📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

องฺคุตฺตรนิกาเย

ปฺจกนิปาต-ฏีกา

๑. ปมปณฺณาสกํ

๑. เสขพลวคฺโค

๑. สํขิตฺตสุตฺตวณฺณนา

. ปฺจกนิปาตสฺส ปเม กามํ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาโวปิ พลฏฺโ เอว, ปฏิปกฺเขหิ ปน อกมฺปนียตฺตํ สาติสยํ พลฏฺโติ วุตฺตํ – ‘‘อสฺสทฺธิเย น กมฺปตี’’ติ.

สํขิตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒-๖. วิตฺถตสุตฺตาทิวณฺณนา

๒-๖. ทุติเย หิรียตีติ ลชฺชติ วิรชฺชติ. ยสฺมา หิรี ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณา, ตสฺมา ‘‘ชิคุจฺฉตีติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. โอตฺตปฺปตีติ อุตฺรสติ. ปาปุตฺราสลกฺขณฺหิ โอตฺตปฺปํ.

ปคฺคหิตวีริโยติ สงฺโกจํ อนาปนฺนวีริโย. เตนาห ‘‘อโนสกฺกิตมานโส’’ติ. ปหานตฺถายาติ สมุจฺฉินฺนตฺถาย. กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทา นาม สมธิคโม เอวาติ อาห ‘‘ปฏิลาภตฺถายา’’ติ.

คติอตฺถา ธาตุสทฺทา พุทฺธิอตฺถา โหนฺตีติ อาห ‘‘อุทยฺจ วยฺจ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถายา’’ติ. มิสฺสกนเยนายํ เทสนา คตาติ อาห ‘‘วิกฺขมฺภนวเสน จ สมุจฺเฉทวเสน จา’’ติ. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาปฺาย เจว มคฺคปฺาย จา’’ติ. วิปสฺสนาปฺาย วิกฺขมฺภนกิริยโต สา จ โข ปเทสิกาติ นิปฺปเทสิกํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘มคฺคปฺาย ปฏิลาภสํวตฺตนโต’’ติ วุตฺตํ. ทุกฺขกฺขยคามินิภาเวปิ เอเสว นโย. สมฺมาติ ยาถาวโต. อกุปฺปธมฺมตาย หิ มคฺคปฺาย เขปิตํ เขปิตเมว, นาสฺส ปุน เขปนกิจฺจํ อตฺถีติ อุปาเยน าเยน สา ปวตฺตตีติ อาห ‘‘เหตุนา นเยนา’’ติ. ตติยาทีสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

วิตฺถตสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. กามสุตฺตวณฺณนา

. สตฺตเม อสนฺติ ลูนนฺติ เตนาติ อสิตํ, ทาตฺตํ. วิวิธา อาภฺชนฺติ ภารํ โอลมฺเพนฺติ เตนาติ พฺยาภงฺคี, วิธํ. กุลปุตฺโตติ เอตฺถ ทุวิโธ กุลปุตฺโต ชาติกุลปุตฺโต, อาจารกุลปุตฺโต จ. ตตฺถ ‘‘เตน โข ปน สมเยน รฏฺปาโล นาม กุลปุตฺโต ตสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺิเก อคฺคกุลิกสฺส ปุตฺโต’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๙๔) เอวํ อาคโต อุจฺจกุลปฺปสุโต ชาติกุลปุตฺโต นาม. ‘‘เย เต กุลปุตฺตา สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๔) เอวํ อาคตา ปน ยตฺถ กตฺถจิ กุเล ปสุตาปิ อาจารสมฺปนฺนา อาจารกุลปุตฺโต นาม. อิธ ปน อาจารกุลปุตฺโต อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘กุลปุตฺโตติ อาจารกุลปุตฺโต’’ติ. ยุตฺตนฺติ อนุจฺฉวิกํ, เอวํ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

กามสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. จวนสุตฺตวณฺณนา

. อฏฺเม สทฺธายาติ อิมินา อธิคมสทฺธา ทสฺสิตา. จตุพฺพิธา หิ สทฺธา – อาคมนียสทฺธา, อธิคมสทฺธา, ปสาทสทฺธา, โอกปฺปนสทฺธาติ. ตตฺถ อาคมนียสทฺธา สพฺพฺุโพธิสตฺตานํ ปวตฺตา โหติ. อาคมนียปฺปฏิปทาย อาคตา หิ สทฺธา สาติสยา มหาโพธิสตฺตานํ ปโรปเทเสน วินา สทฺเธยฺยวตฺถุํ อวิปรีตโต คเหตฺวา อธิมุจฺจนโต. สจฺจปฺปฏิเวธโต อาคตสทฺธา อธิคมสทฺธา สุปฺปพุทฺธาทีนํ วิย. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติอาทินา พุทฺธาทีสุ อุปฺปชฺชนกปฺปสาโท ปสาทสทฺธา มหากปฺปินราชาทีนํ วิย. ‘‘เอวเมต’’นฺติ โอกฺกนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา สทฺทหนวเสน กปฺปนํ โอกปฺปนํ, ตเทว สทฺธาติ โอกปฺปนสทฺธา. ตตฺถ ปสาทสทฺธา ปรเนยฺยรูปา โหติ, สวนมตฺเตนปิ ปสีทนโต. โอกปฺปนสทฺธา สทฺเธยฺยํ วตฺถุํ โอคาหิตฺวา อนุปวิสิตฺวา ‘‘เอวเมต’’นฺติ ปจฺจกฺขํ กโรนฺตี วิย ปวตฺตติ.

จวนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปมอคารวสุตฺตวณฺณนา

. นวเม อปฺปติสฺสโยติ อปฺปติสฺสโว ว-การสฺส ย-การํ กตฺวา นิทฺเทโส. ครุนา กิสฺมิฺจิ วุตฺโต คารววเสน ปติสฺสวนํ, ปติสฺสโว, ปติสฺสวภูตํ, ตํสภาวฺจ ยํ กิฺจิ คารวํ. นตฺถิ เอตสฺมึ ปติสฺสโวติ อปฺปติสฺสโว, คารววิรหิโต. เตนาห ‘‘อเชฏฺโก อนีจวุตฺตี’’ติ.

ปมอคารวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทุติยอคารวสุตฺตวณฺณนา

๑๐. ทสเม วุทฺธินฺติอาทีสุ สีเลน วุทฺธึ, มคฺเคน วิรุฬฺหึ, นิพฺพาเนน เวปุลฺลํ. สีลสมาธีหิ วา วุทฺธึ, วิปสฺสนามคฺเคหิ วิรุฬฺหึ, ผลนิพฺพาเนหิ เวปุลฺลํ. เอตฺถ จ ยสฺส จตุพฺพิธํ สีลํ อขณฺฑาทิภาวปฺปวตฺติยา สุปริสุทฺธํ วิเสสภาคิยตฺตา อปฺปกสิเรเนว มคฺคผลาวหํ สงฺฆรกฺขิตตฺเถรสฺส วิย, โส ตาทิเสน สีเลน อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ อาปชฺชิสฺสติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สีเลน วุทฺธิ’’นฺติ. ยสฺส ปน อริยมคฺโค อุปฺปนฺโน, โส วิรูฬฺหมูโล วิย ปาทโป สุปฺปติฏฺิตตฺตา สาสเน วิรูฬฺหึ อาปนฺโน นาม โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘มคฺเคน วิรูฬฺหิ’’นฺติ. โย สพฺพกิเลสนิพฺพานปฺปตฺโต, โส อรหา สีลาทิธมฺมกฺขนฺธปาริปูริยา สติ เวปุลฺลปฺปตฺโต โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘นิพฺพาเนน เวปุลฺล’’นฺติ. ทุติยวิกปฺเป อตฺโถ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺโพ.

ทุติยอคารวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

เสขพลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.