📜

๒. อนุสยวคฺโค

๔.ปุคฺคลสุตฺตวณฺณนา

๑๔. ทุติยสฺส จตุตฺเถ อุภโต อุภยถา, อุภโต อุโภหิ ภาเคหิ วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต เอกเทสสรูเปกเสสนเยน. ทฺวีหิ ภาเคหีติ กรเณ นิสฺสกฺเก เจตํ พหุวจนํ . อาวุตฺติอาทิวเสน อยํ นิยโม เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘อรูปสมาปตฺติยา’’ติอาทิ. เอเตน ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน, มคฺเคน สมุจฺเฉทวิโมกฺเขน วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ เอวํ ปวตฺโต ติปิฏกจูฬนาคตฺเถรวาโท, ‘‘นามกายโต รูปกายโต จ วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ เอวํ ปวตฺโต ติปิฏกมหารกฺขิตตฺเถรวาโท, ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน เอกวารํ, มคฺเคน สมุจฺเฉทวิโมกฺเขน เอกวารํ วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ เอวํ ปวตฺโต ติปิฏกจูฬาภยตฺเถรวาโท จาติ อิเมสํ ติณฺณมฺปิ เถรวาทานํ เอกชฺฌํ สงฺคโห กโตติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ ปมวาเท ทฺวีหิ ภาเคหิ วิมุตฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต วุตฺโต, ทุติยวาเท อุภโต ภาคโต วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต, ตติยวาเท ทฺวีหิ ภาเคหิ ทฺเว วาเร วิมุตฺโตติ อยเมเตสํ วิเสโสติ. วิมุตฺโตติ กิเลเสหิ วิมุตฺโต, กิเลสวิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทเนหิ วา กายโต วิมุตฺโตหิ อตฺโถ.

โสติ อุภโตภาควิมุตฺโต. กามฺเจตฺถ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานมฺปิ อรูปาวจรชฺฌานํ วิย ทุวงฺคิกํ อาเนฺชปฺปตฺตนฺติ วุจฺจติ. ตํ ปน ปทฏฺานํ กตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต นาม น โหติ รูปกายโต อวิมุตฺตตฺตา. ตฺหิ กิเลสกายโตว วิมุตฺตํ, น รูปกายโต, ตสฺมา ตโต วุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต น โหตีติ อาห ‘‘จตุนฺนํ อรูป…เป… ปฺจวิโธ โหตี’’ติ. อรูปสมาปตฺตีนนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. อรหตฺตํ ปตฺตอนาคามิโนติ ภูตปุพฺพคติยา วุตฺตํ. น หิ อรหตฺตํ ปตฺโต อนาคามี นาม โหติ. ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทิเก นิโรธสมาปตฺติอนฺเต อฏฺ วิโมกฺเข วตฺวา –

‘‘ยโต จ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อิเม อฏฺ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. อยํ วุจฺจติ, อานนฺท, ภิกฺขุ อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ –

ยทิปิ มหานิทาเน (ที. นิ. ๒.๑๓๐) วุตฺตํ, ตํ ปน อุภโตภาควิมุตฺตเสฏฺวเสน วุตฺตนฺติ, อิธ ปน สพฺพอุภโตภาควิมุตฺเต สงฺคหณตฺถํ ‘‘ปฺจวิโธ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘ปาฬิ ปเนตฺถ…เป… อฏฺวิโมกฺขลาภิโน วเสน อาคตา’’ติ อาห. มชฺฌิมนิกาเย ปน กีฏาคิริสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๑๘๒) –

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุตฺโต? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา, เต กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ , ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ –

อรูปสมาปตฺติวเสน จตฺตาโร อุภโตภาควิมุตฺตา, เสฏฺโ จ วุตฺโต วุตฺตลกฺขณูปปตฺติโต. ยถาวุตฺเตสุ หิ ปฺจสุ ปุริมา จตฺตาโร สมาปตฺติสีสํ นิโรธํ น สมาปชฺชนฺตีติ ปริยาเยน อุภโตภาควิมุตฺตา นาม. อฏฺสมาปตฺติลาภี อนาคามี ตํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโตติ นิปฺปริยาเยน อุภโตภาควิมุตฺตเสฏฺโ นาม.

กตโม จ ปุคฺคโลติอาทิ ปุคฺคลปฺตฺติปาฬิ. ตตฺถ กตโมติ ปุจฺฉาวจนํ. ปุคฺคโลติ อสาธารณโต ปุจฺฉิตพฺพวจนํ. อิธาติ อิธสฺมึ สาสเน. เอกจฺโจติ เอโก. อฏฺ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรตีติ อฏฺ สมาปตฺติโย สมาปชฺชิตฺวา นามกายโต ปฏิลภิตฺวา วิหรติ. ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ วิปสฺสนาปฺาย สงฺขารคตํ, มคฺคปฺาย จตฺตาริ สจฺจานิ ปสฺสิตฺวา จตฺตาโรปิ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. ทิสฺวาติ ทสฺสนเหตุ. น หิ อาสเว ปฺาย ปสฺสนฺติ, ทสฺสนการณา ปน ปริกฺขีณา ทิสฺวา ปริกฺขีณาติ วุตฺตา ทสฺสนายตฺตปริกฺขยตฺตา. เอวฺหิ ทสฺสนํ อาสวานํ ขยสฺส ปุริมกิริยาภาเวน วุตฺตํ.

ปฺาวิมุตฺโตติ วิเสสโต ปฺาย เอว วิมุตฺโต, น ตสฺส อธิฏฺานภูเตน อฏฺวิโมกฺขสงฺขาเตน สาติสเยน สมาธินาติ ปฺาวิมุตฺโต. โย อริโย อนธิคตอฏฺวิโมกฺโข สพฺพโส อาสเวหิ วิมุตฺโต, ตสฺเสตํ อธิวจนํ. อธิคเตปิ หิ รูปชฺฌานวิโมกฺเข น โส สาติสยสมาธินิสฺสิโตติ น ตสฺส วเสน อุภโตภาควิมุตฺตตา โหตีติ วุตฺโตวายมตฺโถ. อรูปชฺฌาเนสุ ปน เอกสฺมิมฺปิ สติ อุภโตภาควิมุตฺโตเยว นาม โหติ. เตน หิ อฏฺวิโมกฺเขกเทเสน ตํนามทานสมตฺเถน อฏฺวิโมกฺขลาภีตฺเวว วุจฺจติ. สมุทาเย หิ ปวตฺโต โวหาโร อวยเวปิ ทิสฺสติ ยถา ตํ ‘‘สตฺติสโย’’ติ อนวเสสโต อาสวานํ ปริกฺขีณตฺตา. อฏฺวิโมกฺขปฏิกฺเขปวเสเนว น เอกเทสภูตรูปชฺฌานปฺปฏิกฺเขปวเสน. เอวฺหิ อรูปชฺฌาเนกเทสาภาเวปิ อฏฺวิโมกฺขปฏิกฺเขโป น โหตีติ สิทฺธํ โหติ. อรูปาวจรชฺฌาเนสุ หิ เอกสฺมิมฺปิ สติ อุภโตภาควิมุตฺโตเยว นาม โหติ.

ผุฏฺนฺตํ สจฺฉิกโตติ ผุฏฺานํ อนฺโต ผุฏฺนฺโต, ผุฏฺานํ อรูปชฺฌานานํ อนนฺตโร กาโลติ อธิปฺปาโย. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. ตํ ผุฏฺานนฺตรกาลเมว สจฺฉิกาตพฺพํ สจฺฉิกโต สจฺฉิกรณูปาเยนาติ วุตฺตํ โหติ, ภาวนปุํสกํ วา เอตํ ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติอาทีสุ วิย. โย หิ อรูปชฺฌาเนน รูปกายโต นามกาเยกเทสโต จ วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน วิมุตฺโต, เตน นิโรธสงฺขาโต วิโมกฺโข อาโลจิโต ปกาสิโต วิย โหติ, น ปน กาเยน สจฺฉิกโต. นิโรธํ ปน อารมฺมณํ กตฺวา เอกจฺเจสุ อาสเวสุ เขปิเตสุ เตน โส สจฺฉิกโต โหติ, ตสฺมา โส สจฺฉิกาตพฺพํ นิโรธํ ยถาอาโลจิตํ นามกาเยน สจฺฉิ กโรตีติ ‘‘กายสกฺขี’’ติ วุจฺจติ, น ตุ ‘‘วิมุตฺโต’’ติ เอกจฺจานํ อาสวานํ อปริกฺขีณตฺตา. เตนาห ‘‘ฌานผสฺสํ ปมํ ผุสติ, ปจฺฉา นิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรตี’’ติ. อยํ จตุนฺนํ อรูปสมาปตฺตีนํ เอเกกโต วุฏฺาย สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา กายสกฺขิภาวํ ปตฺตานํ จตุนฺนํ, นิโรธา วุฏฺาย อคฺคมคฺคปฺปตฺตอนาคามิโน จ วเสน อุภโตภาควิมุตฺโต วิย ปฺจวิโธ นาม โหตีติ วุตฺตํ อภิธมฺมฏีกายํ (ปุ. ป. มูลฏี. ๒๔) ‘‘กายสกฺขิมฺหิปิ เอเสว นโย’’ติ. เอกจฺเจ อาสวาติ เหฏฺิมมคฺควชฺฌา อาสวา.

ทิฏฺนฺตํ ปตฺโตติ ทสฺสนสงฺขาตสฺส โสตาปตฺติมคฺคาณสฺส อนนฺตรํ ปตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ทิฏฺตฺตา ปตฺโต’’ติปิ ปาโ. เอเตน จตุสจฺจทสฺสนสงฺขาตาย ทิฏฺิยา นิโรธสฺส ปตฺตตํ ทีเปติ. เตนาห ‘‘ทุกฺขา สงฺขารา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปฺายาติ มคฺคปฺาย. ปมผลฏฺโต ปฏฺาย ยาว อคฺคมคฺคฏฺา ทิฏฺิปฺปตฺโต. เตนาห ‘‘โสปิ กายสกฺขี วิย ฉพฺพิโธ โหตี’’ติ. ยถา ปน ปฺาวิมุตฺโต, เอวํ อยมฺปิ สุกฺขวิปสฺสโก จตูหิ อรูปชฺฌาเนหิ วุฏฺาย ทิฏฺิปฺปตฺตภาวปฺปตฺตา จตฺตาโร จาติ ปฺจวิโธ โหตีติ เวทิตพฺโพ. สทฺธาวิมุตฺเตปิ เอเสว นโย. อิทํ ทุกฺขนฺติ เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต อุทฺธํ ทุกฺขนฺติ. ยถาภูตํ ปชานาตีติ เปตฺวา ตณฺหํ อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ ทุกฺขสจฺจนฺติ ยาถาวโต ปชานาติ. ยสฺมา ปน ตณฺหา ทุกฺขํ ชเนติ นิพฺพตฺเตติ, ตโต ตํ ทุกฺขํ สมุเทติ, ตสฺมา นํ ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยสฺมา ปน อิทํ ทุกฺขฺจ สมุทโย จ นิพฺพานํ ปตฺวา นิรุชฺฌติ, อปฺปวตฺตึ คจฺฉติ, ตสฺมา น ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อริโย ปน อฏฺงฺคิโก มคฺโค ตํ ทุกฺขนิโรธํ คจฺฉติ, เตน ตํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. เอตฺตาวตา นานากฺขเณ สจฺจววตฺถานํ ทสฺสิตํ. อิทานิ ตํ เอกกฺขเณ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถาคตปฺปเวทิตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตถาคตปฺปเวทิตาติ ตถาคเตน โพธิมณฺเฑ ปฏิวิทฺธา วิทิตา ปากฏา กตา. ธมฺมาติ จตุสจฺจธมฺมา. โวทิฏฺา โหนฺตีติ สุทิฏฺา. โวจริตาติ สุจริตา, ปฺาย สุฏฺุ จราปิตาติ อตฺโถ. อยนฺติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ทิฏฺิปฺปตฺโตติ.

สทฺธาย วิมุตฺโตติ สทฺทหนวเสน วิมุตฺโต. เอเตน สพฺพถา อวิมุตฺตสฺสปิ สทฺธามตฺเตน วิมุตฺตภาวํ ทสฺเสติ. สทฺธาวิมุตฺโตติ วา สทฺธาย อธิมุตฺโตติ อตฺโถ. กึ ปน เนสํ กิเลสปฺปหาเน นานตฺตํ อตฺถีติ? นตฺถิ. อถ กสฺมา สทฺธาวิมุตฺโต ทิฏฺิปฺปตฺตํ น ปาปุณาตีติ? อาคมนียนานตฺเตน. ทิฏฺิปฺปตฺโต หิ อาคมนมฺหิ กิเลเส วิกฺขมฺเภนฺโต อปฺปทุกฺเขน อกสิเรน อกิลมนฺโตว สกฺโกติ วิกฺขมฺภิตุํ, สทฺธาวิมุตฺโต ปน ทุกฺเขน กสิเรน กิลมนฺโต สกฺโกติ วิกฺขมฺภิตุํ, ตสฺมา สทฺธาวิมุตฺโต ทิฏฺิปฺปตฺตํ น ปาปุณาติ. เตนาห ‘‘เอตสฺส หี’’ติอาทิ. สทฺทหนฺตสฺสาติ ‘‘เอกํสโต อยํ ปฏิปทา กิเลสกฺขยํ อาวหติ สมฺมาสมฺพุทฺเธน ภาสิตตฺตา’’ติ เอวํ สทฺทหนฺตสฺส. ยสฺมา ปนสฺส อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ นิจฺจสฺาปหานวเสน ภาวนาย ปุพฺเพนาปรํ วิเสสํ ปสฺสโต ตตฺถ ตตฺถ ปจฺจกฺขตาปิ อตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สทฺทหนฺตสฺส วิยา’’ติ. เสสปททฺวยํ ตสฺเสว เววจนํ. เอตฺถ จ ปุพฺพภาคมคฺคภาวนาติ วจเนน อาคมนียนานตฺเตน ทิฏฺิปฺปตฺตสทฺธาวิมุตฺตานํ ปฺานานตฺตํ โหตีติ ทสฺสิตํ. อภิธมฺมฏฺกถายมฺปิ (ปุ. ป. อฏฺ. ๒๘) ‘‘เนสํ กิเลสปฺปหาเน นานตฺตํ นตฺถิ, ปฺาย นานตฺตํ อตฺถิเยวา’’ติ วตฺวา ‘‘อาคมนียนานตฺเตเนว สทฺธาวิมุตฺโต ทิฏฺิปฺปตฺตํ น ปาปุณาตีติ สนฺนิฏฺานํ กต’’นฺติ วุตฺตํ.

อารมฺมณํ ยาถาวโต ธาเรติ อวธาเรตีติ ธมฺโม, ปฺา. ตํ ปฺาสงฺขาตํ ธมฺมํ อธิมตฺตตาย ปุพฺพงฺคมํ หุตฺวา ปวตฺตํ อนุสฺสรตีติ ธมฺมานุสารี. เตนาห ‘‘ธมฺโม’’ติอาทิ. ปฺาปุพฺพงฺคมนฺติ ปฺาปธานํ. ‘‘สทฺธํ อนุสฺสรติ, สทฺธาปุพฺพงฺคมํ มคฺคํ ภาเวตี’’ติ อิมมตฺถํ เอเสว นโยติ อติทิสติ. ปฺํ วาเหตีติ ปฺาวาหี, ปฺํ สาติสยํ ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปฺาปุพฺพงฺคมํ อริยมคฺคํ ภาเวตี’’ติ. ปฺา วา ปุคฺคลํ วาเหติ นิพฺพานาภิมุขํ คเมตีติ ปฺาวาหี. สทฺธาวาหีติ เอตฺถาปิ อิมินา นเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อุภโตภาควิมุตฺตาทิกถาติ อุภโตภาควิมุตฺตาทีสุ อาคมนโต ปฏฺาย วตฺตพฺพกถา. ตสฺมาติ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๗๗๓, ๘๘๙) วุตฺตตฺตา. ตโต เอว วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๗๗๓) วุตฺตนเยเนว เจตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ปุคฺคลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. อุทกูปมาสุตฺตวณฺณนา

๑๕. ปฺจเม เอกนฺตกาฬเกหีติ นตฺถิกวาทอเหตุกวาทอกิริยวาทสงฺขาเตหิ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิธมฺเมหิ. เตนาห ‘‘นิยตมิจฺฉาทิฏฺึ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. เอวํ ปุคฺคโลติ อิมินา การเณน เอกวารํ นิมุคฺโค นิมุคฺโคเยว โส โหติ. เอตสฺส หิ ปุน ภวโต วุฏฺานํ นาม นตฺถีติ วทนฺติ มกฺขลิโคสาลาทโย วิย. เหฏฺา เหฏฺา นรกคฺคีนํเยว อาหาโร. สาธุ สทฺธา กุสเลสูติ กุสลธมฺเมสุ สทฺธา นาม สาหุ ลทฺธกาติ อุมฺมุชฺชติ, โส ตาวตฺตเกเนว กุสเลน อุมฺมุชฺชติ นาม. สาธุ หิรีติอาทีสุปิ เอเสว นโย. จงฺกวาเรติ รชกานํ ขารปริสฺสาวเน, สุราปริสฺสาวเน วา. เอวํ ปุคฺคโลติ ‘‘เอวํ สาธุ สทฺธา’’ติ อิเมสํ สทฺธาทีนํ วเสน เอกวารํ อุมฺมุชฺชิตฺวา เตสํ ปริหานิยา ปุน นิมุชฺชติเยว เทวทตฺตาทโย วิย. เทวทตฺโต หิ อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวาปิ ปุน พุทฺธานํ ปฏิปกฺขตาย เตหิ คุเณหิ ปริหีโน รุหิรุปฺปาทกมฺมํ สงฺฆเภทกมฺมฺจ กตฺวา กายสฺส เภทา ทุติยจิตฺตวาเรน จุติจิตฺตมนนฺตรา นิรเย นิพฺพตฺโต. โกกาลิโก ทฺเว อคฺคสาวเก อุปวทิตฺวา ปทุมนิรเย นิพฺพตฺโต.

เนว หายติ โน วฑฺฒตีติ อปฺปโหนกกาเลปิ น หายติ, ปโหนกกาเลปิ น วฑฺฒติ. อุภยมฺปิ ปเนตํ อคาริเกนปิ อนคาริเกนปิ ทีเปตพฺพํ. เอกจฺโจ หิ อคาริโก อปฺปโหนกกาเล ปกฺขิกภตฺตํ วสฺสิกํ วา อุปนิพนฺธาเปสิ, โส ปจฺฉา ปโหนกกาเลปิ ปกฺขิกภตฺตาทิมตฺตเมว ปวตฺเตติ. อนคาริโกปิ อาทิมฺหิ อปฺปโหนกกาเล อุทฺเทสํ ธุตงฺคํ วา คณฺหาติ, เมธาวี พลวีริยสมฺปตฺติยา ปโหนกกาเล ตโต อุตฺตรึ น กโรติ. เอวํ ปุคฺคโลติ เอวํ อิมาย สทฺธาทีนํ ิติยา ปุคฺคโล อุมฺมุชฺชิตฺวา ิโต นาม โหติ. อุมฺมุชฺชิตฺวา ปตรตีติ สกทาคามิปุคฺคโล กิเลสตนุตาย อุฏฺหิตฺวา คนฺตพฺพทิสาภิมุโข ตรติ นาม.

ปฏิคาธปฺปตฺโต โหตีติ อนาคามิปุคฺคลํ สนฺธาย วทติ. อิเม ปน สตฺต ปุคฺคลา อุทโกปเมน ทีปิตา. สตฺต กิร ชงฺฆวาณิชา อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนา อนฺตรามคฺเค เอกํ ปุณฺณนทึ ปาปุณึสุ. เตสุ ปมํ โอติณฺโณ อุทกภีรุโก ปุริโส โอติณฺณฏฺาเนเยว นิมุชฺชิตฺวา ปุน สณฺาตุํ นาสกฺขิ, อวสฺสํว มจฺฉกจฺฉปภตฺตํ ชาโต. ทุติโย โอติณฺณฏฺาเน นิมุชฺชิตฺวา สกึ อุฏฺหิตฺวา ปุน นิมุคฺโค อุฏฺาตุํ นาสกฺขิ, อนฺโตเยว มจฺฉกจฺฉปภตฺตํ ชาโต. ตติโย นิมุชฺชิตฺวา อุฏฺิโต มชฺเฌ นทิยา ตฺวา เนว โอรโต อาคนฺตุํ, น ปารํ คนฺตุํ อสกฺขิ. จตุตฺโถ อุฏฺาย ิโต อุตฺตรณติตฺถํ โอโลเกสิ. ปฺจโม อุตฺตรณติตฺถํ โอโลเกตฺวา ปตรติ. ฉฏฺโ ตํ ทิสฺวา ปาริมตีรํ คนฺตฺวา กฏิปฺปมาเณ อุทเก ิโต. สตฺตโม ปาริมตีรํ คนฺตฺวา คนฺธจุณฺณาทีหิ นฺหตฺวา วรวตฺถาทีนิ นิวาเสตฺวา สุรภิวิเลปนํ วิลิมฺปิตฺวา นีลุปฺปลมาลาทีนิ ปิลนฺธิตฺวา นานาลงฺการปฺปฏิมณฺฑิโต มหานครํ ปวิสิตฺวา ปาสาทมารุหิตฺวา อุตฺตมโภชนํ ภุฺชติ.

ตตฺถ ชงฺฆวาณิชา วิย อิเม สตฺต ปุคฺคลา, นที วิย วฏฺฏํ, ปมสฺส อุทกภีรุกสฺส ปุริสสฺส โอติณฺณฏฺาเนเยว นิมุชฺชนํ วิย มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส วฏฺเฏ นิมุชฺชนํ, อุมฺมุชฺชิตฺวา นิมุชฺชนปุริโส วิย สทฺธาทีนํ อุปฺปตฺติมตฺถเกน อุมฺมุชฺชิตฺวา ตาสํ หานิยา นิมุคฺคปุคฺคโล, มชฺเฌ นทิยา ตฺวา วิย สทฺธาทีนํ ิติยา ิติปุคฺคโล, อุตฺตรณติตฺถํ โอโลเกนฺโต วิย โสตาปนฺโน, ปตรนฺตปุริโส วิย กิเลสกามาวฏฺฏตาย ปตรนฺโต สกทาคามี, ตริตฺวา กฏิมตฺเต อุทเก ิตปุริโส วิย อนาวฏฺฏธมฺมตฺตา อนาคามี, นฺหตฺวา ปาริมตีรํ อุตฺตริตฺวา ถเล ิตปุริโส วิย จตฺตาโร โอเฆ อติกฺกมิตฺวา นิพฺพานถเล ิโต ขีณาสวพฺราหฺมโณ, ถเล ิตปุริสสฺส นครํ ปวิสิตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห อุตฺตมโภชนภุฺชนํ วิย ขีณาสวสฺส นิพฺพานารมฺมณสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา วีตินามนํ เวทิตพฺพํ.

อุทกูปมาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖-๙. อนิจฺจานุปสฺสีสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๖-๑๙. ฉฏฺเ ‘‘อิธ สมสีสี กถิโต’’ติ วตฺวา เอวํ สมสีสิตํ วิภชิตฺวา อิธาธิปฺเปตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โส จตุพฺพิโธ โหตี’’ติอาทิมาห. โรควเสน สมสีสี โรคสมสีสี. เอส นโย เสเสสุปิ. เอกปฺปหาเรเนวาติ เอกเวลายเมว. โย จกฺขุโรคาทีสุ อฺตรสฺมึ สติ ‘‘อิโต อนุฏฺิโต อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ วิปสฺสนํ ปฏฺเปสิ, อถสฺส อรหตฺตฺจ โรคโต วุฏฺานฺจ เอกกาลเมว โหติ , อยํ โรคสมสีสี นาม. อิริยาปถสฺส ปริโยสานนฺติ อิริยาปถนฺตรสมาโยโค. โย านาทีสุ อิริยาปเถสุ อฺตรํ อธิฏฺาย ‘‘อวิโกเปตฺวาว อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ วิปสฺสนํ ปฏฺเปสิ. อถสฺส อรหตฺตปฺปตฺติ จ อิริยาปถวิโกปนฺจ เอกปฺปหาเรเนว โหติ, อยํ อิริยาปถสมสีสี นาม. ชีวิตสมสีสี นามาติ เอตฺถ ‘‘ปลิโพธสีสํ มาโน, ปรามาสสีสํ ทิฏฺิ, วิกฺเขปสีสํ อุทฺธจฺจํ, กิเลสสีสํ อวิชฺชา, อธิโมกฺขสีสํ สทฺธา, ปคฺคหสีสํ วีริยํ, อุปฏฺานสีสํ สติ, อวิกฺเขปสีสํ สมาธิ, ทสฺสนสีสํ ปฺา, ปวตฺตสีสํ ชีวิตินฺทฺริยํ, จุติสีสํ วิโมกฺโข, สงฺขารสีสํ นิโรโธ’’ติ ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๓.๓๓) วุตฺเตสุ สตฺตรสสุ สีเสสุ ปวตฺตสีสํ กิเลสสีสนฺติ ทฺเว สีสานิ อิธาธิปฺเปตานิ – ‘‘อปุพฺพํ อจริมํ อาสวปริยาทานฺจ โหติ ชีวิตปริยาทานฺจา’’ติ วจนโต. เตสุ กิเลสสีสํ อรหตฺตมคฺโค ปริยาทิยติ, ปวตฺตสีสํ ชีวิตินฺทฺริยํ จุติจิตฺตํ ปริยาทิยติ. ตตฺถ อวิชฺชาปริยาทายกํ จิตฺตํ ชีวิตินฺทฺริยํ ปริยาทาตุํ น สกฺโกติ, ชีวิตินฺทฺริยปริยาทายกํ อวิชฺชํ ปริยาทาตุํ น สกฺโกติ . อฺํ อวิชฺชาปริยาทายกํ จิตฺตํ, อฺํ ชีวิตนฺทฺริยปริยาทายกํ. ยสฺส เจตํ สีสทฺวยํ สมํ ปริยาทานํ คจฺฉติ, โส ชีวิตสมสีสี นาม.

กถํ ปนิทํ สมํ โหตีติ? วารสมตาย. ยสฺมิฺหิ วาเร มคฺควุฏฺานํ โหติ, โสตาปตฺติมคฺเค ปฺจ ปจฺจเวกฺขณานิ, สกทาคามิมคฺเค ปฺจ, อนาคามิมคฺเค ปฺจ, อรหตฺตมคฺเค จตฺตารีติ เอกูนวีสติเม ปจฺจเวกฺขณาเณ ปติฏฺาย ภวงฺคํ โอตริตฺวา ปรินิพฺพายโต อิมาย วารสมตาย อิทํ อุภยสีสปริยาทานมฺปิ สมํ โหตีติ อิมาย วารสมตาย. วารสมวุตฺติทายเกน หิ มคฺคจิตฺเตน อตฺตโน อนนฺตรํ วิย นิปฺผาเทตพฺพา ปจฺจเวกฺขณวารา จ กิเลสปริยาทานสฺเสว วาราติ วตฺตพฺพตํ อรหติ. ‘‘วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๗๘; สํ. นิ. ๓.๑๒, ๑๔) วจนโต ปจฺจเวกฺขณปริสมาปเนน กิเลสปริยาทานํ สมฺปาปิตํ นาม โหตีติ อิมาย วารวุตฺติยา สมตาย กิเลสปริยาทานชีวิตปริยาทานานํ สมตา เวทิตพฺพา. เตเนวาห ‘‘ยสฺมา ปนสฺส…เป... ตสฺมา เอวํ วุตฺต’’นฺติ.

อายุโน เวมชฺฌํ อนติกฺกมิตฺวา อนฺตราว กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายตีติ อนฺตราปรินิพฺพายี. เตนาห ‘‘โย ปฺจสุ สุทฺธาวาเสสู’’ติอาทิ . เวมชฺเฌติ อวิหาทีสุ ยตฺถ อุปฺปนฺโน, ตตฺถ อายุโน เวมชฺเฌ. อายุเวมชฺฌํ อุปหจฺจ อติกฺกมิตฺวา ตตฺถ ปรินิพฺพายตีติ อุปหจฺจปรินิพฺพายี. เตนาห ‘‘โย ตตฺเถวา’’ติอาทิ. อสงฺขาเรน อปฺปโยเคน อนุสฺสาเหน อกิลมนฺโต ติกฺขินฺทฺริยตาย สุเขเนว ปรินิพฺพายตีติ อสงฺขารปรินิพฺพายี. เตนาห ‘‘โย เตสํเยวา’’ติอาทิ. เตสํเยว ปุคฺคลานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. อปฺปโยเคนาติ อธิมตฺตปฺปโยเคน วินา อปฺปกสิเรน. สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กิลมนฺโต ทุกฺเขน ปรินิพฺพายตีติ สสงฺขารปรินิพฺพายี. อุทฺธํวาหิภาเวน อุทฺธมสฺส ตณฺหาโสตํ วฏฺฏโสตฺจาติ, อุทฺธํ วา คนฺตฺวา ปฏิลภิตพฺพโต อุทฺธมสฺส มคฺคโสตนฺติ อุทฺธํโภโต. ปฏิสนฺธิวเสน อกนิฏฺํ คจฺฉตีติ อกนิฏฺคามี.

เอตฺถ ปน จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ. โย หิ อวิหโต ปฏฺาย จตฺตาโร เทวโลเก โสเธตฺวา อกนิฏฺํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี นาม. อยฺหิ อวิเหสุ กปฺปสหสฺสํ วสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา อตปฺปํ คจฺฉติ, ตตฺราปิ ทฺเว กปฺปสหสฺสานิ วสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา สุทสฺสํ คจฺฉติ, ตตฺราปิ จตฺตาริ กปฺปสหสฺสานิ วสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา สุทสฺสึ คจฺฉติ, ตตฺราปิ อฏฺ กปฺปสหสฺสานิ วสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา อกนิฏฺํ คจฺฉติ, ตตฺถ วสนฺโต อคฺคมคฺคํ อธิคจฺฉติ. ตตฺถ โย อวิหโต ปฏฺาย ทุติยํ วา จตุตฺถํ วา เทวโลกํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺคามี นาม. โย กามภวโต จวิตฺวา อกนิฏฺเสุ ปรินิพฺพายติ, อยํ น อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี นาม. โย เหฏฺา จตูสุ เทวโลเกสุ ตตฺถ ตตฺเถว นิพฺพตฺติตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ น อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺคามีติ.

เอเต ปน อวิเหสุ อุปฺปนฺนสมนนฺตรอายุเวมชฺฌํ อปฺปตฺวาว ปรินิพฺพายนวเสน ตโย อนฺตราปรินิพฺพายิโน, เอโก อุปหจฺจปรินิพฺพายี, เอโก อุทฺธํโสโตติ ปฺจวิโธ, อสงฺขารสสงฺขารปรินิพฺพายิวิภาเคน ทส โหนฺติ, ตถา อตปฺปสุทสฺสสุทสฺสีสูติ จตฺตาโร ทสกาติ จตฺตารีสํ. อกนิฏฺเ ปน อุทฺธํโสโต นตฺถิ, ตโย อนฺตราปรินิพฺพายิโน, เอโก อุปหจฺจปรินิพฺพายีติ จตฺตาโร, อสงฺขารสสงฺขารปรินิพฺพายิวิภาเคน อฏฺาติ อฏฺจตฺตารีสํ อนาคามิโน. สตฺตมาทีสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

อนิจฺจานุปสฺสีสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. นิทฺทสวตฺถุสุตฺตวณฺณนา

๒๐. ทสเม นิทฺทสวตฺถูนีติ อาทิสทฺทโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘นิทฺทสาทิวตฺถูนี’’ติ. นตฺถิ อิทานิ อิมสฺส ทสาติ นิทฺทโส. ปฺโหติ าตุํ อิจฺฉิโต อตฺโถ. ปุน ทสวสฺโส น โหตีติ เตสํ มติมตฺตเมตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘โส กิรา’’ติ กิรสทฺทคฺคหณํ. นิทฺทโสติ เจตํ วจนมตฺตํ. ตสฺส นิพฺพีสาทิภาวสฺส วิย นินฺนวาทิภาวสฺส จ อิจฺฉิตตฺตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘น เกวลฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คาเม วิจรนฺโตติ คาเม ปิณฺฑาย จรนฺโต. น อิทํ ติตฺถิยานํ อธิวจนํ เตสุ ตนฺนิมิตฺตสฺส อภาวา, สาสเนปิ เสขสฺสปิ น อิทํ อธิวจนํ, กิมงฺคํ ปน ปุถุชฺชนสฺส. ยสฺส ปเนตํ อธิวจนํ เยน จ การเณน, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ขีณาสวสฺเสต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อปฺปฏิสนฺธิกภาโว หิสฺส ปจฺจกฺขโต การณํ. ปรมฺปราย อิตรานิ ยานิ ปาฬิยํ อาคตานึ.

สิกฺขาย สมฺมเทว อาทานํ สิกฺขาสมาทานํ. ตํ ปนสฺสา ปาริปูริยา เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สิกฺขาตฺตยปูรเณ’’ติ. สิกฺขาย วา สมฺมเทว อาทิโต ปฏฺาย รกฺขณํ สิกฺขาสมาทานํ. ตฺจ อตฺถโต ปูรเณน ปริจฺฉินฺนํ อรกฺขเณ สพฺเพน สพฺพํ อภาวโต, รกฺขเณ จ ปริปูรณโต. พลวจฺฉนฺโทติ ทฬฺหจฺฉนฺโท. อายตินฺติ อนนฺตรานาคตทิวสาทิกาโล อธิปฺเปโต, น อนาคตภโวติ อาห ‘‘อนาคเต ปุนทิวสาทีสุปี’’ติ. สิกฺขํ ปริปูเรนฺตสฺส ตตฺถ นิพทฺธภตฺติตา อวิคตเปมตา. เตภูมกธมฺมานํ อนิจฺจาทิวเสน สมฺมเทว นิชฺฌานํ ธมฺมนิสามนาติ อาห ‘‘วิปสฺสนาเยตํ อธิวจน’’นฺติ. ตณฺหาวินเยติ ภงฺคานุปสฺสนาาณานุภาวสิทฺเธ ตณฺหาวิกฺขมฺภเน. เอกีภาเวติ คณสงฺคณิกากิเลสสงฺคณิกาวิคมสิทฺเธ วิเวกวาเส. วีริยารมฺเภติ สมฺมปฺปธานสฺส ปคฺคณฺหเน . ตํ ปน สพฺพโส วีริยสฺส ปริพฺรูหนํ โหตีติ อาห ‘‘กายิกเจตสิกสฺส วีริยสฺส ปูรเณ’’ติ. สติยฺเจว นิปกภาเว จาติ สโตการิตาย เจว สมฺปชานการิตาย จ. สติสมฺปชฺพเลเนว หิ วีริยารมฺโภ อิชฺฌติ. ทิฏฺิปฏิเวเธติ มคฺคสมฺมาทิฏฺิยา ปฏิวิชฺฌเน. เตนาห ‘‘มคฺคทสฺสเน’’ติ.

นิทฺทสวตฺถุสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

อนุสยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.