📜

๔. สุมนวคฺโค

๑. สุมนสุตฺตวณฺณนา

๓๑. จตุตฺถสฺส ปเม สตกฺกกูติ สตสิขโร, อเนกกูโฏติ อตฺโถ. อิทํ ตสฺส มหาเมฆภาวทสฺสนํ. โส หิ มหาวสฺสํ วสฺสติ. เตเนวาห – ‘‘อิโต จิโต จ อุฏฺิเตน วลาหกกูฏสเตน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ’’ติ. ทสฺสนสมฺปนฺโนติ เอตฺถ ทสฺสนํ นาม โสตาปตฺติมคฺโค. โส หิ ปมํ นิพฺพานทสฺสนโต ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุจฺจติ. ยทิปิ ตํ โคตฺรภุ ปมตรํ ปสฺสติ, ทิสฺวา ปน กตฺตพฺพกิจฺจสฺส กิเลสปฺปหานสฺส อกรณโต น ตํ ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุจฺจติ. อาวชฺชนฏฺานิยฺหิ ตํ าณํ. มคฺคสฺส นิพฺพานารมฺมณตาสามฺเน เจตํ วุตฺตํ, น นิพฺพานปฺปฏิวิชฺฌเนน, ตสฺมา ธมฺมจกฺขุํ ปุนปฺปุนํ นิพฺพตฺตเนน ภาวนํ อปฺปตฺตํ ทสฺสนํ, ธมฺมจกฺขุฺจ ปริฺาทิกิจฺจกรเณน จตุสจฺจธมฺมทสฺสนํ ตทภิสมโยติ นตฺเถตฺถ โคตฺรภุสฺส ทสฺสนภาวาปตฺติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

สุมนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. จุนฺทีสุตฺตวณฺณนา

๓๒. ทุติเย ‘‘อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๑๗๙) อริยกนฺตานีติ ปฺจสีลานิ อาคตานิ. อริยกนฺตานิ หิ ปฺจสีลานิ อริยานํ กนฺตานิ ปิยานิ, ภวนฺตรคตาปิ อริยา ตานิ น วิชหนฺติ. อิธ ปน ‘‘ยาวตา, จุนฺท, สีลานิ อริยกนฺตานิ สีลานิ, เตสํ อคฺคมกฺขายติ…เป… อคฺเค เต ปริปูรการิโน’’ติ วุตฺตตฺตา มคฺคผลานิ สีลานิ อธิปฺเปตานีติ อาห ‘‘อริยกนฺตานิ สีลานีติ มคฺคผลสมฺปยุตฺตานิ สีลานี’’ติ.

จุนฺทีสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อุคฺคหสุตฺตวณฺณนา

๓๓. ตติเย สพฺพปมํ อุฏฺานสีลาติ รตฺติยา วิภายนเวลาย สามิเก ปริชเน เสยฺยาย อวุฏฺิเต สพฺพปมํ อุฏฺานสีลา. สามิกํ ทิสฺวา นิสินฺนาสนโต อคฺคิทฑฺฒา วิย ปมเมว วุฏฺหนฺตีติ วา ปุพฺพุฏฺายินิโย. กึการนฺติ กึกรณียํ, กึกรณภาเวน ปุจฺฉิตฺวา กาตพฺพเวยฺยาวจฺจนฺติ อตฺโถ. ตํ ปฏิสฺสุณนฺตา วิจรนฺตีติ กึการปฺปฏิสฺสาวินิโย. มนาปํเยว กิริยํ กโรนฺติ สีเลนาติ มนาปจารินิโย. ปิยเมว วทนฺติ สีเลนาติ ปิยวาทินิโย.

ตตฺรุปายายาติ ตตฺร กมฺเม สาเธตพฺพอุปายภูตาย วีมํสาย. เตนาห ‘‘ตสฺมึ อุณฺณากปฺปาสสํวิธาเน’’ติอาทิ. อลํ กาตุนฺติ กาตุํ สมตฺถา. อลํ สํวิธาตุนฺติ วิจาเรตุํ สมตฺถา. เตนาห ‘‘อลํ กาตุํ อลํ สํวิธาตุนฺติ อตฺตนา กาตุมฺปิ ปเรหิ การาเปตุมฺปี’’ติอาทิ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

อุคฺคหสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔-๕. สีหเสนาปติสุตฺตาทิวณฺณนา

๓๔-๓๕. จตุตฺเถ สนฺทิฏฺิกนฺติ อสมฺปรายิกตาย สามํ ทฏฺพฺพํ. สยํ อนุภวิตพฺพํ อตฺตปจฺจกฺขํ ทิฏฺธมฺมิกนฺติ อตฺโถ. น สทฺธามตฺตเกเนว ติฏฺตีติ ‘‘ทานํ นาม สาธุ สุนฺทรํ, พุทฺธาทีหิ ปณฺฑิเตหิ ปสตฺถ’’นฺติ เอวํ สทฺธามตฺตเกเนว น ติฏฺติ. ยํ ทานํ เทตีติ ยํ เทยฺยธมฺมํ ปรสฺส เทติ. ตสฺส ปติ หุตฺวาติ ตพฺพิสยํ โลภํ สุฏฺุ อภิภวนฺโต ตสฺส อธิปติ หุตฺวา เทติ. เตน อนธิภวนียตฺตา น ทาโส น สหาโยติ. ตตฺถ ตทุภยํ อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ ทสฺเสตุํ ‘‘โย หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทาโส หุตฺวา เทติ ตณฺหาทาสพฺยสฺส อุปคตตฺตา. สหาโย หุตฺวา เทติ ตสฺส ปิยภาวาวิสฺสชฺชนโต. สามี หุตฺวา เทติ ตตฺถ ตณฺหาทาสพฺยโต อตฺตานํ โมเจตฺวา อภิภุยฺย ปวตฺตนโต. อถ วา โย ทานสีลตาย ทายโก ปุคฺคโล, โส ทาเน ปวตฺติเภเทน ทานทาโส, ทานสหาโย, ทานปตีติ ติปฺปกาโร โหติ. ตทสฺส ติปฺปการตํ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘โย หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทาตพฺพฏฺเน ทานํ, อนฺนปานาทิ.

ตตฺถ ยํ อตฺตนา ปริภุฺชติ, ตณฺหาธิปนฺนตาย ตสฺส วเสน วตฺตนโต ทาโส วิย โหติ. ยํ ปเรสํ ทียติ, ตตฺถาปิ อนฺนปานสามฺเน อิทํ วุตฺตํ ‘‘ทานสงฺขาตสฺส เทยฺยธมฺมสฺส ทาโส หุตฺวา’’ติ. สหาโย หุตฺวา เทติ อตฺตนา ปริภุฺชิตพฺพสฺส ปเรสํ ทาตพฺพสฺส จ สมสมํ ปนโต. ปติ หุตฺวา เทติ สยํ เทยฺยธมฺมสฺส วเส อวตฺติตฺวา ตสฺส อตฺตโน วเส วตฺตาปนโต. อปโร นโย – โย อตฺตนา ปณีตํ ปริภุฺชิตฺวา ปเรสํ นิหีนํ เทติ, โส ทานทาโส นาม ตนฺนิมิตฺตนิหีนภาวาปตฺติโต. โย ยาทิสํ อตฺตนา ปริภุฺชติ, ตาทิสเมว ปเรสํ เทติ, โส ทานสหาโย นาม ตนฺนิมิตฺตหีนาธิกภาววิวชฺชเนน สทิสภาวาปตฺติโต. โย อตฺตนา นิหีนํ ปริภุฺชิตฺวา ปเรสํ ปณีตํ เทติ, โส ทานปติ นาม ตนฺนิมิตฺตเสฏฺภาวาปตฺติโต.

นิตฺเตชภูโต เตชหานิปฺปตฺติยา. สห พฺยติ คจฺฉตีติ สหพฺโย, สหปวตฺตนโก, ตสฺส ภาโว สหพฺยตา, สหปวตฺตีติ อาห ‘‘สหภาวํ เอกีภาวํ คตา’’ติ. อสิตสฺสาติ วา อพนฺธสฺส, ตณฺหาพนฺธเนน อพนฺธสฺสาติ อตฺโถ. ปฺจมํ อุตฺตานเมว.

สีหเสนาปติสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖-๗. กาลทานสุตฺตาทิวณฺณนา

๓๖-๓๗. ฉฏฺเ อารามโตติ ผลารามโต. ปมุปฺปนฺนานีติ สพฺพปมํ สุชาตานิ. ภาสิตฺูติ ภิกฺขู ฆรทฺวาเร ิตา กิฺจาปิ ตุณฺหี โหนฺติ, อตฺถโต ปน ‘‘ภิกฺขํ เทถา’’ติ วทนฺติ นาม อริยาย ยาจนาย. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อุทฺธิสฺส อริยา ติฏฺนฺติ, เอสา อริยานํ ยาจนา’’ติ. ตตฺร เย ‘‘มยํ ปจาม, อิเม น ปจนฺติ, ปจมาเน ปตฺวา อลภนฺตา กุหึ ลภิสฺสนฺตี’’ติ เทยฺยธมฺมํ สํวิภชนฺติ, เต ภาสิตฺู นาม ตฺวา กตฺตพฺพสฺส กรณโต. ยุตฺตปฺปตฺตกาเลติ ทาตุํ ยุตฺตปฺปตฺตกาเล. อปฺปฏิวานจิตฺโตติ อนิวตฺตนจิตฺโต. สตฺตมํ อุตฺตานเมว.

กาลทานสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. สทฺธสุตฺตวณฺณนา

๓๘. อฏฺเม อนุกมฺปนฺตีติ ‘‘สพฺเพ สตฺตา สุขี โหนฺตุ อเวรา อพฺยาปชฺชา’’ติ เอวํ หิตผรเณน อนุคฺคณฺหนฺติ. อปิจ อุปฏฺากานํ เคหํ อฺเ สีลวนฺเต สพฺรหฺมจาริโน คเหตฺวา ปวิสนฺตาปิ อนุคฺคณฺหนฺติ นาม. นีจวุตฺตินฺติ ปณิปาตสีลํ. โกธมานถทฺธตาย รหิตนฺติ โกธมานวเสน อุปฺปนฺโน โย ถทฺธภาโว จิตฺตสฺส อุทฺธุมาตลกฺขโณ, เตน วิรหิตนฺติ อตฺโถ. โสรจฺเจนาติ ‘‘ตตฺถ กตมํ โสรจฺจํ? โย กายิโก อวีติกฺกโม, วาจสิโก อวีติกฺกโม, กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, อิทํ วุจฺจติ โสรจฺจํ. สพฺโพปิ สีลสํวโร โสรจฺจ’’นฺติ เอวมาคเตน สีลสํวรสงฺขาเตน โสรตภาเวน. สขิลนฺติ ‘‘ตตฺถ กตมํ สาขลฺยํ? ยา สา วาจา ถทฺธกา กกฺกสา ผรุสา กฏุกา อภิสชฺชนี โกธสามนฺตา อสมาธิสํวตฺตนิกา, ตถารูปึ วาจํ ปหาย ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา, ตถารูปึ วาจํ ภาสิตา โหติ. ยา ตตฺถ สณฺหวาจตา สขิลวาจตา อผรุสวาจตา, อิทํ วุจฺจติ สาขลฺย’’นฺติ (ธ. ส. ๑๓๕๐) เอวํ วุตฺเตน สมฺโมทกมุทุภาเวน สมนฺนาคตํ. เตนาห ‘‘สขิลนฺติ สมฺโมทก’’นฺติ.

สทฺธสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙-๑๐. ปุตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา

๓๙-๔๐. นวเม ภโตติ โปสิโต. ตํ ปน ภรณํ ชาตกาลโต ปฏฺาย สุขปจฺจยูปหรเณน ทุกฺขปจฺจยาปหรเณน จ ปวตฺติตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อมฺเหหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. หตฺถปาทวฑฺฒนาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน มุเขน สิงฺฆานิกาปนยนนหาปนมณฺฑนาทิฺจ สงฺคณฺหาติ. มาตาปิตูนํ สนฺตกํ เขตฺตาทึ อวินาเสตฺวา รกฺขิตํ เตสํ ปรมฺปราย ิติยา การณํ โหตีติ อาห ‘‘อมฺหากํ สนฺตกํ…เป… กุลวํโส จิรํ สฺสตี’’ติ. สลากภตฺตาทีนิ อนุปจฺฉินฺทิตฺวาติ สลากภตฺตาทีนิ อวิจฺฉินฺทิตฺวา. ยสฺมา ทายชฺชปฺปฏิลาภสฺส โยคฺยภาเวน วตฺตมาโนเยว ทายสฺส ปฏิปชฺชิสฺสติ, น อิตโรติ อาห ‘‘กุลวํสานุรูปาย ปฏิปตฺติยา’’ติอาทิ . อตฺตนา ทายชฺชารหํ กโรนฺโตติ อตฺตานํ ทายชฺชารหํ กโรนฺโต. มาตาปิตโร หิ อตฺตโน โอวาเท อวตฺตมาเน มิจฺฉาปฏิปนฺเน ทารเก วินิจฺฉยํ คนฺตฺวา อปุตฺเต กโรนฺติ, เต ทายชฺชารหา น โหนฺติ. โอวาเท วตฺตมาเน ปน กุลสนฺตกสฺส สามิเก กโรนฺติ. ตติยทิวสโต ปฏฺายาติ มตทิวสโต ตติยทิวสโต ปฏฺาย. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. ทสมํ อุตฺตานเมว.

ปุตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

สุมนวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.