📜
๑๐. อานิสํสวคฺโค
๑. ปาตุภาวสุตฺตํ
๙๖. ‘‘ฉนฺนํ ¶ ¶ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. กตเมสํ ฉนฺนํ? ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, ตถาคตปฺปเวทิตสฺส ธมฺมวินยสฺส เทเสตา ปุคฺคโล ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, อริยายตเน ปจฺจาชาติ ทุลฺลภา [ปจฺจาชาโต ทุลฺลโภ (สฺยา.)] โลกสฺมึ, อินฺทฺริยานํ อเวกลฺลตา ทุลฺลภา โลกสฺมึ, อชฬตา อเนฬมูคตา ทุลฺลภา โลกสฺมึ, กุสเล ธมฺเม ฉนฺโท [กุสลธมฺมจฺฉนฺโท (สี. สฺยา. ปี.)] ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ฉนฺนํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมิ’’นฺติ. ปมํ.
๒. อานิสํสสุตฺตํ
๙๗. ‘‘ฉยิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย. กตเม ฉ? สทฺธมฺมนิยโต โหติ, อปริหานธมฺโม โหติ, ปริยนฺตกตสฺส ทุกฺขํ โหติ [ทุกฺขํ น โหติ (สฺยา. ปี. ก.)], อสาธารเณน าเณน สมนฺนาคโต โหติ, เหตุ จสฺส สุทิฏฺโ, เหตุสมุปฺปนฺนา จ ธมฺมา. อิเม โข, ภิกฺขเว, ฉ อานิสํสา โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยายา’’ติ. ทุติยํ.
๓. อนิจฺจสุตฺตํ
๙๘. ‘‘‘โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กฺจิ สงฺขารํ นิจฺจโต สมนุปสฺสนฺโต อนุโลมิกาย ขนฺติยา สมนฺนาคโต ภวิสฺสตี’ติ เนตํ านํ วิชฺชติ. ‘อนุโลมิกาย ขนฺติยา อสมนฺนาคโต สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมิสฺสตี’ติ เนตํ านํ วิชฺชติ. ‘สมฺมตฺตนิยามํ อโนกฺกมมาโน โสตาปตฺติผลํ วา สกทาคามิผลํ วา อนาคามิผลํ วา อรหตฺตํ [อรหตฺตผลํ (ก.) ปฏิ. ม. ๓.๓๖] วา สจฺฉิกริสฺสตี’ติ เนตํ ¶ านํ วิชฺชติ.
‘‘‘โส ¶ วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺพสงฺขาเร [สพฺพสงฺขารํ (สี. ปี.)] อนิจฺจโต สมนุปสฺสนฺโต อนุโลมิกาย ขนฺติยา ¶ สมนฺนาคโต ภวิสฺสตี’ติ านเมตํ วิชฺชติ. ‘อนุโลมิกาย ขนฺติยา สมนฺนาคโต สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมิสฺสตี’ติ านเมตํ วิชฺชติ. ‘สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมมาโน โสตาปตฺติผลํ วา สกทาคามิผลํ ¶ วา อนาคามิผลํ วา อรหตฺตํ วา สจฺฉิกริสฺสตี’ติ านเมตํ วิชฺชตี’’ติ. ตติยํ.
๔. ทุกฺขสุตฺตํ
๙๙. ‘‘โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กฺจิ สงฺขารํ สุขโต สมนุปสฺสนฺโต…เป… สพฺพสงฺขาเร ทุกฺขโต สมนุปสฺสนฺโต…เป… านเมตํ วิชฺชติ’’. จตุตฺถํ.
๕. อนตฺตสุตฺตํ
๑๐๐. ‘‘โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กฺจิ ธมฺมํ อตฺตโต สมนุปสฺสนฺโต…เป… สพฺพธมฺเม [สพฺพธมฺมํ (สี. ปี.), กิฺจิธมฺมํ (ก.) ปฏิ. ม. ๓.๓๖] อนตฺตโต สมนุปสฺสนฺโต…เป… านเมตํ วิชฺชติ’’. ปฺจมํ.
๖. นิพฺพานสุตฺตํ
๑๐๑. ‘‘‘โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิพฺพานํ ทุกฺขโต สมนุปสฺสนฺโต อนุโลมิกาย ขนฺติยา สมนฺนาคโต ภวิสฺสตี’ติ เนตํ านํ วิชฺชติ. ‘อนุโลมิกาย ขนฺติยา อสมนฺนาคโต สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมิสฺสตี’ติ เนตํ านํ วิชฺชติ. ‘สมฺมตฺตนิยามํ อโนกฺกมมาโน โสตาปตฺติผลํ วา สกทาคามิผลํ วา อนาคามิผลํ วา อรหตฺตํ วา สจฺฉิกริสฺสตี’ติ เนตํ านํ วิชฺชติ.
‘‘‘โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิพฺพานํ สุขโต สมนุปสฺสนฺโต อนุโลมิกาย ขนฺติยา สมนฺนาคโต ภวิสฺสตี’ติ ¶ านเมตํ วิชฺชติ. ‘อนุโลมิกาย ขนฺติยา สมนฺนาคโต สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมิสฺสตี’ติ านเมตํ วิชฺชติ. ‘สมฺมตฺตนิยามํ ¶ โอกฺกมมาโน โสตาปตฺติผลํ วา สกทาคามิผลํ วา อนาคามิผลํ วา อรหตฺตํ วา สจฺฉิกริสฺสตี’ติ านเมตํ วิชฺชตี’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. อนวตฺถิตสุตฺตํ
๑๐๒. ‘‘ฉ ¶ , ภิกฺขเว, อานิสํเส สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา สพฺพสงฺขาเรสุ อโนธึ กริตฺวา อนิจฺจสฺํ อุปฏฺาเปตุํ. กตเม ฉ? ‘สพฺพสงฺขารา จ เม อนวตฺถิตา [อนวฏฺิตโต (สี. สฺยา. ปี.)] ขายิสฺสนฺติ, สพฺพโลเก จ เม มโน นาภิรมิสฺสติ ¶ [น รมิสฺสติ (ก.)], สพฺพโลกา จ เม มโน วุฏฺหิสฺสติ, นิพฺพานโปณฺจ เม มานสํ ภวิสฺสติ, สํโยชนา จ เม ปหานํ คจฺฉิสฺสนฺติ [คจฺฉนฺติ (สฺยา. ปี. ก.)], ปรเมน จ สามฺเน สมนฺนาคโต ภวิสฺสามี’ติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ฉ อานิสํเส สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา สพฺพสงฺขาเรสุ อโนธึ กริตฺวา อนิจฺจสฺํ อุปฏฺาเปตุ’’นฺติ. สตฺตมํ.
๘. อุกฺขิตฺตาสิกสุตฺตํ
๑๐๓. ‘‘ฉ, ภิกฺขเว, อานิสํเส สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา สพฺพสงฺขาเรสุ อโนธึ กริตฺวา ทุกฺขสฺํ อุปฏฺาเปตุํ. กตเม ฉ? ‘สพฺพสงฺขาเรสุ จ เม นิพฺพิทสฺา ปจฺจุปฏฺิตา ภวิสฺสติ, เสยฺยถาปิ อุกฺขิตฺตาสิเก วธเก. สพฺพโลกา จ เม มโน วุฏฺหิสฺสติ, นิพฺพาเน จ สนฺตทสฺสาวี ภวิสฺสามิ, อนุสยา จ เม สมุคฺฆาตํ คจฺฉิสฺสนฺติ [คจฺฉนฺติ (ปี. ก.)], กิจฺจการี จ ภวิสฺสามิ, สตฺถา จ เม ปริจิณฺโณ ภวิสฺสติ เมตฺตาวตายา’ติ. อิเม ¶ โข, ภิกฺขเว, ฉ อานิสํเส สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา สพฺพสงฺขาเรสุ อโนธึ กริตฺวา ทุกฺขสฺํ อุปฏฺาเปตุ’’นฺติ. อฏฺมํ.
๙. อตมฺมยสุตฺตํ
๑๐๔. ‘‘ฉ, ภิกฺขเว, อานิสํเส สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา สพฺพธมฺเมสุ อโนธึ กริตฺวา อนตฺตสฺํ อุปฏฺาเปตุํ. กตเม ฉ? สพฺพโลเก ¶ จ อตมฺมโย ภวิสฺสามิ, อหงฺการา จ เม อุปรุชฺฌิสฺสนฺติ, มมงฺการา จ เม อุปรุชฺฌิสฺสนฺติ, อสาธารเณน จ าเณน สมนฺนาคโต ภวิสฺสามิ, เหตุ จ เม สุทิฏฺโ ภวิสฺสติ, เหตุสมุปฺปนฺนา จ ธมฺมา. อิเม โข, ภิกฺขเว, ฉ อานิสํเส สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา สพฺพธมฺเมสุ อโนธึ กริตฺวา อนตฺตสฺํ อุปฏฺาเปตุ’’นฺติ. นวมํ.
๑๐. ภวสุตฺตํ
๑๐๕. ‘‘ตโยเม ¶ , ภิกฺขเว, ภวา ปหาตพฺพา, ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขิตพฺพํ. กตเม ตโย ภวา ปหาตพฺพา? กามภโว, รูปภโว, อรูปภโว ¶ – อิเม ตโย ภวา ปหาตพฺพา. กตมาสุ ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขิตพฺพํ? อธิสีลสิกฺขาย, อธิจิตฺตสิกฺขาย, อธิปฺาสิกฺขาย – อิมาสุ ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขิตพฺพํ. ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อิเม ตโย ภวา ปหีนา โหนฺติ, อิมาสุ จ ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขิตสิกฺโข โหติ – อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อจฺเฉจฺฉิ ตณฺหํ, วิวตฺตยิ สํโยชนํ, สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติ. ทสมํ.
๑๑. ตณฺหาสุตฺตํ
๑๐๖. ‘‘ติสฺโส ¶ อิมา, ภิกฺขเว, ตณฺหา ปหาตพฺพา, ตโย จ มานา. กตมา ติสฺโส ตณฺหา ปหาตพฺพา? กามตณฺหา, ภวตณฺหา, วิภวตณฺหา – อิมา ติสฺโส ตณฺหา ปหาตพฺพา. กตเม ตโย มานา ปหาตพฺพา? มาโน, โอมาโน, อติมาโน – อิเม ตโย มานา ปหาตพฺพา. ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อิมา ติสฺโส ตณฺหา ปหีนา โหนฺติ, อิเม จ ตโย มานา; อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อจฺเฉจฺฉิ ตณฺหํ, วิวตฺตยิ สํโยชนํ, สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติ. เอกาทสมํ.
อานิสํสวคฺโค ทสโม. [ปฺจโม (สฺยา. ก.)]
ตสฺสุทฺทานํ –
ปาตุภาโว ¶ อานิสํโส, อนิจฺจทุกฺขอนตฺตโต;
นิพฺพานํ อนวตฺถิ, อุกฺขิตฺตาสิ อตมฺมโย;
ภวา ตณฺหาเยกา ทสาติ.
ทุติยปณฺณาสกํ สมตฺตํ.