📜

(๑๐) ๕. กกุธวคฺโค

๑. ปมสมฺปทาสุตฺตํ

๙๑. ‘‘ปฺจิมา , ภิกฺขเว, สมฺปทา. กตมา ปฺจ? สทฺธาสมฺปทา, สีลสมฺปทา, สุตสมฺปทา, จาคสมฺปทา, ปฺาสมฺปทา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สมฺปทา’’ติ. ปมํ.

๒. ทุติยสมฺปทาสุตฺตํ

๙๒. ‘‘ปฺจิมา , ภิกฺขเว, สมฺปทา. กตมา ปฺจ? สีลสมฺปทา, สมาธิสมฺปทา, ปฺาสมฺปทา, วิมุตฺติสมฺปทา, วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สมฺปทา’’ติ. ทุติยํ.

๓. พฺยากรณสุตฺตํ

๙๓. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, อฺาพฺยากรณานิ. กตมานิ ปฺจ? มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา อฺํ พฺยากโรติ; ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต อฺํ พฺยากโรติ; อุมฺมาทา จิตฺตกฺเขปา อฺํ พฺยากโรติ; อธิมาเนน อฺํ พฺยากโรติ; สมฺมเทว อฺํ พฺยากโรติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อฺาพฺยากรณานี’’ติ. ตติยํ.

๔. ผาสุวิหารสุตฺตํ

๙๔. ‘‘ปฺจิเม , ภิกฺขเว, ผาสุวิหารา. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป… ทุติยํ ฌานํ… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ผาสุวิหารา’’ติ. จตุตฺถํ.

๕. อกุปฺปสุตฺตํ

๙๕. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นจิรสฺเสว อกุปฺปํ ปฏิวิชฺฌติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถปฏิสมฺภิทาปตฺโต โหติ, ธมฺมปฏิสมฺภิทาปตฺโต โหติ, นิรุตฺติปฏิสมฺภิทาปตฺโต โหติ, ปฏิภานปฏิสมฺภิทาปตฺโต โหติ, ยถาวิมุตฺตํ จิตฺตํ ปจฺจเวกฺขติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นจิรสฺเสว อกุปฺปํ ปฏิวิชฺฌตี’’ติ. ปฺจมํ.

๖. สุตธรสุตฺตํ

๙๖. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อานาปานสฺสตึ อาเสวนฺโต นจิรสฺเสว อกุปฺปํ ปฏิวิชฺฌติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อปฺปฏฺโ โหติ อปฺปกิจฺโจ สุภโร สุสนฺโตโส ชีวิตปริกฺขาเรสุ; อปฺปาหาโร โหติ อโนทริกตฺตํ อนุยุตฺโต; อปฺปมิทฺโธ โหติ ชาคริยํ อนุยุตฺโต; พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา; ยถาวิมุตฺตํ จิตฺตํ ปจฺจเวกฺขติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อานาปานสฺสตึ อาเสวนฺโต นจิรสฺเสว อกุปฺปํ ปฏิวิชฺฌตี’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. กถาสุตฺตํ

๙๗. ‘‘ปฺจหิ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อานาปานสฺสตึ ภาเวนฺโต นจิรสฺเสว อกุปฺปํ ปฏิวิชฺฌติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อปฺปฏฺโ โหติ อปฺปกิจฺโจ สุภโร สุสนฺโตโส ชีวิตปริกฺขาเรสุ; อปฺปาหาโร โหติ อโนทริกตฺตํ อนุยุตฺโต; อปฺปมิทฺโธ โหติ ชาคริยํ อนุยุตฺโต; ยายํ กถา อาภิสลฺเลขิกา เจโตวิวรณสปฺปายา, เสยฺยถิทํ – อปฺปิจฺฉกถา…เป… วิมุตฺติาณทสฺสนกถา, เอวรูปิยา กถาย นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี; ยถาวิมุตฺตํ จิตฺตํ ปจฺจเวกฺขติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อานาปานสฺสตึ ภาเวนฺโต นจิรสฺเสว อกุปฺปํ ปฏิวิชฺฌตี’’ติ. สตฺตมํ.

๘. อารฺกสุตฺตํ

๙๘. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อานาปานสฺสตึ พหุลีกโรนฺโต นจิรสฺเสว อกุปฺปํ ปฏิวิชฺฌติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อปฺปฏฺโ โหติ อปฺปกิจฺโจ สุภโร สุสนฺโตโส ชีวิตปริกฺขาเรสุ; อปฺปาหาโร โหติ อโนทริกตฺตํ อนุยุตฺโต; อปฺปมิทฺโธ โหติ ชาคริยํ อนุยุตฺโต; อารฺโก โหติ ปนฺตเสนาสโน; ยถาวิมุตฺตํ จิตฺตํ ปจฺจเวกฺขติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อานาปานสฺสตึ พหุลีกโรนฺโต นจิรสฺเสว อกุปฺปํ ปฏิวิชฺฌตี’’ติ. อฏฺมํ.

๙. สีหสุตฺตํ

๙๙. ‘‘สีโห, ภิกฺขเว, มิคราชา สายนฺหสมยํ อาสยา นิกฺขมติ; อาสยา นิกฺขมิตฺวา วิชมฺภติ; วิชมฺภิตฺวา สมนฺตา จตุทฺทิสํ [จตุทฺทิสา (สฺยา. กํ. ปี. ก.) อ. นิ. ๔.๓๓; สํ. นิ. ๓.๗๘ ปสฺสิตพฺพํ] อนุวิโลเกติ; สมนฺตา จตุทฺทิสํ [จตุทฺทิสา (สฺยา. กํ. ปี. ก.) อ. นิ. ๔.๓๓; สํ. นิ. ๓.๗๘ ปสฺสิตพฺพํ] อนุวิโลเกตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทติ; ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกมติ. โส หตฺถิสฺส เจปิ ปหารํ เทติ, สกฺกจฺจฺเว ปหารํ เทติ, โน อสกฺกจฺจํ; มหึสสฺส [มหิสสฺส (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เจปิ ปหารํ เทติ, สกฺกจฺจฺเว ปหารํ เทติ, โน อสกฺกจฺจํ; ควสฺส เจปิ ปหารํ เทติ, สกฺกจฺจฺเว ปหารํ เทติ, โน อสกฺกจฺจํ; ทีปิสฺส เจปิ ปหารํ เทติ, สกฺกจฺจฺเว ปหารํ เทติ , โน อสกฺกจฺจํ; ขุทฺทกานฺเจปิ ปาณานํ ปหารํ เทติ อนฺตมโส สสพิฬารานมฺปิ [สสพิฬารานํ (ก.)], สกฺกจฺจฺเว ปหารํ เทติ, โน อสกฺกจฺจํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘มา เม โยคฺคปโถ นสฺสา’ติ.

‘‘สีโหติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. ยํ โข, ภิกฺขเว, ตถาคโต ปริสาย ธมฺมํ เทเสติ, อิทมสฺส โหติ สีหนาทสฺมึ. ภิกฺขูนฺเจปิ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, สกฺกจฺจฺเว ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, โน อสกฺกจฺจํ; ภิกฺขุนีนฺเจปิ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, สกฺกจฺจฺเว ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, โน อสกฺกจฺจํ; อุปาสกานฺเจปิ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, สกฺกจฺจฺเว ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, โน อสกฺกจฺจํ; อุปาสิกานฺเจปิ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, สกฺกจฺจฺเว ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, โน อสกฺกจฺจํ; ปุถุชฺชนานฺเจปิ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ อนฺตมโส อนฺนภารเนสาทานมฺปิ [อนฺนภารเนสาทานํ (ก.)], สกฺกจฺจฺเว ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, โน อสกฺกจฺจํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ธมฺมครุ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ธมฺมคารโว’’ติ. นวมํ.

๑๐. กกุธเถรสุตฺตํ

๑๐๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม. [จูฬว. ๓๓๓, ๓๔๑] เตน โข ปน สมเยน กกุโธ นาม โกลิยปุตฺโต [โกฬียปุตฺโต (สี. สฺยา. ก.)] อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส อุปฏฺาโก อธุนากาลงฺกโต อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺโน. ตสฺส เอวรูโป อตฺตภาวปฏิลาโภ โหติ – เสยฺยถาปิ นาม ทฺเว วา ตีณิ วา มาคธกานิ [มาคธิกานิ (สี. ปี. ก.)] คามกฺเขตฺตานิ. โส เตน อตฺตภาวปฏิลาเภน เนว อตฺตานํ [เนวตฺตานํ พฺยาพาเธติ (สี.)] โน ปรํ พฺยาพาเธติ.

อถ โข กกุโธ เทวปุตฺโต เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข กกุโธ เทวปุตฺโต อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอตทโวจ – ‘‘เทวทตฺตสฺส, ภนฺเต, เอวรูปํ อิจฺฉาคตํ อุปฺปชฺชิ – ‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’ติ. สหจิตฺตุปฺปาทา จ, ภนฺเต, เทวทตฺโต ตสฺสา อิทฺธิยา ปริหีโน’’ติ. อิทมโวจ กกุโธ เทวปุตฺโต. อิทํ วตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายิ.

อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควนฺตํ เอตทโวจ –

‘‘กกุโธ นาม, ภนฺเต, โกลิยปุตฺโต มมํ อุปฏฺาโก อธุนากาลงฺกโต อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺโน โหติ. ตสฺส เอวรูโป อตฺตภาวปฏิลาโภ – เสยฺยถาปิ นาม ทฺเว วา ตีณิ วา มาคธกานิ คามกฺเขตฺตานิ. โส เตน อตฺตภาวปฏิลาเภน เนว อตฺตานํ โน ปรํ พฺยาพาเธติ. อถ โข, ภนฺเต, กกุโธ เทวปุตฺโต เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข, ภนฺเต, กกุโธ เทวปุตฺโต มํ เอตทโวจ – ‘เทวทตฺตสฺส, ภนฺเต, เอวรูปํ อิจฺฉาคตํ อุปฺปชฺชิ – อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามีติ. สหจิตฺตุปฺปาทา จ, ภนฺเต, เทวทตฺโต ตสฺสา อิทฺธิยา ปริหีโน’ติ. อิทมโวจ, ภนฺเต, กกุโธ เทวปุตฺโต. อิทํ วตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายี’’ติ.

‘‘กึ ปน เต, โมคฺคลฺลาน, กกุโธ เทวปุตฺโต เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต – ‘ยํ กิฺจิ กกุโธ เทวปุตฺโต ภาสติ สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ, โน อฺถา’’’ติ? ‘‘เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต เม, ภนฺเต, กกุโธ เทวปุตฺโต – ‘ยํ กิฺจิ กกุโธ เทวปุตฺโต ภาสติ สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ, โน อฺถา’’’ติ. ‘‘รกฺขสฺเสตํ, โมคฺคลฺลาน, วาจํ! (รกฺขสฺเสตํ, โมคฺคลฺลาน, วาจํ) [( ) สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ นตฺถิ จูฬว. ๓๓๓ ปน สพฺพตฺถปิ ทิสฺสติเยว]! อิทานิ โส โมฆปุริโส อตฺตนาว อตฺตานํ ปาตุกริสฺสติ .

‘‘ปฺจิเม, โมคฺคลฺลาน, สตฺถาโร สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ปฺจ? อิธ , โมคฺคลฺลาน, เอกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธสีโล สมาโน ‘ปริสุทฺธสีโลมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม สีลํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธสีโล สมาโน ปริสุทฺธสีโลมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม สีลํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ. ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ นํ [กถํ นุ ตํ (สี.), กถํ นุ (สฺยา. กํ. ปี. ก.), กถํ ตํ (กตฺถจิ)] มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม – ‘สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน; ยํ ตุโม กริสฺสติ ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ . เอวรูปํ โข, โมคฺคลฺลาน, สตฺถารํ สาวกา สีลโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ สีลโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติ [ปจฺจาสึสติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].

‘‘ปุน จปรํ, โมคฺคลฺลาน, อิเธกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธาชีโว สมาโน ‘ปริสุทฺธาชีโวมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺโธ เม อาชีโว ปริโยทาโต อสํกิลิฏฺโ’ติ. ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธาชีโว สมาโน ปริสุทฺธาชีโวมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺโธ เม อาชีโว ปริโยทาโต อสํกิลิฏฺโ’ติ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ. ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ นํ มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม – ‘สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน; ยํ ตุโม กริสฺสติ ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ. เอวรูปํ โข, โมคฺคลฺลาน, สตฺถารํ สาวกา อาชีวโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ อาชีวโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติ.

‘‘ปุน จปรํ, โมคฺคลฺลาน, อิเธกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธธมฺมเทสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธธมฺมเทสโนมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธา เม ธมฺมเทสนา ปริโยทาตา อสํกิลิฏฺา’ติ. ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธธมฺมเทสโน สมาโน ปริสุทฺธธมฺมเทสโนมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธา เม ธมฺมเทสนา ปริโยทาตา อสํกิลิฏฺา’ติ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ. ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ นํ มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม – ‘สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน; ยํ ตุโม กริสฺสติ ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ. เอวรูปํ โข, โมคฺคลฺลาน, สตฺถารํ สาวกา ธมฺมเทสนโต รกฺขนฺติ ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ ธมฺมเทสนโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติ.

‘‘ปุน จปรํ, โมคฺคลฺลาน, อิเธกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธเวยฺยากรโณ สมาโน ‘ปริสุทฺธเวยฺยากรโณมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม เวยฺยากรณํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธเวยฺยากรโณ สมาโน ปริสุทฺธเวยฺยากรโณมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม เวยฺยากรณํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ . ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ นํ มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม – ‘สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน; ยํ ตุโม กริสฺสติ ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ. เอวรูปํ โข, โมคฺคลฺลาน, สตฺถารํ สาวกา เวยฺยากรณโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ เวยฺยากรณโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติ.

‘‘ปุน จปรํ, โมคฺคลฺลาน, อิเธกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธาณทสฺสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธาณทสฺสโนมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม าณทสฺสนํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธาณทสฺสโน สมาโน ปริสุทฺธาณทสฺสโนมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม าณทสฺสนํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ. ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ นํ มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม – ‘สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน; ยํ ตุโม กริสฺสติ ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ. เอวรูปํ โข, โมคฺคลฺลาน, สตฺถารํ สาวกา าณทสฺสนโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ าณทสฺสนโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติ. อิเม โข, โมคฺคลฺลาน, ปฺจ สตฺถาโร สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ.

‘‘อหํ โข ปน, โมคฺคลฺลาน, ปริสุทฺธสีโล สมาโน ‘ปริสุทฺธสีโลมฺหี’ติ ปฏิชานามิ ‘ปริสุทฺธํ เม สีลํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. น จ มํ สาวกา สีลโต รกฺขนฺติ, น จาหํ สาวเกหิ สีลโต รกฺขํ ปจฺจาสีสามิ. ปริสุทฺธาชีโว สมาโน ‘ปริสุทฺธาชีโวมฺหี’ติ ปฏิชานามิ ‘ปริสุทฺโธ เม อาชีโว ปริโยทาโต อสํกิลิฏฺโ’ติ. น จ มํ สาวกา อาชีวโต รกฺขนฺติ, น จาหํ สาวเกหิ อาชีวโต รกฺขํ ปจฺจาสีสามิ. ปริสุทฺธธมฺมเทสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธธมฺมเทสโนมฺหี’ติ ปฏิชานามิ ‘ปริสุทฺธา เม ธมฺมเทสนา ปริโยทาตา อสํกิลิฏฺา’ติ. น จ มํ สาวกา ธมฺมเทสนโต รกฺขนฺติ, น จาหํ สาวเกหิ ธมฺมเทสนโต รกฺขํ ปจฺจาสีสามิ. ปริสุทฺธเวยฺยากรโณ สมาโน ‘ปริสุทฺธเวยฺยากรโณมฺหี’ติ ปฏิชานามิ ‘ปริสุทฺธํ เม เวยฺยากรณํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. น จ มํ สาวกา เวยฺยากรณโต รกฺขนฺติ, น จาหํ สาวเกหิ เวยฺยากรณโต รกฺขํ ปจฺจาสีสามิ. ปริสุทฺธาณทสฺสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธาณทสฺสโนมฺหี’ติ ปฏิชานามิ ‘ปริสุทฺธํ เม าณทสฺสนํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. น จ มํ สาวกา าณทสฺสนโต รกฺขนฺติ, น จาหํ สาวเกหิ าณทสฺสนโต รกฺขํ ปจฺจาสีสามี’’ติ. ทสมํ.

กกุธวคฺโค ปฺจโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

ทฺเว สมฺปทา พฺยากรณํ, ผาสุ อกุปฺปปฺจมํ;

สุตํ กถา อารฺโก, สีโห จ กกุโธ ทสาติ.

ทุติยปณฺณาสกํ สมตฺตํ.

๓. ตติยปณฺณาสกํ