📜
๖. อพฺยากตวคฺโค
๑-๒. อพฺยากตสุตฺตาทิวณฺณนา
๕๔-๕๕. ฉฏฺวคฺคสฺส ¶ ปมํ สุวิฺเยฺยเมว. ทุติเย อตีเต อตฺตภาเว นิพฺพตฺตกํ กมฺมนฺติ ‘‘ปุริมกมฺมภวสฺมึ โมโห อวิชฺชา, อายูหนา สงฺขารา, นิกนฺติ ตณฺหา, อุปคมนํ อุปาทานํ, เจตนา ภโว’’ติ เอวมาคตํ สปริกฺขารํ ปฺจวิธํ กมฺมวฏฺฏมาห. เอตรหิ เม อตฺตภาโว น สิยาติ วิฺาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนาสหิตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ ปฺจวิธํ วิปากวฏฺฏมาห. ยํ อตฺถิกนฺติ ยํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานกํ. เตนาห ‘‘ภูต’’นฺติ. ตฺหิ ปจฺจยนิพฺพตฺตตาย ‘‘ภูต’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ปชหามีติ ตปฺปฏิพทฺธจฺฉนฺทราคปฺปหาเนน ตโต เอว อายตึ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนวเสน ปชหามิ ปริจฺจชามิ. หริตนฺตนฺติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๓) หริตเมว. อนฺต-สทฺเทน ปทวฑฺฒนํ กตํ ยถา ‘‘วนนฺตํ สุตฺตนฺต’’นฺติ, อลฺลติณาทีนิ อาคมฺม นิพฺพายตีติ อตฺโถ. ปถนฺตนฺติ มหามคฺคํ. เสลนฺตนฺติ ปพฺพตํ. อุทกนฺตนฺติ อุทกํ. รมณียํ วา ภูมิภาคนฺติ ติณคุมฺพาทิรหิตํ วิวิตฺตํ อพฺโภกาสภูมิภาคํ. อนาหาราติ อปจฺจยา นิรุปาทานา. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
อพฺยากตสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ติสฺสพฺรหฺมาสุตฺตวณฺณนา
๕๖. ตติเย ¶ วิวิตฺตานิ ตาทิสานิ ปน ปริยนฺตานิ อติทูรานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘อนฺติมปริยนฺติมานี’’ติ. อนฺเต ภวานิ อนฺติมานิ, อนฺติมานิเยว ปริยนฺติมานิ. อุภเยนปิ อติทูรตํ ทสฺเสติ. สมนฺนาหาเร ปยมาโนติ อินฺทฺริยํ สมากาเรน วตฺเตนฺโต อินฺทฺริยสมตํ ปฏิปาเทนฺโต นาม โหติ. วิปสฺสนาจิตฺตสมฺปยุตฺโต สมาธิ, สติปิ สงฺขารนิมิตฺตาวิรเห นิจฺจนิมิตฺตาทิวิรหโต ‘‘อนิมิตฺโต’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘อนิมิตฺตนฺติ พลววิปสฺสนาสมาธิ’’นฺติ.
ติสฺสพฺรหฺมาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔-๗. สีหเสนาปติสุตฺตาทิวณฺณนา
๕๗-๖๐. จตุตฺเถ ¶ กุจฺฉิโต อริโย กทริโย. ถทฺธมจฺฉริยสทิสํ หิ กุจฺฉิตํ สพฺพนิหีนํ นตฺถิ สพฺพกุสลานํ อาทิภูตสฺส นิเสธนโต. เสสเมตฺถ ปฺจมาทีนิ จ อุตฺตานตฺถาเนว.
สีหเสนาปติสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ปจลายมานสุตฺตวณฺณนา
๖๑. อฏฺเม อาโลกสฺํ มนสิ กเรยฺยาสีติ ทิวา วา รตฺตึ วา สูริยปชฺโชตจนฺทมณิอาทีนํ อาโลกํ ‘‘อาโลโก’’ติ มนสิ กเรยฺยาสิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สูริยจนฺทาโลกาทึ ทิวา รตฺติฺจ อุปลทฺธํ ยถาลทฺธวเสเนว มนสิ กเรยฺยาสิ, จิตฺเต เปยฺยาสิ. ยถา เต สุภาวิตาโลกกสิณสฺส วิย กสิณาโลโก ยทิจฺฉกํ ยาวทิจฺฉกฺจ โส อาโลโก รตฺติยํ อุปติฏฺติ, เยน ตตฺถ ทิวาสฺํ เปยฺยาสิ, ทิวา วิย วิคตถินมิทฺโธว ภเวยฺยาสีติ. เตนาห ‘‘ยถา ทิวา ตถา รตฺติ’’นฺติ. อิติ วิวเฏน เจตสาติ เอวํ อปิหิเตน จิตฺเตน ถินมิทฺธปิธาเนน อปิหิตตฺตา. อปริโยนทฺเธนาติ สมนฺตโต อโนนทฺเธน อสฺฉาทิเตน. สโหภาสนฺติ สาโณภาสํ. ถินมิทฺธวิโนทนอาโลโกปิ วา โหตุ กสิณาโลโกปิ ¶ วา ปริกมฺมาโลโกปิ วา, อุปกฺกิเลสาโลโก วิย สพฺโพยํ อาโลโก าณสมุฏฺาโนวาติ. เยสํ อกรเณ ปุคฺคโล มหาชานิโย โหติ, ตานิ อวสฺสํ กาตพฺพานิ. ยานิ อกาตุมฺปิ วฏฺฏนฺติ, สติ สมวาเย กาตพฺพโต ตานิ กรณียานีติ อาห ‘‘อิตรานิ กรณียานี’’ติ. อถ วา กตฺตพฺพานิ กมฺมานิ กรณํ อรหนฺตีติ กรณียานิ. อิตรานิ กิจฺจานีติปิ วทนฺติ.
อาทินยปฺปวตฺตา วิคฺคาหิกกถาติ ‘‘น ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานาสิ, อหํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานามิ, กึ ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานิสฺสสิ, มิจฺฉาปฏิปนฺโน ตฺวมสิ, อหมสฺมิ สมฺมาปฏิปนฺโน, สหิตํ เม, อสหิตํ เต, ปุเรวจนียํ ปจฺฉา อวจ, ปจฺฉาวจนียํ ปุเร อวจ, อธิจิณฺณํ เต วิปราวตฺตํ, อาโรปิโต เต วาโท, นิคฺคหิโต ตฺวมสิ. จร วาทปฺปโมกฺขาย, นิพฺเพเหิ วา สเจ ปโหสี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๘; ม. นิ. ๓.๔๑) เอวํปวตฺตา กถา. ตตฺถ สหิตํ เมติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๘) มยฺหํ วจนํ สหิตํ สิลิฏฺํ, อตฺถยุตฺตํ การณยุตฺตนฺติ อตฺโถ. สหิตนฺติ วา ปุพฺพาปราวิรุทฺธํ. อสหิตํ เตติ ตุยฺหํ วจนํ ¶ อสหิตํ อสิลิฏฺํ. อธิจิณฺณํ เต วิปราวตฺตนฺติ ยํ ตุยฺหํ ทีฆรตฺตาจิณฺณวเสน สุปฺปคุณํ, ตํ มยฺหํ เอกวจเนเนว วิปราวตฺตํ ปริวตฺติตฺวา ิตํ, น กิฺจิ ชานาสีติ อตฺโถ. อาโรปิโต เต วาโทติ มยา ตว วาเท โทโส อาโรปิโต. จร วาทปฺปโมกฺขายาติ โทสโมจนตฺถํ จร วิจร, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา สิกฺขาติ อตฺโถ. นิพฺเพเหิ วา สเจ ปโหสีติ อถ สยํ ปโหสิ, อิทานิ เอว นิพฺเพเหีติ อตฺโถ.
ตณฺหา สพฺพโส ขียนฺติ เอตฺถาติ ตณฺหาสงฺขโย, ตสฺมึ. ตณฺหาสงฺขเยติ จ อิทํ วิสเย ภุมฺมนฺติ อาห ‘‘ตํ อารมฺมณํ กตฺวา’’ติ. วิมุตฺตจิตฺตตายาติ สพฺพสํกิเลเสหิ วิปฺปยุตฺตจิตฺตตาย. อปรภาเค ปฏิปทา นาม อริยสจฺจาภิสมโย. สา สาสนจาริโคจรา ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพโตติ อาห ‘‘ปุพฺพภาคปฺปฏิปทํ สํขิตฺเตน เทเสถาติ ปุจฺฉตี’’ติ. อกุปฺปธมฺมตาย ขยวยสงฺขาตํ อนฺตํ อตีตาติ อจฺจนฺตา, โส เอว อปริหายนสภาวตฺตา อจฺจนฺตา นิฏฺา อสฺสาติ อจฺจนฺตนิฏฺา. เตนาห ‘‘เอกนฺตนิฏฺโ สตตนิฏฺโติ อตฺโถ’’ติ. น หิ ปฏิวิทฺธสฺส ¶ โลกุตฺตรธมฺมสฺส ทสฺสนฺนํ กุปฺปนฺนํ นาม อตฺถิ. อจฺจนฺตเมว จตูหิ โยเคหิ เขโม เอตสฺส อตฺถีติ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส วุสิตตฺตา ตสฺส จ อปริหายนสภาวตฺตา อจฺจนฺตํ พฺรหฺมจารีติ อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี. เตนาห ‘‘นิจฺจพฺรหฺมจารีติ อตฺโถ’’ติ. ปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยปริยปริโยสานํ วฏฺฏทุกฺขปริโยสานฺจ.
ปฺจกฺขนฺธาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. สกฺกายสพฺพฺหิ สนฺธาย อิธ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา’’ติ วุตฺตํ วิปสฺสนาวิสยสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ตสฺมา อายตนธาตุโยปิ ตคฺคติกา เอว ทฏฺพฺพา. เตนาห ภควา ‘‘นาลํ อภินิเวสายา’’ติ. น ยุตฺตา อภินิเวสาย ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติ อชฺโฌสานาย. ‘‘อลเมว นิพฺพินฺทิตุํ อลํ วิรชฺชิตุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๗๒; สํ. นิ. ๒.๑๒๔, ๑๒๘, ๑๓๔, ๑๔๓) วิย อลํ-สทฺโท ยุตฺตตฺโถปิ โหตีติ อาห ‘‘น ยุตฺตา’’ติ. สมฺปชฺชนฺตีติ ภวนฺติ. ยทิปิ ‘‘ตติยา จตุตฺถี’’ติ อิทํ วิสุทฺธิทฺวยํ อภิฺาปฺา, ตสฺส ปน สปจฺจยนามรูปทสฺสนภาวโต สติ จ ปจฺจยปริคฺคเห สปจฺจยตฺตา อนิจฺจนฺติ, นามรูปสฺส อนิจฺจตาย ทุกฺขํ, ทุกฺขฺจ อนตฺตาติ อตฺถโต ลกฺขณตฺตยํ สุปากฏเมว โหตีติ อาห ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ าตปริฺาย อภิชานาตี’’ติ. ตเถว ตีรณปริฺายาติ อิมินา อนิจฺจาทิภาเวน นาลํ อภินิเวสายาติ นามรูปสฺส อุปสํหรติ, น อภิฺาปฺานํ สมฺภารธมฺมานํ. ปุริมาย หิ อตฺถโต อาปนฺนํ ลกฺขณตฺตยํ คณฺหาติ สลกฺขณสลฺลกฺขณปรตฺตา ตสฺสา. ทุติยาย สรูปโต ตสฺสา ลกฺขณตฺตยาโรปนวเสน สมฺมสนภาวโต. เอกจิตฺตกฺขณิกตาย อภินิปาตมตฺตตาย จ ¶ อปฺปมตฺตกมฺปิ. รูปปริคฺคหสฺส โอฬาริกภาวโต อรูปปริคฺคหํ ทสฺเสติ. ทสฺเสนฺโต จ เวทนาย อาสนฺนภาวโต, วิเสสโต สุขสาราคิตาย, ภวสฺสาทคธิตมานสตาย จ เถรสฺส เวทนาวเสน นิพฺพตฺเตตฺวา ทสฺเสติ.
ขยวิราโคติ ขยสงฺขาโต วิราโค สงฺขารานํ ปลุชฺชนา. ยํ อาคมฺม สพฺพโส สงฺขาเรหิ วิรชฺชนา โหติ, ตํ นิพฺพานํ อจฺจนฺตวิราโค. นิโรธานุปสฺสิมฺหิปีติ นิโรธานุปสฺสิปเทปิ. เอเสว นโยติ อติทิสิตฺวา ตํ ¶ เอกเทเสน วิวรนฺโต ‘‘นิโรโธปิ หิ…เป… ทุวิโธเยวา’’ติ อาห. ขนฺธานํ ปริจฺจชนํ ตปฺปฏิพทฺธกิเลสปฺปหานวเสนาติ เยนากาเรน วิปสฺสนา กิเลเส ปชหติ, เตนากาเรน ตํนิมิตฺตกฺขนฺเธ จ ปชหตีติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ อาห ‘‘สา หิ…เป… โวสฺสชฺชตี’’ติ. อารมฺมณโตติ กิจฺจสาธนวเสน อารมฺมณกรณโต. เอวฺหิ มคฺคโต อฺเสํ นิพฺพานารมฺมณานํ ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺคาภาโว สิทฺโธว โหติ. ปริจฺจชเนน ปกฺขนฺทเนน จาติ ทฺวีหิปิ วา การเณหิ. โสติ มคฺโค. สพฺเพสํ ขนฺธานํ โวสฺสชฺชนํ ตปฺปฏิพทฺธสํกิเลสปฺปหาเนน ทฏฺพฺพํ. ยสฺมา วา วิปสฺสนาจิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ มคฺคสมฺปยุตฺตจิตฺตํ สนฺธายาห. มคฺโค จ สมุจฺเฉทวเสน กิเลเส ขนฺเธ จ ปริจฺจชติ, ตสฺมา ยถากฺกมํ วิปสฺสนามคฺคานฺจ วเสน ปกฺขนฺทนปริจฺจาคโวสฺสคฺคาปิ เวทิตพฺพา. ตทุภยสมงฺคีติ วิปสฺสนาสมงฺคี มคฺคสมงฺคี จ. ‘‘อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺํ ปชหตี’’ติอาทิวจนโต (ปฏิ. ม. ๑.๕๒) หิ ยถา วิปสฺสนาย กิเลสานํ ปริจฺจาคปฺปฏินิสฺสคฺโค ลพฺภติ, เอวํ อายตึ เตหิ กิเลเสหิ อุปฺปาเทตพฺพกฺขนฺธานมฺปิ ปริจฺจาคปฏินิสฺสคฺโค วตฺตพฺโพ. ปกฺขนฺทนปฏินิสฺสคฺโค ปน มคฺเค ลพฺภมานาย เอกนฺตการณภูตาย วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาย วเสน เวทิตพฺโพ. มคฺเค ปน ตทุภยมฺปิ ายาคตเมว นิปฺปริยายโตว ลพฺภมานตฺตา. เตนาห ‘‘ตทุภยสมงฺคีปุคฺคโล’’ติอาทิ. ปุจฺฉนฺตสฺส อชฺฌาสยวเสน ‘‘น กิฺจิ โลเก อุปาทิยตี’’ติ เอตฺถ กามุปาทานวเสน อุปาทิยนํ ปฏิกฺขิปตีติ อาห ‘‘ตณฺหาวเสน น อุปาทิยตี’’ติ. ตณฺหาวเสน วา อสติ อุปาทิยเน ทิฏฺิวเสน อุปาทิยนํ อนวกาสเมวาติ ‘‘ตณฺหาวเสน’’อิจฺเจว วุตฺตํ. น ปรามสตีติ นาทิยติ. ทิฏฺิปรามาสวเสน วา ‘‘นิจฺจ’’นฺติอาทินา น ปรามสติ. สํขิตฺเตเนว กเถสีติ ตสฺส อชฺฌาสยวเสน ปปฺจํ อกตฺวา กเถสิ.
ปจลายมานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. เมตฺตสุตฺตวณฺณนา
๖๒. นวเม ¶ มา, ภิกฺขเว, ปฺุานนฺติ (อิติวุ. อฏฺ. ๖๒) เอตฺถ มาติ ปฏิเสเธ นิปาโต. ปฺุ-สทฺโท ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปฺุํ ปวฑฺฒตี’’ติอาทีสุ ¶ (ที. นิ. ๓.๘๐) ปฺุผเล อาคโต. ‘‘อวิชฺชาคโตยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล ปฺฺุเจ สงฺขารํ อภิสงฺขโรตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๑) กามรูปาวจรสุจริเตสุ. ‘‘ปฺุูปคํ โหติ วิฺาณ’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๑) สุคติวิเสสภูเต อุปปตฺติภเว. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปฺุกิริยวตฺถูนิ ทานมยํ ปฺุกิริยวตฺถุ, สีลมยํ ปฺุกิริยวตฺถุ, ภาวนามยํ ปฺุกิริยวตฺถู’’ติอาทีสุ (อิติวุ. ๖๐; ที. นิ. ๓.๓๐๕; อ. นิ. ๘.๓๖) กุสลเจตนายํ. อิธ ปน เตภูมกกุสลธมฺเม เวทิตพฺโพ. ภายิตฺถาติ เอตฺถ ทุวิธํ ภยํ าณภยํ, สารชฺชภยนฺติ. ตตฺถ ‘‘เยปิ เต, ภิกฺขเว, เทวา ทีฆายุกา วณฺณวนฺโต สุขพหุลา อุจฺเจสุ วิมาเนสุ จิรฏฺิติกา, เตปิ ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เยภุยฺเยน ภยํ สํเวคํ สนฺตาสํ อาปชฺชนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๓) อาคตํ าณภยํ. ‘‘อหุเทว ภยํ, อหุ ฉมฺภิตตฺตํ, อหุ โลมหํโส’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๑๘) อาคตํ สารชฺชภยํ. อิธาปิ สารชฺชภยเมว. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ภิกฺขเว, ทีฆรตฺตํ กายวจีสํยโม วตฺตปฺปฏิวตฺตปูรณํ เอกาสนํ เอกเสยฺยํ อินฺทฺริยทโม ธุตธมฺเมหิ จิตฺตสฺส นิคฺคโห สติสมฺปชฺํ กมฺมฏฺานานุโยควเสน วีริยารมฺโภติ เอวมาทีนิ ยานิ ภิกฺขุนา นิรนฺตรํ ปวตฺเตตพฺพานิ ปฺุานิ, เตหิ มา ภายิตฺถ, มา ภยํ สนฺตาสํ อาปชฺชิตฺถ. เอกจฺจสฺส ทิฏฺธมฺมสุขสฺส อุปโรธภเยน สมฺปรายิกนิพฺพานสุขทายเกหิ ปฺุเหิ มา ภายิตฺถาติ. นิสฺสกฺเก อิทํ สามิวจนํ.
อิทานิ ตโต อภายิตพฺพภาเว การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุขสฺเสต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สุข-สทฺโท ‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท, สุขา วิราคตา โลเก’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๙๔) สุขมูเล อาคโต. ‘‘ยสฺมา จ โข, มหาลิ, รูปํ สุขํ สุขานุปติตํ สุขาวกฺกนฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๖๐) สุขารมฺมเณ. ‘‘ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรํ อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ ยาว สุขา สคฺคา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๕๕) สุขปจฺจยฏฺาเน. ‘‘สุโข ปฺุสฺส อุจฺจโย’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๑๘) สุขเหตุมฺหิ. ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหารา เอเต ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๘๒) อพฺยาปชฺเช. ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๑๕; ธ. ป. ๒๐๓, ๒๐๔) นิพฺพาเน. ‘‘สุขสฺส จ ปหานา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๓๒; ม. นิ. ๑.๒๗๑; สํ. นิ. ๒.๑๕๒) สุขเวทนายํ. ‘‘อทุกฺขมสุขํ ¶ สนฺตํ, สุขมิจฺเจว ภาสิต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๕๓; อิติวุ. ๕๓) อุเปกฺขาเวทนายํ. ‘‘ทฺเวปิ ¶ มยา, อานนฺท, เวทนา วุตฺตา ปริยาเยน สุขา เวทนา ทุกฺขา เวทนา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๘๙) อิฏฺสุเขสุ. ‘‘สุโข วิปาโก ปฺุาน’’นฺติอาทีสุ (เปฏโก. ๒๓) อิฏฺวิปาเก. อิธาปิ อิฏฺวิปาเก เอว ทฏฺพฺโพ. อิฏฺสฺสาติอาทีสุ อิจฺฉิตพฺพโต เจว อนิฏฺปฺปฏิปกฺขโต จ อิฏฺสฺส. กมนียโต มนสฺมิฺจ กมนโต ปวิสนโต กนฺตสฺส. ปิยายิตพฺพโต สนฺตปฺปนโต จ ปิยสฺส. มนนียโต มนสฺส วฑฺฒนโต จ มนาปสฺสาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยทิทํ ปฺุานีติ ปฺุานีติ ยทิทํ วจนํ, เอตํ สุขสฺส อิฏฺสฺส วิปากสฺส อธิวจนํ นามํ. สุขสฺเสตํ ยทิทํ ปฺุานีติ ผเลน การณสฺส อเภโทปจารํ วทติ. เตน กตูปจิตานํ ปฺุานํ อวสฺสํภาวิผลํ สุตฺวา อปฺปมตฺเตน สกฺกจฺจํ ปฺุานิ กตฺตพฺพานีติ ปฺุกิริยายํ นิโยเชติ, อาทรฺจ เนสํ ตตฺถ อุปฺปาเทติ.
อิทานิ อตฺตนา สุเนตฺตกาเล กเตน ปฺุกมฺเมน ทีฆรตฺตํ ปจฺจนุภูตํ ภวนฺตรปฺปฏิจฺฉนฺนํ อุฬารตรํ ปฺุวิปากํ อุทาหริตฺวา ตมตฺถํ ปากฏตรํ กโรนฺโต ‘‘อภิชานามิ โข ปนาห’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อภิชานามีติ อภิวิสิฏฺเน าเณน ชานามิ, ปจฺจกฺขโต พุชฺฌามิ. ทีฆรตฺตนฺติ จิรกาลํ. ปฺุานนฺติ ทานาทีนํ กุสลธมฺมานํ. สตฺต วสฺสานีติ สตฺต สํวจฺฉรานิ. เมตฺตจิตฺตนฺติ มิชฺชตีติ เมตฺตา, สินิยฺหตีติ อตฺโถ. มิตฺเต ภวา, มิตฺตสฺส วา เอสา ปวตฺตีติปิ เมตฺตา. ลกฺขณาทิโต ปน หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา, หิตูปสํหารรสา, อาฆาตวินยปจฺจุปฏฺานา, สตฺตานํ มนาปภาวทสฺสนปทฏฺานา. พฺยาปาทูปสโม เอติสฺสา สมฺปตฺติ, สิเนหสมฺภโว วิปตฺติ. เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตฺวาติ เมตฺตาสหคตํ จิตฺตํ, จิตฺตสีเสน สมาธิ วุตฺโตติ เมตฺตาสมาธึ เมตาพฺรหฺมวิหารํ อุปฺปาเทตฺวา เจว วฑฺเฒตฺวา จ.
สตฺต สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเปติ สตฺต มหากปฺเป. สํวฏฺฏวิวฏฺฏคฺคหเณเนว หิ สํวฏฺฏฏฺายิวิวฏฺฏฏฺายิโนปิ คหิตา. อิมํ โลกนฺติ กามโลกํ. สํวฏฺฏมาเน สุทนฺติ สํวฏฺฏมาเน, สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ, วิปชฺชมาเนติ อตฺโถ. ‘‘วรสํวตฺตฏฺาเน สุท’’นฺติปิ ปนฺติ. กปฺเปติ กาเล. กปฺปสีเสน หิ กาโล วุตฺโต, กาเล ขียมาเน สพฺโพปิ ขียเตว. ยถาห – ‘‘กาโล ¶ ฆสติ ภูตานิ, สพฺพาเนว สหตฺตนา’’ติ (ชา. ๑.๒.๑๙๐). ‘‘อาภสฺสรูปโค โหมี’’ติ วุตฺตตฺตา เตโชสํวฏฺฏวเสเนตฺถ กปฺปวุฏฺานํ เวทิตพฺพํ. อาภสฺสรูปโคติ ตตฺถ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อาภสฺสรพฺรหฺมโลกํ อุปคจฺฉามีติ อาภสฺสรูปโค โหมิ. วิวฏฺฏมาเนติ สณฺหมาเนติ อตฺโถ. สฺุํ พฺรหฺมวิมานํ อุปปชฺชามีติ กสฺสจิ สตฺตสฺส ตตฺถ นิพฺพตฺตสฺส อภาวโต สฺุํ ยํ ปมชฺฌานภูมิสงฺขาตํ ¶ พฺรหฺมวิมานํ อาทิโต นิพฺพตฺตติ, ตํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อุปปชฺชามิ อุเปมิ.
พฺรหฺมาติ กามาวจรสตฺเตหิ วิสิฏฺฏฺเน ตถา ตถา พฺรูหิตคุณตาย พฺรหฺมวิหารโต นิพฺพตฺตนฏฺเน จ พฺรหฺมา. พฺรหฺมปาริสชฺชพฺรหฺมปุโรหิเตหิ มหนฺโต พฺรหฺมาติ มหาพฺรหฺมา, ตโต เอว เต อภิภวิตฺวา ิตตฺตา อภิภู. เตหิ น เกนจิปิ คุเณน อภิภูโตติ อนภิภูโต. อฺทตฺถูติ เอกํสวจเน นิปาโต. ทสฺสนโต ทโส, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ ทสฺสนสมตฺโถ อภิฺาาเณน ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสามีติ อตฺโถ. เสสพฺรหฺมานํ อิทฺธิปาทภาวนาพเลน อตฺตโน จิตฺตฺจ มม วเส วตฺเตมีติ วสวตฺตี โหมีติ โยเชตพฺพํ. ตทา กิร โพธิสตฺโต อฏฺสมาปตฺติลาภีปิ สมาโน ตถา สตฺตหิตํ อตฺตโน ปารมิปูรณฺจ โอโลเกนฺโต ตาสุ เอว ทฺวีสุ ฌานภูมีสุ นิกนฺติ อุปฺปาเทตฺวา เมตฺตาพฺรหฺมวิหารวเสน อปราปรํ สํสริ. เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺต วสฺสานิ…เป… วสวตฺตี’’ติ.
เอวํ ภควา รูปาวจรปฺุสฺส วิปากมหนฺตตํ ปกาเสตฺวา อิทานิ กามาวจรปฺุสฺสปิ วิปากํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ฉตฺตึสกฺขตฺตุ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สกฺโก อโหสินฺติ ฉตฺตึสกฺขตฺตุํ ฉตฺตึสวาเร อฺตฺถ อนุปปชฺชิตฺวา นิรนฺตรํ สกฺโก เทวานมินฺโท ตาวตึสเทวราชา อโหสึ. ราชา อโหสินฺติอาทีสุ จตูหิ อจฺฉริยธมฺเมหิ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ จ โลกํ รฺเชตีติ ราชา. จกฺกรตนํ วตฺเตติ, จตูหิ สมฺปตฺติจกฺเกหิ วตฺตติ, เตหิ จ ปรํ วตฺเตติ, ปรหิตาย จ อิริยาปถจกฺกานํ วตฺโต เอตสฺมึ อตฺถีติ จกฺกวตฺตี. ‘‘ราชา’’ติ เจตฺถ สามฺํ, ‘‘จกฺกวตฺตี’’ติ วิเสสํ. ธมฺเมน จรตีติ ธมฺมิโก, าเยน สเมน วตฺตตีติ อตฺโถ. ธมฺเมเนว รชฺชํ ลภิตฺวา ราชา ชาโตติ ธมฺมราชา, ทสวิเธ กุสลธมฺเม อครหิเต จ ราชธมฺเม นิยุตฺโตติ ธมฺมิโก. เตน จ ธมฺเมน สกลํ ¶ โลกํ รฺเชตีติ ธมฺมราชา. ปรหิตธมฺมกรเณน วา ธมฺมิโก, อตฺตหิตธมฺมกรเณน ธมฺมราชา. ยสฺมา จกฺกวตฺตี ธมฺเมน าเยน รชฺชํ อธิคจฺฉติ, น อธมฺเมน, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ธมฺเมน ลทฺธรชฺชตฺตา ธมฺมราชา’’ติ.
จตูสุ ทิสาสุ สมุทฺทปริโยสานตาย จาตุรนฺตา นาม ตตฺถ ตตฺถ ทีเป มหาปถวีติ อาห ‘‘ปุรตฺถิม…เป… อิสฺสโร’’ติ. วิชิตาวีติ วิเชตพฺพสฺส วิชิตวา, กามโกธาทิกสฺส อพฺภนฺตรสฺส ปฏิราชภูตสฺส พาหิรสฺส จ อริคณสฺส วิชยี วิชินิตฺวา ิโตติ อตฺโถ. กามํ จกฺกวตฺติโน เกนจิ ยุทฺธํ นาม นตฺถิ, ยุทฺเธน ปน สาเธตพฺพสฺส วิชยสฺส สิทฺธิยา ‘‘วิชิตสงฺคาโม’’ติ วุตฺตํ. ชนปโท วา จตุพฺพิธอจฺฉริยธมฺเมน สมนฺนาคโต อสฺมึ ราชินิ ถาวริยํ ¶ เกนจิ อสํหาริยํ ทฬฺหภตฺติภาวํ ปตฺโต, ชนปเท วา อตฺตโน ธมฺมิกาย ปฏิปตฺติยา ถาวริยํ ถิรภาวํ ปตฺโตติ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต. จณฺฑสฺส หิ รฺโ พลิทณฺฑาทีหิ โลกํ ปีฬยโต มนุสฺสา มชฺฌิมชนปทํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพตสมุทฺทตีรกนฺทราทีนิ นิสฺสาย ปจฺจนฺเต วาสํ กปฺเปนฺติ. อติมุทุกสฺส รฺโ โจเรหิ สาหสิกธนวิโลปปีฬิตา มนุสฺสา ปจฺจนฺตํ ปหาย ชนปทมชฺเฌ วาสํ กปฺเปนฺติ. อิติ เอวรูเป ราชินิ ชนปโท ถิรภาวํ น ปาปุณาติ.
สตฺตรตนสมนฺนาคโตติ จกฺกรตนาทีหิ สตฺตหิ รตเนหิ สมุเปโต. เตสุ หิ ราชา จกฺกวตฺตี จกฺกรตเนน อชิตํ ชินาติ, หตฺถิอสฺสรตเนหิ วิชิเต สุเขเนว อนุวิจรติ, ปริณายกรตเนน วิชิตมนุรกฺขติ, อวเสเสหิ อุปโภคสุขมนุภวติ. ปเมน จสฺส อุสฺสาหสตฺติโยโค, ปจฺฉิเมน มนฺตสตฺติโยโค, หตฺถิอสฺสคหปติรตเนหิ ปภุสตฺติโยโค สุปริปุณฺโณ โหติ. อิตฺถิมณิรตเนหิ อุปโภคสุขมนุภวติ, เสเสหิ อิสฺสริยสุขํ. วิเสสโต จสฺส ปุริมานิ ตีณิ อโทสกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ, มชฺฌิมานิ อโลภกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน, ปจฺฉิมเมกํ อโมหกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวนาติ.
สูราติ สตฺติวนฺโต, นิพฺภยาติ อตฺโถติ อาห ‘‘อภีรุโน’’ติ. องฺคนฺติ การณํ. เยน การเณน ‘‘วีรา’’ติ วุจฺเจยฺยุํ, ตํ วีรงฺคํ. เตนาห ‘‘วีริยสฺเสตํ นาม’’นฺติ. ยาว จกฺกวาฬปพฺพตา จกฺกสฺส วตฺตนโต ‘‘จกฺกวาฬปพฺพตํ สีมํ กตฺวา ิตสมุทฺทปริยนฺต’’นฺติ วุตฺตํ. อทณฺเฑนาติ อิมินา ธนทณฺฑสฺส สรีรทณฺฑสฺส จ อกรณํ วุตฺตํ. อสตฺเถนาติ อิมินา ¶ ปน เสนาย ยุชฺฌนสฺสาติ ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘น ทณฺเฑนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เย กตาปราเธ สตฺเต สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ คณฺหนฺติ, เต ธนทณฺเฑน รชฺชํ กาเรนฺติ. เย เฉชฺชเภชฺชํ อนุสาสนฺติ, เต สตฺถทณฺเฑน. อหํ ปน ทุวิธมฺปิ ทณฺฑํ ปหาย อทณฺเฑน อชฺฌาวสึ. เย เอกโตธาราทินา สตฺเถน ปรํ วิเหเนฺติ, เต สตฺเถน รชฺชํ กาเรนฺติ นาม. อหํ ปน สตฺเถน ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตํ กสฺสจิ อนุปฺปาเทตฺวา ธมฺเมเนว ‘‘เอหิ โข, มหาราชา’’ติ เอวํ ปฏิราชูหิ สมฺปฏิจฺฉิตาคมโน วุตฺตปฺปการํ ปถวึ อภิชินิตฺวา อชฺฌาวสึ, อภิวิชินิตฺวา สามี หุตฺวา วสินฺติ.
อิติ ภควา อตฺตานํ กายสกฺขึ กตฺวา ปฺุานํ วิปากมหนฺตตํ ปกาเสตฺวา อิทานิ ตเมวตฺถํ คาถาพนฺธเนน ทสฺเสนฺโต ‘‘ปสฺส, ปฺุานํ วิปาก’’นฺติอาทิมาห. สุเขสิโนติ อาลปนวจนเมตํ, เตน สุขปริเยสเก สตฺเต อามนฺเตติ. ปาฬิยํ ปน ‘‘ปสฺสถา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ปสฺสา’’ติ วจนพฺยตฺตโย กโตติ ทฏฺพฺโพ. มนุสฺสานํ อุเร สตฺถํ เปตฺวา อิจฺฉิตธนหรณาทินา วา ¶ สาหสการิตาย สาหสิกา, เตสํ กมฺมํ สาหสิกกมฺมํ. ปถวิยา อิสฺสโร ปถพฺโยติ อาห ‘‘ปุถวิสามิโก’’ติ.
เมตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ภริยาสุตฺตวณฺณนา
๖๓. ทสเม อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา อุทฺธํ อุคฺคตตฺตา อุจฺจํ ปตฺถฏตฺตา มหนฺตํ อวินิพฺโภคํ วินิภฺุชิตฺวา คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยํ สทฺทํ กโรนฺตา วทนฺติ. วจีโฆโสปิ หิ พหูหิ เอกชฺฌํ ปวตฺติโต อตฺถโต จ สทฺทโต จ ทุรวโพโธ เกวลํ มหานิคฺโฆโส เอว หุตฺวา โสตปถมาคจฺฉติ. มจฺฉวิโลเปติ มจฺเฉ วิลุมฺปิตฺวา วิย คหเณ, มจฺฉานํ วา วิลุมฺปเน. เกวฏฺฏานฺหิ มจฺฉปจฺฉิฏฺปิตฏฺาเน มหาชโน สนฺนิปติตฺวา ‘‘อิธ อฺํ เอกํ มจฺฉํ เทหิ, เอกํ มจฺฉผาลํ เทหิ, เอตสฺส เต มหา ทินฺโน, มยฺหํ ขุทฺทโก’’ติ เอวํ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทํ กโรนฺติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘เกวฏฺฏานํ มจฺฉปจฺฉึ โอตาเรตฺวา ิตฏฺาเน’’ติ. มจฺฉคฺคหณตฺถํ ชาเล ปกฺขิตฺเตปิ ตสฺมึ าเน เกวฏฺฏา เจว อฺเ จ ‘‘ปวิฏฺโ น ปวิฏฺโ ¶ , คหิโต น คหิโต’’ติ มหาสทฺทํ กโรนฺติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ชาเล วา…เป… มหาสทฺโท โหตี’’ติ. กตฺตพฺพวตฺตนฺติ ปาทปริกมฺมาทิกตฺตพฺพกิจฺจํ. ขราติ จิตฺเตน วาจาย จ กกฺขฬา. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
ภริยาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. โกธนสุตฺตวณฺณนา
๖๔. เอกาทสเม สปตฺตกรณาติ วา สปตฺเตหิ กาตพฺพา. โกธนนฺติ กุชฺฌนสีลํ. โกธโนยนฺติ กุชฺฌโน อยํ. อยนฺติ จ นิปาตมตฺตํ. โกธปเรโตติ โกเธน อนุคโต, ปราภิภูโต วา. ทุพฺพณฺโณว โหตีติ ปกติยา วณฺณวาปิ อลงฺกตปฺปฏิยตฺโตปิ มุขวิการาทิวเสน วิรูโป เอว โหติ. เอตรหิ อายติฺจาติ โกธาภิภูตสฺส เอกนฺตมิทํ ผลนฺติ ทีเปตุํ ‘‘ทุพฺพณฺโณวา’’ติ อวธารณํ กตฺวา ปุน ‘‘โกธาภิภูโต’’ติ วุตฺตํ.
อยสภาวนฺติ อกิตฺติมภาวํ. อตฺตโน ปเรสฺจ อนตฺถํ ชเนตีติ อนตฺถชนโน. อนฺตรโตติ อพฺภนฺตรโต, จิตฺตโต วา. ตํ ชโน นาวพุชฺฌตีติ โกธสงฺขาตํ อนฺตรโต อพฺภนฺตเร ¶ อตฺตโน จิตฺเตเยว ชาตํ อนตฺถชนนจิตฺตปฺปโกปนาทิภยํ ภยเหตุํ อยํ พาลมหาชโน น ชานาติ. ยนฺติ ยตฺถ. ภุมฺมตฺเถ หิ เอตํ ปจฺจตฺตวจนํ. ยสฺมึ กาเล โกโธ สหเต นรํ, อนฺธตมํ ตทา โหตีติ สมฺพนฺโธ. ยนฺติ วา การณวจนํ, ยสฺมา โกโธ อุปฺปชฺชมาโน นรํ สหเต อภิภวติ, ตสฺมา อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยทา กุทฺโธติ อตฺโถ ยํ-ตํ-สทฺทานํ เอกนฺตสมฺพนฺธภาวโต. อถ วา ยนฺติ กิริยาปรามสนํ. สหเตติ ยเทตํ โกธสฺส สหนํ อภิภวนํ, เอตํ อนฺธตมํ ภวนนฺติ อตฺโถ. อถ วา ยํ นรํ โกโธ สหเต อภิภวติ, ตสฺส อนฺธตมํ ตทา โหติ. ตโต จ กุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, กุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสตีติ.
ภูนํ วุจฺจติ วุทฺธิ, ตสฺส หนนํ ฆาโต เอเตสนฺติ ภูนหจฺจานิ. เตนาห ‘‘หตวุทฺธีนี’’ติ. ทม-สทฺเทน วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ปฺาวีริเยน ¶ ทิฏฺิยาติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กตเรน ทเมนา’’ติอาทิมาห. อเนกตฺโถ หิ ทม-สทฺโท. ‘‘สจฺเจน ทนฺโต ทมสา อุเปโต, เวทนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๙๕; สุ. นิ. ๔๖๗) เอตฺถ หิ อินฺทฺริยสํวโร ทโมติ วุตฺโต ‘‘มนจฺฉฏฺานิ อินฺทฺริยานิ ทเมตี’’ติ กตฺวา. ‘‘ยทิ สจฺจา ทมา จาคา, ขนฺตฺยา ภิยฺโยธ วิชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๑) เอตฺถ ปฺา ทโม ‘‘สํกิเลสํ ทเมติ ปชหตี’’ติ กตฺวา. ‘‘ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน อตฺถิ ปฺุํ, อตฺถิ ปฺุสฺส อาคโม’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๖๕) เอตฺถ อุโปสถกมฺมํ ทโม ‘‘อุปวสนวเสน กายกมฺมาทีนิ ทเมตี’’ติ กตฺวา. ‘‘สกฺขิสฺสสิ โข ตฺวํ, ปุณฺณ, อิมินา ทมูปสเมน สมนฺนาคโต สุนาปรนฺตสฺมึ ชนปทนฺตเร วิหริตุ’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๓๙๖; สํ. นิ. ๔.๘๘) เอตฺถ อธิวาสนกฺขนฺติ ทโม ‘‘โกธูปนาหมกฺขาทิเก ทเมติ วิโนเทตี’’ติ กตฺวา. ‘‘น มานกามสฺส ทโม อิธตฺถิ, น โมนมตฺถิ อสมาหิตสฺสา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๙) เอตฺถ อภิสมฺโพชฺฌงฺคาทิโก สมาธิปกฺขิโก ธมฺโม ทโม ‘‘ทมฺมติ จิตฺตํ เอเตนา’’ติ กตฺวา. อิธาปิ ‘‘ตํ ทเมน สมุจฺฉินฺเท, ปฺาวีริเยน ทิฏฺิยา’’ติ วจนโต ทม-สทฺเทน ปฺาวีริยทิฏฺิโย วุตฺตา.
โกธนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
อพฺยากตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.