📜

(๑๕) ๕. ติกณฺฑกีวคฺโค

๑. อวชานาติสุตฺตวณฺณนา

๑๔๑. ปฺจมสฺส ปเม ทตฺวา อวชานาตีติ เอตฺถ เอโก ภิกฺขุ มหาปุฺโ จตุปจฺจยลาภี โหติ, โส จีวราทีนิ ลภิตฺวา อฺํ อปฺปปุฺํ อาปุจฺฉติ. โสปิ ตสฺมึ ปุนปฺปุนํ อาปุจฺฉนฺเตปิ คณฺหาติเยว. อถสฺส อิตโร โถกํ กุปิโต หุตฺวา มงฺกุภาวํ อุปฺปาเทตุกาโม วทติ ‘‘อยํ อตฺตโน ธมฺมตาย จีวราทีนิ น ลภติ, อมฺเห นิสฺสาย ลภตี’’ติ. เอวมฺปิ ทตฺวา อวชานาติ นาม. เอโก ปน เอเกน สทฺธึ ทฺเว ตีณิ วสฺสานิ วสนฺโต ปุพฺเพ ตํ ปุคฺคลํ ครุํ กตฺวา คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล จิตฺตีการํ น กโรติ, อาสนนิสินฺนฏฺานมฺปิ น คจฺฉติ. อยมฺปิ ปุคฺคโล สํวาเสน อวชานาติ นาม. อาเธยฺยมุโขติ อาทิโต เธยฺยมุโข, ปมวจนสฺมึเยว ปิตมุโขติ อตฺโถ. ตตฺถายํ นโย – เอโก ปุคฺคโล สารุปฺปํเยว ภิกฺขุํ ‘‘อสารุปฺโป เอโส’’ติ กเถติ. ตํ สุตฺวา เอส นิฏฺํ คจฺฉติ, ปุน อฺเน สภาเคน ภิกฺขุนา ‘‘สารุปฺโป อย’’นฺติ วุตฺเตปิ ตสฺส วจนํ น คณฺหาติ. อสุเกน นาม ‘‘อสารุปฺโป อย’’นฺติ อมฺหากํ กถิตนฺติ ปุริมภิกฺขุโนว กถํ คณฺหาติ. อปโรปิสฺส ทุสฺสีลํ ‘‘สีลวา’’ติ กเถติ. ตสฺส วจนํ สทฺทหิตฺวา ปุน อฺเน ‘‘อสารุปฺโป เอโส ภิกฺขุ, นายํ ตุมฺหากํ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺโต’’ติ วุตฺเตปิ ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา ปุริมํเยว กถํ คณฺหาติ. อปโร วณฺณมฺปิ กถิตํ คณฺหาติ, อวณฺณมฺปิ กถิตํ คณฺหาติเยว. อยมฺปิ อาเธยฺยมุโขเยว นาม อาธาตพฺพมุโข, ยํ ยํ สุณาติ, ตตฺถ ตตฺถ ปิตมุโขติ อตฺโถ.

โลโลติ สทฺธาทีนํ อิตฺตรกาลปฺปติตตฺตา อสฺสทฺธิยาทีหิ ลุลิตภาเวน โลโล. อิตฺตรภตฺตีติอาทีสุ ปุนปฺปุนํ ภชเนน สทฺธาว ภตฺติเปมํ. สทฺธาเปมมฺปิ เคหสฺสิตเปมมฺปิ วฏฺฏติ, ปสาโท สทฺธาปสาโท. เอวํ ปุคฺคโล โลโล โหตีติ เอวํ อิตฺตรสทฺธาทิตาย ปุคฺคโล โลโล นาม โหติ. หลิทฺทิราโค วิย, ถุสราสิมฺหิ โกฏฺฏิตขานุโก วิย, อสฺสปิฏฺิยํ ปิตกุมฺภณฺฑํ วิย จ อนิพทฺธฏฺาเน มุหุตฺเตน กุปฺปติ. มนฺโท โมมูโหติ อฺาณภาเวน มนฺโท, อวิสยตาย โมมูโห, มหามูฬฺโหติ อตฺโถ.

อวชานาติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒-๓. อารภติสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๔๒-๓. ทุติเย อารภตีติ เอตฺถ อารมฺภ-สทฺโท กมฺมกิริยหึสนวีริยโกปนาปตฺติวีติกฺกเมสุ วตฺตติ. ตถา เหส ‘‘ยํ กิฺจิ ทุกฺขํ สมฺโภติ, สพฺพํ อารมฺภปจฺจยา’’ติ (สุ. นิ. ๗๔๙) กมฺเม อาคโต. ‘‘มหารมฺภา มหายฺา, น เต โหนฺติ มหปฺผลา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๒๐; อ. นิ. ๔.๓๙) กิริยาย. ‘‘สมณํ โคตมํ อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๕๑) หึสเน. ‘‘อารมฺภถ นิกฺขมถ, ยุฺชถ พุทฺธสาสเน’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๘๕; เนตฺติ. ๒๙; เปฏโก. ๓๘; มิ. ป. ๕.๑.๔) วีริเย. ‘‘พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฏิวิรโต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๕; ม. นิ. ๑.๒๙๓) โกปเน. ‘‘อารภติ จ วิปฺปฏิสารี จ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๔๒; ปุ. ป. ๑๙๑) อยํ ปน อาปตฺติวีติกฺกเม อาคโต, ตสฺมา อาปตฺติวีติกฺกมวเสน อารภติ เจว, ตปฺปจฺจยา จ วิปฺปฏิสารี โหตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ยถาภูตํ นปฺปชานาตีติ อนธิคตตฺตา ยถาสภาวโต น ชานาติ. ยตฺถสฺสาติ ยสฺมึ อสฺส, ยํ านํ ปตฺวา เอตสฺส ปุคฺคลสฺส อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตีติ อตฺโถ. กึ ปน ปตฺวา เต นิรุชฺฌนฺตีติ? อรหตฺตมคฺคํ, ผลปฺปตฺตสฺส ปน นิรุทฺธา นาม โหนฺติ. เอวํ สนฺเตปิ อิธ มคฺคกิจฺจวเสน ปน ผลเมว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

อารภตี น วิปฺปฏิสารี โหตีติ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, ตํ ปเนส เทเสตุํ สภาคปุคฺคลํ ปริเยสติ, ตสฺมา น วิปฺปฏิสารี โหติ. น อารภติ วิปฺปฏิสารี โหตีติ อาปตฺตึ น อาปชฺชติ, วินยปฺตฺติยํ ปน อโกวิทตฺตา อนาปตฺติยา อาปตฺติสฺี หุตฺวา วิปฺปฏิสารี โหตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ‘‘น อารภติ น วิปฺปฏิสารี โหตี’’ติ โย วุตฺโต, กตโร โส ปุคฺคโล? โอสฺสฏฺวีริยปุคฺคโล. โส หิ ‘‘กึ เม อิมสฺมึ กาเล ปรินิพฺพาเนน, อนาคเต เมตฺเตยฺยสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ วิสุทฺธสีโลปิ ปฏิปตฺตึ น ปูเรติ. โส หิ ‘‘กิมตฺถํ อายสฺมา ปมตฺโต วิหรติ, ปุถุชฺชนสฺส นาม คติ อนิพทฺธา, ตสฺมา หิ เมตฺเตยฺยสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สมฺมุขีภาวํ ลเภยฺยาสิ, อรหตฺตตฺถาย วิปสฺสนํ ภาเวหี’’ติ โอวทิตพฺโพว.

สาธูติ อายาจนตฺเถ นิปาโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยาว อปรทฺธํ วต อายสฺมตา, เอวํ สนฺเตปิ มยํ อายสฺมนฺตํ ยาจาม, เทเสตพฺพยุตฺตกสฺส เทสนาย, วุฏฺาตพฺพยุตฺตกสฺส วุฏฺาเนน, อาวิกาตพฺพยุตฺตกสฺส อาวิกิริยาย อารมฺภเช อาสเว ปหาย สุทฺธนฺเต ิตภาวปจฺจเวกฺขเณน วิปฺปฏิสารเช อาสเว ปฏิวิโนเทตฺวา นีหริตฺวา วิปสฺสนาจิตฺตฺเจว วิปสฺสนาปฺฺจ วฑฺเฒตูติ. อมุนา ปฺจเมน ปุคฺคเลนาติ เอเตน ปฺจเมน ขีณาสวปุคฺคเลน. สมสโม ภวิสฺสตีติ โลกุตฺตรคุเณหิ สมภาเวเนว สโม ภวิสฺสตีติ เอวํ ขีณาสเวน โอวทิตพฺโพติ อตฺโถ. ตติยํ อุตฺตานเมว.

อารภติสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔-๖. ติกณฺฑกีสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๔๔-๖. จตุตฺเถ ปฏิกูเลติ อมนุฺเ อนิฏฺเ. อปฺปฏิกูลสฺีติ อิฏฺากาเรเนว ปวตฺตจิตฺโต. อิฏฺสฺมึ วตฺถุสฺมึ อสุภาย วา ผรติ, อนิจฺจโต วา อุปสํหรติ อุปเนติ ปวตฺเตติ. อนิฏฺสฺมึ วตฺถุสฺมินฺติ อนิฏฺเ สตฺตสฺิเต อารมฺมเณ. เมตฺตาย วา ผรตีติ เมตฺตํ หิเตสิตํ อุปสํหรนฺโต สพฺพตฺถกเมว วา ตตฺถ ผรติ. ธาตุโต วา อุปสํหรตีติ ธมฺมสภาวจินฺตเนน ธาตุโต ปจฺจเวกฺขณาย ธาตุมนสิการํ วา ตตฺถ ปวตฺเตติ. ตทุภยํ อภินิวชฺเชตฺวาติ สภาวโต อานุภาวโต จ อุปติฏฺนฺตํ อารมฺมเณ ปฏิกูลภาวํ อปฺปฏิกูลภาวฺจาติ ตํ อุภยํ ปหาย อคฺคเหตฺวา, สพฺพสฺมึ ปน ตสฺมึ มชฺฌตฺโต หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. มชฺฌตฺโต หุตฺวา วิหริตุกาโม ปน กึ กโรตีติ? อิฏฺานิฏฺเสุ อาปาถํ คเตสุ เนว โสมนสฺสิโต โหติ, น โทมนสฺสิโต โหติ. อุเปกฺขโก วิหเรยฺยาติ อิฏฺเ อรชฺชนฺโต อนิฏฺเ อทุสฺสนฺโต ยถา อฺเ อสมเปกฺขเนน โมหํ อุปฺปาเทนฺติ, เอวํ อนุปฺปาเทนฺโต ฉสุ อารมฺมเณสุ ฉฬงฺคุเปกฺขาย อุเปกฺขโก วิหเรยฺย. เตเนวาห ‘‘ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน ปฺจโม’’ติ. อิฏฺานิฏฺฉฬารมฺมณาปาเถ ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนลกฺขณาย ฉสุ ทฺวาเรสุ ปวตฺตนโต ‘‘ฉฬงฺคุเปกฺขา’’ติ ลทฺธนามาย ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย วเสน ปฺจโม วาโร วุตฺโตติ อตฺโถ. ปฺจมํ ฉฏฺฺจ อุตฺตานเมว.

ติกณฺฑกีสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗-๑๐. อสปฺปุริสทานสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๔๗-๑๕๐. สตฺตเม อสกฺกจฺจนฺติ อนาทรํ กตฺวา. เทยฺยธมฺมสฺส อสกฺกจฺจกรณํ นาม อสมฺปนฺนํ กโรตีติ อาห ‘‘น สกฺกริตฺวา สุจึ กตฺวา เทตี’’ติ, อุตฺตณฺฑุลาทิโทสวิรหิตํ สุจิสมฺปนฺนํ กตฺวา น เทตีติ อตฺโถ. อจิตฺตีกตฺวาติ น จิตฺเต กตฺวา, น ปูเชตฺวาติ อตฺโถ. ปูเชนฺโต หิ ปูเชตพฺพวตฺถุํ จิตฺเต เปติ, น ตโต พหิ กโรติ. จิตฺตํ วา อจฺฉริยํ กตฺวา ปฏิปตฺติวิกรณํ สมฺภาวนกิริยา, ตปฺปฏิกฺเขปโต อจิตฺตีกรณํ อสมฺภาวนกิริยา. อคารเวน เทตีติ ปุคฺคเล อครุํ กโรนฺโต นิสีทนฏฺาเน อสมฺมชฺชิตฺวา ยตฺถ วา ตตฺถ วา นิสีทาเปตฺวา ยํ วา ตํ วา อาธารกํ เปตฺวา ทานํ เทติ. อสหตฺถาติ น อตฺตโน หตฺเถน เทติ, ทาสกมฺมกโรทีหิ ทาเปติ. อปวิทฺธํ เทตีติ อนฺตรา อปวิทฺธํ วิจฺเฉทํ กตฺวา เทติ. เตนาห ‘‘น นิรนฺตรํ เทตี’’ติ. อถ วา อปวิทฺธํ เทตีติ อุจฺฉิฏฺาทิฉฑฺฑนียธมฺมํ วิย อวกฺขิตฺตกํ กตฺวา เทติ. เตนาห ‘‘ฉฑฺเฑตุกาโม วิย เทตี’’ติ. ‘‘อทฺธา อิมสฺส ทานสฺส ผลเมว อาคจฺฉตี’’ติ เอวํ ยสฺส กมฺมสฺสกตาทิฏฺิ อตฺถิ, โส อาคมนทิฏฺิโก, อยํ ปน น ตาทิโสติ อนาคมนทิฏฺิโก. เตนาห ‘‘กตสฺส นาม ผลํ อาคมิสฺสตี’’ติอาทิ. อฏฺมาทีสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

อสปฺปุริสทานสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

ติกณฺฑกีวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ตติยปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.

๔. จตุตฺถปณฺณาสกํ