📜
๒. มหาวคฺโค
๑. เวรฺชสุตฺตวณฺณนา
๑๑. ทุติยสฺส ปเม อภิวาเทตีติ เอวมาทีนิ น สมโณ โคตโมติ เอตฺถ วุตฺตนกาเรน โยเชตฺวา เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ ¶ ‘‘น วนฺทติ นาสนา วุฏฺาติ, นาปิ ‘อิธ โภนฺโต นิสีทนฺตู’ติ เอวํ อาสเนน วา นิมนฺเตตี’’ติ. เอตฺถ หิ วา-สทฺโท วิภาวเน นาม อตฺเถ ¶ ‘‘รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติอาทีสุ วิย. เอวํ วตฺวา อถ อตฺตโน อภิวาทนาทีนิ อกโรนฺตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา อาห – ตยิทํ, โภ โคตม, ตเถวาติ. ยํ ตํ มยา สุตํ, ตํ ตเถว, ตํ สวนฺจ เม ทสฺสนฺจ สํสนฺทติ สเมติ, อตฺถโต เอกีภาวํ คจฺฉติ. น หิ ภวํ โคตโม…เป… อาสเนน วา นิมนฺเตตีติ. เอวํ อตฺตนา สุตํ ทิฏฺเน นิคเมตฺวา นินฺทนฺโต อาห – ตยิทํ, โภ โคตม, น สมฺปนฺนเมวาติ ตํ อภิวาทนาทีนํ อกรณํ อยุตฺตเมวาติ.
อถสฺส ภควา อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนโทสํ อนุปคมฺม กรุณาสีตเลน หทเยน ตํ อฺาณํ วิธมิตฺวา ยุตฺตภาวํ ทสฺเสตุกาโม นาหํ ตํ พฺราหฺมณาติอาทิมาห. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – อหํ, พฺราหฺมณ, อปฺปฏิหเตน สพฺพฺุตฺาณจกฺขุนา โอโลเกนฺโตปิ ตํ ปุคฺคลํ เอตสฺมึ สเทวกาทิเภเท โลเก น ปสฺสามิ, ยมหํ อภิวาเทยฺยํ วา ปจฺจุฏฺเยฺยํ วา อาสเนน วา นิมนฺเตยฺยํ. อนจฺฉริยํ วา เอตํ, สฺวาหํ อชฺช สพฺพฺุตํ ปตฺโต เอวรูปํ นิปจฺจาการารหํ ปุคฺคลํ น ปสฺสามิ. อปิจ โข ยทาปาหํ สมฺปติชาโตว อุตฺตเรน มุโข สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา ¶ สกลํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกสึ, ตทาปิ เอตสฺมึ สเทวกาทิเภเท โลเก ตํ ปุคฺคลํ น ปสฺสามิ, ยมหํ เอวรูปํ นิปจฺจการํ กเรยฺยํ. อถ โข มํ โสฬสกปฺปสหสฺสายุโก ขีณาสวมหาพฺรหฺมาปิ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘ตฺวํ โลเก มหาปุริโส, ตฺวํ ¶ สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺโค จ เชฏฺโ จ เสฏฺโ จ, นตฺถิ ตยา อุตฺตริตโร’’ติ สฺชาตโสมนสฺโส ปติมาเนสิ. ตทาปิ จาหํ อตฺตนา อุตฺตริตรํ อปสฺสนฺโต อาสภึ วาจํ นิจฺฉาเรสึ – ‘‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส, เชฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, เสฏฺโหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติ. เอวํ สมฺปติชาตสฺสาปิ มยฺหํ อภิวาทนาทิรโห ปุคฺคโล นตฺถิ, สฺวาหํ อิทานิ สพฺพฺุตํ ปตฺโต กํ อภิวาเทยฺยํ. ตสฺมา ตฺวํ, พฺราหฺมณ, มา ตถาคตา เอวรูปํ ปรมนิปจฺจการํ ปตฺถยิ. ยฺหิ, พฺราหฺมณ, ตถาคโต อภิวาเทยฺย วา…เป… อาสเนน วา นิมนฺเตยฺย, มุทฺธาปิ ตสฺส ปุคฺคลสฺส รตฺติปริโยสาเน ปริปากสิถิลพนฺธนํ วณฺฏา มุตฺตตาลผลํ วิย คีวโต ฉิชฺชิตฺวา สหสาว ภูมิยํ นิปเตยฺย.
เอวํ ¶ วุตฺเตปิ พฺราหฺมโณ ทุปฺปฺตาย ตถาคตสฺส โลกเชฏฺภาวํ อสลฺลกฺเขนฺโต เกวลํ ตํ วจนํ อสหมาโน อาห – อรสรูโป ภวํ โคตโมติ. อยํ กิรสฺส อธิปฺปาโย – ยํ โลเก อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมํ ‘‘สามคฺคิรโส’’ติ วุจฺจติ, ตํ โภโต โคตมสฺส นตฺถิ. ตสฺมา อรสรูโป ภวํ โคตโม, อรสชาติโก อรสสภาโวติ. อถสฺส ภควา จิตฺตมุทุภาวชนนตฺถํ อุชุวิปจฺจนีกภาวํ ปริหรนฺโต อฺถา ตสฺส วจนสฺส อตฺถํ ¶ อตฺตนิ สนฺทสฺเสนฺโต อตฺถิ ขฺเวส, พฺราหฺมณ, ปริยาโยติอาทิมาห.
ตตฺถ อตฺถิ ขฺเวสาติ อตฺถิ โข เอส. ปริยาโยติ การณํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อตฺถิ โข, พฺราหฺมณ, เอตํ การณํ, เยน การเณน มํ ‘‘อรสรูโป ภวํ โคตโม’’ติ วทมาโน ปุคฺคโล สมฺมา วเทยฺย, อวิตถวาทีติ สงฺขํ คจฺเฉยฺย. กตโม ปน โสติ? เย เต, พฺราหฺมณ, รูปรสา…เป… โผฏฺพฺพรสา, เต ตถาคตสฺส ปหีนาติ. กึ วุตฺตํ โหติ? เย เต ชาติวเสน วา อุปปตฺติวเสน วา เสฏฺสมฺมตานมฺปิ ปุถุชฺชนานํ รูปารมฺมณาทีนิ อสฺสาเทนฺตานํ อภินนฺทนฺตานํ รชฺชนฺตานํ อุปฺปชฺชนฺติ กามสุขสฺสาทสงฺขาตา รูปรสา, สทฺทรสา, คนฺธรสา, รสรสา, โผฏฺพฺพรสา, เย อิมํ โลกํ คีวาย พนฺธิตฺวา วิย อาวิฺฉนฺติ, วตฺถารมฺมณาทิสามคฺคิยฺจ อุปฺปนฺนตฺตา สามคฺคิรสาติ วุจฺจนฺติ. เต สพฺเพปิ ตถาคตสฺส ปหีนา. ‘‘มยฺหํ ปหีนา’’ติ ¶ วตฺตพฺเพปิ มมากาเรน อตฺตานํ อนุกฺขิปนฺโต ธมฺมํ เทเสติ, เทสนาวิลาโส วา เอส ตถาคตสฺส.
ตตฺถ ปหีนาติ จิตฺตสนฺตานโต วิคตา, ปชหิตา วา. เอตสฺมึ ปนตฺเถ กรเณ สามิวจนํ ทฏฺพฺพํ. อริยมคฺคสตฺเถน อุจฺฉินฺนํ ตณฺหาวิชฺชามยํ มูลํ เอเตสนฺติ อุจฺฉินฺนมูลา. ตาลวตฺถุ วิย เนสํ วตฺถุ กตนฺติ ตาลาวตฺถุกตา. ยถา หิ ตาลรุกฺขํ สมูลํ อุทฺธริตฺวา ตสฺส วตฺถุมตฺเต ตสฺมึ ปเทเส กเต น ปุน ตสฺส ตาลสฺส อุปฺปตฺติ ปฺายติ, เอวํ อริยมคฺคสตฺเถน ¶ สมูเล รูปาทิรเส อุทฺธริตฺวา เตสํ ปุพฺเพ อุปฺปนฺนปุพฺพภาเวน วตฺถุมตฺเต จิตฺตสนฺตาเน กเต สพฺเพปิ เต ตาลาวตฺถุกตาติ วุจฺจนฺติ. อวิรุฬฺหิธมฺมตฺตา วา มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย กตาติ ตาลาวตฺถุกตา. ยสฺมา ปน เอวํ ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา โหนฺติ ¶ , ยถา เนสํ ปจฺฉาภาโว น โหติ, ตถา กตา โหนฺติ. ตสฺมา อาห – อนภาวํกตาติ. อายตึ อนุปฺปาทธมฺมาติ อนาคเต อนุปฺปชฺชนกสภาวา.
โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสีติ ยฺจ โข ตฺวํ สนฺธาย วเทสิ, โส ปริยาโย น โหติ. นนุ จ เอวํ วุตฺเต โย พฺราหฺมเณน วุตฺโต สามคฺคิรโส, ตสฺส อตฺตนิ วิชฺชมานตา อนฺุาตา โหตีติ? น โหติ. โย หิ นํ สามคฺคิรสํ กาตุํ ภพฺโพ หุตฺวา น กโรติ, โส ตทภาเวน อรสรูโปติ วตฺตพฺพตํ อรหติ. ภควา ปน อภพฺโพว เอตํ กาตุํ, เตนสฺส การเณ อภพฺพตํ ปกาเสนฺโต อาห – ‘‘โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสี’’ติ. ยํ ปริยายํ สนฺธาย ตฺวํ มํ ‘‘อรสรูโป’’ติ วเทสิ, โส อมฺเหสุ เนว วตฺตพฺโพติ.
เอวํ พฺราหฺมโณ อตฺตนา อธิปฺเปตํ อรสรูปตํ อาโรเปตุํ อสกฺโกนฺโต อถาปรํ นิพฺโภโค ภวนฺติอาทิมาห. สพฺพปริยาเยสุ เจตฺถ วุตฺตนเยเนว โยชนากฺกมํ วิทิตฺวา สนฺธายภาสิตมตฺถํ เอวํ เวทิตพฺพํ – พฺราหฺมโณ ตเทว วโยวุทฺธานํ อภิวาทนาทิกมฺมํ โลเก ¶ ‘‘สามคฺคิปริโภโค’’ติ มฺมาโน ตทภาเวน จ ภควนฺตํ ‘‘นิพฺโภโค’’ติอาทิมาห. ภควา จ ยฺวายํ รูปาทีสุ สตฺตานํ ฉนฺทราคปริโภโค, ตทภาวํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรํ ปริยายมนุชานิ.
ปุน พฺราหฺมโณ ยํ โลเก วโยวุทฺธานํ อภิวาทนาทิกุลสมุทาจารกมฺมํ โลกิยา กโรนฺติ, ตสฺส อกิริยํ สมฺปสฺสมาโน ภควนฺตํ อกิริยวาโทติ อาห. ภควา ปน ยสฺมา กายทุจฺจริตาทีนํ ¶ อกิริยํ วทติ, ตสฺมา ตํ อกิริยวาทิตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรํ ปริยายมนุชานิ. ตตฺถ เปตฺวา กายทุจฺจริตาทีนิ อวเสสา อกุสลา ธมฺมา อเนกวิหิตา ปาปกา อกุสลา ธมฺมาติ เวทิตพฺพา.
ปุน พฺราหฺมโณ ตเทว อภิวาทนาทิกมฺมํ ภควติ อปสฺสนฺโต ‘‘อิมํ อาคมฺม อยํ โลกตนฺติ โลกปเวณี อุจฺฉิชฺชตี’’ติ มฺมาโน ภควนฺตํ อุจฺเฉทวาโทติ อาห. ภควา ปน ยสฺมา ปฺจกามคุณิกราคสฺส เจว อกุสลจิตฺตทฺวยสมฺปยุตฺตสฺส จ โทสสฺส อนาคามิมคฺเคน อุจฺเฉทํ วทติ, สพฺพากุสลสมฺภวสฺส ปน โมหสฺส อรหตฺตมคฺเคน อุจฺเฉทํ ¶ วทติ, เปตฺวา เต ตโย อวเสสานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ยถานุรูปํ จตูหิ มคฺเคหิ อุจฺเฉทํ วทติ, ตสฺมา ตํ อุจฺเฉทวาทํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรํ ปริยายมนุชานิ.
ปุน พฺราหฺมโณ ‘‘ชิคุจฺฉติ มฺเ สมโณ โคตโม อิทํ วโยวุทฺธานํ อภิวาทนาทิกุลสมุทาจารกมฺมํ, เตน ตํ น กโรตี’’ติ มฺมาโน ภควนฺตํ เชคุจฺฉีติ อาห. ภควา ปน ยสฺมา ชิคุจฺฉติ กายทุจฺจริตาทีหิ, ยานิ กายวจีมโนทุจฺจริตานิ เจว ยาว จ อกุสลานํ ¶ ลามกธมฺมานํ สมาปตฺติ สมาปชฺชนา สมงฺคิภาโว, ตํ สพฺพมฺปิ คูถํ วิย มณฺฑนกชาติโก ปุริโส ชิคุจฺฉติ หิรียติ, ตสฺมา ตํ เชคุจฺฉิตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรํ ปริยายมนุชานิ. ตตฺถ กายทุจฺจริเตนาติอาทิ กรณวจนํ อุปโยคตฺเถ ทฏฺพฺพํ.
ปุน พฺราหฺมโณ ตเทว อภิวาทนาทิกมฺมํ ภควติ อปสฺสนฺโต ‘‘อยํ อิทํ โลกเชฏฺกกมฺมํ วิเนติ วินาเสติ, อถ วา ยสฺมา เอตํ สามีจิกมฺมํ น กโรติ, ตสฺมา อยํ วิเนตพฺโพ นิคฺคณฺหิตพฺโพ’’ติ มฺมาโน ภควนฺตํ เวนยิโกติ อาห. ตตฺรายํ ปทตฺโถ – วินยตีติ วินโย, วินาเสตีติ วุตฺตํ โหติ. วินโย เอว เวนยิโก. วินยํ วา อรหตีติ เวนยิโก, นิคฺคหํ อรหตีติ วุตฺตํ โหติ. ภควา ปน ยสฺมา ราคาทีนํ วินยาย วูปสมาย ธมฺมํ เทเสติ, ตสฺมา เวนยิโก โหติ. อยเมว เจตฺถ ปทตฺโถ – วินยาย ธมฺมํ เทเสตีติ เวนยิโก. วิจิตฺรา หิ ตทฺธิตวุตฺติ. สฺวายํ ตํ เวนยิกภาวํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรํ ปริยายมนุชานิ.
ปุน พฺราหฺมโณ ยสฺมา อภิวาทนาทีนิ สามีจิกมฺมานิ กโรนฺตา วโยวุทฺเธ โตเสนฺติ หาเสนฺติ ¶ , อกโรนฺตา ปน ตาเปนฺติ วิเหเสนฺติ โทมนสฺสํ เนสํ อุปฺปาเทนฺติ, ภควา จ ตานิ น กโรติ, ตสฺมา ‘‘อยํ วโยวุทฺเธ ตปตี’’ติ มฺมาโน สปฺปุริสาจารวิรหิตตฺตา วา ‘‘กปณปุริโส อย’’นฺติ มฺมาโน ภควนฺตํ ตปสฺสีติ อาห. ตตฺรายํ ปทตฺโถ – ตปตีติ ตโป, โรเสติ วิเหเสตีติ อตฺโถ. สามีจิกมฺมากรณสฺเสตํ อธิวจนํ. ตโป อสฺส อตฺถีติ ตปสฺสี. ทุติเย อตฺถวิกปฺเป พฺยฺชนานิ อวิจาเรตฺวา โลเก กปณปุริโส ¶ ตปสฺสีติ ¶ วุจฺจติ. ภควา ปน เย อกุสลา ธมฺมา โลกํ ตปนโต ตปนียานิ วุจฺจนฺติ, เตสํ ปหีนตฺตา ยสฺมา ตปสฺสีติ สงฺขํ คโต. ตสฺมา ตํ ตปสฺสิตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรํ ปริยายมนุชานิ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – ตปนฺตีติ ตปา, อกุสลธมฺมานเมตํ อธิวจนํ. เต ตเป อสฺสิ นิรสฺสิ ปหาสิ วิทฺธํสีติ ตปสฺสี.
ปุน พฺราหฺมโณ ตํ อภิวาทนาทิกมฺมํ เทวโลกคพฺภสมฺปตฺติยา เทวโลกปฏิสนฺธิปฏิลาภาย สํวตฺตตีติ มฺมาโน ภควติ จสฺส อภาวํ ทิสฺวา ภควนฺตํ อปคพฺโภติ อาห. โกธวเสน วา ภควโต มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธิคฺคหเณ โทสํ ทสฺเสนฺโตปิ เอวมาห. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – คพฺภโต อปคโตติ อปคพฺโภ, อภพฺโพ เทวโลกูปปตฺตึ ปาปุณิตุนฺติ อธิปฺปาโย. หีโน วา คพฺโภ อสฺสาติ อปคพฺโภ. เทวโลกคพฺภปริพาหิรตฺตา อายตึ หีนคพฺภปฏิลาภภาคีติ. หีโน วาสฺส มาตุกุจฺฉิสฺมึ คพฺภวาโส อโหสีติ อธิปฺปาโย. ภควโต ปน ยสฺมา อายตึ คพฺภเสยฺยา อปคตา, ตสฺมา โส ตํ อปคพฺภตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรํ ปริยายมนุชานิ. ตตฺร จ ยสฺส โข, พฺราหฺมณ, อายตึ คพฺภเสยฺยา ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ ปหีนาติ เอเตสํ ปทานํ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ – ‘‘พฺราหฺมณ, ยสฺส ปุคฺคลสฺส อนาคเต คพฺภเสยฺยา ปุนพฺภเว จ อภินิพฺพตฺติ อนุตฺตเรน มคฺเคน วิหตการณตฺตา ปหีนา. คพฺภเสยฺยาคหเณน เจตฺถ ชลาพุชโยนิ คหิตา, ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติคฺคหเณน อิตรา ติสฺโส’’ปิ.
อปิจ คพฺภสฺส เสยฺยา คพฺภเสยฺยา. ปุนพฺภโว ¶ เอว อภินิพฺพตฺติ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยถา จ วิฺาณฏฺิตีติ วุตฺเตปิ น วิฺาณโต อฺา ิติ อตฺถิ, เอวมิธาปิ น คพฺภโต อฺา เสยฺยา เวทิตพฺพา. อภินิพฺพตฺติ จ นาม ยสฺมา ปุนพฺภวภูตาปิ อปุนพฺภวภูตาปิ อตฺถิ, อิธ จ ปุนพฺภวภูตา อธิปฺเปตา, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ปุนพฺภโว เอว อภินิพฺพตฺติ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตี’’ติ.
เอวํ ¶ อาคตกาลโต ปฏฺาย อรสรูปตาทีหิ อฏฺหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺตมฺปิ พฺราหฺมณํ ภควา ธมฺมิสฺสโร ธมฺมราชา ธมฺมสามี ตถาคโต อนุกมฺปาย สีตเลเนว จกฺขุนา พฺราหฺมณํ โอเลเกนฺโต ยํ ธมฺมธาตุํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา เทสนาวิลาสปฺปตฺตา นาม โหติ, ตสฺสา ¶ ธมฺมธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา วิคตวลาหเก นเภ ปุณฺณจนฺโท วิย จ สรทกาเล สูริโย วิย จ พฺราหฺมณสฺส หทยนฺธการํ วิธเมนฺโต ตานิเยว อกฺโกสวตฺถูนิ เตน เตน ปริยาเยน อฺถา ทสฺเสตฺวา ปุนปิ อตฺตโน กรุณาวิปฺผารํ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อกมฺปิยภาเวน ปฏิลทฺธตาทิคุณลกฺขณํ ปถวิสมจิตฺตตํ อกุปฺปธมฺมตฺจ ปกาเสนฺโต ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ เกวลํ ปลิตสิรขณฺฑทนฺตวลิตฺตจตาทีหิ อตฺตโน วุทฺธภาวํ สลฺลกฺเขติ, โน จ โข ชานาติ อตฺตานํ ชาติยา อนุคตํ ชราย อนุสฏํ พฺยาธิโน อธิภูตํ มรเณน อพฺภาหตํ อชฺช มริตฺวา ปุน สฺเวว อุตฺตานเสยฺยทารกภาวคมนียํ ¶ . มหนฺเตน โข ปน อุสฺสาเหน มม สนฺติกํ อาคโต, ตทสฺส อาคมนํ สาตฺถกํ โหตู’’ติ จินฺเตตฺวา อิมสฺมึ โลเก อตฺตโน อปฺปฏิสมํ ปุเรชาตภาวํ ทสฺเสนฺโต เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณาติอาทินา นเยน พฺราหฺมณสฺส ธมฺมเทสนํ วฑฺเฒสิ.
ตตฺถ เสยฺยถาปีติอาทีนํ เหฏฺา วุตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยํ ปน วิเสโส – เหฏฺา วุตฺตนเยเนว หิ เต กุกฺกุฏโปตกา ปกฺเข วิธุนนฺตา ตํขณานุรูปํ วิรวนฺตา นิกฺขมนฺติ. เอวํ นิกฺขมนฺตานฺจ เตสํ โย ปมตรํ นิกฺขมติ, โส เชฏฺโติ วุจฺจติ. ตสฺมา ภควา ตาย อุปมาย อตฺตโน เชฏฺภาวํ สาเธตุกาโม พฺราหฺมณํ ปุจฺฉติ – โย นุ โข เตสํ กุกฺกุฏจฺฉาโปตกานํ…เป… กินฺติ สฺวาสฺส วจนีโยติ. ตตฺถ กุกฺกุฏจฺฉาปกานนฺติ กุกฺกุฏโปตกานํ. กินฺติ สฺวาสฺส วจนีโยติ โส กินฺติ วจนีโย อสฺส, กึ วตฺตพฺโพ ภเวยฺย เชฏฺโ วา กนิฏฺโ วาติ.
‘‘เชฏฺโ’’ติสฺส, โภ โคตม, วจนีโยติ, โภ โคตม, โส เชฏฺโ อิติ อสฺส วจนีโย. กสฺมาติ เจ? โส หิ เนสํ เชฏฺโติ, ยสฺมา โส เนสํ วุทฺธตโรติ อตฺโถ. อถสฺส ภควา โอปมฺมํ สมฺปฏิปาเทนฺโต เอวเมว โขติ อาห, ยถา โส กุกฺกุฏโปตโก, เอวํ อหมฺปิ. อวิชฺชาคตาย ¶ ปชายาติ อวิชฺชา วุจฺจติ อฺาณํ, ตตฺถ คตาย. ปชายาติ สตฺตธิวจนเมตํ, อวิชฺชาโกสสฺส อนฺโต ปวิฏฺเสุ สตฺเตสูปิ วุตฺตํ โหติ. อณฺฑภูตายาติ อณฺเฑ ภูตาย ปชาตาย สฺชาตาย. ยถา หิ อณฺเฑ นิพฺพตฺตา เอกจฺเจ สตฺตา อณฺฑภูตาติ วุจฺจนฺติ, เอวมยํ ¶ สพฺพาปิ ปชา อวิชฺชณฺฑโกเส นิพฺพตฺตตฺตา อณฺฑภูตาติ วุจฺจติ. ปริโยนทฺธายาติ ¶ เตน อวิชฺชณฺฑโกเสน สมนฺตโต โอนทฺธาย พทฺธาย เวิตาย. อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวาติ ตํ อวิชฺชามยํ อณฺฑโกสํ ภินฺทิตฺวา. เอโกว โลเกติ สกเลปิ โลกสนฺนิวาเส อหเมว เอโก อทุติโย. อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ อุตฺตรรหิตํ สพฺพเสฏฺํ สมฺมา สามฺจ โพธึ, อถ วา ปสตฺถํ สุนฺทรฺจ โพธึ. อรหตฺตมคฺคาณสฺเสตํ นามํ, สพฺพฺุตฺาณสฺสาปิ นามเมว. อุภยมฺปิ วฏฺฏติ. อฺเสํ อรหตฺตมคฺโค อนุตฺตรา โพธิ โหติ, น โหตีติ? น โหติ. กสฺมา? อสพฺพคุณทายกตฺตา. เตสฺหิ กสฺสจิ อรหตฺตมคฺโค อรหตฺตผลเมว เทติ, กสฺสจิ ติสฺโส วิชฺชา, กสฺสจิ ฉ อภิฺา, กสฺสจิ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, กสฺสจิ สาวกปารมิาณํ. ปจฺเจกพุทฺธานมฺปิ ปจฺเจกโพธิาณเมว เทติ, พุทฺธานํ ปน สพฺพคุณสมฺปตฺตึ ¶ เทติ อภิเสโก วิย รฺโ สพฺพโลกิสฺสรภาวํ. ตสฺมา อฺสฺส กสฺสจิปิ อนุตฺตรา โพธิ น โหตีติ. อภิสมฺพุทฺโธติ อพฺภฺาสึ ปฏิวิชฺฌึ, ปตฺโตมฺหิ อธิคโตมฺหีติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ ยเทตํ ภควตา ‘‘เอวเมว โข’’ติอาทินา นเยน วุตฺตํ โอปมฺมสมฺปฏิปาทนํ, ตํ เอวํ อตฺเถน สํสนฺทิตฺวา เวทิตพฺพํ – ยถา หิ ตสฺสา กุกฺกุฏิยา อตฺตโน อณฺเฑสุ อธิสยนาทิติวิธกิริยากรณํ, เอวํ โพธิปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต อตฺตโน สนฺตาเน อนิจฺจํ, ทุกฺขํ, อนตฺตาติ ติวิธานุปสฺสนากรณํ. กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยาสมฺปาทเนน อณฺฑานํ อปูติภาโว วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาาณสฺส อปริหานิ. กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยากรเณน อณฺฑานํ อลฺลสิเนหปริยาทานํ วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน ภวตฺตยานุคตนิกนฺติสิเนหปริยาทานํ. กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยากรเณน อณฺฑกปาลานํ ตนุภาโว วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโว, กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยากรเณน กุกฺกุฏโปตกสฺส ปาทนขตุณฺฑกานํ ถทฺธขรภาโว วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาาณสฺส ติกฺขขรวิปฺปสนฺนสูรภาโว. กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยากรเณน กุกฺกุฏโปตกสฺส ปริณามกาโล วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ¶ ¶ ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาาณสฺส ปริณามกาโล วฑฺฒิกาโล คพฺภคฺคหณกาโล. กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยากรเณน กุกฺกุฏโปตกสฺส ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปกฺเข ปปฺโผเฏตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิทากาโล วิย ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาาณคพฺภํ คณฺหาเปตฺวา อนุปุพฺพาธิคเตน ¶ อรหตฺตมคฺเคน อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา อภิฺาปกฺเข ปปฺโผเฏตฺวา โสตฺถินา สกลพุทฺธคุณสจฺฉิกตกาโล เวทิตพฺโพ.
อหฺหิ, พฺราหฺมณ, เชฏฺโ เสฏฺโ โลกสฺสาติ, พฺราหฺมณ, ยถา เตสํ กุกฺกุฏโปตกานํ ปมตรํ อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา อภินิพฺพตฺโต กุกฺกุฏโปตโก เชฏฺโ โหติ, เอวํ อวิชฺชาคตาย ปชาย ตํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปมตรํ อริยาย ชาติยา ชาตตฺตา อหฺหิ เชฏฺโ วุทฺธตโมติ สงฺขํ คโต, สพฺพคุเณหิ ปน อปฺปฏิสมตฺตา เสฏฺโติ.
เอวํ ภควา อตฺตโน อนุตฺตรํ เชฏฺเสฏฺภาวํ พฺราหฺมณสฺส ปกาเสตฺวา อิทานิ ยาย ปฏิปทาย ตํ อธิคโต, ตํ ปฏิปทํ ปุพฺพภาคโต ปภุติ ทสฺเสตุํ อารทฺธํ โข ปน เม, พฺราหฺมณาติอาทิมาห. ตตฺถ อารทฺธํ โข ปน เม, พฺราหฺมณ, วีริยํ อโหสีติ, พฺราหฺมณ, น มยา อยํ อนุตฺตโร เชฏฺเสฏฺภาโว กุสีเตน มุฏฺสฺสตินา สารทฺธกาเยน วิกฺขิตฺตจิเตน อธิคโต, อปิจ โข ตทธิคมาย อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ อโหสิ. โพธิมณฺเฑ นิสินฺเนน มยา จตุสมฺมปฺปธานเภทํ วีริยํ อารทฺธํ อโหสิ, ปคฺคหิตํ อสิถิลปฺปวตฺติตํ. อารทฺธตฺตาเยว จ เม ตํ อสลฺลีนํ อโหสิ ¶ . น เกวลฺจ วีริยเมว, สติปิ เม อารมฺมณาภิมุขภาเวน อุปฏฺิตา อโหสิ, อุปฏฺิตตฺตาเยว จ อสมฺมุฏฺา. ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธติ กายจิตฺตปฺปสฺสทฺธิวเสน กาโยปิ เม ปสฺสทฺโธ อโหสิ. ตตฺถ ยสฺมา นามกาเย ปสฺสทฺเธ รูปกาโยปิ ปสฺสทฺโธเยว โหติ, ตสฺมา ‘‘นามกาโย รูปกาโย’’ติ อวิเสเสตฺวาว ‘‘ปสฺสทฺโธ กาโย’’ติ วุตฺตํ. อสารทฺโธติ โส จ โข ปสฺสทฺธตฺตาเยว อสารทฺโธ, วิคตทรโถติ วุตฺตํ โหติ ¶ . สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคนฺติ จิตฺตมฺปิ เม สมฺมา อาหิตํ สุฏฺุ ปิตํ อปฺปิตํ วิย อโหสิ, สมาหิตตฺตา เอว จ เอกคฺคํ อจลํ นิปฺผนฺทนนฺติ. เอตฺตาวตา ฌานสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทา กถิตา โหติ.
อิทานิ อิมาย ปฏิปทาย อธิคตํ ปมชฺฌานํ อาทึ กตฺวา วิชฺชาตฺตยปริโยสานํ วิเสสํ ทสฺเสนฺโต โส โข อหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยํ ยาว วินิจฺฉยนเยน วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๖๙) วุตฺตเมว.
อยํ โข เม, พฺราหฺมณาติอาทีสุ ปน วิชฺชาติ วิทิตกรณฏฺเน วิชฺชา. กึ วิทิตํ กโรติ ¶ ? ปุพฺเพนิวาสํ. อวิชฺชาติ ตสฺเสว ปุพฺเพนิวาสสฺส อวิทิตกรณฏฺเน ตปฺปฏิจฺฉาทกโมโห. ตโมติ สฺเวว โมโห ตปฺปฏิจฺฉาทกฏฺเน ตโม นาม. อาโลโกติ ¶ สา เอว วิชฺชา โอภาสกรณฏฺเน อาโลโกติ. เอตฺถ จ วิชฺชา อธิคตาติ อตฺโถ, เสสํ ปสํสาวจนํ. โยชนา ปเนตฺถ – อยํ โข เม วิชฺชา อธิคตา, ตสฺส เม อธิคตวิชฺชสฺส อวิชฺชา วิหตา, วินฏฺาติ อตฺโถ. กสฺมา? ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนา. เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเย. ยถา ตนฺติ เอตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตํ. สติยา อวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺตสฺส วีริยาตาเปน อาตาปิโน กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขาตาย ปหิตตฺตสฺส เปสิตตฺตสฺสาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิชฺชา วิหฺเยฺย, วิชฺชา อุปฺปชฺเชยฺย ตโม วิหฺเยฺย, อาโลโก อุปฺปชฺเชยฺย, เอวเมว มม อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา, ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน. เอตสฺส เม ปธานานุโยคสฺส อนุรูปเมว ผลํ ลทฺธนฺติ.
อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, ปมา อภินิพฺภิทา อโหสิ กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว อณฺฑโกสมฺหาติ อยํ โข มม, พฺราหฺมณ, ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณมุขตุณฺฑเกน ปุพฺเพ นิวุตฺถขนฺธปฺปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปมา อภินิพฺภิทา ปมา นิกฺขนฺติ ปมา อริยาชาติ อโหสิ กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว มุขตุณฺฑเกน วา ปาทนขสิขาย วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตมฺหา อณฺฑโกสมฺหา อภินิพฺภิทา นิกฺขนฺติ กุกฺกุฏนิกาเย ปจฺจาชาตีติ. อยํ ตาว ปุพฺเพนิวาสกถายํ นโย.
จุตุปปาตกถาย ¶ ปน วิชฺชาติ ทิพฺพจกฺขุาณวิชฺชา. อวิชฺชาติ จุตุปปาตปฺปฏิจฺฉาทิกา ¶ อวิชฺชา. ยถา ปน ปุพฺเพนิวาสกถายํ ‘‘ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณมุขตุณฺฑเกน ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธปฺปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา’’ติ วุตฺตํ, เอวมิธ ‘‘จุตุปปาตาณมุขตุณฺฑเกน จุตุปปาตปฺปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา’’ติ วตฺตพฺพํ.
ยํ ปเนตํ ปจฺจเวกฺขณาณปริคฺคหิตํ อาสวานํ ขยาณาธิคมํ พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสนฺโต อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, ตติยา วิชฺชาติอาทิมาห, ตตฺถ วิชฺชาติ อรหตฺตมคฺควิชฺชา. อวิชฺชาติ จตุสจฺจปฺปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา. อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, ตติยา อภินิพฺภิทา อโหสีติ ¶ เอตฺถ อยํ โข มม, พฺราหฺมณ, อาสวานํ ขยาณมุขตุณฺฑเกน จตุสจฺจปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตติยา อภินิพฺภิทา ตติยา นิกฺขนฺติ ตติยา อริยชาติ อโหสิ กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว มุขตุณฺฑเกน วา ปาทนขสิขาย วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตมฺหา อณฺฑโกสมฺหา อภินิพฺภิทา นิกฺขนฺติ กุกฺกุฏนิกาเย ปจฺจาชาตีติ.
เอตฺตาวตา กึ ทสฺเสสีติ? โส หิ, พฺราหฺมณ, กุกฺกุฏจฺฉาปโก อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตโต นิกฺขมนฺโต สกิเมว ชายติ, อหํ ปน ปุพฺเพนิวุตฺถกฺขนฺธปฺปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ภินฺทิตฺวา ปมํ ตาว ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณวิชฺชาย ชาโต. ตโต สตฺตานํ จุติปฏิสนฺธิปฺปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ทุติยํ ทิพฺพจกฺขุาณวิชฺชาย ชาโต, ปุน จตุสจฺจปฺปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตติยํ อาสวานํ ขยาณวิชฺชาย ชาโต. เอวํ ตีหิ วิชฺชาหิ ติกฺขตฺตุํ ชาโตมฺหิ. สา จ เม ชาติ อริยา สุปริสุทฺธาติ อิทํ ทสฺเสติ. เอวํทสฺเสนฺโต จ ปุพฺเพนิวาสาเณน อตีตํสาณํ, ทิพฺพจกฺขุนา ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสาณํ, อาสวกฺขเยน สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณนฺติ ¶ เอวํ ตีหิ วิชฺชาหิ สพฺเพปิ สพฺพฺุคุเณ ปกาเสตฺวา อตฺตโน อริยาย ชาติยา เชฏฺเสฏฺภาวํ พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสสิ.
เอวํ วุตฺเต เวรฺโช พฺราหฺมโณติ เอวํ ภควตา โลกานุกมฺปเกน พฺราหฺมณํ อนุกมฺปมาเนน นิคุหิตพฺเพปิ อตฺตโน อริยาย ชาติยา เชฏฺเสฏฺภาเว วิชฺชาตฺตยปกาสิกาย ธมฺมเทสนาย วุตฺเต ปีติวิปฺผารปริปุณฺณคตฺตจิตฺโต เวรฺโช พฺราหฺมโณ ตํ ภควโต อริยาย ชาติยา เชฏฺเสฏฺภาวํ วิทิตฺวา ‘‘อีทิสํ นามาหํ สพฺพโลกเชฏฺํ ¶ สพฺพคุณสมนฺนาคตํ สพฺพฺุํ ‘อฺเสํ อภิวาทนาทิกมฺมํ น กโรตี’ติ อวจํ, ธิรตฺถุ วต, โภ, อฺาณ’’นฺติ อตฺตานํ ครหิตฺวา ‘‘อยํ ทานิ โลเก อริยาย ชาติยา ปุเรชาตฏฺเน เชฏฺโ, สพฺพคุเณหิ อปฺปฏิสมฏฺเน เสฏฺโ’’ติ นิฏฺํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – เชฏฺโ ภวํ โคตโม เสฏฺโ ภวํ โคตโมติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ปุน ตํ ภควโต ธมฺมเทสนํ อพฺภนุโมทมาโน อภิกฺกนฺตํ โภ โคตมาติอาทิมาห. ตํ วุตฺตตฺถเมวาติ.
๒. สีหสุตฺตวณฺณนา
๑๒. ทุติเย อภิฺาตาติ าตา ปฺาตา ปากฏา. สนฺถาคาเรติ มหาชนสฺส วิสฺสมนตฺถาย ¶ กเต อคาเร. สา กิร สนฺถาคารสาลา นครมชฺเฌ อโหสิ, จตูสุ าเนสุ ิตานํ ปฺายติ, จตูหิ ทิสาหิ อาคตมนุสฺสา ปมํ ตตฺถ วิสฺสมิตฺวา ปจฺฉา อตฺตโน อตฺตโน ผาสุกฏฺานํ คจฺฉนฺติ. ราชกุลานํ รชฺชกิจฺจสนฺถรณตฺถาย ¶ กตํ อคารนฺติปิ วทนฺติเยว. ตตฺถ หิ นิสีทิตฺวา ลิจฺฉวิราชาโน รชฺชกิจฺจํ สนฺถรนฺติ กโรนฺติ วิจาเรนฺติ. สนฺนิสินฺนาติ เตสํ นิสีทนตฺถฺเว ปฺตฺเตสุ มหารหวรปจฺจตฺถรเณสุ สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเตสุ อาสเนสุ สนฺนิสินฺนา. อเนกปริยาเยน พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสนฺตีติ ราชกุเล กิจฺจฺเจว โลกตฺถจริยฺจ วิจาเรตฺวา อเนเกหิ การเณหิ พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสนฺติ กเถนฺติ ทีเปนฺติ. ปณฺฑิตา หิ เต ราชาโน สทฺธา ปสนฺนา โสตาปนฺนาปิ สกทาคามิโนปิ อนาคามิโนปิ อริยสาวกา, เต สพฺเพปิ โลกิยชฏํ ฉินฺทิตฺวา พุทฺธาทีนํ ติณฺณํ รตนานํ วณฺณํ ภาสนฺติ. ตตฺถ ติวิโธ พุทฺธวณฺโณ นาม จริยวณฺโณ, สรีรวณฺโณ, คุณวณฺโณติ. ตตฺริเม ราชาโน จริยาย วณฺณํ อารภึสุ – ‘‘ทุกฺกรํ วต กตํ สมฺมาสมฺพุทฺเธน กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺเขยฺยานิ ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตฺตึส ปารมิโย ปูเรนฺเตน, าตตฺถจริยํ, โลกตฺถจริยํ, พุทฺธจริยํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชนฺเตนา’’ติ อฑฺฒจฺฉกฺเกหิ ชาตกสเตหิ พุทฺธวณฺณํ กเถนฺตา ตุสิตภวนํ ปาเปตฺวา ปยึสุ.
ธมฺมสฺส ¶ วณฺณํ ภาสนฺตา ปน ‘‘เตน ภควตา ธมฺโม เทสิโต, นิกายโต ปฺจ นิกายา, ปิฏกโต ตีณิ ปิฏกานิ, องฺคโต นว องฺคานิ, ขนฺธโต จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ โกฏฺาสวเสน ธมฺมคุณํ กถยึสุ.
สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ‘‘ปฏิลทฺธสทฺธา กุลปุตฺตา โภคกฺขนฺธฺเจว าติปริวฏฺฏฺจ ¶ ปหาย เสตจฺฉตฺตํ โอปรชฺชํ เสนาปติเสฏฺิภณฺฑาคาริกฏฺานนฺตราทีนิ อคเณตฺวา นิกฺขมฺม สตฺถุ วรสาสเน ปพฺพชนฺติ. เสตจฺฉตฺตํ ปหาย ปพฺพชิตานํ ภทฺทิยราชมหากปฺปินปุกฺกุสาติอาทีนํ ราชปพฺพชิตานํเยว พุทฺธกาเล อสีติสหสฺสานิ อเหสุํ. อเนกโกฏิสตํ ธนํ ปหาย ปพฺพชิตานํ ปน ยสกุลปุตฺตโสณเสฏฺิปุตฺตรฏฺปาลกุลปุตฺตาทีนํ ปริจฺเฉโท นตฺถิ. เอวรูปา จ เอวรูปา จ กุลปุตฺตา สตฺถุ สาสเน ปพฺพชนฺตี’’ติ ปพฺพชฺชาสงฺเขปวเสน สงฺฆคุเณ กถยึสุ.
สีโห ¶ เสนาปตีติ เอวํนามโก เสนาย อธิปติ. เวสาลิยฺหิ สตฺต สหสฺสานิ สตฺต สตานิ สตฺต จ ราชาโน. เต สพฺเพปิ สนฺนิปติตฺวา สพฺเพสํ มนํ คเหตฺวา ‘‘รฏฺํ วิจาเรตุํ สมตฺถํ เอกํ วิจินถา’’ติ วิจินนฺตา สีหํ ราชกุมารํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สกฺขิสฺสตี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ตสฺส รตฺตมณิวณฺณํ กมฺพลปริโยนทฺธํ เสนาปติจฺฉตฺตํ อทํสุ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สีโห เสนาปตี’’ติ. นิคณฺสาวโกติ นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส ปจฺจยทายโก อุปฏฺาโก. ชมฺพุทีปตลสฺมิฺหิ ตโย ชนา นิคณฺานํ อคฺคุปฏฺากา – นาฬนฺทายํ, อุปาลิ คหปติ, กปิลปุเร วปฺโป สกฺโก, เวสาลิยํ อยํ สีโห เสนาปตีติ. นิสินฺโน ¶ โหตีติ เสสราชูนํ ปริสาย อนฺตรนฺตเร อาสนานิ ปฺาปยึสุ, สีหสฺส ปน มชฺเฌ าเนติ ตสฺมึ ปฺตฺเต มหารเห ราชาสเน นิสินฺโน โหติ. นิสฺสํสยนฺติ นิพฺพิจิกิจฺฉํ อทฺธา เอกํเสน, น เหเต ยสฺส วา ตสฺส วา อปฺเปสกฺขสฺส เอวํ อเนกสเตหิ การเณหิ วณฺณํ ภาสนฺติ.
เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมีติ นิคณฺโ กิร นาฏปุตฺโต ‘‘สจายํ สีโห กสฺสจิเทว สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณํ กเถนฺตสฺส สุตฺวา สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสติ, มยฺหํ ปริหานิ ภวิสฺสตี’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา ปมตรํเยว สีหํ เสนาปตึ เอตทโวจ – ‘‘เสนาปติ อิมสฺมึ โลเก ‘อหํ พุทฺโธ อหํ พุทฺโธ’ติ พหู วิจรนฺติ. สเจ ตฺวํ กสฺสจิ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุกาโม อโหสิ, มํ ปุจฺเฉยฺยาสิ. อหํ เต ยุตฺตฏฺานํ เปเสสฺสามิ, อยุตฺตฏฺานโต นิวาเรสฺสามี’’ติ. โส ตํ กถํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘สเจ มํ เปเสสฺสติ, คมิสฺสามิ. โน เจ, น คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต, เตนุปสงฺกมิ.
อถสฺส วจนํ สุตฺวา นิคณฺโ มหาปพฺพเตน วิย พลวโสเกน โอตฺถโฏ ‘‘ยตฺถ ทานิสฺสาหํ คมนํ น อิจฺฉามิ, ตตฺเถว คนฺตุกาโม ชาโต, หโตหมสฺมี’’ติ อนตฺตมโน หุตฺวา ‘‘ปฏิพาหนุปายมสฺส กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา กึ ปน ตฺวนฺติอาทิมาห. เอวํ วทนฺโต วิจรนฺตํ โคณํ ทณฺเฑน ปหรนฺโต วิย ชลมานํ ปทีปํ นิพฺพาเปนฺโต วิย ภตฺตภริตํ ปตฺตํ นิกฺกุชฺชนฺโต วิย จ สีหสฺส อุปฺปนฺนปีตึ วินาเสสิ. คมิยาภิสงฺขาโรติ หตฺถิยานาทีนํ โยชาปนคนฺธมาลาทิคฺคหณวเสน ปวตฺโต ปโยโค. โส ปฏิปฺปสฺสมฺภีติ ¶ โส วูปสนฺโต.
ทุติยมฺปิ โขติ ทุติยวารมฺปิ. อิมสฺมิฺจ วาเร พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ตุสิตภวนโต ปฏฺาย ยาว มหาโพธิปลฺลงฺกา ทสพลสฺส เหฏฺา ปาทตเลหิ อุปริ เกสคฺเคหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ¶ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภานํ วเสน สรีรวณฺณํ กถยึสุ. ธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ‘‘เอกปเทปิ เอกพฺยฺชเนปิ อวขลิตํ นาม นตฺถี’’ติ สุกถิตวเสเนว ธมฺมคุณํ กถยึสุ. สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสนฺตา ‘‘เอวรูปํ ยสสิริวิภวํ ปหาย สตฺถุ สาสเน ปพฺพชิตา น โกสชฺชปกติกา โหนฺติ, เตรสสุ ปน ธุตงฺคคุเณสุ ปริปูรการิโน หุตฺวา สตฺตสุ อนุปสฺสนาสุ กมฺมํ กโรนฺติ, อฏฺตึสารมฺมณวิภตฺติโย วฬฺเชนฺตี’’ติ ปฏิปทาวเสน สงฺฆคุเณ กถยึสุ.
ตติยวาเร ปน พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสมานา ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติ สุตฺตนฺตปริยาเยเนว พุทฺธคุเณ กถยึสุ, ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม’’ติอาทินา สุตฺตนฺตปริยาเยเนว ธมฺมคุเณ, ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต ¶ สาวกสงฺโฆ’’ติอาทินา สุตฺตนฺตปริยาเยเนว สงฺฆคุเณ จ กถยึสุ. ตโต สีโห จินฺเตสิ – ‘‘อิเมสฺจ ลิจฺฉวิราชกุมารานํ ตติยทิวสโต ปฏฺาย พุทฺธธมฺมสงฺฆคุเณ กเถนฺตานํ มุขํ นปฺปโหติ, อทฺธา อโนมคุเณน สมนฺนาคตา ¶ โส ภควา, อิมํ ทานิ อุปฺปนฺนํ ปีตึ อวิชหิตฺวาว อหํ อชฺช สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ. อถสฺส ‘‘กึ หิ เม กริสฺสนฺติ นิคณฺา’’ติ วิตกฺโก อุทปาทิ. ตตฺถ กึ หิ เม กริสฺสนฺตีติ กึ นาม มยฺหํ นิคณฺา กริสฺสนฺติ. อปโลกิตา วา อนปโลกิตา วาติ อาปุจฺฉิตา วา อนาปุจฺฉิตา วา. น หิ เม เต อาปุจฺฉิตา ยานวาหนสมฺปตฺตึ, น จ อิสฺสริยวิเสสํ ทสฺสนฺติ, นาปิ อนาปุจฺฉิตา หริสฺสนฺติ, อผลํ เอเตสํ อาปุจฺฉนนฺติ อธิปฺปาโย.
เวสาลิยา นิยฺยาสีติ ยถา หิ คิมฺหกาเล เทเว วุฏฺเ อุทกํ สนฺทมานํ นทึ โอตริตฺวา โถกเมว คนฺตฺวา ติฏฺติ นปฺปวตฺตติ, เอวํ สีหสฺส ปมทิวเส ‘‘ทสพลํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนาย ปีติยา นิคณฺเน ปฏิพาหิตกาโล. ยถาปิ ทุติยทิวเส เทเว วุฏฺเ อุทกํ สนฺทมานํ นทึ โอตริตฺวา โถกํ คนฺตฺวา วาลิกาปฺุชํ ปหริตฺวา อปฺปวตฺตํ โหติ, เอวํ สีหสฺส ทุติยทิวเส ‘‘ทสพลํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนาย ปีติยา นิคณฺเน ปฏิพาหิตกาโล. ยถา ตติยทิวเส เทเว วุฏฺเ อุทกํ สนฺทมานํ นทึ โอตริตฺวา ปุราณปณฺณสุกฺขทณฺฑกฏฺกจวราทีนิ ปริกฑฺฒนฺตํ วาลิกาปฺุชํ ภินฺทิตฺวา สมุทฺทนินฺนเมว โหติ, เอวํ สีโห ตติยทิวเส ติณฺณํ วตฺถูนํ คุณกถํ สุตฺวา อุปฺปนฺเน ปีติปาโมชฺเช ‘‘อผลา นิคณฺา นิปฺผลา นิคณฺา, กึ เม อิเม กริสฺสนฺติ, คมิสฺสามหํ สตฺถุสนฺติก’’นฺติ มนํ อภินีหริตฺวา เวสาลิยา นิยฺยาสิ. นิยฺยนฺโต จ ‘‘จิรสฺสาหํ ทสพลสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม ¶ ชาโต, น โข ปน เม ยุตฺตํ อฺาตกเวเสน ¶ คนฺตุ’’นฺติ ‘‘เยเกจิ ทสพลสฺส สนฺติกํ คนฺตุกามา, สพฺเพ นิกฺขมนฺตู’’ติ โฆสนํ กาเรตฺวา ปฺจรถสตานิ โยชาเปตฺวา อุตฺตมรเถ ิโต เตหิ เจว ปฺจหิ รถสเตหิ มหติยา จ ปริสาย ปริวุโต คนฺธปุปฺผจุณฺณวาสาทีนิ คาหาเปตฺวา นิยฺยาสิ. ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสสฺส จ ทิวา, มชฺฌนฺหิเก อติกฺกนฺตมตฺเต.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ อารามํ ปวิสนฺโต ทูรโตว อสีติ-อนุพฺยฺชน-พฺยามปฺปภา-ทฺวตฺตึส-มหาปุริสลกฺขณานิ ฉพฺพณฺณฆนพุทฺธรสฺมิโย จ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปํ นาม ปุริสํ เอวํ อาสนฺเน วสนฺตํ เอตฺตกํ กาลํ นาทฺทสํ, วฺจิโต ¶ วตมฺหิ, อลาภา วต เม’’ติ จินฺเตตฺวา มหานิธึ ทิสฺวา ทลิทฺทปุริโส วิย สฺชาตปีติปาโมชฺโช เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺตีติ โภตา โคตเมน วุตฺตการณสฺส อนุการณํ กเถนฺติ. การณวจโน เหตฺถ ธมฺมสทฺโท ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๒๐) วิย. การณนฺติ เจตฺถ ตถาปวตฺตสฺส สทฺทสฺส อตฺโถ อธิปฺเปโต ตสฺส ปวตฺติเหตุภาวโต. อตฺถปฺปยุตฺโต หิ สทฺทปฺปโยโค. อนุการณนฺติ เอโส เอว ปเรหิ ตถา วุจฺจมาโน. สหธมฺมิโก วาทานุวาโทติ. ปเรหิ วุตฺตการเณหิ สการโณ หุตฺวา ตุมฺหากํ วาโท วา ตโต ปรํ ตสฺส อนุวาโท วา โกจิ อปฺปมตฺตโกปิ วิฺูหิ ครหิตพฺพํ านํ การณํ น อาคจฺฉติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กึ สพฺพากาเรนปิ ตว วาเท คารยฺหํ การณํ นตฺถีติ. อนพฺภกฺขาตุกามาติ น อภูเตน วตฺตุกามา. อตฺถิ สีหปริยาโยติอาทีนํ อตฺโถ เวรฺชกณฺเฑ อาคตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ปรเมน ¶ อสฺสาเสนาติ จตุมคฺคจตุผลสงฺขาเตน อุตฺตเมน. อสฺสาสาย ธมฺมํ เทเสมีติ อสฺสาสนตฺถาย สนฺถมฺภนตฺถาย ธมฺมํ เทเสมิ. อิติ ภควา อฏฺหงฺเคหิ สีหสฺส เสนาปติสฺส ธมฺมํ เทเสสิ.
อนุวิจฺจการนฺติ อนุวิทิตฺวา จินฺเตตฺวา ตุลยิตฺวา กตฺตพฺพํ กโรหีติ วุตฺตํ โหติ. สาธุ โหตีติ สุนฺทโร โหติ. ตุมฺหาทิสสฺมิฺหิ มํ ทิสฺวา มํ สรณํ คจฺฉนฺเต นิคณฺํ ทิสฺวา นิคณฺํ สรณํ คจฺฉนฺเต ‘‘กึ อยํ สีโห ทิฏฺทิฏฺเมว สรณํ คจฺฉตี’’ติ ครหา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อนุวิจฺจกาโร ตุมฺหาทิสานํ สาธูติ ทสฺเสติ. ปฏากํ ปริหเรยฺยุนฺติ เต กิร เอวรูปํ สาวกํ ลภิตฺวา ‘‘อสุโก นาม ราชา วา ราชมหามตฺโต วา เสฏฺิ วา อมฺหากํ สรณํ คโต สาวโก ชาโต’’ติ ปฏากํ อุกฺขิปิตฺวา นคเร โฆเสนฺตา อาหิณฺฑนฺติ. กสฺมา? เอวํ โน มหนฺตภาโว ¶ อาวิภวิสฺสตีติ จ. สเจ ปนสฺส ‘‘กิมหํ เอเตสํ สรณํ คโต’’ติ วิปฺปฏิสาโร อุปฺปชฺเชยฺย, ตมฺปิ โส ‘‘เอเตสํ เม สรณคตภาวํ พหู ชานนฺติ, ทุกฺขํ อิทานิ ปฏินิวตฺติตุ’’นฺติ วิโนเทตฺวา น ปฏิกฺกมิสฺสตีติ จ. เตนาห – ‘‘ปฏากํ ปริหเรยฺยุ’’นฺติ. โอปานภูตนฺติ ปฏิยตฺตอุทปาโน วิย ิตํ. กุลนฺติ ตว นิเวสนํ. ทาตพฺพํ มฺเยฺยาสีติ ปุพฺเพ ทสปิ วีสติปิ สฏฺิปิ ชเน อาคเต ทิสฺวา ¶ นตฺถีติ อวตฺวา เทสิ, อิทานิ มํ ¶ สรณํ คตการณมตฺเตเนว มา อิเมสํ เทยฺยธมฺมํ อุปจฺฉินฺทิ. สมฺปตฺตานฺหิ ทาตพฺพเมวาติ โอวทิ. สุตํ เมตํ, ภนฺเตติ กุโต สุตนฺติ? นิคณฺานํ สนฺติกา. เต กิร กุลฆเรสุ เอวํ ปกาเสนฺติ ‘‘มยํ ยสฺส กสฺสจิ สมฺปตฺตสฺส ทาตพฺพนฺติ วทาม, สมโณ ปน โคตโม ‘มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ นาฺเสํ, มยฺหเมว สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ, นาฺเสํ สาวกานํ, มยฺหเมว ทินฺนํ ทานํ มหปฺผลํ, นาฺเสํ, มยฺหเมว สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ, นาฺเส’นฺติ เอวํ วทตี’’ติ. ตํ สนฺธาย อยํ ‘‘สุตํ เมต’’นฺติ อาห.
อนุปุพฺพึ กถนฺติ ทานานนฺตรํ สีลํ, สีลานนฺตรํ สคฺคํ, สคฺคานนฺตรํ มคฺคนฺติ เอวํ อนุปฏิปาฏิกถํ. ตตฺถ ทานกถนฺติ อิทํ ทานํ นาม สุขานํ นิทานํ, สมฺปตฺตีนํ มูลํ, โภคานํ ปติฏฺา, วิสมคตสฺส ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ, อิธโลกปรโลเกสุ ทานสทิโส อวสฺสโย ปติฏฺา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิ. อิทฺหิ อวสฺสยฏฺเน รตนมยสีหาสนสทิสํ, ปติฏฺานฏฺเน มหาปถวีสทิสํ, อารมฺมณฏฺเน อาลมฺพนรชฺชุสทิสํ. อิทฺหิ ทุกฺขนิตฺถรณฏฺเน นาวา, สมสฺสาสนฏฺเน สงฺคามสูโร, ภยปริตฺตาณฏฺเน ¶ สุสงฺขตนครํ, มจฺเฉรมลาทีหิ อนุปลิตฺตฏฺเน ปทุมํ, เตสํ นิทหนฏฺเน อคฺคิ, ทุราสทฏฺเน อาสิวิโส, อสนฺตาสนฏฺเน สีโห, พลวนฺตฏฺเน หตฺถี, อภิมงฺคลสมฺมตฏฺเน เสตวสโภ, เขมนฺตภูมิสมฺปาปนฏฺเน วลาหโก อสฺสราชา. ทานํ นาเมตํ มยา คตมคฺโค, มยฺเหโส วํโส, มยา ทส ปารมิโย ปูเรนฺเตน เวลามมหายฺโ, มหาโควินฺทมหายฺโ, มหาสุทสฺสนมหายฺโ, เวสฺสนฺตรมหายฺโติ, อเนกมหายฺา ปวตฺติตา, สสภูเตน ชลิตอคฺคิกฺขนฺเธ อตฺตานํ นิยฺยาเทนฺเตน สมฺปตฺตยาจกานํ จิตฺตํ คหิตํ. ทานฺหิ โลเก สกฺกสมฺปตฺตึ เทติ มารสมฺปตฺตึ พฺรหฺมสมฺปตฺตึ, จกฺกวตฺติสมฺปตฺตึ, สาวกปารมีาณํ, ปจฺเจกโพธิาณํ, อภิสมฺโพธิาณํ เทตีติ เอวมาทิทานคุณปฺปฏิสํยุตฺตํ กถํ.
ยสฺมา ปน ทานํ เทนฺโต สีลํ สมาทาตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ตทนนฺตรํ สีลกถํ กเถสิ. สีลกถนฺติ ¶ สีลํ นาเมตํ อวสฺสโย ปติฏฺา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ. สีลํ นาเมตํ มม วํโส ¶ , อหํ สงฺขปาลนาคราชกาเล ภูริทตฺตนาคราชกาเล จมฺเปยฺยนาคราชกาเล สีลวราชกาเล มาตุโปสกหตฺถิราชกาเล ฉทฺทนฺตหตฺถิราชกาเลติ อนนฺเตสุ อตฺตภาเวสุ สีลํ ปริปูเรสึ. อิธโลกปรโลกสมฺปตฺตีนฺหิ สีลสทิโส อวสฺสโย ปติฏฺา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิ, สีลาลงฺการสทิโส อลงฺกาโร นตฺถิ, สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ นตฺถิ, สีลคนฺธสทิโส คนฺโธ นตฺถิ. สีลาลงฺกาเรน หิ อลงฺกตํ สีลคนฺธานุลิตฺตํ สเทวโกปิ โลโก ¶ โอโลเกนฺโต ติตฺตึ น คจฺฉตีติ เอวมาทิสีลคุณปฺปฏิสํยุตฺตํ กถํ.
‘‘อิทํ ปน สีลํ นิสฺสาย อยํ สคฺโค ลพฺภตี’’ติ ทสฺเสตุํ สีลานนฺตรํ สคฺคกถํ กเถสิ. สคฺคกถนฺติ ‘‘อยํ สคฺโค นาม อิฏฺโ กนฺโต มนาโป, นิจฺจเมตฺถ กีฬา, นิจฺจํ สมฺปตฺติโย ลพฺภนฺติ, จาตุมหาราชิกา เทวา นวุติวสฺสสตสหสฺสานิ ทิพฺพสุขํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺติ, ตาวตึสา ติสฺโส จ วสฺสโกฏิโย สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานี’’ติ เอวมาทิสคฺคคุณปฺปฏิสํยุตฺตํ กถํ. สคฺคสมฺปตฺตึ กถยนฺตานฺหิ พุทฺธานํ มุขํ นปฺปโหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘อเนกปริยาเยน ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สคฺคกถํ กเถยฺย’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๓.๒๕๕).
เอวํ สคฺคกถาย ปโลเภตฺวา ปน หตฺถึ อลงฺกริตฺวา ตสฺส โสณฺฑํ ฉินฺทนฺโต วิย ‘‘อยมฺปิ สคฺโค อนิจฺโจ อทฺธุโว, น เอตฺถ ฉนฺทราโค กตฺตพฺโพ’’ติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๕-๒๓๖; ๒.๔๒) นเยน กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ กเถสิ. ตตฺถ อาทีนโวติ โทโส. โอกาโรติ อวกาโร ลามกภาโว. สํกิเลโสติ เตหิ สตฺตานํ สํสาเร สํกิลิสฺสนํ. ยถาห – ‘‘สํกิลิสฺสนฺติ วต, โภ, สตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๕๑).
เอวํ กามาทีนเวน ตชฺเชตฺวา เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ. กลฺลจิตฺตนฺติ อโรคจิตฺตํ. สามุกฺกํสิกาติ สามํ อุกฺกํสิกา อตฺตนาเยว อุทฺธริตฺวา คหิตา, สยมฺภุาเณน ¶ ทิฏฺา อสาธารณา อฺเสนฺติ อตฺโถ. กา ปน สาติ? อริยสจฺจเทสนา. เตเนวาห – ทุกฺขํ สมุทยํ นิโรธํ มคฺคนฺติ. วิรชํ วีตมลนฺติ ราครชาทีนํ อภาวา วิรชํ, ราคมลาทีนํ ¶ วิคตตฺตา วีตมลํ. ธมฺมจกฺขุนฺติ อิธ โสตาปตฺติมคฺโค อธิปฺเปโต. ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถํ ¶ ยํกิฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺมนฺติ อาห. ตฺหิ นิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจวเสน เอวํ สพฺพสงฺขตํ ปฏิวิชฺฌนฺตํ อุปฺปชฺชติ. ทิฏฺโ อริยสจฺจธมฺโม เอเตนาติ ทิฏฺธมฺโม. เอส นโย เสเสสุปิ. ติณฺณา วิจิกิจฺฉา อเนนาติ ติณฺณวิจิกิจฺโฉ. วิคตา กถํกถา อสฺสาติ วิคตกถํกโถ. วิสารชฺชํ ปตฺโตติ เวสารชฺชปฺปตฺโต. กตฺถ? สตฺถุสาสเน. นาสฺส ปโร ปจฺจโย, น ปรํ สทฺธาย เอตฺถ วตฺตตีติ อปรปฺปจฺจโย.
ปวตฺตมํสนฺติ ปกติยา ปวตฺตํ กปฺปิยมํสํ มูลํ คเหตฺวา อนฺตราปเณ ปริเยสาหีติ อธิปฺปาโย. สมฺพหุลา นิคณฺาติ ปฺจสตมตฺตา นิคณฺา. ถูลํ ปสุนฺติ ถูลํ มหาสรีรํ โคกณฺณมหึสสูกรสงฺขาตํ ปสุํ. อุทฺทิสฺสกตนฺติ อตฺตานํ อุทฺทิสิตฺวา กตํ, มาริตนฺติ อตฺโถ. ปฏิจฺจกมฺมนฺติ สฺวายํ ตํ มํสํ ปฏิจฺจ ตํ ปาณวธกมฺมํ ผุสติ. ตฺหิ อกุสลํ อุปฑฺฒํ ทายกสฺส, อุปฑฺฒํ ปฏิคฺคาหกสฺส โหตีติ เนสํ ลทฺธิ. อปโร ¶ นโย – ปฏิจฺจกมฺมนฺติ อตฺตานํ ปฏิจฺจกตํ. อถ วา ปฏิจฺจกมฺมนฺติ นิมิตฺตกมฺมสฺเสตํ อธิวจนํ, ตํ ปฏิจฺจกมฺมํ เอตฺถ อตฺถีติ มํสมฺปิ ปฏิจฺจกมฺมนฺติ วุตฺตํ. อุปกณฺณเกติ กณฺณมูเล. อลนฺติ ปฏิกฺเขปวจนํ, กึ อิมินาติ อตฺโถ. น จ ปเนเตติ เอเต อายสฺมนฺโต ทีฆรตฺตํ อวณฺณกามา หุตฺวา อวณฺณํ ภาสนฺตาปิ อพฺภาจิกฺขนฺตา น ชิริทนฺติ, อพฺภกฺขานสฺส อนฺตํ น คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา ลชฺชนตฺเถ อิทํ ชิริทนฺตีติ ปทํ ทฏฺพฺพํ, น ลชฺชนฺตีติ อตฺโถ.
๓. อสฺสาชานียสุตฺตวณฺณนา
๑๓. ตติเย องฺเคหีติ คุณงฺเคหิ. ตสฺสํ ทิสายํ ชาโต โหตีติ ตสฺสํ สินฺธุนทีตีรทิสายํ ชาโต โหติ. อฺเปิ ภทฺรา อสฺสาชานียา ตตฺเถว ชายนฺติ. อลฺลํ วา สุกฺขํ วาติ อลฺลติณํ วา สุกฺขติณํ วา. นาฺเ อสฺเส อุพฺเพเชตาติ อฺเ อสฺเส น อุพฺเพเชติ น ปหรติ น ฑํสติ น กลหํ กโรติ. สาเยฺยานีติ สภาโว. กูเฏยฺยานีติ กูฏภาโว. ชิมฺเหยฺยานีติ ชิมฺหภาโว. วงฺเกยฺยานีติ วงฺกภาวา. อิจฺจสฺส จตูหิปิ ปเทหิ อสิกฺขิตภาโวว กถิโต ¶ . วาหีติ วหนสภาโว ทินฺโนวาทปฏิกโร. ยาว ¶ ชีวิตมรณปริยาทานาติ ยาว ชีวิตสฺส มรเณน ปริโยสานา. สกฺกจฺจํ ปริภฺุชตีติ อมตํ ¶ วิย ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชติ. ปุริสถาเมนาติอาทีสุ าณถามาทโย กถิตา. สณฺานนฺติ โอสกฺกนํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิ.
๔. อสฺสขฬุงฺกสุตฺตวณฺณนา
๑๔. จตุตฺเถ ‘‘เปหี’’ติ วุตฺโตติ ‘‘คจฺฉา’’ติ วุตฺโต. ปิฏฺิโต รถํ ปวตฺเตตีติ ขนฺธฏฺิเกน ยุคํ อุปฺปีฬิตฺวา ปจฺฉิมภาเคน รถํ ปวฏฺเฏนฺโต โอสกฺกติ. ปจฺฉา ลงฺฆติ, กุพฺพรํ หนตีติ ทฺเว ปจฺฉิมปาเท อุกฺขิปิตฺวา เตหิ ปหริตฺวา รถกุพฺพรํ ภินฺทติ. ติทณฺฑํ ภฺชตีติ รถสฺส ปุรโต ตโย ทณฺฑกา โหนฺติ, เต ภฺชติ. รถีสาย สตฺถึ อุสฺสชฺชิตฺวาติ สีสํ นาเมตฺวา ยุคํ ภูมิยํ ปาเตตฺวา สตฺถินา รถีสํ ปหริตฺวา. อชฺโฌมทฺทตีติ ทฺวีหิ ปุริมปาเทหิ อีสํ มทฺทนฺโต ติฏฺติ. อุพฺพฏุมํ รถํ กโรตีติ ถลํ วา กณฺฑกฏฺานํ วา รถํ อาโรเปติ. อนาทิยิตฺวาติ อมนสิกตฺวา อคณิตฺวา. มุขาธานนฺติ มุขปนตฺถาย ทินฺนํ อยสงฺขลิกํ. ขีลฏฺายีติ จตฺตาโร ปาเท ถมฺเภ วิย นิจฺจลํ เปตฺวา ขีลฏฺานสทิเสน าเนน ติฏฺติ. อิมสฺมึ ¶ สุตฺเต วฏฺฏเมว กถิตํ.
๕. มลสุตฺตวณฺณนา
๑๕. ปฺจเม อสชฺฌายมลาติ อุคฺคหิตมนฺตานํ อสชฺฌายกรณํ มลํ นาม โหติ. อนุฏฺานมลา ฆราติ อุฏฺานวีริยาภาโว ฆรานํ มลํ นาม. วณฺณสฺสาติ สรีรวณฺณสฺส. รกฺขโตติ ยํกิฺจิ อตฺตโน สนฺตกํ รกฺขนฺตสฺส. อวิชฺชา ปรมํ มลนฺติ ตโต เสสากุสลธมฺมมลโต อฏฺสุ าเนสุ อฺาณภูตา วฏฺฏมูลสงฺขาตา พหลนฺธการอวิชฺชา ปรมํ มลํ. ตโต หิ มลตรํ นาม นตฺถิ. อิมสฺมิมฺปิ สุตฺเต วฏฺฏเมว กถิตํ.
๖. ทูเตยฺยสุตฺตวณฺณนา
๑๖. ฉฏฺเ ทูเตยฺยนฺติ ทูตกมฺมํ. คนฺตุมรหตีติ ตํ ทูเตยฺยสงฺขาตํ สาสนํ ธาเรตฺวา หริตุํ อรหติ. โสตาติ โย ตํ อสฺส สาสนํ เทติ ¶ , ตสฺส โสตา. สาเวตาติ ตํ อุคฺคณฺหิตฺวา ‘‘อิทํ นาม ตุมฺเหหิ วุตฺต’’นฺติ ปฏิสาเวตา. อุคฺคเหตาติ สุคฺคหิตํ กตฺวา อุคฺคเหตา. ธาเรตาติ สุธาริตํ ¶ กตฺวา ธาเรตา. วิฺาติ อตฺถานตฺถสฺส อตฺถํ ชานิตา. วิฺาเปตาติ ปรํ วิชานาเปตา. สหิตา สหิตสฺสาติ อิทํ สหิตํ, อิทํ อสหิตนฺติ เอวํ สหิตาสหิตสฺส กุสโล, อุปคตานุปคเตสุ เฉโก สาสนํ อาโรเจนฺโต สหิตํ สลฺลกฺเขตฺวา อาโรเจติ. น พฺยถตีติ เวธติ น ฉมฺภติ. อสนฺทิทฺธนฺติ ¶ นิสฺสนฺเทหํ วิคตสํสยํ. ปุจฺฉิโตติ ปฺหตฺถาย ปุจฺฉิโต.
๗-๘. พนฺธนสุตฺตทฺวยวณฺณนา
๑๗-๑๘. สตฺตเม รุณฺเณนาติ รุทิเตน. อากปฺเปนาติ นิวาสนปารุปนาทินา วิธาเนน. วนภงฺเคนาติ วนโต ภฺชิตฺวา อาหเฏน ปุปฺผผลาทิปณฺณากาเรน. อฏฺเมปิ เอเสว นโย.
๙. ปหาราทสุตฺตวณฺณนา
๑๙. นวเม ปหาราโทติ เอวํนามโก. อสุรินฺโทติ อสุรเชฏฺโก. อสุเรสุ หิ เวปจิตฺติ ราหุ ปหาราโทติ อิเม ตโย เชฏฺกา. เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ ทสพลสฺส อภิสมฺพุทฺธทิวสโต ปฏฺาย ‘‘อชฺช คมิสฺสามิ สฺเว คมิสฺสามี’’ติ เอกาทส วสฺสานิ อติกฺกมิตฺวา ทฺวาทสเม วสฺเส สตฺถุ เวรฺชายํ วสนกาเล ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘มม ‘อชฺช สฺเว’ติ ทฺวาทส วสฺสานิ ชาตานิ, หนฺทาหํ อิทาเนว คจฺฉามี’’ติ ตงฺขณํเยว อสุรคณปริวุโต อสุรภวนา นิกฺขมิตฺวา ทิวา ทิวสฺส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, เอกมนฺตํ อฏฺาสีติ โส กิร ‘‘ตถาคตํ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา เอว ธมฺมํ สุณิสฺสามี’’ติ อาคโต, ตถาคตสฺส ปน ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย พุทฺธคารเวน ปุจฺฉิตุํ อสกฺโกนฺโต อปิ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ตโต สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปหาราโท มยิ อกเถนฺเต ปมตรํ กเถตุํ น สกฺขิสฺสติ, จิณฺณวสิฏฺาเนเยว นํ กถาสมุฏฺาปนตฺถํ เอกํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ ¶ .
อถ ¶ นํ ปุจฺฉนฺโต อปิ ปน ปหาราทาติอาทิมาห. ตตฺถ อภิรมนฺตีติ รตึ วินฺทนฺติ, อนุกฺกณฺมานา วสนฺตีติ อตฺโถ. โส ‘‘ปริจิณฺณฏฺาเนเยว มํ ภควา ปุจฺฉตี’’ติ อตฺตมโน หุตฺวา อภิรมนฺติ, ภนฺเตติ อาห. อนุปุพฺพนินฺโนติอาทีนิ สพฺพานิ อนุปฏิปาฏิยา นินฺนภาวสฺส เววจนานิ. น อายตเกเนว ปปาโตติ น ฉินฺนตฏมหาโสพฺโภ วิย อาทิโตว ปปาโต ¶ . โส หิ ตีรโต ปฏฺาย เอกงฺคุลทฺวงฺคุลวิทตฺถิรตนยฏฺิอุสภอฑฺฒคาวุตคาวุตอฑฺฒโยชนาทิวเสน คมฺภีโร หุตฺวา คจฺฉนฺโต สิเนรุปาทมูเล จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร หุตฺวา ิโตติ ทสฺเสติ.
ิตธมฺโมติ ิตสภาโว. กุณเปนาติ เยน เกนจิ หตฺถิอสฺสาทีนํ กเฬวเรน. ถลํ อุสฺสาเรตีติ หตฺเถน คเหตฺวา วิย วีจิปหาเรเนว ถลํ ขิปติ.
คงฺคายมุนาติ อิธ ตฺวา อิมาสํ นทีนํ อุปฺปตฺติกถํ กเถตุํ วฏฺฏติ. อยํ ตาว ชมฺพุทีโป ทสสหสฺสโยชนปริมาโณ, ตตฺถ จตุสหสฺสโยชนปริมาโณ ปเทโส อุทเกน อชฺโฌตฺถโฏ มหาสมุทฺโทติ สงฺขํ คโต, ติสหสฺสโยชนปฺปมาเณ มนุสฺสา วสนฺติ, ติสหสฺสโยชนปฺปมาเณ หิมวา ปติฏฺิโต อุพฺเพเธน ปฺจโยชนสติโก จตุราสีติกูฏสหสฺสปฏิมณฺฑิโต สมนฺตโต สนฺทมานปฺจสตนทีวิจิตฺโต, ยตฺถ อายามวิตฺถาเรน จ คมฺภีรโต จ ปณฺณาสปณฺณาสโยชนา ทิยฑฺฒโยชนสตปริมณฺฑลา อโนตตฺตทโห กณฺณมุณฺฑทโห ¶ รถการทโห ฉทฺทนฺตทโห กุณาลทโห มนฺทากินิทโห สีหปฺปปาตทโหติ สตฺต มหาสรา ปติฏฺหนฺติ.
เตสุ อโนตตฺโต สุทสฺสนกูฏํ จิตฺตกูฏํ กาฬกูฏํ คนฺธมาทนกูฏํ เกลาสกูฏนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ ปพฺพเตหิ ปริกฺขิตฺโต. ตตฺถ สุทสฺสนกูฏํ โสวณฺณมยํ ทฺวิโยชนสตุพฺเพธํ อนฺโตวงฺกํ กากมุขสณฺานํ ตเมว สรํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ติฏฺติ, จิตฺตกูฏํ สพฺพรตนมยํ, กาฬกูฏํ อฺชนมยํ, คนฺธมาทนกูฏํ สานุมยํ อพฺภนฺตเร มุคฺควณฺณํ, มูลคนฺโธ สารคนฺโธ เผคฺคุคนฺโธ ตจคนฺโธ ปปฏิกาคนฺโธ รสคนฺโธ ปตฺตคนฺโธ ปุปฺผคนฺโธ ผลคนฺโธ ¶ คนฺธคนฺโธติ อิเมหิ ทสหิ คนฺเธหิ อุสฺสนฺนํ, นานปฺปการโอสธสฺฉนฺนํ กาฬปกฺขอุโปสถทิวเส อาทิตฺตมิว องฺคารํ ชลนฺตํ ติฏฺติ, เกลาสกูฏํ รชตมยํ. สพฺพานิ สุทสฺสเนน สมานุพฺเพธสณฺานานิ ตเมว สรํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ิตานิ. ตานิ สพฺพานิ เทวานุภาเวน นาคานุภาเวน จ วสฺสนฺติ, นทิโย เจเตสุ สนฺทนฺติ. ตํ สพฺพมฺปิ อุทกํ อโนตตฺตเมว ปวิสติ. จนฺทิมสูริยา ทกฺขิเณน วา อุตฺตเรน วา คจฺฉนฺตา ปพฺพตนฺตเรน ตตฺถ โอภาสํ กโรนฺติ, อุชุํ คจฺฉนฺตา น กโรนฺติ. เตเนวสฺส อโนตตฺโต ติสงฺขา อุทปาทิ.
ตตฺถ มโนหรสิลาตลานิ นิมฺมจฺฉกจฺฉปานิ ผลิกสทิสนิมฺมโลทกานิ นฺหานติตฺถานิ สุปฏิยตฺตานิ ¶ โหนฺติ ¶ , เยสุ พุทฺธา ขีณาสวา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ อิทฺธิมนฺตา จ อิสโย นฺหายนฺติ, เทวยกฺขาทโย อุทกกีฬํ กีฬนฺติ.
ตสฺส จตูสุ ปสฺเสสุ สีหมุขํ, หตฺถิมุขํ, อสฺสมุขํ, อุสภมุขนฺติ จตฺตาริ มุขานิ โหนฺติ, เยหิ จตสฺโส นทิโย สนฺทนฺติ. สีหมุเขน นิกฺขนฺตนทีตีเร สีหา พหุตรา โหนฺติ, หตฺถิมุขาทีหิ หตฺถิอสฺสอุสภา. ปุรตฺถิมทิสโต นิกฺขนฺตนที อโนตตฺตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อิตรา ติสฺโส นทิโย อนุปคมฺม ปาจีนหิมวนฺเตเนว อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสติ. ปจฺฉิมทิสโต จ อุตฺตรทิสโต จ นิกฺขนฺตนทิโยปิ ตเถว ปทกฺขิณํ กตฺวา ปจฺฉิมหิมวนฺเตเนว อุตฺตรหิมวนฺเตเนว จ อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสนฺติ. ทกฺขิณมุขโต นิกฺขนฺตนที ปน ตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อุตฺตเรน อุชุกํ ปาสาณปิฏฺเเนว สฏฺิ โยชนานิ คนฺตฺวา ปพฺพตํ ปหริตฺวา อุฏฺาย ปริกฺเขเปน ติคาวุตปฺปมาณา อุทกธารา หุตฺวา อากาเสน สฏฺิ โยชนานิ คนฺตฺวา ติยคฺคเฬ นาม ปาสาเณ ปติตา, ปาสาโณ อุทกธาราเวเคน ภินฺโน. ตตฺถ ปฺาสโยชนปฺปมาณา ติยคฺคฬา นาม มหาโปกฺขรณี ชาตา, โปกฺขรณิยา กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิตฺวา สฏฺิ โยชนานิ คตา. ตโต ฆนปถวึ ภินฺทิตฺวา อุมฺมงฺเคน สฏฺิ โยชนานิ คนฺตฺวา คิฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา หตฺถตเล ปฺจงฺคุลิสทิสา ปฺจ ธารา หุตฺวา ปวตฺตติ. สา ¶ ติกฺขตฺตุํ อโนตตฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา คตฏฺาเน อาวตฺตคงฺคาติ วุจฺจติ ¶ . อุชุกํ ปาสาณปิฏฺเน สฏฺิ โยชนานิ คตฏฺาเน กณฺหคงฺคา, อากาเสน สฏฺิ โยชนานิ คตฏฺาเน อากาสคงฺคา, ติยคฺคฬปาสาเณ ปฺาสโยชโนกาเส ิตา ติยคฺคฬโปกฺขรณี, กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิตฺวา สฏฺิ โยชนานิ คตฏฺาเน พหลคงฺคาติ, อุมงฺเคน สฏฺิ โยชนานิ คตฏฺาเน อุมงฺคคงฺคาติ วุจฺจติ. วิฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา ปฺจ ธารา หุตฺวา ปวตฺตนฏฺาเน ปน คงฺคา, ยมุนา, อจิรวตี, สรภู, มหีติ ปฺจ สงฺขํ คตา. เอวเมตา ปฺจ มหานทิโย หิมวนฺตโต ปวตฺตนฺตีติ เวทิตพฺพา.
สวนฺติโยติ ยา กาจิ สวมานา คจฺฉนฺตี มหานทิโย วา กุนฺนทิโย วา. อปฺเปนฺตีติ อลฺลียนฺติ โอสรนฺติ. ธาราติ วุฏฺิธารา. ปูรตฺตนฺติ ปุณฺณภาโว. มหาสมุทฺทสฺส หิ อยํ ธมฺมตา – ‘‘อิมสฺมึ กาเล เทโว มนฺโท ชาโต, ชาลกฺขิปาทีนิ อาทาย มจฺฉกจฺฉเป คณฺหิสฺสามา’’ติ วา ‘‘อิมสฺมึ กาเล มหนฺตา วุฏฺิ, ลภิสฺสาม นุ โข ปิฏฺิปสารณฏฺาน’’นฺติ วา ¶ วตฺตุํ น สกฺกา. ปมกปฺปิกกาลโต ปฏฺาย หิ ยํ สิเนรุเมขลํ อาหจฺจ อุทกํ ิตํ, ตโต เอกงฺคุลมตฺตมฺปิ อุทกํ เนว เหฏฺา โอสีทติ, น อุทฺธํ อุตฺตรติ. เอกรโสติ อสมฺภินฺนรโส.
มุตฺตาติ ขุทฺทกมหนฺตวฏฺฏทีฆาทิเภทา อเนกวิธา ¶ . มณีติ รตฺตนีลาทิเภโท อเนกวิโธ. เวฬุริโยติ วํสวณฺณสิรีสปุปฺผวณฺณาทิเภโท อเนกวิโธ. สงฺโขติ ทกฺขิณาวฏฺฏตมฺพกุจฺฉิกธมนสงฺขาทิเภโท อเนกวิโธ. สิลาติ เสตกาฬมุคฺควณฺณาทิเภโท อเนกวิธา. ปวาฬนฺติ ขุทฺทกมหนฺตรตฺตฆนรตฺตาทิเภทํ อเนกวิธํ. มสารคลฺลนฺติ กพรมณิ. นาคาติ อูมิปิฏฺวาสิโนปิ วิมานฏฺกา นาคาปิ.
อฏฺ ปหาราทาติ สตฺถา อฏฺปิ ธมฺเม วตฺตุํ สกฺโกติ, โสฬสปิ พาตฺตึสปิ จตุสฏฺิปิ สหสฺสมฺปิ, ปหาราเทน ปน อฏฺ กถิตา, อหมฺปิ เตเหว สริกฺขเก กตฺวา กเถสฺสามีติ จินฺเตตฺวา เอวมาห. อนุปุพฺพสิกฺขาติอาทีสุ อนุปุพฺพสิกฺขาย ติสฺโส สิกฺขา คหิตา, อนุปุพฺพกิริยาย เตรส ธุตงฺคานิ, อนุปุพฺพปฏิปทาย สตฺต อนุปสฺสนา อฏฺารส มหาวิปสฺสนา อฏฺตึส อารมฺมณวิภตฺติโย สตฺตตึส โพธปกฺขิยธมฺมา ¶ . น อายตเกเนว อฺาปฏิเวโธติ มณฺฑูกสฺส อุปฺปติตฺวา คมนํ วิย อาทิโตว สีลปูรณาทึ อกตฺวา อรหตฺตปฺปฏิเวโธ นาม นตฺถิ, ปฏิปาฏิยา ปน สีลสมาธิปฺาโย ปูเรตฺวาว สกฺกา อรหตฺตํ ปตฺตุนฺติ อตฺโถ.
อารกาวาติ ทูเรเยว. น เตน นิพฺพานธาตุยา อูนตฺตํ วา ปูรตฺตํ วาติ อสงฺขฺเยยฺเยปิ กปฺเป พุทฺเธสุ อนุปฺปนฺเนสุ เอกสตฺโตปิ ปรินิพฺพาตุํ น สกฺโกติ, ตทาปิ ‘‘ตุจฺฉา นิพฺพานธาตู’’ติ น ¶ สกฺกา วตฺตุํ. พุทฺธกาเล จ ปน เอเกกสฺมึ สมาคเม อสงฺขฺเยยฺยาปิ สตฺตา อมตํ อาราเธนฺติ, ตทาปิ น สกฺกา วตฺตุํ – ‘‘ปูรา นิพฺพานธาตู’’ติ.
๑๐. อุโปสถสุตฺตวณฺณนา
๒๐. ทสเม นิสินฺโน โหตีติ อุโปสถกรณตฺถาย อุปาสิกาย รตนปาสาเท นิสินฺโน. นิสชฺช ปน ภิกฺขูนํ จิตฺตานิ โอโลเกนฺโต เอกํ ทุสฺสีลปุคฺคลํ ทิสฺวา ‘‘สจาหํ อิมสฺมึ ปุคฺคเล ¶ นิสินฺเนเยว ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามิ, สตฺตธา ตสฺส มุทฺธา ผลิสฺสตี’’ติ ตสฺส อนุกมฺปาย ตุณฺหีเยว อโหสิ. อภิกฺกนฺตาติ อติกฺกนฺตา ปริกฺขีณา. อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุคฺคเต อรุณสีเส. นนฺทิมุขิยาติ ตุฏฺมุขิยา. อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสาติ ‘‘อสุกปุคฺคโล อปริสุทฺโธ’’ติ อวตฺวา ‘‘อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ อาห. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
มหาวคฺโค ทุติโย.