📜
๖. อพฺยากตวคฺโค
๑. อพฺยากตสุตฺตํ
๕๔. อถ ¶ ¶ ¶ โข อฺตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ¶ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย เยน สุตวโต อริยสาวกสฺส วิจิกิจฺฉา นุปฺปชฺชติ อพฺยากตวตฺถูสู’’ติ?
‘‘ทิฏฺินิโรธา โข, ภิกฺขุ, สุตวโต อริยสาวกสฺส วิจิกิจฺฉา นุปฺปชฺชติ อพฺยากตวตฺถูสุ. ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, ทิฏฺิคตเมตํ; ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, ทิฏฺิคตเมตํ; ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, ทิฏฺิคตเมตํ; ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, ทิฏฺิคตเมตํ. อสฺสุตวา, ภิกฺขุ, ปุถุชฺชโน ทิฏฺึ นปฺปชานาติ, ทิฏฺิสมุทยํ นปฺปชานาติ, ทิฏฺินิโรธํ นปฺปชานาติ, ทิฏฺินิโรธคามินึ ปฏิปทํ นปฺปชานาติ. ตสฺส สา ทิฏฺิ ปวฑฺฒติ, โส น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.
‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขุ, อริยสาวโก ทิฏฺึ ปชานาติ, ทิฏฺิสมุทยํ ปชานาติ, ทิฏฺินิโรธํ ปชานาติ, ทิฏฺินิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ. ตสฺส สา ทิฏฺิ นิรุชฺฌติ, โส ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ ¶ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิ. เอวํ ชานํ โข, ภิกฺขุ, สุตวา อริยสาวโก เอวํ ปสฺสํ ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ น พฺยากโรติ; ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ น พฺยากโรติ; ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ น พฺยากโรติ; ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ น พฺยากโรติ. เอวํ ชานํ โข, ภิกฺขุ, สุตวา อริยสาวโก เอวํ ปสฺสํ เอวํ อพฺยากรณธมฺโม โหติ อพฺยากตวตฺถูสุ ¶ . เอวํ ชานํ โข, ภิกฺขุ, สุตวา อริยสาวโก เอวํ ปสฺสํ น ฉมฺภติ, น กมฺปติ, น เวธติ, น สนฺตาสํ อาปชฺชติ อพฺยากตวตฺถูสุ.
‘‘‘โหติ ¶ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, ตณฺหาคตเมตํ…เป… สฺาคตเมตํ ¶ …เป… มฺิตเมตํ…เป… ปปฺจิตเมตํ…เป… อุปาทานคตเมตํ…เป… ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, วิปฺปฏิสาโร เอโส; ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, วิปฺปฏิสาโร เอโส; ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, วิปฺปฏิสาโร เอโส; ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, วิปฺปฏิสาโร เอโส. อสฺสุตวา, ภิกฺขุ, ปุถุชฺชโน วิปฺปฏิสารํ นปฺปชานาติ, วิปฺปฏิสารสมุทยํ นปฺปชานาติ, วิปฺปฏิสารนิโรธํ นปฺปชานาติ, วิปฺปฏิสารนิโรธคามินึ ปฏิปทํ นปฺปชานาติ. ตสฺส โส วิปฺปฏิสาโร ปวฑฺฒติ, โส น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.
‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขุ, อริยสาวโก วิปฺปฏิสารํ ปชานาติ, วิปฺปฏิสารสมุทยํ ปชานาติ, วิปฺปฏิสารนิโรธํ ปชานาติ ¶ , วิปฺปฏิสารนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ. ตสฺส โส วิปฺปฏิสาโร นิรุชฺฌติ, โส ปริมุจฺจติ ชาติยา…เป… ทุกฺขสฺมาติ วทามิ. เอวํ ชานํ โข, ภิกฺขุ, สุตวา อริยสาวโก เอวํ ปสฺสํ ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ น พฺยากโรติ…เป… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ น พฺยากโรติ. เอวํ ชานํ โข, ภิกฺขุ, สุตวา อริยสาวโก เอวํ ปสฺสํ เอวํ อพฺยากรณธมฺโม โหติ อพฺยากตวตฺถูสุ. เอวํ ชานํ โข, ภิกฺขุ, สุตวา อริยสาวโก เอวํ ปสฺสํ น ฉมฺภติ, น กมฺปติ, น เวธติ, น สนฺตาสํ อาปชฺชติ อพฺยากตวตฺถูสุ. อยํ ¶ โข, ภิกฺขุ, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน สุตวโต อริยสาวกสฺส วิจิกิจฺฉา นุปฺปชฺชติ อพฺยากตวตฺถูสู’’ติ. ปมํ.
๒. ปุริสคติสุตฺตํ
๕๕. ‘‘สตฺต จ [สตฺต (สี.), สตฺต จ โข (ก.)], ภิกฺขเว, ปุริสคติโย เทเสสฺสามิ อนุปาทา จ ปรินิพฺพานํ [ปรินิพฺพาณํ (สี.)]. ตํ สุณาถ ¶ , สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สตฺต ปุริสคติโย?
‘‘อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ – ‘โน จสฺส โน จ เม สิยา, น ภวิสฺสติ น เม ภวิสฺสติ, ยทตฺถิ ยํ ภูตํ ตํ ปชหามี’ติ อุเปกฺขํ ปฏิลภติ. โส ภเว น รชฺชติ, สมฺภเว น รชฺชติ, อตฺถุตฺตริ ปทํ สนฺตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ. ตฺจ ขฺวสฺส ปทํ น สพฺเพน สพฺพํ สจฺฉิกตํ โหติ, ตสฺส น สพฺเพน สพฺพํ มานานุสโย ปหีโน โหติ, น สพฺเพน สพฺพํ ภวราคานุสโย ปหีโน โหติ, น สพฺเพน สพฺพํ อวิชฺชานุสโย ปหีโน โหติ. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทิวสํสนฺตตฺเต [ทิวสสนฺตตฺเต (สี. สฺยา.) ม. นิ. ๒.๑๕๔] อโยกปาเล หฺมาเน ปปฏิกา นิพฺพตฺติตฺวา นิพฺพาเยยฺย. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ – ‘โน จสฺส โน จ เม สิยา, น ภวิสฺสติ น เม ภวิสฺสติ, ยทตฺถิ ยํ ภูตํ ตํ ปชหามี’ติ อุเปกฺขํ ปฏิลภติ. โส ภเว ¶ น รชฺชติ, สมฺภเว น รชฺชติ, อตฺถุตฺตริ ปทํ สนฺตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ. ตฺจ ขฺวสฺส ปทํ น สพฺเพน ¶ สพฺพํ สจฺฉิกตํ โหติ, ตสฺส น สพฺเพน สพฺพํ มานานุสโย ปหีโน โหติ, น สพฺเพน สพฺพํ ภวราคานุสโย ปหีโน โหติ, น สพฺเพน สพฺพํ อวิชฺชานุสโย ปหีโน โหติ. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ – ‘โน จสฺส โน จ เม สิยา, น ภวิสฺสติ น เม ภวิสฺสติ, ยทตฺถิ ยํ ภูตํ ตํ ปชหามี’ติ อุเปกฺขํ ปฏิลภติ. โส ภเว น รชฺชติ, สมฺภเว น รชฺชติ, อตฺถุตฺตริ ปทํ สนฺตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ. ตฺจ ขฺวสฺส ปทํ น สพฺเพน สพฺพํ สจฺฉิกตํ โหติ, ตสฺส น สพฺเพน สพฺพํ มานานุสโย ปหีโน โหติ, น สพฺเพน สพฺพํ ภวราคานุสโย ปหีโน โหติ, น สพฺเพน สพฺพํ อวิชฺชานุสโย ปหีโน โหติ. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทิวสํสนฺตตฺเต อโยกปาเล หฺมาเน ปปฏิกา นิพฺพตฺติตฺวา อุปฺปติตฺวา ¶ นิพฺพาเยยฺย. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป… โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติ.
‘‘อิธ ¶ ¶ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป… โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทิวสํสนฺตตฺเต อโยกปาเล หฺมาเน ปปฏิกา นิพฺพตฺติตฺวา อุปฺปติตฺวา อนุปหจฺจ ตลํ นิพฺพาเยยฺย. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป… ¶ โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป… โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุปหจฺจปรินิพฺพายี โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทิวสํสนฺตตฺเต อโยกปาเล หฺมาเน ปปฏิกา นิพฺพตฺติตฺวา อุปฺปติตฺวา อุปหจฺจ ตลํ นิพฺพาเยยฺย. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป… โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุปหจฺจปรินิพฺพายี โหติ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป… โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อสงฺขารปรินิพฺพายี โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทิวสํสนฺตตฺเต อโยกปาเล หฺมาเน ปปฏิกา นิพฺพตฺติตฺวา อุปฺปติตฺวา ปริตฺเต ติณปฺุเช วา กฏฺปฺุเช วา นิปเตยฺย. สา ตตฺถ อคฺคิมฺปิ ชเนยฺย, ธูมมฺปิ ชเนยฺย, อคฺคิมฺปิ ชเนตฺวา ธูมมฺปิ ชเนตฺวา ตเมว ปริตฺตํ ติณปฺุชํ วา กฏฺปฺุชํ วา ปริยาทิยิตฺวา อนาหารา นิพฺพาเยยฺย. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป… โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อสงฺขารปรินิพฺพายี โหติ.
‘‘อิธ ¶ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป… โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา สสงฺขารปรินิพฺพายี โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทิวสํสนฺตตฺเต อโยกปาเล หฺมาเน ปปฏิกา นิพฺพตฺติตฺวา อุปฺปติตฺวา ¶ วิปุเล ติณปฺุเช วา กฏฺปฺุเช วา นิปเตยฺย. สา ตตฺถ อคฺคิมฺปิ ชเนยฺย, ธูมมฺปิ ชเนยฺย, อคฺคิมฺปิ ชเนตฺวา ธูมมฺปิ ชเนตฺวา ตเมว วิปุลํ ติณปฺุชํ วา กฏฺปฺุชํ วา ¶ ปริยาทิยิตฺวา อนาหารา นิพฺพาเยยฺย. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ¶ เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป… โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา สสงฺขารปรินิพฺพายี โหติ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ – ‘โน จสฺส โน จ เม สิยา, น ภวิสฺสติ น เม ภวิสฺสติ, ยทตฺถิ ยํ ภูตํ ตํ ปชหามี’ติ อุเปกฺขํ ปฏิลภติ. โส ภเว น รชฺชติ, สมฺภเว น รชฺชติ, อตฺถุตฺตริ ปทํ สนฺตํ สมฺมปฺาย ปสฺสติ. ตฺจ ขฺวสฺส ปทํ น สพฺเพน สพฺพํ สจฺฉิกตํ โหติ, ตสฺส น สพฺเพน สพฺพํ มานานุสโย ปหีโน โหติ, น สพฺเพน สพฺพํ ภวราคานุสโย ปหีโน โหติ, น สพฺเพน สพฺพํ อวิชฺชานุสโย ปหีโน โหติ. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุทฺธํโสโต โหติ อกนิฏฺคามี. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทิวสํสนฺตตฺเต อโยกปาเล หฺมาเน ปปฏิกา นิพฺพตฺติตฺวา อุปฺปติตฺวา มหนฺเต ติณปฺุเช วา กฏฺปฺุเช วา นิปเตยฺย. สา ตตฺถ อคฺคิมฺปิ ชเนยฺย, ธูมมฺปิ ชเนยฺย, อคฺคิมฺปิ ชเนตฺวา ธูมมฺปิ ชเนตฺวา ตเมว มหนฺตํ ติณปฺุชํ ¶ วา กฏฺปฺุชํ วา ปริยาทิยิตฺวา คจฺฉมฺปิ ทเหยฺย [ฑเหยฺย (อฺตฺถ)], ทายมฺปิ ทเหยฺย, คจฺฉมฺปิ ทหิตฺวา ทายมฺปิ ทหิตฺวา หริตนฺตํ วา ปถนฺตํ วา [ปนฺถนฺตํ วา (สี.) สฺยามโปตฺถเก อิทํ น ทิสฺสติ] เสลนฺตํ วา อุทกนฺตํ วา รมณียํ วา ภูมิภาคํ อาคมฺม อนาหารา นิพฺพาเยยฺย. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป… โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุทฺธํโสโต โหติ อกนิฏฺคามี. อิมา โข, ภิกฺขเว, สตฺต ปุริสคติโย.
‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, อนุปาทาปรินิพฺพานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ – ‘โน จสฺส โน จ เม สิยา, น ภวิสฺสติ น เม ภวิสฺสติ, ยทตฺถิ ยํ ภูตํ ตํ ปชหามี’ติ อุเปกฺขํ ปฏิลภติ. โส ภเว น รชฺชติ, สมฺภเว น รชฺชติ, อตฺถุตฺตริ ¶ ปทํ สนฺตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ. ตฺจ ขฺวสฺส ปทํ สพฺเพน สพฺพํ สจฺฉิกตํ โหติ, ตสฺส สพฺเพน สพฺพํ มานานุสโย ปหีโน โหติ, สพฺเพน สพฺพํ ภวราคานุสโย ปหีโน โหติ, สพฺเพน สพฺพํ อวิชฺชานุสโย ปหีโน โหติ. โส อาสวานํ ขยา…เป… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อนุปาทาปรินิพฺพานํ. อิมา โข, ภิกฺขเว, สตฺต ปุริสคติโย อนุปาทา จ ปรินิพฺพาน’’นฺติ. ทุติยํ.
๓. ติสฺสพฺรหฺมาสุตฺตํ
๕๖. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต. อถ โข ทฺเว เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ คิชฺฌกูฏํ ¶ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข เอกา เทวตา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอตา, ภนฺเต, ภิกฺขุนิโย วิมุตฺตา’’ติ. อปรา เทวตา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอตา, ภนฺเต, ภิกฺขุนิโย อนุปาทิเสสา สุวิมุตฺตา’’ติ. อิทมโวจุํ ตา เทวตา. สมนฺุโ สตฺถา อโหสิ. อถ โข ตา เทวตา ‘‘สมนฺุโ สตฺถา’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายึสุ.
อถ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, ภิกฺขเว, รตฺตึ ทฺเว เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ คิชฺฌกูฏํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข, ภิกฺขเว, เอกา เทวตา มํ เอตทโวจ – ‘เอตา, ภนฺเต, ภิกฺขุนิโย วิมุตฺตา’ติ. อปรา เทวตา มํ เอตทโวจ ¶ – ‘เอตา, ภนฺเต, ภิกฺขุนิโย อนุปาทิเสสา สุวิมุตฺตา’ติ. อิทมโวจุํ, ภิกฺขเว, ตา เทวตา. อิทํ วตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายึสู’’ติ.
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควโต อวิทูเร นิสินฺโน โหติ. อถ โข อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กตเมสานํ โข เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘สอุปาทิเสเส วา สอุปาทิเสโสติ, อนุปาทิเสเส วา อนุปาทิเสโส’’’ติ? เตน โข ปน สมเยน ติสฺโส นาม ภิกฺขุ อธุนากาลงฺกโต อฺตรํ พฺรหฺมโลกํ อุปปนฺโน โหติ. ตตฺราปิ นํ เอวํ ชานนฺติ – ‘‘ติสฺโส พฺรหฺมา มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’ติ.
อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมวํ – คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต อนฺตรหิโต ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อทฺทสา โข ติสฺโส พฺรหฺมา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ทูรโตว ¶ อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวา อายสฺมนฺตํ ¶ มหาโมคฺคลฺลานํ เอตทโวจ – ‘‘เอหิ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน; สฺวาคตํ, มาริส โมคฺคลฺลาน! จิรสฺสํ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, อิมํ ปริยายมกาสิ ¶ , ยทิทํ อิธาคมนาย. นิสีท, มาริส โมคฺคลฺลาน, อิทมาสนํ ปฺตฺต’’นฺติ. นิสีทิ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปฺตฺเต อาสเน. ติสฺโสปิ โข พฺรหฺมา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ติสฺสํ พฺรหฺมานํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอตทโวจ – ‘‘กตเมสานํ โข, ติสฺส ¶ , เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘สอุปาทิเสเส วา สอุปาทิเสโสติ, อนุปาทิเสเส วา อนุปาทิเสโส’’’ติ? ‘‘พฺรหฺมกายิกานํ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘สอุปาทิเสเส วา สอุปาทิเสโสติ, อนุปาทิเสเส วา อนุปาทิเสโส’’’ติ.
‘‘สพฺเพสฺเว โข, ติสฺส, พฺรหฺมกายิกานํ เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘สอุปาทิเสเส วา สอุปาทิเสโสติ, อนุปาทิเสเส วา อนุปาทิเสโส’’’ติ? ‘‘น โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, สพฺเพสํ พฺรหฺมกายิกานํ เทวานํ เอวํ าณํ โหติ – ‘สอุปาทิเสเส วา สอุปาทิเสโสติ, อนุปาทิเสเส วา อนุปาทิเสโส’’’ติ.
‘‘เย โข เต, มาริส โมคฺคลฺลาน, พฺรหฺมกายิกา เทวา พฺรหฺเมน อายุนา สนฺตุฏฺา พฺรหฺเมน วณฺเณน พฺรหฺเมน สุเขน พฺรหฺเมน ยเสน พฺรหฺเมน อาธิปเตยฺเยน สนฺตุฏฺา, เต อุตฺตริ นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ. เตสํ น เอวํ าณํ โหติ – ‘สอุปาทิเสเส วา สอุปาทิเสโสติ, อนุปาทิเสเส วา อนุปาทิเสโส’ติ. เย จ โข เต, มาริส โมคฺคลฺลาน, พฺรหฺมกายิกา เทวา พฺรหฺเมน อายุนา อสนฺตุฏฺา, พฺรหฺเมน วณฺเณน พฺรหฺเมน สุเขน พฺรหฺเมน ยเสน พฺรหฺเมน อาธิปเตยฺเยน อสนฺตุฏฺา, เต จ อุตฺตริ นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ¶ ปชานนฺติ. เตสํ เอวํ าณํ โหติ – ‘สอุปาทิเสเส วา สอุปาทิเสโสติ, อนุปาทิเสเส วา อนุปาทิเสโส’’’ติ.
‘‘อิธ, มาริส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ อุภโตภาควิมุตฺโต โหติ. ตเมนํ เต เทวา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข อายสฺมา อุภโตภาควิมุตฺโต. ยาวสฺส กาโย สฺสติ ตาว นํ ทกฺขนฺติ เทวมนุสฺสา. กายสฺส เภทา น นํ ทกฺขนฺติ ¶ เทวมนุสฺสา’ติ. เอวมฺปิ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน ¶ , เตสํ เทวานํ าณํ โหติ – ‘สอุปาทิเสเส วา สอุปาทิเสโสติ, อนุปาทิเสเส วา อนุปาทิเสโส’’’ติ.
‘‘อิธ ปน, มาริส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ ปฺาวิมุตฺโต โหติ. ตเมนํ เต เทวา เอวํ ชานนฺติ ¶ – ‘อยํ โข อายสฺมา ปฺาวิมุตฺโต. ยาวสฺส กาโย สฺสติ ตาว นํ ทกฺขนฺติ เทวมนุสฺสา. กายสฺส เภทา น นํ ทกฺขนฺติ เทวมนุสฺสา’ติ. เอวมฺปิ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, เตสํ เทวานํ าณํ โหติ – ‘สอุปาทิเสเส วา สอุปาทิเสโสติ, อนุปาทิเสเส วา อนุปาทิเสโส’’’ติ.
‘‘อิธ ปน, มาริส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ กายสกฺขี โหติ. ตเมนํ เทวา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข อายสฺมา กายสกฺขี. อปฺเปว นาม อยมายสฺมา อนุโลมิกานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวมาโน กลฺยาณมิตฺเต ภชมาโน อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. เอวมฺปิ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, เตสํ เทวานํ าณํ โหติ – ‘สอุปาทิเสเส วา สอุปาทิเสโสติ, อนุปาทิเสเส วา อนุปาทิเสโส’’’ติ.
‘‘อิธ ปน, มาริส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ ทิฏฺิปฺปตฺโต โหติ…เป… สทฺธาวิมุตฺโต โหติ…เป… ธมฺมานุสารี โหติ. ตเมนํ เต เทวา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข อายสฺมา ธมฺมานุสารี ¶ . อปฺเปว นาม อยมายสฺมา อนุโลมิกานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวมาโน กลฺยาณมิตฺเต ภชมาโน อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ¶ ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. เอวมฺปิ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, เตสํ เทวานํ าณํ โหติ – ‘สอุปาทิเสเส วา สอุปาทิเสโสติ, อนุปาทิเสเส วา อนุปาทิเสโส’’’ติ.
อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ติสฺสสฺส พฺรหฺมุโน ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมวํ – พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต ปาตุรโหสิ. อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ¶ เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ยาวตโก อโหสิ ติสฺเสน พฺรหฺมุนา สทฺธึ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิ.
‘‘น ¶ หิ ปน เต, โมคฺคลฺลาน, ติสฺโส พฺรหฺมา สตฺตมํ อนิมิตฺตวิหารึ ปุคฺคลํ เทเสติ’’. ‘‘เอตสฺส, ภควา, กาโล; เอตสฺส, สุคต, กาโล! ยํ ภควา สตฺตมํ อนิมิตฺตวิหารึ ปุคฺคลํ เทเสยฺย. ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, โมคฺคลฺลาน, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘อิธ, โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อนิมิตฺตํ เจโตสมาธึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ตเมนํ เต เทวา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข อายสฺมา สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อนิมิตฺตํ เจโตสมาธึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อปฺเปว นาม อยมายสฺมา อนุโลมิกานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวมาโน กลฺยาณมิตฺเต ภชมาโน ¶ อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ¶ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. เอวํ โข, โมคฺคลฺลาน, เตสํ เทวานํ าณํ โหติ – ‘สอุปาทิเสเส วา สอุปาทิเสโสติ, อนุปาทิเสเส วา อนุปาทิเสโส’’’ติ. ตติยํ.
๔. สีหเสนาปติสุตฺตํ
๕๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข สีโห เสนาปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สีโห เสนาปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สกฺกา นุ โข, ภนฺเต, สนฺทิฏฺิกํ ทานผลํ ปฺาเปตุ’’นฺติ?
‘‘เตน หิ, สีห, ตฺเเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ, ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, สีห, อิธ ทฺเว ปุริสา – เอโก ปุริโส อสฺสทฺโธ มจฺฉรี กทริโย ปริภาสโก, เอโก ปุริโส สทฺโธ ทานปติ ¶ อนุปฺปทานรโต. ตํ กึ มฺสิ, สีห, กํ นุ โข [กึ นุ โข (ก.)] อรหนฺโต ปมํ อนุกมฺปนฺตา อนุกมฺเปยฺยุํ – ‘โย วา โส ปุริโส อสฺสทฺโธ มจฺฉรี กทริโย ปริภาสโก, โย วา โส ปุริโส สทฺโธ ทานปติ อนุปฺปทานรโต’’’ติ?
‘‘โย ¶ โส, ภนฺเต, ปุริโส อสฺสทฺโธ มจฺฉรี กทริโย ปริภาสโก, กินฺตํ [กินฺติ (ก.)] อรหนฺโต ปมํ อนุกมฺปนฺตา อนุกมฺปิสฺสนฺติ! โย จ โข โส, ภนฺเต, ปุริโส สทฺโธ ทานปติ อนุปฺปทานรโต ตํเยว อรหนฺโต ปมํ อนุกมฺปนฺตา อนุกมฺเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, สีห, กํ นุ โข ¶ อรหนฺโต ปมํ อุปสงฺกมนฺตา อุปสงฺกเมยฺยุํ – ‘โย วา โส ปุริโส อสฺสทฺโธ มจฺฉรี กทริโย ปริภาสโก, โย วา โส ปุริโส ¶ สทฺโธ ทานปติ อนุปฺปทานรโต’’’ติ? ‘‘โย โส, ภนฺเต, ปุริโส อสฺสทฺโธ มจฺฉรี กทริโย ปริภาสโก, กินฺตํ อรหนฺโต ปมํ อุปสงฺกมนฺตา อุปสงฺกมิสฺสนฺติ! โย จ โข โส, ภนฺเต, ปุริโส สทฺโธ ทานปติ อนุปฺปทานรโต ตํเยว อรหนฺโต ปมํ อุปสงฺกมนฺตา อุปสงฺกเมยฺยุํ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, สีห, กสฺส นุ โข อรหนฺโต ปมํ ปฏิคฺคณฺหนฺตา ปฏิคฺคณฺเหยฺยุํ – ‘โย วา โส ปุริโส อสฺสทฺโธ มจฺฉรี กทริโย ปริภาสโก, โย วา โส ปุริโส สทฺโธ ทานปติ อนุปฺปทานรโต’’’ติ? ‘‘โย โส, ภนฺเต, ปุริโส อสฺสทฺโธ มจฺฉรี กทริโย ปริภาสโก, กินฺตํ ตสฺส อรหนฺโต ปมํ ปฏิคฺคณฺหนฺตา ปฏิคฺคณฺหิสฺสนฺติ! โย จ โข โส, ภนฺเต, ปุริโส สทฺโธ ทานปติ อนุปฺปทานรโต ตสฺเสว อรหนฺโต ปมํ ปฏิคฺคณฺหนฺตา ปฏิคฺคณฺเหยฺยุํ’’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, สีห, กสฺส นุ โข อรหนฺโต ปมํ ธมฺมํ เทเสนฺตา เทเสยฺยุํ – ‘โย วา โส ปุริโส อสฺสทฺโธ มจฺฉรี กทริโย ปริภาสโก, โย วา โส ปุริโส สทฺโธ ทานปติ อนุปฺปทานรโต’’’ติ? ‘‘โย โส, ภนฺเต, ปุริโส อสฺสทฺโธ มจฺฉรี กทริโย ปริภาสโก, กินฺตํ ตสฺส อรหนฺโต ปมํ ธมฺมํ เทเสนฺตา เทเสสฺสนฺติ! โย จ โข โส, ภนฺเต, ปุริโส สทฺโธ ทานปติ อนุปฺปทานรโต ตสฺเสว อรหนฺโต ปมํ ธมฺมํ เทเสนฺตา เทเสยฺยุํ’’ ¶ .
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, สีห, กสฺส นุ โข กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺเฉยฺย – ‘โย วา โส ปุริโส อสฺสทฺโธ มจฺฉรี กทริโย ปริภาสโก, โย วา โส ปุริโส สทฺโธ ทานปติ อนุปฺปทานรโต’’’ติ? ‘‘โย โส, ภนฺเต, ปุริโส อสฺสทฺโธ มจฺฉรี กทริโย ปริภาสโก, กินฺตํ ตสฺส กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิสฺสติ! โย จ โข โส, ภนฺเต, ปุริโส สทฺโธ ทานปติ อนุปฺปทานรโต ตสฺเสว กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺเฉยฺย’’.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, สีห, โก นุ โข ยํยเทว ปริสํ อุปสงฺกเมยฺย, ยทิ ขตฺติยปริสํ ยทิ พฺราหฺมณปริสํ ยทิ คหปติปริสํ ยทิ สมณปริสํ วิสารโท ¶ อุปสงฺกเมยฺย อมงฺกุภูโต – ‘โย วา โส ปุริโส อสฺสทฺโธ มจฺฉรี กทริโย ปริภาสโก, โย วา โส ปุริโส สทฺโธ ทานปติ อนุปฺปทานรโต’’’ติ? ‘‘โย โส, ภนฺเต, ปุริโส อสฺสทฺโธ มจฺฉรี กทริโย ปริภาสโก, กึ โส ยํยเทว ปริสํ อุปสงฺกมิสฺสติ, ยทิ ขตฺติยปริสํ ยทิ พฺราหฺมณปริสํ ยทิ คหปติปริสํ ยทิ สมณปริสํ วิสารโท อุปสงฺกมิสฺสติ อมงฺกุภูโต! โย จ โข โส, ภนฺเต, ปุริโส สทฺโธ ทานปติ อนุปฺปทานรโต โส ยํยเทว ปริสํ อุปสงฺกเมยฺย, ยทิ ขตฺติยปริสํ ยทิ พฺราหฺมณปริสํ ยทิ คหปติปริสํ ยทิ สมณปริสํ วิสารโท อุปสงฺกเมยฺย อมงฺกุภูโต’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, สีห, โก นุ โข กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย – ‘โย วา โส ปุริโส อสฺสทฺโธ มจฺฉรี กทริโย ปริภาสโก, โย วา โส ปุริโส สทฺโธ ทานปติ อนุปฺปทานรโต’’’ติ ¶ ? ‘‘โย โส, ภนฺเต, ปุริโส อสฺสทฺโธ มจฺฉรี กทริโย ปริภาสโก, กึ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสติ! โย จ โข โส, ภนฺเต, ปุริโส สทฺโธ ทานปติ อนุปฺปทานรโต โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย’’.
‘‘ยานิมานิ, ภนฺเต, ภควตา สนฺทิฏฺิกานิ ทานผลานิ อกฺขาตานิ, นาหํ เอตฺถ ภควโต สทฺธาย คจฺฉามิ. อหมฺปิ เอตานิ ชานามิ. อหํ, ภนฺเต, ทายโก ทานปติ, มํ อรหนฺโต ปมํ อนุกมฺปนฺตา อนุกมฺปนฺติ. อหํ, ภนฺเต, ทายโก ทานปติ, มํ อรหนฺโต ปมํ อุปสงฺกมนฺตา อุปสงฺกมนฺติ. อหํ, ภนฺเต, ทายโก ทานปติ, มยฺหํ อรหนฺโต ปมํ ปฏิคฺคณฺหนฺตา ปฏิคฺคณฺหนฺติ ¶ . อหํ, ภนฺเต, ทายโก ทานปติ, มยฺหํ อรหนฺโต ปมํ ธมฺมํ เทเสนฺตา เทเสนฺติ. อหํ, ภนฺเต, ทายโก ทานปติ, มยฺหํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘สีโห เสนาปติ ทายโก การโก สงฺฆุปฏฺาโก’ติ ¶ . อหํ, ภนฺเต, ทายโก ทานปติ ยํยเทว ปริสํ อุปสงฺกมามิ, ยทิ ขตฺติยปริสํ…เป… ยทิ สมณปริสํ วิสารโท อุปสงฺกมามิ อมงฺกุภูโต. ยานิมานิ, ภนฺเต, ภควตา สนฺทิฏฺิกานิ ทานผลานิ อกฺขาตานิ, นาหํ เอตฺถ ภควโต สทฺธาย คจฺฉามิ. อหมฺปิ เอตานิ ชานามิ. ยฺจ โข มํ, ภนฺเต, ภควา เอวมาห – ‘ทายโก, สีห, ทานปติ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชตี’ติ ¶ . เอตาหํ น ชานามิ, เอตฺถ จ ปนาหํ, ภควโต สทฺธาย คจฺฉามี’’ติ. ‘‘เอวเมตํ, สีห ¶ ; เอวเมตํ, สีห! ทายโก, สีห, ทานปติ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชตี’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. อรกฺเขยฺยสุตฺตํ
๕๘. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส อรกฺเขยฺยานิ, ตีหิ จ อนุปวชฺโช. กตมานิ จตฺตาริ ตถาคตสฺส อรกฺเขยฺยานิ? ปริสุทฺธกายสมาจาโร, ภิกฺขเว, ตถาคโต; นตฺถิ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริตํ ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย – ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’ติ. ปริสุทฺธวจีสมาจาโร, ภิกฺขเว, ตถาคโต; นตฺถิ ตถาคตสฺส วจีทุจฺจริตํ ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย – ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’ติ. ปริสุทฺธมโนสมาจาโร, ภิกฺขเว, ตถาคโต; นตฺถิ ตถาคตสฺส มโนทุจฺจริตํ ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย – ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’ติ. ปริสุทฺธาชีโว, ภิกฺขเว, ตถาคโต; นตฺถิ ตถาคตสฺส มิจฺฉาอาชีโว ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย – ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’ติ. อิมานิ จตฺตาริ ตถาคตสฺส อรกฺเขยฺยานิ.
‘‘กตเมหิ ตีหิ อนุปวชฺโช? สฺวากฺขาตธมฺโม ¶ , ภิกฺขเว, ตถาคโต. ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สหธมฺเมน ปฏิโจเทสฺสติ – ‘อิติปิ ตฺวํ น สฺวากฺขาตธมฺโม’ติ. นิมิตฺตเมตํ, ภิกฺขเว, น สมนุปสฺสามิ. เอตมหํ [เอตํปหํ (สี. สฺยา.)], ภิกฺขเว ¶ , นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ.
‘‘สุปฺตฺตา โข ปน เม, ภิกฺขเว, สาวกานํ นิพฺพานคามินี ปฏิปทา. ยถาปฏิปนฺนา มม สาวกา อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม ¶ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติ. ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สหธมฺเมน ปฏิโจเทสฺสติ – ‘อิติปิ เต น สุปฺตฺตา สาวกานํ นิพฺพานคามินี ปฏิปทา. ยถาปฏิปนฺนา ตว สาวกา อาสวานํ ขยา…เป… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’ติ. นิมิตฺตเมตํ, ภิกฺขเว, น สมนุปสฺสามิ ¶ . เอตมหํ, ภิกฺขเว, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ.
‘‘อเนกสตา โข ปน เม, ภิกฺขเว, สาวกปริสา อาสวานํ ขยา…เป… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติ. ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สหธมฺเมน ปฏิโจเทสฺสติ – ‘อิติปิ เต น อเนกสตา สาวกปริสา อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’ติ. นิมิตฺตเมตํ, ภิกฺขเว, น สมนุปสฺสามิ. เอตมหํ, ภิกฺขเว, นิมิตฺตํ ¶ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ. อิเมหิ ตีหิ อนุปวชฺโช.
‘‘อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ ตถาคตสฺส อรกฺเขยฺยานิ, อิเมหิ จ ตีหิ อนุปวชฺโช’’ติ. ปฺจมํ.
๖. กิมิลสุตฺตํ
๕๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กิมิลายํ วิหรติ นิจุลวเน [เวฬุวเน (สี. สฺยา. กํ. ปี.) อ. นิ. ๕.๒๐๒; ๗.๔๐]. อถ โข อายสฺมา กิมิโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ¶ เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา กิมิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย เยน ตถาคเต ปรินิพฺพุเต สทฺธมฺโม น จิรฏฺิติโก โหตี’’ติ?
‘‘อิธ ¶ , กิมิล, ตถาคเต ปรินิพฺพุเต ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย สตฺถริ อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา, ธมฺเม อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา, สงฺเฆ อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา, สิกฺขาย อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา, สมาธิสฺมึ อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา, อปฺปมาเท อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา, ปฏิสนฺถาเร อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา. อยํ โข, กิมิล, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน ตถาคเต ปรินิพฺพุเต สทฺธมฺโม น จิรฏฺิติโก โหตี’’ติ.
‘‘โก ¶ ปน, ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย เยน ตถาคเต ปรินิพฺพุเต สทฺธมฺโม จิรฏฺิติโก โหตี’’ติ? ‘‘อิธ, กิมิล, ตถาคเต ปรินิพฺพุเต ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย สตฺถริ สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา, ธมฺเม สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา, สงฺเฆ สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา, สิกฺขาย สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา, สมาธิสฺมึ สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา, อปฺปมาเท สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา, ปฏิสนฺถาเร สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา. อยํ โข, กิมิล, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน ตถาคเต ปรินิพฺพุเต สทฺธมฺโม จิรฏฺิติโก โหตี’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. สตฺตธมฺมสุตฺตํ
๖๐. ‘‘สตฺตหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นจิรสฺเสว อาสวานํ ขยา…เป… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย. กตเมหิ สตฺตหิ ¶ ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, สีลวา โหติ, พหุสฺสุโต โหติ, ปฏิสลฺลีโน โหติ, อารทฺธวีริโย โหติ, สติมา โหติ, ปฺวา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, สตฺตหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นจิรสฺเสว อาสวานํ ขยา…เป… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ. สตฺตมํ.
๘. ปจลายมานสุตฺตํ
๖๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ภคฺเคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร เภสกฬาวเน มิคทาเย. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน มคเธสุ กลฺลวาฬปุตฺตคาเม [กลฺลวาลมุตฺตคาเม (สฺยา.)] ปจลายมาโน นิสินฺโน ¶ โหติ. อทฺทสา โข ภควา ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ มคเธสุ กลฺลวาฬปุตฺตคาเม ปจลายมานํ นิสินฺนํ. ทิสฺวา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมวํ – ภคฺเคสุ สุสุมารคิเร เภสกฬาวเน มิคทาเย อนฺตรหิโต มคเธสุ กลฺลวาฬปุตฺตคาเม อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส สมฺมุเข ปาตุรโหสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. นิสชฺช โข ภควา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอตทโวจ –
‘‘ปจลายสิ โน ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, ปจลายสิ โน ตฺวํ, โมคฺคลฺลานา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ ¶ . ‘‘ตสฺมาติห, โมคฺคลฺลาน, ยถาสฺิสฺส เต วิหรโต ตํ มิทฺธํ โอกฺกมติ, ตํ สฺํ มา มนสากาสิ [มา มนสิกาสิ (สี.), มนสิ กเรยฺยาสิ (สฺยา.), มนสากาสิ (ก.)], ตํ ¶ สฺํ มา พหุลมกาสิ [ตํ สฺํ พหุลํ กเรยฺยาสิ (สฺยา.), ตํ สฺํ พหุลมกาสิ (ก.)]. านํ โข ปเนตํ, โมคฺคลฺลาน, วิชฺชติ ยํ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ’’.
‘‘โน เจ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ, ตโต ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตกฺเกยฺยาสิ อนุวิจาเรยฺยาสิ, มนสา ¶ อนุเปกฺเขยฺยาสิ. านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ.
‘‘โน เจ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ, ตโต ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กเรยฺยาสิ. านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ.
‘‘โน เจ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ, ตโต ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, อุโภ กณฺณโสตานิ อาวิฺเฉยฺยาสิ [อาวิฺเชยฺยาสิ (สี. สฺยา.)], ปาณินา คตฺตานิ อนุมชฺเชยฺยาสิ. านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ.
‘‘โน เจ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ, ตโต ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, อุฏฺายาสนา อุทเกน อกฺขีนิ อนุมชฺชิตฺวา [ปนิฺชิตฺวา (ก.)] ทิสา อนุวิโลเกยฺยาสิ ¶ , นกฺขตฺตานิ ตารกรูปานิ อุลฺโลเกยฺยาสิ. านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ.
‘‘โน เจ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ, ตโต ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, อาโลกสฺํ มนสิ กเรยฺยาสิ, ทิวาสฺํ อธิฏฺเหยฺยาสิ – ยถา ทิวา ตถา รตฺตึ ยถา รตฺตึ ตถา ทิวา. อิติ วิวเฏน [วิวฏฺเฏน (สฺยา.), มิทฺธวิคเตน (ก.)] เจตสา อปริโยนทฺเธน สปฺปภาสํ จิตฺตํ ภาเวยฺยาสิ. านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ.
‘‘โน ¶ เจ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ, ตโต ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, ปจฺฉาปุเรสฺี [ปจฺฉาปุเร ตถาสฺี (กตฺถจิ)] จงฺกมํ อธิฏฺเหยฺยาสิ อนฺโตคเตหิ อินฺทฺริเยหิ อพหิคเตน มานเสน. านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ.
‘‘โน ¶ เจ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ, ตโต ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, ทกฺขิเณน ¶ ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปยฺยาสิ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวา. ปฏิพุทฺเธน จ [ปฏิพุทฺเธเนว (สฺยา.)] เต, โมคฺคลฺลาน, ขิปฺปฺเว ปจฺจุฏฺาตพฺพํ – ‘น เสยฺยสุขํ น ปสฺสสุขํ น มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหริสฺสามี’ติ. เอวฺหิ เต, โมคฺคลฺลาน, สิกฺขิตพฺพํ.
‘‘ตสฺมาติห, โมคฺคลฺลาน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น อุจฺจาโสณฺฑํ ปคฺคเหตฺวา กุลานิ อุปสงฺกมิสฺสามี’ติ. เอวฺหิ เต, โมคฺคลฺลาน, สิกฺขิตพฺพํ. สเจ, โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ อุจฺจาโสณฺฑํ ปคฺคเหตฺวา กุลานิ อุปสงฺกมติ, สนฺติ หิ, โมคฺคลฺลาน, กุเลสุ กิจฺจกรณียานิ. เยหิ มนุสฺสา อาคตํ ภิกฺขุํ น มนสิ กโรนฺติ, ตตฺร ภิกฺขุสฺส เอวํ โหติ – ‘โกสุ นาม อิทานิ มํ อิมสฺมึ กุเล ปริภินฺทิ, วิรตฺตรูปา ทานิเม มยิ มนุสฺสา’ติ. อิติสฺส อลาเภน มงฺกุภาโว, มงฺกุภูตสฺส อุทฺธจฺจํ, อุทฺธตสฺส อสํวโร, อสํวุตสฺส อารา จิตฺตํ สมาธิมฺหา.
‘‘ตสฺมาติห, โมคฺคลฺลาน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น วิคฺคาหิกกถํ กเถสฺสามี’ติ. เอวฺหิ เต, โมคฺคลฺลาน, สิกฺขิตพฺพํ. วิคฺคาหิกาย, โมคฺคลฺลาน, กถาย สติ ¶ กถาพาหุลฺลํ ปาฏิกงฺขํ, กถาพาหุลฺเล สติ อุทฺธจฺจํ, อุทฺธตสฺส อสํวโร, อสํวุตสฺส อารา จิตฺตํ สมาธิมฺหา [นาหํ โมคฺคลาน สพฺเพเหว สมคฺคํ วณฺณยามิ คหฏฺเหิ. ปพฺพชิเตหิ โข อหํ โมคฺคลฺลาน สมคฺคํ วณฺณยามิ (ก.)]. นาหํ, โมคฺคลฺลาน, สพฺเพเหว สํสคฺคํ วณฺณยามิ. น ปนาหํ ¶ , โมคฺคลฺลาน, สพฺเพเหว สํสคฺคํ น วณฺณยามิ. สคหฏฺปพฺพชิเตหิ โข อหํ, โมคฺคลฺลาน, สํสคฺคํ น วณฺณยามิ [นาหํ โมคฺคลฺลาน สพฺเพเหว สมคฺคํ วณฺณยามิ คหฏฺเหิ, ปพฺพชิเตหิ โข อหํ โมคฺคลฺลาน สมคฺคํ วณฺณยามิ (ก.)]. ยานิ จ โข ตานิ เสนาสนานิ อปฺปสทฺทานิ อปฺปนิคฺโฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหสฺเสยฺยกานิ [มนุสฺสราหเสยฺยกานิ (สี. สฺยา.)] ปฏิสลฺลานสารุปฺปานิ ตถารูเปหิ ¶ เสนาสเนหิ สํสคฺคํ [สมคฺคํ (ก.)] วณฺณยามี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, ภิกฺขุ สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺโต โหติ อจฺจนฺตนิฏฺโ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสาโน เสฏฺโ เทวมนุสฺสาน’’นฺติ?
‘‘อิธ, โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุโน สุตํ โหติ – ‘สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายา’ติ; เอวฺเจตํ, โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุโน สุตํ โหติ – ‘สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายา’ติ. โส สพฺพํ ธมฺมํ อภิชานาติ, สพฺพํ ธมฺมํ อภิฺาย สพฺพํ ธมฺมํ ปริชานาติ. สพฺพํ ธมฺมํ ปริฺาย ¶ ยํกิฺจิ เวทนํ เวทิยติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา. โส ตาสุ เวทนาสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหรติ, วิราคานุปสฺสี วิหรติ, นิโรธานุปสฺสี วิหรติ, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี วิหรติ. โส ตาสุ เวทนาสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหรนฺโต วิราคานุปสฺสี วิหรนฺโต นิโรธานุปสฺสี วิหรนฺโต ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี วิหรนฺโต น กิฺจิ [น จ กิฺจิ (สี. สฺยา. ก.) ม. นิ. ๑.๓๙๐ ปสฺสิตพฺพํ] โลเก อุปาทิยติ, อนุปาทิยํ น ปริตสฺสติ, อปริตสฺสํ ปจฺจตฺตํเยว ปรินิพฺพายติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. เอตฺตาวตา โข, โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺโต โหติ อจฺจนฺตนิฏฺโ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสาโน เสฏฺโ เทวมนุสฺสาน’’นฺติ. อฏฺมํ.
๙. เมตฺตสุตฺตํ
๖๒. [อิติวุ. ๒๒ อิติวุตฺตเกปิ] ‘‘มา ¶ , ภิกฺขเว, ปฺุานํ ภายิตฺถ. สุขสฺเสตํ, ภิกฺขเว ¶ , อธิวจนํ ยทิทํ ปฺุานิ [ยทิทํ ปฺุนฺติ (สี.), ยทิทํ ปฺุานิ (ก.)]. อภิชานามิ โข ปนาหํ [ภิกฺขเว ทีฆรตฺตํ อิฏฺํ (สฺยา.), ภิกฺขเว ทีฆรตฺตํ ปฺุานํ อิฏฺํ (?)], ภิกฺขเว, ทีฆรตฺตํ กตานํ ปฺุานํ ทีฆรตฺตํ อิฏฺํ [ภิกฺขเว ทีฆรตฺตํ อิฏฺํ (สฺยา.), ภิกฺขเว ทีฆรตฺตํ ปฺุานํ อิฏฺํ (?)] กนฺตํ มนาปํ วิปากํ ปจฺจนุภูตํ. สตฺต วสฺสานิ เมตฺตํ จิตฺตํ ภาเวสึ ¶ . สตฺต วสฺสานิ เมตฺตํ จิตฺตํ ภาเวตฺวา สตฺต สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป นยิมํ โลกํ ปุนาคมาสึ. สํวฏฺฏมาเน สุทาหํ [สํวฏฺฏมานสฺสุทาหํ (ก.)], ภิกฺขเว, โลเก อาภสฺสรูปโค โหมิ, วิวฏฺฏมาเน โลเก สฺุํ พฺรหฺมวิมานํ อุปปชฺชามิ.
‘‘ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา โหมิ มหาพฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุทโส วสวตฺตี. ฉตฺตึสกฺขตฺตุํ โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, สกฺโก อโหสึ เทวานมินฺโท; อเนกสตกฺขตฺตุํ ราชา อโหสึ จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรนฺโต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต สตฺตรตนสมนฺนาคโต. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, อิมานิ สตฺต รตนานิ อเหสุํ, เสยฺยถิทํ – จกฺกรตนํ, หตฺถิรตนํ, อสฺสรตนํ, มณิรตนํ, อิตฺถิรตนํ, คหปติรตนํ, ปริณายกรตนเมว สตฺตมํ. ปโรสหสฺสํ โข ปน เม, ภิกฺขเว, ปุตฺตา อเหสุํ สูรา วีรงฺครูปา ปรเสนปฺปมทฺทนา. โส อิมํ ปถวึ สาครปริยนฺตํ อทณฺเฑน อสตฺเถน ธมฺเมน อภิวิชิย อชฺฌาวสิ’’นฺติ [อชฺฌาวสนฺติ (สฺยา.) อชฺฌาวสติ (สี. ก.)].
‘‘ปสฺส ปฺุานํ วิปากํ, กุสลานํ สุเขสิโน [สุเขสินํ (สี.)];
เมตฺตํ จิตฺตํ วิภาเวตฺวา, สตฺต วสฺสานิ ภิกฺขโว [ภิกฺขเว (ก.)];
สตฺตสํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป ¶ , นยิมํ โลกํ ปุนาคมึ [ปุนาคมํ (สฺยา.)].
‘‘สํวฏฺฏมาเน ¶ โลกมฺหิ, โหมิ อาภสฺสรูปโค;
วิวฏฺฏมาเน โลกสฺมึ, สฺุพฺรหฺมูปโค อหุํ.
‘‘สตฺตกฺขตฺตุํ มหาพฺรหฺมา, วสวตฺตี ตทา อหุํ;
ฉตฺตึสกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ.
‘‘จกฺกวตฺตี ¶ อหุํ ราชา, ชมฺพุมณฺฑสฺส [ชมฺพุทีปสฺส (สี.), ชมฺพุสณฺฑสฺส (สฺยา.)] อิสฺสโร;
มุทฺธาวสิตฺโต ¶ [มุทฺธาภิสิตฺโต (ก.)] ขตฺติโย, มนุสฺสาธิปตี อหุํ.
‘‘อทณฺเฑน อสตฺเถน, วิเชยฺย ปถวึ อิมํ;
อสาหเสน กมฺเมน [ธมฺเมน (สี. สฺยา.)], สเมน อนุสาสิ ตํ.
‘‘ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา, อสฺมึ ปถวิมณฺฑเล;
มหทฺธเน มหาโภเค, อฑฺเฒ อชายิหํ กุเล.
‘‘สพฺพกาเมหิ สมฺปนฺเน [สมฺปุณฺเณ (ก.)], รตเนหิ จ สตฺตหิ;
พุทฺธา สงฺคาหกา โลเก, เตหิ เอตํ สุเทสิตํ.
‘‘เอโส เหตุ มหนฺตสฺส, ปถพฺโย เม น วิปชฺชติ [เอส เหตุ มหนฺตสฺส, ปุถพฺโย เยน วุจฺจติ (สี. สฺยา.)];
ปหูตวิตฺตูปกรโณ, ราชา โหติ [โหมิ (สี. สฺยา.)] ปตาปวา.
‘‘อิทฺธิมา ยสวา โหติ [โหมิ (สี. สฺยา.)], ชมฺพุมณฺฑสฺส [ชมฺพุสณฺฑสฺส (สี. สฺยา.)] อิสฺสโร;
โก สุตฺวา นปฺปสีเทยฺย, อปิ กณฺหาภิชาติโย.
‘‘ตสฺมา ¶ หิ อตฺตกาเมน [อตฺถกาเมน (สฺยา. ก.)], มหตฺตมภิกงฺขตา;
สทฺธมฺโม ครุกาตพฺโพ, สรํ พุทฺธานสาสน’’นฺติ. นวมํ;
๑๐. ภริยาสุตฺตํ
๖๓. อถ ¶ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. เตน โข ปน สมเยน อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส นิเวสเน มนุสฺสา อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา โหนฺติ. อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ ¶ โข อนาถปิณฺฑิกํ คหปตึ ภควา เอตทโวจ –
‘‘กึ ¶ นุ เต, คหปติ, นิเวสเน มนุสฺสา อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา เกวฏฺฏา มฺเ มจฺฉวิโลเป’’ติ? ‘‘อยํ, ภนฺเต, สุชาตา ฆรสุณฺหา อฑฺฒกุลา อานีตา. สา เนว สสฺสุํ อาทิยติ, น สสุรํ อาทิยติ, น สามิกํ อาทิยติ, ภควนฺตมฺปิ น สกฺกโรติ น ครุํ กโรติ น มาเนติ น ปูเชตี’’ติ.
อถ โข ภควา สุชาตํ ฆรสุณฺหํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ, สุชาเต’’ติ! ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข สุชาตา ฆรสุณฺหา ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข สุชาตํ ฆรสุณฺหํ ภควา เอตทโวจ ¶ –
‘‘สตฺต โข อิมา, สุชาเต, ปุริสสฺส ภริยาโย. กตมา สตฺต? วธกสมา, โจรีสมา, อยฺยสมา, มาตาสมา, ภคินีสมา, สขีสมา, ทาสีสมา. อิมา โข, สุชาเต, สตฺต ปุริสสฺส ภริยาโย. ตาสํ ตฺวํ กตมา’’ติ? ‘‘น โข อหํ [นาหํ (สฺยา.)], ภนฺเต, อิมสฺส ภควตา สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิ. สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถาหํ อิมสฺส ภควตา สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ ชาเนยฺย’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, สุชาเต, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข สุชาตา ฆรสุณฺหา ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘ปทุฏฺจิตฺตา ¶ อหิตานุกมฺปินี,
อฺเสุ รตฺตา อติมฺเต ปตึ;
ธเนน กีตสฺส วธาย อุสฺสุกา,
ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา;
‘วธา จ ภริยา’ติ จ สา ปวุจฺจติ.
‘‘ยํ อิตฺถิยา วินฺทติ สามิโก ธนํ,
สิปฺปํ วณิชฺชฺจ กสึ อธิฏฺหํ;
อปฺปมฺปิ ตสฺส อปหาตุมิจฺฉติ,
ยา ¶ เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา;
‘โจรี จ ภริยา’ติ จ สา ปวุจฺจติ.
‘‘อกมฺมกามา ¶ อลสา มหคฺฆสา,
ผรุสา จ จณฺฑี ทุรุตฺตวาทินี;
อุฏฺายกานํ อภิภุยฺย วตฺตติ,
ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา;
‘อยฺยา จ ภริยา’ติ จ สา ปวุจฺจติ.
‘‘ยา ¶ สพฺพทา โหติ หิตานุกมฺปินี,
มาตาว ปุตฺตํ อนุรกฺขเต ปตึ;
ตโต ธนํ สมฺภตมสฺส รกฺขติ,
ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา;
‘มาตา จ ภริยา’ติ จ สา ปวุจฺจติ.
‘‘ยถาปิ เชฏฺา ภคินี กนิฏฺกา [กณิฏฺา (สี.), กนิฏฺา (สฺยา.)],
สคารวา โหติ สกมฺหิ สามิเก;
หิรีมนา ¶ ภตฺตุวสานุวตฺตินี,
ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา;‘ภคินี จ ภริยา’ติ จ สา ปวุจฺจติ.
‘‘ยาจีธ ทิสฺวาน ปตึ ปโมทติ,
สขี สขารํว จิรสฺสมาคตํ;
โกเลยฺยกา สีลวตี ปติพฺพตา,
ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา;
‘สขี จ ภริยา’ติ จ สา ปวุจฺจติ.
‘‘อกฺกุทฺธสนฺตา วธทณฺฑตชฺชิตา,
อทุฏฺจิตฺตา ปติโน ติติกฺขติ;
อกฺโกธนา ภตฺตุวสานุวตฺตินี,
ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา;
‘ทาสี จ ภริยา’ติ จ สา ปวุจฺจติ.
‘‘ยาจีธ ภริยา วธกาติ วุจฺจติ,
‘โจรี จ อยฺยา’ติ จ ยา ปวุจฺจติ;
ทุสฺสีลรูปา ผรุสา อนาทรา,
กายสฺส เภทา นิรยํ วชนฺติ ตา.
‘‘ยาจีธ ¶ มาตา ภคินี สขีติ จ,
‘ทาสี จ ภริยา’ติ จ สา ปวุจฺจติ;
สีเล ิตตฺตา จิรรตฺตสํวุตา,
กายสฺส เภทา สุคตึ วชนฺติ ตา’’ติ.
‘‘อิมา ¶ โข, สุชาเต, สตฺต ปุริสสฺส ภริยาโย. ตาสํ ตฺวํ กตมา’’ติ? ‘‘อชฺชตคฺเค ¶ มํ, ภนฺเต, ภควา ทาสีสมํ สามิกสฺส ภริยํ ธาเรตู’’ติ. ทสมํ.
๑๑. โกธนสุตฺตํ
๖๔. ‘‘สตฺติเม ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺมา สปตฺตกนฺตา สปตฺตกรณา โกธนํ อาคจฺฉนฺติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา. กตเม สตฺต? อิธ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห วตายํ ทุพฺพณฺโณ อสฺสา’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส วณฺณวตาย นนฺทติ. โกธโนยํ [โกธนายํ (ก.)], ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต, กิฺจาปิ โส โหติ สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ โอทาตวตฺถวสโน [โอทาตวสโน (ก.)]; อถ โข โส ทุพฺพณฺโณว โหติ โกธาภิภูโต. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม ธมฺโม สปตฺตกนฺโต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห วตายํ ทุกฺขํ สเยยฺยา’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส สุขเสยฺยาย นนฺทติ. โกธโนยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต, กิฺจาปิ โส ปลฺลงฺเก เสติ โคนกตฺถเต ปฏลิกตฺถเต กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรเณ สอุตฺตรจฺฉเท อุภโตโลหิตกูปธาเน; อถ โข โส ทุกฺขฺเว เสติ โกธาภิภูโต. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย ธมฺโม สปตฺตกนฺโต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห วตายํ น ปจุรตฺโถ อสฺสา’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส ปจุรตฺถตาย นนฺทติ ¶ . โกธโนยํ ¶ , ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต, อนตฺถมฺปิ คเหตฺวา ‘อตฺโถ เม คหิโต’ติ มฺติ ¶ , อตฺถมฺปิ คเหตฺวา ‘อนตฺโถ เม คหิโต’ติ มฺติ. ตสฺสิเม ธมฺมา อฺมฺํ วิปจฺจนีกา คหิตา ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ โกธาภิภูตสฺส. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย ธมฺโม สปตฺตกนฺโต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห วตายํ น โภควา อสฺสา’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส โภควตาย นนฺทติ. โกธนสฺส, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคลสฺส โกธาภิภูตสฺส โกธปเรตสฺส, เยปิสฺส เต โหนฺติ โภคา อุฏฺานวีริยาธิคตา ¶ พาหาพลปริจิตา เสทาวกฺขิตฺตา ธมฺมิกา ธมฺมลทฺธา, เตปิ ราชาโน ราชโกสํ ปเวเสนฺติ โกธาภิภูตสฺส. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ ธมฺโม สปตฺตกนฺโต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห วตายํ น ยสวา อสฺสา’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส ยสวตาย นนฺทติ. โกธโนยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต, โยปิสฺส โส โหติ ยโส อปฺปมาทาธิคโต, ตมฺหาปิ ธํสติ โกธาภิภูโต. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม ธมฺโม สปตฺตกนฺโต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห วตายํ น ¶ มิตฺตวา อสฺสา’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส มิตฺตวตาย นนฺทติ. โกธนํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคลํ โกธาภิภูตํ โกธปเรตํ, เยปิสฺส เต โหนฺติ มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา, เตปิ อารกา ปริวชฺชนฺติ โกธาภิภูตํ. อยํ, ภิกฺขเว, ฉฏฺโ ธมฺโม สปตฺตกนฺโต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห วตายํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺยา’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส สุคติคมเน นนฺทติ. โกธโนยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา วาจาย…เป… กายสฺส ¶ เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ โกธาภิภูโต. อยํ, ภิกฺขเว, สตฺตโม ธมฺโม สปตฺตกนฺโต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา. อิเม โข, ภิกฺขเว, สตฺต ธมฺมา สปตฺตกนฺตา สปตฺตกรณา โกธนํ อาคจฺฉนฺติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา’’ติ.
‘‘โกธโน ทุพฺพณฺโณ โหติ, อโถ ทุกฺขมฺปิ เสติ โส;
อโถ อตฺถํ คเหตฺวาน, อนตฺถํ อธิปชฺชติ [อธิคจฺฉติ (สี.), ปฏิปชฺชติ (สฺยา.)].
‘‘ตโต ¶ กาเยน วาจาย, วธํ กตฺวาน โกธโน;
โกธาภิภูโต ปุริโส, ธนชานึ นิคจฺฉติ.
‘‘โกธสมฺมทสมฺมตฺโต ¶ , อายสกฺยํ [อายสกฺขํ (สฺยา.)] นิคจฺฉติ;
าติมิตฺตา สุหชฺชา จ, ปริวชฺชนฺติ โกธนํ.
[อิติวุ. ๘๘ อิติวุตฺตเกปิ] ‘‘อนตฺถชนโน โกโธ, โกโธ จิตฺตปฺปโกปโน;
ภยมนฺตรโต ชาตํ, ตํ ชโน นาวพุชฺฌติ.
‘‘กุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, กุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ;
อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ โกโธ สหเต นรํ.
‘‘ยํ ¶ กุทฺโธ อุปโรเธติ, สุกรํ วิย ทุกฺกรํ;
ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ, อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ.
‘‘ทุมฺมงฺกุยํ ปทสฺเสติ [สทสฺเสติ (สี.), ปมํ ทสฺเสติ (สฺยา.)], ธูมํ ธูมีว ปาวโก;
ยโต ปตายติ โกโธ, เยน กุชฺฌนฺติ มานวา.
‘‘นาสฺส หิรี น โอตฺตปฺปํ [น อสฺส หิรี โอตฺตปฺปฺจ (ก.)], น วาโจ โหติ คารโว;
โกเธน อภิภูตสฺส, น ทีปํ โหติ กิฺจนํ.
‘‘ตปนียานิ กมฺมานิ, ยานิ ธมฺเมหิ อารกา;
ตานิ อาโรจยิสฺสามิ, ตํ สุณาถ ยถา ตถํ.
‘‘กุทฺโธ หิ ปิตรํ หนฺติ, หนฺติ กุทฺโธ สมาตรํ;
กุทฺโธ หิ พฺราหฺมณํ หนฺติ, หนฺติ กุทฺโธ ปุถุชฺชนํ.
‘‘ยาย ¶ ¶ มาตุ ภโต โปโส, อิมํ โลกํ อเวกฺขติ;
ตมฺปิ ปาณททึ สนฺตึ, หนฺติ กุทฺโธ ปุถุชฺชโน.
‘‘อตฺตูปมา หิ เต สตฺตา, อตฺตา หิ ปรโม [ปรมํ (สี. สฺยา.)] ปิโย;
หนฺติ ¶ กุทฺโธ ปุถุตฺตานํ, นานารูเปสุ มุจฺฉิโต.
‘‘อสินา หนฺติ อตฺตานํ, วิสํ ขาทนฺติ มุจฺฉิตา;
รชฺชุยา พชฺฌ มียนฺติ, ปพฺพตามปิ กนฺทเร.
‘‘ภูนหจฺจานิ ¶ [ภูตหจฺจานิ (สี. สฺยา.)] กมฺมานิ, อตฺตมารณิยานิ จ;
กโรนฺตา นาวพุชฺฌนฺติ [กโรนฺโต นาวพุชฺฌติ (ก.)], โกธชาโต ปราภโว.
‘‘อิตายํ โกธรูเปน, มจฺจุปาโส คุหาสโย;
ตํ ทเมน สมุจฺฉินฺเท, ปฺาวีริเยน ทิฏฺิยา.
‘‘ยถา เมตํ [เอกเมตํ (สฺยา.), เอกเมตํ (สี.)] อกุสลํ, สมุจฺฉินฺเทถ ปณฺฑิโต;
ตเถว ธมฺเม สิกฺเขถ, มา โน ทุมฺมงฺกุยํ อหุ.
‘‘วีตโกธา อนายาสา, วีตโลภา อนุสฺสุกา [อนิสฺสุกา (สี. สฺยา.) ตทฏฺกถาสุ ปน ‘‘อนุสฺสุกา’’ ตฺเวว ทิสฺสติ];
ทนฺตา โกธํ ปหนฺตฺวาน, ปรินิพฺพนฺติ อนาสวา’’ติ [ปรินิพฺพิสฺสถนาสวาติ (สฺยา.), ปรินิพฺพึสุ อนาสวาติ (ก.)]. เอกาทสมํ;
อพฺยากตวคฺโค ฉฏฺโ.
ตสฺสุทฺทานํ –
อพฺยากโต ปุริสคติ, ติสฺส สีห อรกฺขิยํ;
กิมิลํ สตฺต ปจลา, เมตฺตา ภริยา โกเธกาทสาติ.