📜

๒. สีหนาทวคฺโค

๑. สีหนาทสุตฺตวณฺณนา

๑๑. ทุติยสฺส ปเม เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ ‘‘สเจ สตฺถา จาริกํ ปกฺกมิตุกาโม อสฺส , อิมสฺมึ กาเล ปกฺกเมยฺย. หนฺทาหํ จาริกํ คมนตฺถาย สตฺถารํ อาปุจฺฉามี’’ติ จินฺเตตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อุปสงฺกมิ. อายสฺมา มํ, ภนฺเตติ โส กิร ภิกฺขุ เถรํ มหตา ภิกฺขุปริวาเรน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิเม ภิกฺขู ตถาคตํ ปหาย สาริปุตฺตํ ปริวาเรตฺวา นิกฺขนฺตา, คมนวิจฺเฉทมสฺส กริสฺสามี’’ติ อฏฺาเน โกปํ พนฺธิตฺวา เอวมาห. ตตฺถ อาสชฺชาติ ฆฏฺเฏตฺวา. อปฺปฏินิสฺสชฺชาติ อกฺขมาเปตฺวา อจฺจยํ อเทเสตฺวา. กิสฺมึ ปน โส การเณ อาฆาตํ พนฺธีติ? เถรสฺส กิร ทสพลํ วนฺทิตฺวา อุฏฺาย คจฺฉโต จีวรกณฺโณ ตสฺส สรีรํ ผุสิ, วาโต ปหรีติปิ วทนฺติ. เอตฺตเกน อาฆาตํ พนฺธิตฺวา เถรํ มหตา ปริวาเรน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อุสูยมาโน ‘‘คมนวิจฺเฉทมสฺส กริสฺสามี’’ติ เอวมาห. เอหิ ตฺวํ ภิกฺขูติ สตฺถา ตสฺส ภิกฺขุโน วจนํ สุตฺวา ‘‘น ตํ ภิกฺขุ สาริปุตฺโต ปหรีติ วุตฺเต, ‘ภนฺเต, ตุมฺเห อตฺตโน อคฺคสาวกสฺเสว ปกฺขํ วหถ, น มยฺห’นฺติ มยิ มโนปโทสํ กตฺวา อปาเย นิพฺพตฺเตยฺยา’’ติ ตฺวา ‘‘สาริปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อิมมตฺถํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ เอกํ ภิกฺขุํ อามนฺเตตฺวา เอวมาห. อวาปุรณํ อาทายาติ กุฺจิกํ คเหตฺวา. สีหนาทนฺติ เสฏฺนาทํ ปมุขนาทํ อปฺปฏิวตฺติยนาทํ. เอวํ ทฺวีหิ มหาเถเรหิ อาโรจิโต ภิกฺขุสงฺโฆ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ ปหาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. ขียนธมฺมนฺติ กถาธมฺมํ.

คูถคตนฺติ คูถเมว. เสเสสุปิ เอเสว นโย. ปถวีสเมนาติ อกุชฺฌนฏฺเน ปถวิยา สมาเนน. น หิ ปถวี ‘‘มยิ สุจึ นิกฺขิปนฺตี’’ติ โสมนสฺสํ กโรติ, น ‘‘อสุจึ นิกฺขิปนฺตี’’ติ โทมนสฺสํ. มยฺหมฺปิ เอวรูปํ จิตฺตนฺติ ทสฺเสติ. วิปุเลนาติ อปริตฺเตน. มหคฺคเตนาติ มหนฺตภาวํ คเตน. อปฺปมาเณนาติ วฑฺฒิตปฺปมาเณน. อเวเรนาติ อกุสลเวรปุคฺคลเวรรหิเตน. อพฺยาปชฺเฌนาติ นิทฺทุกฺเขน วิคตโทมนสฺเสน. โส อิธาติ โส อนุปฏฺิตกายานุปสฺสนาสติปฏฺาโน ภิกฺขุ เอวํ กเรยฺย, มาทิโส กถํ เอวรูปํ กริสฺสติ, ภนฺเตติ ปมํ สีหนาทํ นทิ. เอวํ สพฺพตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.

รโชหรณนฺติ รชสมฺมชฺชนโจฬกํ, ปาทปุฺฉนฺติ, ตสฺเสว นามํ. กโฬปิหตฺโถติ ปจฺฉิหตฺโถ อุกฺขลิหตฺโถ วา. นนฺตกวาสีติ อนฺตจฺฉินฺนปิโลติกวสโน. สูรโตติ สุจิสีโล โสรจฺเจน สมนฺนาคโต. สุทนฺโตติ สุฏฺุ ทมถํ อุปคโต. สุวินีโตติ สุฏฺุ สิกฺขิโต. น กฺจิ หึสตีติ วิสาณาทีสุ คณฺหนฺตมฺปิ ปิฏฺึ ปริมชฺชนฺตมฺปิ น กฺจิ วิเหเติ. อุสภฉินฺนวิสาณสเมนาติ อุสภสฺส ฉินฺนวิสาณสฺส จิตฺตสทิเสน.

อฏฺฏีเยยฺยาติ อฏฺโฏ ปีฬิโต ภเวยฺย. หราเยยฺยาติ ลชฺเชยฺย. ชิคุจฺเฉยฺยาติ ชิคุจฺฉํ อาปชฺเชยฺย.

เมทกถาลิกนฺติ เมทกถาลิกา วุจฺจติ สูนการเกหิ ยูสนิกฺขมนตฺถาย ตตฺถ ตตฺถ กตฉิทฺทา ถาลิกา. ปริหเรยฺยาติ มํสสฺส ปูเรตฺวา อุกฺขิปิตฺวา คจฺเฉยฺย. ฉิทฺทาวฉิทฺทนฺติ ปริตฺตมหนฺเตหิ ฉิทฺเทหิ สมนฺนาคตํ. อุคฺฆรนฺตนฺติ อุปริมุเขหิ ฉิทฺเทหิ นิกฺขมมานยูสํ. ปคฺฆรนฺตนฺติ อโธมุเขหิ นิกฺขมมานยูสํ. เอวมสฺส สกลสรีรํ ยูสมกฺขิตํ ภเวยฺย. ฉิทฺทาวฉิทฺทนฺติ นวหิ วณมุเขหิ ปริตฺตมหนฺต ฉิทฺทํ. เอวเมตฺถ อฏฺมนวเมหิ ทฺวีหิ องฺเคหิ เถโร อตฺตโน สรีเร นิจฺฉนฺทราคตํ กเถสิ.

อถ โข โส ภิกฺขูติ เอวํ เถเรน นวหิ การเณหิ สีหนาเท นทิเต อถ โส ภิกฺขุ. อจฺจโยติ อปราโธ. มํ อจฺจคมาติ มํ อติกฺกมฺม อภิภวิตฺวา ปวตฺโต. ปติคฺคณฺหตูติ ขมตุ. อายตึ สํวรายาติ อนาคเต สํวรณตฺถาย, ปุน เอวรูปสฺส อปราธสฺส อกรณตฺถาย. ตคฺฆาติ เอกํเสน. ยถาธมฺมํ ปฏิกโรสีติ ยถา ธมฺโม ิโต, ตเถว กโรสิ, ขมาเปสีติ วุตฺตํ โหติ. ตํ เต มยํ ปฏิคฺคณฺหามาติ ตํ ตว อปราธํ มยํ ขมาม. วุทฺธิเหสา ภิกฺขุ อริยสฺส วินเยติ เอสา ภิกฺขุ อริยสฺส วินเย พุทฺธสฺส ภควโต สาสเน วุฑฺฒิ นาม. กตมา? อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกริตฺวา อายตึ สํวราปชฺชนา. เทสนํ ปน ปุคฺคลาธิฏฺานํ กโรนฺโต โย อจฺจยํ อจฺจยโตทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรติ, อายตึ สํวรํ อาปชฺชตีติ อาห. ผลตีติ สเจ หิ เถโร น ขเมยฺย, ตสฺส ภิกฺขุโน ตตฺเถว สตฺตธา มุทฺธา ผเลยฺย. ตสฺมา ภควา เอวมาห. สเจ มํ โสติ สเจ มํ อยํ ภิกฺขุ ขมาหีติ เอวํ วทติ. ขมตุ จ เม โสติ อยมฺปิ จายสฺมา มยฺหํ ขมตูติ เอวํ เถโร ตสฺส อจฺจยํ ปฏิคฺคณฺหิตฺวา สยมฺปิ ตํ สตฺถุ สมฺมุเข ขมาเปสีติ.

๒. สอุปาทิเสสสุตฺตวณฺณนา

๑๒. ทุติเย สอุปาทิเสสนฺติ สอุปาทานเสสํ. อนุปาทิเสสนฺติ อุปาทานเสสรหิตํ นิคฺคหณํ. มตฺตโส การีติ ปมาณการี น ปริปูรการี. น ตาวายํ, สาริปุตฺต, ธมฺมปริยาโย ปฏิภาสีติ อปฺปฏิภานํ นาม ภควโต นตฺถิ, น ตาวาหํ อิมํ ธมฺมปริยายํ กเถสินฺติ อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ. มายิมํ ธมฺมปริยายํ สุตฺวา ปมาทํ อาหรึสูติ ‘‘มยํ กิร จตูหิ อปาเยหิ มุตฺตา’’ติ อุปริ อรหตฺตตฺถาย วีริยํ อกโรนฺตา มา ปมาทํ อาปชฺชึสุ. ปฺหาธิปฺปาเยน ภาสิโตติ ตยา ปุจฺฉิตปฺหสฺส สภาเวน กถิโตติ ทสฺเสติ. อิเมสํ ปน นวนฺนํ ปุคฺคลานํ ภเวสุ ฉนฺทราควิโนทนตฺถํ เอตเมว อตฺถุปฺปตฺตึ กตฺวา – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตโกปิ คูโถ ทุคฺคนฺโธ โหติ, เอวเมว โข ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตกมฺปิ ภวํ น วณฺเณมิ อนฺตมโส อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปี’’ติ อิมํ สุตฺตํ (อ. นิ. ๑.๓๒๑) อภาสิ. น เกวลฺจ เอเตสํเยว นวนฺนํ ปุคฺคลานํ คติ นิพทฺธา, เยสํ ปน กุลานํ ตีณิ สรณานิ ปฺจ สีลานิ เอกํ สลากภตฺตํ เอกํ ปกฺขิยภตฺตํ เอกํ วสฺสาวาสิกํ เอกา โปกฺขรณี เอโก อาวาโส, เอวรูปานิ นิพทฺธปุฺานิ อตฺถิ. เตสมฺปิ คติ นิพทฺธา, โสตาปนฺนสทิสาเนว ตานิ กุลานิ.

๓. โกฏฺิกสุตฺตวณฺณนา

๑๓. ตติเย ทิฏฺธมฺมเวทนียนฺติ อิมสฺมึ เยวตฺตภาเว วิปจฺจนกกมฺมํ. สมฺปรายเวทนียนฺติ ทุติเย อตฺตภาเว วิปจฺจนกกมฺมํ. สุขเวทนียนฺติ สุขเวทนาชนกกมฺมํ. ทุกฺขเวทนียนฺติ ทุกฺขเวทนาชนกกมฺมํ. ปริปกฺกเวทนียนฺติ ลทฺธวิปากวารํ. อปริปกฺกเวทนียนฺติ อลทฺธวิปากวารํ. พหุเวทนียนฺติ พหุวิปากทายกํ. อปฺปเวทนียนฺติ น พหุวิปากทายกํ. อเวทนียนฺติ วิปากเวทนาย อทายกํ. อิมสฺมึ สุตฺเต วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตํ.

๔. สมิทฺธิสุตฺตวณฺณนา

๑๔. จตุตฺเถ สมิทฺธีติ อตฺตภาวสมิทฺธตาย เอวํลทฺธนาโม เถรสฺส สทฺธิวิหาริกตฺเถโร. กิมารมฺมณาติ กึปจฺจยา. สงฺกปฺปวิตกฺกาติ สงฺกปฺปภูตา วิตกฺกา. นามรูปารมฺมณาติ นามรูปปจฺจยา. อิมินา จตฺตาโร อรูปกฺขนฺธา ภูตุปาทายรูปฺจ วิตกฺกานํ ปจฺจโยติ ทสฺเสติ. กฺว นานตฺตํ คจฺฉนฺตีติ กสฺมึ าเน นานาสภาวตํ เวมตฺตํ คจฺฉนฺติ. ธาตุสูติ รูปธาตุอาทีสุ. อฺโเยว หิ รูปวิตกฺโก, อฺเ สทฺทวิตกฺกาทโยติ. ผสฺสสมุทยาติ สมฺปยุตฺตผสฺสปจฺจยา. เวทนาสโมสรณาติ ติสฺโส เวทนา สโมสรณา. เอตฺตเกน กุสลากุสลมิสฺสกา กถิตา. สมาธิปฺปมุขาติอาทโย ปน อปจยปกฺขิกาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ ปุพฺพงฺคมฏฺเน เชฏฺกฏฺเน วา สมาธิ ปมุขํ เอเตสนฺติ สมาธิปฺปมุขา. เชฏฺกการณฏฺเน สติ อธิปเตยฺยา เอเตสนฺติ สตาธิปเตยฺยา. มคฺคปฺา อุตฺตรา เอเตสนฺติ ปฺุตฺตรา. ผลวิมุตฺตึ ปตฺวา สารปฺปตฺตา โหนฺตีติ วิมุตฺติสารา. อารมฺมณวเสน อมตํ นิพฺพานํ โอคาหิตฺวา ตตฺถ ปติฏฺิตาติ อมโตคธา. เตน จ มา มฺีติ เตน วิสฺสชฺชเนน ‘‘อหํ อคฺคสาวเกน ปุจฺฉิเต ปฺเห วิสฺสชฺเชสิ’’นฺติ มา มานํ วา ทปฺปํ วา อกาสิ.

๕-๖. คณฺฑสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๕-๑๖. ปฺจเม ตีณิ จตฺตาริ วสฺสานิ วสฺสคณา, อเนเก วสฺสคณา อุปฺปนฺนา อสฺสาติ อเนกวสฺสคณิโก. ตสฺสสฺสูติ ตสฺส ภเวยฺยุํ. อเภทนมุขานีติ น เกนจิ ภินฺทิตฺวา กตานิ, เกวลํ กมฺมสมุฏฺิตาเนว วณมุขานิ. เชคุจฺฉิยํเยวาติ ชิคุจฺฉิตพฺพเมว ปฏิกูลเมว. จาตุมหาภูติกสฺสาติ จตุมหาภูตมยสฺส. โอทนกุมฺมาสูปจยสฺสาติ โอทเนน เจว กุมฺมาเสน จ อุปจิตสฺส วฑฺฒิตสฺส. อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺมสฺสาติ หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจธมฺมสฺส, ทุคฺคนฺธวิฆาตตฺถาย ตนุวิเลปเนน อุจฺฉาทนธมฺมสฺส, องฺคปจฺจงฺคาพาธวิโนทนตฺถาย ขุทฺทกสมฺพาหเนน ปริมทฺทนธมฺมสฺส, ทหรกาเล วา อูรูสุ สยาเปตฺวา คพฺภวาเสน ทุสฺสณฺิตานํ เตสํ เตสํ องฺคปจฺจงฺคานํ สณฺานสมฺปาทนตฺถํ อฺฉนปีฬนาทิวเสน ปริมทฺทนธมฺมสฺส, เอวํ ปริหริตสฺสาปิ จ เภทนวิทฺธํสนธมฺมสฺส, ภิชฺชนวิกิรณสภาวสฺเสวาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ อนิจฺจปเทน เจว เภทนวิทฺธํสนปเทหิ จสฺส อตฺถงฺคโม กถิโต, เสเสหิ สมุทโย. นิพฺพินฺทถาติ อุกฺกณฺถ ปชหถ อิมํ กายนฺติ ทสฺเสติ. เอวมิมสฺมึ สุตฺเต พลววิปสฺสนา กถิตา. ฉฏฺํ วุตฺตนยเมว. สฺาสีเสน ปเนตฺถ าณเมว กถิตํ.

๗-๘. กุลสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๗-๑๘. สตฺตเม น มนาเปน ปจฺจุฏฺเนฺตีติ มนวฑฺฒเนน มนํ อลฺลียนากาเรน อาสนา วุฏฺาย ปจฺจุคฺคมนํ น กโรนฺติ. น มนาเปน อภิวาเทนฺตีติ น ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทนฺติ. อสกฺกจฺจํ เทนฺตีติ อจิตฺตีกาเรน เทนฺติ. โน สกฺกจฺจนฺติ สหตฺถา น เทนฺติ. น อุปนิสีทนฺติ ธมฺมสวนายาติ ‘‘ธมฺมํ สุณิสฺสามา’’ติ น สมีเป นิสีทนฺติ. น สุสฺสูสนฺตีติ ฆฏปิฏฺเ อาสิตฺตอุทกํ วิย วิวฏฺเฏตฺวา คจฺฉติ. อฏฺเม เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน เมตฺตาภาวนํ ปกฺขิปิตฺวา นวงฺคสมนฺนาคโตติ วุตฺตํ.

๙. เทวตาสุตฺตวณฺณนา

๑๙. นวเม วิปฺปฏิสารินิโยติ วิปฺปฏิสาริตํ มงฺกุภาวํ อาปชฺชิมฺห. หีนํ กายนฺติ อุปริเทวโลกํ อุปาทาย เหฏฺิโม หีโนติ วุจฺจติ. โน จ โข ยถาสตฺติ ยถาพลํ สํวิภชิมฺหาติ อตฺตโน สตฺติยา จ พลสฺส จ อนุรูเปน สีลวนฺตานํ สํวิภาคํ กตฺวา น ภุฺชิมฺหา.

๑๐. เวลามสุตฺตวณฺณนา

๒๐. ทสเม อปิ นุ เต, คหปติ, กุเล ทานํ ทียตีติ นยิทํ ภควา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ สนฺธาย ปุจฺฉติ. เสฏฺิสฺส หิ ฆเร ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิจฺจํ ปณีตทานํ ทียติ, น ตํ สตฺถา น ชานาติ. โลกิยมหาชนสฺส ปน ทิยฺยมานทานํ อตฺถิ, ตํ ลูขํ โหติ, เสฏฺิสฺส จิตฺตํ น ปีเณติ. ตํ ปุจฺฉามีติ ปุจฺฉติ. กณาชกนฺติ สกุณฺฑกภตฺตํ, สกุณฺฑเกหิปิ กณิกตณฺฑุเลเหว ปกฺกํ. พิฬงฺคทุติยนฺติ กฺชิยทุติยํ. อสกฺกจฺจํ เทตีติ อสกฺกริตฺวา เทติ. อจิตฺตีกตฺวาติ อจิตฺตีกาเรน ทกฺขิเณยฺย อคารเวน เทติ. อสหตฺถา เทตีติ สหตฺเถน อทตฺวา ปรหตฺเถน เทติ, อาณตฺติมตฺตเมว กโรตีติ อตฺโถ. อปวิทฺธํ เทตีติ น นิรนฺตรํ เทติ, สํวจฺฉริกํ โสณฺฑพลิ วิย โหติ. อนาคมนทิฏฺิโก เทตีติ น กมฺมฺจ ผลฺจ สทฺทหิตฺวา เทติ.

ยตฺถ ยตฺถาติ ตีสุ กุลสมฺปทาสุ ยสฺมึ ยสฺมึ กุเล. น อุฬาราย ภตฺตโภคายาติอาทีสุ นานคฺครสสุคนฺธสาลิโภชเน อุปนีเต จิตฺตํ น นมติ, ‘‘หรเถตํ โรควฑฺฒน’’นฺติ วตฺวา เยน วา เตน วา ฑาเกน สทฺธึ สกุณฺฑกภตฺตํ อมตํ วิย สมฺปิยายมาโน ภุฺชติ. กาสิกาทีสุ วรวตฺเถสุ อุปนีเตสุ ‘‘หรเถตานิ นิวาเสนฺตสฺส ปฏิจฺฉาเทตุมฺปิ น สกฺโกนฺติ, คตฺเตสุปิ น สณฺหนฺตี’’ติ วตฺวา นาฬิเกรสาฏกมูลตจสทิสานิ ปน ถูลวตฺถานิ ‘‘อิมานิ นิวาเสนฺโต นิวตฺถภาวมฺปิ ชานาติ, ปฏิจฺฉาเทตพฺพมฺปิ ปฏิจฺฉาเทนฺตี’’ติ สมฺปิยายมาโน นิวาเสติ. หตฺถิยานอสฺสยานรถยานสุวณฺณสิวิกาทีสุ อุปนีเตสุ ‘‘หรเถตานิ จลาจลานิ, น สกฺกา เอตฺถ นิสีทิตุ’’นฺติ วตฺวา ชชฺชรรถเก อุปนีเต ‘‘อยํ นิจฺจโล, เอตฺถ สุขํ นิสีทิตุ’’นฺติ ตํ สาทิยติ. น อุฬาเรสุ ปฺจสุ กามคุเณสูติ อลงฺกตปฏิยตฺตา รูปวติโย อิตฺถิโย ทิสฺวา ‘‘ยกฺขินิโย มฺเ, เอตา ขาทิตุกามา, กึ เอตาหี’’ติ ยถาผาสุเกเนว วีตินาเมติ. น สุสฺสูสนฺตีติ โสตุํ น อิจฺฉนฺติ, น สทฺทหนฺตีติ อตฺโถ. น โสตํ โอทหนฺตีติ กถิตสฺส สวนตฺถํ น โสตปสาทํ โอทหนฺติ. สกฺกจฺจนฺติอาทีนิ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพานิ.

เวลาโมติ ชาติโคตฺตรูปโภคสทฺธาปฺาทีหิ มริยาทเวลํ อติกฺกนฺเตหิ อุฬาเรหิ คุเณหิ สมนฺนาคตตฺตา เอวํลทฺธนาโม. โส เอวรูปํ ทานํ อทาสิ มหาทานนฺติ เอตฺถ อยํ อนุปุพฺพีกถา – โส กิร อตีเต พาราณสิยํ ปุโรหิตเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, เวลามกุมาโรติสฺส นามํ อกํสุ. โส โสฬสวสฺสกาเล พาราณสิราชกุมาเรน สทฺธึ สิปฺปุคฺคหณตฺถํ ตกฺกสิลํ อคมาสิ. เต อุโภปิ ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก สิปฺปํ ปฏฺปยึสุ. ยถา จ เต, เอวํ อฺเปิ ชมฺพุทีเป จตุราสีติสหสฺสราชกุมารา. โพธิสตฺโต อตฺตนา คหิตฏฺาเน ปิฏฺิอาจริโย หุตฺวา จตุราสีติ ราชกุมารสหสฺสานิ สิกฺขาเปติ, สยมฺปิ โสฬสวสฺเสหิ คเหตพฺพสิปฺปํ ตีหิ วสฺเสหิ อุคฺคณฺหิ. อาจริโย ‘‘เวลามกุมารสฺส สิปฺปํ ปคุณ’’นฺติ ตฺวา, ‘‘ตาตา, เวลาโม มยา าตํ สพฺพํ ชานาติ, ตุมฺเห สพฺเพปิ สมคฺคา คนฺตฺวา เอตสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหถา’’ติ จตุราสีติ กุมารสหสฺสานิ โพธิสตฺตสฺส นิยฺยาเทสิ.

โพธิสตฺโต อาจริยํ วนฺทิตฺวา จตุราสีติ กุมารสหสฺสปริวาโร นิกฺขมิตฺวา เอกํ อาสนฺนนครํ ปตฺวา นครสามิกํ ราชกุมารํ อุคฺคณฺหาเปตฺวา ตสฺส สิปฺเป ปคุเณ ชาเต ตํ ตตฺเถว นิวตฺเตสิ. เอเตนุปาเยน จตุราสีติ นครสหสฺสานิ คนฺตฺวา จตุราสีติยา ราชกุมารานํ สิปฺปํ ปคุณํ กาเรตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ นคเร ตํ ตํ นิวตฺเตตฺวา พาราณสิราชกุมารํ อาทาย พาราณสึ ปจฺจาคฺฉิ. มนุสฺสา กุมารํ ปริโยสิตสิปฺปํ รชฺเช อภิสิฺจึสุ, เวลามสฺส ปุโรหิตฏฺานํ อทํสุ. เตปิ จตุราสีติสหสฺสราชกุมารา สเกสุ สเกสุ รชฺเชสุ อภิเสกํ ปตฺวา อนุสํวจฺฉรํ พาราณสิรฺโ อุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺติ. เต ราชานํ ทิสฺวา เวลามสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘อาจริย, อมฺเห รชฺเชสุ ปติฏฺิตา, วเทยฺยาถ เยนตฺโถ’’ติ วตฺวา คจฺฉนฺติ. เตสํ คมนาคมนกาเล สกฏสนฺทมานิกคาวิโคณกุกฺกุฏสูกราทโย คณฺหนฺตานํ ชนปโท อติวิย อุปทฺทุโต โหติ, มหาชโน สนฺนิปติตฺวา ราชงฺคเณ กนฺทติ.

ราชา เวลามํ ปกฺโกสิตฺวา, ‘‘อาจริย, อุปทฺทุโต ชนปโท, ราชาโน คมนาคมนกาเล มหาวิโลปํ กโรนฺติ, มนุสฺสา สนฺธาเรตุํ น สกฺโกนฺติ, ชนปทปีฬาย อุปสมํ เอกํ อุปายํ กโรถา’’ติ . สาธุ มหาราช, อุปายํ กริสฺสามิ, ตุมฺหากํ ยตฺตเกน ชนปเทน อตฺโถ, ตํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหถาติ. ราชา ตถา อกาสิ. เวลาโม จตุราสีติยา ราชสหสฺสานํ ชนปเท วิจาเรตฺวา จกฺกนาภิยํ อเร วิย รฺโ ชนปทสฺมึ โอโรเปสิ. ตโต ปฏฺาย เต ราชาโน อาคจฺฉนฺตาปิ คจฺฉนฺตาปิ อตฺตโน อตฺตโน ชนปเทเนว สฺจรนฺติ, อมฺหากํ ชนปโทติ วิโลปํ น กโรนฺติ. ราชคารเวน รฺโ ชนปทมฺปิ น ปีเฬนฺติ. ชนปทา สนฺนิสินฺนา นิสฺสทฺทา นิรวา อเหสุํ. สพฺเพ ราชาโน หฏฺตุฏฺา ‘‘เยน โว, อาจริย, อตฺโถ, ตํ อมฺหากํ วเทถา’’ติ ปวารยึสุ.

เวลาโม สีสํนฺหาโต อตฺตโน อนฺโตนิเวสเน สตฺตรตนปริปูรานํ คพฺภานํ ทฺวารานิ วิวราเปตฺวา ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา ปิตํ ธนํ โอโลเกตฺวา อายวยํ อุปธาเรตฺวา ‘‘มยา สกลชมฺพุทีปํ โขเภนฺเตน ทานํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ รฺโ อาโรเจตฺวา คงฺคาตีเร ทฺวาทสโยชนิกา อุทฺธนปนฺติโย กาเรตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน สปฺปิมธุผาณิตเตลติลตณฺฑุลาทีนํ ปนตฺถาย มหาโกฏฺาคารานิ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘เอเกกสฺมึ าเน เอตฺตกา เอตฺตกา ชนา สํวิทหถ, ยํกิฺจิ มนุสฺสานํ ลทฺธพฺพํ นาม อตฺถิ, ตโต เอกสฺมิมฺปิ อสติ มยฺหํ อาโรเจยฺยาถา’’ติ มนุสฺเส สํวิธาย ‘‘อสุกทิวสโต ปฏฺาย เวลามพฺราหฺมณสฺส ทานํ ภุฺชนฺตู’’ติ นคเร เภรึ จราเปตฺวา ‘‘ทานคฺคํ ปรินิฏฺิต’’นฺติ ทานยุตฺเตหิ อาโรจิเต สหสฺสคฺฆนกํ วตฺถํ นิวาเสตฺวา ปฺจสตคฺฆนกํ เอกํสํ กตฺวา สพฺพาลงฺการภูสิโต ทานวีมํสนตฺถาย ผลิกวณฺณสฺส อุทกสฺส สุวณฺณภิงฺคารํ ปูเรตฺวา ‘‘อิมสฺมึ โลเก สเจ อิมํ ทานํ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺตรูปา ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลา อตฺถิ, อิทํ อุทกํ นิกฺขมิตฺวา ปถวึ คณฺหาตุ. สเจ นตฺถิ, เอวเมว ติฏฺตู’’ติ สจฺจกิริยํ กตฺวา ภิงฺคารํ อโธมุขํ อกาสิ. อุทกํ ธมกรเณน คหิตํ วิย อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘สุฺโ วต, โภ, ชมฺพุทีโป, เอกปุคฺคโลปิ ทกฺขิณํ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺตรูโป นตฺถี’’ติ วิปฺปฏิสารํ อกตฺวา ‘‘สเจ ทายกสฺส วเสนายํ ทกฺขิณา วิสุชฺฌิสฺสติ, อุทกํ นิกฺขมิตฺวา ปถวึ คณฺหาตู’’ติ จินฺเตสิ. ผลิกวณฺณสทิสํ อุทกํ นิกฺขมิตฺวา ปถวึ คณฺหิ . ‘‘อิทานิ ทานํ ทสฺสามี’’ติ ทานคฺคํ ปตฺวา ทานํ โอโลเกตฺวา ยาคุเวลาย ยาคุํ, ขชฺชกเวลาย ขชฺชกํ, โภชนเวลาย โภชนํ ทาเปสิ. เอเตเนว นีหาเรน ทิวเส ทิวเส ทานํ ทียติ.

ตสฺมึ โข ปน ทานคฺเค ‘‘อิทํ นาม อตฺถิ, อิทํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺตพฺพํ นตฺถิ. อิทานิ ตํ ทานํ เอตฺตกมตฺเตเนว น นิฏฺํ คมิสฺสตีติ รตฺตสุวณฺณํ นีหราเปตฺวา สุวณฺณปาติโย กาเรตฺวา จตุราสีติสุวณฺณปาติสหสฺสาทีนํ อตฺถาย จตุราสีติราชสหสฺสานํ สาสนํ ปหิณิ. ราชาโน ‘‘จิรสฺสํ วต มยํ อาจริเยน อนุคฺคหิตา’’ติ สพฺพํ สมฺปาเทตฺวา เปเสสุํ. ทาเน ทิยฺยมาเนเยว สตฺต วสฺสานิ สตฺต มาสา อติกฺกนฺตา. อถ พฺราหฺมโณ ‘‘หิรฺํ ภาเชตฺวา ทานํ ทสฺสามี’’ติ มหนฺเต โอกาเส ทานํ สชฺชาเปสิ. สชฺชาเปตฺวา จตุราสีติ สุวณฺณปาติสหสฺสานิ อาทึ กตฺวา โกฏิโต ปฏฺาย อทาสิ.

ตตฺถ รูปิยปูรานีติ รชตตฏฺฏิรชตผาลรชตมาสเกหิ ปูรานิ. ปาติโย ปน ขุทฺทิกาติ น สลฺลกฺเขตพฺพา, เอกกรีสปฺปมาเณ ภูมิภาเค จตสฺโสว ปาติโย ปยึสุ. ปาติมกุฬํ นวรตนํ โหติ, มุขวฏฺฏิโต ปฏฺาย อฏฺรตนํ, ปาติมุขวฏฺฏิยา ฉยุตฺโต อาชฺรโถ อนุปริยายติ, ททมาโน ปาติยา พาหิรนฺเตน วคฺควคฺเค ปฏิคฺคาหเก เปตฺวา ปมํ ปาติยา ปกฺขิตฺตํ ทตฺวา ปจฺฉา สนฺธิสนฺธิโต วิโยเชตฺวา ปาตินฺติ เอวํ จตุราสีติ ปาติสหสฺสานิ อทาสิ. รูปิยปาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถปิ จ สุวณฺณปูรานีติ สุวณฺณตฏฺฏิสุวณฺณผาลสุวณฺณมาสเกหิ ปูรานิ. หิรฺปูรานีติ สตฺตวิธรตนปูรานิ. โสวณฺณาลงฺการานีติ สุวณฺณาลงฺการานิ. กํสูปธารณานีติ รชตมยขีรปฏิจฺฉกานิ. ตาสํ ปน เธนูนํ สิงฺคานิ สุวณฺณโกสกปริโยนทฺธานิ อเหสุํ, คีวาย สุมนทามํ ปิฬนฺธึสุ, จตูสุ ปาเทสุ นุปูรานิ, ปิฏฺิยํ วรทุกูลํ ปารุตํ, กณฺเ สุวณฺณฆณฺฏํ พนฺธึสุ. วตฺถโกฏิสหสฺสานีติ โลกโวหารโต วีสติวตฺถยุคานิ เอกา โกฏิ , อิธ ปน ทส สาฏกาติ วุตฺตํ. โขมสุขุมานนฺติอาทิมฺหิ โขมาทีสุ ยํ ยํ สุขุมํ, ตํ ตเทว อทาสิ. ยานิ ปเนตานิ อิตฺถิทานํ อุสภทานํ มชฺชทานํ สมชฺชาทานนฺติ อทานสมฺมตานิ, ตานิปิ เอส ‘‘เวลามสฺส ทานมุเข อิทํ นาม นตฺถี’’ติ วจนปถํ ปจฺฉินฺทิตุํ ปริวารตฺถาย อทาสิ. นชฺโช มฺเ วิสฺสนฺทนฺตีติ นทิโย วิย วิสฺสนฺทนฺติ.

อิมินา สตฺถา เวลามสฺส ทานํ กเถตฺวา, ‘‘คหปติ, เอตํ มหาทานํ นาฺโ อทาสิ, อหํ อทาสึ. เอวรูปํ ปน ทานํ ททนฺโตปิ อหํ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺตรูปํ ปุคฺคลํ นาลตฺถํ, ตฺวํ มาทิเส พุทฺเธ โลกสฺมึ ทิฏฺมาเน ทานํ ททมาโน กสฺมา จินฺเตสี’’ติ เสฏฺิสฺส เทสนํ วฑฺเฒนฺโต สิยา โข ปน เตติอาทิมาห. นนุ จ ยานิ ตทา อเหสุํ รูปเวทนาสฺาสงฺขารวิฺาณานิ, ตานิ นิรุทฺธานิ? กสฺมา ‘‘อหํ เตน สมเยน เวลาโม พฺราหฺมโณ’’ติ อาหาติ? ปเวณิยา อวิจฺฉินฺนตฺตา. ตานิ หิ รูปาทีนิ นิรุชฺฌมานานิ อิเมสํ ปจฺจเย ทตฺวา นิรุทฺธานิ อปราปรํ อวิจฺฉินฺนํ ปเวณึ คเหตฺวา เอวมาห. น ตํ โกจิ ทกฺขิณํ โสเธตีติ โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา อุฏฺาย ตํ ทกฺขิณํ โสเธตีติ วตฺตพฺโพ นาโหสิ. ตฺหิ ทกฺขิณํ โสเธนฺโต อุตฺตมโกฏิยา พุทฺโธ, เหฏฺิมโกฏิยา ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถรสทิโส สาวโก โสเธยฺย.

ทิฏฺิสมฺปนฺนนฺติ ทสฺสนสมฺปนฺนํ โสตาปนฺนํ. อิทํ ตโต มหปฺผลตรนฺติ อิทํ โสตาปนฺนสฺส ทินฺนทานํ โลกิยมหาชนสฺส สตฺตมาสาธิกานิ สตฺต สํวจฺฉรานิ เอตฺตกํ หิรฺสุวณฺณํ ปริจฺจชนฺเตน ทินฺนทานโต มหปฺผลํ.

โย จ สตํ ทิฏฺิสมฺปนฺนานนฺติ เอตฺถ เอกสฺส สกทาคามิสฺส วเสน เอกุตฺตรสตํ โสตาปนฺเน กตฺวา โสตาปนฺนคณนา เวทิตพฺพา. อิมินา อุปาเยน สพฺพวาเรสุ เหฏฺา เหฏฺา อาคเต อนนฺตเรน สตคุณํ กตฺวา ปุคฺคลคณนา เวทิตพฺพา.

พุทฺธปฺปมุขนฺติ เอตฺถ สมฺมาสมฺพุทฺธํ สงฺฆตฺเถรํ กตฺวา นิสินฺโน สงฺโฆ พุทฺธปฺปมุโข สงฺโฆติ เวทิตพฺโพ. จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺสาติ เอตฺถ จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส กตวิหาโร นาม ยตฺถ เจติยํ ปติฏฺิตํ โหติ, ธมฺมสฺสวนํ กรียติ, จตูหิ ทิสาหิ อนุทิสาหิ จ ภิกฺขู อาคนฺตฺวา อปฺปฏิปุจฺฉิตฺวาเยว ปาเท โธวิตฺวา กุฺจิกาย ทฺวารํ วิวริตฺวา เสนาสนํ ปฏิชคฺคิตฺวา วสิตฺวา ยถาผาสุกํ คจฺฉนฺติ. โส อนฺตมโส จตุรตนิยา ปณฺณสาลาปิ โหตุ, จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส กตวิหาโรตฺเวว วุจฺจติ.

สรณํ คจฺเฉยฺยาติ เอตฺถ มคฺเคนาคตํ อนิวตฺตนสรณํ อธิปฺเปตํ. อปเร ปนาหุ – อตฺตานํ นิยฺยาเทตฺวา ทินฺนตฺตา สรณาคมนํ ตโต มหปฺผลตรนฺติ วุตฺตํ. สิกฺขาปทานิ สมาทิเยยฺยาติ ปฺจ สีลานิ คณฺเหยฺย. สีลมฺปิ มคฺเคน อาคตํ อนิวตฺตนสีลเมว กถิตํ. อปเร ปนาหุ – สพฺพสตฺตานํ อภยทานสฺส ทินฺนตฺตา สีลํ ตโต มหปฺผลตรนฺติ วุตฺตํ. คนฺโธหนมตฺตนฺติ คนฺธอูหนมตฺตํ, ทฺวีหงฺคุลีหิ คณฺฑปิณฺฑํ คเหตฺวา อุปสิงฺฆนมตฺตํ. อปเร ปน ‘‘คทฺโทหนมตฺต’’นฺติ ปาฬึ วตฺวา คาวิยา เอกวารํ ถนอฺฉนมตฺตนฺติ อตฺถํ วทนฺติ. เมตฺตจิตฺตนฺติ สพฺพสตฺตานํ หิตานุผรณจิตฺตํ. ตํ ปน อปฺปนาวเสเนว คหิตํ. อนิจฺจสฺนฺติ มคฺคสฺส อนนฺตรปจฺจยภาเวน สิขาปตฺตพลววิปสฺสนํ.

อุปมาโต ปน อิมานิ ทานาทีนิ ปุฺานิ เอวํ เวทิตพฺพานิ – สเจปิ หิ ชมฺพุทีปํ เภริตลสทิสํ สมตลํ กตฺวา โกฏิโต ปฏฺาย ปลฺลงฺเก อตฺถริตฺวา อริยปุคฺคเล นิสีทาเปยฺย, ตตฺถ โสตาปนฺนานํ ทส ปนฺติโย อสฺสุ, สกทาคามีนํ ปฺจ, อนาคามีนํ อฑฺฒเตยฺยา, ขิณาสวานํ ทิยฑฺฒา, ปจฺเจกพุทฺธานํ เอกา ปนฺติ ภเวยฺย, สมฺมาสมฺพุทฺโธ เอกโกว. เอตฺตกสฺส ชนสฺส ทินฺนทานโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ทินฺนเมว มหปฺผลํ. อิตรํ ปน –

‘‘วิหารทานํ ปณิปาโต, สิกฺขา เมตฺตาย ภาวนา;

ขยโต สมฺมสนฺตสฺส, กลํ นาคฺฆติ โสฬสึ’’.

เตเนว ภควา ปรินิพฺพานสมเย ‘‘ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺติ อนุตฺตรา ปูชา’’ติ อาห. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

สีหนาทวคฺโค ทุติโย.