📜
๕. ธมฺมิกวคฺโค
๑. นาคสุตฺตวณฺณนา
๔๓. ปฺจมสฺส ปเม ปริสิฺจิตุนฺติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๗๒) โย จุณฺณมตฺติกาทีหิ คตฺตานิ อุพฺพฏฺเฏนฺโต มลฺลกมุฏฺาทีหิ วา ฆํสนฺโต นหายติ, โส ‘‘นหายตี’’ติ วุจฺจติ. โย ตถา อกตฺวา ปกติยาว นหายติ, โส ‘‘ปริสิฺจตี’’ติ วุจฺจติ ¶ . ภควโต จ สรีเร ตถา หริตพฺพํ รโชชลฺลํ นาม นุปลิมฺปติ อจฺฉฉวิภาวโต, อุตุคฺคหณตฺถํ ปน ภควา เกวลํ อุทเก โอตรติ. เตนาห ‘‘คตฺตานิ ปริสิฺจิตุ’’นฺติ.
ปุพฺพโกฏฺโกติ ปาจีนโกฏฺโก. สาวตฺถิยํ กิร เชตวนวิหาโร กทาจิ มหา, กทาจิ ขุทฺทโก. ตถา หิ โส วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล โยชนิโก อโหสิ, สิขิสฺส ติคาวุโต, เวสฺสภุสฺส อฑฺฒโยชนิโก, กกุสนฺธสฺส คาวุตปฺปมาโณ, โกณาคมนสฺส อฑฺฒคาวุตปฺปมาโณ, กสฺสปสฺส วีสติอุสภปฺปมาโณ, อมฺหากํ ภควโต กาเล อฏฺกรีสปฺปมาโณ ชาโต. ตมฺปิ นครํ ตสฺส วิหารสฺส กทาจิ ปาจีนโต โหติ, กทาจิ ทกฺขิณโต, กทาจิ ปจฺฉิมโต, กทาจิ อุตฺตรโต. เชตวนคนฺธกุฏิยํ ปน จตุนฺนํ มฺจปาทานํ ปติฏฺิตฏฺานํ อจลเมว. จตฺตาริ หิ อจลเจติยฏฺานานิ นาม มหาโพธิปลฺลงฺกฏฺานํ, อิสิปตเน ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฏฺานํ, สงฺกสฺสนคเร เทโวโรหนกาเล โสปานสฺส ปติฏฺานฏฺานํ, มฺจปาทฏฺานนฺติ. อยํ ปน ปุพฺพโกฏฺโก กสฺสปทสพลสฺส วีสติอุสภวิหารกาเล ปาจีนทฺวารโกฏฺโก อโหสิ. โส อิทานิ ‘‘ปุพฺพโกฏฺโก’’ตฺเวว ปฺายติ.
กสฺสปทสพลสฺส ¶ กาเล อจิรวตี นครํ ปริกฺขิปิตฺวา สนฺทมานา ปุพฺพโกฏฺกํ ปตฺวา อุทเกน ภินฺทิตฺวา มหนฺตํ อุทกรหทํ มาเปสิ สมติตฺติกํ อนุปุพฺพคมฺภีรํ. ตตฺถ เอกํ รฺโ นฺหานติตฺถํ, เอกํ นาครานํ, เอกํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส, เอกํ พุทฺธานนฺติ เอวํ ปาฏิเอกฺกานิ นฺหานติตฺถานิ โหนฺติ รมณียานิวิปฺปกิณฺณรชตปฏฺฏสทิสวาลุกานิ. อิติ ภควตา อายสฺมตา อานนฺเทน สทฺธึ เยน อยํ เอวรูโป ปุพฺพโกฏฺโก, เตนุปสงฺกมิ คตฺตานิ ปริสิฺจิตุํ. อถายสฺมา อานนฺโท อุทกสาฏิกํ อุปนาเมสิ. ภควา สุรตฺตทุปฏฺฏํ อปเนตฺวา อุทกสาฏิกํ นิวาเสสิ. เถโร ทุปฏฺเฏน สทฺธึ มหาจีวรํ อตฺตโน หตฺถคตํ อกาสิ. ภควา อุทกํ โอตริ, สโหตรเณเนวสฺส อุทเก มจฺฉกจฺฉปา สพฺเพ สุวณฺณวณฺณา อเหสุํ, ยนฺตนาฬิกาหิ สุวณฺณรสธารานิ สิฺจนกาโล วิย สุวณฺณปฏปฺปสารณกาโล วิย จ อโหสิ. อถ ภควโต นหานวตฺตํ ทสฺเสตฺวา ปจฺจุตฺติณฺณสฺส เถโร สุรตฺตทุปฏฺฏํ อุปนาเมสิ. ภควา ตํ นิวาเสตฺวา วิชฺชุลฺลตาสทิสํ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา มหาจีวรํ อนฺตนฺเตน สํหริตฺวา ปทุมคพฺภสทิสํ กตฺวา อุปนีตํ ทฺวีสุ กณฺเณสุ คเหตฺวา อฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุพฺพโกฏฺเก คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา เอกจีวโร อฏฺาสี’’ติ.
เอวํ ิตสฺส ปน ภควโต สรีรํ วิกสิตปทุมปุปฺผสทิสํ สพฺพปาลิผุลฺลํ ปาริจฺฉตฺตกํ, ตารามรีจิวิกสิตฺจ คคนตลํ สิริยา อวหสมานํ วิย วิโรจิตฺถ, พฺยามปฺปภาปริกฺเขปวิลาสินี ¶ จสฺส ทฺวตฺตึสวรลกฺขณมาลา คนฺถิตฺวา ปิตา ทฺวตฺตึส จนฺทิมา วิย, ทฺวตฺตึส สูริยา วิย, ปฏิปาฏิยา ปิตทฺวตฺตึสจกฺกวตฺติทฺวตฺตึสเทวราชทฺวตฺตึสมหาพฺรหฺมาโน วิย จ อติวิย วิโรจิตฺถ. ยสฺมา จ ภควโต สรีรํ สุธนฺตจามีกรสมานวณฺณํ, สุปริโสธิตปวาฬรุจิรโตรณํ, สุวิสุทฺธนีลรตนาวลิสทิสเกสตนุรุหํ, ตสฺมา ตหํ ตหํ วินิคฺคตสุชาตชาติหิงฺคุลกรสูปโสภิตํ อุปริ สตเมฆรตนาวลิสุจฺฉาทิตํ ชงฺคมมิว กนกคิริสิขรํ วิโรจิตฺถ. ตสฺมิฺจ สมเย ทสพลสฺส สรีรโต นิกฺขมิตฺวา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย สมนฺตโต อสีติหตฺถปฺปมาเณ ปเทเส อาธาวนฺตี วิธาวนฺตี รตนาวลิรตนทามรตนจุณฺณวิปฺปกิณฺณํ วิย ปสาริตรตนจิตฺตกฺจนปฏฺฏมิว อาสิฺจมานลาขารสธาราจิตฺตมิว อุกฺกาสตนิปาตสมากุลมิว นิรนฺตรวิปฺปกิณฺณกณิการกิงฺกิณิกปุปฺผมิว วายุเวคสมุทฺธตจินปิฏฺจุณฺณรฺชิตมิว ¶ อินฺทธนุวิชฺชุลฺลตาวิตานสนฺถตมิว จ คคนตลํ, ตํ านํ ปวนฺจ สมฺมา ผรนฺติ. วณฺณภูมิ นาเมสา. เอวรูเปสุ าเนสุ พุทฺธานํ สรีรวณฺณํ วา คุณวณฺณํ วา จุณฺณิยปเทหิ วา คาถาหิ วา อตฺถฺจ อุปมาโย จ การณานิ จ อาหริตฺวา ปฏิพเลน ธมฺมกถิเกน ปูเรตฺวา กเถตุํ วฏฺฏติ. เอวรูเปสุ หิ าเนสุ ธมฺมกถิกสฺส ถาโม เวทิตพฺโพ. ปุพฺพสทิสานิ กุรุมาโนติ นิรุทกานิ กุรุมาโน, สุกฺขาปยมาโนติ อตฺโถ. โสทเก คตฺเต จีวรํ ปารุปนฺตสฺส หิ จีวเร กณฺณิกานิ อุฏฺหนฺติ, ปริกฺขารภณฺฑํ ทุสฺสติ, พุทฺธานํ ปน สรีเร รโชชลฺลํ น อุปลิมฺปติ, ปทุมปตฺเต อุกฺขิตฺตอุทกพินฺทุ วิย อุทกํ วินิวฏฺเฏตฺวา คจฺฉติ. เอวํ สนฺเตปิ สิกฺขาคารวตาย ภควา ‘‘ปพฺพชิตวตฺตํ นาเมต’’นฺติ มหาจีวรํ อุโภสุ กณฺเณสุ คเหตฺวา ปุรโต กายํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อฏฺาสิ.
ตาฬิตฺจ วาทิตฺจ ตาฬิตวาทิตํ, ตูริยานํ ตาฬิตวาทิตํ ตูริยตาฬิตวาทิตํ. มหนฺตฺจ ตํ ตูริยตาฬิตวาทิตฺจาติ มหาตูริยตาฬิตวาทิตํ. เตนาห ‘‘มหนฺเตนา’’ติอาทิ. อถ วา เภริมุทิงฺคปณวาทิตูริยานํ ตาฬิตํ วีณาเวฬุโคมุขิอาทีนํ วาทิตฺจ ตูริยตาฬิตวาทิตนฺติ วา เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อภิฺาปารํ คโตติ อภิฺาปารคู. เอวํ เสเสสุปิ. โส หิ ภควา สพฺพธมฺเม อภิชานนฺโต คโตติ อภิฺาปารคู. เตสุ ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ ปริชานนฺโต คโตติ ปริฺาปารคู. สพฺพกิเลเส ปชหนฺโต คโตติ ปหานปารคู. จตฺตาโร มคฺเค ภาเวนฺโต คโตติ ภาวนาปารคู. นิโรธํ สจฺฉิกโรนฺโต คโตติ สจฺฉิกิริยาปารคู. สพฺพสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺโต คโตติ สมาปตฺติปารคู. สุพฺรหฺมเทวปุตฺตาทโยติ เอตฺถ โส กิร เทวปุตฺโต อจฺฉราสงฺฆปริวุโต นนฺทนกีฬิตํ กตฺวา ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. ตํ ปฺจสตา ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา ¶ , ปฺจสตา รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา มธุรสฺสเรน คายิตฺวา ปุปฺผานิ ปาเตนฺติ. ตานิ คเหตฺวา อิตรา เอกโตวณฺฏิกมาลาว คนฺเถนฺติ. อถ รุกฺขํ อภิรุฬฺหา อุปจฺเฉทกวเสน เอกปฺปหาเรเนว กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺตา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺติ. อถ กาเล คจฺฉนฺเต เทวปุตฺโต ‘‘อิมาสํ เนว สทฺโท สุยฺยติ ¶ , น ปุปฺผานิ ปาเตนฺติ, กหํ นุ โข คตา’’ติ อาวชฺเชนฺโต นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ ทิสฺวา ปิยวตฺถุกโสเกน รุปฺปมาโน จินฺเตสิ – ‘‘เอตา ตาว ยถากมฺเมน คตา, มยฺหํ อายุสงฺขาโร กิตฺตโก’’ติ. โส ‘‘สตฺตเม ทิวเส มยาปิ อวเสสาหิ ปฺจสตาหิ สทฺธึ กาลํ กตฺวา ตตฺเถว นิพฺพตฺติตพฺพ’’นฺติ ทิสฺวา พลวตเรน โสเกน สมปฺปิโต. ‘‘อิมํ มยฺหํ โสกํ สเทวเก โลเก อฺตฺร ตถาคตา นิพฺพาเปตุํ สมตฺโถ นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต –
‘‘นิจฺจํ อุตฺรสฺตมิทํ จิตฺตํ, นิจฺจํ อุพฺพิคฺคมิทํ มโน;
อนุปฺปนฺเนสุ กิจฺเฉสุ, อโถ อุปฺปติเตสุ จ;
สเจ อตฺถิ อนุตฺรสฺตํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๙๘) –
อิมํ คาถมภาสิ. ภควาปิสฺส –
‘‘นาฺตฺร โพชฺฌา ตปสา, นาฺตฺรินฺทฺริยสํวรา;
นาฺตฺร สพฺพนิสฺสคฺคา, โสตฺถึ ปสฺสามิ ปาณิน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๙๘) –
ธมฺมํ เทเสสิ. โส เทสนาปริโยสาเน วิคตโสโก ปฺจหิ อจฺฉราสเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ภควนฺตํ นมสฺสมาโน อฏฺาสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ทุกฺขปฺปตฺตา สุพฺรหฺมเทวปุตฺตาทโย’’ติ. อาทิ-สทฺเทน จนฺทสูริยเทวปุตฺตาทโย สงฺคณฺหาติ. จตูหิ การเณหีติ อารกตฺตา, อรีนํ อรานฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ จตูหิ การเณหิ.
ทสวิธสํโยชนานีติ โอรมฺภาคิยุทฺธมฺภาคิยเภทโต ทสวิธสํโยชนานิ. สพฺเพ อจฺจรุจีติ สพฺพสตฺเต อติกฺกมิตฺวา ปวตฺตรุจิ. อฏฺมกนฺติ โสตาปตฺติมคฺคฏฺํ สนฺธาย วทติ. โสตาปนฺโนติ ผลฏฺโ คหิโต.
โสรจฺจนฺติ ¶ ‘‘ตตฺถ กตมํ โสรจฺจํ? โย กายิโก อวีติกฺกโม, วาจสิโก อวีติกฺกโม, กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, อิทํ วุจฺจติ โสรจฺจํ, สพฺพาปิ สีลสํวโร โสรจฺจ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๓๔๙) วจนโต สุจิสีลํ ‘‘โสรจฺจ’’นฺติ วุตฺตํ. กรูณาติ กรุณาพฺรหฺมวิหารมาห. กรุณาปุพฺพภาโคติ ตสฺส ปุพฺพภาคํ อุปจารชฺฌานํ วทติ.
ทุวิเธน ¶ ฌาเนนาติ อารมฺมณูปนิชฺฌานลกฺขณูปนิชฺฌานเภทโต ทุวิเธน ฌานมเนน. ปฺจวิธมิจฺฉาชีววเสนาติ กุหนาลปนาเนมิตฺติกตานิปฺเปสิกตาลาเภนลาภํนิชิคีสนตาสงฺขาต- ปฺจวิธมิจฺฉาชีววเสน. น ลิปฺปตีติ น อลฺลียติ อนุสยโต อารมฺมณกรณโต วา ตณฺหาทิฏฺิอภินิเวสาภาวโต. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
นาคสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. มิคสาลาสุตฺตวณฺณนา
๔๔. ทุติเย สมสมคติยาติ ก-การสฺส ย-การวเสน นิทฺเทโสติ อาห ‘‘สมภาเวเนว สมคติกา’’ติ. ภวิสฺสนฺตีติ อตีตตฺเถ อนาคตวจนํ กตนฺติ อาห ‘‘ภวิสฺสนฺตีติ ชาตา’’ติ. ปุราณสฺส หิ อิสิทตฺตสฺส จ สมคติกํ สนฺธาย สา เอวมาห.
อมฺมกาติ มาตุคาโม. อุปจารวจนฺเหตํ. อิตฺถีสุ ยทิทํ อมฺมกา มาตุคาโม ชนนี ชนิกาติ. เตนาห ‘‘อิตฺถี หุตฺวา อิตฺถิสฺาย เอว สมนฺนาคตา’’ติ.
ทิฏฺิยา ปฏิวิชฺฌิตพฺพํ อปฺปฏิวิทฺธํ โหตีติ อตฺถโต การณโต จ ปฺาย ปฏิวิชฺฌิตพฺพํ อปฺปฏิวิทฺธํ โหติ, นิชฺชฏํ นิคฺคุมฺพํ กตฺวา ยาถาวโต อวิทิตํ โหติ. สมเย สมเย กิเลเสหิ วิมุจฺจนกํ ปีติปาโมชฺชํ อิธ สามายิกํ ม-กาเร อการสฺส ทีฆํ กตฺวา. เตนาห – ‘‘สามายิกมฺปิ วิมุตฺตึ น ลภตีติ กาลานุกาลํ ธมฺมสฺสวนํ นิสฺสาย ปีติปาโมชฺชํ น ลภตี’’ติ. ปมิณนฺตีติ เอตฺถ อารมฺภตฺโถ ป-สทฺโทติ อาห ‘‘ตุเลตุํ อารภนฺตี’’ติ. ปณีโตติ วิสิฏฺโ.
ตทนฺตรนฺติ วจนวิปลฺลาเสน อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ กตนฺติ อาห ‘‘ตํ อนฺตรํ ตํ การณ’’นฺติ ¶ . โลภสฺส อปราปรุปฺปตฺติยา พหุวจนวเสน ‘‘โลภธมฺมา’’ติ วุตฺตา. สีเลน วิเสสี อโหสิ เมถุนธมฺมวิรติยา สมนฺนาคตตฺตา.
มิคสาลาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓-๖. อิณสุตฺตาทิวณฺณนา
๔๕-๔๘. ตติเย ¶ ทลิทฺโท นาม ทุคฺคโต, ตสฺส ภาโว ทาลิทฺทิยํ. น เอตสฺส สกํ สาปเตยฺยนฺติ อสฺสโก, อสาปเตยฺโย. เตนาห ‘‘อตฺตโน สนฺตเกน รหิโต’’ติ. ‘‘พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ’’ติ วุตฺเต ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ เกนจิ อกมฺปิยภาเวน โอกปฺปนํ รตนตฺตยคุเณ โอคาเหตฺวา กปฺปนํ โอกปฺปนสทฺธา นาม. ‘‘อิทํ อกุสลํ กมฺมํ โน สกํ, อิทํ ปน กมฺมํ สก’’นฺติ เอวํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ กมฺมสฺสกตชานนปฺา กมฺมสฺสกตปฺา. ติวิธฺหิ ทุจฺจริตํ อตฺตนา กตมฺปิ สกกมฺมํ นาม น โหติ อตฺถภฺชนโต. สุจริตํ สกกมฺมํ นาม อตฺถชนนโต. อิณาทานสฺมินฺติ ปจฺจตฺตวจนตฺเถ เอตํ ภุมฺมนฺติ อาห ‘‘อิณคฺคหณํ วทามี’’ติ.
กฏคฺคาโหติ กตํ สพฺพโส สิทฺธเมว กตฺวา คหณํ. โส ปน วิชยลาโภ โหตีติ อาห ‘‘ชยคฺคาโห’’ติ. หิริมโน เอตสฺสาติ หิริมโนติ อาห ‘‘หิริสมฺปยุตฺตจิตฺโต’’ติ, ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณาย หิริยา สมฺปยุตฺตจิตฺโตติ อตฺโถ. โอตฺตปฺปติ อุพฺพิชฺชติ ภายติ สีเลนาติ โอตฺตปฺปี, โอตฺตปฺเปน สมนฺนาคโต. นิรามิสํ สุขนฺติ ตติยชฺฌานสุขํ ทูรสมุสฺสาริตกามามิสตฺตา. อุเปกฺขนฺติ จตุตฺถชฺฌานุเปกฺขํ, น ยํ กิฺจิ อุเปกฺขาเวทนนฺติ อาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานุเปกฺข’’นฺติ. อารทฺธวีริโยติ ปคฺคหิตปริปุณฺณกายิกเจตสิกวีริโยติ อตฺโถ. โย คณสงฺคณิกํ วิโนเทตฺวา จตูสุ อิริยาปเถสุ อฏฺอารมฺภวตฺถุวเสน เอกโก โหติ, ตสฺส กายิกํ วีริยํ อารทฺธํ นาม โหติ. จิตฺตสงฺคณิกํ วิโนเทตฺวา อฏฺสมาปตฺติวเสน เอกโก โหติ. คมเน อุปฺปนฺนกิเลสสฺส านํ ปาปุณิตุํ น เทติ, าเน อุปฺปนฺนกิเลสสฺส นิสชฺชํ, นิสชฺชาย อุปฺปนฺนกิเลสสฺส สยนํ ปาปุณิตุํ น เทติ, อุปฺปนฺนฏฺาเนเยว กิเลเส นิคฺคณฺหาติ. อยํ เจตสิกํ วีริยํ อารทฺธํ นาม โหติ. ปฏิปกฺขทูรีภาเวน เสฏฺฏฺเน จ เอโก อุเทตีติ เอโกทิ, เอกคฺคตา. ตสฺส โยคโต เอกคฺคจิตฺโต อิธ เอโกทิ. ปฏิปกฺขโต อตฺตานํ นิปาติ, ตํ วา นิปยติ วิโสเสตีติ นิปโก. อฺตรํ กายาทิเภทํ อารมฺมณํ สาติสยาย สติยา สรตีติ สโต. เตนาห ‘‘เอกคฺคจิตฺโต’’ติอาทิ.
อกุปฺปา ¶ เม วิมุตฺตีติ มยฺหํ อรหตฺตผลวิมุตฺติ อกุปฺปตาย อกุปฺปารมฺมณตาย จ อกุปฺปา. สา หิ ราคาทีหิ น กุปฺปตีติ อกุปฺปตายปิ อกุปฺปา ¶ . อกุปฺปํ นิพฺพานมสฺสา อารมฺมณนฺติ อกุปฺปารมฺมณตายปิ อกุปฺปา. เตเนวาห ‘‘อกุปฺปารมฺมณตฺตา’’ติอาทิ. ภวสํโยชนานนฺติ กามราคปฏิฆมานทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสภวราคอิสฺสามจฺฉริย- อวิชฺชาสงฺขาตานํ ทสนฺนํ สํโยชนานํ. อิมานิ หิ สตฺเต ภเวสุ สํโยเชนฺติ อุปนิพนฺธนฺติ ภวาภเวน สํโยเชนฺติ, ตสฺมา ภวสํโยชนานีติ วุจฺจนฺติ. ขีณาสโว อุตฺตมอณโณ กิเลสอิณานํ อภาวโต. อฺเ หิ สตฺตา ยาว น กิเลสา ปหียนฺติ, ตาว สอิณา นาม อเสริวิหารภาวโต. จตุตฺถาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ.
อิณสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. เขมสุตฺตวณฺณนา
๔๙. สตฺตเม วุตฺถพฺรหฺมจริยวาโสติ นิวุตฺถพฺรหฺมจริยวาโส. กตกรณีโยติ เอตฺถ กรณียนฺติ ปริฺาปหานภาวนาสจฺฉิกิริยมาห. ตํ ปน ยสฺมา จตูหิ มคฺเคหิ ปจฺเจกํ จตูสุ สจฺเจสุ กตฺตพฺพตฺตา โสฬสวิธํ เวทิตพฺพํ. เตนาห ‘‘จตูหิ มคฺเคหิ กตฺตพฺพ’’นฺติ. ขนฺธกิเลสอภิสงฺขารสงฺขาตา ตโย โอสีทาปนฏฺเน ภารา วิยาติ ภารา. เต โอหิตา โอโรปิตา นิกฺขิตฺตา ปาติตา เอเตนาติ โอหิตภาโร. เตนาห ‘‘ขนฺธภารํ…เป… โอตาเรตฺวา ิโต’’ติ. อนุปฺปตฺโต สทตฺถนฺติ อนุปฺปตฺตสทตฺโถ. สทตฺโถติ จ สกตฺถมาห ก-การสฺส ท-การํ กตฺวา. เอตฺถ หิ อรหตฺตํ อตฺตโน โยนิโสมนสิการายตฺตตฺตา อตฺตูปนิพนฺธฏฺเน สสนฺตานปริยาปนฺนตฺตา อตฺตานํ อวิชหนฏฺเน อตฺตโน อุตฺตมตฺเถน จ อตฺตโน อตฺถตฺตา ‘‘สกตฺโถ’’ติ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘สทตฺโถ วุจฺจติ อรหตฺต’’นฺติ. สมฺมทฺา วิมุตฺโตติ สมฺมา อฺาย วิมุตฺโต, อจฺฉินฺนภูตาย มคฺคปฺาย สมฺมา ยถาภูตํ ทุกฺขาทีสุ โย ยถา ชานิตพฺโพ, ตถา ชานิตฺวา วิมุตฺโตติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สมฺมา เหตุนา’’ติอาทิ. วิมุตฺโตติ จ ทฺเว วิมุตฺติโย สพฺพสฺส จิตฺตสํกิเลสสฺส มคฺโค นิพฺพานาธิมุตฺติ จ. นิพฺพาเน อธิมุจฺจนํ ตตฺถ นินฺนโปณปพฺภารตาย. อรหา สพฺพกิเลเสหิ วิมุตฺตจิตฺตตฺตา จิตฺตวิมุตฺติยา วิมุตฺโต. นิพฺพานํ อธิมุตฺตตฺตา นิพฺพาเน วิมุตฺโต. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
เขมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อินฺทฺริยสํวรสุตฺตวณฺณนา
๕๐. อฏฺเม ¶ ¶ อุปนิสีทติ ผลํ เอตฺถาติ การณํ อุปนิสา. ยถาภูตาณทสฺสนนฺติ ยถาสภาวชานนสงฺขาตํ ทสฺสนํ. เอเตน ตรุณวิปสฺสนํ ทสฺเสติ. ตรุณวิปสฺสนา หิ พลววิปสฺสนาย ปจฺจโย โหติ. ตรุณวิปสฺสนาติ นามรูปปริคฺคเห าณํ, ปจฺจยปริคฺคเห าณํ, สมฺมสเน าณํ, มคฺคามคฺเค ววตฺถเปตฺวา ิตาณนฺติ จตุนฺนํ าณานํ อธิวจนํ. นิพฺพินฺทติ เอตายาติ นิพฺพิทา. พลววิปสฺสนาติ ภยตุปฏฺาเน าณํ อาทีนวานุปสฺสเน าณํ มุจฺจิตุกมฺยตาาณํ สงฺขารุเปกฺขาาณนฺติ จตุนฺนํ าณานํ อธิวจนํ. ปฏิสงฺขานุปสฺสนา ปน มุจฺจิตุกมฺยตาปกฺขิกา เอว. ‘‘ยาว มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ, ตาว ตรุณวิปสฺสนา’’ติ หิ วจนโต อุปกฺกิเลสวิมุตฺตอุทยพฺพยาณโต พลววิปสฺสนา. วิรชฺชติ อริโย สงฺขารโต เอเตนาติ วิราโค, อริยมคฺโค. อรหตฺตผลนฺติ อุกฺกฏฺนิทฺเทสโต วุตฺตํ. อินฺทฺริยสํวรสฺส สีลรกฺขณเหตุตฺตา วุตฺตํ ‘‘สีลานุรกฺขณอินฺทฺริยสํวโร กถิโต’’ติ.
อินฺทฺริยสํวรสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อานนฺทสุตฺตวณฺณนา
๕๑. นวเม เถรา ภิกฺขู วิหรนฺติ พหุสฺสุตา อาคตาคมาติอาทิปาฬิปเทสุ อิมินาว นเยน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ – สีลาทิคุณานํ ถิรภาวปฺปตฺติยา เถรา. สุตฺตเคยฺยาทิ พหุ สุตํ เอเตสนฺติ พหุสฺสุตา. วาจุคฺคตธารเณน สมฺมเทว ครูนํ สนฺติเก อาคมิตภาเวน อาคโต ปริยตฺติธมฺมสงฺขาโต อาคโม เอเตสนฺติ อาคตาคมา. สุตฺตาติธมฺมสงฺขาตสฺส ธมฺมสฺส ธารเณน ธมฺมธรา. วินยธารเณน วินยธรา. เตสํเยว ธมฺมวินยานํ มาติกาย ธารเณน มาติกาธรา. ตตฺถ ตตฺถ ธมฺมปริปุจฺฉาย ปริปุจฺฉติ. ตํ อตฺถปริปุจฺฉาย ปริปฺหติ วีมํสติ วิจาเรติ. อิทํ, ภนฺเต, กถํ, อิมสฺส กฺวตฺโถติ ปริปุจฺฉนปฺหนาการทสฺสนํ. อาวิวฏฺเจว ปาฬิยา อตฺถํ ปเทสนฺตรปาฬิทสฺสเนน อาคมโต วิวรนฺติ. อนุตฺตานีกตฺจ ยุตฺติวิภาวเนน อุตฺตานีกโรนฺติ. กงฺขาฏฺานิเยสุ ธมฺเมสุ สํสยุปฺปตฺติยา ¶ เหตุยา คณฺิฏฺานภูเตสุ ปาฬิปเทสุ ยาถาวโต วินิจฺฉยทาเนน กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺติ.
อานนฺทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ขตฺติยสุตฺตวณฺณนา
๕๒. ทสเม ¶ โภเค อธิปฺปาโย เอเตสนฺติ โภคาธิปฺปายา. ปฺตฺถาย เอเตสํ มโน อุปวิจรตีติ ปฺูปวิจารา. ปถวิยา ทายตฺถาย วา จิตฺตํ อภินิเวโส เอเตสนฺติ ปถวีภินิเวสา. มนฺตา อธิฏฺานํ ปติฏฺา เอเตสนฺติ มนฺตาธิฏฺานา. อิมินา นเยน เสสปทานิปิ เวทิตพฺพานิ. เสสํ อุตฺตานเมว.
ขตฺติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. อปฺปมาทสุตฺตวณฺณนา
๕๓. เอกาทสเม ชงฺคลานนฺติ เอตฺถ โย นิปิจฺฉโล น อนูโป นิรุทกตาย ถทฺธลูโข ภูมิปฺปเทโส, โส ‘‘ชงฺคโล’’ติ วุจฺจติ. ตพฺพหุลตาย ปน อิธ สพฺโพ ภูมิปฺปเทโส ชงฺคโล. ตสฺมึ ชงฺคเล ชาตา ภวาติ วา ชงฺคลา, เตสํ ชงฺคลานํ. เอวฺหิ นทิจรานมฺปิ หตฺถีนํ สงฺคโห กโต โหติ สโมธาตพฺพานํ วิย สโมธายกานมฺปิ อิธ ชงฺคลคฺคหเณน คเหตพฺพโต. ปถวีตลจารีนนฺติ อิมินา ชลจาริโน จ นิวตฺเตติ อทิสฺสมานปาทตฺตา. ‘‘ปาณาน’’นฺติ สาธารณวจนมฺปิ ‘‘ปทชาตานี’’ติ สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน วิเสสนิวิฏฺเมว โหตีติ อาห ‘‘สปาทกปาณาน’’นฺติ. ‘‘มุตฺตคต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๑๙; อ. นิ. ๙.๑๑) คต-สทฺโท วิย อิธ ชาต-สทฺโท อนตฺถนฺตโรติ อาห ‘‘ปทชาตานีติ ปทานี’’ติ. สโมธานนฺติ สมวโรธํ, อนฺโตคธํ วา. เตนาห ‘‘โอธานํ อุปนิกฺเขปํ คจฺฉนฺตี’’ติ. กูฏงฺคมาติ ปาริมนฺเตน กูฏํ อุปคจฺฉนฺติ. กูฏนินฺนาติ กูฏจฺฉิทฺทมคฺเค ปวิสนวเสน กูเฏ นินฺนา. กูฏสโมสรณาติ ฉิทฺเท อนุปวิสนวเสน จ อาหจฺจ อวตฺถาเนน จ กูเฏ สโมทหิตฺวา ิตา. วณฺเฏ ¶ ปตมาเน สพฺพานิ ภูมิยํ ปตนฺตีติ อาห ‘‘วณฺฏานุวตฺตกานิ ภวนฺตี’’ติ.
อปฺปมาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. ธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา
๕๔. ทฺวาทสเม ชาติภูมิยนฺติ เอตฺถ ชนนํ ชาติ, ชาติยา ภูมิ ชาติภูมิ, ชาตฏฺานํ. ตํ โข ปเนตํ เนว โกสลมหาราชาทีนํ, น จงฺกิพฺราหฺมณาทีนํ, น สกฺกสุยามสนฺตุสิตาทีนํ ¶ , น อสีติมหาสาวกานํ, น อฺเสํ สตฺตานํ ‘‘ชาติภูมี’’ติ วุจฺจติ. ยสฺส ปน ชาตทิวเส ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกทฺธชมาลาวิปฺปกิณฺณกุสุมวาสจุณฺณคณสุคนฺธา สพฺพปาลิผุลฺลมิว นนฺทนวนํ วิโรจมานา ปทุมินิปณฺเณ อุทกพินฺทุ วิย อกมฺปิตฺถ, ชจฺจนฺธาทีนฺจ รูปทสฺสนาทีนิ อเนกานิ ปาฏิหาริยานิ ปวตฺตึสุ. ตสฺส สพฺพฺุโพธิสตฺตสฺส ชาตฏฺานํ, สาติสยสฺส ปน ชนกกปิลวตฺถุสนฺนิสฺสโย ‘‘ชาติภูมี’’ติ วุจฺจติ. ชาติภูมกา อุปาสกาติ ชาติภูมิวาสิโน อุปาสกา. สนฺตเนตฺวา สพฺพโส ตเนตฺวา ปตฺถริตฺวา ิตมูลานิ มูลสนฺตานกานิ. ตานิ ปน อตฺถโต มูลานิเยวาติ อาห ‘‘มูลสนฺตานกานนฺติ มูลาน’’นฺติ.
ชาตทิวเส อาวุธานํ โชติตตฺตา, รฺโ อปริมิตสฺส จ สตฺตกายสฺส อนตฺถโต ปริปาลนสมตฺถตาย จ ‘‘โชติปาโล’’ติ ลทฺธนามตฺตา วุตฺตํ ‘‘นาเมน โชติปาโล’’ติ. โควินฺโทติ โควินฺทิยาภิเสเกน อภิสิตฺโต, โควินฺทสฺส าเน ปนาภิเสเกน อภิสิตฺโตติ อตฺโถ. ตํ กิร ตสฺส พฺราหฺมณสฺส กุลปรมฺปราคตํ านนฺตรํ. เตนาห ‘‘าเนน มหาโควินฺโท’’ติ. ควํ ปฺฺจ วินฺทติ ปฏิลภตีติ โควินฺโท, มหนฺโต โควินฺโทติ มหาโควินฺโท. โคติ หิ ปฺาเยตํ อธิวจนํ ‘‘คจฺฉติ อตฺเถ พุชฺฌตี’’ติ กตฺวา. มหาโควินฺโท จ อมฺหากํ โพธิสตฺโตเยว. โส กิร ทิสมฺปติสฺส นาม รฺโ ปุโรหิตสฺส โควินฺทพฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา อตฺตโน ปิตุสฺส จ รฺโ จ อจฺจเยน ตสฺส ปุตฺโต เรณุ, สหายา ¶ จสฺส สตฺตภู, พฺรหฺมทตฺโต, เวสฺสภู, ภรโต, ทฺเว ธตรฏฺาติ อิเม สตฺต ราชาโน ยถา อฺมฺํ น วิวทนฺติ. เอวํ รชฺเช ปติฏฺาเปตฺวา เตสํ อตฺถธมฺเม อนุสาสนฺเต ชมฺพุทีปตเล สพฺเพสํ ราชาว รฺํ, พฺรหฺมาว พฺราหฺมณานํ, เทโวว คหปติกานํ สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต อุตฺตมคารวฏฺานํ อโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เรณุอาทีนํ สตฺตนฺนํ ราชูนํ ปุโรหิโต’’ติ. อิเมว สตฺต ภารธารา มหาราชาโน. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สตฺตภู พฺรหฺมทตฺโต จ, เวสฺสภู ภรโต สห;
เรณุ ทฺเว จ ธตรฏฺา, ตทาสุํ สตฺต ภารธา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๐๘);
รฺโ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกตฺถานํ ปุโร วิธานโต ปุเร สํวิธานโต ปุโรหิโต. โกธามคนฺเธนาติ โกธสงฺขาเตน ปูติคนฺเธน. กรุณา อสฺส อตฺถีติ กรุณนฺติ สปุพฺพภาคกรุณชฺฌานํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘กรุณาย จ กรุณาปุพฺพภาเค จ ิตา’’ติ. ยกาโร สนฺธิวเสน อาคโตติ อาห ‘‘เยเตติ เอเต’’ติ. อรหตฺตโต ปฏฺาย สตฺตโมติ สกทาคามี. สกทาคามึ ¶ อุปาทายาติ สกทาคามิภาวํ ปฏิจฺจ. สกทาคามิสฺส หิ ปฺจินฺทฺริยานิ สกทาคามิภาวํ ปฏิจฺจ มุทูนิ นาม โหนฺติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
ธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ธมฺมิกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ปมปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.
๒. ทุติยปณฺณาสกํ