📜
๒. สารณียวคฺโค
๑. ปมสารณียสุตฺตํ
๑๑. ‘‘ฉยิเม ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺมา สารณียา [สาราณียา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. กตเม ฉ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จ, อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เมตฺตํ วจีกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จ, อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จ, อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เย เต ลาภา ธมฺมิกา ธมฺมลทฺธา อนฺตมโส ปตฺตปริยาปนฺนมตฺตมฺปิ ตถารูเปหิ ลาเภหิ อปฺปฏิวิภตฺตโภคี โหติ สีลวนฺเตหิ สพฺรหฺมจารีหิ สาธารณโภคี, อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิฺุปฺปสตฺถานิ อปรามฏฺานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ ¶ ตถารูเปหิ สีเลหิ สีลสามฺคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จ, อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยายํ ทิฏฺิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว ¶ รโห จ, อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย. อิเม โข, ภิกฺขเว, ฉ ธมฺมา สารณียา’’ติ. ปมํ.
๒. ทุติยสารณียสุตฺตํ
๑๒. ‘‘ฉยิเม ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺมา สารณียา ปิยกรณา ครุกรณา สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ฉ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จ, อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เมตฺตํ วจีกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ…เป… เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จ, อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เย เต ลาภา ธมฺมิกา ธมฺมลทฺธา อนฺตมโส ปตฺตปริยาปนฺนมตฺตมฺปิ ตถารูเปหิ ลาเภหิ อปฺปฏิวิภตฺตโภคี โหติ สีลวนฺเตหิ ¶ สพฺรหฺมจารีหิ สาธารณโภคี, อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิฺุปฺปสตฺถานิ อปรามฏฺานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ ตถารูเปหิ สีเลหิ สีลสามฺคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จ, อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยายํ ทิฏฺิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห ¶ จ, อยมฺปิ ธมฺโม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา ¶ เอกีภาวาย สํวตฺตติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ฉ ธมฺมา สารณียา ปิยกรณา ครุกรณา สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. ทุติยํ.
๓. นิสฺสารณียสุตฺตํ
๑๓. ‘‘ฉยิมา, ภิกฺขเว, นิสฺสารณียา ธาตุโย. กตมา ฉ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘เมตฺตา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา; อถ จ ปน เม พฺยาปาโท จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’ติ. โส ‘มา เหว’นฺติสฺส วจนีโย – ‘มายสฺมา, เอวํ อวจ; มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย. อฏฺานเมตํ, อาวุโส, อนวกาโส ยํ เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาย; อถ จ ¶ ปนสฺส พฺยาปาโท จิตฺตํ ปริยาทาย สฺสติ [สฺสตีติ (สพฺพตฺถ) ที. นิ. ๓.๓๒๖ ปสฺสิตพฺพํ], เนตํ านํ วิชฺชติ. นิสฺสรณฺเหตํ, อาวุโส, พฺยาปาทสฺส ยทิทํ เมตฺตาเจโตวิมุตฺตี’’’ติ [เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ (สพฺพตฺถ)].
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘กรุณา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา; อถ จ ปน เม วิเหสา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’ติ. โส ‘มา เหว’นฺติสฺส วจนีโย – ‘มายสฺมา, เอวํ อวจ; มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย. อฏฺานเมตํ, อาวุโส ¶ , อนวกาโส ยํ กรุณาย เจโตวิมุตฺติยา ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาย; อถ จ ปนสฺส วิเหสา จิตฺตํ ปริยาทาย สฺสติ, เนตํ านํ วิชฺชติ. นิสฺสรณฺเหตํ, อาวุโส, วิเหสาย ยทิทํ กรุณาเจโตวิมุตฺตี’’’ติ.
‘‘อิธ ¶ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘มุทิตา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา; อถ จ ปน เม อรติ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’ติ. โส ‘มา เหว’นฺติสฺส วจนีโย – ‘มายสฺมา, เอวํ อวจ; มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย ¶ . อฏฺานเมตํ, อาวุโส, อนวกาโส ยํ มุทิตาย เจโตวิมุตฺติยา ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาย; อถ จ ปนสฺส อรติ จิตฺตํ ปริยาทาย สฺสติ, เนตํ านํ วิชฺชติ. นิสฺสรณฺเหตํ, อาวุโส, อรติยา ยทิทํ มุทิตาเจโตวิมุตฺตี’’’ติ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘อุเปกฺขา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา; อถ จ ปน เม ราโค จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’ติ. โส ‘มา เหว’นฺติสฺส วจนีโย – ‘มายสฺมา, เอวํ อวจ; มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย. อฏฺานเมตํ, อาวุโส, อนวกาโส ยํ อุเปกฺขาย เจโตวิมุตฺติยา ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺิตาย ¶ ปริจิตาย สุสมารทฺธาย ¶ ; อถ จ ปนสฺส ราโค จิตฺตํ ปริยาทาย สฺสติ, เนตํ านํ วิชฺชติ. นิสฺสรณฺเหตํ, อาวุโส, ราคสฺส ยทิทํ อุเปกฺขาเจโตวิมุตฺตี’’’ติ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘อนิมิตฺตา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา; อถ จ ปน เม นิมิตฺตานุสาริ วิฺาณํ โหตี’ติ. โส ‘มา เหว’นฺติสฺส วจนีโย – ‘มายสฺมา, เอวํ อวจ; มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย. อฏฺานเมตํ, อาวุโส, อนวกาโส ยํ อนิมิตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาย; อถ จ ปนสฺส นิมิตฺตานุสาริ วิฺาณํ ภวิสฺสติ, เนตํ านํ วิชฺชติ. นิสฺสรณฺเหตํ, อาวุโส, สพฺพนิมิตฺตานํ ยทิทํ อนิมิตฺตาเจโตวิมุตฺตี’’’ติ.
‘‘อิธ ¶ ปน ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘อสฺมีติ โข เม วิคตํ [วิคเต (สฺยา.)], อยมหมสฺมีติ จ [อยํ จกาโร ที. นิ. ๓.๓๒๖ นตฺถิ] น สมนุปสฺสามิ; อถ จ ปน เม วิจิกิจฺฉากถํกถาสลฺลํ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’ติ. โส ‘มา เหว’นฺติสฺส วจนีโย – ‘มายสฺมา, เอวํ อวจ; มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย. อฏฺานเมตํ, อาวุโส, อนวกาโส ยํ อสฺมีติ วิคเต อยมหมสฺมีติ จ น สมนุปสฺสโต; อถ ¶ จ ปนสฺส วิจิกิจฺฉากถํกถาสลฺลํ จิตฺตํ ปริยาทาย สฺสติ, เนตํ านํ วิชฺชติ. นิสฺสรณฺเหตํ, อาวุโส, วิจิกิจฺฉากถํกถาสลฺลสฺส ยทิทํ อสฺมีติ มานสมุคฺฆาโต’ติ. อิมา ¶ โข, ภิกฺขเว, ฉ นิสฺสารณียา ธาตุโย’’ติ. ตติยํ.
๔. ภทฺทกสุตฺตํ
๑๔. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส, ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต ¶ สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ –
‘‘ตถา ตถา, อาวุโส, ภิกฺขุ วิหารํ กปฺเปติ ยถา ยถาสฺส วิหารํ กปฺปยโต น ภทฺทกํ มรณํ โหติ, น ภทฺทิกา กาลกิริยา [กาลํกิริยา (ก.) อ. นิ. ๓.๑๑๐]. กถฺจาวุโส, ภิกฺขุ ตถา ตถา วิหารํ กปฺเปติ ยถา ยถาสฺส วิหารํ กปฺปยโต น ภทฺทกํ มรณํ โหติ, น ภทฺทิกา กาลกิริยา?
‘‘อิธาวุโส, ภิกฺขุ กมฺมาราโม โหติ กมฺมรโต กมฺมารามตํ อนุยุตฺโต, ภสฺสาราโม โหติ ภสฺสรโต ภสฺสารามตํ อนุยุตฺโต, นิทฺทาราโม โหติ นิทฺทารโต นิทฺทารามตํ อนุยุตฺโต, สงฺคณิการาโม โหติ สงฺคณิกรโต สงฺคณิการามตํ อนุยุตฺโต, สํสคฺคาราโม โหติ สํสคฺครโต สํสคฺคารามตํ อนุยุตฺโต, ปปฺจาราโม โหติ ปปฺจรโต ปปฺจารามตํ อนุยุตฺโต. เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ตถา ตถา วิหารํ กปฺเปติ ยถา ยถาสฺส วิหารํ กปฺปยโต น ภทฺทกํ มรณํ โหติ, น ภทฺทิกา กาลกิริยา. อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘ภิกฺขุ สกฺกายาภิรโต นปฺปชหาสิ [น ปหาสิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สกฺกายํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย’’’.
‘‘ตถา ¶ ตถาวุโส, ภิกฺขุ วิหารํ กปฺเปติ ยถา ยถาสฺส วิหารํ กปฺปยโต ภทฺทกํ มรณํ โหติ, ภทฺทิกา กาลกิริยา. กถฺจาวุโส, ภิกฺขุ ตถา ตถา วิหารํ กปฺเปติ ยถา ยถาสฺส วิหารํ กปฺปยโต ภทฺทกํ มรณํ โหติ, ภทฺทิกา กาลกิริยา?
‘‘อิธาวุโส, ภิกฺขุ ¶ น กมฺมาราโม โหติ น กมฺมรโต น กมฺมารามตํ อนุยุตฺโต, น ภสฺสาราโม โหติ น ภสฺสรโต น ภสฺสารามตํ อนุยุตฺโต, น นิทฺทาราโม โหติ น นิทฺทารโต ¶ นิทฺทารามตํ อนุยุตฺโต, น สงฺคณิการาโม โหติ น สงฺคณิกรโต น สงฺคณิการามตํ อนุยุตฺโต, น สํสคฺคาราโม โหติ น สํสคฺครโต น สํสคฺคารามตํ อนุยุตฺโต, น ปปฺจาราโม โหติ น ปปฺจรโต น ปปฺจารามตํ อนุยุตฺโต. เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ตถา ¶ ตถา วิหารํ กปฺเปติ ยถา ยถาสฺส วิหารํ กปฺปยโต ภทฺทกํ มรณํ โหติ, ภทฺทิกา กาลกิริยา. อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘ภิกฺขุ นิพฺพานาภิรโต ปชหาสิ สกฺกายํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’’ติ.
‘‘โย ปปฺจมนุยุตฺโต, ปปฺจาภิรโต มโค;
วิราธยี โส นิพฺพานํ, โยคกฺเขมํ อนุตฺตรํ.
‘‘โย จ ปปฺจํ หิตฺวาน, นิปฺปปฺจปเท รโต;
อาราธยี โส นิพฺพานํ, โยคกฺเขมํ อนุตฺตร’’นฺติ. จตุตฺถํ;
๕. อนุตปฺปิยสุตฺตํ
๑๕. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ตถา ตถาวุโส, ภิกฺขุ วิหารํ กปฺเปติ ยถา ยถาสฺส วิหารํ กปฺปยโต กาลกิริยา อนุตปฺปา โหติ. กถฺจาวุโส, ภิกฺขุ ตถา ตถา วิหารํ กปฺเปติ ยถา ยถาสฺส วิหารํ กปฺปยโต กาลกิริยา อนุตปฺปา โหติ?
‘‘อิธาวุโส, ภิกฺขุ กมฺมาราโม โหติ กมฺมรโต กมฺมารามตํ อนุยุตฺโต, ภสฺสาราโม โหติ…เป… นิทฺทาราโม โหติ… สงฺคณิการาโม โหติ… สํสคฺคาราโม โหติ… ปปฺจาราโม โหติ ปปฺจรโต ปปฺจารามตํ ¶ อนุยุตฺโต. เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ตถา ตถา วิหารํ กปฺเปติ ยถา ยถาสฺส วิหารํ กปฺปยโต กาลกิริยา อนุตปฺปา โหติ ¶ . อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘ภิกฺขุ สกฺกายาภิรโต นปฺปชหาสิ สกฺกายํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย’’’.
‘‘ตถา ตถาวุโส, ภิกฺขุ วิหารํ กปฺเปติ ยถา ยถาสฺส วิหารํ กปฺปยโต กาลกิริยา อนนุตปฺปา ¶ โหติ. กถฺจาวุโส, ภิกฺขุ ตถา ตถา วิหารํ กปฺเปติ ยถา ยถาสฺส วิหารํ กปฺปยโต กาลกิริยา อนนุตปฺปา โหติ?
‘‘อิธาวุโส, ภิกฺขุ น กมฺมาราโม โหติ น กมฺมรโต น กมฺมารามตํ อนุยุตฺโต, น ภสฺสาราโม โหติ…เป… น ¶ นิทฺทาราโม โหติ… น สงฺคณิการาโม โหติ… น สํสคฺคาราโม โหติ… น ปปฺจาราโม โหติ น ปปฺจรโต น ปปฺจารามตํ อนุยุตฺโต. เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ตถา ตถา วิหารํ กปฺเปติ ยถา ยถาสฺส วิหารํ กปฺปยโต กาลกิริยา อนนุตปฺปา โหติ. อยํ วุจฺจตาวุโส – ‘ภิกฺขุ นิพฺพานาภิรโต ปชหาสิ สกฺกายํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’’ติ.
‘‘โย ปปฺจมนุยุตฺโต, ปปฺจาภิรโต มโค;
วิราธยี โส นิพฺพานํ, โยคกฺเขมํ อนุตฺตรํ.
‘‘โย จ ปปฺจํ หิตฺวาน, นิปฺปปฺจปเท รโต;
อาราธยี โส นิพฺพานํ, โยคกฺเขมํ อนุตฺตร’’นฺติ. ปฺจมํ;
๖. นกุลปิตุสุตฺตํ
๑๖. เอกํ สมยํ ภควา ภคฺเคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร [สุํสุมารคิเร (สี. ปี.), สํสุมารคิเร (กตฺถจิ)] เภสกฬาวเน ¶ มิคทาเย. เตน โข ปน สมเยน นกุลปิตา คหปติ อาพาธิโก โหติ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. อถ โข นกุลมาตา คหปตานี นกุลปิตรํ คหปตึ เอตทโวจ –
‘‘มา โข ตฺวํ, คหปติ, สาเปกฺโข [สาเปโข (ปี. ก.)] กาลมกาสิ. ทุกฺขา, คหปติ, สาเปกฺขสฺส กาลกิริยา; ครหิตา จ ภควตา สาเปกฺขสฺส กาลกิริยา. สิยา โข ปน เต, คหปติ, เอวมสฺส – ‘น นกุลมาตา คหปตานี มมจฺจเยน สกฺขิสฺสติ [น สกฺขิสฺสติ (สี. สฺยา. กํ.), สกฺโกติ (ปี. ก.)] ทารเก โปเสตุํ, ฆราวาสํ สนฺธริตุ’นฺติ [สนฺธริตุนฺติ (ก.), สณฺริตุํ (สฺยา.)]. น โข ปเนตํ, คหปติ, เอวํ ทฏฺพฺพํ. กุสลาหํ, คหปติ, กปฺปาสํ ¶ กนฺติตุํ เวณึ โอลิขิตุํ. สกฺโกมหํ, คหปติ, ตวจฺจเยน ทารเก โปเสตุํ, ฆราวาสํ ¶ สนฺธริตุํ. ตสฺมาติห ¶ ตฺวํ, คหปติ, มา สาเปกฺโข กาลมกาสิ. ทุกฺขา, คหปติ, สาเปกฺขสฺส กาลกิริยา; ครหิตา จ ภควตา สาเปกฺขสฺส กาลกิริยา.
‘‘สิยา โข ปน เต, คหปติ, เอวมสฺส – ‘นกุลมาตา คหปตานี มมจฺจเยน อฺํ ฆรํ [ภตฺตารํ (สฺยา. กํ.), วีรํ (สี.)] คมิสฺสตี’ติ. น โข ปเนตํ, คหปติ, เอวํ ทฏฺพฺพํ. ตฺวฺเจว โข, คหปติ, ชานาสิ อหฺจ, ยํ โน [ยทา เต (สี.), ยถา (สฺยา.), ยถา โน (ปี.)] โสฬสวสฺสานิ คหฏฺกํ พฺรหฺมจริยํ สมาจิณฺณํ [สมาทินฺนํ (สี.)]. ตสฺมาติห ตฺวํ, คหปติ, มา สาเปกฺโข กาลมกาสิ. ทุกฺขา, คหปติ, สาเปกฺขสฺส กาลกิริยา; ครหิตา จ ภควตา สาเปกฺขสฺส กาลกิริยา.
‘‘สิยา โข ปน เต, คหปติ, เอวมสฺส – ‘นกุลมาตา คหปตานี มมจฺจเยน น ทสฺสนกามา ภวิสฺสติ ภควโต น ทสฺสนกามา ภิกฺขุสงฺฆสฺสา’ติ. น โข ปเนตํ, คหปติ, เอวํ ทฏฺพฺพํ. อหฺหิ, คหปติ, ตวจฺจเยน ทสฺสนกามตรา เจว ภวิสฺสามิ ภควโต, ทสฺสนกามตรา ¶ จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส. ตสฺมาติห ตฺวํ, คหปติ, มา สาเปกฺโข กาลมกาสิ. ทุกฺขา, คหปติ, สาเปกฺขสฺส กาลกิริยา; ครหิตา จ ภควตา สาเปกฺขสฺส กาลกิริยา.
‘‘สิยา โข ปน เต, คหปติ, เอวมสฺส – ‘น นกุลมาตา คหปตานี มมจฺจเยน สีเลสุ [นกุลมาตา… น สีเลสุ (สี. ปี.)] ปริปูรการินี’ติ. น โข ปเนตํ, คหปติ, เอวํ ทฏฺพฺพํ. ยาวตา โข, คหปติ, ตสฺส ภควโต สาวิกา คิหี โอทาตวสนา สีเลสุ ปริปูรการินิโย, อหํ ตาสํ อฺตรา. ยสฺส โข ปนสฺส กงฺขา วา วิมติ วา – อยํ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภคฺเคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร เภสกฬาวเน มิคทาเย – ตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉตุ. ตสฺมาติห ตฺวํ, คหปติ, มา สาเปกฺโข กาลมกาสิ ¶ . ทุกฺขา, คหปติ, สาเปกฺขสฺส กาลกิริยา; ครหิตา จ ภควตา สาเปกฺขสฺส กาลกิริยา.
‘‘สิยา ¶ โข ปน เต, คหปติ, เอวมสฺส – ‘น นกุลมาตา คหปตานี ลาภินี [นกุลมาตา คหปตานี น ลาภินี (ปี.)] อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺสา’ติ. น โข ปเนตํ, คหปติ, เอวํ ทฏฺพฺพํ. ยาวตา โข, คหปติ, ตสฺส ภควโต สาวิกา คิหี โอทาตวสนา ลาภินิโย อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส, อหํ ตาสํ อฺตรา. ยสฺส โข ปนสฺส กงฺขา วา วิมติ วา – อยํ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ¶ ภคฺเคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร เภสกฬาวเน มิคทาเย – ตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉตุ. ตสฺมาติห ตฺวํ, คหปติ, มา สาเปกฺโข กาลมกาสิ. ทุกฺขา, คหปติ, สาเปกฺขสฺส กาลกิริยา; ครหิตา จ ภควตา สาเปกฺขสฺส กาลกิริยา.
‘‘สิยา โข ปน เต, คหปติ, เอวมสฺส – ‘น นกุลมาตา ¶ คหปตานี อิมสฺมึ ธมฺมวินเย โอคาธปฺปตฺตา ปติคาธปฺปตฺตา อสฺสาสปฺปตฺตา ติณฺณวิจิกิจฺฉา วิคตกถํกถา เวสารชฺชปฺปตฺตา อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน วิหรตี’ติ. น โข ปเนตํ, คหปติ, เอวํ ทฏฺพฺพํ. ยาวตา โข, คหปติ, ตสฺส ภควโต สาวิกา คิหี โอทาตวสนา อิมสฺมึ ธมฺมวินเย โอคาธปฺปตฺตา ปติคาธปฺปตฺตา อสฺสาสปฺปตฺตา ติณฺณวิจิกิจฺฉา วิคตกถํกถา เวสารชฺชปฺปตฺตา อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน วิหรนฺติ, อหํ ตาสํ อฺตรา. ยสฺส โข ปนสฺส กงฺขา วา วิมติ วา – อยํ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภคฺเคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร เภสกฬาวเน มิคทาเย – ตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉตุ. ตสฺมาติห ตฺวํ, คหปติ, มา สาเปกฺโข กาลมกาสิ. ทุกฺขา คหปติ สาเปกฺขสฺส กาลกิริยา; ครหิตา จ ภควตา สาเปกฺขสฺส กาลกิริยา’’ติ.
อถ โข นกุลปิตุโน คหปติสฺส นกุลมาตรา ¶ [นกุลมาตาย (สี. สฺยา.), นกุลมาตุยา (ก.)] คหปตานิยา อิมินา โอวาเทน โอวทิยมานสฺส โส อาพาโธ านโส ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. วุฏฺหิ [วุฏฺาติ (ก.)] จ นกุลปิตา คหปติ ตมฺหา อาพาธา; ตถา ปหีโน จ ปน นกุลปิตุโน คหปติสฺส โส อาพาโธ อโหสิ. อถ โข นกุลปิตา คหปติ คิลานา วุฏฺิโต [‘‘คิลานภาวโต วุฏฺาย ิโต, ภาวปฺปธาโน หิ อยํ นิทฺเทโส’’ติ ฏีกาสํวณฺณนา] อจิรวุฏฺิโต เคลฺา ทณฺฑโมลุพฺภ ¶ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข นกุลปิตรํ คหปตึ ภควา เอตทโวจ –
‘‘ลาภา เต, คหปติ, สุลทฺธํ เต, คหปติ! ยสฺส เต นกุลมาตา ¶ คหปตานี อนุกมฺปิกา อตฺถกามา โอวาทิกา อนุสาสิกา. ยาวตา โข, คหปติ, มม สาวิกา คิหี โอทาตวสนา สีเลสุ ปริปูรการินิโย, นกุลมาตา คหปตานี ตาสํ อฺตรา. ยาวตา โข, คหปติ, มม สาวิกา คิหี โอทาตวสนา ลาภินิโย อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส, นกุลมาตา คหปตานี ตาสํ อฺตรา. ยาวตา โข, คหปติ, มม สาวิกา คิหี โอทาตวสนา อิมสฺมึ ธมฺมวินเย โอคาธปฺปตฺตา ปติคาธปฺปตฺตา อสฺสาสปฺปตฺตา ติณฺณวิจิกิจฺฉา วิคตกถํกถา ¶ เวสารชฺชปฺปตฺตา อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน วิหรนฺติ, นกุลมาตา คหปตานี ตาสํ อฺตรา. ลาภา เต, คหปติ, สุลทฺธํ เต, คหปติ! ยสฺส เต นกุลมาตา คหปตานี อนุกมฺปิกา อตฺถกามา โอวาทิกา อนุสาสิกา’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. โสปฺปสุตฺตํ
๑๗. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยนุปฏฺานสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อายสฺมาปิ โข สาริปุตฺโต สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยนุปฏฺานสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ ¶ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อายสฺมาปิ โข มหาโมคฺคลฺลาโน…เป… อายสฺมาปิ โข มหากสฺสโป… อายสฺมาปิ โข มหากจฺจายโน… อายสฺมาปิ โข มหาโกฏฺิโก [มหาโกฏฺิโต (สี. ปี.)] … อายสฺมาปิ โข มหาจุนฺโท… อายสฺมาปิ โข มหากปฺปิโน… อายสฺมาปิ โข อนุรุทฺโธ… อายสฺมาปิ โข เรวโต… อายสฺมาปิ โข ¶ อานนฺโท สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยนุปฏฺานสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ โข ภควา พหุเทว รตฺตึ นิสชฺชาย วีตินาเมตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ ปาวิสิ. เตปิ โข อายสฺมนฺโต ¶ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต อุฏฺายาสนา ยถาวิหารํ อคมํสุ. เย ปน ตตฺถ ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ เต ยาว สูริยุคฺคมนา กากจฺฉมานา สุปึสุ. อทฺทสา โข ภควา ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน เต ภิกฺขู ยาว สูริยุคฺคมนา กากจฺฉมาเน สุปนฺเต. ทิสฺวา เยนุปฏฺานสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ –
‘‘กหํ นุ โข, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต? กหํ มหาโมคฺคลฺลาโน? กหํ มหากสฺสโป? กหํ มหากจฺจายโน? กหํ มหาโกฏฺิโก? กหํ มหาจุนฺโท? กหํ มหากปฺปิโน? กหํ อนุรุทฺโธ? กหํ เรวโต? กหํ อานนฺโท? กหํ นุ โข เต, ภิกฺขเว, เถรา สาวกา คตา’’ติ? ‘‘เตปิ โข, ภนฺเต, อายสฺมนฺโต อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต อุฏฺายาสนา ยถาวิหารํ อคมํสู’’ติ. ‘‘เกน โน [เกน โน (ก.), เก นุ (กตฺถจิ)] ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เถรา ภิกฺขู นาคตาติ [ภิกฺขู นวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.), ภิกฺขู คตาติ (?)] ยาว สูริยุคฺคมนา กากจฺฉมานา สุปถ? ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ วา สุตํ ¶ วา – ‘ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิตฺโต [มุทฺธาภิสิตฺโต (ก.)] ยาวทตฺถํ เสยฺยสุขํ ¶ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรนฺโต ยาวชีวํ รชฺชํ กาเรนฺโต ชนปทสฺส วา ปิโย มนาโป’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยาปิ โข เอตํ, ภิกฺขเว, เนว ¶ ทิฏฺํ น สุตํ – ‘ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิตฺโต ยาวทตฺถํ เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรนฺโต ยาวชีวํ รชฺชํ กาเรนฺโต ชนปทสฺส วา ปิโย มนาโป’’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ วา สุตํ วา – ‘รฏฺิโก…เป… เปตฺตณิโก… เสนาปติโก… คามคามณิโก [คามคามิโก (สี. ปี.)] … ปูคคามณิโก ยาวทตฺถํ เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรนฺโต ยาวชีวํ ปูคคามณิกตฺตํ กาเรนฺโต ปูคสฺส วา ปิโย มนาโป’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยาปิ โข เอตํ, ภิกฺขเว, เนว ทิฏฺํ น สุตํ – ‘ปูคคามณิโก ยาวทตฺถํ เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรนฺโต ยาวชีวํ ปูคคามณิกตฺตํ วา กาเรนฺโต ปูคสฺส วา ปิโย มนาโป’’’ติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ วา สุตํ วา – ‘สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ยาวทตฺถํ เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวาโร โภชเน อมตฺตฺู ชาคริยํ อนนุยุตฺโต อวิปสฺสโก กุสลานํ ธมฺมานํ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ [โพธปกฺขิยานํ (สี.), โพธปกฺขิกานํ (ปี.)] ธมฺมานํ ภาวนานุโยคํ อนนุยุตฺโต อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺโต’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยาปิ โข เอตํ, ภิกฺขเว, เนว ทิฏฺํ น สุตํ ¶ – ‘สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ยาวทตฺถํ เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวาโร โภชเน อมตฺตฺู ชาคริยํ อนนุยุตฺโต อวิปสฺสโก กุสลานํ ธมฺมานํ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคํ อนนุยุตฺโต ¶ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺโต’’’ติ.
‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา ภวิสฺสาม, โภชเน มตฺตฺุโน, ชาคริยํ อนุยุตฺตา, วิปสฺสกา กุสลานํ ธมฺมานํ ¶ , ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ, ภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. สตฺตมํ.
๘. มจฺฉพนฺธสุตฺตํ
๑๘. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ. อทฺทสา โข ภควา อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน อฺตรสฺมึ ปเทเส มจฺฉิกํ มจฺฉพนฺธํ มจฺเฉ วธิตฺวา วธิตฺวา วิกฺกิณมานํ. ทิสฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อมุํ มจฺฉิกํ มจฺฉพนฺธํ มจฺเฉ วธิตฺวา วธิตฺวา วิกฺกิณมาน’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ วา สุตํ วา – ‘มจฺฉิโก มจฺฉพนฺโธ มจฺเฉ วธิตฺวา วธิตฺวา ¶ วิกฺกิณมาโน เตน กมฺเมน เตน อาชีเวน หตฺถิยายี วา อสฺสยายี วา รถยายี วา ยานยายี วา โภคโภคี วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ อชฺฌาวสนฺโต’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’ ¶ . ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยาปิ โข เอตํ, ภิกฺขเว, เนว ทิฏฺํ น สุตํ – ‘มจฺฉิโก มจฺฉพนฺโธ มจฺเฉ วธิตฺวา วธิตฺวา วิกฺกิณมาโน เตน กมฺเมน เตน อาชีเวน หตฺถิยายี วา อสฺสยายี วา รถยายี วา ยานยายี วา โภคโภคี ¶ วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ อชฺฌาวสนฺโต’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เต หิ โส, ภิกฺขเว, มจฺเฉ วชฺเฌ วธายุปนีเต [วธายานีเต (สฺยา. กํ.), วธาย นีเต (ก.)] ปาปเกน มนสานุเปกฺขติ, ตสฺมา โส เนว หตฺถิยายี โหติ น อสฺสยายี น รถยายี น ยานยายี น โภคโภคี, น มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อชฺฌาวสติ.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ วา สุตํ วา – ‘โคฆาตโก คาโว วธิตฺวา วธิตฺวา วิกฺกิณมาโน เตน กมฺเมน เตน อาชีเวน หตฺถิยายี วา อสฺสยายี วา รถยายี วา ยานยายี วา โภคโภคี วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ อชฺฌาวสนฺโต’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยาปิ โข เอตํ, ภิกฺขเว, เนว ทิฏฺํ น สุตํ – ‘โคฆาตโก คาโว วธิตฺวา วธิตฺวา วิกฺกิณมาโน เตน กมฺเมน เตน อาชีเวน หตฺถิยายี วา อสฺสยายี วา รถยายี วา ยานยายี วา โภคโภคี วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ อชฺฌาวสนฺโต’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เต หิ โส, ภิกฺขเว, คาโว วชฺเฌ วธายุปนีเต ปาปเกน ¶ มนสานุเปกฺขติ, ตสฺมา โส เนว หตฺถิยายี โหติ น อสฺสยายี น รถยายี น ยานยายี น โภคโภคี, น มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อชฺฌาวสติ’’.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ วา ¶ สุตํ วา – ‘โอรพฺภิโก…เป… สูกริโก [โสกริโก (สฺยา.)] …เป… สากุณิโก…เป… มาควิโก มเค [มิเค (สฺยา. กํ.)] วธิตฺวา วธิตฺวา วิกฺกิณมาโน เตน กมฺเมน เตน อาชีเวน หตฺถิยายี วา อสฺสยายี วา รถยายี วา ยานยายี ¶ วา โภคโภคี วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ อชฺฌาวสนฺโต’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยาปิ โข เอตํ, ภิกฺขเว, เนว ทิฏฺํ น สุตํ – ‘มาควิโก มเค วธิตฺวา วธิตฺวา วิกฺกิณมาโน เตน กมฺเมน เตน อาชีเวน หตฺถิยายี วา อสฺสยายี วา รถยายี วา ยานยายี วา โภคโภคี วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ อชฺฌาวสนฺโต’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เต หิ โส, ภิกฺขเว, มเค วชฺเฌ วธายุปนีเต ปาปเกน มนสานุเปกฺขติ, ตสฺมา โส เนว หตฺถิยายี โหติ น อสฺสยายี น รถยายี น ยานยายี ¶ น โภคโภคี, น มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อชฺฌาวสติ. เต หิ (นาม) [( ) พหูสุ นตฺถิ] โส, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคเต ปาเณ วชฺเฌ วธายุปนีเต ปาปเกน มนสานุเปกฺขมาโน [มนสานุเปกฺขติ, ตสฺมา โส (สฺยา. ก.)] เนว หตฺถิยายี ภวิสฺสติ [โหติ (สฺยา. ก.)] น อสฺสยายี น รถยายี น ยานยายี น โภคโภคี, น มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อชฺฌาวสิสฺสติ [อชฺฌาวสติ (สฺยา. ก.)]. โก ปน วาโท ยํ มนุสฺสภูตํ วชฺฌํ วธายุปนีตํ ปาปเกน มนสานุเปกฺขติ! ตฺหิ ตสฺส [ตํ หิสฺส (ปี. ก.)], ภิกฺขเว, โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย. กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชตี’’ติ. อฏฺมํ.
๙. ปมมรณสฺสติสุตฺตํ
๑๙. เอกํ สมยํ ภควา นาติเก [นาทิเก (สี. สฺยา. กํ. ปี.) อ. นิ. ๘.๗๓] วิหรติ คิฺชกาวสเถ. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ ¶ . ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘มรณสฺสติ, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา. ภาเวถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, มรณสฺสติ’’นฺติ?
เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ ¶ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหํ โข, ภนฺเต, ภาเวมิ มรณสฺสติ’’นฺติ. ‘‘ยถา กถํ ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภาเวสิ มรณสฺสติ’’นฺติ? ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต ¶ , เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ รตฺตินฺทิวํ ชีเวยฺยํ, ภควโต สาสนํ มนสิ กเรยฺยํ, พหุ วต เม กตํ อสฺสา’ติ. เอวํ โข อหํ, ภนฺเต, ภาเวมิ มรณสฺสติ’’นฺติ.
อฺตโรปิ โข ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหมฺปิ โข, ภนฺเต, ภาเวมิ มรณสฺสติ’’นฺติ. ‘‘ยถา กถํ ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภาเวสิ มรณสฺสติ’’นฺติ? ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ ทิวสํ ชีเวยฺยํ, ภควโต สาสนํ มนสิ กเรยฺยํ, พหุ วต เม กตํ อสฺสา’ติ. เอวํ โข อหํ, ภนฺเต, ภาเวมิ มรณสฺสติ’’นฺติ.
อฺตโรปิ โข ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหมฺปิ โข, ภนฺเต, ภาเวมิ มรณสฺสติ’’นฺติ. ‘‘ยถา กถํ ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภาเวสิ มรณสฺสติ’’นฺติ ¶ ? ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ ตทนฺตรํ ชีเวยฺยํ ยทนฺตรํ เอกปิณฺฑปาตํ ภฺุชามิ, ภควโต สาสนํ มนสิ กเรยฺยํ, พหุ วต เม กตํ อสฺสา’ติ. เอวํ โข อหํ, ภนฺเต, ภาเวมิ มรณสฺสติ’’นฺติ.
อฺตโรปิ โข ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหมฺปิ โข, ภนฺเต, ภาเวมิ มรณสฺสติ’’นฺติ. ‘‘ยถา กถํ ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภาเวสิ มรณสฺสติ’’นฺติ? ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ ตทนฺตรํ ชีเวยฺยํ ยทนฺตรํ จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป สงฺขาทิตฺวา [สงฺขริตฺวา (ก.)] อชฺโฌหรามิ, ภควโต สาสนํ มนสิ กเรยฺยํ, พหุ วต ¶ เม กตํ อสฺสา’ติ. เอวํ โข อหํ, ภนฺเต, ภาเวมิ มรณสฺสติ’’นฺติ.
อฺตโรปิ โข ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหมฺปิ ¶ โข, ภนฺเต, ภาเวมิ มรณสฺสติ’’นฺติ. ‘‘ยถา กถํ ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภาเวสิ มรณสฺสติ’’นฺติ? ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ ตทนฺตรํ ชีเวยฺยํ ยทนฺตรํ เอกํ อาโลปํ สงฺขาทิตฺวา [สํหริตฺวา (ก.)] อชฺโฌหรามิ, ภควโต สาสนํ มนสิ กเรยฺยํ, พหุ วต เม กตํ อสฺสา’ติ. เอวํ โข อหํ, ภนฺเต, ภาเวมิ มรณสฺสติ’’นฺติ.
อฺตโรปิ โข ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหมฺปิ โข, ภนฺเต, ภาเวมิ มรณสฺสติ’’นฺติ. ‘‘ยถา กถํ ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภาเวสิ มรณสฺสติ’’นฺติ? ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต ¶ , เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ ตทนฺตรํ ชีเวยฺยํ ยทนฺตรํ อสฺสสิตฺวา วา ปสฺสสามิ ปสฺสสิตฺวา วา อสฺสสามิ, ภควโต สาสนํ มนสิ กเรยฺยํ, พหุ วต เม กตํ อสฺสา’ติ. เอวํ โข อหํ, ภนฺเต, ภาเวมิ มรณสฺสติ’’นฺติ.
เอวํ วุตฺเต ภควา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘โย จายํ [ยฺวายํ (ปี. ก.)], ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ มรณสฺสตึ ภาเวติ – ‘อโห วตาหํ รตฺตินฺทิวํ ชีเวยฺยํ, ภควโต สาสนํ มนสิ กเรยฺยํ, พหุ วต เม กตํ อสฺสา’’’ติ.
‘‘โย จายํ [โยปายํ (ก.)], ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ มรณสฺสตึ ภาเวติ – ‘อโห วตาหํ ทิวสํ ชีเวยฺยํ, ภควโต สาสนํ มนสิ กเรยฺยํ, พหุ วต เม กตํ อสฺสา’’’ติ.
‘‘โย ¶ จายํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ มรณสฺสตึ ภาเวติ – ‘อโห วตาหํ ตทนฺตรํ ชีเวยฺยํ ยทนฺตรํ เอกปิณฺฑปาตํ ภฺุชามิ, ภควโต สาสนํ มนสิ กเรยฺยํ, พหุ วต เม กตํ อสฺสา’’’ติ.
‘‘โย จายํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ มรณสฺสตึ ภาเวติ – ‘อโห วตาหํ ตทนฺตรํ ชีเวยฺยํ ยทนฺตรํ จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป สงฺขาทิตฺวา อชฺโฌหรามิ, ภควโต สาสนํ มนสิ กเรยฺยํ ¶ , พหุ วต เม กตํ อสฺสา’ติ. อิเม ¶ วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ปมตฺตา วิหรนฺติ ทนฺธํ มรณสฺสตึ ภาเวนฺติ อาสวานํ ขยาย.
‘‘โย จ ขฺวายํ [โยปายํ (ก.)], ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ มรณสฺสตึ ภาเวติ – ‘อโห วตาหํ ตทนฺตรํ ชีเวยฺยํ ยทนฺตรํ เอกํ อาโลปํ สงฺขาทิตฺวา อชฺโฌหรามิ, ภควโต สาสนํ มนสิ กเรยฺยํ, พหุ วต เม กตํ อสฺสา’’’ติ.
‘‘โย จายํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ มรณสฺสตึ ภาเวติ – ‘อโห วตาหํ ตทนฺตรํ ชีเวยฺยํ ยทนฺตรํ อสฺสสิตฺวา วา ปสฺสสามิ ปสฺสสิตฺวา วา อสฺสสามิ, ภควโต สาสนํ มนสิ กเรยฺยํ, พหุ วต เม กตํ อสฺสา’ติ. อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อปฺปมตฺตา วิหรนฺติ ติกฺขํ มรณสฺสตึ ภาเวนฺติ อาสวานํ ขยาย.
‘‘ตสฺมาติห ¶ , ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อปฺปมตฺตา วิหริสฺสาม, ติกฺขํ มรณสฺสตึ ภาเวสฺสาม อาสวานํ ขยายา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. นวมํ.
๑๐. ทุติยมรณสฺสติสุตฺตํ
๒๐. เอกํ สมยํ ภควา นาติเก วิหรติ คิฺชกาวสเถ. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘มรณสฺสติ, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา. กถํ ภาวิตา จ, ภิกฺขเว, มรณสฺสติ กถํ พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา?
‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ทิวเส นิกฺขนฺเต รตฺติยา ปติหิตาย [ปฏิคตาย (ก.) อ. นิ. ๘.๗๔] อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘พหุกา โข เม ปจฺจยา มรณสฺส – อหิ วา มํ ฑํเสยฺย, วิจฺฉิโก วา มํ ฑํเสยฺย, สตปที วา มํ ฑํเสยฺย; เตน เม อสฺส กาลกิริยา ¶ , โส มมสฺส อนฺตราโย. อุปกฺขลิตฺวา ¶ วา ปปเตยฺยํ, ภตฺตํ วา เม ภุตฺตํ พฺยาปชฺเชยฺย, ปิตฺตํ วา เม กุปฺเปยฺย ¶ , เสมฺหํ วา เม กุปฺเปยฺย, สตฺถกา วา เม วาตา กุปฺเปยฺยุํ; เตน เม อสฺส กาลกิริยา, โส มมสฺส อนฺตราโย’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อตฺถิ นุ โข เม ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปฺปหีนา, เย เม อสฺสุ รตฺตึ กาลํ กโรนฺตสฺส อนฺตรายายา’’’ติ.
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อตฺถิ เม ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปฺปหีนา, เย เม อสฺสุ รตฺตึ กาลํ กโรนฺตสฺส อนฺตรายายา’ติ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย อธิมตฺโต ฉนฺโท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุสฺโสฬฺหี จ อปฺปฏิวานี จ สติ จ สมฺปชฺฺจ กรณียํ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อาทิตฺตเจโล วา อาทิตฺตสีโส วา ตสฺเสว เจลสฺส วา สีสสฺส วา นิพฺพาปนาย อธิมตฺตํ ฉนฺทฺจ วายามฺจ อุสฺสาหฺจ อุสฺโสฬฺหิฺจ อปฺปฏิวานิฺจ สติฺจ สมฺปชฺฺจ กเรยฺย; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, เตน ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย อธิมตฺโต ฉนฺโท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุสฺโสฬฺหี จ อปฺปฏิวานี จ สติ จ สมฺปชฺฺจ กรณียํ.
‘‘สเจ ¶ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘นตฺถิ เม ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปฺปหีนา, เย เม อสฺสุ รตฺตึ กาลํ กโรนฺตสฺส อนฺตรายายา’ติ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘อิธ ¶ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ รตฺติยา นิกฺขนฺตาย ทิวเส ปติหิเต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘พหุกา โข เม ปจฺจยา มรณสฺส – อหิ วา มํ ฑํเสยฺย, วิจฺฉิโก วา มํ ฑํเสยฺย, สตปที วา มํ ฑํเสยฺย; เตน เม อสฺส กาลกิริยา โส มมสฺส อนฺตราโย. อุปกฺขลิตฺวา วา ปปเตยฺยํ, ภตฺตํ วา เม ภุตฺตํ พฺยาปชฺเชยฺย, ปิตฺตํ วา เม กุปฺเปยฺย, เสมฺหํ วา เม กุปฺเปยฺย, สตฺถกา วา เม วาตา กุปฺเปยฺยุํ; เตน เม อสฺส กาลกิริยา โส มมสฺส อนฺตราโย’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ ¶ – ‘อตฺถิ นุ โข เม ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปฺปหีนา, เย เม อสฺสุ ทิวา กาลํ กโรนฺตสฺส อนฺตรายายา’’’ติ.
‘‘สเจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อตฺถิ เม ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปฺปหีนา, เย เม อสฺสุ ทิวา กาลํ กโรนฺตสฺส อนฺตรายายา’ติ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย อธิมตฺโต ฉนฺโท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุสฺโสฬฺหี จ อปฺปฏิวานี จ สติ จ สมฺปชฺฺจ กรณียํ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อาทิตฺตเจโล วา อาทิตฺตสีโส วา ตสฺเสว เจลสฺส วา สีสสฺส วา นิพฺพาปนาย อธิมตฺตํ ฉนฺทฺจ วายามฺจ อุสฺสาหฺจ อุสฺโสฬฺหิฺจ อปฺปฏิวานิฺจ สติฺจ สมฺปชฺฺจ กเรยฺย; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, เตน ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย อธิมตฺโต ฉนฺโท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุสฺโสฬฺหี จ อปฺปฏิวานี ¶ จ สติ จ สมฺปชฺฺจ กรณียํ.
‘‘สเจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘นตฺถิ เม ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปฺปหีนา, เย เม อสฺสุ ทิวา กาลํ กโรนฺตสฺส อนฺตรายายา’ติ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ. เอวํ ภาวิตา โข, ภิกฺขเว, มรณสฺสติ เอวํ พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’’ติ. ทสมํ.
สารณียวคฺโค ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ ¶ –
ทฺเว สารณี นิสารณียํ, ภทฺทกํ อนุตปฺปิยํ;
นกุลํ โสปฺปมจฺฉา จ, ทฺเว โหนฺติ มรณสฺสตีติ.