📜
๔. ทานวคฺโค
๑. ปมทานสุตฺตวณฺณนา
๓๑. จตุตฺถสฺส ¶ ปเม อาสชฺช ทานํ เทตีติ ปตฺวา ทานํ เทติ. อาคตํ ทิสฺวา ตํ มุหุตฺตํเยว นิสีทาเปตฺวา สกฺการํ กตฺวา ทานํ เทติ, ทสฺสามีติ น กิลเมติ. ภยาติ ‘‘อยํ อทายโก อการโก’’ติ ครหภยา, อปายภยา วา. อทาสิ ¶ เมติ มยฺหํ ปุพฺเพ เอส อิทํ นาม อทาสีติ เทติ. ทสฺสติ เมติ อนาคเต อิทํ นาม ทสฺสตีติ เทติ. สาหุ ทานนฺติ ทานํ นาม สาธุ สุนฺทรํ พุทฺธาทีหิ ปณฺฑิเตหิ ปสตฺถนฺติ เทติ. จิตฺตาลงฺการจิตฺตปริกฺขารตฺถํ ทานํ เทตีติ สมถวิปสฺสนาจิตฺตสฺส อลงฺการตฺถฺเจว ปริกฺขารตฺถฺจ เทติ. ทานฺหิ จิตฺตํ มุทุํ กโรติ. เยน ลทฺโธ, โส ‘‘ลทฺธํ เม’’ติ มุทุจิตฺโต โหติ. เยน ทินฺนํ, โสปิ ‘‘ทินฺนํ มยา’’ติ มุทุจิตฺโต โหติ. อิติ อุภินฺนํ จิตฺตํ มุทุํ กโรติ. เตเนว ‘‘อทนฺตทมน’’นฺติ วุจฺจติ. ยถาห –
‘‘อทนฺตทมนํ ¶ ทานํ, อทานํ ทนฺตทูสกํ;
ทาเนน ปิยวาจาย, อุนฺนมนฺติ นมนฺติ จา’’ติ.
อิเมสุ ปน อฏฺสุ ทาเนสุ จิตฺตาลงฺการทานเมว อุตฺตมนฺติ.
๒. ทุติยทานสุตฺตวณฺณนา
๓๒. ทุติเย สทฺธาติ ยาย สทฺธาย ทานํ เทติ, สา สทฺธา. หิริยนฺติ ยาย หิริยา ทานํ เทติ, สาว อธิปฺเปตา. กุสลฺจ ทานนฺติ อนวชฺชฺจ ทานํ. ทิวิยนฺติ ทิวงฺคมํ.
๓. ทานวตฺถุสุตฺตวณฺณนา
๓๓. ตติเย ทานวตฺถูนีติ ทานการณานิ. ฉนฺทา ทานํ เทตีติ เปเมน ทานํ เทติ. โทสาติ ¶ โทเสน กุทฺโธ หุตฺวา ยํ อตฺถิ, ตํ เวเคน คณฺหิตฺวา เทติ. โมหาติ โมเหน มูฬฺโห เทติ. ภยาติ ครหภเยน วา อปายภเยน วา, ตสฺส ตสฺเสว วา ปน ภเยน เทติ. กุลวํสนฺติ กุลปเวณึ.
๔. เขตฺตสุตฺตวณฺณนา
๓๔. จตุตฺเถ ¶ น มหปฺผลํ โหตีติ ธฺผเลน มหปฺผลํ น โหติ. น มหสฺสาทนฺติ ยมฺปิสฺส ผลํ โหติ, ตสฺส อสฺสาโท น มหา โหติ มนฺทสฺสาทํ น มธุรํ. น ผาติเสยฺยนฺติ เสยฺยาปิสฺส น โหติ วุฑฺฒิ, ตสฺส มหนฺตํ วีหิถมฺภสนฺนิเวสํ น โหตีติ อตฺโถ. อุนฺนามนินฺนามีติ ถลนินฺนวเสน วิสมตลํ. ตตฺถ ถเล อุทกํ น สณฺาติ, นินฺเน อติพหุ ติฏฺติ. ปาสาณสกฺขริกนฺติ ปตฺถริตฺวา ิตปิฏฺิปาสาเณหิ จ ขุทฺทกปาสาเณหิ จ สกฺขราหิ จ สมนฺนาคตํ. อูสรนฺติ อุพฺภินฺนโลณํ. น จ คมฺภีรสิตนฺติ ถทฺธภูมิตาย คมฺภีรานุคตํ, นงฺคลมคฺคํ กตฺวา กสิตุํ น สกฺกา โหติ, อุตฺตานนงฺคลมคฺคเมว โหติ. น อายสมฺปนฺนนฺติ น อุทกาคมนสมฺปนฺนํ. น อปายสมฺปนฺนนฺติ ปจฺฉาภาเค อุทกนิคฺคมนมคฺคสมฺปนฺนํ น โหติ. น มาติกาสมฺปนฺนนฺติ น ขุทฺทกมหนฺตีหิ อุทกมาติกาหิ สมฺปนฺนํ โหติ ¶ . น มริยาทสมฺปนฺนนฺติ น เกทารมริยาทาหิ สมฺปนฺนํ. น มหปฺผลนฺติอาทีนิ สพฺพานิ วิปากผลวเสเนว เวทิตพฺพานิ.
สมฺปนฺเนติ ปริปุณฺเณ สมฺปตฺติยุตฺเต. ปวุตฺตา พีชสมฺปทาติ สมฺปนฺนํ พีชํ โรปิตํ. เทเว ¶ สมฺปาทยนฺตมฺหีติ เทเว สมฺมา วสฺสนฺเต. อนีติสมฺปทา โหตีติ กีฏกิมิอาทิปาณกอีติยา อภาโว เอกา สมฺปทา โหติ. วิรูฬฺหีติ วฑฺฒิ ทุติยา สมฺปทา โหติ. เวปุลฺลนฺติ วิปุลภาโว ตติยา สมฺปทา โหติ. ผลนฺติ ปริปุณฺณผลํ จตุตฺถี สมฺปทา โหติ. สมฺปนฺนสีเลสูติ ปริปุณฺณสีเลสุ. โภชนสมฺปทาติ สมฺปนฺนํ วิวิธโภชนํ. สมฺปทานนฺติ ติวิธํ กุสลสมฺปทํ. อุปเนตีติ สา โภชนสมฺปทา อุปนยติ. กสฺมา? สมฺปนฺนฺหิสฺส ตํ กตํ, ยสฺมาสฺส ตํ กตกมฺมํ สมฺปนฺนํ ปริปุณฺณนฺติ อตฺโถ. สมฺปนฺนตฺถูธาติ สมฺปนฺโน อตฺถุ อิธ. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโนติ ตีหิ วิชฺชาหิ จ ปฺจทสหิ จรณธมฺเมหิ จ สมนฺนาคโต. ลทฺธาติ เอวรูโป ปุคฺคโล จิตฺตสฺส สมฺปทํ อเวกลฺลปริปุณฺณภาวํ ลภิตฺวา. กโรติ กมฺมสมฺปทนฺติ ปริปุณฺณกมฺมํ กโรติ. ลภติ จตฺถสมฺปทนฺติ อตฺถฺจ ปริปุณฺณํ ลภติ. ทิฏฺิสมฺปทนฺติ วิปสฺสนาทิฏฺึ. มคฺคสมฺปทนฺติ โสตาปตฺติมคฺคํ. ยาติ สมฺปนฺนมานโสติ ปริปุณฺณจิตฺโต หุตฺวา อรหตฺตํ ¶ ยาติ. สา โหติ สพฺพสมฺปทาติ สา สพฺพทุกฺเขหิ วิมุตฺติ สพฺพสมฺปทา นาม โหตีติ.
๕. ทานูปปตฺติสุตฺตวณฺณนา
๓๕. ปฺจเม ¶ ทานูปปตฺติโยติ ทานปจฺจยา อุปปตฺติโย. ทหตีติ เปติ. อธิฏฺาตีติ ตสฺเสว เววจนํ. ภาเวตีติ วฑฺเฒติ. หีเน วิมุตฺตนฺติ หีเนสุ ปฺจสุ กามคุเณสุ วิมุตฺตํ. อุตฺตริ อภาวิตนฺติ ตโต อุตฺตริมคฺคผลตฺถาย อภาวิตํ. ตตฺรูปปตฺติยา สํวตฺตตีติ ยํ านํ ปตฺเถตฺวา กุสลํ กตํ, ตตฺถ นิพฺพตฺตนตฺถาย สํวตฺตติ. วีตราคสฺสาติ มคฺเคน วา สมุจฺฉินฺนราคสฺส สมาปตฺติยา วา วิกฺขมฺภิตราคสฺส. ทานมตฺเตเนว หิ พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตุํ น สกฺกา, ทานํ ปน สมาธิวิปสฺสนาจิตฺตสฺส อลงฺการปริวารํ โหติ. ตโต ทาเนน มุทุจิตฺโต พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘วีตราคสฺส โน สราคสฺสา’’ติ.
๖. ปฺุกิริยวตฺถุสุตฺตวณฺณนา
๓๖. ฉฏฺเ ¶ ปฺุกิริยานิ จ ตานิ เตสํ เตสํ อานิสํสานํ วตฺถูนิ จาติ ปฺุกิริยวตฺถูนิ. ทานาทีนฺหิ ลกฺขเณ จิตฺตํ เปตฺวา ‘‘เอวรูปํ นาม อมฺเหหิ ทานํ ทาตพฺพํ, สีลํ รกฺขิตพฺพํ, ภาวนา ภาเวตพฺพา’’ติ สตฺตา ปฺุานิ กโรนฺติ. ทานเมว ทานมยํ, ทานเจตนาสุ วา ปุริมเจตนาโต นิปฺผนฺนา สนฺนิฏฺาปกเจตนา ทานมยํ สีลาทีหิ สีลมยาทีนิ วิย. เสสทฺวเยสุปิ เอเสว นโย. ปริตฺตํ กตํ โหตีติ โถกํ มนฺทํ กตํ โหติ. นาภิสมฺโภตีติ น นิปฺผชฺชติ. อกตํ โหตีติ ภาวนายโยโคเยว อนารทฺโธ โหตีติ อตฺโถ. มนุสฺสโทภคฺยนฺติ ¶ มนุสฺเสสุ สมฺปตฺติรหิตํ ปฺจวิธํ นีจกุลํ. อุปปชฺชตีติ ปฏิสนฺธิวเสน อุปคจฺฉติ, ตตฺถ นิพฺพตฺตตีติ อตฺโถ. มตฺตโส กตนฺติ ปมาเณน กตํ, โถกํ น พหุ. มนุสฺสโสภคฺยนฺติ มนุสฺเสสุ สุภคภาวํ ติวิธกุลสมฺปตฺตึ. อธิมตฺตนฺติ อธิกปฺปมาณํ พลวํ วา. อธิคณฺหนฺตีติ อภิภวิตฺวา คณฺหนฺติ, วิสิฏฺตรา เชฏฺกา โหนฺตีติ อตฺโถ.
๗. สปฺปุริสทานสุตฺตวณฺณนา
๓๗. สตฺตเม ¶ สุจินฺติ ปริสุทฺธํ วณฺณสมฺปนฺนํ เทติ. ปณีตนฺติ รสูปปนฺนํ. กาเลนาติ ยุตฺตปตฺตกาเลน. กปฺปิยนฺติ ยํ กปฺปิยํ, ตํ เทติ. วิเจยฺย เทตีติ ‘‘อิมสฺส ทินฺนํ มหปฺผลํ ภวิสฺสติ, อิมสฺส น มหปฺผล’’นฺติ เอวํ ปฏิคฺคาหกปริเยสนวเสน ทานํ วา ปณิธายวเสน ทานํ วา วิจินิตฺวา เทติ.
๘. สปฺปุริสสุตฺตวณฺณนา
๓๘. อฏฺเม อตฺถายาติ อตฺถตฺถาย. หิตาย สุขายาติ หิตตฺถาย สุขตฺถาย. ปุพฺพเปตานนฺติ ปรโลกคตานํ าตีนํ. อิมสฺมึ สุตฺเต อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ จกฺกวตฺติราชาโน โพธิสตฺตา ปจฺเจกพุทฺธา ลพฺภนฺติ, พุทฺธกาเล พุทฺธา เจว พุทฺธสาวกา จ. ยถาวุตฺตานฺหิ เอเตสํ อตฺถาย หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ. พหุนฺนํ ¶ วต อตฺถาย, สปฺปฺโ ฆรมาวสนฺติ สปฺปฺโ ฆเร วสนฺโต พหูนํ วต อตฺถาย โหติ. ปุพฺเพติ ปเมว. ปุพฺเพกตมนุสฺสรนฺติ ¶ มาตาปิตูนํ ปุพฺพการคุเณ อนุสฺสรนฺโต. สหธมฺเมนาติ สการเณน ปจฺจยปูชเนน ปูเชติ. อปเจ พฺรหฺมจารโยติ พฺรหฺมจาริโน อปจยติ, นีจวุตฺติตํ เนสํ อาปชฺชติ. เปสโลติ ปิยสีโล.
๙. อภิสนฺทสุตฺตวณฺณนา
๓๙. นวเม ทานานีติ เจตนาทานานิ. อคฺคฺานีติอาทีนํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.
๑๐. ทุจฺจริตวิปากสุตฺตวณฺณนา
๔๐. ทสเม ปาณาติปาโตติ ปาณาติปาตเจตนา. สพฺพลหุโสติ สพฺพลหุโก. อปฺปายุกสํวตฺตนิโกติ เตน ปริตฺตเกน กมฺมวิปาเกน อปฺปายุโก โหติ, ทินฺนมตฺตาย วา ปฏิสนฺธิยา วิลียติ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺเต วา. เอวรูโป หิ น อฺสฺส กสฺสจิ นิสฺสนฺโท, ปาณาติปาตสฺเสว คตมคฺโค เอโสติ. โภคพฺยสนสํวตฺตนิโกติ ยถา กากณิกามตฺตมฺปิ ¶ หตฺเถ น ติฏฺติ, เอวํ โภคพฺยสนํ สํวตฺเตติ. สปตฺตเวรสํวตฺตนิโก โหตีติ สห สปตฺเตหิ เวรํ สํวตฺเตติ. ตสฺส หิ สปตฺตา จ พหุกา โหนฺติ. โย จ นํ ปสฺสติ, ตสฺมึ เวรเมว อุปฺปาเทติ น นิพฺพายติ. เอวรูโป หิ ปรสฺส รกฺขิตโคปิตภณฺเฑ อปราธสฺส นิสฺสนฺโท.
อภูตพฺภกฺขานสํวตฺตนิโก โหตีติ อภูเตน อพฺภกฺขานํ สํวตฺเตติ, เยน เกนจิ กตํ ตสฺเสว อุปริ ปตติ. มิตฺเตหิ ¶ เภทนสํวตฺตนิโกติ มิตฺเตหิ เภทํ สํวตฺเตติ. ยํ ยํ มิตฺตํ กโรติ, โส โส ภิชฺชติเยว. อมนาปสทฺทสํวตฺตนิโกติ อมนาปสทฺทํ สํวตฺเตติ. ยา สา วาจา กณฺฏกา กกฺกสา กฏุกา อภิสชฺชนี มมฺมจฺเฉทิกา, คตคตฏฺาเน ตเมว สุณาติ, มนาปสทฺทสวนํ นาม น ลภติ. เอวรูโป ผรุสวาจาย คตมคฺโค นาม. อนาเทยฺยวาจาสํวตฺตนิโกติ อคฺคเหตพฺพวจนตํ สํวตฺเตติ, ‘‘ตฺวํ กสฺมา กเถสิ, โก หิ ตว วจนํ คเหสฺสตี’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ. อยํ สมฺผปฺปลาปสฺส คตมคฺโค. อุมฺมตฺตกสํวตฺตนิโก โหตีติ อุมฺมตฺตกภาวํ ¶ สํวตฺเตติ. เตน หิ มนุสฺโส อุมฺมตฺโต วา ขิตฺตจิตฺโต วา เอฬมูโค วา โหติ. อยํ สุราปานสฺส นิสฺสนฺโท. อิมสฺมึ สุตฺเต วฏฺฏเมว กถิตนฺติ.
ทานวคฺโค จตุตฺโถ.