติ – อิมาหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ วฑฺฒีหิ วฑฺฒมาโน อริยสาวโก อริยาย วฑฺฒิยา วฑฺฒติ, สาราทายี จ โหติ วราทายี จ กายสฺสา’’ติ.

‘‘สทฺธาย สีเลน จ โย ปวฑฺฒติ [โยธ วฑฺฒติ (สี.)],

ปฺาย จาเคน สุเตน จูภยํ;

โส ตาทิโส สปฺปุริโส วิจกฺขโณ,

อาทียตี สารมิเธว อตฺตโน’’ติ. ตติยํ;

๔. ทุติยวฑฺฒิสุตฺตํ

๖๔. ‘‘ปฺจหิ , ภิกฺขเว, วฑฺฒีหิ วฑฺฒมานา อริยสาวิกา อริยาย วฑฺฒิยา วฑฺฒติ, สาราทายินี จ โหติ วราทายินี จ กายสฺส. กตมาหิ ปฺจหิ? สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน วฑฺฒติ, สุเตน วฑฺฒติ, จาเคน วฑฺฒติ, ปฺาย วฑฺฒติ – อิมาหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ วฑฺฒีหิ วฑฺฒมานา อริยสาวิกา อริยาย วฑฺฒิยา วฑฺฒติ, สาราทายินี จ โหติ วราทายินี จ กายสฺสา’’ติ.

‘‘สทฺธาย สีเลน จ ยา ปวฑฺฒติ [ยาธ วฑฺฒติ (สี.)],

ปฺาย จาเคน สุเตน จูภยํ;

สา ตาทิสี สีลวตี อุปาสิกา,

อาทียตี สารมิเธว อตฺตโน’’ติ. จตุตฺถํ;

๕. สากจฺฉสุตฺตํ

๖๕. [อ. นิ. ๕.๑๖๔] ‘‘ปฺจหิ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํสากจฺโฉ สพฺรหฺมจารีนํ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺตนา จ สีลสมฺปนฺโน โหติ, สีลสมฺปทาย กถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ สมาธิสมฺปนฺโน โหติ, สมาธิสมฺปทาย กถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ ปฺาสมฺปนฺโน โหติ, ปฺาสมฺปทาย กถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ วิมุตฺติสมฺปนฺโน โหติ, วิมุตฺติสมฺปทาย กถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน โหติ, วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทาย กถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํสากจฺโฉ สพฺรหฺมจารีน’’นฺติ. ปฺจมํ.

๖. สาชีวสุตฺตํ

๖๖. [อ. นิ. ๕.๑๖๔] ‘‘ปฺจหิ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํสาชีโว สพฺรหฺมจารีนํ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺตนา จ สีลสมฺปนฺโน โหติ, สีลสมฺปทาย กถาย จ กตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ สมาธิสมฺปนฺโน โหติ, สมาธิสมฺปทาย กถาย จ กตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ ปฺาสมฺปนฺโน โหติ, ปฺาสมฺปทาย กถาย จ กตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ วิมุตฺติสมฺปนฺโน โหติ, วิมุตฺติสมฺปทาย กถาย จ กตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน โหติ, วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทาย กถาย จ กตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํสาชีโว สพฺรหฺมจารีน’’นฺติ. ฉฏฺํ.

๗. ปมอิทฺธิปาทสุตฺตํ

๖๗. ‘‘โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา ปฺจ ธมฺเม [อิเม ปฺจ ธมฺเม (ก.)] ภาเวติ, ปฺจ ธมฺเม [อิเม ปฺจ ธมฺเม (ก.)] พหุลีกโรติ, ตสฺส ทฺวินฺนํ ผลานํ อฺตรํ ผลํ ปาฏิกงฺขํ – ทิฏฺเว ธมฺเม อฺา, สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตา.

‘‘กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, วีริยสมาธิ…เป… จิตฺตสมาธิ… วีมํสาสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, อุสฺโสฬฺหิฺเว ปฺจมึ [อุสฺโสฬฺหีเยว ปฺจมี (สี.)]. โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อิเม ปฺจ ธมฺเม ภาเวติ, อิเม ปฺจ ธมฺเม พหุลีกโรติ, ตสฺส ทฺวินฺนํ ผลานํ อฺตรํ ผลํ ปาฏิกงฺขํ – ทิฏฺเว ธมฺเม อฺา, สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตา’’ติ. สตฺตมํ.

๘. ทุติยอิทฺธิปาทสุตฺตํ

๖๘. ‘‘ปุพฺเพวาหํ, ภิกฺขเว, สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺโธ โพธิสตฺโตว สมาโน ปฺจ ธมฺเม ภาเวสึ, ปฺจ ธมฺเม พหุลีกาสึ [พหุลิมกาสึ (ก.), พหุลมกาสึ (ก.)]. กตเม ปฺจ? ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวสึ , วีริยสมาธิ… จิตฺตสมาธิ… วีมํสาสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวสึ, อุสฺโสฬฺหิฺเว ปฺจมึ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อิเมสํ อุสฺโสฬฺหิปฺจมานํ ธมฺมานํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตา ยสฺส ยสฺส อภิฺาสจฺฉิกรณียสฺส ธมฺมสฺส จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณึ สติ สติ อายตเน.

‘‘โส สเจ อากงฺขึ – ‘อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุภเวยฺยํ…เป… ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณึ สติ สติ อายตเน.

‘‘โส สเจ อากงฺขึ…เป… ‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณึ สติ สติ อายตเน’’ติ. อฏฺมํ.

๙. นิพฺพิทาสุตฺตํ

๖๙. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา ภาวิตา พหุลีกตา เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺติ.

‘‘กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อสุภานุปสฺสี กาเย วิหรติ, อาหาเร ปฏิกูลสฺี, สพฺพโลเก อนภิรตสฺี [อนภิรติสฺี (ก.) อ. นิ. ๕.๑๒๑-๑๒๒, ๓๐๓-๓๐๔ ปสฺสิตพฺพํ], สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจานุปสฺสี, มรณสฺา โข ปนสฺส อชฺฌตฺตํ สูปฏฺิตา โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา ภาวิตา พหุลีกตา เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. นวมํ.

๑๐. อาสวกฺขยสุตฺตํ

๗๐. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา ภาวิตา พหุลีกตา อาสวานํ ขยาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อสุภานุปสฺสี กาเย วิหรติ, อาหาเร ปฏิกูลสฺี , สพฺพโลเก อนภิรตสฺี, สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจานุปสฺสี, มรณสฺา โข ปนสฺส อชฺฌตฺตํ สูปฏฺิตา โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา ภาวิตา พหุลีกตา อาสวานํ ขยาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. ทสมํ.

สฺาวคฺโค ทุติโย.

ตสฺสุทฺทานํ –

ทฺเว จ สฺา ทฺเว วฑฺฒี จ, สากจฺเฉน จ สาชีวํ;

อิทฺธิปาทา จ ทฺเว วุตฺตา, นิพฺพิทา จาสวกฺขยาติ.