📜

๕. มหายฺวคฺโค

๑. สตฺตวิฺาณฏฺิติสุตฺตวณฺณนา

๔๔. ปฺจมสฺส ปเม ยสฺมา นิทสฺสนตฺเถ นิปาโต (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๒๗) ตสฺมา เสยฺยถาปิ มนุสฺสาติ ยถา มนุสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. วิเสโส โหติเยว สติปิ พาหิรสฺส การณสฺส อเภเท อชฺฌตฺติกสฺส ภินฺนตฺตา. นานตฺตํ กาเย เอเตสํ, นานตฺโต วา กาโย เอเตสนฺติ นานตฺตกายา. อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เนสนฺติ มนุสฺสานํ. นานตฺตา สฺา เอเตสํ อตฺถีติ นานตฺตสฺิโน. สุขสมุสฺสยโต วินิปาโต เอเตสํ อตฺถีติ วินิปาติกา สติปิ เทวภาเว ทิพฺพสมฺปตฺติยา อภาวโต. อปาเยสุ วา คโต นตฺถิ นิปาโต เอเตสนฺติ วินิปาติกา. เตนาห ‘‘จตุอปายวินิมุตฺตา’’ติ. ปิยงฺกรมาตาทีนํ วิยาติ ปิยงฺกรมาตา กิร ยกฺขินี ปจฺจูสสมเย อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ธมฺมํ สชฺฌายโต สุตฺวา –

‘‘มา สทฺทมกรี ปิยงฺกร, ภิกฺขุ ธมฺมปทานิ ภาสติ;

อปิ ธมฺมปทํ วิชานิย, ปฏิปชฺเชม หิตาย โน สิยา.

‘‘ปาเณสุ จ สํยมามเส, สมฺปชานมุสา น ภณามเส;

สิกฺเขม สุสีลฺยมตฺตโน, อปิ มุจฺเจม ปิสาจโยนิยา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๔๐) –

เอวํ ปุตฺตกํ สฺาเปตฺวา ตํ ทิวสํ โสตาปตฺติผลํ ปตฺตา. อุตฺตรมาตา ปน ภควโต ธมฺมํ สุตฺวาว โสตาปนฺนา ชาตา.

พฺรหฺมกาเย ปมชฺฌานนิพฺพตฺเต พฺรหฺมสมูเห, พฺรหฺมนิกาเย วา ภวาติ พฺรหฺมกายิกา. มหาพฺรหฺมุโน ปริสาย ภวาติ พฺรหฺมปาริสชฺชา ตสฺส ปริจารกฏฺาเน ิตตฺตา. มหาพฺรหฺมุโน ปุโรหิตฏฺาเน ิตาติ พฺรหฺมปุโรหิตา. อายุวณฺณาทีหิ มหนฺตา พฺรหฺมาโนติ มหาพฺรหฺมาโน. สติปิ เตสํ ติวิธานมฺปิ ปเมน ฌาเนน คนฺตฺวา นิพฺพตฺตภาเว ฌานสฺส ปน ปวตฺติเภเทน อยํ วิเสโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘พฺรหฺมปาริสชฺชา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปริตฺเตนาติ หีเนน. สา จสฺส หีนตา ฉนฺทาทีนํ หีนตาย เวทิตพฺพา. ปฏิลทฺธมตฺตํ วา หีนํ. กปฺปสฺสาติ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปสฺส . หีนปณีตานํ มชฺเฌ ภวตฺตา มชฺฌิมํ. สา จสฺส มชฺฌิมตา ฉนฺทาทีนํ มชฺฌิมตาย เวทิตพฺพา. ปฏิลภิตฺวา นาติสุภาวิตํ วา มชฺฌิมํ. อุปฑฺฒกปฺโปติ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปสฺส อุปฑฺฒกปฺโป. วิปฺผาริกตโรติ พฺรหฺมปาริสชฺเชหิ ปมาณโต วิปุลตโร สภาวโต อุฬารตโร จ โหติ. สภาเวนปิ หิ อุฬารตโมว. ตํ ปเนตฺถ อปฺปมาณํ. ตสฺส หิ ปริตฺตาภาทีนํ ปริตฺตสุภาทีนฺจ กาเย สติปิ สภาวเวมตฺเต เอกตฺตวเสเนว ววตฺถปียตีติ ‘‘เอกตฺตกายา’’ตฺเวว เต วุจฺจนฺติ. ปณีเตนาติ อุกฺกฏฺเน. สา จสฺส อุกฺกฏฺตา ฉนฺทาทีนํ อุกฺกฏฺตาย เวทิตพฺพา. สุภาวิตํ วา, สมฺมเทว, วสิภาวํ ปาปิตํ ปณีตํ ‘‘ปธานภาวํ นีต’’นฺติ กตฺวา. อิธาปิ กปฺโป อสงฺขฺเยยฺยกปฺปวเสเนว เวทิตพฺโพ ปริปุณฺณมหากปฺปสฺส อสมฺภวโต. อิตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน. เตติ ‘‘พฺรหฺมกายิกา’’ติ วุตฺตา ติวิธาปิ พฺรหฺมาโน. สฺาย เอกตฺตาติ ติเหตุกภาเวน เอกสภาวตฺตา. น หิ ตสฺสา สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน อฺโปิ โกจิ เภโท อตฺถิ. เอวนฺติ อิมินา นานตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน คหิตาติ ทสฺเสติ.

ทณฺฑอุกฺกายาติ ทณฺฑทีปิกาย. สรติ ธาวติ, วิสฺสรติ วิปฺปกิณฺณา วิย ธาวติ. ทฺเว กปฺปาติ ทฺเว มหากปฺปา. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย. อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺเต. อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน อาภสฺสรคฺคหเณเนว สพฺเพปิ เต ปริตฺตาภาอปฺปมาณาภาปิ คหิตา.

สุนฺทรา ปภา สุภา, ตาย กิณฺณา สุภากิณฺณาติ วตฺตพฺเพ. ภา-สทฺทสฺส รสฺสตฺตํ อนฺติม-ณ-การสฺส ห-การฺจ กตฺวา ‘‘สุภกิณฺหา’’ติ วุตฺตา. อฏฺกถายํ ปน นิจฺจลาย เอกคฺฆนาย ปภาย สุโภติ ปริยายวจนนฺติ ‘‘สุเภน โอกิณฺณา วิกิณฺณา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต. เอตฺถาปิ อนฺติม-ณ-การสฺส ห-การกรณํ อิจฺฉิตพฺพเมว. น ฉิชฺชิตฺวา ปภา คจฺฉติ เอกคฺฆนตฺตา. จตุตฺถวิฺาณฏฺิติเมว ภชนฺติ กายสฺส สฺาย จ เอกรูปตฺตา. วิปุลสนฺตสุขายุวณฺณาทิผลตฺตา เวหปฺผลา. เอตฺถาติ วิฺาณฏฺิติยํ.

วิวฏฺฏปกฺเข ิตา อปุนราวตฺตนโต. ‘‘น สพฺพกาลิกา’’ติ วตฺวา ตเมว อสพฺพกาลิกตฺตํ วิภาเวตุํ ‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. โสฬสกปฺปสหสฺสจฺจเยน อุปฺปนฺนานํ สุทฺธาวาสพฺรหฺมานํ ปรินิพฺพายนโต อฺเสฺจ ตตฺถ อนุปฺปชฺชนโต พุทฺธสุฺเ โลเก สุฺํ ตํ านํ โหติ, ตสฺมา สุทฺธาวาสา น สพฺพกาลิกา. ขนฺธาวารฏฺานสทิสา โหนฺติ สุทฺธาวาสภูมิโย. อิมินา สุตฺเตน สุทฺธาวาสานํ สตฺตาวาสภาวทีปเนเนว วิฺาณฏฺิติภาโวปิ ทีปิโต โหติ, ตสฺมา สุทฺธาวาสาปิ สตฺตสุ วิฺาณฏฺิตีสุ จตุตฺถวิฺาณฏฺิตึ, นวสุ สตฺตาวาเสสุ จตุตฺถสตฺตาวาสฺจ ภชนฺติ.

สุขุมตฺตาติ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺตตฺตา. ปริพฺยตฺตวิฺาณกิจฺจาภาวโต เนว วิฺาณํ, น สพฺพโส อวิฺาณํ โหตีติ นาวิฺาณํ, ตสฺมา ปริปฺผุตวิฺาณกิจฺจวนฺตีสุ วิฺาณฏฺิตีสุ น วุตฺตํ.

สตฺตวิฺาณฏฺิติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สมาธิปริกฺขารสุตฺตวณฺณนา

๔๕. ทุติเย สมาธิปริกฺขาราติ เอตฺถ ตโย ปริกฺขารา. ‘‘รโถ สีลปริกฺขาโร, ฌานกฺโข จกฺกวีริโย’’ติ (สํ. นิ. ๕.๔) หิ เอตฺถ อลงฺกาโร ปริกฺขาโร นาม. ‘‘สตฺตหิ นครปริกฺขาเรหิ สุปริกฺขตํ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗) เอตฺถ ปริวาโร ปริกฺขาโร นาม. ‘‘คิลานปจฺจย…เป… ชีวิตปริกฺขารา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๙๑-๑๙๒) เอตฺถ สมฺภาโร ปริกฺขาโร นาม. โส อิธ อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘มคฺคสมาธิสฺส สมฺภารา’’ติ. ปริวารปริกฺขาโรปิ วฏฺฏติเยว. ปริวาโร หิ สมฺมาทิฏฺาทโย มคฺคธมฺมา สมฺมาสมาธิสฺส สหชาตาทิปจฺจยภาเวน ปริกรณโต อภิสงฺขรณโต. ปริกฺขตาติ ปริวาริตา. อยํ วุจฺจติ อริโย สมฺมาสมาธีติ อยํ สตฺตหิ รตเนหิ ปริวุโต จกฺกวตฺตี วิย สตฺตหิ องฺเคหิ ปริวุโต อริโย สมฺมาสมาธีติ วุจฺจติ. อุเปจฺจ นิสฺสียตีติ อุปนิสา, สห อุปนิสายาติ สอุปนิโส, สอุปนิสฺสโย อตฺโถ, สปริวาโรเยวาติ วุตฺตํ โหติ. สหการิการณภูโต หิ ธมฺมสมูโห อิธ ‘‘อุปนิโส’’ติ อธิปฺเปโต.

สมาธิปริกฺขารสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ปมอคฺคิสุตฺตวณฺณนา

๔๖. ตติเย อนุฑหนฏฺเนาติ กามํ อาหุเนยฺยคฺคิอาทโย ตโย อคฺคี พฺราหฺมเณหิปิ อิจฺฉิตา สนฺติ. เต ปน เตหิ อิจฺฉิตมตฺตาว, น สตฺตานํ ตาทิสา อตฺถสาธกา. เย ปน สตฺตานํ อตฺถสาธกา, เต ทสฺเสตุํ ‘‘อาหุนํ วุจฺจตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อาเนตฺวา หุนนํ ปูชนํ ‘‘อาหุน’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อาหุนํ อรหนฺตี มาตาปิตโร. เตนาห ภควา – ‘‘อาหุเนยฺยาติ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจน’’นฺติ (อิติวุ. ๑๐๖). ยทคฺเคน จ เต ปุตฺตานํ พหูปการตาย อาหุเนยฺยาติ, เตสุ สมฺมาปฏิปตฺติ เนสํ หิตสุขาวหา, ตทคฺเคน เตสุ มิจฺฉาปฏิปตฺติ อหิตทุกฺขาวหาติ อาห ‘‘เตสุ…เป… นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ.

สฺวายมตฺโถ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕) มิตฺตวินฺทกวตฺถุนา เวทิตพฺโพ. มิตฺตวินฺทโก หิ มาตรา, ‘‘ตาต, อชฺช อุโปสถิโก หุตฺวา วิหาเร สพฺพรตฺตึ ธมฺมสฺสวนํ สุโณหิ, สหสฺสํ เต ทสฺสามี’’ติ วุตฺโต ธนโลเภน อุโปสถํ สมาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิทํ านํ อกุโตภย’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา ธมฺมาสนสฺส เหฏฺา นิปนฺโน สพฺพรตฺตึ นิทฺทายิตฺวา ฆรํ อคมาสิ. มาตา ปาโตว ยาคุํ ปจิตฺวา อุปนาเมสิ. โส สหสฺสํ คเหตฺวาว ปิวิ. อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘ธนํ สํหริสฺสามี’’ติ. โส นาวาย สมุทฺทํ ปกฺขนฺทิตุกาโม อโหสิ. อถ นํ มาตา, ‘‘ตาต, อิมสฺมึ กุเล จตฺตาลีสโกฏิธนํ อตฺถิ, อลํ คมเนนา’’ติ นิวาเรติ. โส ตสฺสา วจนํ อนาทิยิตฺวา คจฺฉติ เอว. สา ปุรโต อฏฺาสิ. อถ นํ กุชฺฌิตฺวา ‘‘อยํ มยฺหํ ปุรโต ติฏฺตี’’ติ ปาเทน ปหริตฺวา ปติตํ อนฺตรํ กตฺวา อคมาสิ.

มาตา อุฏฺหิตฺวา ‘‘มาทิสาย มาตริ เอวรูปํ กมฺมํ กตฺวา คตสฺส เต คตฏฺาเน สุขํ ภวิสฺสตีติ เอวํสฺี นาม ตฺวํ ปุตฺตา’’ติ อาห. ตสฺส นาวํ อารุยฺห คจฺฉโต สตฺตเม ทิวเส นาวา อฏฺาสิ. อถ เต มนุสฺสา ‘‘อทฺธา เอตฺถ ปาปปุคฺคโล อตฺถิ, สลากํ เทถา’’ติ อาหํสุ. สลากา ทียมานา ตสฺเสว ติกฺขตฺตุํ ปาปุณิ. เต ตสฺส อุฬุมฺปํ ทตฺวา ตํ สมุทฺเท ปกฺขิปึสุ. โส เอกํ ทีปํ คนฺตฺวา วิมานเปตีหิ สทฺธึ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต ตาหิ ‘‘ปุรโต ปุรโต มา อคมาสี’’ติ วุจฺจมาโนปิ ตทฺทิคุณํ ตทฺทิคุณํ สมฺปตฺตึ ปสฺสนฺโต อนุปุพฺเพน ขุรจกฺกธรํ เอกํ อทฺทส. ตํ จกฺกํ ปทุมปุปฺผํ วิย อุปฏฺาสิ. โส ตํ อาห, ‘‘อมฺโภ, อิทํ ตยา ปิฬนฺธิตํ ปทุมํ มยฺหํ เทหี’’ติ. น อิทํ, สามิ, ปทุมํ, ขุรจกฺกํ เอตนฺติ. โส ‘‘วฺเจสิ มํ ตฺวํ, กึ มยา ปทุมํ น ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ วตฺวา ‘‘ตฺวํ โลหิตจนฺทนํ วิลิมฺปิตฺวา ปิฬนฺธนํ ปทุมปุปฺผํ มยฺหํ น ทาตุกาโม’’ติ อาห. โส จินฺเตสิ ‘‘อยมฺปิ มยา กตสทิสํ กมฺมํ กตฺวา ตสฺส ผลํ อนุภวิตุกาโม’’ติ. อถ นํ ‘‘คณฺห, เร’’ติ วตฺวา ตสฺส มตฺถเก จกฺกํ ขิปิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมา, อฏฺาหิ ปิจ โสฬส;

โสฬสาหิ จ พาตฺตึส, อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโท;

อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๐๔; ๑.๕.๑๐๓);

โสติ เคหสามิโก ภตฺตา. ปุริมนเยเนวาติ อนุฑหนสฺส ปจฺจยตาย. ตตฺริทํ วตฺถุ – กสฺสปพุทฺธกาเล โสตาปนฺนสฺส อุปาสกสฺส ภริยา อติจารํ จรติ. โส ตํ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวา ‘‘กสฺมา เอวํ กโรสี’’ติ อาห. สา ‘‘สจาหํ เอวรูปํ กโรมิ, อยํ เม สุนโข วิลุปฺปมาโน ขาทตู’’ติ วตฺวา กาลกตา กณฺณมุณฺฑกทเห เวมานิกเปตี หุตฺวา นิพฺพตฺตา ทิวา สมฺปตฺตึ อนุภวติ, รตฺตึ ทุกฺขํ. ตทา พาราณสิราชา มิควํ จรนฺโต อรฺํ ปวิสิตฺวา อนุปุพฺเพน กณฺณมุณฺฑกทหํ สมฺปตฺโต ตาย สทฺธึ สมฺปตฺตึ อนุภวติ. สา ตํ วฺเจตฺวา รตฺตึ ทุกฺขํ อนุภวติ. โส ตฺวา ‘‘กตฺถ นุ โข คจฺฉตี’’ติ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต คนฺตฺวา อวิทูเร ิโต กณฺณมุณฺฑกทหโต นิกฺขมิตฺวา ตํ ‘‘ปฏปฏ’’นฺติ ขาทมานํ เอกํ สุนขํ ทิสฺวา อสินา ทฺวิธา ฉินฺทิ, ทฺเว อเหสุํ. ปุน ฉินฺเน จตฺตาโร, ปุน ฉินฺเน อฏฺ, ปุน ฉินฺเน โสฬส อเหสุํ. สา ‘‘กึ กโรสิ, สามี’’ติ อาห. โส ‘‘กึ อิท’’นฺติ อาห. สา ‘‘เอวํ อกตฺวา เขฬปิณฺฑํ ภูมิยํ นิฏฺุภิตฺวา ปาเทน ฆํสาหี’’ติ อาห. โส ตถา อกาสิ. สุนขา อนฺตรธายึสุ. มุฏฺิโยโค กิรายํ ตสฺส สุนขนฺตรธานสฺส, ยทิทํ เขฬปิณฺฑํ ภูมิยํ นิฏฺุภิตฺวา ปาเทน ฆํสนํ, ตํ ทิวสํ ตสฺสา กมฺมํ ขีณํ. ราชา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา คนฺตุํ อารทฺโธ. สา ‘‘มยฺหํ, สามิ, กมฺมํ ขีณํ, มา อคมาสี’’ติ อาห. ราชา อสฺสุตฺวาว คโต.

ทกฺขิณาติ จตฺตาโร ปจฺจยา ทียมานา ทกฺขนฺติ เอเตหิ หิตสุขานีติ, ตํ ทกฺขิณํ อรหตีติ ทกฺขิเณยฺโย, ภิกฺขุสงฺโฆ.

ปมอคฺคิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔-๕. ทุติยอคฺคิสุตฺตาทิวณฺณนา

๔๗-๔๘. จตุตฺเถ ยฺวาฏํ สมฺปาเทตฺวา มหายฺํ อุทฺทิสฺส สวิฺาณกานิ อวิฺาณกานิ จ ยฺูปกรณานิ สชฺชิตานีติ อาห ปาฬิยํ ‘‘มหายฺโ อุปกฺขโฏ’’ติ. ตํ อุปกรณํ เตสํ ตถาสชฺชนนฺติ อาห ‘‘อุปกฺขโฏติ ปจฺจุปฏฺิโต’’ติ. วจฺฉตรสตานีติ ยุวภาวปฺปตฺตานิ นาติพลววจฺฉสตานิ. เต ปน วจฺฉา เอว โหนฺติ, น ทมฺมา, พลีพทฺทา วา. อุรพฺภาติ ตรุณเมณฺฑกา วุจฺจนฺติ. อุปนีตานีติ ปนตฺถาย อุปนีตานิ. วิหึสฏฺเนาติ หึสนฏฺเน. อุปวายตูติ อุปคนฺตฺวา สรีรทรถํ นิพฺพาเปนฺโต สณฺหสีตลา วาโต วายตุ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. ปฺจเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

ทุติยอคฺคิสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ทุติยสฺาสุตฺตวณฺณนา

๔๙. ฉฏฺเ นฺหารุวิเลขนนฺติ จมฺมํ ลิขนฺตานํ จมฺมํ ลิขิตฺวา ฉฑฺฑิตกสฏํ. ‘‘เอโสหมสฺมี’’ติอาทินา อหํกรณํ อหงฺกาโร. ‘‘เอตํ มมา’’ติ มมํกรณํ มมงฺกาโร. เตนาห ‘‘อหงฺการทิฏฺิโต’’ติอาทิ. ติสฺโส วิธาติ เสยฺยสทิสหีนวเสน ตโย มานา. ‘‘เอกวิเธน รูปสงฺคโห’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๕๘๔) โกฏฺาโส ‘‘วิธา’’ติ วุตฺโต. ‘‘กถํวิธํ สีลวนฺตํ วทนฺติ, กถํวิธํ ปฺวนฺตํ วทนฺตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๙๕) ปกาโร. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, วิธา. กตมา ติสฺโส? เสยฺโยหมสฺมีติ วิธา’’ติ (วิภ. ๙๒๐) เอตฺถ มาโน ‘‘วิธา’’ติ วุตฺโต. อิธาปิ มาโนว อธิปฺเปโต. มาโน หิ วิทหนโต หีนาทิวเสน ติวิธา. เตนากาเรน ทหนโต อุปทหนโต ‘‘วิธา’’ติ วุจฺจติ.

ทุติยสฺาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗-๘. เมถุนสุตฺตาทิวณฺณนา

๕๐-๕๑. สตฺตเม อิธาติ อิมสฺมึ โลเก. เอกจฺโจติ เอโก. สมโณ วา พฺราหฺมโณ วาติ ปพฺพชฺชามตฺเตน สมโณ วา, ชาติมตฺเตน พฺราหฺมโณ วา. ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตินฺติ ทฺวีหิ ทฺวีหิ สมาปชฺชิตพฺพํ, เมถุนนฺติ อตฺโถ. น เหว โข สมาปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. อุจฺฉาทนํ อุพฺพฏฺฏนํ. สมฺพาหนํ ปริมทฺทนํ. สาทิยตีติ อธิวาเสติ. ตทสฺสาเทตีติ อุจฺฉาทนาทึ อภิรมติ. นิกาเมตีติ อิจฺฉติ. วิตฺตินฺติ ตุฏฺึ. อิทมฺปิ โขติ เอตฺถ อิทนฺติ ยถาวุตฺตํ สาทิยนาทึ ขณฺฑาทิภาววเสน เอกํ กตฺวา วุตฺตํ. ปิ-สทฺโท วกฺขมานํ อุปาทาย สมุจฺจยตฺโถ, โข-สทฺโท อวธารณตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยเทตํ พฺรหฺมจาริปฏิฺสฺส อสติปิ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺติยํ มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนนหาปนสมฺพาหนสาทิยนาทิ. อิทมฺปิ เอกํเสน ตสฺส พฺรหฺมจริยสฺส ขณฺฑาทิภาวาปาทนโต ขณฺฑมฺปิ ฉิทฺทมฺปิ สพลมฺปิ กมฺมาสมฺปีติ. เอวํ ปน ขณฺฑาทิภาวาปตฺติยา โส อปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรติ, น ปริสุทฺธํ, สํยุตฺโต เมถุนสํโยเคน, น วิสํยุตฺโต. ตโต จสฺส น ชาติอาทีหิ ปริมุตฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ วุจฺจตี’’ติอาทิมาห.

สฺชคฺฆตีติ กิเลสวเสน มหาหสิตํ หสติ. สํกีฬตีติ กายสํสคฺควเสน กีฬติ. สํเกลายตีติ สพฺพโส มาตุคามํ เกลายนฺโต วิหรติ. จกฺขุนาติ อตฺตโน จกฺขุนา. จกฺขุนฺติ มาตุคามสฺส จกฺขุํ. อุปนิชฺฌายตีติ อุเปจฺจ นิชฺฌายติ โอโลเกติ. ติโรกุฏฺฏนฺติ กุฏฺฏสฺส ปรโต. ตถา ติโรปาการํ, ‘‘มตฺติกามยา ภิตฺติ กุฏฺฏํ, อิฏฺกามยา ปากาโร’’ติ วทนฺติ. ยา กาจิ วา ภิตฺติ โปริสกา ทิยฑฺฒรตนปฺปมาณา กุฏฺฏํ, ตโต อธิโก ปากาโร. อสฺสาติ พฺรหฺมจาริปฏิฺสฺส. ปุพฺเพติ วตสมาทานโต ปุพฺเพ. กามคุเณหีติ กามโกฏฺาเสหิ. สมปฺปิตนฺติ สุฏฺุ อปฺปิตํ สหิตํ. สมงฺคิภูตนฺติ สมนฺนาคตํ. ปริจารยมานนฺติ กีฬนฺตํ, อุปฏฺหิยมานํ วา. ปณิธายาติ ปตฺเถตฺวา. สีเลนาติอาทีสุ ยมนิยมาทิสมาทานวเสน สีลํ, อวีติกฺกมวเสน วตํ. อุภยมฺปิ วา สีลํ, ทุกฺกรจริยวเสน ปวตฺติตํ วตํ. ตํตํอกิจฺจสมฺมตโต วา นิวตฺติลกฺขณํ สีลํ, ตํตํสมาทานวโต เวสโภชนกิจฺจกรณาทิวิเสสปฺปฏิปตฺติ วตํ. สพฺพถาปิ ทุกฺกรจริยา ตโป. เมถุนา วิรติ พฺรหฺมจริยนฺติ เอวมฺเปตฺถ ปาฬิวณฺณนา เวทิตพฺพา. อฏฺมํ อุตฺตานเมว.

เมถุนสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ทานมหปฺผลสุตฺตวณฺณนา

๕๒. นวเม ‘‘สาหุ ทาน’’นฺติ ทานํ เทตีติ ‘‘ทานํ นาม สาธุ สุนฺทร’’นฺติ ทานํ เทตีติ อตฺโถ. ทานฺหิ ทตฺวา ตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปาโมชฺชปีติโสมนสฺสาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, โลภโทสอิสฺสามจฺเฉราทโย วิทูรีภวนฺติ. อิทานิ ทานํ อนุกูลธมฺมปริพฺรูหเนน ปจฺจนีกธมฺมวิทูรีกรเณน จ ภาวนาจิตฺตสฺส อุปโสภนาย จ ปริกฺขาราย จ โหตีติ ‘‘อลงฺการภูตฺเจว ปริวารภูตฺจ เทตี’’ติ วุตฺตํ. ฌานานาคามี นาม โหติ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกูปปนฺนานํ อริยานํ เหฏฺา อนุปฺปชฺชนโต. อิมํ เปจฺจ ปริภุฺชิสฺสามีติ สาเปกฺขสฺส ทานํ ปรโลกผลาสาย สาติสยาย จ ปุพฺพาจารวเสน อุปฺปชฺชมานาย อนุภวตฺตา ตณฺหุตฺตรํ นาม โหตีติ อาห ‘‘ปมํ ตณฺหุตฺตริยทาน’’นฺติ. ทานํ นาม พุทฺธาทีหิ ปสตฺถนฺติ ครุํ จิตฺตีการํ อุปฏฺเปตฺวา ทาตพฺพตฺตา ‘‘ทุติยํ จิตฺตีการทาน’’นฺติ วุตฺตํ. ปุพฺพเกหิ ปิตุปิตามเหหิ ทินฺนปุพฺพํ กตปุพฺพํ ชหาเปตุํ นาม นานุจฺฉวิกนฺติ อตฺตภาวสภาควเสน หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ทาตพฺพโต ‘‘ตติยํ หิโรตฺตปฺปทาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อหํ ปจามิ, น อิเม ปจนฺติ, นารหามิ ปจนฺโต อปจนฺตานํ ทานํ อทาตุ’’นฺติ เอวํสฺี หุตฺวา เทนฺโต นิรวเสสํ กตฺวา เทตีติ อาห ‘‘จตุตฺถํ นิรวเสสทาน’’นฺติ. ‘‘ยถา เตสํ ปุพฺพกานํ อิสีนํ ตานิ มหายฺกานิ อเหสุํ, เอวํ เม อยํ ทานปริโภโค ภวิสฺสตี’’ติ เอวํสฺิโน ทานํ ทกฺขิณํ อรเหสุ ทาตพฺพโต ‘‘ปฺจมํ ทกฺขิเณยฺยทาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อิมํ เม ทานํ ททโต จิตฺตํ ปสีทตี’’ติอาทินา ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปาเทตฺวา เทนฺตสฺส ทานํ โสมนสฺสพาหุลฺลปฺปตฺติยา โสมนสฺสุปจารํ นาม โหตีติ อาห ‘‘ฉฏฺํ โสมนสฺสุปวิจารทาน’’นฺติ วุตฺตํ.

ทานมหปฺผลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. นนฺทมาตาสุตฺตวณฺณนา

๕๓. ทสเม ‘‘วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา…เป… นิกฺขมี’’ติ องฺคุตฺตรภาณกานํ มเตเนตํ วุตฺตํ. มชฺฌิมภาณกา ปน วทนฺติ ‘‘ภควา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย เชตวนโต ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ นิกฺขมิ. เตเนว จ อกาเล นิกฺขนฺตตฺตา โกสลราชาทโย วาเรตุํ อารภึสุ. ปวาเรตฺวา หิ จรณํ พุทฺธาจิณฺณ’’นฺติ. ปุณฺณาย สมฺมาปฏิปตฺตึ ปจฺจาสีสนฺโต ภควา ‘‘มม นิวตฺตนปจฺจยา ตฺวํ กึ กริสฺสสี’’ติ อาห. ปุณฺณาปิ…เป… ปพฺพชีติ เอตฺถ เสฏฺิ ‘‘ปุณฺณาย ภควา นิวตฺติโต’’ติ สุตฺวา ตํ ภุชิสฺสํ กตฺวา ธีตุฏฺาเน เปสิ. สา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชิ, ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิ. อถสฺสา สตฺถา อารทฺธวิปสฺสกภาวํ ตฺวา อิมํ โอภาสคาถํ วิสฺสชฺเชสิ –

‘‘ปุณฺเณ ปูรสฺสุ สทฺธมฺมํ, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา;

ปริปุณฺณาย ปฺาย, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสสี’’ติ. (เถรีคา. ๓);

สา คาถาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปตฺวา อภิฺาตา สาวิกา อโหสิ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

นนฺทมาตาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

มหายฺวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ปมปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.