📜

๔. เทวตาวคฺโค

๑. เสขสุตฺตํ

๓๑. ‘‘ฉยิเม , ภิกฺขเว, ธมฺมา เสขสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ฉ? กมฺมารามตา , ภสฺสารามตา, นิทฺทารามตา, สงฺคณิการามตา, อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตา, โภชเน อมตฺตฺุตา – อิเม โข, ภิกฺขเว, ฉ ธมฺมา เสขสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺติ.

‘‘ฉยิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา เสขสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ฉ? น กมฺมารามตา, น ภสฺสารามตา, น นิทฺทารามตา, น สงฺคณิการามตา, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา – อิเม โข , ภิกฺขเว, ฉ ธมฺมา เสขสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. ปมํ.

๒. ปมอปริหานสุตฺตํ

๓๒. อถ โข อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควนฺตํ เอตทโวจ –

‘‘ฉยิเม, ภนฺเต, ธมฺมา ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ฉ? สตฺถุคารวตา, ธมฺมคารวตา, สงฺฆคารวตา, สิกฺขาคารวตา, อปฺปมาทคารวตา, ปฏิสนฺถารคารวตา [ปฏิสนฺธารคารวตา (ก.)] – อิเม โข, ภนฺเต, ฉ ธมฺมา ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. อิทมโวจ สา เทวตา. สมนุฺโ สตฺถา อโหสิ. อถ โข สา เทวตา ‘‘สมนุฺโ เม สตฺถา’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายิ.

อถ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, ภิกฺขเว, รตฺตึ อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข, ภิกฺขเว, สา เทวตา มํ เอตทโวจ – ‘ฉยิเม, ภนฺเต, ธมฺมา ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ฉ? สตฺถุคารวตา, ธมฺมคารวตา, สงฺฆคารวตา, สิกฺขาคารวตา, อปฺปมาทคารวตา, ปฏิสนฺถารคารวตา – อิเม โข, ภนฺเต, ฉ ธมฺมา ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺตี’ติ. อิทมโวจ, ภิกฺขเว, สา เทวตา. อิทํ วตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายี’’ติ.

‘‘สตฺถุครุ ธมฺมครุ, สงฺเฆ จ ติพฺพคารโว;

อปฺปมาทครุ ภิกฺขุ, ปฏิสนฺถารคารโว;

อภพฺโพ ปริหานาย, นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก’’ติ. ทุติยํ;

๓. ทุติยอปริหานสุตฺตํ

๓๓. ‘‘อิมํ, ภิกฺขเว, รตฺตึ อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข, ภิกฺขเว, สา เทวตา มํ เอตทโวจ – ‘ฉยิเม, ภนฺเต, ธมฺมา ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ฉ? สตฺถุคารวตา, ธมฺมคารวตา, สงฺฆคารวตา, สิกฺขาคารวตา, หิริคารวตา, โอตฺตปฺปคารวตา – อิเม โข, ภนฺเต, ฉ ธมฺมา ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺตี’ติ. อิทมโวจ, ภิกฺขเว, สา เทวตา. อิทํ วตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายี’’ติ.

‘‘สตฺถุครุ ธมฺมครุ, สงฺเฆ จ ติพฺพคารโว;

หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺโน, สปฺปติสฺโส สคารโว;

อภพฺโพ ปริหานาย, นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก’’ติ. ตติยํ;

๔. มหาโมคฺคลฺลานสุตฺตํ

๓๔. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘กตเมสานํ เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘โสตาปนฺนา นาม [โสตาปนฺนามฺหา (สี.), โสตาปนฺนามฺห (สฺยา. กํ. ปี.)] อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา’’’ติ ? เตน โข ปน สมเยน ติสฺโส นาม ภิกฺขุ อธุนากาลงฺกโต อฺตรํ พฺรหฺมโลกํ อุปปนฺโน โหติ. ตตฺรปิ นํ เอวํ ชานนฺติ – ‘‘ติสฺโส พฺรหฺมา มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’ติ.

อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ [สมฺมิฺชิตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วา พาหํ ปสาเรยฺย ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมวํ – เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อทฺทสา โข ติสฺโส พฺรหฺมา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอตทโวจ – ‘‘เอหิ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน; สฺวาคตํ [สาคตํ (สี.)], มาริส โมคฺคลฺลาน; จิรสฺสํ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน; อิมํ ปริยายมกาสิ, ยทิทํ อิธาคมนาย. นิสีท, มาริส โมคฺคลฺลาน, อิทมาสนํ ปฺตฺต’’นฺติ. นิสีทิ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปฺตฺเต อาสเน. ติสฺโสปิ โข พฺรหฺมา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ติสฺสํ พฺรหฺมานํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอตทโวจ –

‘‘กตเมสานํ โข, ติสฺส, เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘โสตาปนฺนา นาม อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา’’’ติ? ‘‘จาตุมหาราชิกานํ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘โสตาปนฺนา นาม อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา’’’ติ.

‘‘สพฺเพสฺเว นุ โข, ติสฺส, จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘โสตาปนฺนา นาม อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา’’’ติ? ‘‘น โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, สพฺเพสํ จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘โสตาปนฺนา นาม อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา’ติ. เย โข เต, มาริส โมคฺคลฺลาน, จาตุมหาราชิกา เทวา พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน อสมนฺนาคตา ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน อสมนฺนาคตา สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน อสมนฺนาคตา อริยกนฺเตหิ สีเลหิ อสมนฺนาคตา น เตสํ เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘โสตาปนฺนา นาม อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา’ติ. เย จ โข เต, มาริส โมคฺคลฺลาน, จาตุมหาราชิกา เทวา พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา, สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคตา, เตสํ เอวํ าณํ โหติ – ‘โสตาปนฺนา นาม อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา’’’ติ.

‘‘จาตุมหาราชิกานฺเว นุ โข, ติสฺส, เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘โสตาปนฺนา นาม อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา’ติ อุทาหุ ตาวตึสานมฺปิ เทวานํ…เป… ยามานมฺปิ เทวานํ… ตุสิตานมฺปิ เทวานํ… นิมฺมานรตีนมฺปิ เทวานํ… ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนมฺปิ เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘โสตาปนฺนา นาม อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา’’’ติ? ‘‘ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนมฺปิ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘โสตาปนฺนา นาม อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา’’’ติ.

‘‘สพฺเพสฺเว นุ โข, ติสฺส, ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘โสตาปนฺนา นาม อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา’’’ติ? ‘‘น โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, สพฺเพสํ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘โสตาปนฺนา นาม อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา’ติ. เย โข เต, มาริส โมคฺคลฺลาน, ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทวา พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน อสมนฺนาคตา, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน อสมนฺนาคตา, สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน อสมนฺนาคตา, อริยกนฺเตหิ สีเลหิ อสมนฺนาคตา, น เตสํ เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘โสตาปนฺนา นาม อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา’ติ. เย จ โข เต, มาริส โมคฺคลฺลาน, ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทวา พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา, สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา, อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคตา เตสํ เอวํ าณํ โหติ – ‘โสตาปนฺนา นาม อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา’’’ติ.

อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ติสฺสสฺส พฺรหฺมุโน ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา – ‘‘เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมวํ – ‘พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต เชตวเน ปาตุรโหสี’’’ติ. จตุตฺถํ.

๕. วิชฺชาภาคิยสุตฺตํ

๓๕. ‘‘ฉยิเม , ภิกฺขเว, ธมฺมา วิชฺชาภาคิยา. กตเม ฉ? อนิจฺจสฺา, อนิจฺเจ ทุกฺขสฺา, ทุกฺเข อนตฺตสฺา, ปหานสฺา, วิราคสฺา, นิโรธสฺา – อิเม โข, ภิกฺขเว, ฉ ธมฺมา วิชฺชาภาคิยา’’ติ. ปฺจมํ.

๖. วิวาทมูลสุตฺตํ

๓๖. [ที. นิ. ๓.๓๒๕; ม. นิ. ๓.๔๔; จูฬว. ๒๑๖] ‘‘ฉยิมานิ, ภิกฺขเว, วิวาทมูลานิ. กตมานิ ฉ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โกธโน โหติ อุปนาหี. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โกธโน โหติ อุปนาหี โส สตฺถริปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส, ธมฺเมปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส, สงฺเฆปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส, สิกฺขายปิ น ปริปูรการี โหติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถริ อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส, ธมฺเม อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส, สงฺเฆ อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส, สิกฺขาย น ปริปูรการี โส สงฺเฆ วิวาทํ ชเนติ, โย โหติ วิวาโท พหุชนาหิตาย พหุชนาสุขาย พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํ. เอวรูปํ เจ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา สมนุปสฺเสยฺยาถ. ตตฺร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ตสฺเสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานาย วายเมยฺยาถ. เอวรูปํ เจ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา น สมนุปสฺเสยฺยาถ, ตตฺร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ตสฺเสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายตึ อนวสฺสวาย ปฏิปชฺเชยฺยาถ. เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานํ โหติ. เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายตึ อนวสฺสโว โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มกฺขี โหติ ปฬาสี…เป… อิสฺสุกี โหติ มจฺฉรี… สโ โหติ มายาวี… ปาปิจฺโฉ โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ… สนฺทิฏฺิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สนฺทิฏฺิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี, โส สตฺถริปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส, ธมฺเมปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส, สงฺเฆปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส, สิกฺขายปิ น ปริปูรการี โหติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถริ อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส, ธมฺเม…เป… สงฺเฆ อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส, สิกฺขาย น ปริปูรการี, โส สงฺเฆ วิวาทํ ชเนติ, โย โหติ วิวาโท พหุชนาหิตาย พหุชนาสุขาย พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํ. เอวรูปํ เจ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา สมนุปสฺเสยฺยาถ. ตตฺร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ตสฺเสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานาย วายเมยฺยาถ. เอวรูปํ เจ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา น สมนุปสฺเสยฺยาถ. ตตฺร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ตสฺเสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายตึ อนวสฺสวาย ปฏิปชฺเชยฺยาถ. เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานํ โหติ. เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายตึ อนวสฺสโว โหติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ฉ วิวาทมูลานี’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. ฉฬงฺคทานสุตฺตํ

๓๗. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน เวฬุกณฺฑกี [เวฬุกณฺฑกิยา (อ. นิ. ๗.๕๓; ๒.๑๓๔; สํ. นิ. ๒.๑๗๓)] นนฺทมาตา อุปาสิกา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปฺปมุเข ภิกฺขุสงฺเฆ ฉฬงฺคสมนฺนาคตํ ทกฺขิณํ ปติฏฺาเปติ. อทฺทสา โข ภควา ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน เวฬุกณฺฑกึ นนฺทมาตรํ อุปาสิกํ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปฺปมุเข ภิกฺขุสงฺเฆ ฉฬงฺคสมนฺนาคตํ ทกฺขิณํ ปติฏฺาเปนฺตึ. ทิสฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เอสา, ภิกฺขเว, เวฬุกณฺฑกี นนฺทมาตา อุปาสิกา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปฺปมุเข ภิกฺขุสงฺเฆ ฉฬงฺคสมนฺนาคตํ ทกฺขิณํ ปติฏฺาเปติ’’.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ฉฬงฺคสมนฺนาคตา ทกฺขิณา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว , ทายกสฺส ตีณงฺคานิ โหนฺติ, ปฏิคฺคาหกานํ ตีณงฺคานิ. กตมานิ ทายกสฺส ตีณงฺคานิ? อิธ, ภิกฺขเว, ทายโก ปุพฺเพว ทานา สุมโน โหติ, ททํ จิตฺตํ ปสาเทติ, ทตฺวา อตฺตมโน โหติ. อิมานิ ทายกสฺส ตีณงฺคานิ.

‘‘กตมานิ ปฏิคฺคาหกานํ ตีณงฺคานิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปฏิคฺคาหกา วีตราคา วา โหนฺติ ราควินยาย วา ปฏิปนฺนา, วีตโทสา วา โหนฺติ โทสวินยาย วา ปฏิปนฺนา, วีตโมหา วา โหนฺติ โมหวินยาย วา ปฏิปนฺนา. อิมานิ ปฏิคฺคาหกานํ ตีณงฺคานิ. อิติ ทายกสฺส ตีณงฺคานิ, ปฏิคฺคาหกานํ ตีณงฺคานิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ฉฬงฺคสมนฺนาคตา ทกฺขิณา โหติ.

‘‘เอวํ ฉฬงฺคสมนฺนาคตาย, ภิกฺขเว, ทกฺขิณาย น สุกรํ ปุฺสฺส ปมาณํ คเหตุํ – ‘เอตฺตโก ปุฺาภิสนฺโท กุสลาภิสนฺโท สุขสฺสาหาโร โสวคฺคิโก สุขวิปาโก สคฺคสํวตฺตนิโก อิฏฺาย กนฺตาย มนาปาย หิตาย สุขาย สํวตฺตตี’ติ. อถ โข อสงฺขฺเยยฺโย [อสงฺเขยฺโย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อปฺปเมยฺโย มหาปุฺกฺขนฺโธตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺเท น สุกรํ อุทกสฺส ปมาณํ คเหตุํ – ‘เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกานีติ วา เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกสตานีติ วา เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกสหสฺสานีติ วา เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกสตสหสฺสานี’ติ วา. อถ โข อสงฺขฺเยยฺโย อปฺปเมยฺโย มหาอุทกกฺขนฺโธตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, เอวํ ฉฬงฺคสมนฺนาคตาย ทกฺขิณาย น สุกรํ ปุฺสฺส ปมาณํ คเหตุํ – ‘เอตฺตโก ปุฺาภิสนฺโท กุสลาภิสนฺโท สุขสฺสาหาโร โสวคฺคิโก สุขวิปาโก สคฺคสํวตฺตนิโก อิฏฺาย กนฺตาย มนาปาย หิตาย สุขาย สํวตฺตตี’ติ. อถ โข อสงฺขฺเยยฺโย อปฺปเมยฺโย มหาปุฺกฺขนฺโธตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ.

[เป. ว. ๓๐๕ เปตวตฺถุมฺหิปิ] ‘‘ปุพฺเพว ทานา สุมโน, ททํ จิตฺตํ ปสาทเย;

ทตฺวา อตฺตมโน โหติ, เอสา ยฺสฺส [ปุฺสฺส (ก.)] สมฺปทา.

‘‘วีตราคา [วีตราโค (สฺยา. กํ. ก.) เอวํ อนนฺตรปทตฺตเยปิ] วีตโทสา, วีตโมหา อนาสวา;

เขตฺตํ ยฺสฺส สมฺปนฺนํ, สฺตา พฺรหฺมจารโย [พฺรหฺมจาริโน (สฺยา. กํ.)].

‘‘สยํ อาจมยิตฺวาน, ทตฺวา สเกหิ ปาณิภิ;

อตฺตโน ปรโต เจโส, ยฺโ โหติ มหปฺผโล.

[อ. นิ. ๔.๔๐] ‘‘เอวํ ยชิตฺวา เมธาวี, สทฺโธ มุตฺเตน เจตสา;

อพฺยาปชฺชํ สุขํ โลกํ, ปณฺฑิโต อุปปชฺชตี’’ติ. สตฺตมํ;

๘. อตฺตการีสุตฺตํ

๓๘. อถ โข อฺตโร พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหฺหิ, โภ โคตม, เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – ‘นตฺถิ อตฺตกาโร, นตฺถิ ปรกาโร’’’ติ. ‘‘มาหํ, พฺราหฺมณ, เอวํวาทึ เอวํทิฏฺึ อทฺทสํ วา อสฺโสสึ วา. กถฺหิ นาม สยํ อภิกฺกมนฺโต, สยํ ปฏิกฺกมนฺโต เอวํ วกฺขติ – ‘นตฺถิ อตฺตกาโร, นตฺถิ ปรกาโร’’’ติ!

‘‘ตํ กึ มฺสิ, พฺราหฺมณ, อตฺถิ อารพฺภธาตู’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ’’. ‘‘อารพฺภธาตุยา สติ อารพฺภวนฺโต สตฺตา ปฺายนฺตี’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ’’. ‘‘ยํ โข, พฺราหฺมณ, อารพฺภธาตุยา สติ อารพฺภวนฺโต สตฺตา ปฺายนฺติ, อยํ สตฺตานํ อตฺตกาโร อยํ ปรกาโร’’.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, พฺราหฺมณ, อตฺถิ นิกฺกมธาตุ…เป… อตฺถิ ปรกฺกมธาตุ… อตฺถิ ถามธาตุ… อตฺถิ ิติธาตุ… อตฺถิ อุปกฺกมธาตู’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ’’. ‘‘อุปกฺกมธาตุยา สติ อุปกฺกมวนฺโต สตฺตา ปฺายนฺตี’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ’’. ‘‘ยํ โข, พฺราหฺมณ, อุปกฺกมธาตุยา สติ อุปกฺกมวนฺโต สตฺตา ปฺายนฺติ, อยํ สตฺตานํ อตฺตกาโร อยํ ปรกาโร’’.

‘‘มาหํ, พฺราหฺมณ [ตํ กึ มฺสิ พฺราหฺมณ มาหํ (ก.)], เอวํวาทึ เอวํทิฏฺึ อทฺทสํ วา อสฺโสสึ วา. กถฺหิ นาม สยํ อภิกฺกมนฺโต สยํ ปฏิกฺกมนฺโต เอวํ วกฺขติ – ‘นตฺถิ อตฺตกาโร นตฺถิ ปรกาโร’’’ติ.

‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ! อฏฺมํ.

๙. นิทานสุตฺตํ

๓๙. ‘‘ตีณิมานิ , ภิกฺขเว, นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยาย. กตมานิ ตีณิ? โลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย, โทโส นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย, โมโห นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย. น, ภิกฺขเว, โลภา อโลโภ สมุเทติ; อถ โข, ภิกฺขเว, โลภา โลโภว สมุเทติ. น, ภิกฺขเว, โทสา อโทโส สมุเทติ; อถ โข, ภิกฺขเว, โทสา โทโสว สมุเทติ. น, ภิกฺขเว, โมหา อโมโห สมุเทติ; อถ โข, ภิกฺขเว, โมหา โมโหว สมุเทติ. น, ภิกฺขเว, โลภเชน กมฺเมน โทสเชน กมฺเมน โมหเชน กมฺเมน เทวา ปฺายนฺติ, มนุสฺสา ปฺายนฺติ, ยา วา ปนฺาปิ กาจิ สุคติโย. อถ โข, ภิกฺขเว, โลภเชน กมฺเมน โทสเชน กมฺเมน โมหเชน กมฺเมน นิรโย ปฺายติ ติรจฺฉานโยนิ ปฺายติ เปตฺติวิสโย ปฺายติ, ยา วา ปนฺาปิ กาจิ ทุคฺคติโย. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยาย.

‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยาย. กตมานิ ตีณิ? อโลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย, อโทโส นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย, อโมโห นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย. น, ภิกฺขเว, อโลภา โลโภ สมุเทติ; อถ โข, ภิกฺขเว, อโลภา อโลโภว สมุเทติ. น, ภิกฺขเว, อโทสา โทโส สมุเทติ; อถ โข, ภิกฺขเว, อโทสา อโทโสว สมุเทติ. น, ภิกฺขเว, อโมหา โมโห สมุเทติ; อถ โข, ภิกฺขเว, อโมหา อโมโหว สมุเทติ. น, ภิกฺขเว, อโลภเชน กมฺเมน อโทสเชน กมฺเมน อโมหเชน กมฺเมน นิรโย ปฺายติ ติรจฺฉานโยนิ ปฺายติ เปตฺติวิสโย ปฺายติ, ยา วา ปนฺาปิ กาจิ ทุคฺคติโย. อถ โข, ภิกฺขเว, อโลภเชน กมฺเมน อโทสเชน กมฺเมน อโมหเชน กมฺเมน เทวา ปฺายนฺติ, มนุสฺสา ปฺายนฺติ, ยา วา ปนฺาปิ กาจิ สุคติโย. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยายา’’ติ. นวมํ.

๑๐. กิมิลสุตฺตํ

๔๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กิมิลายํ วิหรติ นิจุลวเน. อถ โข อายสฺมา กิมิโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ . เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา กิมิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย เยน ตถาคเต ปรินิพฺพุเต สทฺธมฺโม น จิรฏฺิติโก โหตี’’ติ? ‘‘อิธ, กิมิล, ตถาคเต ปรินิพฺพุเต ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย สตฺถริ อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา, ธมฺเม อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา, สงฺเฆ อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา, สิกฺขาย อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา, อปฺปมาเท อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา, ปฏิสนฺถาเร [ปฏิสนฺธาเร (ก.) อ. นิ. ๕.๒๐๑; ๗.๕๙] อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา. อยํ โข, กิมิล, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน ตถาคเต ปรินิพฺพุเต สทฺธมฺโม น จิรฏฺิติโก โหติ’’.

‘‘โก ปน, ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย เยน ตถาคเต ปรินิพฺพุเต สทฺธมฺโม จิรฏฺิติโก โหตี’’ติ? ‘‘อิธ, กิมิล, ตถาคเต ปรินิพฺพุเต ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย สตฺถริ สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา, ธมฺเม สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา, สงฺเฆ สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา, สิกฺขาย สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา, อปฺปมาเท สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา, ปฏิสนฺถาเร สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา. อยํ โข, กิมิล, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน ตถาคเต ปรินิพฺพุเต สทฺธมฺโม จิรฏฺิติโก โหตี’’ติ. ทสมํ.

๑๑. ทารุกฺขนฺธสุตฺตํ

๔๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา สาริปุตฺโต ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ คิชฺฌกูฏา ปพฺพตา โอโรหนฺโต อทฺทส อฺตรสฺมึ ปเทเส มหนฺตํ ทารุกฺขนฺธํ. ทิสฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ปสฺสถ โน, อาวุโส, ตุมฺเห อมุํ มหนฺตํ ทารุกฺขนฺธ’’นฺติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติ.

‘‘อากงฺขมาโน, อาวุโส, ภิกฺขุ อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต อมุํ ทารุกฺขนฺธํ ปถวีตฺเวว อธิมุจฺเจยฺย. ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถิ, อาวุโส , อมุมฺหิ ทารุกฺขนฺเธ ปถวีธาตุ, ยํ นิสฺสาย ภิกฺขุ อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต อมุํ ทารุกฺขนฺธํ ปถวีตฺเวว อธิมุจฺเจยฺย. อากงฺขมาโน, อาวุโส, ภิกฺขุ อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต อมุํ ทารุกฺขนฺธํ อาโปตฺเวว อธิมุจฺเจยฺย …เป… เตโชตฺเวว อธิมุจฺเจยฺย… วาโยตฺเวว อธิมุจฺเจยฺย… สุภนฺตฺเวว อธิมุจฺเจยฺย… อสุภนฺตฺเวว อธิมุจฺเจยฺย. ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถิ, อาวุโส, อมุมฺหิ ทารุกฺขนฺเธ อสุภธาตุ, ยํ นิสฺสาย ภิกฺขุ อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต อมุํ ทารุกฺขนฺธํ อสุภนฺตฺเวว อธิมุจฺเจยฺยา’’ติ. เอกาทสมํ.

๑๒. นาคิตสุตฺตํ

๔๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน อิจฺฉานงฺคลํ นาม โกสลานํ พฺราหฺมณคาโม ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา อิจฺฉานงฺคเล วิหรติ อิจฺฉานงฺคลวนสณฺเฑ. อสฺโสสุํ โข อิจฺฉานงฺคลกา พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต อิจฺฉานงฺคลํ อนุปฺปตฺโต อิจฺฉานงฺคเล วิหรติ อิจฺฉานงฺคลวนสณฺเฑ. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน…เป… พุทฺโธ ภควา’ติ. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ…เป… อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ. อถ โข อิจฺฉานงฺคลกา พฺราหฺมณคหปติกา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย เยน อิจฺฉานงฺคลวนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา พหิทฺวารโกฏฺเก อฏฺํสุ อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา.

เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นาคิโต ภควโต อุปฏฺาโก โหติ. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นาคิตํ อามนฺเตสิ – ‘‘เก ปน เต, นาคิต, อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา เกวฏฺฏา มฺเ มจฺฉวิโลเป’’ติ? ‘‘เอเต, ภนฺเต, อิจฺฉานงฺคลกา พฺราหฺมณคหปติกา ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย พหิทฺวารโกฏฺเก ิตา ภควนฺตํเยว อุทฺทิสฺส ภิกฺขุสงฺฆฺจา’’ติ. ‘‘มาหํ, นาคิต, ยเสน สมาคมํ, มา จ มยา ยโส. โย โข, นาคิต, นยิมสฺส เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภี อสฺส อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, ยสฺสาหํ เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, โส ตํ มีฬฺหสุขํ มิทฺธสุขํ ลาภสกฺการสิโลกสุขํ สาทิเยยฺยา’’ติ.

‘‘อธิวาเสตุ ทานิ, ภนฺเต, ภควา; อธิวาเสตุ, สุคโต; อธิวาสนกาโล ทานิ, ภนฺเต, ภควโต. เยน เยเนว ทานิ, ภนฺเต, ภควา คมิสฺสติ, ตนฺนินฺนาว ภวิสฺสนฺติ พฺราหฺมณคหปติกา เนคมา เจว ชานปทา จ. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ถุลฺลผุสิตเก เทเว วสฺสนฺเต ยถานินฺนํ อุทกานิ ปวตฺตนฺติ; เอวเมวํ โข, ภนฺเต, เยน เยเนว ทานิ ภควา คมิสฺสติ, ตนฺนินฺนาว ภวิสฺสนฺติ พฺราหฺมณคหปติกา เนคมา เจว ชานปทา จ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ, ภนฺเต, ภควโต สีลปฺาณ’’นฺติ.

‘‘มาหํ, นาคิต, ยเสน สมาคมํ, มา จ มยา ยโส. โย โข, นาคิต, นยิมสฺส เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภี อสฺส อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, ยสฺสาหํ เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, โส ตํ มีฬฺหสุขํ มิทฺธสุขํ ลาภสกฺการสิโลกสุขํ สาทิเยยฺย.

‘‘อิธาหํ, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ คามนฺตวิหารึ สมาหิตํ นิสินฺนํ. ตสฺส มยฺหํ, นาคิต, เอวํ โหติ – ‘อิทานิมํ อายสฺมนฺตํ [อารามิโก วา ฆฏฺเฏสฺสติ สมณุทฺเทโส วา, ตํ ตมฺหา (ก. สี. ปี.) อารามิโก วา ฆฏฺเฏสฺสติ สมณุทฺเทโส วา, โส ตํ ตมฺหา (ก. สี.) อ. นิ. ๘.๘๖ ปสฺสิตพฺพํ] อารามิโก วา อุปฏฺหิสฺสติ สมณุทฺเทโส วา ตํ ตมฺหา [อารามิโก วา ฆฏฺเฏสฺสติ สมณุทฺเทโส วา, ตํ ตมฺหา (ก. สี. ปี.) อารามิโก วา ฆฏฺเฏสฺสติ สมณุทฺเทโส วา, โส ตํ ตมฺหา (ก. สี.) อ. นิ. ๘.๘๖ ปสฺสิตพฺพํ] สมาธิมฺหา จาเวสฺสตี’ติ. เตนาหํ, นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน น อตฺตมโน โหมิ คามนฺตวิหาเรน. อิธ ปนาหํ, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ อารฺิกํ อรฺเ ปจลายมานํ นิสินฺนํ. ตสฺส มยฺหํ, นาคิต, เอวํ โหติ – ‘อิทานิ อยมายสฺมา อิมํ นิทฺทากิลมถํ ปฏิวิโนเทตฺวา อรฺสฺํเยว มนสิ กริสฺสติ เอกตฺต’นฺติ. เตนาหํ, นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตมโน โหมิ อรฺวิหาเรน.

‘‘อิธ ปนาหํ, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ อารฺิกํ อรฺเ อสมาหิตํ นิสินฺนํ. ตสฺส มยฺหํ, นาคิต, เอวํ โหติ – ‘อิทานิ อยมายสฺมา อสมาหิตํ วา จิตฺตํ สมาทหิสฺสติ, สมาหิตํ วา จิตฺตํ อนุรกฺขิสฺสตี’ติ. เตนาหํ, นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตมโน โหมิ อรฺวิหาเรน.

‘‘อิธ ปนาหํ, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ อารฺิกํ อรฺเ สมาหิตํ นิสินฺนํ. ตสฺส มยฺหํ, นาคิต, เอวํ โหติ – ‘อิทานิ อยมายสฺมา อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิโมเจสฺสติ, วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ อนุรกฺขิสฺสตี’ติ. เตนาหํ, นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตมโน โหมิ อรฺวิหาเรน.

‘‘อิธ ปนาหํ, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ คามนฺตวิหารึ ลาภึ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. โส ตํ ลาภสกฺการสิโลกํ นิกามยมาโน ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ ริฺจติ อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ; คามนิคมราชธานึ โอสริตฺวา วาสํ กปฺเปติ. เตนาหํ, นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน น อตฺตมโน โหมิ คามนฺตวิหาเรน.

‘‘อิธ ปนาหํ, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ อารฺิกํ ลาภึ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. โส ตํ ลาภสกฺการสิโลกํ ปฏิปณาเมตฺวา น ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ น ริฺจติ อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ. เตนาหํ, นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตมโน โหมิ อรฺวิหาเรน. ยสฺมาหํ, นาคิต, สมเย อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน น กฺจิ [น กิฺจิ (สี. ปี. ก.)] ปสฺสามิ ปุรโต วา ปจฺฉโต วา, ผาสุ เม, นาคิต, ตสฺมึ สมเย โหติ อนฺตมโส อุจฺจารปสฺสาวกมฺมายา’’ติ. ทฺวาทสมํ.

เทวตาวคฺโค [เสกฺขปริหานิยวคฺโค (สฺยา.)] จตุตฺโถ.

ตสฺสุทฺทานํ –

เสขา ทฺเว อปริหานิ, โมคฺคลฺลาน วิชฺชาภาคิยา;

วิวาททานตฺตการี นิทานํ, กิมิลทารุกฺขนฺเธน นาคิโตติ.